คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #214 : The Show: Behind The Green Door
見飽きただろう仮想現実
เธอคงเบื่อหน่ายกับความจริงเสมือนแล้ว
This is not, this is not a fancy
นี่ไม่ใช่จินตนาการหรอกนะ
リアルな夢ならここに
ความฝันที่กลายเป็นจริงอยู่ที่นี่แล้ว
あきれるほど転がるよ
และมันจะทำให้เธอยิ่งกว่าพิศวง
— เดอะ โชว์, ทราวิส เจแปน
ความรู้สึกที่ไบโช มิมุ มีต่อชายคนรักที่ชื่อโอริยามะ
นาโอะ เป็นไปด้วยไม่ดีมาได้เกือบเดือนแล้ว ถึงภายนอกพวกเขาจะยังคงเป็นคู่รักที่จี๋จ๋าหวานชื่นจนเป็นที่น่าอิจฉาของใครต่อใคร
แต่ลึกลงไปข้างในกลับไม่ใช่เลย
อย่างน้อยๆ มิมุก็คิดแบบนั้น ถึงเธอจะไม่รู้ว่านาโอะคิดแบบไหน
แม้แต่ตอนที่เขาแอบนอกกายนอกใจไปกับเพื่อนร่วมห้องเรียนของเขาที่อยู่คนละห้องกับเธอ
พอความเสียใจที่กลั่นออกมาเป็นน้ำตาตลอดสองคืนเต็มเหือดแห้งลงพร้อมกับนัยน์ตาบวมเป่ง
ความแค้นเคืองต่อชายคนรักที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รักเธอก็เข้ามาสุมแน่นอยู่ในอก แน่นอน...สักวันหนึ่งเธอจะเลิกกับเขาแล้วหาคนใหม่ที่ดีกว่ามาควงเย้ยให้สาแก่ใจ
แต่ยังไม่ใช่เร็วๆ นี้ ไม่ใช่แค่จากเหตุผลที่ว่าเธอยังคงรักเขามากจนมองข้ามความลับที่เขาพยายามปกปิดมันเอาไว้
หรือยังคงไม่เจอใครที่ทำให้หัวใจเต้นเป็นจังหวะรัวแรงเหมือนเมื่อครั้งที่ตกหลุมรักกับเขาได้
หากเป็นเพราะเธอจะไม่มีวันยอมเลิกราเพื่อให้พวกเขาได้คบกันอย่างเปิดเผยเป็นเสี้ยนหนามตำตา
เพราะแค่ที่ตำใจอยู่ตอนนี้ก็เจ็บแค้นเกินพอ
เหมือนข้อความอีเมลของนาโอะที่ส่งให้เพื่อนสนิทของเขา
— ก่อนที่แฟนสาวของโคเฮย์จะช่วยส่งต่อมาให้ด้วยความสงสาร — จะกระทำต่อเธอ
‘ละครสัตว์งี่เง่าอะไรไม่เห็นจะอยากไปเลยสักนิด
ปัญญาอ่อนเหมือนสมองกลวงๆ กับหน้าโง่ๆ ของยัยนั่นนั่นแหละ’
ถึงสีหน้าของนาโอะตอนที่มาถึงหน้าเต็นท์ละครสัตว์คณะโทระเอนด้วยกันหลังเลิกเรียนในเย็นวันศุกร์จะแย้มยิ้มดี
ทั้งยังบอกว่าเขาตื่นเต้นและตั้งตารอมากแค่ไหน ด้วยคำโกหกหลอกลวงที่คนอย่างเขาถนัดดีอยู่แล้วนี่
อันที่จริงมิมุไม่จำเป็นต้องพูดว่าจะไม่เป็นฝ่ายเลิก
เพราะความจริงแล้วอาจเป็นนาโอะเองต่างหากที่คงไม่มีทางยอมเลิกกับเธอง่ายๆ จากเงินทองมหาศาลที่ครอบครัวไบโชมี
และเธอก็พร้อมแบ่งปันมันให้เขาร่วมใช้ด้วยอย่างเต็มใจ ไม่ว่าจะร้านอาหารหรูๆ เสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้แพงๆ
ขณะที่ผู้หญิงอีกคนของเขาไม่มีอะไรเทียบเคียงเธอได้เลยสักอย่าง อาจเว้นก็แต่รูปลักษณ์ภายนอกอันไร้ที่ติถึงขนาดมีแมวมองเคยมาทาบทาม
เพราะอย่างนั้นมิมุถึงได้ยิ่งเจ็บแค้นใจจนทนไม่ไหว ความตื่นตาตั้งแต่หน้าเต็นท์คณะละครสัตว์ที่คลาคล่ำไปด้วยผู้ชมซึ่งเต็มไปด้วยความเบิกบานก็มีแต่จะทำให้ร้อนรุ่มอยู่ในอก
จนเผลอบีบมือของเขาที่เอื้อมมาให้กุมไว้แน่น ถ้านาโอะไม่หลุดร้องออกมาเพราะเล็บยาวที่กดลงไป
จากนั้นเปล่งเสียงหัวเราะสดใสขณะลูบเส้นผมของเธอ บอกว่าไม่ต้องกลัว เขาจะอยู่ด้วยกับเธอเหมือนที่เป็นมาตลอด
มิมุก็อาจจะบดขยี้ทำลายมันให้สิ้นซากไปแล้วก็ได้
∞
มิมุพรวดพราดลงจากรถแท็กซี่ทันทีที่ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากระโปรงและไม่พบสิ่งใดนอกจากความว่างเปล่า
ไม่รู้ว่าเผลอทำมือถือหล่นไปตอนไหน แต่น่าจะเป็นเพราะฝูงชนที่แออัดกันอยู่หน้าเต็นท์ตอนขากลับออกมา
เธอบอกลานาโอะอย่างรีบร้อนโดยไม่สนใจว่าเขาจะคิดเช่นไร เพราะใบหน้าอันหล่อเหลาเกินกว่าเด็กหนุ่มคนไหนที่มิมุได้เคยพานพบ
เธอถึงได้ถูกตบตาด้วยความจอมปลอม โดยไม่เคยมองเข้าไปถึงแก่นแท้ภายใน ก่อนมิมุจะได้เข้าใจถึงแววตาที่เคยคิดว่าเป็นการแสดงความรักใคร่
แท้จริงแล้วมันอาจมาจากความสมเพชที่เธอไม่เคยรับรู้อะไรเลยต่างหาก
ถึงตอนนี้นัยน์ตาของมิมุจะเปิดกว้างแล้วจากการรับรู้เรื่องราวของเขากับผู้หญิงอีกคน
แต่มันก็อาจจะยังไม่กว้างพอ เมื่อภายใต้ความแค้นที่เบียดบังก็ยังมีความรักหลงเหลืออยู่ภายในนั้น
แค่จากคำพูดที่ว่า “ถ้ายังไงกลับถึงบ้านแล้วโทร.มาบอกด้วยนะ” ด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน
เธอก็ทำเป็นเมินเฉยแล้วโกรธเขาต่อไปไม่ลง ถึงมิมุจะยิ่งกว่าแน่ใจว่าเมื่อเธอวิ่งจากไปแล้ว
เขาคงจะส่งข้อความอีเมลไปหาโคเฮย์พร้อมคำก่นด่าว่าเธอมันโง่เง่า แค่มือถือก็ยังรักษาไว้ไม่ได้...เหมือนที่รักษาคนรักของตัวเองเอาไว้ไม่ได้
แต่มิมุก็ปล่อยมันไปไม่ได้ เหมือนกับตอนที่เธอรีบร้อนวิ่งกลับมาเอามือถือที่ลำพังด้วยฐานะขนาดนี้
เธอจะซื้อมาโยนทิ้งเล่นๆ อีกสักกี่เครื่องก็ย่อมได้ หากเป็นเพราะความผูกพันทางจิตใจนั้นต่างหากที่ไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้
“คุณคงมารับของคืน”
พื้นที่ซึ่งเคยอึกทึกคึกคักบัดนี้กลับเงียบลงไปถนัดหู
จนมิมุเผลอคิดว่าได้ยินเสียงของแม่น้ำที่ไหลผ่านอยู่ไม่ไกล ก่อนน้ำเสียงของเขาจะแทรกผ่านมาเหมือนก้อนหินที่กระเด้งไปบนผิวน้ำ
เรียกสติที่ฟุ้งซ่านของเธอให้กลับคืนมายังชายหนุ่มที่เป็นฝ่ายเดินตรงเข้ามาหา
เขา...คือนักกายกรรมห้อยโหนกลางอากาศ ที่มิมุไม่จำเป็นต้องแหงนคอมองยามเขาก้าวเดินหรือเหวี่ยงตัวอย่างน่าหวาดเสียวบนเชือกเส้นเดี่ยว
ในความสูงที่มากพอจะทำให้ตกลงมาตายได้เลย เมื่อระยะห่างที่มีต่อเขาจะเคลื่อนใกล้ และอาจจะใกล้เกินไปจนมิมุรีบร้อนถอยกรูดออกไป
หาใช่ด้วยความรังเกียจเมื่อสิ่งนั้นไม่ใช่ความรู้สึกที่เธอมีต่อชายแปลกหน้าผู้นี้นับตั้งแต่แรกพบ
เธอไม่จำเป็นต้องอธิบาย เพราะดูเหมือนเขาจะรับรู้และเข้าใจได้ในตอนที่เปิดปากหัวเราะออกมา
ตามมาด้วยรอยยิ้มกว้างที่ทำให้หัวใจของเด็กสาวเต้นไม่เป็นจังหวะ โดยไม่ได้มาจากความหวั่นพรั่นแทนการแสดงของเขาเหมือนอย่างที่เคยรู้สึกถึงก่อนหน้านั้น
ขณะส่งน้ำเสียงตะกุกตะกักตอบคำถามของเขาไปว่า
“เอ่อ ค่ะ ช...ใช่ค่ะ ฉ...ฉันทำมือถือตกไว้น่ะค่ะ”
“ผมเป็นคนเก็บมันไว้เอง” แล้วเขาก็ผายมือให้เธอเดินเคียงไปด้วยกัน
ไม่ว่าจะพินิจอย่างไร ชายหนุ่มจากคณะละครสัตว์ที่มิมุจดจำได้จากการแนะนำสมาชิกของหัวหน้าละครสัตว์ว่าชื่อนากามูระ
ไคโตะ ก็ไม่ได้มีใบหน้าหล่อเหลาดูดีอย่างที่ใครจะชื่นชมแบบนั้นได้เหมือนกับคนรักของเธอ
มันมีบางอย่างที่แปลก ถึงขั้นประหลาด หากภายใต้ความแปลกประหลาดนั้น ก็ทำให้เขาสามารถดึงดูดทุกความคิดและจิตใจของเธอนับตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้พบหน้า
วินาทีเดียวกันกับที่เธอได้สบสายตาชายหนุ่มจากบนเวทีที่ราวกับว่าเขากำลังจดจ้องมองมา
ทั้งที่เธอนั่งปะปนอยู่กับคนอื่นตั้งมากมายได้
เมื่อเดินก้มหน้าตามหลังเข้ามาในเต็นท์หลังเล็กที่เขาเอ่ยทำลายความเงียบหลังจากระยะเวลาที่อาจไม่ได้เนิ่นนานนัก
หากภายใต้ความประหม่าก็ทำให้เหมือนกับเวลายาวนานขึ้นอีกนิดว่า “เชิญครับ” มิมุก็รู้สึกเหมือนกำลังก้าวย่างเข้าสู่ดินแดนสนธยาที่ยืดขยายออกไปไม่รู้จบ
ทั้งที่มันไม่ได้กว้างขวางเลยแม้แต่น้อย ถึงต่อให้จะไม่ได้มีข้าวของระเกะระกะอัดแออยู่
หรือบางที...อาจเป็นเพราะแสงสีเขียวที่สาดไปทั่วห้อง ซึ่งทำให้จินตนาการของเธอโลดแล่นไปไกลเกินกว่าจักรวาลใบเล็กใบนี้
ขณะที่กวาดตามองไปรอบๆ ด้วยริมฝีปากที่เผยอขึ้นเล็กน้อยจากความตื่นตะลึง
คล้ายมึนงงอยู่กับความพิศวงแปลกตาที่มิมุแน่ใจว่าเคยคุ้นจากอะไรสักอย่าง หากเธอในยามนี้ก็ไม่อาจจับจดความคิดให้คงที่ได้
ก่อนที่ไคโตะจะดึงมือข้างที่ไม่ได้ถือกระเป๋าสวมสะพายไหล่ของเธอไปเป็นการเรียกคืนสติให้หวนกลับคืนมา
ทันนั้นเองที่ความรู้สึกบางอย่างจะพลันแล่นปราดเข้ามา แม้เมื่อเขาจะวางมือถือเครื่องหนาหนักจากการตกแต่งฝาพับและพวงห้อยยืดยาวลงบนฝ่ามือ
ไม่จำเป็นต้องเปิดดูรูปหน้าจอที่เป็นฉากยิ้มแย้มสดใสในห้องคาราโอเกะของเธอกับนาโอะ
มิมุก็ยังสามารถรู้ว่าเป็นของตัวเองได้อยู่ดีจากของตกแต่งที่เขียนด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษสี่ตัว
“มิมุ” ที่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าชื่อตัวเองที่ได้ยินจากปากของคนอื่นจะสามารถทำให้เนื้อตัวสั่นสะท้านได้ถึงเพียงนี้
“แล้วคุณมีความปรารถนา...ความฝันที่ต้องการไหม?”
“เรื่องนั้นไม่มีหรอกค่ะ” มิมุบอกปัดแล้วรีบชักข้อมือกลับคืนมา
เพราะถึงอย่างไร เธอก็ไม่คิดว่านี่เป็นสถานการณ์ที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีแฟนอยู่แล้วเลยแม้แต่นิดเดียว
“ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะตอบแทนได้...”
“คุณไม่มีความสุข” ไคโตะพูดแทรกขึ้นก่อนที่เธอจะได้ทันเอ่ยจนจบ
เรียกใบหน้าของเธอให้แหงนเงยไปยังเขาที่ก้มลงมองเธอในระยะประชิดอยู่ก่อนแล้ว แต่คราวนี้มิมุไม่ได้กระถดหนีหรือแม้แต่จะขยับตัวกระทำสิ่งใด
เธอปล่อยมือถือให้ร่วงหล่นลงไปบนพื้น ในยามที่จ้องสบนัยน์ตาซึ่งทำให้หัวสมองของเธอปั่นป่วน
หัวใจเต้นรัวแรงยิ่งกว่ากลองชุดที่ดังกระหึ่ม ผิวกายก็ร้อนวูบขึ้นมาทั้งที่เขาไม่ได้แตะต้องหรือโลมเลียแม้แต่ส่วนหนึ่งส่วนใด
หลังคำพูดที่ว่า “กับคนรักของตัวเอง”
มิมุรู้ว่าเธอสามารถหยุดมันได้ เพียงแค่คิดถึงคนรักที่เธอปฏิญาณกับตัวเองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่าจะไม่มีวันนอกกายหรือนอกใจ
ถึงต่อให้เขาจะแอบทำลับหลังเธออย่างเจ็บแสบเพียงไรก็ตาม ตราบเท่าที่เธอยังไม่ได้เลิกรากับเขา
หากถ้านั่นคือความปรารถนาส่วนลึกของเธอ
แต่เพราะนาโอะที่เป็นผู้ชายคนแรกในชีวิตไม่เคยทำให้เธอสนุกกับเรื่องเซ็กซ์และพาไปถึงฝั่งฝันได้เหมือนในนิตยสารที่อ่านเจอ
หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะว่าเธอคือคนแรกของเขาไม่ได้ต่าง เด็กหนุ่มที่ยังไร้ประสบการณ์ถึงทำให้ได้แค่นั้น
แต่มิมุก็อดทนได้เพราะคิดว่าเขาคือคนที่รัก แค่การได้เป็นหนึ่งเดียวกันและทำให้เขามีความสุขได้แม้จะแค่ฝ่ายเดียวก็ดีมากเกินพอแล้ว
ก่อนที่สุดท้ายจะได้ตระหนักว่าจูบที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนตลอดมาของเขา ที่แท้ก็อาจเพียงเพื่อที่มันจะไม่ได้ไปนำสู่สัมพันธ์ทางกายที่เกิดขึ้นแค่ไม่กี่ครั้ง
กระทั่งตอนที่เธอได้รับรู้เรื่องของเขากับคนรักลับๆ ก็จะพลอยทำให้ความสัมพันธ์แบบโรแมนติกที่มีแค่เธอเป็นฝ่ายเริ่มเจื่อนจางลงไปเพราะความคับแค้นที่ดูเหมือนจะแรงกล้ายิ่งกว่า
แต่ก็ใช่ว่าเด็กสาวอยากรู้อยากลองอย่างมิมุจะไม่เคยเฝ้าฝันถึงอะไรที่มากกว่านั้น
ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าเธอจะทำมันกับใครก็ได้
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ริมฝีปากข้างหนึ่งของเขาก็พลันยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
ด้วยเจตนาที่เป็นการย้ำเตือนให้เธอได้ตระหนักว่าเขาไม่ใช่แค่ใครก็ได้
ที่มิมุเองก็รู้...และรู้ดี
แต่เธอจะเปิดรับความผิดบาป เพียงเพราะความอยากรู้อยากลองกับผู้ชายแปลกหน้าที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นเป็นจังหวะได้เหมือนกับที่เคยรู้สึกต่อนาโอะจริงๆ
อย่างนั้นหรือ?
เสียงของเธอแตกพร่า เฉกเช่นดวงตาที่ก็ขยับวูบไหว
ยามเปล่งออกไปว่า “ฉัน...ต้องการ...คุณ”
“ทุกสิ่งที่คุณปรารถนา”
และในตอนที่ระยะห่างระหว่างพวกเขาแทบไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไป
จากริมฝีปากที่กดประทับลงมา เช่นเดียวกับท่อนแขนที่กดลงไปให้เธอทิ้งตัวนั่งลงบนฟูกนอนกลางห้อง
ด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ที่มิมุไม่เคยได้ประสบแม้แต่กับชายคนรักอย่างนาโอะ — คนคนเดียวที่ควรจะทำให้เธอรู้สึกเช่นนี้ได้
— และทันทีที่หัวสมองของเธอแค่เพียงคิดถึงชื่อของเขาขึ้นมา ผู้ชายคนที่อยู่ต่อหน้าเธอในเวลานี้ก็จะยิ่งรุกเร้าและล่วงล้ำเข้าไปในริมฝีปาก
อย่างที่มิมุไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าความรู้สึกแนบแน่นที่เหมือนจะหายใจไม่ออกจะทำให้รู้สึกดีได้ถึงเพียงนี้
เขายืนยันให้แน่ใจว่าเธอไม่จำเป็นต้องกระทำสิ่งใดเพื่อเขา นอกจากรอรับความสุขที่เขาจะมอบให้
จากฝ่ามือที่เลื่อนต่ำลงไปปลดกระดุมชุดสูทออก
ทั้งที่มิมุคิดว่าแสงไฟสลัวจะไม่ทำให้เธอนึกเขินอาย
แต่เมื่อทั้งร่างกายเปลือยเปล่าขึ้นมา ก็ราวกับไคโตะมองทะลุผ่านเข้าไปลึกกว่านั้น อาจถึงห้วงอดีตและความปรารถนาของเธอเอง
ถึงมิมุจะไม่กล้าจ้องสบตาเขานอกจากแหงนเงยมองดูเพดานเต็นท์ที่บัดนี้กลับกลายเป็นเพียงภาพอันเลือนลาง
เมื่อริมฝีปากของเขาเริ่มต้นครอบครองทุกตารางนิ้วบนตัวเธอ...ลึกเข้าไปข้างในตัวเธอ
ในตอนที่สตินึกคิดหลังจากการเสร็จสมครั้งแรกในชีวิตของเธอกลับคืนมา
เพราะตัวตนของเขาที่เข้าแทนที่เรียวลิ้นอันชื้นแฉะ ความเจ็บที่แล่นปราดเข้ามาจนต้องกดไหล่ของเขาเอาไว้แน่นแม้จะไม่มากเท่าประสบการณ์ครั้งแรก
ก็ทำให้มิมุนึกออกว่ามันเหมือนกับภาพยนตร์สั้นแนวอาวองการ์ดเรื่อง ‘โอริ’ (กักขัง) ของเทรายามะ ชูจิ
ที่มีคนเอาไปหย่อนไว้ในเว็บบอร์ดใต้ดินที่เธอเข้าอ่านเป็นประจำ มันคือหนังเงียบจากยุคหกศูนย์ที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์มากมายของนักโทษและกาลเวลาซึ่งคนโง่อย่างเธอไม่มีทางที่จะเข้าใจ
ผ่านมาตั้งเกือบปีแล้ว เธอจดจำเนื้อหาและภาพที่ตัดไปมาจนหาหลักใหญ่ใจความสำคัญแทบไม่ได้
กระนั้นสิ่งที่มิมุยังคงจำจดได้คือความรู้สึกที่รบกวนจิตใจอย่างร้ายกาจจากแสงสีเขียวที่ถูกย้อมอาบภาพยนตร์สีขาวดำนั้น
ไม่เกินจริงเลยถ้าจะบอกว่าภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้ได้เปลี่ยนมุมมองของเธอต่อสีเขียวว่าเป็นความไม่ปลอดภัยโดยสิ้นเชิง
ทว่าบัดนี้เธอกลับมองข้ามมันไปจากความแปลกประหลาดบนใบหน้าของชายหนุ่มที่ขยับเคลื่อนไหวอยู่บนตัวเธอพร้อมกับเหงื่อที่ผุดพราย
แลกเปลี่ยนความเจ็บปวดที่เธอมอบตอบแทนให้เขาผ่านปลายเล็บที่กดจิกลงไป ด้วยสีเขียวที่กำลังเติมเต็มและมอบความหฤหรรษ์หลังจากความเจ็บปวดที่พ้นผ่าน
อย่างที่แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคาดคิดมาให้ผ่านรอยจูบและตัวตนอันเร่าร้อนรุนแรง แสดงถึงความต้องการอย่างมากล้น
ที่อาจลึกลงไปถึงจิตวิญญาณภายใต้เนื้อหนังที่แนบชิด...ไม่ได้ต่างจากที่เธอรู้สึกต่อเขาในยามนี้
ต่อให้เธอจะต้องถูกกักขังอยู่ในห้วงเวลาที่จะหยุดลงไป
ต่อให้เธอจะไม่เข้าใจความหมายของสิ่งอื่นใด หรือต่อให้มันจะนำพาซึ่งความอันตรายทั้งหมดทั้งปวงมา
แต่มิมุก็รู้ว่าเธอพร้อมที่จะจมดิ่งลงไปกับนักกายกรรมผู้นี้ถึงก้นบึ้ง หรืออาจเป็นลอยสูงขึ้นไปบนเชือกเส้นเดียวที่ห้อยต่องแต่งกลางอากาศ
ในโลกแห่งความจริงที่ทำให้หัวสมองและนัยน์ตาของเธอมัวพร่า
เหมือนกับกำลังหลงอยู่ในโลกแห่งความฝันที่ไคโตะเป็นผู้กำหนดเฉกเช่นนี้
時は巡る永遠のダンス
ร่ายรำรอบกาลเวลาไปชั่วนิรันดร์
変わり続けても尚
ถึงแม้ว่ามันจะหมุนเวียนเปลี่ยนไป
— ซาวิน, ลีตสปีค มอนสเตอร์ส
_______________
ความคิดเห็น