ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    _облаки_

    ลำดับตอนที่ #42 : -ACE2-

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ค. 57


    บทที่ 2พานพบ..

    “กรี๊ดดดดดด”เสียงกรีดร้องที่ดังแว่วมาทำให้ชายหนุ่มหันไปตามเสียง เสียงที่เขาเคยได้ยินมาก่อน

    เสียงนี้มัน!!!’ชายหนุ่มคิดก่อนจะวิ่งออกจากห้องอาหารที่เขาอยู่ไปตามทางเดินอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันสังเกตถึงร่างเงา...ที่ปรากฏขึ้นมาข้างๆนาฬิกาเรือนใหญ่

    เมื่อเขาวิ่งไปตามทางเดินไม่ทันเท่าไหร่ เสียงร้องนั้นก็เงียบหายไปเสียก่อน ทำให้เซย์ชิโร่ไม่สามารถใช้เสียงนำทางเขาต่อไปได้

    เสียงร้องเมื่อกี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!’ชายหนุ่มคิดอย่างวิตก ก่อนจะนึกถึงประโยคหนึ่งที่บุคคลปริศนาพูดขึ้นมาได้

    เมื่อเกมเริ่มขึ้นในบ้านหลังนี้ไม่ได้มีแค่ พวกเธอ เท่านั้น

    “ไม่ได้มี..แค่พวกเรา...”ชายหนุ่มทวนคำพูดอย่างสงสัยซ้ำไปซ้ำมา เบาะแสที่เขาเคยได้ฟังค่อยๆกลับสู่ห้วงความคิดจากที่ในตอนแรกเขาเห็นว่าไร้สาระสงสัยตอนนี้เขาคงจะต้องเอามันมาคิดทบทวนใหม่ซะแล้ว...

    แต่ว่า..มันจะเป็นไปได้แน่หรอ??

     

    เรจิเน็ตต้ามองร่างหญิงสาวเหนือหัวตนเองตาค้าง มือบางยกขึ้นปิดปากตนเองด้วยอารามเหลือเชื่อ ร่างที่แม้จะไม่โปร่งแสงแต่ก็ทะลุผ่านพื้นไม้เบื้องบนลงมาและแน่นิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ขยับเขยื้อน แต่หยาดเลือดที่ไหลอาบค่อยๆหยดลงมาทีละน้อยตรงบริเวณที่เธอนั่ง ทำให้เรจิเน็ตต้าต้องถอยกรูดออกมาจากบริเวณนั้นไดอารี่เล่มหนาตกลงพื้นไม่ไกลกันเท่าไหร่นัก

    “.......”น้ำเสียงแผ่วเบาที่ค่อยๆลอดผ่านริมฝีปากขาวซีดเรียกความสนใจจากเรจิเน็ตต้า หลังจากที่เธอนิ่งอึ้งมาได้สักพัก ดวงตาไร้ชีวิตขยับมองมาทางเธอ ทำให้เรจิเน็ตต้าสะดุ้งเฮือกน้อยๆ

    “..พา...ฉ..อ..ก..ไป.....”เสียงที่ขาดช่วงเพราะความเบาทำให้เรจิเน็ตต้าไม่ค่อยได้ยินอะไรมากนัก

    “...พาฉัน...ออ..ไป..”น้ำเสียงแหบพร่าที่ค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับร่างที่ค่อยๆทะลุเพดานลงมาช้าๆ มือทั้งสองที่เคยอยู่นิ่งกลับตะกายมาทางเรจิเน็ตต้า

    พาฉันออกไป..อย่างงั้นหรอ?เรจิเน็ตต้าอดทวนคำพูดของหญิงสาวในใจไม่ได้ ขณะที่พาร่างตัวเองถอยหนีให้ห่างออกมา แม้จะพยายามลุกเท่าไร แต่ก็เหมือนว่าขาของเธอจะสั่นจนลุกไม่ไหวด้วยความหวาดกลัว

    “..พาฉันออกไป!!!!..”ร่างวิญญาณสาวตะคอก น้ำเสียงแหบแห้งแตกพร่าจนน่ากลัว ดวงตาไร้แววเบิกกว้างจ้องตรงมาทางเธออย่างอาฆาตแค้นทำให้หญิงสาวสะดุ้งโหยง กายบางสั่นเทาด้วยความกลัว

    แต่ร่างที่โผล่มาได้แค่ครึ่งตัวแล้วค้างอยู่อย่างนั้นราวกับว่าไม่สามารถออกมาได้ทำให้เรจิเน็ตต้าถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแม้ความหวาดหวั่นจะยังไม่หายไป ตราบใดที่เธอไม่เข้าในระยะเอื้อมของผีสาวก็ไม่น่าจะเป็นอะไร อีกอย่างร่างของวิญญาณตนนี้ก็อยู่ใกล้ระยะประตูจนเธอไม่สามารถปีนออกไปได้

    เรจิเน็ตต้าสงบสติตัวเองลง แขนเรียวเอื้อมหยิบไดอารี่เล่มหนาขึ้นมาอ่านเพื่อดึงความสนใจของตัวเองจากวิญญาณหญิงสาว แม้ว่าเธอจะยังสั่นอยู่น้อยๆ แต่ไม่มีอะไรที่เธอสามารถทำได้ในตอนนี้

    หวังว่าจะไม่มีอะไรโผล่ออกมาอีกนะ....

     

    เซย์ชิโร่เดินสำรวจห้องต่างๆอีกรอบ ตามหาตัวเรจิเน็ตต้าไปพลาง มองหาสิ่งที่คำใบ้บอกไปพลาง

    สุริยาชี้แจงแจ้งประจักษ์...พระอาทิตย์...บอกให้เห็น??ชายหนุ่มพยายามนึกว่าเขาเห็นสัญลักษณ์หรืออะไรที่เป็นรูปพระอาทิตย์ในห้องต่างๆบ้างรึเปล่าก่อนที่จะนึกขึ้นมาได้ว่า นาฬิกาเรือนใหญ่ในห้องอาหารนั้นมีลายแกะสลักเป็นรูปพระอาทิตย์ และเข็มนาฬิกาที่หยุดนิ่งผิดปกตินั่นแหละ คือส่วนหนึ่งของคำใบ้!!

    ร่างสูงรีบเดินไปยังห้องอาหาร ลืมเรื่องของเรจิเน็ตต้าไปชั่วขณะ เมื่อไปถึงชายหนุ่มก็ผลักประตูเข้าไปโดยไม่สนความฝืดเคืองของประตูแม้แต่น้อย

    เข็มยาวชี้เลข12 เข็มสั้นชี้เลข5.....ทิศ5นาฬิกา??เซย์ชิโร่สำรวจนาฬิกา ก่อนจะคาดเดาคำตอบแล้วหันตัวไปทางทิศ5นาฬิกาตามที่ตัวเองคิด

    เบื้องหน้าของเขาก็แท่งหินคล้ายๆป้ายวิญญาณขนาดเล็กกว่าฝ่ามือเล็กน้อยตั้งอยู่บนเคาท์เตอรไม้

    ศิลาลักษณ์ขี้แจงแถลงไข ศิลา..ก้อนหิน...ถ้อยคำทวนในหัวของเขาและเมื่อเขาเดินเข้าไปดูก็พบว่าที่แท่งหินนั้นมีสลักถ้อยคำเป็นภาษาอังกฤษไว้

    Use just the first
    then rearrange
    three two one then
    that when you got the answer!

    หลังจากที่อ่านชายหนุ่มก็ได้แต่นิ่งอึ้งไปสักพัก ในเมื่อภาษาอังกฤษไม่ใช่สิ่งที่เขาสันทัดสักเท่าไหร่นัก หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือแปลไม่ได้เลย ทำให้ความต้องการที่จะเจอตัวเรจิเน็ตต้าของเขาเพิ่มขึ้นมาทันตาเห็น เมื่อชายหนุ่มพลิกกลับด้านหลัง ก็พบข้อความหนึ่งย่อหน้าสั้นๆ ซึ่งเขาเดาว่าข้อความทั้งสองคงเกี่ยวข้องกันไม่มากก็น้อย

    A wealthy man lived in big mansion with his family.

    He had everything he needed for his present life then.

    ‘I now want nothing but one’ said the man.

    ‘What is it?’ asked his friend curiously.

    ‘Mortal cannot have it, The Immortal…’ he answered with the wicked smile.

    Only then that his friend knows how corrupted he was ...

     ‘....ชายหนุ่มนิ่ง ถึงเขาจะได้เบาะแสมา แต่การที่เขาไม่สามารถแปลมันออกเพื่อหาชิ้นต่อไปนี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยทีเดียว

    เซย์ชิโร่ตัดสินใจเก็บแท่งหินแท่งเล็กใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตของเขา แล้วเขาก็สังเกตเห็นการ์ดเอซโพดำวางอยู่บนเคาท์เตอร์ไม่ไกลจากตำแหน่งที่แท่งหินเคยตั้งอยู่

    ชายหนุ่มเอื้อมมือหยิบไพ่ขึ้นมาพิจารณา ลายไพ่นั้นปกติไม่ต่างจากไพ่เอซโพดำทั่วๆไป ส่วนด้านหลังเป็นสีดำเรียบที่มีตัวเขียนหวัดๆสีขาวพิมพ์ไว้....ในภาษาอังกฤษที่เขาไม่สามารถแปลออกดังเดิม

    ‘Do you believe in god? If so continue believing. If not why don’t try once?’

    ...แล้วเราจะทำยังไงดีนะ?

     

    เรจิเน็ตต้าพลิกหน้ากระดาษอ่านไดอารี่เล่มเก่าภายใต้แสงเทียนสลัวๆต่อไปเรื่อยๆ เวลาก้าวผ่านไปหลายชั่วโมงอย่างรวดเร็ว จนเธออ่านมาถึงหน้าหลังๆที่ทำให้เธอต้องหยุดอ่านอย่างถี่ถ้วน

    Time flows real fast. It’s almost two years now that I have stayed at Moonlight manor. And today, I finally met him, Sunae Toda, the owner. I wish I could talk to him more but he’s busy as always. I didn’t have a chance to tell much except for the short words of thank you. And I had experienced something weird. I remembered following Miya-san, the butler, to the basement. I saw some kind of ritual down there. The fire was lit, the mantra was chanted, and after that my mind went blank. When I came round I found myself on the floor. There were no trances of any ritual. It was like nothing happen.

    (เวลาผ่านไปเร็วมากจริงๆ นี่ก็เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ฉันอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แสงจันทร์ และในที่สุดฉันก็ได้พบกับเขาวันนี้ ผู้ที่เป็นเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้ สึนาเอะ โทดะ ฉันหวังว่าฉันจะได้พูดคุยกับเขามากกว่านี้ แต่เขาก็ยุ่งเหมือนกับทุกที ฉันเลยไม่มีโอกาสได้บอกอะไรมาก นอกจากคำขอบคุณสั้นๆ และฉันยังได้เจออะไรแปลกๆด้วย ฉันจำได้ว่าฉันตามคุณพ่อบ้านมิยะลงไปที่ห้องใต้ดิน ฉันได้เห็นเหมือนพิธีกรรมอะไรบางอย่างข้างล่างนั่น ไฟถูกจุด มนต์ถูกร่าย แล้วหลังจากนั้นในหัวฉันก็ว่างเปล่า พอฉันรู้สึกตัวอีกที ฉันก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนพื้น ที่แห่งนั้นไม่มีร่องรอยของพิธีกรรมเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน)

    เรจิเน็ตต้ามองข้ามไปที่หน้าถัดไป แต่เมื่ออ่านก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเนื้อหามันไม่ต่อกัน เหมือนหน้ากระดาษถัดไปนั้นถูกฉีกออก พอเปิดหาแล้วหาหน้าต่อไม่เจอ เธอเลยเงยหน้าขึ้นไปมองที่ที่หญิงสาวปริศนาห้อยหัวลงมา ก่อนจะพบว่าเธอคนนั้นได้หายไปแล้ว

    หญิงสาวตระหนกแทบจะทันที พลางหันซ้ายหันขวาว่าเธอคนนั้นจะโผล่มาตรงไหนรึเปล่า แต่เมื่อในห้องนั้นมีเพียงแค่เธอจริงๆหญิงสาวรู้สึกโล่งใจและคิดที่ออกจากห้องแห่งนี้ไปอีกครั้ง แม้จะไม่รู้ว่ามีอะไรคอยเธออยู่ก็ตาม

    “หกโมงเช้าแล้วหรอเนี่ย..”เธอพึมพำกับตัวเอง เมื่อมองที่นาฬิกาข้อมือ หญิงสาวยกมือปิดปากหาวจากการที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน ส่วนสาเหตุไม่ต้องบอกก็คงจะรู้กัน

    “เอาล่ะ!”เรจิเน็ตต้าตบหน้าตัวเองเบาๆเรียกสติ เก็บหนังสือไดอารี่ลงกระเป๋าสะพาย ก่อนจะปีนขึ้นบันไดเพื่อออกไปยังห้องด้านบน หญิงสาวแง้มมองภายในห้องเล็กน้อย เมื่อไม่เห็นใคร...หรืออะไรก็เปิดแล้วปีนออกมา

    แสงอาทิตย์ทอสีทองสาดส่องเข้ามาในห้อง เรจิเน็ตต้ามองผ่านหน้าต่างออกไปด้านนอกด้วยสายตามุ่งมั่น แต่เมื่อเธอหันหลังกลับไปทางประตูก็ต้องร้องออกมาด้วยความตกใจ

    ในเมื่อตรงหน้าเธอมีร่างบึกบึนผิวสีเข้มถือขวานอาบเลือดยืนอยู่ ทั้งๆที่เมื่อครู่ยังไม่มีใคร บ่งบอกว่าตรงหน้าเธอไม่ใช่คน และยังมีอีกข้อหนึ่งที่ทำให้เธอรู้ว่าตรงหน้านั้นไม่ใช่มนุษย์...

    คอชุ่มเลือด....ที่ไม่มีศีรษะอยู่เหนือส่วนนั้นขึ้นไป!!!

     

    “กรี๊ดดดด”เสียงที่ได้ยินทำให้เซย์ชิโร่หันไปทิศทางของเสียง ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าทำไมหญิงสาวถึงโชคร้ายเหลือเกิน

    เขาเริ่มวิ่งไปตามทางที่คิดว่าใช่ โดยหวังว่าเขาจะหาเธอเจอไม่เหมือนคราวที่แล้ว แถมยิ่งวิ่งเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงอย่างอื่นนอกจากเสียงร้อง เสียงของข้าวของที่พังเหมือนมีอะไรบางอย่างฟาดเข้าใส่

    เมื่อเขาวิ่งไปถึงก็เจอกับห้องที่สภาพภายในเละเทะ ส่วนเรจิเน็ตต้านั้นยืนตัวสั่นอยู่ที่มุมห้อง มือบางกุมช่วงต้นแขนซ้ายที่มีเลือดซึมผ่านนิ้วออกมา เบื้องหน้าของเธอเป็นชายไร้หัวที่กำลังเงื้อขวานขึ้นหมายจะจามคร่าชีวิตหญิงสาว

    ชายหนุ่มไม่รอช้าพุ่งเข้าไปรั้งร่างใหญ่นั้น ปีศาจไร้หัวที่ไม่ทันตั้งตัวเซเล็กน้อย ขวานในมือร่วงหล่นมาด้านหลังเฉียดหัวเขาและสร้างบาดแผลกลางหลังชายหนุ่ม แม้จะไม่ลึกมากแต่ก็เรียกเลือดได้พอสมควร

    “มัวทำอะไรอยู่! วิ่งสิ!!”เมื่อเห็นว่าหญิงสาวได้แต่นิ่งอึ้ง เซย์ชิโร่ไม่มีทางเลือกนอกจากจะตะโกนเรียกสติเธอ เพราะตอนนี้แค่รั้งก็เต็มความสามารถเขาแล้ว

    เรจิเน็ตต้าสะดุ้งโหยง พยักหน้าลงเป็นเชิงว่าเข้าใจทั้งตื่นกลัว สมองยังไม่ประมวลผลอะไรมากนอกจากทางที่จะทำให้เธอรอดไปจากสถานการณ์นี้ ซึ่งทางเลือกก็มีเพียงแค่ทำตามที่ชายหนุ่มบอกเท่านั้น

    ปีศาจไร้หัวพยายามดิ้นให้หลุด ในขณะที่เซย์ชิโร่ก็พยายามรั้งไม่ให้หลุดออกไป เมื่อเห็นว่าหญิงสาววิ่งไปใกล้ถึงประตูแล้ว เขาก็ปล่อยแขนออกแล้วรีบวิ่งเข้าไปคว้าแขนหญิงสาวให้วิ่งตามตัวเองมา

    ร่างบึกเสียหลักไปข้างหน้าเมื่อแรงที่ต้านจู่ๆก็หายไป ร่างนั้นหันกลับมาเอื้อมหยิบขวานที่ร่วงอยู่ที่พื้น ก่อนตัวมันจะค่อยๆจางหายไปตามแสงอาทิตย์

    เพราะมันรู้..ว่านอกจากมันแล้ว ยังมีสิ่งอื่น...สิ่งที่น่ากลัวกว่าตัวมันเองที่สามารถไล่ต้อนทั้งสองคนได้!

     

     

    “แฮ่กแฮ่ก”เรจิเน็ตต้าหอบหายใจ หลังจากที่ทั้งสองวิ่งหนีแล้วไม่เห็นปีศาจไร้หัวตามหลังมาก็มาหยุดพักกันที่ห้องอาหาร ดวงตาสีฟ้าใสจดจ้องไปที่ชายหนุ่มผมสีดำที่ยืนพิงกำแพงด้วยความเหนื่อยอ่อน เมื่อมีเวลาให้ตั้งสติหญิงสาวก็อดคิดไม่ได้ว่า เขาช่วยเธอไว้ทำไม? เขาไม่ได้อยากจะปิดปากเธอหรอกหรอ? แล้วเขาเป็นใครกันแน่?

    “ไม่เป็นไรนะ”เสียงทุ่มของชายหนุ่มดังทำลายความเงียบ เรจิเน็ตต้าพยักหน้าแทนคำตอบ

    “คุณ...เป็นใครกันคะ? ฉันนึกว่าคุณเป็น....”เรจิเน็ตต้าเงียบไป ชายหนุ่มทรุดตัวลงกับพื้นก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผ่านกรอบแว่น

    “ฆาตกร?”คำถามที่ส่งกลับมาพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอทำให้เรจิเน็ตต้าพยักหน้า หรือว่าเธอจะเข้าใจอะไรผิดไป?

    “เอาเถอะ สถานการณ์แบบนั้นจะเข้าใจผิดก็ไม่แปลก งั้นขอแนะนำตัวเลยล่ะกัน ผมเซย์ชิโร่..โองามิ เซย์ชิโร่ เป็นตำรวจสืบสวน ยินดีที่ได้รู้จัก”เซย์ชิโร่กล่าวพลางล้วงบัตรประจำตัวตำรวจออกมาให้หญิงสาวดู

    “ฉันเรจิเน็ตต้า โทเลรันซ่า ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”เรจิเน็ตต้าตอบกลับ ในใจยังคงไม่วางใจในตัวคนตรงหน้า เพราะโลกใบนี้น่ะ เต็มไปด้วยคำหลอกลวงอยู่แล้ว

    “ใกล้ๆนี้มีห้องน้ำอยู่ น่าจะมีกล่องปฐมพยาบาล”เซย์ชิโร่บอก ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เรจิเน็ตต้าที่ไม่ทันสังเกตเมื่อเห็นแผลที่หลังก็เข้าไปช่วยพยุง

    ทั้งสองเดินพยุงกันไปตามทางจนถึงประตูห้องน้ำ ประตูที่ชายหนุ่มเคยเปิดแง้มไว้บัดนี้กลับปิดสนิท...

    “รอเดี๋ยว”เซย์ชิโร่กล่าว หญิงสาวพยักหน้า ในใจก็นึกขึ้นได้ว่าบ้านหลังนี้ไม่ปลอดภัยแม้แต่ยามสว่าง จึงถอยห่างออกมาจากประตูเล็กน้อย เซย์ชิโร่ยื่นมือออกไปหมุนลูกบิดแล้วผลักเปิดออก

    แอ๊ด...ประตูไม้ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด เผยภายในที่เป็นห้องพื้นกระเบื้องที่เคยขาว ผนังกระเบื้องสีครีมอ่อนๆเปื้อนคราบสกปรกตามกาลเวลา หน้าต่างบานไม่ใหญ่มากพอให้แสงสลัวลอดเข้ามา

    เมื่อเห็นว่าภายในไม่มีอะไร ทั้งสองคนจึงเดินเข้าไปภายใน พร้อมกับเทียนที่ชายหนุ่มหยิบมาจากเชิงเทียนติดผนังเพื่อเพิ่มแสงภายในห้องน้ำ ด้วยสาเหตุบางอย่างทำให้บ้านหลังนี้ไม่มีหลอดไฟสักดวง ทั้งๆที่มีน้ำประปาและไฟฟ้าแท้ๆ

    เรจิเน็ตต้าเดินไปเปิดดูตู้เก็บของในห้องน้ำ เมื่อเปิดตู้ที่สามเธอก็เจอสิ่งที่ต้องการ กล่องปฐมพยาบาลสีขาวๆสะอาดที่มีฝุ่นจับบริเวณฝากล่อง

    “ฉันเจอแล้วล่ะค่ะ”เรจิเน็ตต้าหันไปบอกเซย์ชิโร่ที่ล้างมืออยู่ชายหนุ่มหันมายิ้มให้น้อยๆ ก่อนจะยื่นผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำให้

    “คุณเช็ดแผลเถอะ”

    “ฉันว่าคุณควรจะเช็ดมากกว่าฉันอีกนะคะ”หญิงสาวว่าขณะรับผ้ามา แต่เธอตั้งใจจะเช็ดให้เขาไม่ใช่ตัวเธอเอง

    “คุณเช็ดก่อน แล้วค่อยมาเช็ดให้ผมก็ได้ เดี๋ยวผมขอดูก่อนว่ายามันหมดอายุรึยัง”เซย์ชิโร่พูดเมื่อเห็นเธอเดินเขามาหา เรจิเน็ตต้ามองหน้าชายหนุ่ม แต่ก็พยักหน้า เพราะเมื่อดูแล้วเขาคงเป็นคนที่หัวแข็งพอสมควรเลยทีเดียว

    เรจิเน็ตต้าถกแขนเสื้อขึ้น ก่อนจะค่อยๆเช็ดแผลที่ต้นแขนของเธอเอง ระหว่างนั้นก็อดเหลือบมองไปทางชายหนุ่มไม่ได้ เขาเป็นคนที่ช่วยเธอไว้ เธอควรจะไว้ใจเขาดีรึเปล่านะ? หรือเขาจะแค่ช่วยเธอเพื่อหาทางออก?

    “โชคยังดีที่ยาใส่แผลสดกับแอลกอฮอล์ยังไม่หมดอายุ ส่วนยาแก้ปวดนี่คงเก็บไว้ใช้ได้ ผ้าพันแผลเองก็ยังใช้ได้อยู่”เซย์ชิโร่พูดขึ้นมา ในขณะที่หยิบยาที่ใช้ได้ออกมานอกกล่อง ในใจก็อดสงสัยถึงความบังเอิญไม่ได้ ที่บ้านร้างหลังนี้มีพร้อมให้ดำรงชีพเกือบทุกอย่าง

    “เดี๋ยวผมพันผ้าให้”เซย์ชิโร่กล่าว พลางนั่งลงข้างๆเรจิเน็ตต้า ก่อนจะใส่ยาแล้วค่อยๆพันแผลให้ เมื่อเสร็จเรจิเน็ตต้าก็พูดขึ้นมา

    “คุณถอดเสื้อแล้วหันหลังด้วยนะคะ ฉันจะทำแผลให้”เรจิเน็ตต้าลุกขึ้นแล้วเอาผ้าไปซักจนสะอาด

    เซย์ชิโร่ถอดเสื้อนอกพร้อมเสื้อเชิ้ตออกขัดๆเผยให้เห็นแผงอกแกร่งได้รูป เมื่อหันกลับมาหญิงสาวก็หน้าขึ้นสีระเรื่อ ก่อนจะเบือนสายตาหนีจากภาพตรงหน้า ในเมื่อเธอเกิดมาตั้ง 20 กว่าปี ก็เป็นครั้งแรกนี่แหละก็อยู่กับผู้ชายสองต่อสองแล้วเขาไม่ใส่เสื้อ แถมยัง...หน้าตาดีซะขนาดนี้ สักพักหญิงสาวก็สะบัดหัวไล่ความคิดออก

    ตอนนี้ไม่ใช่เวลามานึกถึงเรื่องนั้นนะ!’

    เธอมองแผ่นหลังกว้างชัดๆ ก่อนจะอดเบ้หน้าไม่ได้ เป็นครั้งแรกของเธออีกเหมือนกันที่เห็นแผลสดใหญ่ขนาดนี้ แต่ยังดีที่เหมือนเลือดจะหยุดไหลไปแล้ว

    “...แสบหน่อยนะคะ”เธอว่าขณะเอาผ้าชุบแอลกอฮอล์บรรจงเช็ดแผลให้ชายหนุ่ม และตามคาดระหว่างที่เธอเช็ดชายหนุ่มก็ส่งเสียงร้องรอดไรฟันออกมา

    เมื่อเช็ดแผลเสร็จเรจิเน็ตต้าก็ค่อยๆพันผ้าอย่างระมัดระวังไม่ให้แน่นเกินไปหรือหลวมเกินไป ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆเมื่อทำแผลเสร็จ ถึงจะเช็ดเบาๆแล้วก็ตาม แต่แอลกอฮอล์กับแผลสดก็แสบใช่เล่นเลยทีเดียว

    “ขอบคุณครับ”เซย์ชิโร่กล่าว ขณะที่หยิบเสื้อมาสวมกลับเหมือนเดิม

    “ไม่เป็นไรค่ะ อีกอย่างคุณเจ็บก็เพราะฉันด้วย...ฉันต่างหากล่ะคะ ที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณ”เธอตอบ พลางยิ้มบางๆ ชายหนุ่มพยักหน้ารับ หลังจากเก็บยาลงกล่องปฐมพยาบาลเสร็จ ทั้งสองคนก็กลับไปปักหลักที่ห้องอาหาร เพื่อจะได้หาเบาะแสและวิธีการที่จะพาทั้งเขาและเธอออกไปจากบ้านหลังนี้

    ในเมื่อผู้เล่นทั้งสองได้มาเจอกันแล้ว...เรื่องราวจะเป็นยังไงกันนะ?

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×