ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    M E S S A F T E R S T O R M "

    ลำดับตอนที่ #40 : Cozair prelude

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.พ. 59


     

                ปฐมบท

              ซ่า!!!

                ความรู้สึกแรก คือความแรงของน้ำที่ถูกสาดลงมาเต็มใบหน้าจนรู้สึกเปียกโชก ความเย็นของมันทำให้เริ่มรู้สึกตัวแต่ไม่มาก และเมื่อพยายามที่จะลืมตาขึ้นก็ต้องรู้สึกแสบตาเพราะแสงแดดที่แยงเข้ามาจนต้องหรี่ตาลงตามสัญชาตญาณ แม้หูจะได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นหูและฟังไม่รู้เรื่องจากที่ไกลๆก็ตาม

                ผัวะ!!!

                ความรู้สึกที่สอง คือความเจ็บและชาหนึบ จากของแข็งอะไรบางอย่างที่ซัดเข้ามายังใบหน้าซีกซ้ายจนรู้สึกว่าตัวเองหน้าหันไปอีกทาง สติที่ยังไม่ครบนั้นดูจะกลับเข้าร่างทันทีเพราะความเจ็บปวดนั่น

                กึก...

                และความรู้สึกต่อมา คืออึดอัด และเมื่อลองขยับตัวดูก็พบว่าไม่สามารถขยับได้ดังใจนึกและความปวดระบมของแขน และเมื่อกะพริบตาเมื่อปรับสภาพม่านตา เสียงที่เหมือนจะได้ยินจากที่ห่างไกลก็ชัดขึ้นเรื่อยๆ

                !!!!

                ดวงตานั้นเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อพบกับสิ่งที่เห็นเบื้องหน้า แม้ว่าจะลองหลับตาลงชั่วครู่และลืมตาอีกครั้งภาพก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม นี่เขาฝันอยู่รึอะไร?

                ภาพเบื้องหน้า คือผู้ชายต่างรูปร่าง ต่างอายุ และคาดว่าคงต่างถิ่นกำเนิด จำนวนมากกว่าสิบคนยืนล้อมรอบเขาอยู่ แต่มีอยู่สองสิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกัน

                อย่างแรก คือดวงตาที่แข็งกร้าวเหยียดหยาม หาเรื่องและไม่วางใจ และริมฝีปากของคนพวกนั้นที่เอ่ยถ้อยคำด้วยภาษาที่เขาไม่เข้าใจออกมา ดูท่าว่ากลุ่มคนพวกนี้น่าจะชุมนุมไม่ก็คุยอะไรกันอยู่ซึ่งก็คงไม่พ้นเรื่องของเขา ถ้าถามว่ารู้ได้อย่างไร ดูจากสายตาและท่าทางที่ชี้นิ้วมาที่เขาอย่างไร้มารยาทนี่ก็รู้แล้ว

                และอย่างที่สอง ที่กวาดตาผ่านๆนี่ สิ่งที่เห็นเด่นชัดที่คนจำนวนเกินกว่าครึ่งมี คือรอยสัก ไม่ว่าจะที่แขน ลำคอ หน้าอก มันเป็นรูปอะไรสักอย่างที่เหมือนกับแตกสลายกลายเป็นฟองไป ซึ่งเท่าที่ดูน่าจะเป็นนก แต่เขายังมองไม่ออกว่าเป็นนกอะไร แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ

                เพราะตอนนี้ ร่างกายของเขาถูกมัดด้วยเชือกหลายทบโดยที่แขนทั้งสองไพล่หลัง แม้จะลองขยับแต่ก็ไร้ผล และตอนนี้เขานั่งอยู่กับพื้นไม้ที่มีรอยผุรอยซ่อมบ้างเช่นเดียวกับจุดอื่นๆ เมื่อแหงนหน้าขึ้นมอง นอกจากท้องฟ้าสีคราม ก็พบกับกระโดงเรือรวมถึงใบเรือขนาดใหญ่ ที่สำคัญมันยังมีธงพื้นดำสนิทที่โบกสะบัด และรูปสีขาวตัดกับพื้นที่อยู่บนธงนั้นก็เหมือนกับรอยสักที่อยู่บนตัวคนพวกนั้นไม่ผิดเพี้ยน และยิ่งเมื่อมองกลับมาที่ชายวัยฉกรรจ์ทั้งหลายนี่ พิจารณาจากการแต่งกายและหลายต่อหลายคนมีดาบหรือปืนเหน็บอยู่ในมือบ้างเหน็บอยู่ที่เอวบ้าง มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเข้าไปอยู่ในภาพยนตร์จอยักษ์อย่างเรื่อง Piratof the Carribean ไม่ก็เข้าไปอยู่ในมังงะยอดฮิตอย่าง One Piece แต่คิดว่าเปรียบเทียบกับเรื่องแรกน่าจะเหมาะกว่า ทั้งกลิ่นอาย บรรยากาศ และแรงกดดันที่เหล่านักแสดงและฉากในภาพยนตร์มีให้เหล่าผู้ชมรู้สึกเหมือนกับว่าตนนั้นไปยืนอยู่ที่นั้นด้วย ซึ่งเขาคิดว่าตอนนี้ทั่วทั้งอณูในกายมันกำลังเปิดรับรังสีสังหารไม่เป็นมิตรอย่างเต็มที่

                ไม่ว่าจะมองยังไง นี่มันก็เรือโจรสลัด ความเจ็บปวดบนใบหน้ากับความหนาวนิดๆยามที่ลมทะเลพัดมาโดนเสื้อผ้าเปียกชุ่มของเขาเป็นหลักฐานได้อย่างดีว่านี่มันไม่ใช่ความฝัน

                “&^%$#!^@” ภาษาไม่คุ้นหูถูกส่งมาจากชายมีเคราร่างใหญ่อายุประมาณสามสิบห้าไม่เกินสี่สิบที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อสีแทน เสื้อกั๊กขาดลุ่ยนั่นพร้อมกับผ้าคาดเอวที่ในมือมีปืนรูปทรงโบราณอยู่นั้นทำให้เขากาไว้ในใจว่านั่นคงเป็นสิ่งที่กระแทกกับใบหน้าซีกซ้ายของตนเมื่อไม่กี่นาทีก่อนเป็นแน่ จากการที่หมอนี่ยืนอยู่หน้าสุดด้วย

                “@#$%^&(!!!!!” ท่าทางว่าอาการนั้นมันจะเรียกความไม่พอใจและเดือดดาลได้เป็นอย่างดี เพราะว่าการที่เขาเงียบไม่ตอบและไม่มีปฏิกิริยาใดๆที่ควรจะมี มันทำให้ชายเลือดร้อนผู้นี้กระชากคอเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีกรมท่าที่เขาสวมใส่อยู่ และเพราะว่าเขาถูกมัดอย่างแน่นหนา มันจึงมีแรงต้านที่ทำให้เขาทั้งจุกและเจ็บจนอดเบ้หน้านิดๆไม่ได้ และปลายกระบอกของปืนเล่มเดิมนั่นชี้มาที่มาที่ขมับพร้อมกับภาษาที่ต่อให้ตายยังไงก็ฟังไม่รู้เรื่อง และถึงแม้ว่าชีวิตของเขากำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายแบบนี้มันก็ไม่สามารถห้ามมุมปากแตกช้ำของตัวเองไม่ให้ยกยิ้มไม่ได้จริงๆ

                รอยยิ้มนั่นยิ่งทำให้เหล่าโจรทะเลแปลกใจและไม่เข้าใจ เพราะนอกจากไม่มีอาการหวาดกลัวอะไรอย่างที่ควรเป็นทั้งที่ก็เห็นๆอยู่ว่าตัวเองนั้นเสียเปรียบเต็มประตู แต่กลับยกยิ้มหัวเราะราวกับว่าสนุกเสียเต็มประดา

                ใช่ เขากำลังสนุก มากเสียด้วย

                “อา...”

                คำพูด ไม่สิ เสียงแรกที่ออกมาจากคนที่เงียบตั้งแต่ได้สตินั้นเป็นเหมือนกับเสียงในลำคอ เสียงทุ้มที่ติดจะแหบๆเหมือนเสียงกระซิบ และรอยยิ้มที่เปลี่ยนจากมุมปากกลับกลายเป็นยกยิ้มสุงขึ้นจนเห็นแนวฟันเรียงกันสวย ก่อนที่จะพูดขึ้นเป็นประโยคแรก

                “อยากยิงก็ยิงซะสิ จะแค่ขู่ไปทำไม ระเบิดหัวฉันเลยไอ้ลิงทะเล”

                ภาษาต่างถิ่นที่ไม่ค่อยคุ้นหูนั่นทำให้เริ่มสงสัยถึงถิ่นกำเนิดของคนผู้นี้ แต่รอยยิ้มที่ยกสูงจนดูเหมือนเหยียดหยาม แม้เขี้ยวเล็กๆที่เสริมให้ดูมีเสน่ห์แต่กระนั้นในสายตาคนมองมันช่างยั่วโทสะสิ้นดี ยิ่งดวงตาสีฟ้าเข้มคล้ายท้องฟ้ายามไร้เมฆนั่นทอประกายกร้าวและไร้ซึ่งความเกรงกลัวภายใต้เรือนผมสีดำสนิทที่ลงมาปรกหน้าจากการที่โดนสาดน้ำเมื่อครู่ ทุกสิ่งทุกอย่างของชายหนุ่มแปลกหน้ามันทำให้เจ้าถิ่นเดือดดาลเสียยิ่งกว่าอะไร แม้จะต่างภาษาแต่แค่สีหน้าท่าทางนั้นก็เพียงพอที่จะคาดเดาความหมายรูปประโยคได้ หูได้ยินเสียง แกร๊กและถ้าให้เดานิ้วชี้คงเลื่อนไปที่ไกปืนโบราณที่ปรารถนาจะได้เป็นเจ้าของสักครั้ง และสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปคงเป็นศีรษะของของเขาที่คงจะแตกโพละยามที่ลูกตะกั่วนั่นวิ่งผ่านขมับและทะลุไปอีกฝั่ง เสียงหัวเราะในลำคอที่แผ่วเบาราวกับจะหายไปกับสายลมนั่นดูไม่เกรงกลัวความตายที่อยู่ตรงหน้า ราวกับว่าผู้เป็นเจ้าของเสียงหัวเราะนั้นกำลังรอคอยกับบางสิ่ง

              ยังไม่ทันได้รู้เลยว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหนกันแน่ ดูท่าว่าจะมีเรื่องน่าสนุกไม่เบา

              แต่เอาเถอะ แค่นี้ก็คุ้ม เพราะเขาไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว

              ชีวิตคน... มันก็เปราะบางแบบนี้แหละ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×