ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF+FANART GOT7 [AllxJackson] By Silverfeather29

    ลำดับตอนที่ #41 : [SF] SMUT (MarkSon)

    • อัปเดตล่าสุด 15 มี.ค. 58


    TITLE: SMUT

    COUPLE: MARK x JACKSON [MarkSon]

    RATE: NC-18

    WORD: 4,854

    BY: Silverfeather29 /@silverfeather29/

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

     

     

     

    SMUT

     

     

     

     

     

     

     

              แฟ้มเอกสารถูกโยนลงบนพื้นพรมตรงหน้าชายหนุ่มที่กำลังตัวสั่นเทา ไม่กล้าเงยหน้ามอง เจ้านายที่กำลังหมุนปากกาเล่นไปมาอยู่บนเก้าอี้ทำงาน ห้องทั้งห้องเงียบเชียบน่าอึดอัดราวกำลังลงโทษคนทำผิดพลาดด้วยความเงียบอันน่าสะพรึงกลัว ดวงตาสวยหลับลงอยู่เกือบนาที ลืมขึ้นมองลูกน้องตรงหน้าตัวเองด้วยสายตาเย็นชาเรียบเฉยไม่สามารถเดาทางออกได้ มือเรียวสวยตวัดปลายปากกาขึ้นลงคล้ายเป็นสัญญาณบางอย่างในอากาศ

     

    ปัง!

     

    “อ๊ากกกก!!!”ลูกตะกั่วเจาะเข้าขาซ้ายคนหน้าโต๊ะจนล้มกลิ้งลงไปกับพื้น โลหิตสีสดไหล่เลอะพรมสีแดงเลือดหมู เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังออกไปด้านนอก

     

    “ส่งไปห้องสีขาว”

     

    เพียงแค่ได้ยินชื่อสถานที่ที่ตนถูกส่งไป คนบนพื้นก็ร้องโหยหวนขอความเมตตา

     

    “ไม่นะ ท่านมาร์ค ผมขอโทษครับ ได้โปรด ให้โอกาสผมอีกสักครั้ง ท่านมาร์ค! ท่านมาร์ค!

     

    ชายหนุ่มเจ้าของนาม มาร์คมองร่างลูกน้องตนถูกหิ้วปีกออกไปด้วยแววตาเรียบเฉยไม่ยี่หระต่อสิ่งใด มือเรียวปักปากกาลงบนกระดาษเวลาเดียวกับประตูห้องทำงานถูกปิดลงคล้ายสัญญาณจบของคำสั่งทั้งมวล

     

    “แจ็คสัน”

     

    ชายหนุ่มในชุดเสื้อสูทสีดำเรียบๆเดินออกมาจากหลังโต๊ะของเจ้านาย มือขวาใต้ถุงมือหนังปรากฏปืนเซมิออโต้กระบอกเล็กเหมาะมือเจ้าของ เดาได้ไม่ยากว่าลูกตะกั่วเมื่อกี้ใครเป็นคนลงมือ ดวงหน้าขาวเค้าโครงดุเข้ม จมูกเป็นสันปลายโด่งรั้น ริมฝีปากแดงสดราวกับโลหิต ดวงตากลมหลุบลงมองพื้นอย่างนอบน้อม

     

    “ปล่อยปืนลง แล้วมานี่”

     

    ริมฝีปากแดงก่ำขบกัดเพียงเล็กน้อย ก้มหน้าอย่างรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป มือปล่อยกระบอกปืนลงพื้น ก้าวเข้าไปหาเจ้านายอย่างเชื่องช้า

     

    ดวงตาสวยจับจ้องชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าเป็น ลูกน้องคนสนิทที่สุดของตน เปรียบเสมือนแขนขาที่ขาดไม่ได้ ทั้งในเรื่องของงานหรือเรื่องอื่น...

     

    “ฉันกำลังหงุดหงิด”

     

    “...ครับ”






















     

    -น้องหวังโดนรังแก-

     

     

     

















     

     

     

    กว่าจะจัดการตัวเอง เก็บร่องรอยในห้องให้เรียบร้อยก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แจ็คสันรีบร้อนเก็บปืนลงซองเหน็บบนต้นขา รู้สึกเจ็บหน่วงยามเดินย่ำแรงๆ ได้แต่ถอนหายใจคิดไปถึงว่าตัวเองควรพกถุงยางและน้ำหล่อลื่นอย่างที่มาร์คว่าไว้เสียที

     

    ถ้ามาร์คโกรธวันละสามรอบ เขาก็ต้องโดนทำน่าอายแบบนี้ถึงสามรอบต่อวัน มันไม่ดีต่อร่างกายคนที่ต้องใช้ความแข็งแรงและความคล่องตัวแบบเขา ในเมื่อมันไม่มีวิธีแก้โรคหงุดหงิดของมาร์ค เขาก็ควรมีวิธีป้องกันตัวเองใช่ไหมล่ะ?

     

    ตระกูลต้วนเป็นตระกูลใหญ่และมั่งคั่งระดับแนวหน้าของประเทศ มีธุรกิจบังหน้าคืออหังสาริมทรัพย์ ส่วนธุรกิจเบื้องหลังคือการขนของข้ามประเทศอย่างผิดกฎหมาย ทายาทคนปัจจุบันคือมาร์คต้วน ชายหนุ่มที่มีความสามารถหลากหลายและฉลาดเป็นกรด ส่วนแจ็คสันก็แค่ลูกน้องตัวกระจ๊อกที่อายุใกล้มาร์คเลยถูกเรียกตัวมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้ตั้งแต่เด็ก

     

    ตอนเด็กก็ออกจะน่ารัก แต่ทำไมโตมาถึงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะเนี่ย...

     

    แจ็คสันถอนหายใจขณะเดินลงมาด้านล่างของคฤหาสน์ เสียงแหลมหวานของหญิงสาวเรียกให้คิ้วเรียวขมวดมุ่น หยุดยืนกรอกตาเบื่อหน่าย แค่คิดว่าตัวเองต้องทนเสียงน่ารำคาญแบบนี้หลอกหลอนตลอดทั้งมื้อค่ำก็พาลไม่อยากกินข้าวขึ้นมาซะดื้อๆ

     

    “มาร์คขา มาเรียเอาสตอว์เบอร์รี่มาฝาก ที่ญี่ปุ่นตอนนี้กำลังอากาศดีเลยล่ะค่ะ มาร์คต้องชอบมากแน่ๆ มาเรียรู้ว่ามาร์คชอบอากาศอุ่นๆใช่ไหมล่ะ?”

     

    ...มาร์คชอบอากาศเย็นๆของฤดูใบไม้ร่วงต่างหาก...แจ็คสันเถียงขึ้นในใจขณะก้มตัวนิดหน่อยเป็นการเคารพและทักทายหญิงสาวผู้เป็นแขกของบ้านตระกูลต้วน

     

    แอบเหลือบมองปฏิกิริยาของชายหนุ่มผู้เป็นทายาทตระกูลแล้วได้แต่ยิ้มขำ หน้าเรียบๆแบบนั้นนี่คือหงุดหงิดไม่น้อยเลยล่ะสิ แต่เรื่องนี้เขาช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ จะไปเป่าหัวคุณหนูผู้ร่วมหุ่นใหญ่ของตระกูลก็คงไม่ใช่เรื่องเท่าไหร่

     

    บนโต๊ะยาวมีมาร์คนั่งอยู่หัวโต๊ะมีมาเรียนั่งพูดคุยเสียงเจื้อยแจ้วอยู่ข้างๆ ส่วนอีกด้านคือโจอี้น้องชายของมาร์คที่กำลังทำสีหน้าเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด แต่พอเห็นเขาโจอี้ก็ยิ้มกว้าง รีบลุกขึ้นรุดมาจับมือเขาเอาไว้แน่น

     

    “พี่แจ็คสันมาพอดีเลย ช่วยพาโจอี้ไปกินเสต๊กหน่อยสิ วันนี้จู่ๆผมก็อยากกินอ่ะ”

     

    “เอ่อ...”แจ็คสันเหลือบมองสีหน้าเรียกตึงของเจ้านายตัวจริงอย่างไม่รู้จะตอบอย่างไรดี

     

    “แจ็คสันมาไปนั่งที่ โจอี้ด้วย ถ้าอยากกินทำไมไม่บอกตั้งแต่ตอนเที่ยง”

     

    แจ็คสันจะเดินไปนั่งที่ตามคำสั่งมาร์คแต่โดนมือเด็กหนุ่มรั้งไว้ก่อน ดวงตาคนเป็นน้องมองพี่ชายตัวเองด้วยความดื้อรั้นปนด้วยความเย้ยเยาะบางอย่างซึ่งเขาก็อธิบายไม่ได้

     

    “ตอนเที่ยงผมออกไปทำงานกับเพื่อน ก็ผมอยากกินนี่ พี่มาร์คก็กินไปกับคุณมาเรียสองต่อสองไปสิ ผมก็จะไปกินข้าวกับพี่แจ็คสันสองต่อสองเหมือนกัน”

     

    “โจอี้”เสียงเรียกชื่อน้องของมาร์คตอนนี้ดูน่ากลัวกว่าที่เคย ขนาดที่ว่ามาเรียยังต้องนั่งนิ่งไม่กล้าพูดอะไรขัด “แจ็คสันเป็นบอดี้การ์ดฉัน ฉันไม่อนุญาตให้เขาไปกับนาย อยากไปก็ไปชวนคนอื่น”

     

    “พี่แจ็คสันเป็นบอดี้การ์ดของตระกูลต้วนต่างหาก ไม่ใช่ของของพี่สักหน่อย อย่าหวงของที่ไม่ใช่ของตัวเองสิครับ พี่ชาย”

     

     

     

     

     

     

     

     

    หลังจากทิ้งคำพูดร้ายกาจให้คุณชายใหญ่ตระกูลต้วนแล้ว โจอี้ก็ลากบอดี้การ์ดตัวเล็กออกมาจากห้องทานอาหาร แจ็คสันเดินตามแรงฉุดของอีกคนทั้งที่ใจยังพะว้าพะวงกับสีหน้าดุกร้าวของมาร์คก่อนที่ตัวเองจะเดินออกมา

     

    “คุณโจอี้...ผมว่าผมกลับไปดีกว่า”

     

    “ไม่ต้องกลัวพี่มาร์คขนาดนั้นหรอกน่า”

     

    “แต่คุณมาร์คกำลังโกรธ”

     

    “เฮ้อ...”เด็กหนุ่มถอนหายใจ หันกลับมามองคนตัวเล็กที่เอาแต่คอยจะมองไปด้านหลังอย่างนึกเหนื่อยใจ “พี่ก็อย่าไปตามใจพี่มาร์คให้มันมากเกินไปนักสิ เพราะพี่เอาแต่เงียบไม่โวยวายอะไร พี่มาร์คมันเลยได้ใจแบบนี้ไง”

     

    “ผมไม่ได้...”

     

    “อย่าปฏิเสธว่าพี่ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยตอนเห็นพี่มาร์คอยู่กับผู้หญิงคนอื่น”

     

    “...”แจ็คสันนิ่งเงียบก้มหน้าลงกับพื้น เขาไม่สามารถปฏิเสธได้จริงๆนั่นแหละ

     

    “พี่มาร์คมันฉลาดแต่เรื่องอื่น พอเรื่องหัวใจตัวเองล่ะโง่อย่างกับควาย ไปเที่ยวกันดีกว่า พี่ไม่ได้ออกไปด้านนอกนานแล้วใช่ไหมล่ะ? เอาแต่โดนพี่มาร์คใช้งานทุกวันเหนื่อยล่ะสิ”

     

    “ผมไม่ได้เหนื่อย ผมดีใจที่ผมได้ทำงานให้คุณมาร์ค”แจ็คสันตอบอย่างจริงจัง แต่โจอี้กลับส่ายหน้าเนือยๆ

     

    “ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ผมหมายถึงต้นเหตุของรอยแดงบนหลังคอพี่ต่างหาก”

     

    พูดจบมือขาวก็ตะปบเข้าที่หลังคอ ใบหน้าขาวแดงแปร๊ดขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ในหัวกำลังนึกย้อนไปว่าทำไมเขาถึงไม่รู้สึกว่าอีกคนฝากรอยอะไรเอาไว้บนกาย คนสัญชาติญาณไวแบบเขาไม่ควรจะผิดพลาดแค่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้นี่นา

     

    “พี่มาร์คมันก็ทิ้งไว้ตลอดนั่นแหละ คนเขารู้กันหมดแล้ว มีแต่พี่นั่นแหละที่ไม่เคยรู้ตัวเลย แน่ล่ะอยู่หลังคอขนาดนั้นเห็นก็เกินไป”

     

    “คุณโจอี้รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”

     

    “หืม?...อืม ตอนไหนนะ สัปดาห์ก่อน เดือนก่อนหรือสามเดือนก่อนนะ”ตอบยียวน มองใบหน้าแดงก่ำเขินอายนั่นอย่างรื่นเริง

     

    “เอาน่า เลิกเขินเถอะ ไปเที่ยวกันดีกว่า”

     

     

     

     

     

     

     

     

    กว่าโจอี้จะเที่ยวจนพอใจก็ปาเข้าไปตีสองกว่าแล้ว คุณชายเล็กตระกูลต้วนถูกหิ้วปีกขึ้นไปบนห้องนอนโดยความร่วมมือของบอดี้การ์ดคนอื่นๆ ส่วนแจ็คสันเดินแยกจะกลับห้องตัวเองซึ่งอยู่ชั้นหนึ่ง ไฟในคฤหาสน์ถูกปิดหมด แจ็คสันใช้สายตาที่ถูกฝึกให้ชินกับความมืดได้ง่ายในการเดินไปตามทางเดินมืด ประตูห้องเขาอยู่ตรงหน้า แต่ไม่ทันจะได้เปิดประตู เสียงทุ้มต่ำคุ้นหูก็ดังขึ้นมาก่อน

     

    “หนีเที่ยวกับเด็ก สนุกไหมล่ะแจ็คสัน?”

     

    เฮือก! สะดุ้งพลิกกายหันไปเผชิญหน้ากับร่างที่เดินออกมาจากหลังเสาต้นใหญ่ ดวงตาสวยประกายกร้าวนั้นเห็นได้ชัดแม้ในความมืดมิด ไม่ต่างจากเขี้ยวขาวจากรอยยิ้มแสยะที่ทำให้แจ็คสันสั่นกลัว

     

    “คิดว่ากลับมาดึกๆจะหนีฉันได้รึไง คิดง่ายเกินไปหน่อยนะ”

     

    “ผมไม่ได้หนี”ตอบปฏิเสธออกไปทั้งที่ใจก็ยังสั่นกลัว

     

    “หึ อย่างนั้นก็ดี เตรียมใจพร้อมการลงโทษของฉันแล้วสินะ”

     

    “...”แจ็คสันนิ่งเงียบ ได้แต่คิดวนไปมาว่าตัวเองทำอะไรผิด

     

    “ฉันหวังว่าในห้องนายจะมีถุงยางกับน้ำยาหล่อลื่นนะ”

     

    .

     

    .

     

    .

     










     

    -น้องหวังโดนรังแก-

     




     

     

     

    “เพียงแค่นายขอหรือต่อว่าฉันสักคำ ฉันคงไม่รู้สึกผิดขนาดนี้หรอกนะแจ็คสัน”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “หน่วยสองแจ้งศูนย์หลัก พวกเราเสียกำลังฐานหน่วยสองไป ขอกำลังเสริมด่วน”

     

    แจ็คสันแนบร่างกับอิฐแดงของตึกร้างแถวท่าเรือที่เป็นสถานที่จัดส่งสินค้าในคืนนี้ มือขาวกระชับปืนส้นในมือแน่น ระบายลมหายใจระงับความเหนื่อยที่เกิดขึ้นจากการไล่ล่ามานับชั่วโมง ดวงตากลมเหลือบมองรอบกายอย่างระแวดระวัง ถ้ารายงานตามวิทยุจริง ตรงส่วนนี้ก็น่าจะมีพวกนั้นซุ่มรอโจมตีเขาอยู่

     

    โชคดีที่วันนี้มาร์คติดประชุมเลยไม่ได้มาคุมงานด้วย เขาไม่ต้องมาคอยระวังให้เจ้านาย ไม่ต้องโดนมาร์คกันตัวเอาไว้ให้ห่างจากสมรภูมิการต่อสู้ และได้ทำงานอย่างเต็มความสามารถ

     

    หลังจากที่โดนทำโทษรุนแรงคืนนั้นเขาก็เป็นไข้ติดต่อกันอยู่สองวัน มาร์คไม่ลงมาเยี่ยมเขาเลย มีแต่โจอี้ที่คอยมานั่งคุยเล่นด้วย เด็กนั่นเอาแต่ยุเขาให้โกรธมาร์ค แจ็คสันก็เอาแต่ส่ายหน้าจนคุณชายเล็กตระกูลต้วนต้องยอมลงเพราะความดื้อรั้นของเขา

     

    จะไม่พูดว่าไม่โกรธหรือไม่น้อยใจเลยก็ไม่ได้ แต่มาร์คเป็นแบบนี้บ่อยจนเขาเคยชินและเหนื่อยที่จะวิ่งไล่หาเหตุผลจากผู้ชายคนนี้มาตั้งนานแล้ว ได้แต่ปล่อยเลยตามเลยอย่างไม่รู้ว่าจุดสุดท้ายของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรเหมือนกัน

     

    แจ็คสันสูดหายใจเข้าลึก คำนวณแผนในใจซ้ำอีกครั้ง แต่ไม่ทันจะขยับตัวเสียงดังกริ๊กจากที่ไกลๆก็ทำให้บอดี้การ์ดมือดีวิ่งหลบห่ากระสุนที่ยิ่งลงมาจากบนอาคาร

     

    “ไอ้เหี้ย! นี่มึงเล่นสไนเปอร์เลยเหรอ!!!”อดสบถไม่ได้ ไอ้เขาที่พกมาแค่ปืนสั้นพกเล็กๆจะไม่สู้อะไรปืนสงครามได้วะ!

     

    “เจเอสถึงหน่วยหลัก มันมีสไนเปอร์ ระวังอาวุธหนัก ขอให้ทุกคนออกจากพื้นที่ตึกร้างให้หมด ย้ำ ออกไปให้หมด”เอ่ยคำสั่งกระโดดหลบเศษซากปรักหักพังของตัวอาคาร เขาจงใจเข้ามาในนี้เพื่อหนีสไนเปอร์ที่มีผลอย่างรุนแรงเฉพาะในที่แจ้ง หากอยู่ในที่อับก็ยากที่จะยิงถึงตัวได้

     

    ปัง!

     

    เสียงกระสุนดังมาจากฝั่งซ้ายดีที่เขากระโดดหลบทัน มือกระชากปืนยิงออกไปทางต้นเสียงโดนไม่ต้องเล็ง เสียงร้องโอดครวญเป็นตัวบอกว่าเขายิงถูกจุด ขมวดคิ้วดึงปืนสั้นอีกกระบอกขึ้นมาถือกลายเป็นใช้ปืนสองมือ เดินไปส่องกลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบบนพื้น หรี่ตามองกะเล็งคิดวิธีกำจัดอย่างง่ายที่สุด

     

    “เฮ้ย! มึงอ่ะ!

     

    ปัง!

     

    ยกมือซ้ายเจาะหัวกระสุนปลิดชีพคนปากมากซึ่งทำให้คนข้างล่างรู้ถึงตัวตนการมีอยู่ของเขา แจ็คสันกลิ้งตัวหลบไปกับพื้นหนีห่ากระสุนที่ตามมาอย่างที่คาด วิ่งลัดเลาะไปทางเดิม ตากลมมองสองฝากอาคารก็เกิดความคิดดีๆ ยิ้มกริ่มวิ่งล่อให้เข้าไปในซากตึกร้าง

     

    “หยุดนะ!

     

    เสียงพวกนั้นโหวกเหวกโวยวายตามหลังมาไม่ไกล จู่ๆแจ็คสันก็หมุนตัวกลับไปยิ้มเยาะพวกนั้นเล็งปืนไปทั้งสองกระบอกไปคนละทิศ

     

    GAME OVER

     

    ปัง!

     

    ลูกกระสุนเจาะผ่านจุดเปราะบางของอาคารจนคานใหญ่พังโครมลงมาทับพวกนั้นใต้กองเศษปรักหักพัง ร่างเล็กยิ้มอย่างพอใจ หมุนตัวจะเดินกลับ

     

    ปัง!

     

    พลันความเจ็บร้าวก็แล่นปราดจากไหล่ขวาแทรกซึมไปทั่วร่างกาย ร่างเล็กกระตุกเฮือกล้มลงไปกับพื้น เหลือบตามองปลายกระบอกปืนดำเมี่ยมที่รุกเข้ามาใกล้ด้วยสติที่เลือนรางเต็มทน

     

    เงายมทูตอยู่ไม่ไกล นี่เขากำลังจะตายสินะ อ่า...แย่จัง ทั้งที่ อยากทำอะไรอีกตั้งเยอะแยะเลย อยากกินไอศกรีมรสใหม่ของร้านโปรด อยากดูละครที่เห็นโฆษณาในทีวี อยากไปเล่นสเก็ตบอร์ดในสวนสาธารณะ อยากซื้อเสื้อโครมฮาร์ดกับรองเท้าคู่นั้น...

     

    ทั้งที่ยังอยากอยู่กับมาร์คต่อไปเรื่อยๆแท้ๆ

     

    ปัง!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เปลือกตาบางกระพริบปรืออย่างยากลำบาก เพดานสีขาว ไฟที่ส่องสว่างจนแสบตา

     

    ...นี่เขาอยู่ที่ไหน?...

     

    “จะขี้เซาไปถึงไหน ตื่นแล้วก็ลืมตาเสียที”

     

    เสียงทุ้มในระยะประชิดเรียกให้ดวงตากลมเบิกกว้างมองชายหนุ่มด้วยความไม่อยากเชื่อ

     

    “คะ คุณมาร์ค”

     

    “ฉันเอง ทำไม? หลับไปแค่สัปดาห์เดียวนี่ลืมฉันแล้วรึไง”

     

    มาร์คในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำพับแขนเสื้อขึ้นดูลำลองสบายๆอย่างที่แจ็คสันไม่เคยได้เห็นบ่อยนัก หลังจากตั้งสติได้ก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในห้องพยาบาลในคฤหาสน์ตระกูลต้วน

     

    ...อ่า เขาไม่ตาย แต่แค่บาดเจ็บสินะ...

     

    “นายทำงานพลาด”

     

    แจ็คสันเงยหน้ามองชายหนุ่มที่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่บนเคาน์เตอร์โดยหันหลังให้เขา ก้มหน้าลง

     

    “ครับคุณมาร์ค ผมขอโทษที่ทำให้คุณผิดหวัง ผมยอมรับโทษครับ จะส่งผมไปห้องสีขาวก็ได้ ถ้าคุณมาร์คต้องการ”

     

    “ฉันส่งนายไปแน่...”มาร์คเอ่ยขึ้น หันหลังกลับมาพร้อมชามข้าวต้มหอมฉุย “แต่ไม่ไช่ห้องสีขาว...ห้องข้างฉันมันยังว่าง มันว่างมานานมากแล้ว นายย้ายไปอยู่ห้องนั้นแล้วกัน”

     

    “แต่ห้องนั้นมันสำหรับ...”

     

    “ภรรยาของฉัน...ไม่ต้องมาย้ำฉันจำได้ดียิ่งกว่านายเสียอีก”เสียงทุ้มยังคงเอ่ยดุ วางชามข้าวต้มไว้บนโต๊ะเลื่อนได้ นั่งบนเก้าอี้นั่งเฝ้า ยื่นมือมาจับแขนด้านซ้ายของคนป่วยยกขึ้นจงใจให้ดูอะไรบางอย่างที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาในตอนที่เขาหลับไป

     

    ...แหวนแก้วหยกสลักตราตระกูล...

     

    “นายนั่นแหละ ไม่ต้องมาทำหน้างง พรุ่งนี้ก็ไปเขียนชื่อลงใบราชการซะด้วย มันจะได้จบขั้นตอนเสียที”มาร์คเอ่ยเรื่องที่แจ็คสันกำลังตามไม่ทัน มือแกร่งจับช้อนตักข้าวต้มคำโตจ่อริมฝีปากอิ่มแดงที่งับเอาอย่างไร้ทางเลือก คนตัวเล็กรีบเคี้ยวจะได้รีบถามเรื่องที่คาใจ แต่มาร์คก็เอาแต่ป้อนคำแล้วคำเล่าจนหมดถ้วย

     

    “คุณมาร์ค”

     

    “น้ำ”

     

    “คุณมาร์คครับ”เอ่ยเรียกอีกที เริ่มดุขึ้นมาแล้วเมื่ออีกคนเอาแต่หลีกเลี่ยงจะตอบคำถามเขา มาร์คยิ้มบางๆทั้งที่แก้มกำลังแดงระเรื่อ

     

    “แต่งงานกันเถอะแจ็คสัน”

     

    ถึงจะพอเดาเรื่องออกแต่ก็อดที่จะเขินอายไม่ได้ ยังไม่เข้าใจว่าทำไมอีกคนถึงได้เปลี่ยนท่าทีปุ๊บปั๊บแบบนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เอาแต่ใจร้ายใส่เขามาตลอด

     

    “ขอโทษสำหรับทุกอย่างนะ”

     

    “...แค่นี้เหรอครับ?”

     

    “ฉันรักนาย”

     

    “โถ่ คุณมาร์คครับ ขอผมแต่งงานทั้งทีคิดจะพูดแค่นี้จริงๆเหรอครับ”งอแงขึ้นมาเล็กๆเมื่อเห็นว่ามาร์คเริ่มใจดีกับตัวเอง

     

    “ฉันมันพวกทฤษฎีไม่เก่ง ถนัดปฏิบัติมากกว่า...”รอยยิ้มกว้างเห็นเขี้ยวทรงเสน่ห์และดวงตาสวยที่จดจ้องมานั้นแสดงเจตนาชัดเจนจนแจ็คสันเผลอตัวฟาดแรงๆลงบนแขนแกร่ง ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกหลังจากที่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป

     

    “คะ คุณมาร์ค ผมขอโทษนะครับ ผมแค่...ผมขอโทษ”

     

    ท่าทางเหมือนจะร้องไห้ของคนตัวเล็กบนเตียงเรียกรอยยิ้มอ่อนโยนจากคนเคยใจร้าย มือเรียวขยี้เส้นผมดำนุ่มเป็นเชิงเอ็นดู

     

    “ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย อย่าคิดมากสิ”

     

    “แต่...”

     

    “บางทีฉันก็อยากให้นายเรียกร้องกับฉันบ้าง ต่อว่าเวลาฉันทำนายเสียใจ หึงบ้างเวลาเห็นฉันอยู่กับคนอื่น อ้อนบ้างเวลานายอยากได้อะไร อย่าให้ฉันแสดงความรักต่อนายแค่ด้านเดียวสิ”

     

    “ก็ผมเป็นแค่ลูกน้อง...”

     

    “นายไม่ใช่แล้ว แหวนวงนั้นฉันก็ให้นายไปแล้ว ต่อไปนี้นายคือภรรยาฉัน นายมีสิทธิ์ทุกอย่าง...ทุกอย่างที่อยากทำ”

     

    จู่ๆน้ำตาก็ไหลออกจากดวงตากลม ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลถูกระบายออกมาในครั้งเดียว จากแค่น้ำตาไหลกลายเป็นว่าทั้งเสียงสะอื้น ทั้งคำต่อว่าดังออกมาสารพัด ตลอดทั้งครึ่งชั่วโมงมาร์คนั่งฟังคนตัวเล็กต่อว่าตัวเองโดยไม่ตอบโต้สักคำ จนแจ็คสันปาดน้ำตาออกและมีอาการสงบแล้ว ชายหนุ่มถึงได้ยกตัวขึ้นคร่อมจูบริมฝีปากแดงก่ำด้วยความรักที่มี เพียงริมฝีปากแตะกันก็ร้อนไปทั่วทั้งร่าง เรียวลิ้นเล็กตอบสนองเขาอย่างรู้ประสา ดูดดื่มจนแจ็คสันหายใจไม่ทันและผละออกไปเอง ใบหน้าเล็กแดงก่ำเม้มปากแน่น ยันไหล่ชายหนุ่มที่เริ่มไซร้ข้างคอตัวเองด้วยหายใจติดขัด

     

    “ผมยังไม่หายเจ็บเลยนะครับ”

     

    “เจ็บที่ไหล่ไม่ใช่เหรอ ฉันจะทำไม่ให้กระเทือนแล้วกัน”

     

    “คุณมาร์คครับ!”เรียกอีกคนทั้งที่หน้าแดงก่ำ รู้อยู่หรอกนะว่าความต้องการสูง แต่ช่วยเห็นใจสภาพร่างกายคนเจ็บหน่อยเถอะ

     

    “แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าคุณสักที มันดูห่างเหินเกินไป”

     

    “แล้วจะให้ผมเรียกว่าอะไรล่ะครับ”ทำหน้ามุ่ยใส่คนเจ้าเล่ห์ที่ฉีกยิ้มกว้างมาให้พลางฉกจูบบนริมฝีปากแดงก่ำเร็วๆจนเกิดเสียงจุ๊บเบาๆ

     

    “อืม พี่มาร์คเป็นไง?”

     

    “ผมขัดได้ไหมละครับ...พี่มาร์ค”














    -------------------------------

    คนอ่านบอกตัดขนาดนี้ก็อย่าเอาลงเด็กดีเถอะ 555555555555555555555555
    เห็นน้องกระชากเสื้อในมีตแล้วไม่ไหวจะเคลียร์ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ -.,-

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×