ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #115 : Heaven Upside Down: Cast & Prologue

    • อัปเดตล่าสุด 30 มิ.ย. 64


    Heaven Upside Down
    Inspiration: Akutagawa Ryunosuke: Kappa 「河童 (Novel, 1927) & Ratched (TV Series, 2020)
    Playlist: Lee Morgan – The Lion And The Wolf

     
     
     
     
     
    ____________________________________________________________________________________________________________
     











    .

    เพราะพี่ชายของเธอเคยถูกวินิจฉัยว่าเป็นบ้าหลังจากฆ่าคนตายจนถูกจับส่งเข้าโรงพยาบาลจิตเวช ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่ ทำให้ฮายามะ คาคุโกะ ที่รู้เช่นเห็นชาติสันดานของพี่ชายอารมณ์ร้อนที่เคยสร้างบาดแผลตามเนื้อตัวให้เธอมาตั้งมาก ทั้งยังเล่นละครเก่งเป็นที่หนึ่ง จนตบตาคนในครอบครัวได้อยู่หมัด จึงอดไม่ได้ที่จะเกิดความเคลือบแคลงสงสัยต่อชายหนุ่มผู้ป่วยจิตเวชที่คาคุโกะได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ประจำภาควิชาจิตวิทยาที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีสุดท้ายในมหาวิทยาลัยโตเกียว ให้มาหาข้อมูลทำวิทยานิพนธ์ไกลถึงสถานพยาบาลมาโมริในฮาโกดาเตะ กับกรณีน่าสนใจของผู้ป่วยจิตเวชที่เคยเป็นข่าวอึกทึกครึกโครมทั้งบนหน้าหนังสือพิมพ์และในข่าวโทรทัศน์อยู่ช่วงหนึ่งว่าเขาถูกปีศาจจับตัวไป และมันสั่งให้เด็กหนุ่มที่เคยเป็นคนรักสงบเริ่มต้นฉุนเฉียวใส่คนที่บ้าน ทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมห้อง ก่อนลงเอยด้วยการใช้มีดแทงคนที่แค่เดินสวนกันหน้าโรงภาพยนตร์ทั้งที่ไม่มีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนจนถึงแก่ชีวิต อาจารย์ของเธอต้องการข้อมูลเจาะลึกถึงช่วงที่เขาหายตัวไปในป่าเป็นเวลาสามวันสามคืนซึ่งเจ้าตัวไม่เคยแพร่งพรายรายละเอียดให้ใครฟังแม้เวลาจะผ่านไปนานถึงกว่าสองปี และถึงคาคุโกะจะคิดว่าเป็นเคสที่น่าสนใจ เธอก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีความสามารถในการเค้นถามเขาจนได้เรื่องได้ราวอะไรอยู่ดี

    แต่เมื่อผู้ป่วยจิตเวชหมายเลข 23 เด็กหนุ่ม ที่ได้กลายมาเป็นชายหนุ่ม โอริยามะ นาโอะ ซึ่งทุกคนในเมืองมาโมริต่างรู้จักดีจากฐานะลูกเลี้ยงของผู้ว่าฯที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่ ได้พบกับเธอที่ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามในห้องเยี่ยมเป็นครั้งแรก ใบหน้าที่ใครต่อใครเคยว่านิ่งขรึมเย็นชาก็ปรากฏเป็นรอยยิ้มกว้าง หรือคำพูดคำจาที่แทบไม่ใคร่จะหลุดจากปากมากไปกว่าหมัดที่มักสวนออกไปตามคำว่าของผู้อำนวยการโรงพยาบาล ถึงขั้นส่งบุรุษพยาบาลมาช่วยคุ้มกันเธออยู่ห่างๆ ก็เริ่มต้นทักทายเธอด้วยน้ำเสียงสดใสในหัวข้อประหลาดอย่างเช่นว่า

    “ผมเป็นผู้ป่วยหมายเลข 23

    “เอ่อ...คะ?”

    “เหมือนเรื่องขับปะ

    “คะ?” คราวนี้คาคุโกะเข้าใจคำพูดของเขาชัดเจนแจ่มแจ้ง ไฉนเลยที่เด็กภาคจิตวิทยาอย่างเธอจะไม่เคยอ่านวรรณกรรมเสียดสีสังคมเรื่องเยี่ยมของอะคุตะงาวะ ริวโนะสุเกะที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยจิตเวชเรื่องนั้น แต่ด้วยความที่ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก สิ่งที่หลุดออกจากริมฝีปากสีเข้มจึงยังคงเป็นคำอุทานอันงงงวยเช่นเดิม กระนั้นก็ดูเหมือนเขาจะล่วงรู้และเข้าใจ ถึงได้เอ่ยต่อไปโดยไม่มีการย้ำซ้ำคำพูดเดิมแม้แต่น้อยว่า

    “และผมก็ได้รับการช่วยเหลือในโลกอีกใบหนึ่งเหมือนกับผู้ป่วยหมายเลข 23

    ก่อนสติของคาคุโกะจะกลับคืนมาได้ในที่สุดเมื่อสั่นศีรษะเบาๆ กระแอมไอเล็กน้อย แล้วเริ่มต้นพูดกับเขาเป็นประโยคแรกของวันว่า “เอ่อ แต่คุณโอริยามะบอกว่าถูกปีศาจจับตัวไปไม่ใช่เหรอคะ? ถ้าอย่างนั้นคุณจะบอกว่า...”

    “ปีศาจช่วยเหลือผมไว้” เขาเป็นฝ่ายต่อคำพูดของเธอให้จบ ด้วยสีหน้าที่ยังคงแต้มแต่งไปด้วยรอยยิ้ม หากมันกลับรบกวนจิตใจของเธอเป็นอย่างมากเมื่อเขาจะเอ่ยประโยคตามมาว่า “และยังคงช่วยเหลือผมอยู่ในฐานะแขกคนสำคัญ ถึงผมจะจากโลกของพวกเขามาแล้วก็ตาม”

     

    “ฉันคิดว่าผู้ชายคนนั้น...” คาคุโกะก้าวฝีเท้ายาวๆ มาจากลานจอดรถที่อยู่ไม่ไกลจากกันนักด้วยสีหน้าที่ติดจะมึนตึง ก่อนทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หน้าห้องพักในโรงแรมปึงปังข้างกับชายหนุ่มที่กำลังนั่งสูบบุหรี่ พลางทอดมองวิวจากหน้าผาสูงเหนือน้ำทะเลสีฟ้าสุดลูกหูลูกตาเบื้องหน้าอย่างสบายอารมณ์ ตรงกันข้ามกับหญิงสาวที่ไม่อยู่ในอารมณ์จะดื่มด่ำ “หมายถึงโอริยามะ นาโอะคนนั้นไม่ได้เป็นบ้า”

    “อ่าฮะ”

    เขาเพียงขานรับในลำคอ ขณะที่คาคุโกะก็ไม่ได้แยแสใส่ใจขณะกล่าวต่อไปว่า “เพราะเขาทำร้ายคนจนตาย เขาก็เลยแต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อจะได้ไม่ต้องติดคุกเหมือนกับพี่ชายของฉันไง รู้อะไรไหมไคโตะ ฉันว่าไม่ใช่ปีศาจหรอกที่เสี้ยมให้เขาทำเรื่องชั่วร้ายแบบนั้น แต่เป็นสันดานของเขาเองต่างหาก เขาอาจมีปัญหาสั่งสมกับคนที่บ้าน เพื่อนที่โรงเรียน หรือไม่ก็อาจเป็นพวกต่อต้านสังคมอยู่แล้ว จนในที่สุดก็ระเบิดออกมาแบบนั้น เป็นไปได้ไหมว่าช่วงเวลาที่เขาหายตัวไปในป่าอาจมีอะไรบางอย่างมากระตุ้น?”

    “ฉันรักเธอนะคาคุโกะ” ทั้งท่าทีและน้ำเสียงของเขายังคงไม่มีความเคร่งเครียดอยู่ในนั้น แม้หลังจากประโยคอันยืดยาวของสาวคนรักกับคำถามที่เขาไม่นึกสนใจจะตอบ “แต่ถ้าลดการคิดเป็นตุเป็นตะลงหน่อยก็คงดี”

    เหมือนอย่างคาคุโกะที่ก็หันไปส่งยิ้มให้จากแววตาที่ยิบหยีลงไป

    “ส่วนฉันก็รักที่นายเป็นพวกไม่คิดอะไรเลยไคโตะ”

    นากามูระ ไคโตะที่คบควงกันมาตั้งกว่าสองปีย่อมเข้าใจความประชดประชันที่เคลือบแฝงอยู่ภายในนั้นว่าเธอจะบอกว่าเขาเป็นคนกลวงเปล่าได้ หากเจ้าตัวก็ไม่ได้นึกถือสาอะไร ซ้ำยังหัวเราะออกมาตอนลุกขึ้นยืน ขยี้ก้นบุหรี่ด้วยรองเท้าหนังบนพื้น แล้วดึงมือเธอไปด้วยกัน

    “ไปทำให้เธอหายฟุ้งซ่านกันดีกว่า”

    แต่ก่อนสิ่งที่คาคุโกะรู้ว่าไคโตะจะกระชากเธอเข้าไปในอ้อมกอดของเขาทันทีที่บานประตูงับปิดลง แล้วมอบจูบที่จะช่วยให้เธอลืมเลือนทุกความนึกคิดใดที่หาได้เกี่ยวข้องกับเขาไปได้จริงอย่างที่ว่า ทันใด ลมที่พัดมาหอบหนึ่ง พร้อมกับความรู้สึกถึงสายตาที่ราวกับจดจ้องมองตามแผ่นหลังของเธอ ก็จะทำให้คาคุโกะรู้สึกหนาวเยือกขึ้นมาจนต้องหันหลังกลับไปมอง...เพียงเพื่อจะพบกับความว่างเปล่า

     

     

    อาจเป็นเพราะเธอใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงที่เหลียวซ้ายแลขวาไปทางใดก็จะพบแต่ตึกรามบ้านช่องและอาคารประดาแสงสีเมื่อพระอาทิตย์เลือนลับมาตลอดทั้งชีวิต อาโอโนะ โมนาริ จึงรู้สึกปรีดาเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นท้องทะเลกว้างใหญ่และส่องประกายระยิบระยับเมื่อพระอาทิตย์ส่องสว่างเหนือหัวเป็นครั้งแรก ตลอดเส้นทางที่ขับรถเลียบทางด่วนมาจนถึงโรงแรมบนเนินผาที่ชื่อซีไลท์ (แสงทะเล) ซึ่งจะกลายมาเป็นบ้านของเธอนับจากนี้ หมายถึงว่าถ้าเธอผ่านสัมภาษณ์จากผู้อำนวยการที่ตอบกลับจดหมายสมัครงานของเธอด้วยแนวโน้มในแง่ดีจนโมนาริค่อนข้างที่จะมั่นใจ ขณะก้าวเข้าไปในความโอ่อ่าของอาคารสีขาวสามชั้นอันกว้างขวางในวันรุ่งขึ้น

    ที่เธอตื่นนอนตั้งแต่หัววัน และอดรนทนกระสับกระส่ายอยู่ที่ห้องไม่ไหว จนต้องบึ่งรถขับขึ้นเนินมาก่อนเวลานัดในตอนเที่ยงเกินกว่าชั่วโมง แต่แค่การได้นั่งจิบชาอยู่ในห้องรับรอง พลางทอดมองสถาปัตยกรรมแบบอลังการศิลป์ที่เกินกว่าจะเป็น โรงพยาบาลโรคจิตก็ชวนให้เกิดความประทับใจได้มากพอ

    ไม่ว่าเธอจะได้เข้าบรรจุหรือไม่ หากแต่โมนาริผู้ชอบขวนขวายก็ย่อมต้องศึกษาประวัติของที่นี่มาก่อนแล้ว ประวัติที่ดำมืดยิ่งกว่าสิ่งที่มันเป็นในทุกวันนี้ ครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นสปาและสถานบำบัดโรคสำหรับพวกเศรษฐีที่มีเงินถุงเงินถังพอที่จะจับจ่ายซื้อสุขภาพดีให้แก่ตัวเอง กระทั่งได้เกิดเหตุการณ์สยองขวัญสั่นประสาทเมื่อเด็กสาวในเมืองค่อยๆ พากันหายตัวไป ก่อนที่จะถูกพบเป็นศพในห้องใต้ดินด้วยสภาพแห้งเหี่ยวราวกับมัมมี่ เพราะถูกรีดของเหลวในร่างกายออกไปทำเป็นยาอายุวัฒนะโดยอ้างว่าเพื่อช่วยรักษาความเยาว์วัยให้แก่ลูกค้า ตำรวจพบเครื่องมือและกิจกรรมวิปริตหลายอย่างภายในนั้นจนไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดต่อสาธารณชนได้ หลังจากนั้นมันก็ถูกทิ้งร้างไปเป็นเวลายาวนานถึงกว่ายี่สิบปี พร้อมกับเรื่องเล่าในอดีตที่ค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา กระทั่งช่วงหลังสงครามที่นักลงทุนชาวต่างชาติได้เข้ามาซื้อกิจการ เปลี่ยนและปรับปรุงที่นี่ให้กลายเป็นโรงพยาบาลจิตเวชแบบไม่แสวงหาผลกำไร ด้วยคำขวัญที่แม้แต่คนอะไรก็ได้เหมือนโมนาริยังมองว่ามันงี่เง่าอย่าง บรรยากาศที่สดชื่น ย่อมนำพาจิตใจที่แจ่มใส ถ้าหากว่าบรรยากาศที่สดชื่นช่วยให้คนหายบ้าได้จริง แล้วทำไมลูกเลี้ยงของผู้ว่าฯเมืองนี้ที่มีทุกอย่างเพียบพร้อมภายในคฤหาสน์หรูหราที่มองเห็นวิวทะเลอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันถึงได้กลายเป็นบ้าไล่แทงคน? หรือทำไมเขาถึงยังเป็นคนบ้าที่ชอบแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวอยู่ที่นี่แม้เวลาจะผ่านไปตั้งกว่าสองปี?

    และกำลังจดจ้องมองเธอที่กำลังยกถ้วยเครื่องดื่มอุ่นๆ ขึ้นแตะขอบปากอยู่แบบนั้น

    เหมือนกับที่โมนาริก็ศึกษาเรื่องของผู้ป่วยหมายเลข 23 โอริยามะ นาโอะ มาก่อนแล้วเช่นกัน อาจเพราะเธอคือประชากรส่วนน้อยในประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์จากครอบครัวอุปถัมภ์ แค่การที่เขากล่าวถึงปีศาจก็มากพอที่จะทำให้เธอรู้สึกหวาดหวั่น มือของเธอยกขึ้นแตะสร้อยไม้กางเขนที่ห้อยอยู่ข้างในโดยไม่รู้ตัว

    ในตอนนั้นเองที่ริมฝีปากข้างหนึ่งของเขาจะวาดโค้งขึ้นเป็น...สิ่งที่โมนาริแน่ใจว่าคือ...รอยยิ้ม

     

    เจสซี่ ลูอิส เป็นหลานของนักลงทุนชาวต่างชาติที่ซื้อกิจการนี้และเพิ่งจะเสียไปในอุบัติเหตุพร้อมกับลูกชาย หรือก็คือพ่อของเขาไปเมื่อเกือบๆ สองปีมาแล้ว ด้วยเหตุนั้นเอง เขาจึงได้เข้าครอบครองกิจการโรงพยาบาลจิตเวชทั้งที่อายุยังไม่ถึงเลขสาม ด้วยช่วงวัยที่ห่างกันไม่ถึงห้าปี ทำให้โมนาริไม่ได้รู้สึกเกร็งเลยแม้แต่น้อย เขาแสดงความเป็นกันเองเป็นอย่างมาก ทั้งยังพูดภาษาญี่ปุ่นได้คล่องแคล่วไม่มีติดขัด โมนาริรู้ว่าเธอผ่านสัมภาษณ์งานตั้งแต่แรกพบหน้า หรืออาจก่อนพบหน้าผ่านข้อความในจดหมายเสียด้วยซ้ำไป ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงถามคำถามบางข้อกับเธออยู่ดี

    “ทำไมคุณถึงเลือกมาทำงานไกลจากบ้านเกิดขนาดนี้?”

    'บรรยากาศที่สดชื่น ย่อมนำพาจิตใจที่แจ่มใส' ไม่ใช่เหรอคะ?” เป็นคำตอบที่ก็เรียกเสียงหัวเราะจากเจสซี่ได้เช่นกัน

    “ครับ ถึงงานรับมือกับผู้ป่วยจะหนักไปบ้าง แต่ที่นี่จะไม่ทำให้สภาพจิตคุณเสียหายอย่างแน่นอน”

    โมนาริเพียงตอบรับด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้ข้างในหัวสมองของเธอจะกำลังนึกดูแคลนต่อความมองโลกในแง่ดีของชายคนตรงหน้านี้ หากมันไม่ได้มาจากความเกลียดชัง เธอถูกเลี้ยงดูมาด้วยความรักไม่ให้เกลียดชังใคร ยิ่งเมื่ออีกฝ่ายคือคนแปลกหน้าที่เธอยังไม่รู้จักนิสัยใจคอดีพอ โมนาริก็แค่เยาะหยันทัศนคติของเขาที่ดูเหมือนว่าจะส่งต่อกันมาในครอบครัว ไม่มีทางที่งานดูแลคนป่วยเช่นนี้จะไม่ทำให้พยาบาลประสาทเสียไปด้วย

    ใช่ว่าโมนาริจะไม่รู้เรื่องนั้น แต่บางสิ่งบางอย่างมันก็คุ้มค่าที่จะแลก

    “คิดว่าคุณอาจจะทราบแล้วว่าพรุ่งนี้ผู้ป่วยรายใหม่จะถูกส่งตัวมาจากทัณฑสถาน พวกสื่อก็คงจะแห่มากันด้วย ถ้าคุณอาโอโนะไม่สะดวกใจ อยากจะเริ่มงานวันมะรืนแทนก็ไม่มีปัญหานะครับ”

    หากเธอจะรีบยกมือขึ้นโบกปัด ตอบปฏิเสธรัวเร็ว “ไม่เลยค่ะ! ฉันอยากจะเริ่มงานพรุ่งนี้เลย ถ้าคุณไม่ว่าอะไร”

    “ไม่อยู่แล้วครับ ดีเสียอีก มีคนมาช่วยดูแลผู้ป่วยแบบนี้”

    โมนาริกลับออกมาจากห้องผู้อำนวยการด้วยหัวใจที่เบิกบานไม่ต่างจากขามา กลับโรงแรมเมื่อไหร่เธอจะโทรศัพท์ไปแจ้งข่าวดีกับเพื่อนสนิทที่คงจะตั้งตารออยู่ เหมือนกับที่เธอก็ตั้งตารอจะได้พบผู้ป่วยรายใหม่ในวันพรุ่งนี้ที่กำลังเป็นหัวข้อซุบซิบในหมู่พยาบาลตรงเคาน์เตอร์ที่เธอเดินผ่าน

    เพราะมัตสึดะ เก็นตะ คนที่เธอรู้จัก ไม่ใช่ฆาตกรคลั่งที่จะสังหารอดีตอาจารย์สมัยไฮสคูลที่เคยสนิทสนมอย่างเหี้ยมโหด ด้วยเหตุผลอันน่าพรั่นพรึงไม่ต่างจากโอริยามะ นาโอะที่เกี่ยวกับนรก ปีศาจ การสิงสู่ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ขัดกับหลักความเชื่อของเธอ

    และไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร เขาก็คือทุกสิ่งทุกอย่างที่โมนาริยอมที่จะแลกเพื่อช่วย












    2021年06月26日
    _______________
    ★ ไม่ไหวละ เห็นมึงลงคาแรคฯเรื่องโซโห 60s พ้มก็ต้องขอลัดคิวเยี่ยวจองพล็อตยุคเก่าด้วย ไม่ได้แค่เปิดตัวนาโอะในเกาะกะโหลก แต่เป็นตัวหลักแซงอุมิได้ (เฉพาะเรื่องนี้แหละหนุ่ม) เพราะกูไปเจอว่าเค้าเล่นบุไตเรื่องขัปปะ (ถอดเสียงตามฉบับแปลไทย) กูเลยไปหาเรื่องย่อดู (แต่ตอนนี้ซื้อหนังสือแล้ว) ถึงรู้ว่ามันเป็นเรื่องของคนบ้า ที่ก็ขอสารภาพเลยว่าเคยอยากแต่งเรื่องในโรงพยาบาลโรคจิตมากมาตั้งแต่ดูแรทเชด แบบเปิดทิ้งไว้ตอนทำงานขำๆ แล้วก็ขำจริงเพราะงานไรอันที่เราก็รู้ว่าดูเอาคอสตูม ฉาก ความบ้า ความเลอะเทอะอะไรก็พอ และเพราะกูชอบฉากโรงแรมริมทะเลกับความเป็นยุคเก่าแบบนั้นมาก ก็เลยดีใจที่ในที่สุดก็มีพล็อตสมบูรณ์แล้วเอามาตบๆ เป็นญี่ปุ่นแบบนี้สักที แรทเชดเกิดในยุค 40s แต่ขอปรับมาเป็น 50s เพราะเป็นช่วงหลังสงครามที่วัฒนธรรมตะวันตกเริ่มเข้ามาในญี่ปุ่น (ถึงจะไม่เกี่ยวเหี้ยอะไรกับเรื่องนี้เลยก็ตาม) แต่ต้องขออนุญาตไม่ใช้เพลงญี่ปุ่นยุคนั้น เพราะกูไปหาฟังมาแล้วน่ากลัวจังวะ เลยมาแนวแจ๊ซสดใสกันเถอะ มาโมริคือเมืองสมมติ แต่ที่เลือกฮาโกดาเตะเพราะไปเจอรีสอร์ตออนเซ็นที่คิดว่ามันคล้ายใน A Cure For Wellness เลยว่ะ ฟีลสถานบำบัดเก่าเอามาทำโรงพยาบาล แล้วที่ฮาโกดาเตะก็มีทะเลจริง ฉะนั้นกูก็จะสามารถจิ๊กฉากในเรื่องแรทเชดมาเนียนได้นั่นเอง แต่ส่วนพล็อตในโรงพยาบาล หรือจิตวิทยาอะไรนั่นปลอมทุกอย่าง ยอมรับว่าไม่ได้หาข้อมูลอะไรของญี่ปุ่นเลย ส่วนใหญ่กูไปจิ๊กพล็อตมาจากฝรั่งหมด ก็อ่านไปด่าไปได้เลยเพื่อน (แต่อีพวกแต่งมั่วแต่งปลอมไม่มีปัญญาหาข้อมูลอยู่แล้วไม่ต้องผสมโรงด่าจ้า) ถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่าเหี้ยจังวะก็ขอให้คิดซะว่ามันคือฟิคทดลอง...แต่งเป็นญี่ปุ่น แต่เมนหลักคือฝรั่ง เอามาเทรวมกันแล้วได้ออกมาเป็นแกงกระด้างค้างคืนเหมือนเสียแล้วด้วยประการฉะนี้
    ★ เล่าบทตัวละครจ้า: เจสซี่ผมทองเป็นผอ.โรงพยาบาล มินะเป็นนักร้องเพลงแจ๊ซและเป็นแฟนเจสซี่ ชินทาโร่เป็นบุรุษพยาบาลเพราะอยากได้คนตัวใหญ่ๆ หมาน้อยๆ โมนาริกับเบนิเป็นพยาบาล (ส่วนพยาบาลคนอื่นเป็นพวกป้าๆ เพราะถ้าสาวหมดสวยหมดอันนั้นคือสวยลากไส้) นาโอะ เก็นตะ โฮคุโตะเป็นคนบ้าและเคยฆ่าคนมาก่อนหมด (อีดอก แค่เขียนพล็อตยังรู้ว่าปลอมแต่กูก็จะแต่งให้ปลอมๆ แบบนี้แหละ และโฮคุโตะก็คือพี่ของคาคุโกะนั่นเอง ไม่ได้แต่งฟิคให้เค้านานก็ต้องกลับมาอย่างยิ่งใหญ่แบบนี้แหละ @_@) เล่าเลยแล้วกันว่านาโอะได้ไปเจอปีศาจจริงและไม่ใช่ขัปปะ ส่วนพล็อตคู่โมนาริกับเก็นตะได้มาจากในเรื่องแรทเชดแบบยำๆ แต่สตอรี่หลักของทุกคนจะเกี่ยวข้องกับนาโอะหมด แต่เรื่องนี้ไม่ใช่แนวจิตวิทยาแน่นอนเพราะกูแต่งไม่เป็นเหมือนมึง ของกูต้องมาเป็นตัวเป็นตนเสมอ แล้วก็คงไม่ได้เกี่ยวกับศาสนาอะไรด้วย อันนี้ก็แต่งไม่ได้ ไม่เชี่ยวพอว่ะ แต่บางทีอาจจะก็อปมึงนะ ไม่แน่ ดูก่อน / ส่วนชื่อเรื่องได้มาจากชื่ออัลบั้มของ Marilyn Manson ก็คือหรือจะสื่อได้ว่ามันเกี่ยวกับมัจจุราชบงการ!
    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×