คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #44 : TEMPERANCE CHAPTER I
‘ไซรัส เพนส์
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะรุ่นพี่’
“ไซรัส... ไซรัส.... ไซรัส เพนส์” เวย์ลาสพึมพำออกมา เพราะรู้สึกเหมือนเคยได้ยินที่ไหนแต่ก็ไม่คุ้นเสียเท่าไหร่
แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งนึกไม่ออกจนสุดท้ายก็ต้องถอนหายใจออกมา
เมื่อหันไปมองเพื่อนทั้งสอง
คนหนึ่งเอียงคอมองอย่างพิจารณาแต่ขณะที่เจ้าของห้องที่ไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่เด็กคนนั้นเข้าห้องมานี่จ้องเขม็งจนคนถูกจ้องยิ้มแห้งๆแต่ดวงตาสีน้ำเงินเข้มนั่นมีคำถามแปะไว้เลยว่า
‘กูทำอะไรผิดทำไมจ้องแบบนั้น’ และก็ถามออกมาทันที
“พูดอะไรผิดรึเปล่าคะ?”
“เปล่าหรอก”
ดาเซลเป็นคนแรกที่ปฏิเสธออกมาด้วยรอยยิ้ม “เธอรู้จักพวกเราแล้ว
คงไม่ต้องแนะนำตัวกันแล้วล่ะมั้ง”
ไซรัสพยักหน้า
แต่ถ้าไม่คิดไปเองเหมือนจะเห็นคิ้วสีดำนั่นขมวดนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย
นอกจากถามต่อ
“รู้ใช่ไหมว่าโดนเรียกมาที่นี่เพราะอะไร?”
“รู้ค่ะ”
เป็นอีกครั้งที่รุ่นน้องพยักหน้ารับพร้อมกับต้องชัดถ้อยชัดคำเหมือนคนยอมรับผิด
ซึ่งคนถามก็พยักหน้าพอใจพร้อมกับถาม
“แล้วเธอเอากระเป๋ามารึเปล่า?”
“ห๊ะ?”
ครั้งนี้หลุดมาเป็นคำอุทานพร้อมกับที่สีหน้าแสดงออกมาชัดเจนว่าไม่เข้าใจ
“วันนี้ไม่มีเรียนนะรุ่นพี่”
“เราก็ไม่ได้บอกนี่ว่ามีเรียน
บอกเหรอ?” ดาเซลพูดพลางแสร้งเลิกคิ้วจนเหมือนจะเห็นว่าเด็กคนตรงหน้านี่หรี่ตามอง
ซึ่งก็ถามต่อทันที
“แล้วจะให้เอากระเป๋ามาทำไมคะ?”
“กระเป๋าเสื้อผ้า”
ดาเซลขยายความ “เธอต้องย้ายมาอยู่ที่นี่”
“หา??”
ครั้งนี้อุทานออกมายาวเหมือนงงหนักกว่าเก่า ก่อนที่จะสอดส่องมองรอบด้าน
ก่อนจะหันมามองรุ่นพี่สามคนที่หนึ่งในนั้นเป็นเจ้าของห้อง
แต่ก็ไม่เห็นการเปลี่ยนสีหน้าหรือแสดงอารมณ์อะไรก็ยิ่งทำให้ไซรัสขมวดคิ้ว
ก่อนที่เธอจะยกมือขึ้นคล้ายขออนุญาต “ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?”
คงเป็นอีกครั้งที่ไม่ต้องรอให้ใครอนุญาต
ไซรัสก็ถามขึ้นมาทันที “ย้ายมาอยู่ที่นี่ หมายถึงย้ายมาถาวร? ชั่วคราว?
แล้วบทลงโทษที่ว่านี่คืออะไร? จริงๆทำเครื่องอบระเบิดเฉยๆก็ซ่อมอยู่ไม่ใช่เหรอ?
ไหนบอกให้เวลาห้าวัน นี่เพิ่งจะสามวัน แล้วจะมาได้ยังไง? อยู่ยังไง?
ในเมื่อก็รู้อยู่ว่าที่นี่มันอาณาบริเวณของสามอสูร? แล้วจะให้...”
“หยุดๆๆๆ”
เวย์ลาสต้องหยุดเมื่อดูท่าว่าคำถามจะไม่จบง่ายๆ ชายหนุ่มผมสีไลแลคนวดขมับตัวเองเล็กน้อยก่อนจะถามต่อ
“เธอจะถามอะไรเยอะแยะ อะไรที่ว่าบทลงโทษ?”
“ก็เห็นอาจารย์อาเซลบอกว่าเป็นบทลงโทษที่ไปบอมบ์เครื่องอบ
ไม่เห็นบอกอะไรเรื่องที่ย้ายมาอยู่” ไซรัสหรี่ตามองแล้วพูดต่อ
“และเขาบอกไม่มีอำนาจอะไรตัดสิน ให้มาถามสภาอสูรเอาเอง”
“ก็บอกอยู่นี่ไง”
เวย์ลาสเว้นไปและหันไปมองดาเซลเหมือนกับถามความมั่นใจ
ซึ่งคนที่เป็นเพื่อนกันมานานก็เพียงแค่เห็นสายตาเสี้ยววินาทีก็รู้กัน “ว่าให้ย้ายมาอยู่ที่นี่น่ะ”
“เพราะอะไร?
ทั้งที่ที่ทำพังก็ซ่อมไปให้หมดแล้ว เหลือแค่ต่อประกอบวงจรนิดหน่อยของเครื่องอบนั่นก็เสร็จ
ไม่ได้ทำใครบาดเจ็บไม่ได้ทำใครตาย แล้วทำไมต้องย้ายมาอยู่”
“เธอซ่อมเครื่องอบ?”
“ก็แค่ทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็จบไม่ใช่เหรอ”
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมองอย่างไม่เข้าใจ
“ก็บอกแล้วว่าจะรับผิดชอบโดยไม่ให้ใครช่วยก็ทำตามนั้นแล้ว และก็ใช่ค่ะ ซ่อมเครื่องอบนั่น
จริงๆก็แค่ต่อนิดหน่อยและประกอบก็เสร็จ สามวันนี่แหละ”
“ใช้เวทซ่อม?”
“มือดิบๆนี่แหละค่ะ
ใช้ได้แค่ไฟ ไหม้ขึ้นมาอีกก็ซวยสิ”
ไซรัสพูดขณะชูมือสองข้างประกอบทำนองว่าสองมือนี่แหละที่นั่งทำ
“สรุปว่าให้ย้ายมาอยู่ทำไมเหรอคะ?”
“ก็แค่ให้คุม
เผื่อเธอจะไปก่อเรื่อง” ดาเซลตอบแทน
“ก็ไม่รู้นะว่าฟังมาจากไหน
แต่ไม่เคยก่อเรื่อง”
“จริง?
แต่เธอมีประวัติทำของในหอพังนี่?” ดาเซลเริ่มสอบสวนต่อ
“อุบัติเหตุค่ะ
พูดอย่างกับตั้งใจไปได้ คือเป็นคนซุ่มซ่ามน่ะนะ...”
“ซ่อมให้หมดแล้ว?”
“ค่ะ
เอเดรียน.. เอ่อ มีเพื่อนช่วยซ่อม เพราะจะหามาคืนก็ไม่มีปัญญา และไม่เก่งเวทแบบนั้น
แต่กับเครื่องอบแค่นั้นสบาย” เธอยักไหล่และยิ้มภูมิใจเหมือนจะอวด
ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วถามซ้ำ “กลัวว่าจะไปทำอะไรพังอีกใช่ไหมล่ะคะ?”
เวย์ลาสยักไหล่
“ก็ทำนองนั้น ดูจากที่เล่าๆมาเธอทำพังบ่อยใช่ย่อย”
“แล้วจะให้อยู่ที่นี่ก็ไม่มีปัญหานะคะ
แต่อยู่ที่ไหนล่ะ? ห้องน้ำรุ่นพี่ดาเซลเหรอ?”
“หืม?”
คนถูกพาดพิงเลิกคิ้ว “ทำไมต้องห้องน้ำ?”
“ลงโทษ
ไม่สิ กักบริเวณ คิดว่าคงไม่ได้อยู่สบายๆแบบบนเตียงมั้งคะ”
เหมือนคนพูดจะชะงักไปนิดแล้วก็ยกมือสองข้างเหมือนยอมแพ้และรีบแจกแจง “อ่า นี่ไม่ได้ประชดนะ
คือคิดจริงๆ เพราะมันเหมือนลงโทษกึ่งจับตามอง เพราะงั้นก็ไม่น่าจะเป็นเตียง
อีกอย่างรุ่นพี่ดาเซลก็เป็นคนเดียวที่เป็นผู้หญิง
เพราะงั้นถ้าสมมุติพี่เขามาเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนแล้วเผลอสะดุ้งตื่นก็อย่างน้อยๆก็ผู้หญิงทั้งคู่ไง”
“..โคตรแปลก”
จินพึมพำ ทั้งที่ก็อยู่ห่างพอควรจนไม่น่าจะได้ยิน แต่ไซรัสกลับหัวเราะและบอก
“ก็ไม่ใช่รุ่นพี่คนแรกนะที่พูดแบบนั้น
เอาเป็นว่าชินแล้วก็แล้วกัน”
“เธอไม่ได้อยู่ห้องเราหรอกนะเด็กน้อย”
ดาเซลยิ้มขำ
“อ้าว?
แล้วให้ไปอยู่ห้องน้ำที่ไหนล่ะคะ?”
“ฮะๆ
มันไม่ใช่ห้องน้ำ ตกลงไหม?” นัยน์ตาสีอเมทิสต์ทอประกายถูกใจกึ่งสนุก
ก่อนจะพยักเพยิดไปทางเจ้าของห้องที่เป็นคนเดียวที่นั่งอยู่และยังไม่พูดอะไรสักคำตั้งแต่ไซรัสเข้ามา
“เธอต้องไปอยู่ห้องซาร์”
“นรกแตกแดกหัว! อยู่กับโคตรอสูรเนี่ยนะ!”
......
เหมือนทั้งห้องจะกินจุดไปชั่วครู่กับคำสบถนั่น
ก่อนที่ไซรัสจะสบถออกมาอีกรอบแล้วพูดออกมาเสียงดังรัวเมื่อเห็นคิ้วสีไทเทเนียมขมวด
“ขอโทษๆๆๆๆ
อย่าเพิ่งกินนะ อย่าเพิ่งกิน! ไม่อยากโดนลิ้นฟันเลือดทะลัก! ไม่ๆลิ้นยังโอเค!
ไม่อยากโดนกัดเนื้อหลุด! ถ้าจะกินฆ่าก่อนนะแล้วค่อยกิน!” ก่อนที่คนพูดจะขมวดคิ้วแล้วพึมพำแต่ได้ยินทั่วห้อง
“ตายเพราะโดนกัดเนื้อหลุดหรือลิ้นตัดคอนี่อนาถไปปะวะ... แต่คนทำเป็นโคตรอสูร...
ไม่เป็นไรมั้ง...”
“เดี๋ยวนะ
ช่วยใจเย็นๆหน่อยดิ๊เด็กบ้า” เวย์ลาสดูจะเป็นคนเดียวที่ดูจะไม่ทน
“ช่วยบอกหน่อยว่าไปเอาไอ้พวกนั้น ไอ้ลิ้นปาดฟันกัดพวกนั้น แกไปเอามาจากไหน”
“เห็น!”
“ฮะ?”
นิ้วเล็กๆชี้ไปที่คนนั่งอยู่หลังโต๊ะที่มองอย่างจับผิด
ซึ่งเจ้าตัวก็ร่ายยาวโดยไม่สนทันที “เก่ง! เก่งมหาเก่ง! ฆ่าผู้ชายด้วยดาบกับหอกกับเวทและฆ่าผู้หญิงด้วยลิ้นกับฟัน! อ้อ! กับปาก!”
“...
ช่วยขยายความที” เวย์ลาสขมวดคิ้วมุ่น
“เธอหมายถึงเรื่อง...
เรื่องนั้นเหรอ?” ดาเซลถามอย่างไม่แน่ใจ
“ใช่!!”
......
“อ่า...
เราเพิ่งจะรู้นะว่าเธอเป็นคนแบบนั้นนะ ซาร์” ดาเซลส่ายหน้า
“ไม่รอบคอบขนาดที่ว่าเด็กผู้หญิงแบบนั้นไปเห็น”
“ก็เขาทำที่แจ้งนี่คะ
ถึงจะลับตาคนก็เถอะ”
“อะไรวะ!?!”
เวย์สบถออกมาทันที “นี่มึงทำเย้ยฟ้าดินขนาดนั้นเลยรึไง!”
“ก็ทำผู้หญิงร้องไห้ด้วยนี่?
แล้วเสร็จแล้วก็เดินไปเลย ปล่อยผู้หญิงร้องไห้ ปล่อยผู้หญิงเจ็บ”
“...ไร้สาระ”
คำแรกที่ออกมาจากปากของผู้ที่โดนกล่าวหาว่าทำผู้หญิงร้องไห้ทำผู้หญิงเจ็บ
แต่นั่นก็ทำให้ไซรัสเบนเป้าหมายไปทันที แต่ก็ไม่อะไรมาก
นอกจากจ้องเขม็งเอาเรื่องอย่างไม่กลัวแล้วประชดเสียงสูง
“วันหลังก็ทำอะไรก็เห็นใจผู้หญิงหน่อยนะคะท่านราชา
ผู้รักษากฎก็ใช่ว่าจะทำอะไรนอกเหนือกฎได้น่ะนะ”
“...เห็นเมื่อไหร่?”
“สี่ห้าวันก่อน
พอดีเดินกลับหอแล้วไปเห็นคุณคุยกับผู้หญิง” ไซรัสหัวเราะในลำคอ
“ยืนห่างกันเป็นโยชน์ ลือกันว่าทั้งตัวของเอ็มเพอร์เรอร์คมดั่งอาวุธและระยะทางไม่มีปัญหา
ถ้าจะจริง เห็นอยู่ห่างเป็นโยชน์ทำผู้หญิงร้องไห้ได้ เลียนแบบไม่ได้นะเนี่ย!”
“...อะไรนะ?
สรุปไม่ใช่เรื่องอย่างว่า?” เวย์ลาสถามซ้ำ จนคนที่ยืนแฉคนอื่นหันมามองงงๆก่อนจะตอบซื่อๆ
“เรื่องอย่างว่า?
ก็สารภาพรักไง”
“....ฮะ??”
เวย์ลาสอุทานออกมา ดูจะยิ่งงงเข้าไปใหญ่ แต่ไซรัสก็ยังคงแจกแจงต่อ
“ก็ที่ว่าคมไง
คำพูดคม ปากคม อ้อ ปากคมนี่เคยเห็นเป็นรอยบาดคนที่สู้กับราชา
แล้วแอเรสบอกว่าเป็นรอยปากแบบ งับแล้วบาดมั้ง
แล้วหมอนั่นก็เป็นคนบอกว่าราชาเคยเอาปากรับดาบแล้วกัดใบดาบหัก”
“...”
“...ไซรัส”
ดาเซลเป็นคนตัดสินใจพูดเมื่อเห็นว่าเวย์ลาสดูจะกุมขมับและคนที่กัดใบดาบหักดูจะไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่
ดาเซลยิ้มแห้งๆถอนหายใจออกมาแล้วบอกว่า “นั่นมันข่าวลือ คนทำแบบนั้นได้จริงที่ไหน”
“อ้าว?
ก็คิดว่าจริง” ไซรัสหน้าเอ๋อ แต่ก็ยักไหล่ไม่สน “แต่ก็เอาเถอะ
ทำได้ขนาดนั้นมันก็ไม่น่าจะคนแล้วน่ะนะ ว่าแต่
สรุปไปอยู่ห้องน้ำของเอ็มเพอร์เรอร์?”
“ซาร์มีห้องนอนเล็ก”
ดาเซลอธิบาย “เธอคงอยู่ได้ เผลอๆอาจจะดีกว่าหอหญิงด้วย”
“งั้นโอเค”
“หืม?”
เป็นอีกครั้งที่ดาเซลครางในลำคออย่างประหลาดใจ “แค่นั้น?”
“อื้อ
ก็นะ ได้แอบดูแอบถ่ายรูปเอาไปขายให้พวกผู้หญิง
เผื่อเวลาเขาไม่อยู่จะได้แอบไปหาจุดอ่อน อยู่ใกล้แบบนั้นคงหาจุดอ่อนง่ายอยู่
เงินเข้ากระเป๋าทีนี้ล่ะ หึหึหึ”
อาการหมายมั่นปั้นมือดูเอาจริงนั่นทำเอาหลายคนขมวดคิ้ว
ไม่มีการถามรึกลัวอะไรอย่างที่ควรจะเป็น จนทำให้เวย์ลาสต้องถามอย่างอดไม่ได้
“ไม่กลัว?
เห็นตอนแรกเกร็งจะตาย”
“ก็นะ
อยู่ๆโดนเตะมาเจอสภาอสูรเมื่อวานแบบไม่ได้ตั้งตัว
ยิ่งไอ้เพื่อนสามตัวนั่นเป่าหูอะไรมา คอยดูเหอะ พ่อจะเฆี่ยนให้เตี้ยน!”
“ผู้ชายกับผู้หญิงนะ
ช่วยคิดอะไรให้เหมือนผู้หญิงหน่อยได้ไหมยัยเด็กแปลก แกอยู่กับผู้ชายทั้งแท่ง”
“แล้วไง
ปกติเคยไปนอนอะไรกับสามคนนั้นอยู่แล้ว นั่นนอนรวม นี่นอนแยกห้อง
มันก็ไม่น่ามีอะไรไม่ใช่เหรอ?”
“สามคนนั่น?”
“เรนเดล
เอเดรียน แอเรส ก็ผู้ชายทั้งหมดนั่น ไปนอนเตนท์ก็นอนเตนท์เดียวกัน
ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่?” ว่าจบเจ้าตัวก็ชี้ตัวเองตั้งแต่หนังหน้าจรดเท้า แล้วก็บอกต่อ
“มองดูนิดนะ ทำอะไรไม่ลงหรอกน่า เนอะ”
‘เนอะ’ ปลายประโยคเจ้าตัวหันไปถามกับคนที่ตัวเองต้องไปอยู่ด้วย
พร้อมกับตาจ้องแบบใสซื่อเสียจนคนโดนมองต้องถอนหายใจออกมา
“ถ้ารู้อะไรแล้วก็กลับไปเก็บของซะ”
“อือฮึ
ครับผม”
คำรับนั่นถึงแม้จะดูผิดไปนิดแต่อาการฮัมเพลงอารมณ์ดีพร้อมกับได้ยินแว่วๆว่า
‘หาจุดอ่อนราชาได้จะขายเท่าไหร่กันดีนะ’
และการที่ไม่ดูเกร็งนั่นทำให้คนมองต้องถอนหายใจออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย
สุดท้ายไซรัสก็หันมาถามต่อ
“ต้องย้ายมาอยู่คืนนี้เลยหรือเปล่า?”
“ถ้าเป็นไปได้”
คำรับที่แทบไม่เสียเวลาคิดของซาร์ทำให้เวย์ลาสกับดาเซลหันไปมองอย่างแปลกใจ
แต่ไซรัสก็ทำหน้าลำบากใจก่อนจะขอ
“มาดึกหน่อยได้ไหม?
ใกล้ซ่อมเสร็จแล้ว อยากเอาให้เสร็จวันนี้น่ะ”
“...อืม”
“โอเค
จะรีบซ่อมและรีบมา” เจ้าตัวดูอารมณ์ดี พร้อมกับก้มตัวให้อีกรอบ “ลาละนะ
ไว้เจอกันเย็นนี้นะรุ่นพี่อสูรทั้งสาม!”
“...”
“...”
“มึงกินยาลืมเขย่าขวดเหรอวะซาร์?”
เวย์ลาสเป็นคนแรกที่ถามทันที “อย่างมึงเนี่ยนะยอมง่ายขนาดนั้น? ไม่แก้อะไรด้วย”
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า”
“ไอ้)(*&^%$#@”
“ไม่มีอะไร
ก็ไสหัวกลับไปซะ” เจ้าของห้องตัดบทพร้อมกับลุกยืนจากเก้าอี้
ดวงตาสีเทามองก่อนจะพูดตัดเยื่อใย “น่ารำคาญ”
“ไอ้ซาร่า!!”
“จะเอายาแก้ปวด?
ไปขอห้องพยาบาลเองก็แล้วกัน”
“อย่างมึงเนี่ยนะปล่อยมุกตอบกู! ยาแก้ปวดบ้านพ่อง!”
“ไสหัวกลับห้องเจ้าไปสักที
เอเลน่า”
“ใครให้มึงเรียกชื่อนั้น!”
“ไม่มี”
“ไอ้เรย์โอ!!”
“พอเถอะน่า”
ดาเซลหัวเราะออกมาพร้อมกับปรามเพื่อนใส่แว่นของตนพร้อมกับจะลากออกจากห้อง
แต่ขายาวๆกลับชะงักเมื่อได้ยินคำถามของเจ้าของห้อง
“รู้สึกรึเปล่า
เซเรน่า”
“อือฮึ~
เหมือนมากทีเดียวเลยล่ะ อาจจะเป็นคนเดียวกันก็ได้นะ” ดาเซล หรือ เซเรน่ายิ้มขำ
พร้อมกับทิ้งท้ายไว้ก่อนจะออกจากห้องไป “เธอเองก็คงคิดอยู่ไม่ใช่รึไง อาจจะมั่นใจแล้วด้วยซ้ำ
ถึงได้ยอมง่ายขนาดนั้นน่ะ แต่เวลาจะเป็นตัวพิสูจน์ด้วยน่ะนะ”
ซาร์ยืนอยู่คนเดียวในห้องที่ไร้ซึ่งเสียงเถียงและด่าอย่างเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
แล้วมุมปากที่แทบไม่เคยยกยิ้มก็ยกขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“..มีไม่กี่คนบนจักรวาลหรอกนะ
ที่กล้าต่อปากต่อคำและชี้หน้าข้าแบบนั้นน่ะ”
ที่ผ่านมา
นับพันนับหมื่นปี
มีแค่เด็กคนนั้นคนเดียว....
ที่กล้า และสามารถทำให้ใจดวงนี้เต้นได้แรงขนาดนี้น่ะ..
ความคิดเห็น