ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #214 : The Show: Behind The Green Door

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ค. 64


    The Show: Behind The Green Door
    Inspiration: The Cage 「檻囚」 (Short Film, 1962) & Shojo Tsubaki 「少女椿」 (Film, 2016) & Travis Japan – The Show (Song, 2021) & FANTASTICS from EXILE TRIBE – PERFECT MAGIC (MV, 2021)
    Playlist: Leetspeak monsters – Samhain

     
     











    .

    見飽きただろう仮想現実

    เธอคงเบื่อหน่ายกับความจริงเสมือนแล้ว

    This is not, this is not a fancy

    นี่ไม่ใช่จินตนาการหรอกนะ

    リアルな夢ならここに

    ความฝันที่กลายเป็นจริงอยู่ที่นี่แล้ว

    あきれるほど転がるよ

    และมันจะทำให้เธอยิ่งกว่าพิศวง

    — เดอะ โชว์, ทราวิส เจแปน

     

    ความรู้สึกที่ไบโช มิมุ มีต่อชายคนรักที่ชื่อโอริยามะ นาโอะ เป็นไปด้วยไม่ดีมาได้เกือบเดือนแล้ว ถึงภายนอกพวกเขาจะยังคงเป็นคู่รักที่จี๋จ๋าหวานชื่นจนเป็นที่น่าอิจฉาของใครต่อใคร แต่ลึกลงไปข้างในกลับไม่ใช่เลย

    อย่างน้อยๆ มิมุก็คิดแบบนั้น ถึงเธอจะไม่รู้ว่านาโอะคิดแบบไหน แม้แต่ตอนที่เขาแอบนอกกายนอกใจไปกับเพื่อนร่วมห้องเรียนของเขาที่อยู่คนละห้องกับเธอ พอความเสียใจที่กลั่นออกมาเป็นน้ำตาตลอดสองคืนเต็มเหือดแห้งลงพร้อมกับนัยน์ตาบวมเป่ง ความแค้นเคืองต่อชายคนรักที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รักเธอก็เข้ามาสุมแน่นอยู่ในอก แน่นอน...สักวันหนึ่งเธอจะเลิกกับเขาแล้วหาคนใหม่ที่ดีกว่ามาควงเย้ยให้สาแก่ใจ แต่ยังไม่ใช่เร็วๆ นี้ ไม่ใช่แค่จากเหตุผลที่ว่าเธอยังคงรักเขามากจนมองข้ามความลับที่เขาพยายามปกปิดมันเอาไว้ หรือยังคงไม่เจอใครที่ทำให้หัวใจเต้นเป็นจังหวะรัวแรงเหมือนเมื่อครั้งที่ตกหลุมรักกับเขาได้ หากเป็นเพราะเธอจะไม่มีวันยอมเลิกราเพื่อให้พวกเขาได้คบกันอย่างเปิดเผยเป็นเสี้ยนหนามตำตา เพราะแค่ที่ตำใจอยู่ตอนนี้ก็เจ็บแค้นเกินพอ

    เหมือนข้อความอีเมลของนาโอะที่ส่งให้เพื่อนสนิทของเขา — ก่อนที่แฟนสาวของโคเฮย์จะช่วยส่งต่อมาให้ด้วยความสงสาร — จะกระทำต่อเธอ

    ละครสัตว์งี่เง่าอะไรไม่เห็นจะอยากไปเลยสักนิด ปัญญาอ่อนเหมือนสมองกลวงๆ กับหน้าโง่ๆ ของยัยนั่นนั่นแหละ

    ถึงสีหน้าของนาโอะตอนที่มาถึงหน้าเต็นท์ละครสัตว์คณะโทระเอนด้วยกันหลังเลิกเรียนในเย็นวันศุกร์จะแย้มยิ้มดี ทั้งยังบอกว่าเขาตื่นเต้นและตั้งตารอมากแค่ไหน ด้วยคำโกหกหลอกลวงที่คนอย่างเขาถนัดดีอยู่แล้วนี่

    อันที่จริงมิมุไม่จำเป็นต้องพูดว่าจะไม่เป็นฝ่ายเลิก เพราะความจริงแล้วอาจเป็นนาโอะเองต่างหากที่คงไม่มีทางยอมเลิกกับเธอง่ายๆ จากเงินทองมหาศาลที่ครอบครัวไบโชมี และเธอก็พร้อมแบ่งปันมันให้เขาร่วมใช้ด้วยอย่างเต็มใจ ไม่ว่าจะร้านอาหารหรูๆ เสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้แพงๆ ขณะที่ผู้หญิงอีกคนของเขาไม่มีอะไรเทียบเคียงเธอได้เลยสักอย่าง อาจเว้นก็แต่รูปลักษณ์ภายนอกอันไร้ที่ติถึงขนาดมีแมวมองเคยมาทาบทาม เพราะอย่างนั้นมิมุถึงได้ยิ่งเจ็บแค้นใจจนทนไม่ไหว ความตื่นตาตั้งแต่หน้าเต็นท์คณะละครสัตว์ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้ชมซึ่งเต็มไปด้วยความเบิกบานก็มีแต่จะทำให้ร้อนรุ่มอยู่ในอก จนเผลอบีบมือของเขาที่เอื้อมมาให้กุมไว้แน่น ถ้านาโอะไม่หลุดร้องออกมาเพราะเล็บยาวที่กดลงไป จากนั้นเปล่งเสียงหัวเราะสดใสขณะลูบเส้นผมของเธอ บอกว่าไม่ต้องกลัว เขาจะอยู่ด้วยกับเธอเหมือนที่เป็นมาตลอด มิมุก็อาจจะบดขยี้ทำลายมันให้สิ้นซากไปแล้วก็ได้

     

     

    มิมุพรวดพราดลงจากรถแท็กซี่ทันทีที่ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากระโปรงและไม่พบสิ่งใดนอกจากความว่างเปล่า ไม่รู้ว่าเผลอทำมือถือหล่นไปตอนไหน แต่น่าจะเป็นเพราะฝูงชนที่แออัดกันอยู่หน้าเต็นท์ตอนขากลับออกมา เธอบอกลานาโอะอย่างรีบร้อนโดยไม่สนใจว่าเขาจะคิดเช่นไร เพราะใบหน้าอันหล่อเหลาเกินกว่าเด็กหนุ่มคนไหนที่มิมุได้เคยพานพบ เธอถึงได้ถูกตบตาด้วยความจอมปลอม โดยไม่เคยมองเข้าไปถึงแก่นแท้ภายใน ก่อนมิมุจะได้เข้าใจถึงแววตาที่เคยคิดว่าเป็นการแสดงความรักใคร่ แท้จริงแล้วมันอาจมาจากความสมเพชที่เธอไม่เคยรับรู้อะไรเลยต่างหาก

    ถึงตอนนี้นัยน์ตาของมิมุจะเปิดกว้างแล้วจากการรับรู้เรื่องราวของเขากับผู้หญิงอีกคน แต่มันก็อาจจะยังไม่กว้างพอ เมื่อภายใต้ความแค้นที่เบียดบังก็ยังมีความรักหลงเหลืออยู่ภายในนั้น แค่จากคำพูดที่ว่า “ถ้ายังไงกลับถึงบ้านแล้วโทร.มาบอกด้วยนะ” ด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน เธอก็ทำเป็นเมินเฉยแล้วโกรธเขาต่อไปไม่ลง ถึงมิมุจะยิ่งกว่าแน่ใจว่าเมื่อเธอวิ่งจากไปแล้ว เขาคงจะส่งข้อความอีเมลไปหาโคเฮย์พร้อมคำก่นด่าว่าเธอมันโง่เง่า แค่มือถือก็ยังรักษาไว้ไม่ได้...เหมือนที่รักษาคนรักของตัวเองเอาไว้ไม่ได้ แต่มิมุก็ปล่อยมันไปไม่ได้ เหมือนกับตอนที่เธอรีบร้อนวิ่งกลับมาเอามือถือที่ลำพังด้วยฐานะขนาดนี้ เธอจะซื้อมาโยนทิ้งเล่นๆ อีกสักกี่เครื่องก็ย่อมได้ หากเป็นเพราะความผูกพันทางจิตใจนั้นต่างหากที่ไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้

     

    “คุณคงมารับของคืน”

    พื้นที่ซึ่งเคยอึกทึกคึกคักบัดนี้กลับเงียบลงไปถนัดหู จนมิมุเผลอคิดว่าได้ยินเสียงของแม่น้ำที่ไหลผ่านอยู่ไม่ไกล ก่อนน้ำเสียงของเขาจะแทรกผ่านมาเหมือนก้อนหินที่กระเด้งไปบนผิวน้ำ เรียกสติที่ฟุ้งซ่านของเธอให้กลับคืนมายังชายหนุ่มที่เป็นฝ่ายเดินตรงเข้ามาหา

    เขา...คือนักกายกรรมห้อยโหนกลางอากาศ ที่มิมุไม่จำเป็นต้องแหงนคอมองยามเขาก้าวเดินหรือเหวี่ยงตัวอย่างน่าหวาดเสียวบนเชือกเส้นเดี่ยว ในความสูงที่มากพอจะทำให้ตกลงมาตายได้เลย เมื่อระยะห่างที่มีต่อเขาจะเคลื่อนใกล้ และอาจจะใกล้เกินไปจนมิมุรีบร้อนถอยกรูดออกไป หาใช่ด้วยความรังเกียจเมื่อสิ่งนั้นไม่ใช่ความรู้สึกที่เธอมีต่อชายแปลกหน้าผู้นี้นับตั้งแต่แรกพบ เธอไม่จำเป็นต้องอธิบาย เพราะดูเหมือนเขาจะรับรู้และเข้าใจได้ในตอนที่เปิดปากหัวเราะออกมา ตามมาด้วยรอยยิ้มกว้างที่ทำให้หัวใจของเด็กสาวเต้นไม่เป็นจังหวะ โดยไม่ได้มาจากความหวั่นพรั่นแทนการแสดงของเขาเหมือนอย่างที่เคยรู้สึกถึงก่อนหน้านั้น ขณะส่งน้ำเสียงตะกุกตะกักตอบคำถามของเขาไปว่า

    “เอ่อ ค่ะ ช...ใช่ค่ะ ฉ...ฉันทำมือถือตกไว้น่ะค่ะ”

    “ผมเป็นคนเก็บมันไว้เอง” แล้วเขาก็ผายมือให้เธอเดินเคียงไปด้วยกัน

     

    ไม่ว่าจะพินิจอย่างไร ชายหนุ่มจากคณะละครสัตว์ที่มิมุจดจำได้จากการแนะนำสมาชิกของหัวหน้าละครสัตว์ว่าชื่อนากามูระ ไคโตะ ก็ไม่ได้มีใบหน้าหล่อเหลาดูดีอย่างที่ใครจะชื่นชมแบบนั้นได้เหมือนกับคนรักของเธอ มันมีบางอย่างที่แปลก ถึงขั้นประหลาด หากภายใต้ความแปลกประหลาดนั้น ก็ทำให้เขาสามารถดึงดูดทุกความคิดและจิตใจของเธอนับตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้พบหน้า วินาทีเดียวกันกับที่เธอได้สบสายตาชายหนุ่มจากบนเวทีที่ราวกับว่าเขากำลังจดจ้องมองมา ทั้งที่เธอนั่งปะปนอยู่กับคนอื่นตั้งมากมายได้

    เมื่อเดินก้มหน้าตามหลังเข้ามาในเต็นท์หลังเล็กที่เขาเอ่ยทำลายความเงียบหลังจากระยะเวลาที่อาจไม่ได้เนิ่นนานนัก หากภายใต้ความประหม่าก็ทำให้เหมือนกับเวลายาวนานขึ้นอีกนิดว่า “เชิญครับ” มิมุก็รู้สึกเหมือนกำลังก้าวย่างเข้าสู่ดินแดนสนธยาที่ยืดขยายออกไปไม่รู้จบ ทั้งที่มันไม่ได้กว้างขวางเลยแม้แต่น้อย ถึงต่อให้จะไม่ได้มีข้าวของระเกะระกะอัดแออยู่ หรือบางที...อาจเป็นเพราะแสงสีเขียวที่สาดไปทั่วห้อง ซึ่งทำให้จินตนาการของเธอโลดแล่นไปไกลเกินกว่าจักรวาลใบเล็กใบนี้

    ขณะที่กวาดตามองไปรอบๆ ด้วยริมฝีปากที่เผยอขึ้นเล็กน้อยจากความตื่นตะลึง คล้ายมึนงงอยู่กับความพิศวงแปลกตาที่มิมุแน่ใจว่าเคยคุ้นจากอะไรสักอย่าง หากเธอในยามนี้ก็ไม่อาจจับจดความคิดให้คงที่ได้ ก่อนที่ไคโตะจะดึงมือข้างที่ไม่ได้ถือกระเป๋าสวมสะพายไหล่ของเธอไปเป็นการเรียกคืนสติให้หวนกลับคืนมา ทันนั้นเองที่ความรู้สึกบางอย่างจะพลันแล่นปราดเข้ามา แม้เมื่อเขาจะวางมือถือเครื่องหนาหนักจากการตกแต่งฝาพับและพวงห้อยยืดยาวลงบนฝ่ามือ ไม่จำเป็นต้องเปิดดูรูปหน้าจอที่เป็นฉากยิ้มแย้มสดใสในห้องคาราโอเกะของเธอกับนาโอะ มิมุก็ยังสามารถรู้ว่าเป็นของตัวเองได้อยู่ดีจากของตกแต่งที่เขียนด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษสี่ตัว

    “มิมุ” ที่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าชื่อตัวเองที่ได้ยินจากปากของคนอื่นจะสามารถทำให้เนื้อตัวสั่นสะท้านได้ถึงเพียงนี้ “แล้วคุณมีความปรารถนา...ความฝันที่ต้องการไหม?”

    “เรื่องนั้นไม่มีหรอกค่ะ” มิมุบอกปัดแล้วรีบชักข้อมือกลับคืนมา เพราะถึงอย่างไร เธอก็ไม่คิดว่านี่เป็นสถานการณ์ที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีแฟนอยู่แล้วเลยแม้แต่นิดเดียว

    “ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะตอบแทนได้...”

    “คุณไม่มีความสุข” ไคโตะพูดแทรกขึ้นก่อนที่เธอจะได้ทันเอ่ยจนจบ เรียกใบหน้าของเธอให้แหงนเงยไปยังเขาที่ก้มลงมองเธอในระยะประชิดอยู่ก่อนแล้ว แต่คราวนี้มิมุไม่ได้กระถดหนีหรือแม้แต่จะขยับตัวกระทำสิ่งใด เธอปล่อยมือถือให้ร่วงหล่นลงไปบนพื้น ในยามที่จ้องสบนัยน์ตาซึ่งทำให้หัวสมองของเธอปั่นป่วน หัวใจเต้นรัวแรงยิ่งกว่ากลองชุดที่ดังกระหึ่ม ผิวกายก็ร้อนวูบขึ้นมาทั้งที่เขาไม่ได้แตะต้องหรือโลมเลียแม้แต่ส่วนหนึ่งส่วนใด หลังคำพูดที่ว่า “กับคนรักของตัวเอง”

    มิมุรู้ว่าเธอสามารถหยุดมันได้ เพียงแค่คิดถึงคนรักที่เธอปฏิญาณกับตัวเองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่าจะไม่มีวันนอกกายหรือนอกใจ ถึงต่อให้เขาจะแอบทำลับหลังเธออย่างเจ็บแสบเพียงไรก็ตาม ตราบเท่าที่เธอยังไม่ได้เลิกรากับเขา หากถ้านั่นคือความปรารถนาส่วนลึกของเธอ

    แต่เพราะนาโอะที่เป็นผู้ชายคนแรกในชีวิตไม่เคยทำให้เธอสนุกกับเรื่องเซ็กซ์และพาไปถึงฝั่งฝันได้เหมือนในนิตยสารที่อ่านเจอ หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะว่าเธอคือคนแรกของเขาไม่ได้ต่าง เด็กหนุ่มที่ยังไร้ประสบการณ์ถึงทำให้ได้แค่นั้น แต่มิมุก็อดทนได้เพราะคิดว่าเขาคือคนที่รัก แค่การได้เป็นหนึ่งเดียวกันและทำให้เขามีความสุขได้แม้จะแค่ฝ่ายเดียวก็ดีมากเกินพอแล้ว ก่อนที่สุดท้ายจะได้ตระหนักว่าจูบที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนตลอดมาของเขา ที่แท้ก็อาจเพียงเพื่อที่มันจะไม่ได้ไปนำสู่สัมพันธ์ทางกายที่เกิดขึ้นแค่ไม่กี่ครั้ง กระทั่งตอนที่เธอได้รับรู้เรื่องของเขากับคนรักลับๆ ก็จะพลอยทำให้ความสัมพันธ์แบบโรแมนติกที่มีแค่เธอเป็นฝ่ายเริ่มเจื่อนจางลงไปเพราะความคับแค้นที่ดูเหมือนจะแรงกล้ายิ่งกว่า แต่ก็ใช่ว่าเด็กสาวอยากรู้อยากลองอย่างมิมุจะไม่เคยเฝ้าฝันถึงอะไรที่มากกว่านั้น

    ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าเธอจะทำมันกับใครก็ได้

    เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ริมฝีปากข้างหนึ่งของเขาก็พลันยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ด้วยเจตนาที่เป็นการย้ำเตือนให้เธอได้ตระหนักว่าเขาไม่ใช่แค่ใครก็ได้

    ที่มิมุเองก็รู้...และรู้ดี

    แต่เธอจะเปิดรับความผิดบาป เพียงเพราะความอยากรู้อยากลองกับผู้ชายแปลกหน้าที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นเป็นจังหวะได้เหมือนกับที่เคยรู้สึกต่อนาโอะจริงๆ อย่างนั้นหรือ?

    เสียงของเธอแตกพร่า เฉกเช่นดวงตาที่ก็ขยับวูบไหว ยามเปล่งออกไปว่า “ฉัน...ต้องการ...คุณ”

    “ทุกสิ่งที่คุณปรารถนา”

    และในตอนที่ระยะห่างระหว่างพวกเขาแทบไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไป จากริมฝีปากที่กดประทับลงมา เช่นเดียวกับท่อนแขนที่กดลงไปให้เธอทิ้งตัวนั่งลงบนฟูกนอนกลางห้อง ด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ที่มิมุไม่เคยได้ประสบแม้แต่กับชายคนรักอย่างนาโอะ — คนคนเดียวที่ควรจะทำให้เธอรู้สึกเช่นนี้ได้ — และทันทีที่หัวสมองของเธอแค่เพียงคิดถึงชื่อของเขาขึ้นมา ผู้ชายคนที่อยู่ต่อหน้าเธอในเวลานี้ก็จะยิ่งรุกเร้าและล่วงล้ำเข้าไปในริมฝีปาก อย่างที่มิมุไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าความรู้สึกแนบแน่นที่เหมือนจะหายใจไม่ออกจะทำให้รู้สึกดีได้ถึงเพียงนี้ เขายืนยันให้แน่ใจว่าเธอไม่จำเป็นต้องกระทำสิ่งใดเพื่อเขา นอกจากรอรับความสุขที่เขาจะมอบให้ จากฝ่ามือที่เลื่อนต่ำลงไปปลดกระดุมชุดสูทออก

    ทั้งที่มิมุคิดว่าแสงไฟสลัวจะไม่ทำให้เธอนึกเขินอาย แต่เมื่อทั้งร่างกายเปลือยเปล่าขึ้นมา ก็ราวกับไคโตะมองทะลุผ่านเข้าไปลึกกว่านั้น อาจถึงห้วงอดีตและความปรารถนาของเธอเอง ถึงมิมุจะไม่กล้าจ้องสบตาเขานอกจากแหงนเงยมองดูเพดานเต็นท์ที่บัดนี้กลับกลายเป็นเพียงภาพอันเลือนลาง เมื่อริมฝีปากของเขาเริ่มต้นครอบครองทุกตารางนิ้วบนตัวเธอ...ลึกเข้าไปข้างในตัวเธอ

    ในตอนที่สตินึกคิดหลังจากการเสร็จสมครั้งแรกในชีวิตของเธอกลับคืนมา เพราะตัวตนของเขาที่เข้าแทนที่เรียวลิ้นอันชื้นแฉะ ความเจ็บที่แล่นปราดเข้ามาจนต้องกดไหล่ของเขาเอาไว้แน่นแม้จะไม่มากเท่าประสบการณ์ครั้งแรก ก็ทำให้มิมุนึกออกว่ามันเหมือนกับภาพยนตร์สั้นแนวอาวองการ์ดเรื่อง โอริ’ (กักขัง) ของเทรายามะ ชูจิ ที่มีคนเอาไปหย่อนไว้ในเว็บบอร์ดใต้ดินที่เธอเข้าอ่านเป็นประจำ มันคือหนังเงียบจากยุคหกศูนย์ที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์มากมายของนักโทษและกาลเวลาซึ่งคนโง่อย่างเธอไม่มีทางที่จะเข้าใจ ผ่านมาตั้งเกือบปีแล้ว เธอจดจำเนื้อหาและภาพที่ตัดไปมาจนหาหลักใหญ่ใจความสำคัญแทบไม่ได้ กระนั้นสิ่งที่มิมุยังคงจำจดได้คือความรู้สึกที่รบกวนจิตใจอย่างร้ายกาจจากแสงสีเขียวที่ถูกย้อมอาบภาพยนตร์สีขาวดำนั้น ไม่เกินจริงเลยถ้าจะบอกว่าภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้ได้เปลี่ยนมุมมองของเธอต่อสีเขียวว่าเป็นความไม่ปลอดภัยโดยสิ้นเชิง ทว่าบัดนี้เธอกลับมองข้ามมันไปจากความแปลกประหลาดบนใบหน้าของชายหนุ่มที่ขยับเคลื่อนไหวอยู่บนตัวเธอพร้อมกับเหงื่อที่ผุดพราย แลกเปลี่ยนความเจ็บปวดที่เธอมอบตอบแทนให้เขาผ่านปลายเล็บที่กดจิกลงไป ด้วยสีเขียวที่กำลังเติมเต็มและมอบความหฤหรรษ์หลังจากความเจ็บปวดที่พ้นผ่าน อย่างที่แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคาดคิดมาให้ผ่านรอยจูบและตัวตนอันเร่าร้อนรุนแรง แสดงถึงความต้องการอย่างมากล้น ที่อาจลึกลงไปถึงจิตวิญญาณภายใต้เนื้อหนังที่แนบชิด...ไม่ได้ต่างจากที่เธอรู้สึกต่อเขาในยามนี้

    ต่อให้เธอจะต้องถูกกักขังอยู่ในห้วงเวลาที่จะหยุดลงไป ต่อให้เธอจะไม่เข้าใจความหมายของสิ่งอื่นใด หรือต่อให้มันจะนำพาซึ่งความอันตรายทั้งหมดทั้งปวงมา แต่มิมุก็รู้ว่าเธอพร้อมที่จะจมดิ่งลงไปกับนักกายกรรมผู้นี้ถึงก้นบึ้ง หรืออาจเป็นลอยสูงขึ้นไปบนเชือกเส้นเดียวที่ห้อยต่องแต่งกลางอากาศ

    ในโลกแห่งความจริงที่ทำให้หัวสมองและนัยน์ตาของเธอมัวพร่า เหมือนกับกำลังหลงอยู่ในโลกแห่งความฝันที่ไคโตะเป็นผู้กำหนดเฉกเช่นนี้

     

    時は巡る永遠のダンス

    ร่ายรำรอบกาลเวลาไปชั่วนิรันดร์

    変わり続けても尚

    ถึงแม้ว่ามันจะหมุนเวียนเปลี่ยนไป

    — ซาวิน, ลีตสปีค มอนสเตอร์ส












    2021年07月01日
    _______________
    ★ ตั้งใจจะลงวันที่ทราวิสไปออกชิบุยะโน้ตเพราะร้องเดอะโชว์ (หรือวันที่คลิปเต้นลงช่องจอห์นนีส์กูก็เอาลงไม่ทันอยู่ดี เลยขอเอาลงตอนครบล้านวิวตอนนี้แหละจ้า กูดูไปแล้วเก้าแสนวิวเพราะอุมิหล่อมาก หุ่นดีมาก แต่งตัวดีมาก สเปคมาก) แต่คุณอิ่มชาหายไปสองสัปดาห์เลยถูกดองไว้ก่อนจนได้ฤกษ์งามยามดีตอนนี้แหละจ้า กับฟิคที่มาในคอนเซปต์สีสัน (สาบานว่าแต่งไว้ก่อนมึงเอาฟิคอัสสีแดงลง แต่ยังไงเราก็ไม่ได้เล่นเรื่องสีก็อปกันอยู่แล้ว ในเมื่อเด็กค่ายนี้มีสีประจำตัวทุกคนเราก็ต้องหยิบมาเล่นสักเรื่องสองเรื่องอยู่แล้วไหมอ่ะ) ที่ก็ไม่ได้สื่อถึงความหมายอะไรเลย นอกจากแค่เป็นสีประจำตัว แล้วพอนึกถึงเอ็มวีแบล็คโกลด์ก็เลยคิดว่าได้! งั้นมา! กับภาพสวยๆ ในชุดคอนเซปต์กอธิคโลลิต้าที่กูยังหยุดไม่ได้ ช่วยด้วย สังเกตดีๆ ไม่ได้มีแค่สีเขียวของอุมิ แต่มีสีฟ้าของนาโอะด้วย (เขียวมินต์อะไรไม่ใช่ กูบอกสีฟ้าก็คือสีฟ้า) เช่นเคยกับรูปคอมมิชที่สวยงามตามท้องเรื่อง แต่มองนานๆ ไม่ได้ว่ะ ขนลุก เหมือนแม่มด ยิ่งฟังเพลงยิ่งเหมือน กูว่าสีเขียวในหนังสยองเนี่ยแหละน่ากลัวที่สุดแล้ว เนี่ยละกูไม่เคยชอบสีเขียวเลยแต่ทั้งอุมิจังทั้งอาเบะจังคือสีเขียวหมด โอ๊ยยย
    ★ แรงบันดาลใจแรกสุดมาจากเอ็มวีของแฟนต้าที่เป็นเซอร์คัส เลยนึกครึ้มใจอยากแต่งให้ทราจาเป็นคณะละครสัตว์ จากนั้นก็เมาท์มอยกับมึงไปถึงเรื่องโชโจทสึบากิ (ตั้งแต่ก่อนเอาเรื่องแฟร์แฮร์ลงอีกนะ) เป็นเรื่องที่เคยอ่านมังงะหลายปีแล้วแต่ก็ไม่ได้ชอบมาก (แต่ชอบผ้าพันแผลมาก ถึงนิสัยจะเหี้ย แต่เพราะกูเป็นคนเหี้ยๆ ก็เลยชอบเพราะความเหี้ยและหน้าตาที่หล่อเหี้ยๆ สวัสดี) เพราะงั้นกูก็เลยไปหาดูเวอร์ไลฟ์แอคชั่นที่ไม่เคยคิดจะดูเพราะรู้ว่าต้องทำไม่ดี ซึ่งก็ไม่ค่อยดีจริง ผ้าพันแผลก็ไม่ค่อยหล่อ U_U แต่ก็มีส่วนที่โดนใจมากคือฉาก งานภาพ สีสันและแฟชั่น (ไปดูชื่อผกก.มาถึงรู้ว่าเค้าเป็นดีไซเนอร์) เพราะอย่างนั้นจากฟิคสยองขวัญเลยหักมาเป็นเอโระเพราะเรื่องนี้แหละ ฮี่ๆ เขินๆ และอีกแรงบันดาลใจคือเพลงเดอะโชว์ของทราวิสที่ก็ให้ฟีลเซอร์คัส เอาจริงตอนแรกไม่ได้ชอบมากเท่าไหร่แต่ทุกวันนี้คือหยุดฟังไม่ได้ ช่วยด้วย บอกเลยว่าในอนาคตจะต้องแต่งฟิคจากเพลงเดอะโชว์แน่ๆ เพราะชอบเนื้อเพลงมาก อ่านแล้วมีแรงบันดาลใจไอเดีย แต่ขอหยิบเนื้อเพลงบางท่อนมาลงก่อนเพราะเจอท่อนที่เป๊ะกับเนื้อเรื่องเว่อร์ แต่ท่อนนี้เป็นของไคโตะอีกสองคน อ้าว (แต่ท่อนที่อุมิร้องว่าอิชโชนิอิโคเซคือที่สุดแล้ว o<-<)
    ★ เซ็ตติ้งที่คิดไว้คือช่วงสองพันแนวแฟนตาซีแบบปลอมๆ ถึงจะไม่ได้บรรยายแต่ขอให้นึกภาพฉากแสงสีแบบปลอมๆ คอสตูมแฟชั่นแบบปลอมๆ เน้นความกอธิคโลลิ สนับสนุนโดยดีไซเนอร์เหมือนเรื่องมิโดริ ส่วนที่แต่งให้มองไคโตะว่าหน้าแปลกเพราะมันจะมีช่วงหลังหน้าบวมที่เราเคยพูดกันว่ามีฮั่นอย่างที่อธิบายไม่ถูก เลยแต่งโดยนึกภาพอุมิแบบนั้น (แต่หารูปช่วงถ่ายแมกหลังหน้าบวมใหม่ๆ แล้วมีแต่คอนเซปต์วัยรุ่นที่เอามาทำโปสไม่เปิงใจ ฉะนั้นก็ขอให้นึกภาพเอาละกันว่าแปลก) ตอนแรกบทแฟนมิมุจะเป็นเรย์อะที่กูอวยว่าหล่อสุดในรุ่น แต่ทำใจแต่งให้เค้านิสัยไม่ดีไม่ได้เตื้อว่ะ ก็เอานาโอะไปแทนแล้วกัน เบ้าหน้าจัดว่าเป็นหนึ่งในตัวท็อปได้อยู่ แต่งให้นิสัยไม่ดีก็เปิงได้อยู่ (ได้มาก) ที่จริงเรื่องนี้จะได้เปิดตัวนาโอะในเกาะกะโหลกก่อนขัปปะอีกแต่ก็นะ แหะๆ ถูกตัดหน้า
    ★ มาฟังกูเมาท์เรื่องเพลงหน่อย เป็นเรื่องที่หายังไงก็ไม่ตรงใจ ตอนแต่งฟังอยู่เพลงเดียวคือเดอะโชว์เอาบรรยากาศเฉยๆ คิดว่าก็จะใช้กาเซตต์วงเดียววงเดิมนั่นแหละถ้าจนปัญญา แต่ระหว่างนั้นก็ยังหาเพลงวิชวลเคย์ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปเจอเพลย์ลิสต์ชื่อเจแปนนีสกอธในสปอติฟาย (ปกเป็นรูปมานะวงมาลิซไมเซอร์) แล้วก็เจอวงนี้ที่ทำเพลงตีมฮาโลวีนและดาร์กแฟนตาซี แล้วชอบมาก! ถูกใจมาก! เพราะตีมของเรื่องนี้คือเซอร์คัสที่ดนตรีมันควรจะเป็นแนวดาร์กแฟนตาซีแบบนี้สิวะ! / ใครจะรู้ก็ช่าง แต่กูไม่รู้ว่า Samhain คือประเพณีของชาวเคลต์ที่เป็นต้นกำเนิดของเทศกาลฮาโลวีน เนื้อเพลงคร่าวๆ ที่กูแปลได้ (น่าจะมั่ว) เกี่ยวกับการเฉลิมฉลองเทศกาล การกลับคืนมาของคนตาย ตัวเอกในเพลงตายไปแล้วและรอวันกลับมาอีกครั้ง และในเนื้อเพลงมีการพูดถึงเกม Apple Bobbing หรือเกมงับแอปเปิลด้วย ที่ก็บังเอิญแค่ว่ารูปเรฟถือแอปเปิลกูเลยให้นางเอกถือด้วย เพราะนึกไม่ออกว่าจะเปลี่ยนเป็นอะไรสีเขียวอีกดี ไม่ได้มีความหมายลึกซึ้ง ถึงอย่างนั้นก็บังเอิญมีรูปที่ชเวรีถือแอปเปิลด้วย อู้ว ขนลุก
    ★ ชื่อมิมุ 美夢 แปลได้ว่าความฝันที่สวยงาม ซึ่งเลือกชื่อนี้มาตั้งแต่ก่อนคิดพล็อตแล้ว ส่วนนามสกุลไบโชมาจากนามสกุลของคุณไบโช มิตสึโกะที่เล่นเป็นแม่ในเรื่องดรีมส์ของคุโรซาวะ วุ้ย! งานละเอียด! ที่ก็หยิบทุกองค์ประกอบมาเล่นกับความฝันและความจริงได้อย่างงดงามลงตัว ทำไมเริ่ดจังวะตัวเรา (แล้วก็บังเอิญที่มึงแต่งฟิคโซโหซึ่งเล่นทั้งความฝันและสีสันในช่วงเดียวกันพอดี เหอะ! แค่กูแต่งช้ากว่ามึงหรอกนะ อย่าหาว่าไม่เตือน) หนังเรื่องโอริ (จิ้มๆ  ที่กูตั้งใจให้โทนรูปคอมมิชเป็นสีแบบในหนังแหละ) มาจากความที่กูแค่ลองหาหนังญี่ปุ่นที่เป็นสีเขียวเล่นๆ แล้วก็บังเอิญไปเจอเรื่องนี้ ที่ชื่อหนังก็บังเอิญเหมือนชื่อเล่นของนาโอะด้วย ทำไมฟิคนี้มีแต่เรื่องบังเอิญเต็มไปหมดเลยวะ จิ๊งไหม ดาวซิ๊ง (ที่จริงคิดถึง Infection ด้วยแต่อี๋ย์ว่ะ ฟีลตะไคร่) เลยแบบขอหน่อยเถอะ ขออวดฉลาดสักเรื่องวะ ขำๆ แต่ที่จริงก็ไม่ขำหรอกเพราะนี่ว่าเราก็ฉลาดพอตัว ส่วนชื่อเรื่องมาจากชื่อเอ่อ หนังโป๊ ตอนแรกจะใช้ว่ากรีนรูมแต่ไม่เปิงใจเลยหาใหม่ และถึงเรื่องนี้จะไม่ได้อยู่หลังประตูสีเขียว แต่เพราะมีคำว่าสีเขียวแล้วกูชอบมึงจะทำไม ส่วนตอนหน้าของเก็นตะจะมาในโทนสีฟ้าและสีแดง (โอ้โห สีของใครกันนะ เดาไม่ถูกเรยค่ะพี่สาว) แต่งเสร็จแล้วแต่เกลานานหน่อยนะ เพราะร่างแรกเหี้ยมาก บอกล่วงหน้าเลยว่ามันจะไม่เอโระแล้ว มันจะกลับมาสู่รากเหง้าแนวกุโระแบบที่กูคิดไว้แต่แรกเริ่ม (มึงด่าว่าอีเหี้ย อีสัส ทีอุมิแต่งเอโระได้ เสือก ขอโทษได้ไหมล่ะที่กูไม่ได้อ่านนิยายอีโรติกร้อยเรื่องหรือดูพิงค์ฟิล์มล้านเรื่องเหมือนมึง) / ปล. โอ๊ยเมาท์ยาวมาก ยาวกว่าฟิคอีกมั้ง จิบน้ำ คอแห้ง
    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×