ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Prison moon

    ลำดับตอนที่ #40 : adventurer

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 62



    ll  do something amazing ll
    ___________________________________________________
    REGISTER


         

        ชื่อ - นามสกุล: อาเลซซิโอ ไซน์ l Alessio Zyn

         อายุ: 20 ปี


         รูปร่างลักษณะ: รูปร่างลักษณะที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องตื่นตะลึงเเละถอยห่าง เส้นผมสีเงินยวงดูเข้ากันได้ดีกับโครงหน้าคม มันยุ่งเหยิงเล็กน้อย แต่ก็ประหลาดดีที่สัมผัสนุ่มฟูเหมือนขนสัตว์ให้ความรู้สึกน่าสัมผัส ถึงอย่างนั้น เพียงเเค่ได้เห็นแววตาดุจัดกับขอบตาคล้ำๆ เข้าก็คงไม่มีใครกล้าลูบหัวเขาเล่นเป็นแน่ ดวงตาสีเขียวเทาดูตายด้านไม่สนรอบด้าน จมูกโด่งจัดตามกรรมพันธุ์ ริมฝีปากหยักหนาซีดเผือดพอ ๆ กับสีผิว ข้อเสียเดียวของใบหน้าคือเขาไม่ได้มีคิ้วแบบชาวบ้าน (บอกตรง ๆ ว่าคนมาเห็นก็แอบขำตอนแรก แต่เจอหน้าโหดๆ แบบนั้นเเล้วก็ขำกันไม่ออกนักหรอก..) รูปร่างใหญ่แบบที่สามารถทำให้คนไซส์มาตรฐานกลายเป็นคนแคระได้เลย มือเขาใหญ่มาก บนผิวซีด ๆ นั่นคุณจะสังเกตเห็นเส้นเลือดตามเเขนและลำคอได้อย่างชัดเจนเลยล่ะ ( 190ซม. l 89กก. )


         ลักษณะนิสัย

         S I L E N T

                อาเลซซิโอ ไซน์ เขาเปรียบเสมือนตัวตนของความเงียบสงัด ไม่ว่าจะฝีเท้า การขยับเคลื่อน หรือแม้กระทั่งการสื่อสาร ทุกอย่างล้วนไร้สุ่มเสียงได้อย่างน่าอัศจรรย์ อย่างแรก เขาเป็นคนฝีเท้าเบา มีการเคลื่อนไหวที่ถึงจะกระฉับกระเฉงว่องไว แต่ก็ระมัดระวังตัวตลอด ทำให้ไม่เกิดเสียงอะไรรบกวนหรือถึงขั้นไม่มีเสียงเลย แต่โดยปกติแล้วคนทั่วไปจะไม่คุ้นชินกับการเคลื่อนไหวแบบนี้ ดังนั้นอาเลซซิโอจะพยายามเดินให้เกิดเสียงอยู่บ้าง เผื่อว่าเวลาต้องเข้าหาใครจะได้ไม่ทำอีกฝ่ายหัวใจวายตายไปซะก่อน

                โดยพื้นฐานแล้วเขาเป็นคนไม่พูด — เป็นความหมายที่ว่า ไม่พูดเลยจริง ๆ อาเลซซิโอเงียบปากเก็บคำตลอดเวลา มากเสียจนคนเขานึกว่าเป็นใบ้ แต่ตามความจริงแล้วอาเลซซิโอปกติดีทุกอย่างในเรื่องของกายภาพ ที่เขาไม่พูดก็แค่เป็นเพราะว่าเขาไม่ต้องการจะพูด หากจะต้องพูด เขาก็สามารถสื่อสารออกมาได้ เพียงแค่จะมีสำเนียงที่ไม่ชัดเจนสักเท่าไหร่ อันเป็นเพราะการที่ไม่เจ้าตัวไม่ยอมพูดสื่อสารกับใครนั่นเอง

                ปกติอาเลซซิโอจะสื่อสารกับคนอื่นด้วยภาษามือ หรือไม่ก็การเขียนลงบนกระดาษซะมากกว่า เขายังได้ยินชัดเจนดี ที่เหลือก็แค่การเขียนตอบโต้เท่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้น อาเลซซิโอไม่มีปัญหากับการสื่อสารทางจิต ดูเหมือนว่าสิ่งเดียวที่เขาต่อต้านก็คงเป็นเรื่องการพูดออกเสียงในชีวิตประจำวันเท่านั้น

        • A T T E N T I O N

                มักจะให้ความสนใจกับสิ่งรอบตัวอยู่เสมอ ต่อให้ท่าทีจะเหมือนพวกไม่สนอะไรเลยก็ตาม เป็นคนแรก ๆ ที่จะสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ หรือร่องรอยอะไรบางอย่าง เขามีสายตาที่ดี ข้อดีอย่างหนึ่งของอาเลซซิโอคือการใส่ใจรายละเอียด เป็นพวกละเอียดอ่อนผิดกับขนาดตัว นอกจากนี้ยังใจเย็นมาก ไม่แม้แต่จะรำคาญอะไรได้ง่าย ๆ (เว้นแต่บางเรื่องที่เขาไม่ชอบจริง ๆ) เลยด้วยซ้ำ

                คนส่วนมากมักคิดว่าหน้าตาแบบนี้คงโมโหร้าย น่ากลัวจนไม่ควรทำให้โกรธ แต่ถ้าเทียบกันตามตรง อาเลซซิโอเหมือนกับพวกคุณหมีตัวโตที่ไม่ได้มีพิษสงผิดกับหน้าตาซะมากกว่า ตามหลักแล้ว อาเลซซิโอจะไม่หาเรื่องใครก่อนทั้งนั้น ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร หรือมองหน้ามันครั้งแรกจะไม่ชอบ สิ่งที่เขาทำก็มีแต่การหลีกเลี่ยงไม่ไปยุ่งเกี่ยวด้วย ในความคิดของเขา การไปวุ่นวายกับของที่เกลียดนั้น คือการใช้เวลาล้างผลาญแบบหนึ่ง มันจึงส่งผลให้เขาไม่ชอบให้ใครมาหาเรื่องเขาก่อนเช่นกัน ถ้าขอโทษได้ก็จะก้มหัวขอโทษให้จบ ๆ กันไปเลย

                เพราะรักความสงบพอสมควร เวลาไปอยู่แปลกที่แปลกคนเลยชอบนิ่งไว้ก่อน ประมาณว่าเก็บข้อมูลแล้วค่อยเริ่มขยับตัว อาเลซซิโอเรียนรู้ไว ทั้งในเรื่องของการศึกษา การใช้เวท หรือว่าการเรียนรู้ผู้คนก็ตาม เก่งในเรื่องการพิจารณานิสัยคน แล้วก็คิดว่าถ้าเป็นแบบนั้นจะเข้ากับตัวเองได้ไหม ถ้าอาเลซซิโอพบว่าอยู่ด้วยกันไม่น่ารอด เขาก็จะไม่ยุ่งด้วย รวมถึงไม่คิดสานสัมพันธ์ใด ๆ ด้วยเช่นกัน

                คนจำพวกที่เข้ากับอาเลซซิโอไม่ได้ นั่นคือพวกช่างจ้อ ช่างเซ้าซี้ ตื๊อไม่เลิก และไม่รู้ว่าเวลาไหนควรเวลาไหนไม่ควรพูด เอาง่าย ๆ ก็คือพวกปากวอนนั่นแหละ อ่า ใช่..ถ้าหัวร้อนเกินไปก็อยู่กับเขาไม่ได้เหมือนกัน..เพราะหน้าตาเขามันไม่ค่อยเป็นมิตรกับชาวบ้านน่ะสิ

        • E X P R E S S I O N

                เป็นพวก lack of emotion ที่แท้ การแสดงออกทางใบหน้าติดลบมาก ๆ นอกจากนี้ยังไม่ยอมพูดอีก คนอื่นเลยเดาไม่ออกเลยว่าตอนนั้นเขาคิดอะไรอยู่ อาเลซซิโอชอบทำตาตายด้าน หน้านิ่ง ปากเรียบตึงจัดตลอดเวลา แต่เรื่องการแสดงออกด้านภาษากายยังชัดเจนอยู่ เช่นการกลอกตาเวลาครุ่นคิด หรือการหยักไหล่ ไม่ก็ส่ายศีรษะปฏิเสธ สรุปได้คือเขาไม่สามารถสื่อสารเรื่องอารมณ์ได้ แต่ก็ไม่ได้ไร้ชีวิตเป็นหุ่นปั้นเช่นกัน

                แล้วถ้าถามว่า ภายนอกไม่แสดงออก ภายในล่ะเป็นอย่างไร? ก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่นัก —  อารมณ์ขัน ความโกรธ สองอย่างหลักนี้คือเรื่องทางอารมณ์ที่หาได้ยากจากอาเลซซิโอ โดยเฉพาะอย่างแรก เขาไม่เก็ทมุกตลกของชาวบ้านเท่าไหร่นัก ขำไม่เป็น แต่ก็ไม่ได้จริงจังซีเรียส พูดว่าสบายไปเรื่อยคงจะชัดกว่าโข

                แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าอาเลซซิโอจะโกรธใครไม่เป็น ขอแค่จี้ให้ตรงจุด หมีพูก็สามารถกลายเป็นหมีกริซลีได้ สำหรับอาเลซซิโอ การไปยุ่มย่ามกับความชอบของเขาคือการจุดชนวนระเบิดอย่างหนึ่ง และการกล่าวเสียหายถึงมารดา ผู้มีพระคุณ และเพื่อนก็คืออีกชนวนอันตรายอย่างหนึ่ง ตอนที่เขาโกรธ อาเลซซิโอก็ยังคุมสติตัวเองได้ดี เพียงแค่ว่าเขาจะไม่ฟังใครเลย มุ่งเน้นไปที่เป้าหมายเท่านั้น ซึ่งโดยส่วนมากก็คือการพยายามทำให้คนที่เขาโกรธไสหัวไปให้พ้นหน้า ไม่ก็เอ่ยคำขอโทษสำหรับการมาแตะต้องคนสำคัญของเขาเป็นต้น

        I N T E R E S T E D  I N

                มีความสนใจที่ชัดเจน เป็นเอกลักษณ์ ไม่เอนไปตามกระแส อาเลซซิโอเป็นจำพวกไม่สนกระแสสังคม สายตาคนรอบตัวไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัด อันที่จริงเขาไม่ได้สนมันด้วยซ้ำนะ ด้วยพฤติกรรมที่แสดงออกตลอดเวลาก็ค่อนข้างประหลาดระดับที่ว่าคนเขาพูดถึงกันตลอดอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงมีภูมิต้านทานต่อเสียงซุบซิบและสายตาซ่อกแซ่กได้ดีมากเลยทีเดียว สกิลเมินสูงมากจนน่าใจหายเลยล่ะ

                ของที่อาเลซซิโอสนใจส่วนมากจะเป็นไปในทางเดียวกัน คือพวกเรื่องประวัติศาสตร์ ภูมิปัญญา ภาษา ศาสตร์ทางสังคม ไม่ก็ทักษะการใช้ชีวิต การแกะรอย การเดินป่า ปืนเขา อะไรเทือก ๆ นั้น อาเลซซิโอมักสนุกไปกับเรื่องพวกนั้นได้อย่างไม่รู้จักเบื่อ (แต่แน่นอนว่าหน้าตาไม่บ่งบอกความสนุกเลยสักกะเสี้ยว..) เวลาจะหลอกล่อหรืออยากทำข้อตกลงอะไร ก็ต้องใช้เรื่องพวกนี้มาล่อล่ะนะ ถ้ามันแลกกันได้ เขาก็พร้อมทำข้อตกลงเสมอ

                แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าไม่สน ก็คือไม่สนเลย เมินเก่ง อ้อเหรอเก่ง อาเลซซิโอไม่ใช่พวกที่เปลี่ยนความชอบของตนไปมา เขาไม่มีปฏิกิริยากับของที่ตนเองไม่ชอบ พอ ๆ กับแสดงปฏิกิริยาชัดเจนกับของที่ชอบ สมมติว่าถ้าเขาบอกว่า ไม่สน ไม่เอา ไม่แคร์ ไปแล้ว ก็แปลว่าต่อให้โน้มน้าวหรือรอจนชาติหน้า เขาก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจแน่นอนนั่นเอง

        T R Y I N G

                ลักษณะไทป์จำพวกที่ว่าจะทำทุกอย่างให้เสร็จโดยรวดเร็วรวมถึงมีประสิทธิภาพ สำหรับอาเลซซิโอ เขาชอบให้งานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็ไปเล่นไปทำบ้าทำบอตามใจตัวเองไป เอาจริง ๆ เขาเป็นคนขี้เกียจนะ ถ้านอนโง่ ๆ ได้ก็นอน ดังนั้นเลยรีบ ๆ ทำงานให้มันเสร็จไปจะได้มีเวลาว่างมานอนไง เพิ่มเติมคือไม่ชอบการทำงานแบบสุกเอาเผากินนัก มันน่าเกลียดนะ..อย่างน้อยได้งานมาแล้วก็น่าจะทำให้ดีนี่นา?

                นอกจากนี้แล้ว อาเลซซิโอก็มีความพยายามที่ดีถ้ารับงานมาแล้ว หรือไปรับปากใครเขาว่าจะทำ อาเลซซิโอก็จะพยายามให้ดีที่สุด อย่างน้อยก็ให้มันเข้าข่ายคำว่า ดี สำหรับงานชิ้นนั้น ต่อให้เขาอาจจะไม่ถนัดหรือไม่เป็นในด้านนั้นเลย เขาก็จะใช้การค้นหาเพิ่มเติม ศึกษานอกกรอบ และอื่น ๆ เขามาช่วยกลบความไร้ประสบการณ์ของตัวเอง เอาง่าย ๆ ก็คือแค่อยากให้งานออกมาดูดีแค่นั้นแหละ ค่อนข้างไปทางเพอร์เฟคชั่นนิสต์ แต่ถ้าสุดท้ายแล้วทำไม่ได้ เขาก็ไม่อะไรหรอก ก็คนเรามันเก่งไปหมดทุกด้านไม่ได้นี่นา

                ทั้งนี้ทั้งนั้นเขาไม่ใช้กฎนี้กับคนอื่นนอกจากตัวเอง ถ้าเจอคนทำงานชุ่ย ๆ หรือไม่พยายามจะทำ ก็ไม่ไปวุ่นวายกับใคร รวมถึงไม่บอกว่ามันดีด้วย สมมติว่าต้องคอมเมนต์ ก็จะบอกตามตรงเลยว่าไม่ดี ความคิดตรงและคมกริบ ไม่ค่อยถนอมใจเท่าไหร่นักเวลาต้องออกความเห็น เพราะถือว่าปกติตัวเองไม่พูดอยู่แล้ว ถ้ามาขอให้พูด (เขียน—) จริง ๆ ก็ต้องรับให้ได้ ไม่ใช่มาโวยวายทีหลังว่าเขาใจร้าย อาเลซซิโอไม่ค่อยชอบพวกไม่ยอมรับความจริงเท่าไหร่หรอก จากใจเลย

        L E A R N I N G

                การเรียนรู้ได้ไวทำให้เข้าใจเรื่องต่าง ๆ ได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่อาเลซซิโอไม่ใช่ศิษย์จำพวกรู้อยู่แล้วก็ปล่อยแพ ไม่สนใจจะฟังอาจารย์ อาเลซซิโอแปลกนิดหน่อยตรงที่ว่า ถ้ามันเป็นวิชาที่ต้องเรียน ต่อให้รู้อยู่แล้ว ก็จะนั่งฟังนั่งเรียนอย่างใส่ใจอยู่ดี รวมไปถึงการฟังอะไรสักอย่าง ถ้าเข้ามาคุยด้วยบ่อย ๆ ก็จะรู้ได้ว่าอาเลซซิโอได้สิบเต็มในเรื่องของมารยาทการฟัง เผลอ ๆ อาจจะตั้งใจฟังมากกว่าพวกคนทั่วไปด้วยซ้ำ

                เรื่องเศร้าอย่างหนึ่งนั่นคือ คนทั่วไปมักไม่กล้าเข้ามาคุยกับเขา เอาตรง ๆ แค่เขาเผลอปรายตามองยังพากันหลบตาเดินหนีกันจ้าเลย..อาเลซซิโอเข้าใจในเรื่องที่ว่าภาพลักษณ์เขามันไม่น่าเข้าหานะ แต่โดนเดินหนีใส่บ่อย ๆ นี่มันทำเอาเซ็งเหมือนกันนี่สิ..

                พอตัดประสาทไปหนึ่งอย่าง (การพูด) ด้านอื่น ๆ ก็พัฒนาได้ดีจนน่าใจหาย แลกกับสำเนียงประหลาดกับการพูดศัพท์ไม่ได้บางคำ (แต่เขาเขียนได้ดี ดังนั้นไม่มีปัญหาเรื่องการสื่อสารไม่เข้าใจแน่นอน) เรื่องการฟัง การคิด เขาทำได้ดีกว่าเด็กทั่วไป ขณะเดียวกัน การถ่ายทอดก็ถือว่าใช้ได้ ถ้าไม่คิดมากเรื่องครูชั่วคราวคนนี้ไม่พูดเลย ก็จะพบว่าอาเลซซิโอสอนได้ดีในระดับหนึ่ง เขารู้จักการจัดการข้อมูล การสื่อสารก็ด้วย บางทีถ้าใช้ภาษาเขียนอย่างเดียวไม่รอด ก็จะทำท่าทางบ้าง วาดรูปบ้าง ซึ่งก็ไม่เลวเลยล่ะ

        K I N D L Y

                ผู้คนชอบบอกว่าอาเลซซิโอเข้าถึงได้ยากและน่ากลัว ซึ่งในความจริง ถึงเขาจะรักษาระยะห่าง แต่ก็ไม่เคยขีดเส้นแบ่งกับใครเลย เหมือนกับว่าเขาแค่เว้นระยะไว้เพื่อความสบายใจของหลาย ๆ ฝ่าย ในอดีต อาเลซซิโอเคยทำให้คนใกล้ตัวอึดอัดใจจนถึงขั้นกลายเป็นเกลียดเขา บางทีนั่นอาจทำให้เขานึกกลัวว่ามันอาจจะเกิดเรื่องแบบนั้นอีก พอ ๆ กับการที่เขาไม่ต้องการจะเปลี่ยนตัวเอง นั่นทำให้เขาเลือกจะสร้างระยะขึ้นมาในท้ายสุด

                และอาเลซซิโอเองก็ไม่ใช่คนใจจืดใจดำอะไรเลย เขาให้ความช่วยเหลือได้ ตราบใดที่ไม่มากจนเกินไปหรือทำให้เขาเดือดร้อน เอาตรง ๆ ถ้ากล้าพอมาขอความช่วยเหลือเขา รวมถึงมีเหตุผลดี ๆ อาเลซซิโอก็คิดไม่ออกแล้วว่าจะปฏิเสธไปทำไม

                มีมุมน่ารัก ๆ อยู่บ้าง เช่นความชอบอย่างหนึ่ง อาเลซซิโอชอบสัตว์ตัวเล็ก ๆ อย่างลูกแมว ขนาดพอดีมือ ชวนให้ทะนุถนอม และเขาเองยังรู้วิธีการถนอมพวกมันอย่างดี เหมือนกับการถนอมใครสักคน ไม่ใช่แค่สัตว์แต่ยังรวมถึงคน เวลาคนรู้จักป่วยไข้ ก็สามารถคอยดูแลให้ได้เสมอ แถมยังทำได้ดีมากเสียด้วย

         R A T I O N A L

                เหตุผลเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับการตัดสินใจของอาเลซซิโอ เขาไม่ใช่คนหัวรั้น หัวดื้อ จริงอยู่ว่าอาจจะมีบางครั้งที่แสดงอาการขัดค้าน ไม่ชอบใจออกมา ในตอนนั้นขอแค่หาเหตุผลดี ๆ ที่มันส่งไปทางผลประโยชน์ มากกว่าเสียหรือทำเท่าทุน อาเลซซิโอก็จะรับฟังคุณเอง เขาเป็นคนมีเหตุผลนะ คุยกันด้วยสติและสมองได้ ส่วนพวกที่มาใช้อารมณ์กับเขาอันนี้ก็คือต้องไปนอนก่อน ไม่งั้นจะได้โดนเขาโบกคว่ำเอาน่ะสิ —

                แต่บางครั้งก็ใช้เหตุผลมากเกินไป จนขาดสมดุลเรื่องอารมณ์ เลยอาจทำให้คนอื่นรู้สึกแย่ รู้สึกไม่ดีกับตัวเองบ่อย ๆ เป็นข้อเสียที่อาเลซซิโอพยายามปรับปรุง แต่ทำได้ไม่ดีนักเพราะตัวเขาเองก็บกพร่องเรื่องอารมณ์มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว เวลาทำให้ใครเสียใจ อาเลซซิโอเองก็รู้สึกแย่ตามเหมือนกัน แค่ว่าหน้าเขาไม่แสดง สายตาไม่บ่งบอคนเลยนึกว่าเขาตายด้านไม่รู้สึกอะไร เป็นข้อด้อยร้ายแรงอย่างหนึ่งของเขาเลย

                เว้นกับบางคน ถ้าสนิทกันมาก ไม่ก็เห็นกันมาแต่ไหนแต่ไร จะสังเกตได้ว่าการแสดงออกของเขาจะแปลกไปในเวลาที่รู้สึกไม่ดี กำลังเศร้า หรือในตอนที่รู้สึกเสียใจ นั่นคือการแสดงออกทางกายภาพที่เชื่องช้าลง การพยายามหลบหน้าผู้คน ทั้งที่ปกติจะเมินเฉยเอาเสียมากกว่า อาเลซซิโอไม่ค่อยกล้าสบตาใครเวลารู้สึกผิด เขาเป็นแบบนั้นบ่อย ๆ ตอนกำลังโกหก เขาเลยโกหกไม่เก่งแบบสุด ๆ แบบที่ว่าแค่คิดจะทำก็โดนจับได้แล้ว

        F O R G I V E

                โกรธยาก (ถ้าจี้ไม่ถูกจุด) และยังหายยาก — เผลอ ๆ จะไม่มีวันหายเอาเลยด้วยซ้ำ ถ้ายังเป็นขั้นทั่วไปอย่างแค่ทำให้รำคาญ ถ้าไม่ทำตัวแบบนั้นอีก แป๊ป ๆ เดี๋ยวก็หายเอง แต่เรื่องโกรธกันนี่มันคนละเรื่องเลย การจะทำให้อาเลซซิโอโกรธ นั่นคือการทำร้ายจิตใจเขารูปแบบหนึ่ง เขาอ่อนไหวกว่าภาพลักษณ์ตัวใหญ่แบบนั้นเยอะ และอาเลซซิโอไม่ชอบตัวเองเวลาโกรธ มันอึดอัด งุ่นง่าน น่ารำคาญ ชวนให้หน่ายไปหมด ดังนั้นเขาจึงไม่คิดปล่อยให้คนเดิม ๆ มาทำให้เขาโกรธซ้ำ หรือก็คือไม่ยอมให้อภัยอีกฝ่ายง่าย ๆ นั่นเอง

                เป็นพวกถ้าอคติแล้ว ต่อให้มีคนมาพูดพร่ำข้อดีให้ฟังสักล้านข้อก็คงไม่เลิกอคติได้ง่าย ๆ อาเลซซิโอไม่ใช่คนด่วนตัดสินใจ เขาไม่เกลียดใครจากความรู้สึกแรกพบสบตา ให้โอกาสก็หลายครั้งเวลามีคนมาทำเรื่องที่ไม่ชอบใส่ เว้นแต่ว่ามันต้องเจอซ้ำ ๆ จนหนักข้อระดับว่าทนไม่ไหว หรืออีกฝ่ายดันมายุ่งย่ามกับตัวชนวนความโกรธของเขาก่อนเอง พูดมาก็ขนาดนี้ก็เท่ากับว่า การจะทำให้เขาอคติด้วยได้ จำเป็นต้องทำให้เขาสุดจะทนสุด ๆ คงไม่ต้องพูดอะไรมากแล้วล่ะว่าทำไมเขาถึงไม่หายอคติเอาง่าย ๆ

                แต่ถ้าพยายามแก้ไขตัวจริง ๆ ต่อหน้า อันนั้นคงพอจะทำให้อคติในใจจางลงไปได้บ้าง อาเลซซิโอชอบประโยคที่ว่า การกระทำสำคัญกว่าคำพูด เขาไม่เชื่อคนนับร้อยมากไปกว่าการเห็นด้วยตาตัวเองเพียงหนึ่งคู่ ถึงอย่างนั้น แม้จะเจืออคติลงมาแล้วก็ใช่ว่าจะกลับมาเป็นมิตรกันได้หรอกนะ..

                ให้อภัยน่ะมันให้กันได้ แต่โอกาสไม่ใช่ของที่จะให้ได้บ่อยครั้งหนักหนานี่นา


         ประวัติความเป็นมา

                อาเลซซิโอ ไซน์ เป็นเด็กที่เกิดในเลวาลูร์ บ้านของเขามีอาชีพการค้าขายสินค้าจำพวกงานหัตถกรรมหรือเครื่องเรือนชามต่าง ๆ ที่เน้นลวดลายทางศิลปะ สมัยเด็กเขาได้ยินปู่ย่าเล่าให้ฟังว่ามันเป็นอาชีพของตระกูลเรามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว นั่นจึงทำให้อาเลซซิโอได้รับการเรียนรู้เรื่องงานศิลปะพวกนี้มาตั้งเเต่เด็ก รวมไปถึงสิ่งที่เขาได้รับสืบทอดจากมารดาด้วยเช่นกัน

                ถึงเเม้ว่าพ่อของเขาจะเป็นมนุษย์ธรรมดาทั่วไปที่เกิดและเติบโตในตระกูลพ่อค้า แต่เเม่ของเขานั้นเเตกต่าง ลอเรน ไซน์ เป็นจอมเวทย์ที่เดินทางมาจากไฮฮอลโลว์ หญิงสาวนั้นหลงรักในการเรียนรู้โลกใบใหม่ที่ตนไม่เคยพบเห็น เธอออกเดินทางท่องเที่ยวในต่างแดนตั้งเเต่วัยสิบแปด ข้อเสียเดียวคือการที่หญิงสาวนั้นเป็นใบ้ กระนั้นเเล้วเธอก็เป็นสาวนักผจญภัยผู้เก่งกาจ เหมือนกับสายลมที่ไม่เคยหยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่ท้ายที่สุด เธอกลับยอมละทิ้งความฝันแต่เดิมไปเมื่อได้สัมผัสกับความหอมหวานของสิ่งที่เรียกว่ารัก

                ลอเรนเดินทางมาถึงเลวาลูร์ในวัยยี่สิบสาม ตัวเธอในตอนนั้นได้พบกับ เดรค โรสเตรน ผู้เป็นพ่อของอาเลซซิโอเข้าเเละตกหลุมรักเขาจนหมดใจ ต่อให้จะเป็นหญิงใบ้เเต่ก็หน้าตางดงามปานสวรรค์สร้าง เดรคที่ตกหลุมรักเธอคอยเกี้ยวพาราสีอยู่ตลอด คารมที่คมคาย ทำให้สุดท้ายหญิงสาวก็เลือกตัดสินใจ เเต่งงานกับชายที่เธอรักและสร้างครอบครัวอยู่ที่เลวาลูร์ในท้ายสุด

                สองสามีภรรยามีความสุขอยู่ภายในบ้านเกิดของฝ่ายชาย ปีต่อมาก็ให้กำเนิดบุตรชายสุขภาพเเข็งแรง พวกเขาตั้งชื่อเด็กชายว่า อาเลซซิโอ เขาเป็นเด็กตัวใหญ่ ผิวซีดเผือด ผมสีเงินสว่างแบบผู้พ่อ แม้หน้าตาจะไม่จิ้มลิ้มสู้เด็กน้อยคนอื่น แต่พ่อแม่ก็รักเขามากเหลือเกิน

                ตั้งเเต่เด็ก อาเลซซิโอก็อาศัยอยู่ที่เลวาลูร์มาโดยตลอด เขาโตมาด้วยการเลี้ยงดูอย่างดี ครอบครัวแสนอบอุ่นกับการบ่มเพาะความรู้ต่าง ๆ มารดาเองก็ปลูกฝังเกี่ยวกับเวทมนตร์ให้แก่เขา คอยสั่งสอนให้ดำเนินไปในทิศทางของเทพเทพีผู้ที่เราได้ให้การอุทิศถวายความศรัทธา เขาดูเหมือนกับว่าจะเติบโตมาอย่างเพียบพร้อม เช่นนั้นเเล้วมันถึงได้น่าประหลาด ว่าเหตุใดเด็กชายผู้นี้ถึงได้แตกต่าง --- เป็นความแตกต่างที่ไม่ใช่ในทางที่ดีเสียเท่าไหร่เลยด้วย

                ข้อเสียของอาเลซซิโอคือพฤติกรรมการเเสดงออกของเขา แต่ไหนแต่ไรเเล้วที่เขาไม่สุงสิงกับเด็กคนอื่น ร่างกายใหญ่โตทำให้เด็กวัยเดียวกันนึกกลัว ต่อให้ขวัญมากใจกล้าเข้ามาทักทายด้วย อาเลซซิโอกลับไม่ยอมคุยกับอีกฝ่าย..เด็กชายไม่คุยกับใครเลย เป็นความหมายที่บ่งบอกว่า ไม่เลยเเม้แต่น้อย..แม้กระทั่งกับพ่อของเขาเองก็ตาม

                อาเลซซิโอไม่ได้เป็นใบ้ เเต่เขากลับไม่ยอมพูดยอมจา ภาษามือคือภาษาเดียวที่เขายอมใช้มันสื่อสารกับผู้อื่น เเละคน ๆ นั้นคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากมารดาของเขาที่เป็นผู้พิการด้านการสื่อสาร มันสร้างความหนักใจให้กับทุกคนในครอบครัว พฤติกรรมที่แปลกประหลาดไม่ได้รับการยอมรับโดยง่ายนัก แต่เพราะเขาเป็นหลานชายเพียงคนเดียว ปู่เเละย่าจึงยังอยากตั้งความหวัง พวกเขาว่าเด็กน้อยก็ดื้อตามประสา อีกไม่นานคงสอนได้ดัดได้ ค่อย ๆ แก้กันไปประเดี๋ยวคงจะหาย

                แต่กระทั่งหกขวบปีก็แล้ว อาเลซซิโอก็ยังไม่ยอมเอ่ยพูด สร้างทั้งความสับสนโกรธเคืองให้กับคนในครอบครัว เเรกเริ่มคือปู่ย่า พวกเขาเริ่มคิดว่าพฤติกรรมแบบนี้ช่างแสนน่าสะพรึงผวา ก่อนแววตาแบบนั้นจะเริ่มส่งทอดไปถึงมารดา ลอเรนที่แตกต่าง มนตราในตัวเธอ รวมถึงการที่เธอเป็นใบ้ สุดท้ายเเล้วก็กลายเป็นว่าพวกเขากล่าวโทษเธอที่ทำให้อาเลซซิโอโตมาเป็นแบบนั้น

                เริ่มแรกเดรคพยายามพูดแก้ต่างให้กับภรรยาอยู่ตลอด เเต่ยิ่งนานเข้ายิ่งเหนื่อยล้า ความรักเจือจาง ความกดดันเพิ่มพูน สุดท้ายก็ไม่ต่างจากปู่ย่าของเขา เมื่ออาเลซซิโอถึงวัยเจ็ดขวบ พวกเขาก็หมดความอดทน ตัดสินใจขับไล่สองแม่ลูกออกไป ไม่มีการผูกพันต่อกันอีกกระทั่งสกุลต่อท้ายชื่อ ลอเรนไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้ แม้จะเจ็บปวด ก็จำต้องพาลูกชายของเธอแยกตัวไปใช้ชีวิตของตนเพียงสองคน

                และถึงเเม้อาเลซซิโอจะทำให้ชีวิตของลอเรนพังไปเกือบครึ่ง เธอก็ไม่คิดโกรธเคืองลูกชายตัวน้อยเลย อาจเพราะตนเองก็พิการมาแต่กำเนิด จึงเข้าใจความรู้สึกของการถูกผลักไสได้ดี ลอเรนกลับไปใช้ชีวิตเเบบที่เธอเคยเป็น เร่ร่อนผจญภัยไปตามดินแดนต่าง ๆ แรกเริ่มก็หาทางตั้งตัว เก็บเงินและขวนขวายหาข้าวของที่จำเป็นสำหรับการเดินทางในเลวาลูร์ ระหว่างนั้นเธอก็สอนเรื่องที่จำเป็นในการใช้ชีวิตต่าง ๆ ให้กับอาเลซซิโอ ทั้งภาษาอื่น ๆ การใช้ชีวิต ประวัติศาสตร์ เรื่องราวมากมายที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน

                การออกมาใช้ชีวิตเพียงสองแม่ลูก จะว่าลำบากก็ใช่ แต่อาเลซซิโอกลับค้นพบว่าเขามีความสุขมากกว่าเมื่ออยู่เเบบนี้ เขารู้สึกผิดก็จริง แต่เมื่อได้รับการปลอบโยนจากมารดาว่าไม่เป็นไร ท้ายสุดเเล้วทั้งคู่ก็มีกันและกัน อาเลซซิโอจึงลืมเรื่องครอบครัวเก่าของตนไป เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ดี ออกเดินทางไปกับมารดา มุ่งสู่สถานที่ต่าง ๆ และเรียนรู้ ต่อให้พฤติกรรมที่ไม่ยอมพูดคุยกับใครจะสร้างปัญหาไปบ้าง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เมื่อเขาสามารถทดแทนมันด้วยการเขียน ภาษามือ และการส่งสัญญาณต่าง ๆ แทน

                ลอเรนและอาเลซซิโอเดินทางไปทั่วโลก แต่เมื่ออาเลซซิโออายุได้สิบห้า ลอเรนกลับตัดสินใจพาเขากลับไปยังบ้านเกิดของตน ไฮฮอลโลว์ สถานที่แห่งนั้น ต่อให้ผิดแปลกหรือไม่คุ้นเคย เขาก็ยังได้รับการต้อนรับ ชิเวียร์ ลาเดรีย นั้นเป็นมิตรสนิทร่วมสาบานกับเเม่เขา หล่อนเคยเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกไปกับลอเรน กระทั่งหญิงสาวตัดสินใจแต่งงานที่เลวาลูร์ เจ้าตัวก็กลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิดอีกครั้ง สมัยก่อนทั้งคู่ติดหนี้บุญคุณกันเเละกันมากมายจนเลิกนับ เมื่อลอเรนต้องการความช่วยเหลือ ชิเวียร์ก็ไม่คิดปฏิเสธ

                ตอนแรกอาเลซซิโอไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงตัดสินใจพาเขากลับมาใช้ชีวิตที่นี่ กระทั่งได้ยินถึงเรื่องสถาบันฯมาร์รอธ จึงได้เข้าใจว่าลอเรนต้องการให้เขาได้รับการศึกษา ตอนแรกอาเลซซิโอไม่พอใจเท่าไหร่นัก เขาชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวผจญภัยเสียมากกว่า แต่เมื่อมารดาสัญญาว่าถ้าเรียนจบ จะพาเขาไปทุกที่ที่อยากไป รวมไปถึงดินแดนไกลโพ้นอย่างจินซาร์ที่ยังไม่เคยไป อาเลซซิโอก็ตัดสินใจตอบตกลงทันที แต่เหตุผลอีกข้อ นั่นเป็นเพราะลึก ๆ โดยส่วนตัวเเล้ว เขาก็คิดว่าตัวเองต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการเวทมนตร์ที่ตนมีอยู่ด้วย จึงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่จะไปเเล้วนั่นเอง


         ชอบ / เกลียด / กลัว / แพ้:

        [ ชอบ ]

        หนังสือเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ; เขาชอบอ่านโน่นอ่านนี่ไปเรื่อย มันสนุกดี

        ได้ไปสถานที่ใหม่ ๆ ; สายเลือดนักผจญภัยน่ะ

        แดดแรง ; เขาก็หวังว่าแดดแรงจะทำให้ผิวเขาเข้มขึ้นมาได้บ้าง..

         แมวตัวเล็ก ๆ ; เขาชอบความน่ารักของมัน เเต่มันกลับไม่ชอบเขา../เศร้า.

    [ ไม่ชอบ ]

    โดนถามเซ้าซี้ ; ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ตาม สำหรับเขา มันน่ารำคาญ

    เครื่องดื่มฤทธิ์มึนเมา ; อาเลซซิโอไม่ชอบที่มันสามารถเปลี่ยนตัวตนของคนให้ไร้สติได้

    หิมะ ; โดยพื้นฐานเขาเป็นคนหนาวง่าย แต่ถ้าต้องอยู่กลางหิมะก็ทำได้ ไม่ปริปากบ่นเเค่จะทำหน้าบึ้งเท่านั้น

    เสียงที่ดังมากจนเกินไป ; เขามันพวกหูดี เสียงทีดังเกินไปเลยทำให้หูของเขาเจ็บไปหลายวันเลยน่ะสิ

    อาหารรสชาติจัด ; โดยส่วนตัวเขาคิดว่ามันไม่อร่อยสักเท่าไหร่ แถมทรมานปากอีก..

        [ กลัว ]

        ทะเลที่มองไม่เห็นก้น ; อาเลซซิโอชอบจินตนาการถึงบางสิ่งที่อาศัยอยู่ใต้ทะเล..จิตใจเขาว้าวุ่นเสมอ นึกไปสารพัดทั้งที่ความจริงอาจจะไม่มีอะไร นี่เป็นข้อด้อยสำหรับนักผจญภัยอย่างเขา และถ้าเลือกได้ อาเลซซิโอก็มักปฏิเสธการเดินทางทางทะเลเสมอ 

        { ปฏิกิริยา :: อาเลซซิโอจะค่อนข้างเเพนิคเมื่อต้องอยู่ใจกลางทะเลที่มองไม่เห็นก้น สังเกตได้ว่าเขาดูเหมือนตกอยู่ในภวังค์ แต่ปลายนิ้วแอบสั่นเเละตัวเย็นจัด จังหวะหัวใจก็เต้นเร็วมากกว่าปกติอีกด้วย }

    [ แพ้ ]

    ; no data. 


         สายเวทย์: Worshiper (4)


         อาวุธ: ปืนลูกซอง


         ความสามารถพิเศษ:

        ความรอบรู้ด้านประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ สังคม ความเป็นอยู่ และภาษา ; เขาเดินทางไปแทบทั่วทั้งโลกกับแม่ เเถมยังชอบศึกษาเรื่องพวกนี้มาแต่ไหนแต่ไรด้วยเลยมีความรู้อยู่ในระดับพื้นฐานถึงมาก (ยกเว้นจินซาร์ที่ไม่เคยไป แต่ก็อยากไปอยู่)

        พละกำลัง ; แรงเยอะมาก สามารถหิ้วคนลอยด้วยมือเดียวได้เลยทีเดียว แต่ว่าเรี่ยวเเรงของเขาไม่ได้เหนือมนุษย์แต่อย่างใด

        การควบคุมฝ่ามือ ; ถึงจะมีมือที่ใหญ่และแรงที่มาก เขากลับควบคุมมันได้ดี พวกงานละเอียดอ่อนที่ต้องใช้ความอ่อนตัวของมืออย่างพวกงานแกะสลัก หรือวาดภาพอะไรพวกนั้น อาเลซซิโอก็สามารถทำมันได้ดีในระดับมืออาชีพเลยล่ะ

        ทักษะการแกะรอยและการส่งสัญญาณ ; เป็นความรู้ที่สืบทอดมาจากมารดา บวกกับประสบการณ์ต่าง ๆ อาเลซซิโอถนัดเรื่องการส่งสัญญาณ เช่น การผิวปาก การใช้เเสงสะท้อน หรือวัตถุกระทบเป็นจังหวะ นอกจากนี้ยังเรียนรู้สัญญาณต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ในเรื่องของการเเกะรอย เพราะเป็นพวกให้ความสนใจกับสิ่งรอบด้าน จึงเก็บรายละเอียดได้ดีนั่นเอง

        เลี้ยงสัตว์ ; เขาเก่งเรื่องการเลี้ยงสัตว์นะ เลี้ยงตัวอะไรก็ไม่เคยตาย แถมรู้ว่ามันกินอะไร ชอบกินอะไร เป็นพวกสัตว์จากพื้นที่ไหนเลยดูเเลได้ถูก เสียอย่างเดียวคือพวกสัตว์เลี้ยงมันไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้เขาเท่าไหร่นี่สิ

        ความแม่นยำ ; เขามีความแม่นยำสูง ทั้งการขว้างปา ทั้งการยิงปืน นอกจากนี้ยังเล็งได้จากระยะไกลด้วยสายตาที่ดีจัดอีกด้วย


         บท: นักเรียน


         เพิ่มเติม

        ไม่พูดจนโดนแซว (ลับหลัง) ว่าลืมวิธีพูดไปแล้วไม่ก็โดนเข้าใจผิดว่าเป็นใบ้บ่อยมาก (แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจนักหรอก..)

        สามารถเรียกเขาสั้นๆ ว่า อาร์ หรือ อาร์เลซ ก็ได้ถ้าไม่อยากเรียกชื่อเต็ม

        ชอบแบกกระเป๋าเป้เดินไปมา เปิดออกดูเเล้วจึงจะพบว่ามันเต็มไปด้วยหนังสือหลากหลายประเภทอัดเเน่นไว้ในนั้น

        ถ้าถามว่าอยากมีเพื่อนไหม อาเลซซิโอจะตอบเเค่ว่ามีได้ก็ดี ไม่มีก็ช่างมัน ไม่ตาย--

        เคยอยากเดินไปคุยกับชาวบ้านบ่อยๆ เเต่คนอื่นชอบเดินหนี + เขาไม่ยอมพูดเลยสื่อสารกันไม่รู้เรื่องในด้านต้น อาเลซซิโอเลยตัดปัญหาด้วยการไม่เข้าไปคุยกับใครซะเลย

        ถ้าต้องพูดอธิบายอะไรยาวๆ จะเขียนใส่กระดาษเอา

        ว่ากันว่าคนที่เคยได้ยินเสียงเขา มีแต่พวกอาจารย์ที่มีวิชาบังคับในการพูดนำเสนอชิ้นงานต่างๆ เท่านั้น 

        ♠ แท้จริงเเล้ว พฤติกรรมการไม่พูดของอาเลซซิโอ คือความเคยชินที่ซึมซับมาจากมารดาที่เป็นใบ้ บวกกับตอนเด็ก ๆ อาเลซซิโอรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่ทุกคนพูดได้แต่เเม่ของเขาพูดไม่ได้ เขาเลยไม่พูดด้วย เพื่อไม่ให้แม่รู้สึกแปลกแยก รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นพฤติกรรมฝังราก แก้ไม่หายไปซะแล้ว (เขาไม่เคยบอกเรื่องนี้กับลอเรน เพราะกลัวว่าเเม่จะโทษตัวเองที่ทำให้ครอบครัวแตกแยก)

        ♠ โดยส่วนตัวไม่โกรธพ่อเรื่องที่ไล่ตนกับแม่ออกมา แต่ถ้าถามว่ากลับเข้าไปได้จะกลับไหม? บอกเลยว่า ไม่

    ____________________________________

     

        ถ้าลูกของคุณติด แต่ไม่ติดในบทที่ต้องการ อยากให้เราใส่บทอื่นให้ หรือว่าจะรับกลับคะ

        :: ถ้าน้องเข้ากับสตอรี่ จะใส่บทอื่นก็ได้ไม่ว่ากันค่ะ ;w;

    +

        คิดอย่างไรกับการที่สภานำคทาบรุนเวิร์ธที่โด่งดังนั้นมาเก็บไว้ในโรงเรียน คิดว่าทำถูกแล้วหรืออันตราย? แล้วอยากจะเห็นมันกับตาซักครั้งในชีวิตไหม?

        - ดวงตาตายด้านเหลือบมองผู้พูด อาเลซซิโอกลอกตาไปมาเหมือนกำลังคิดอยู่ แต่เพราะหน้าตาโหดจัดเเบบนั้นเลยทำให้ดูเหมือนรำคาญ เขาหยักไหล่หนึ่งครั้ง สื่ออ้อมๆ ว่าไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้น เเล้วก็ไม่แคร์ด้วยว่าใครจะเอามันไปเก็บไว้ไหน แต่สำหรับคำถามข้อสองนั่น..ชายหนุ่มนิ่งไปพักหนึ่ง จากนั้นจึงตัดสินใจพยักหน้ารับเบา ๆ

        --ว่าแต่คนถามเขาจะเข้าใจรึเปล่านะว่าเขาอยากสื่ออะไร..?--

        อาหารที่ชอบกินที่สุดคืออะไร เพราะอะไร?

        - อาหารเหรอ? อันที่จริงอาเลซซิโอไม่ใช่คนเลือกกิน เขากินอะไรก็ได้ที่มันอร่อย เพราะงั้นถ้าถามถึงของที่ชอบเขาก็คงตอบไม่ได้หรอก ชายหนุ่มนั่งเงียบตลอดจนเวลาล่วงเลยไปโข แล้วเขาก็ดันคิดขึ้นมาได้ว่าอย่างน้อยเขียนตอบอะไรไปบ้างก็น่าจะดี

        --แต่ว่าป่านนี้แล้วก็ช่างมันเถอะ--

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×