ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    That Wolf...it's me {fic exo}

    ลำดับตอนที่ #4 : CHAPTER 3 :: ผมเดาผิด...

    • อัปเดตล่าสุด 24 ส.ค. 56


    CHAPTER 3 :: ผมเดาผิด...

     

     

     

    [Baekhyun]

              เสียงเคาะประตูรัวๆดังขึ้นกลางดึก ผมงัวเงียลุกขึ้นจากเตียงมือควานหาแว่นแล้วหยิบมาสวม

              “ครับๆ

              ผมเปิดประตูออกไป เป็นแม่นั่นเอง แต่ผมยังไม่ทันได้อ้าปากพูดอะไร แม่ก็ทรุดล้มลงไปนั่งแปะกับพื้นแล้ว


              “แทมิน...แทมิน...ไปที่โรงเรียน เร็ว!


              แม่พูดแค่นี้ก็วิ่งพรวดลงไปข้างล่าง เสียงแม่โก่งคออ้วกดังออกมาจากห้องน้ำข้างล่าง ส่วนผมก็ยังคงงงอยู่ แต่ก็รีบสวมรองเท้าแล้ววิ่งตรงไปที่โรงเรียนที่อยู่ไม่ห่างจากบ้านผมนัก แต่ทันทีที่มองเห็นรั้วโรงเรียนผมก็เห็นแสงไฟที่หมุนอยู่บนหลังคารถนั่นที่หน้าโรงเรียน มีคนมุงเต็มไปหมด กลิ่นคาวของเลือดที่โชยมาตามสายลมของหน้าหนาว





              ไม่ต้องเดาผมเองก็ยังรู้...มันเกิดขึ้นอีกแล้ว

              กับเพื่อนสนิทของผมเอง!!!

     
     

    ***




     

              ผมเดินผ่านแผงหนังสือแล้วก็ต้องหยุดชะงักดูหนังสือพิมพ์ที่พาดหัวข้อข่าวไว้ตัวใหญ่หราเกี่ยวกับการฆาตรกรรมต่อเนื่องครั้งนี้...

              โรงเรียนของเรายังคงเปิดเรียนตามปกติ แต่ปัญหาในตอนนี้คือนักเรียนหลายที่เริ่มทยอยย้ายออกจากโรงเรียนทั้งที่เพิ่งเปิดเทอมใหม่ได้ไม่ถึงเดือน

              ผมนั่งกินข้าวกลางวันอยู่บนห้องด้วยข้าวกล่องที่แม่ทำให้ ปกติแทมินจะนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวตรงกันข้าม และคยองซูจะยกคอลเลคชั่นกล่องข้าวมาโรงเรียนและบรรยายชื่ออาหารที่เขาตั้งเอง




              ...แต่ตอนนี้ไม่มีแทมินแล้ว


              “ผู้ชายคนนั้นไปไหน..?”

              เสียงทุ้มดังมาจากประตูห้องด้านหน้า ผมรีบใช้มือปาดน้ำตา แต่เสียงก็โกหกไม่ได้อยู่ดี ผมจึงก้มหน้างุดเพื่อให้ออกเสียงได้ไม่ดัง



              “ถ้านายหมายถึงแทมินน่ะ...เขาพึ่งจะ...


              เสียงถีบโต๊ะดังขึ้น ผมเงยหน้าขึ้นดูด้วยความรวดเร็ว ทำให้แว่นตกลงพื้น ผมเงยหน้าขึ้นมอง มีผู้ชาย 2 คนอยู่หน้าประตูห้อง แต่ผมไม่รู้ว่าเขาคือใคร ทั้งคู่ไม่ได้คุยกัน และดูเหมือนเขาจะจ้องหน้ากันอยู่นะ

              ผมหยิบแว่นขึ้นมาเช็ดด้วยชายเสื้อด้านในแล้วรีบสวมทันที แต่ผู้ชายทั้ง 2 คนนั้นก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว


              ผมมาที่งานฝังศพแทมินพร้อมกับคยองซู คนมาเยอะมากผิดกับงานของเยจิน แทมินเป็นคนน่ารักสดใส เขาสนิทแม้กับคนที่เพียงเดินผ่าน ใครๆก็รักเขา...

     

    ***

     

              “ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวลี ที่ต้องมาสูญเสียลูกชายในวัยที่สดใสเช่นนี้ นายลีแทมินเป็นคนที่...

              เสียงประกาศจากห้องวิทยุดังขึ้นตอนเรากำลังเตรียมตัวกลับบ้านและผมกับคยองซูกำลังเตรียมตัวไปห้องเรียนพิเศษ ทุกคนในห้องชะงักกับทุกอย่างที่ทำอยู่คามือ ทุกสิ่งเงียบกริบราวกับกลั้นหายใจพร้อมกัน

              อย่างที่ไม่ต้องรอให้ประกาศจบ ผมคว้ากระเป๋านักเรียนขึ้นสะพายแล้วเดินออกจากห้องทันทีที่เริ่มมีเพื่อนในห้องร้องไห้ ผมหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดแล้วอ่านไปที่ห้องเรียนพิเศษโดยโดยมีคยองซูวิ่งตามมา จงแดนั่งอยู่กับจุนมยอนและลู่หาน พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองผมและคยองซู ผมขยับแว่นให้เข้าที่แล้วยกมือขึ้นทักทายโดยไม่ได้พูดอะไรออกไป ลู่หานโบกมือตอบ

              “ขอโทษที่มาก่อนนะ

              ลู่หานกล่าวขอโทษ เขายิ้มอ่อนๆ ผมพยักหน้ารับคำขอโทษแล้วนั่งลง


              “เสียใจด้วยนะจุนมยอนยิ้มบางๆให้ผม


              “แค่เห็นศพเยจินฉันก็สะอิดสะเอียนพอแล้ว ไม่อยากจะคิดจริงๆว่าศพแทมินนี่จะขนาดไหน เขาว่าเละกว่าเยจินอีกนี่! อะไรเล่า!


              จงแดพูดขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดแต่จุนมยอนยั้งเขาไม่ให้พูดอะไรไปมากกว่านี้อีก ผมนึกภาพวันที่เกิดเหตุนั่นอีกรอบ... แทมินถูก กัด ทั่วตัว เขาเหมือนพยายามจะดิ้นรน เพราะเลือดที่เปรอะเต็มพื้นไปหมด หนังบริเวณหน้าถูกฉีกถลกจนเห็นกระโหลกศรีษะสีขาว ถึงจะถูกผ้าคลุมไว้แต่ผมก็ยังไปทันเห็นตอนที่ผ้าห่อศพมันเลิกตามแรงลม


              ผมจำไม่ได้ว่าร้องไห้อยู่ตรงนั้นไปนานเท่าไหร่ แต่ทันทีที่ผมทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ผมก็เห็นตัวเลข 88 ถูกเขียนด้วยเลือดอยู่บนพื้น!!!

     

    ***

     

              ผมเดินกลับบ้านคนเดียว ซึ่งไม่ห่างจากโรงเรียนมากนัก ผมเดินตามทางที่เงียบสงบจนถึงครึ่งทาง แต่ก็พบว่าผมลืมสมุดเล่มสำคัญไว้ที่ห้องเรียนพิเศษ ผมหันหลังกลับไปที่โรงเรียนเหมือนเดิม ครูบางคนยังคงตรวจงานอยู่ที่พักครู...ดูจากไฟที่ยังเปิดอยู่นะ ผมเดินกดสวิตซ์ไฟให้เปิดไปตามทางเรื่อยๆ ห้องเรียนนั้นอยู่บนชั้น  4 ผมตบสวิตซ์ไฟจนถึงหน้าห้องเรียนพิเศษ

              หลังจากที่หยิบสมุดได้แล้ว ผมก็กลับออกมาจากห้อง ลมเย็นๆพัดวูบมาข้างหลัง ผมหันไปมอง มันไม่มีอะไร...

              ผมเดินไล่ตบสวิตซ์ไฟเพื่อปิดตามทางลงมาเรื่อยๆ จนถึงชั้นสุดท้ายผมก็ต้องชะงัก!

              เสียงขู่จองหองดังขึ้นตรงหน้าผม ตัวผมแข็งทื่อ ปากที่ขยับแต่ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ สิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าจ้องผมตาเขม็ง ดวงตาสีแดงนั้นขู่ผม เสียงกรรโชกยังคงดังต่อเนื่อง ผมก้าวขาไม่ออก ถ้าผมขยับแม้แต่นิดเดียวมันต้องขย้ำผมแน่!

              ไอ้หมายักษ์ตัวนี้มันต้องจัดการผมแน่!

              “เป็นคนดีนัก...ตายตอนนี้เลยดีมั้ยล่ะ?”

              เสียงหนึ่งดังขึ้น มันไม่มีเสียง เป็นความคิดที่ซ้อนขึ้นมาในสมองของผม ขาอ่อนแรงของผมทำให้ผมทรุดลงนั่งกับพื้น

              หมาตัวนั้นจ้องผมไม่ไปไหนนานพอสมควรจนผมแทบหยุดหายใจเอาดื้อๆ ตอนนี้หวังได้แค่เพียงว่าจะมีใครสักคนเดินผ่านมาตรงนี้...

              ไม่รู้อะไรดลใจ จู่ๆมันก็ถอยหลังแล้วเดินจากไปเสียง่ายๆ แต่สำหรับผมนั้นแทบไม่มีแรงลุกแล้ว หัวใจที่เต้นโครมครามจนผมได้ยินเสียงของมันชัดเจนมันเต้นแรงขึ้น สมองเริ่มสั่งให้ผมเอนตัวล้มลงและไม่รู้สึกอะไรอีกเลย...

              ผมนอนพิงโซฟาของห้องพักครู ตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่ ครูทิฟฟานี่โทรเรียกแม่ผมมารับตัวกลับ ผมไม่ได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ครูหรือใครฟัง แต่เราก็ลองเช็คกล้องวงจรปิดดู ผลที่ออกมาคือสิ่งมีชีวิตที่ผมเผชิญหน้าเมื่อคืนนี้ไม่ใช่หมาตัวใหญ่อย่างที่ผมเห็น...





              มันคือมนุษย์...

              และยังเป็นมนุษย์ที่ผมอาจจะรู้จัก...แค่อาจจะ

     

    ***

     

              คุณตำรวจที่สืบสวนพวกเราครั้งนั้นแวะมาที่บ้านผมตอนเย็น แต่ผมไม่กล้าออกไปไหนแม้แต่โรงเรียน เขาฝากซองสีน้ำตาลมาให้ผม สิ่งของที่อยู่ข้างในคือมือถือของแทมินที่ผมเป็นคนเลือกเคสให้เขาเองกับกระจกที่แทมินมักจะพกไว้เสมอ

              ผมกดเปิดมือถือที่แบตเตอร์รี่อ่อน ผมชาร์จแบตเตอร์รี่ทิ้งไว้ราวครึ่งชั่วโมงก่อนจะกดดูเพลงและรูปต่างๆในมือถือของแทมิน จนกดไปถึงข้อความ ผมแอบดูข้อความที่ส่งกับข้อความที่รับ มันทีแต่ชื่อของจงอินกับพี่มินโฮรุ่นพี่ปี 3 คยองซูและแบคฮยอน ซึ่งก็คือผมเอง

              ผมกดไล่ดูข้อความต่างๆที่เราเคยคุยกัน พี่มินโฮน่าจะเป็นรุ่นพี่ที่สนิท ส่วนจงอินนี่ผมก็ไม่รู้ว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันอย่างไร

     

    ข้อความล่าสุด

    ถึง คุณตำรวจคิม 26 เม.ย. 2013 เวลา 5.23 pm’

     

              แทมินส่งข้อความถึงคุณตำรวจทำไมกัน? ผมกดดูข้อความทันที

     

    ตอนนี้ผมไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม

    แต่ผมแค่อยากบอกให้คุณรู้ก่อนที่มันจะสาย

    การตายของเยจินนั้นคนร้ายอยู่ในบรรดาคนทั้ง 14 ที่เหลือ

    ผมกำลังจะถูกฆ่าเป็นรายต่อไปแน่หลังจากที่ได้ตัดสินใจพิมพ์ข้อความนี้ลงไป

    ขอให้ผมเป็นคนสุดท้าย คนร้ายอยู่ในคนทั้ง 14’

     

    ผมตัวชาไปหมด ข้อความถูกพิมพ์แบบผิดๆถูกๆคล้ายคนกำลังลนลานและเร่งรีบอยู่ ผมพยายามจะแกะแบตเตอร์รี่ออก แต่มันแกะไม่ได้ ความจริงที่น่าโหดร้าย สิ่งที่ผมเห็นมันกำลังเป็นเรื่องจริง

     

    ***

     

    เนื่องจากตอนนี้เราเครียดเรื่องเศร้าๆกันเยอะไปแล้ว ครูเลยอยากจะชวนพวกเรา...ไปเข้าค่ายติวพักร้อนกัน เย้ๆ

    ครูแทยอนพยายามเอนเตอร์เทนเราสุดขีด มีเพียงจงแดเท่านั้นที่ดูดีใจกับการไปเข้าค่ายติวครั้งนี้ ผมรับใบขออนุญาตแล้วนั่งฟังโปรแกรมการติวของเรา จงแดคอยเสนอไอเดียต่างๆ ส่วนจุนมยอนก็คอยชมจงแดตลอดเวลา จูเนียลขอออกจากโครงการไปแล้ว ตอนนี้เหลือพวกเราแค่ 12 คน กับครูแทยอนอีกหนึ่ง...


    ผมเลื่อนสายตาไปมองทุกคน...


    มินซอกนั่งอยู่ตรงมุมเกือบหลังห้อง เขาจ้องครูแทยอนด้วยสีหน้านิ่งเรียบ มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่เขาเดินผ่านคนในโรงเรียน แทบทุกคนจะแซวเขาด้วยคำว่า  ไอ้อ้วนซาลาเปาเมื่อก่อนมินซอกอ้วนกว่านี้ เขาลดน้ำหนักลงมาเรื่อยๆ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังถูกว่าอยู่ดี ผมเคยคิดว่าผมอาจจะร้องไห้ตรงนั้นเลยก็ได้ถ้าถูกล้อปมด้อยอย่างนั้น

    คริสนั่งข้างมินซอกอีกที เขามองเลย์ที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขม็ง เขามักจะมองอย่างนี้ในตลอดเวลาที่พักสายตา ผมเองก็ยังแปลกใจว่าทำไม ส่วนจงอินนั้นเอามือเท้าหน้าผาก มืออีกข้างจับหนังสือกางไว้ ดูคล้ายจะอ่านหนังสือแต่จริงๆแล้วเขาแอบหลับต่างหาก

    เลย์ที่นั่งตรงหน้าครูแทยอนนั้นตั้งใจฟังเป็นอย่างดี เขามักจะถูกคิดว่าเป็นเกย์ เพราะหน้าตาที่ดูสะอาดสะอ้าน เขาเป็นคนที่ใจดีมากเลยทีเดียว

    เซฮุนที่ดูซึมๆไปเนื่องจากเพื่อนสาวได้ขอออกจากโครงการติวไปแล้ว ...จงแดที่พยายามอวดภูมิความรู้ตัวเอง จุนมยอนที่ชื่นชมจงแดเท่าหัว... ชานยอลที่ดูเหมือนจะหลุดไปนอกโลกไปแล้ว คยองซูที่นั่งจ้องครูแทยอน ลู่หานที่นุ่มนวลและอบอุ่นคนที่คอยปลอบทุกคนเสมอ จื่อเทาที่ดูเข้มแข็งและมั่นคง...





    ถ้าวันหนึ่ง...คนพวกนี้ถูกฆ่า

    มันจะเป็นยังไง...และรูปแบบไหนนะ

    แล้วใครกัน...ที่เป็นคนทำเรื่องอย่างนั้นได้

    มีใครอยากรู้เหมือนผมมั้ยครับ?

     

    ***

    ผมก้าวขาขึ้นรถเมล์คันเล็กที่ครูจองมาให้พวกเรา เสียงบ่นของจงแดและจงอินดังขึ้นเป็นระยะว่าทำไมถึงไม่จองรถตู้หรืออนุญาตให้เอารถส่วนตัวไป แต่ครูแทยอนก็ไม่ได้พูดอะไร ครูให้พวกเราขนของขึ้นรถด้วยความรวดเร็ว ผมอยู่ช่วยครูขนของเมื่อเสร็จแล้วพวกเราก็ทยอยขึ้นรถกัน


    ทันทีที่ผมก้าวขึ้นไปบนรถสองก้าวแรก...

    ผมก็ได้กลิ่น....

    มันเป็นกลิ่นสาบ...ของสัตว์





    ผมเลื่อนสายตามองทุกคน จงแดนั่งอ่านหนังสืออยู่โดยไร้เงาจุนมยอนซึ่งถือว่าเป็นเรื่องแปลก คริสนอนหลับ ส่วนจงอินก็เช่นกัน คยองซูยิ้มให้ผมและเรียกผมเข้าไปนั่งด้วย แน่นอนว่าเราเป็นเพื่อนสนิทกันผมก็ต้องนั่งกับเขาอยู่แล้ว แต่ระหว่างที่เดินไปหาคยองซู ผมก็เห็นจุนมยอนที่นั่งอยู่ข้างเบาะท้ายรถทำจมูกฟุดฟิด เขาคงได้กลิ่นเหมือนผมทั้งที่ไม่มีใครจะออกอาการเหม็นสักคน


    เดี๋ยวมานะ

    ไปไหนอ่า ไม่นั่งกับฉันเหรอ?”


    เดี๋ยวมา ผมวางกระเป๋าลงข้างๆคยองซูแล้วเดินไปทางจุนมยอนที่ทำจมูกฟุดฟิดอยู่


    ไงผมโบกมือให้จุนมยอน

    ไงเขาพยักหน้าแล้วขยับให้ผมนั่ง


    นายก็ได้กลิ่นสินะ ผมถามออกไปด้วยเสียงที่เบา จุนมยอนทำตาโตทันที เขาพยักหน้าแล้วพูดออกมาตะกุกตะกัก


    นายก็ได้กลิ่นเหรอ? แต่ดูเหมือนคนอื่นๆจะไม่มีใครได้กลิ่นเลยนะ

    ผมพยักหน้า แล้วนั่งลงที่เบาะข้างๆของจุนมยอน กลิ่นแรงขึ้นเรื่อยๆจนผมทนไม่ไหวต้องหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก


    ผู้ชายอะไรพกผ้าเช็ดหน้า บู่ววว

    จงอินที่นั่งอยู่ข้างหน้าเราลุกขึ้นยืนบิดขึ้เกียจแล้วหันมาเห็นผมพอดี ไม่เป็นไร เขามักจะมีหมาอยู่ในปากอย่างนี้เสมอแหละ ผมไม่ถือหรอก



    อย่าไปว่าเพื่อนสิจงอิน

    ลู่หานเอ่ยเสียงเรียบ เขานั่งอยู่เบาะข้างๆเรา สายตาทอดยาวที่ข้างหน้า เขาดูเหมือนเทพบุตรเลย จงอินทำหน้าไม่พอใจก่อนที่จะนั่งลง ผมหันไปมองลู่หานเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาหันมาพอดี เขายกมุมปากยิ้มให้ผม ก่อนจะยกนิ้วขึ้นบีบจมูกเป็นเชิงล้อเลียน...





    ไม่หรอก...เขาไม่ได้ล้อเลียน

    แต่เป็นเพราะเขาได้กลิ่นเหมือนกันต่างหาก!!

     

    ...ผมพลาดแล้วครับ

    ผมลืมไปว่าตอนนี้ผมไม่สามารถไว้ใจใครได้เลย!!!

     

     

    ***

     

              เมื่อมาถึงพูซาน พวกเราก็แยกย้ายกันเข้าที่พักซึ่งเป็นบ้านพักตากอากาศของครูแทยอน มันใหญ่มาก และเราจะได้พักเป็นคู่ เราพักตามอัธยาศัยจนถึงค่ำ จากนั้นพวกเราก็เจอป้ายชื่อที่แขวนอยู่กลอนห้องของแต่ละคน มันมีสำหรับคนละใบ มีข้อความบางอย่างที่หลังป้ายชื่อ

     

    เขียนฉายาของตัวเองลงไป

     

              ผมกับจื่อเทาซึ่งเป็นรูมเมทกันมองหน้ากันด้วยความงุนงง ผมจึงถือป้ายชื่อแล้วเดินไปเคาะประตูห้องของมินซอกกับลู่หานซึ่งอยู่เยื้องๆไปจากห้องผมนิดเดียว แต่ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าควรทำยังไง

              “เขียนๆลงไปเถอะฉายงฉายาอะไรนั่นน่ะ

              มินซอกพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบด้วยความหงุดหงิดหลังจากที่เรานั่งเงียบอยู่ในห้องนั่งเล่นรวมอยู่นานร่วมครึ่งชั่วโมง ไม่มีวี่แววของครูแทยอนที่จะออกไปเดินเล่นที่ชายหาดเลย

              “ฉันเขียนแล้วนะ ฮี่ๆ

              ชานยอลยกป้ายชื่อที่เขียนด้วยตัวอักษรเกาหลียึกยือนั่นขึ้นมา ปาร์คด๊อบบี้คือฉายาที่เขาเขียนลงไป เสียงหลุดขำดังมาจากลู่หานจากนั้นก็กลายมาเป็นเสียงพวกเราทุกคน พวกเราเขียนฉายาที่พอใจจะให้ทุกคนเรียกลงไป แต่มินซอกถูกจงอินคว้าไปเขียนให้ แน่นอนว่าจงอินเขียนคำว่า ซาลาเปาลงไป ผมหันไปอ่านป้ายชื่อของทุกคน..


    จุนมาฮอ จุนมยอน    ดโย คยองซู

    ปาร์คด๊อบบี้ ชานยอล    จงอิน กัมจง

    โอด๊อลท์ เซฮุน    เฉินเฉิน จงแด

    ซาลาเปา มินซอก    วัว ผม

    ซิงซิง เลย์    เปิ้นเปิ้น คริส

    แพนด้า จื่อเทา

     

              ผมหยุดชะงักอยู่ที่ชื่อของลู่หาน เขาเขียนเป็นพินอินภาษาจีนที่ผมไม่เก่งเอาซะเลย มันน่าจะอ่านว่าเซี่ยลู่อะไรประมาณนั้น แต่ผมก็ไม่เข้าใจมันหรอก เอาเป็นว่าผมจำฉายาทุกคนไม่ได้ แค่นั้นพอ

              พวกเรารอครูแทยอนมาจนถึงห้าทุ่มแล้วครูก็ยังไม่กลับมา พวกเราจึงตัดสินใจออกตามหาครูรอบๆบ้านพักซึ่งรอบข้างเป็นป่า ผมเดินเลียบชายหาดกับจื่อเทาไปเรื่อยๆ จนถึงที่ที่มืดจนน่ากลัว เราจึงตัดสินใจเดินย้อนกลับ ตอนนี้ผมหวังเพียงอย่างเดียวคือจื่อเทาจะไม่กระโจนกลางอากาศแล้วกลายเป็นหมาตัวใหญ่อย่างที่ผมเห็น


              ไม่มีใครเห็นครูแทยอน พวกเราจึงผลัดกันนั่งรอครูที่หน้าบ้านพัก ผมเลือกที่จะนอนติดประตู ถ้าหากว่าจื่อเทาเป็นไอ้หมานั่นจริงๆ ผมจะได้หนีทัน ผมตรวจกลอนว่าล็อกอยู่หรือเปล่า แล้วกลับมานอน ผมหันหน้าไปจ้องจื่อเทาตาเป๋งด้วยความระแวงจนหลับไป

     

     

    ***

     

     

              เสียงหอนของหมาทำให้ผมสะดุ้งตื่น  เสียงหมาหอนข้างนอกนั้นยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ผมเปิดประตูออกไป คริสซึ่งควรจะเป็นคนอยู่เฝ้าประตูหายไป!!


              ใจผมหล่นวูบเมื่อความคิดที่ผมเพิ่งคิดได้แล่นเข้ามาในหัว หรือว่าที่จริงแล้ว...คริสคือหมาป่า!!!


              คริสคือคนที่ฆ่าแทมินและเยจิน!

              ผมวิ่งไปเคาะประตูห้องของมินซอกและลู่หานซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องของผม ผมกลัวจนขนแขนลุกเกรียวไปทั้งตัว ลิ้นผมแข็งจนพูดอะไรออกมาไม่ได้ คริสคือคนที่ฆ่าทุกคน!! เป็นคริสนั่นเอง!!


              มินซอกเดินมาเปิดประตูด้วยสีหน้างัวเงีย แต่เสียงหมานั่นเงียบลงแล้ว

              “มีอะไร?”


              “ค..คริส ค..คริสฆ่า คริส...ฆ่า คริส..มินซอกมองหน้าผมด้วยสีหน้างุนงง
















              “ฉันทำไม?”


              ผมเข่าอ่อนแทบทรุด พระเจ้า! ผมกำลังเผชิญหน้ากับหมาป่าตัวเป็นๆ ถึงเขาจะอยู่มนร่างคน แต่นี่มันหมาป่า!


              “ฉันฆ่าอะไร?”

              ผมนิ่งเงียบไม่กล้าแม้จะสบตากับเขา ผมพูดมันออกไปไม่ได้ แต่ผมก็รู้แน่ชัดแล้วว่าคริสคือหมาป่าที่ฆ่าเยจินกับแทมิน! ดวงตาที่เย็นราวหยดน้ำแข็งนั่นจ้องผมเขม็ง

              “เฮ้! พวกนายน่ะ มีอะไรกัน?”

              ลู่หานเดินมาจากด้านหลังคริส จากทางที่คริสเดินเข้ามา เขาเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามแล้วยืนข้างๆคริส แต่เขาควรจะอยู่ที่ห้อง... ไม่ใช่หรอกเหรอ..?


              “นายคงได้ยินเสียงหมาหอนเลยตื่นขึ้นมาดูสินะ

              ลู่หานพูดด้วยเสียงอ่อนนุ่ม เขาเดินมาตบบ่าคริส


              “ฉันกับคริสก็สงสัยเลยออกไปดูด้วยกันมา...


              ชั่วขณะหนึ่งที่ผมเห็นแววตาเหยียดหยามจากสายตาที่คริสมองลู่หาน ก่อนจะปรับสายตาเป็นนิ่งเรียบตามปกติ พวกเราแยกย้ายกันเข้านอนตามเดิม มินซอกดูจะหัวเสียมากที่ผมมาปลุกเขาทั้งที่ไม่มีอะไรจะพูด ผมเดินกลับเข้ามาในห้อง จื่อเทายังคงนอนหายใจสม่ำเสมออยู่บนเตียง...



              แล้วตกลงที่ผมคิด..ใครกันแน่คือหมาป่า

              แล้วคนที่แทมินหมายถึงนั่นใคร?

              คริสหรือลู่หาน...หรือจะเป็นคนอื่น?

     

    ***

     

              เช้าวันต่อมาครูแทยอนก็ยังคงไม่กลับมา พวกเราตัดสินใจโทรแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ทำได้เพียงรอ พวกเราออกตามหากันอีกรอบแต่ก็ยังไม่มีวี่แววของครูแทยอน...

              “เรากลับบ้านกันเลยดีมั้ย?” จงแดถามขึ้น ขณะที่พวกเรานั่งรวมอยู่ที่ห้องนั่งเล่น

              “แล้วถ้าตำรวจมาที่นี่แล้วไม่เห็นพวกเราล่ะ?” จุนมยอนแทรกขึ้น

              “งั้นเราจะรอจนกว่าคุณตำรวจจะมา โอเคมั้ย?”

              ผมเอ่ยขึ้น พวกเราทำอาหารง่ายๆกินกันรอตำรวจส่งกำลังเขามาช่วยค้นหาครูแทยอน แต่จนเย็นแล้วก็ยังไม่มีวี่แววใดๆของใครสักคน


              พวกเราโทรใหม่อีกรอบ คุณตำรวจก็บอกว่าให้รอจนกว่ากำลังตำตวจจะมาถึง พวกเราโทรอย่างนี้ทุกๆ 2 ชม. และผลคือ...ทุกอย่างมันเป็นแบบเดิม


              “ลองโทรหาที่บ้านสิ

              มินซอกเสนอ พวกเราหยิบมือถือออกมากดโทรหาที่บ้านแต่ว่าพ่อกับแม่ของผมปิดเครื่องทั้งคู่



              “พ่อกับแม่ฉันปิดเครื่องทั้งคู่เลย

              “ฉันด้วย

              “ฉันก็เหมือนกัน

              “ฉันด้วย


              เสียงบ่นของพวกเราดังขึ้น หลังจากนั้นความหวาดกลัวก็ครอบงำพวกเรา จงแดเริ่มงอแง เขากำลังเสียดายหากตัวเองต้องตายที่นี่ เขาเสียดายที่สมองอันดับต้นๆของประเทศต้องมาตายที่นี่


              “จะไม่มีใครต้องตายทั้งนั้น! เราอาจแค่ไม่มีสัญญาณมือถือก็ได้


              เลย์ที่ดูตั้งสติได้ก่อนคนอื่นตะโกนขึ้นท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ จงแดยกมือขึ้นปาดน้ำตากับน้ำมูกก่อนจะยกมือขึ้น


              “เราไม่ได้ถูกตัดสัญญาณหรอก แต่ฉันคิดว่ามีใครกำลังเล่นตลกอยู่กับพวกเราต่างหาก ฮึก


    คืนนี้พวกเราไม่มีใครกล้านอน แต่อย่างน้อยๆผมก็หายห่วงที่จื่อเทาคงไม่ใช่หมาป่า เพราะเมื่อคืนตอนกลับมาที่ห้องจื่อเทายังนอนอยู่บนตียง เขาไม่ใช่หมาป่าแน่นอน...


    เสียงร้องลั่นของใครบางคนดังขึ้น ผมสะดุ้งพรวดลงมาจากเตียงแล้วยืนขึ้นด้วยความตกใจ ผมหันขวับไปที่เตียงของจื่อเทา







    ...เขาไม่ได้อยู่บนเตียง


    หรือว่าคริสหรือไม่ก็ลู่หาน...อาจลากตัวเขาไปขย้ำอยู่ก็ได้!








    เสียงฝีเท้าวิ่งตึกตักมาถึงหน้าห้อง ประตูถูกคว้าขวับแล้วเปิดออก จื่อเทาเบิกตาโพลงเมื่อเห็นผม


    ปลอดภัยดี..


    มือหนาปิดปากผมแน่น เขาประกบมือมาที่ปากของผมแรงจนน้ำตาเล็ด เขากดผมลงที่เตียง มือของเขาติดทรายด้วย ไม่สิ! ทั้งตัวเลยต่างหาก เขาเปลือยท่อนบนและท่อนล่างนั้นก็ดูจะแต่งยังไม่เสร็จ


    เงียบไว้! อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้...ไม่งั้นนายตายคามือฉันแน่!


    จื่อเทากระซิบ ตาเขาจ้องที่ผมด้วยแววตาที่น่ากลัว ผมตัวสั่นด้วยความกลัว น้ำตาพรั่งพรูออกมา...ผมเข้าใจผิดแล้วใช่มั้ย?






    เป็นจื่อเทาต่างหาก...จื่อเทาต่างหากที่เป็นหมาป่า


    คริสกับลู่หานคงออกไปดูหมาร้องอย่างที่พวกเขาว่า...และคืนนั้นก่อนออกจากห้อง ผมก็ไม่ได้ดูว่าจื่อเทาอยู่ตอนที่มีเสียงหมาหอนหรือเปล่า...










    เขาฆ่าทุกคนที่ตาย...และผมก็กำลังถูกหมาป่าจ้องเล่นงานเป็นคนต่อไป!

    [Baekhyun]



     

    สวัสดีตอนเช้าเจ้าค่ะพระพี่
    สังเกตป่ะว่าตอนนี้ยาวกว่าเดิม
    คือทีแรกกะจะอัพ 2 ตอนแต่ขี้เกียจแยก
    งั้นก็ใส่รวมๆกันไปเลยล่ะกัน เหมือนก๋วยเตี๋ยวไม่แยกน้ำไง
    แอบเห็น
    หลายคนไม่โหวตนะ =___=
    เราตั้งใจแต่งนะแก อีกอย่าง wifi นี่ก็เร็วจนเต่ากัดตีนเลยเชียวแก
    จึ๊ดสะปู๊ดจู๊ดสะป๊าดจ๊าดสะปี๊ดสุดสุด
    อยากให้ลองนึกภาพ ผู้หญิงตัวเล็กๆหน้าตาเหมือนจะสวยคนหนึ่ง
    ถือโน๊ตบุ๊กชูแล้วเดินอ้อมรั้วบ้านคุณด้วยท่าทางที่แปลกๆ
    เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวกรี๊ดเดี๋ยวขมวดคิ้ว
    ใจคอก็จะไม่โหวตให้กันเลยเหรอ เจ้าคุณพี่เอย *นั่งตีฉิ่ง*
     
    เวลาพูดถึงฟิคอย่าลืมติดแท็กในทวิตเตอร์
    #ficThatWolf

    มันจะมีผลต่อการอัพฟิคอย่างแรง





    มีอะไรจะให้ดู มีคนเดามา (จาก twitter)


    555555555555555555555555 ว่าเราตะไม
    เราไม่เคยหลอกใคร!!!! *ส่ายตูด*

    ถ้าฟอลมาก็จะได้รู้ข่าวสารของฟิค แต่ไม่ฟอลก็ฝอยได้ @SuperJONGin



    *ดิทคำผิด 24-08-2013 08:01 น.
     

    Code by Ha .ha
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×