คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เมียรับจ้าง :: III (rewrite)
“อี้ชิง นั่นอี้ชิงใช่มั้ย?”
“จงอิน” เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลังร่างบาง ทำให้เจ้าของชื่อรีบหันกลับไปดูในทันที และก็พบว่าเป็น ’จงอิน’เพื่อนของตน
“อี้ชิงจริงๆด้วย ทำไมแต่งตัวเป็นผู้หญิงแบบนี้ล่ะ” ชายหนุ่มผิวเข้มไล่สายตาลงมองอี้ชิงตั้งแต่หัวจรดเท้า และย้อนจากเท้าขึ้นมาสู่หัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า อี้ชิงในชุดผู้หญิง ทำให้จงอินอึ้งอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นครั้งแรกที่เห็นและไม่คิดว่าจะ
’สวย’ ขนาดนี้
“อะ...อ๋อ พอดีไปปาร์ตี้แฟนซีมา” ร่างบางพ่นคำโกหกออกไปอย่างตะกุกตะกัก เพราะไม่คิดว่าจงอินจะมาเห็นเขาในสภาพนี้ได้
“ปาร์ตี้แฟนซี!”
“เดี๋ยวเล่าให้ฟังนะ ว่าแต่ทำไมมาที่นี่ล่ะ?” อี้ชิงเอ่ยถามกลับอย่างสงสัย เพราะเป็นเวลาเกือบเดือนแล้วที่จงอินไม่ได้มาหาเลย
“ก็ได้ยินจากลุงว่าจะถูกยึดร้าน ฉันเป็นห่วงก็เลยรีบเคลียร์งานแล้วมาหาอี้ชิง”
“ตอนนี้ไม่โดนยึดแล้วล่ะ ฉันจ่ายหนี้หมดแล้ว” ร่างบางระบายยิ้มเต็มใบหน้าเพื่อหวังให้จงอินรู้ว่าตอนนี้เขาไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ เมื่อชายหนุ่มผิวเข้มเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มตอบ
“หรอ แบบนั้นก็ดี แต่อี้ชิงแต่งตัวเป็นผู้หญิงแบบนี้แล้วสวยดีนะ แต่งให้ฉันดูบ่อยๆบ้างสิ” ตาคมไล่มองอี้ชิงอีกครั้ง พร้อมกับยกยิ้มกวนที่มุมปากเป็นเชิงล้อไปให้ร่างบาง
“สวยอะไรกัน เห็นตัวเองในกระจกแล้วขนลุกจะตาย” ร่างบางเบะปากและทำท่าทางขนลุกประกอบ เรียกเสียงหัวเราะชอบใจให้กับจงอินได้อย่างดี
“ฮ่าๆๆ”
“อะแฮ่ม!” ร่างสูงของคนบนรถกระแอมไอขัดจังหวะบทสนทนา ทำให้ทั้งอี้ชิงและจงอินต่างต้องหันมามองผู้เรียกร้องความสนใจเป็นตาเดียว
“ขอบคุณที่มาส่งนะครับคุณคริส” อี้ชิงยังไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณ
“นายจะไปกินข้าวเย็นกับฉันมั้ย?” เอ่ยถามออกไปตามความตั้งใจแรก แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาทำให้คนหน้าหล่อหน้างอทันที
“ไม่เป็นไรครับ ผมมีเพื่อนกินข้าวด้วยแล้ว”
“หรอ ก็ดี ฉันไปล่ะ เจอกันพรุ่งนี้” จบคำแบบห้วนๆ แล้วก็กระชากรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว
“หึ มีเพื่อนกินข้าวด้วย แล้วไอ้ดำนั่นเป็นใครบังอาจมาชมอี้ชิงว่าสวย ฉันคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์ชมได้ไม่รู้หรือไง” สบถออกมาเสียงดังอย่างหงุดหงิดหลังขับรถออกมา แต่ตาคมก็ยังจ้องมองไปที่สองคนนั้นผ่านทางกระจกอย่างไม่วางตา
“นั่นมันคริส เจ้าของอู๋กรุ๊ปไม่ใช่เหรออี้ชิง อี้ชิงรู้จักได้ไงอ่ะ?” จงอินถามขึ้นหลังจากที่ทั้งสองเข้ามานั่งอยู่ในร้านเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าใครๆในผืนแผ่นดินเกาหลีก็ต้องรู้จักคริสกันทั้งนั้น ยกเว้นก็แต่ร่างบางในตอนแรก
“เขาเป็นลูกค้าประจำที่ร้านอ่ะ แล้ววันนี้เขาชวนไปปาร์ตี้ด้วยก็เลยไปเป็นเพื่อน” ถึงแม้จงอินจะเป็นเพื่อนที่สนิทมากแต่ก็บอกให้รู้ไม่ได้เป็นอันขาด ว่าเขาถูกคริสจ้างให้เป็นเมีย
“หรอ แล้วพรุ่งนี้อี้ชิงจะออกไปไหนเหรอ?” ถามออกมาอีกครั้งอย่างสงสัย ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดสุดท้ายที่คริสทิ้งไว้ เขาก็คงไม่ถามออกไปแน่นอน
“ไม่ได้ไปไหนซะหน่อย ถามทำไม?” อี้ชิงวางอเมริกาโน่รสเข้มของโปรดของจงอินที่ตนเองเป็นคนชงให้ที่โต๊ะ ก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามร่างสูง
“ก็เห็นเขาบอก ’เจอกันพรุ่งนี้’”
“อะ...อาจจะหมายถึงเจอกันพรุ่งนี้ที่ร้านก็ได้มั้ง” ตะกุกตะกักตอบอีกครั้ง หลังจากที่ได้พบหน้าจงอินวันนี้เขาพูดคำโกหกเป็นรอบที่3แล้วก็ว่าได้ ทั้งที่ตลอดเวลาที่เป็นเพื่อนกันมา เขาไม่เคยพูดโกหกกับจงอินเลยสักครั้ง แต่เพราะคริส เขาเลยต้องทำแบบนี้
“ทำไมต้องพูดติดขัดด้วยล่ะอี้ชิง อี้ชิงมีอะไรปิดปังฉันอยู่หรือเปล่า?”
“มะ...ไม่มีสักหน่อย” ร่างบางเสหน้ามองออกไปทางอื่น หวังเพื่อจะหลบนัยน์ตาคมที่มองจ้องจับผิดเขา
“มองหน้าฉันสิอี้ชิง มองมาที่ตาฉัน แล้วพูดใหม่อีกครั้ง” เป็นเพราะร่างบางพูดติดๆขัดๆจนผิดสังเกต จงอินจึงยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมใบหน้าเรียวของคนที่เสมองไปทางอื่นให้หันกลับมาสบตาเขา และถามย้ำอีกครั้ง
“มะ...ไม่มีอะไรจริงๆจงอิน เชื่อฉันสิ” พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนน้อยๆในท้ายประโยค จนทำให้ชายหนุ่มผิวเข้มต้องละมือออกพร้อมกับระบายยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู
“เชื่อก็ได้ ไม่ต้องทำเสียงงอนแบบนั้นก็ได้ เห็นแล้วมันน่ารักมากกว่านะ” ถึงแม้จงอินจะรู้ว่ามีอะไรบางอย่างในน้ำเสียงและสายตาคู่นั้นที่แปลกไป แต่ถ้าอี้ชิงบอกว่า ’ไม่’ เขาก็จะเชื่อ
“ชิส์! อย่ามาทำเป็นพูดดี ว่าแต่มาทำไมตอนนี้? หายไปเป็นเดือนไม่ติดต่อมา ไม่รู้หรือไงว่าฉันคิดถึง” อี้ชิงขยับเก้าอี้เข้าใกล้ร่างสูงก่อนจะคว้าหมับเข้าที่ท่อนแขนของจงอินพลางแนบใบหน้าลงและถูไปถูมาอย่างออดอ้อน จงอินเป็นผู้ชายคนที่สองรองจากพ่อเท่านั้นที่อี้ชิงทำแบบนี้ได้
“คนเขาก็อุตส่าห์ตั้งใจทำงาน กะจะปั๊มเงินมาช่วยใช้หนี้ให้คนแถวนี้ แต่สงสัยเงินฉันจะหมดความหมายซะแล้ว” พูดอย่างงอนๆพร้อมสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง
“โธ่จงอิน แค่จงอินช่วยหาร้านนี้ให้ฉันก็มากพอแล้ว อย่าต้องมาช่วยจ่ายค่าเช่าให้เลย” เป็นเพราะชายหนุ่มผิวเข้มตรงหน้าที่ทำให้อี้ชิงมีร้านอย่างที่ฝันได้จนถึงทุกวันนี้ แค่นี้อี้ชิงก็ไม่รู้จะตอบแทนเพื่อนที่แสนดีของเขาอย่างไรดีแล้ว
“ก็เราเป็นเพื่อนรักกันไม่ใช่เหรออี้ชิง เรื่องแค่นี้ทำไมฉันจะช่วยอี้ชิงไม่ได้” ร่างสูงวาดแขนไปโอบเข้าที่ไหล่เล็กพร้อมกับยิ้มนิดๆอย่างสมเพชตัวเองที่มุมปาก จงอินรู้ดีว่าอี้ชิงคิดกับเขาในฐานะ ’เพื่อนรัก’ มาตลอด แต่อีกคนคงไม่รู้ว่าความรู้สึกของเขาเป็น ’รักเพื่อน’ มาตลอดเช่นกัน
“วันนี้ฉันขอฝากท้องกับตัวที่บ้านอี้ชิงหน่อยแล้วกันนะ” หลังจากผละมือออกจากไหล่เล็กก็พูดขึ้นพร้อมกับยกกาแฟดื่ม
“อยากกินอะไรล่ะ? สปาเก็ตตี้มั้ย เดี๋ยวฉันทำให้กิน” ร่างบางเอ่ยถามกลับพลางยกมือขึ้นเพื่อถอดต่างหูมุกออก
“เอาสิ สปาเก็ตตี้อี้ชิงอร่อยที่สุดอยู่แล้ว” เอ่ยชมร่างบางก่อนจะยกนิ้วโป้งขึ้นมาชูประกอบ ความจริงแล้วไม่ว่าอี้ชิงจะทำอะไรก็อร่อยสำหรับเขาไปหมดต่างหาก
“ไม่ต้องมาปากหวานทำเป็นชม ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนนะ รำคาญกระโปรงจะแย่” อี้ชิงเบ้หน้าแสดงถึงท่าทีไม่พอใจ กระโปรงที่ยาวคลุมถึงตาตุ่มทำให้ร่างบางทำอะไรไม่ค่อยถนัดถนี่นัก จนต้องถลกกระโปรงรวบขึ้นเพื่อจะได้ไม่ต้องสะดุด แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวขึ้นบันไดก็ต้องชะงักเพราะคำพูดของเพื่อนรัก...
“ให้ฉันช่วยถอดชุดมั้ย?” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปากของจงอิน แต่กลับได้รับสายตาคาดุๆของร่างบางเป็นคำตอบแทน
หลังจากสปาเก็ตตี้มื้ออร่อยฝีมืออี้ชิงผ่านพ้นไป ทั้งสองก็แยกย้ายกันเพื่อพักผ่อนเอาแรงไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ บ้านของอี้ชิงนั้นด้านล่างจะเปิดเป็นร้านกาแฟสำหรับด้านบนจะเป็นส่วนที่ร่างบางไว้ใช้พักผ่อน มีสองห้องที่ขนาดไม่ใหญ่มาก ห้องหนึ่งเป็นห้องนอนของอี้ชิง ส่วนอีกห้องร่างบางเอาไว้ใช้เก็บห้องเล็กๆน้อยๆและยังเป็นห้องนอนสำหรับจงอินที่แวะเวียนมานอนกับเขาเป็นครั้งคราว
ร่างบางปิดไฟเพื่อเตรียมเข้าสู่ห้วงนิทรา แต่ยังไม่ทันที่จะได้หลับสนิท เสียงโทรศัพท์ที่สั่นอยู่บนโต๊ะตรงหัวเตียงก็ดังเรียกร้องความสนใจขึ้น ร่างบางเอื้อมหยิบและกดโทรศัพท์ดูไม่นาน ก่อนจะวางลงตรงที่เดิมพร้อมกับรอยยิ้มที่ระบายอยู่เต็มใบหน้า
พรุ่งนี้ฉันเลิกงาน6โมงแล้วจะไปรับ เตรียมเก็บข้าวของให้เรียบร้อยด้วย แล้วก็...ฝันดีนะ จาก คุณคริส
“ขอบใจนะจงอินอุตส่าห์อยู่ช่วยทั้งวันเลย” ร่างบางพูดขึ้นพลางเก็บของตรงเคาน์เตอร์เข้าที่ให้เรียบร้อยเพื่อปิดร้านเร็วกว่าปกติ โดยเขาอ้างกับจงอินว่าจะออกไปซื้อของมาเพิ่มที่ร้านเลยต้องปิดไวหน่อย
“นี่ถ้าแม่ไม่โทรมาตามก็กะจะออกไปช่วยซื้อของด้วยนะเนี่ย” จงอินที่ล้างถ้วยกาแฟอยู่หลังเคาน์เตอร์ตอบกลับ ความจริงเขาอยากจะออกไปซื้อของกับร่างบางสักหน่อย แถมยังอยากเห็นหน้าขาวๆนั่นอีกสักนิดให้หายคิดถึง แต่ติดตรงที่แม่บังเกิดเกล้าของเขา เพราะทันทีที่รู้ข่าวว่าลูกชายกลับมาจากการไปทำงานเป็นไกด์ที่เกาะเชจูก็รีบโทรเรียกให้กลับบ้านไปหาทันที
“ไม่ได้กลับโซลมาเป็นเดือน แม่เขาก็ต้องคิดถึงเป็นธรรมดา”
“ฉันล้างแก้วหมดแล้วนะ เดี๋ยวขึ้นไปเอาของก่อน” เช็ดมือกับผ้าเช็คมือจนแห้งและรีบวิ่งขึ้นไปบนชั้นสองทันที ก่อนจะลงมาพร้อมกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่บนหลังเรียบร้อยแล้ว อี้ชิงเดินตามจงอินออกไปยังหน้าร้านเพื่อไปส่ง แต่คงไม่ทันได้สังเกตเห็นชายร่างสูงคนหนึ่งที่ยืนมองคนทั้งคู่อยู่ข้างรถเฟอร์รารี่สีดำขลับ
“ไปก่อนนะอี้ชิง แล้ววันหลังจะเข้ามาช่วยอีก” จงอินกล่าวลาเตรียมจะหันหลังก้าวเดินออกไปแต่เพราะหันไปเห็นสายตาคมราวกับเหยี่ยวที่มองมาทำให้ตัดสินใจหันหลังกลับมาอีกครั้ง พร้อมทั้งรั้งเอวบางเข้ามากอด และส่งสายตายียวนอย่างคนเหนือกว่าไปให้คริส ในตอนแรกคนร่างบางตกใจนิดๆกับท่าทางแปลกๆของจงอิน แต่สุดท้ายก็ยกมือขึ้นกอดตอบ จนเมื่อรู้สึกว่านานเกินไป อี้ชิงจึงค่อยๆผลักอกแกร่งออกเบาๆ พร้อมกับโบกมือและส่งยิ้มหวานจนเห็นลักยิ้มขึ้น ลาจงอินที่เดินจากไป
“ให้รู้ซะบ้างว่าอี้ชิงเป็นของใคร ฉันมาก่อน ฉันก็มีสิทธิ์ได้ก่อน” ชายหนุ่มผิวเข้มพูดเบาๆกับตัวเองพลางยกยิ้มร้ายที่มุมปาก เขาไม่แน่ใจว่าคริสมาตีสนิทกับอี้ชิงทำไม แต่สายตาที่ติดจะไม่พอใจนิดหน่อยที่มองมาทางเขาทำให้จงอินคิดว่า คริสไม่ได้เป็นแค่ลูกค้าธรรมดาๆอย่างที่ร่างบางบอกแน่ๆ
กรุ๊งกริ๊ง
“ขอโทษครับคุณลูกค้าวันนี้ร้านปิดแล้ว” ประโยคเดิมคล้ายวันแรกที่ได้เจอ แต่ต่างกันตรงที่วันนี้เสียงคนพูดดูจะสดใสร่าเริงเกินไป จนคนฟังรู้สึกหมั่นไส้
“อารมณ์ดีเหลือเกินเลยนะ” เมื่อนึกถึงใบหน้าที่ยิ้มหวานให้จงอิน คริสก็อดไม่ได้ที่จะแขวะ
“อ้าว คุณคริสเหรอครับ?”
“ก็ใช่นะสิ คิดว่าเป็นไอ้ดำนั่นหรือไง” พูดเสียงเบาในประโยคท้าย แต่ร่างบางกลับได้ยินอย่างชัดเจน
“ไอ้ดำไหนครับ?” อี้ชิงยกมือขึ้นเกาท้ายทอยอย่างงงงวย แต่มันทำให้คริสที่กำลังหน้างอต้องพยายามกลั้นยิ้มไว้เพราะมันดูน่ารักเหลือเกิน
“ไม่มีอะไร เก็บของเสร็จยัง?” กระแทกเสียงถามอย่างไม่พอใจ
“ครับ เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวผมไปเอาของก่อนนะ” ร่างบางรีบวิ่งดุ๊กดิ๊กหายขึ้นไปบนชั้นสองอย่างรวดเร็ว
“คุณคริสครับคอนโดที่เราอยู่มีกี่ชั้นเหรอครับ?”
“30”
“มีกี่ห้องนอนครับ?”
“2”
“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นของผมห้องหนึ่งใช่มั้ยครับ?”
“ไม่ อีกห้องฉันจะเอาไว้เก็บของ”
“โธ่ แล้วมีห้องครัวมั้ยครับ?”
“มี”
“แล้วใหญ่มั้ยครับ?”
“ใหญ่”
“แบบนี้ดีจัง ผมจะได้ทำอะไรกินเอง แล้วคุณคริสซื้อเฟอร์นิเจอร์มาครบแล้วเหรอครับ?”
“อืม”
ตั้งแต่ออกจากร้านมาคริสก็ตอบเสียงเจื้อยแจ้วที่ถามโน่นถามนี่เกี่ยวกับคอนโดอย่างสั้นและห้วนมาตลอดทาง เพราะน้ำเสียงสดใสและรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนหน้าสวยทำให้ร่างสูงอดคิดไม่ได้ว่ามันเกิดขึ้นเพราะจงอิน ทีเมื่อวานเขาชวนคุยไม่เห็นตอบกันสักคำ ทีวันนี้ถูกไอ้ดำนั่นกอดแล้วพูดมากเหลือเกิน แต่ใครเล่าจะรู้ใจอีกคนได้เท่ากับเจ้าของร่างบาง
ที่อี้ชิงเอาแต่ยิ้มมาตลอดทางก็เป็นเพราะข้อความสั้นๆว่า ’ฝันดีนะ’ ที่ถูกส่งมาจากคนร่างสูงเมื่อคืน ทำให้เขารู้สึกอารมณ์ดีมาตลอดทั้งวัน ยิ่งพอได้เจอหน้าก็ยิ่งรู้สึกดีกว่าเดิมแบบแปลกๆ
ขับรถออกมาจากร้านไม่ถึง15นาทีก็มาถึงที่หมายใหม่ ที่จอดรถของคอนโดแห่งนี้มีถึงเพียงแค่ชั้นที่15 แต่ห้องที่
คริสจองไว้อยู่ชั้นที่21 ทำให้ทั้งสองคนต้องช่วยกันแบกสัมภาระของร่างบางสองสามชิ้นขึ้นไปด้วย ส่วนของคริสนั้นถูกเอามาเก็บไว้ตั้งแต่เช้า ห้องของพวกเขาอยู่ริมสุดของชั้น เพื่อให้เห็นวิวสวยๆทั้งยามเช้าและยามดึกของกรุงโซล คริสจึงเลือกที่จะจองห้องนี้ เมื่อเดินมาถึงห้องคริสก็โยนกระเป๋าของอี้ชิงไปกลางห้องอย่างไม่ใยดี
“โกรธอะไรผมหรือเปล่าครับคุณคริส?” อี้ชิงวางของในมือก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าที่ถูกโยนไว้มาวางรวมอยู่ที่เดียวกัน
“เปล่า” ร่างสูงปฏิเสธเสียงแข็ง
“แล้วทำไมต้องไปลงที่ข้าวของของผมด้วยล่ะครับ”
“มันก็แค่หนัก” ตอบพลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“อย่ามาโกหก มีอะไรก็พูดกันตรงๆสิครับ” อี้ชิงยังคงถามด้วยเสียงอ่อน เขารู้มาตลอดทางว่าคริสต้องกำลังโกรธเคืองอะไรเขาอยู่อย่างแน่นอน
“ก็ได้ พูดกันตรงๆ ไหนนายบอกว่าไม่ได้ชอบผู้ชายไง?” ถามด้วยเสียงเรียบแต่สายตาแฝงไปด้วยความไม่พอใจ
“เอ๊ะ! ผมก็ไม่ได้ชอบจริงๆ นี่ครับ” ตอบอย่างงุนงง เรื่องนี้ไปทำให้คนร่างสูงโกรธได้อย่างไร เขาไม่เข้าใจจริงๆ
“แล้วทำไมไปยืนกอดกับไอ้ดำนั่นล่ะ?”
“ไอ้ดำ? อ่อ...ก็จงอินเป็นเพื่อนผม ทำไมผมจะกอดกับเขาไม่ได้ล่ะครับ” อี้ชิงยังคงมึนงงกับคำถามของร่างสูง เขากอดกับจงอินแล้วมันแปลกตรงไหน เพื่อนกันก็กอดกันได้เป็นธรรมดา แล้วทำไมคริสต้องโกรธเขาเรื่องนี้ด้วยล่ะ
“แล้วทีกับฉันทำไมถึงไม่ให้โดนตัว”
“กะ...ก็” โหนกแก้มสีขาวๆเริ่มเปลี่ยนเป็นแดงก่ำเพราะคำถามนี้ ก็บอกไปแล้วว่า’เขิน’ คริสไม่รู้เรื่องหรืออย่างไรกัน
“จะบอกว่าฉันไม่ใช่เพื่อนนายเลยโดนตัวไม่ได้สินะ แต่ถ้าฉันบอกว่าฉันเป็นผัวนายล่ะ ฉันจะยังโดนตัวนายได้มั้ย” ร่างบางยังไม่ทันจะได้ตอบคำถามจบ ร่างสูงก็พูดแทรกขึ้นมาพลางแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ผัวที่ไหน คุณก็เป็นแค่เจ้านายที่จ้างผมให้ไปเป็นเมียหลอกๆต่างหาก” ส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน และทำท่าจะเดินออกไปที่อื่นเพื่อหลบหนีความเขินอายที่ปรากฏชัดอยู่บนใบหน้าแดงนั้นเพราะคำว่า ’ผัว’ ที่ออกมาจากปากร่างสูง
“ถ้าฉันเป็นเจ้านาย ฉันก็มีสิทธิ์สินะ” แต่ยังไม่ทันได้เขยิบหนีไปไหน ร่างสูงก็รุกเดินเข้าหาร่างบางจนคนที่พยายามหนีเดินถอยหลังไปติดที่ผนังกว้าง
“คุณไม่มีสิทธิ์ ถ้าคุณจะโดนตัวผมก็ต้องจ่ายเงินเดือนเพิ่ม” ร่างบางยังคงเถียงไม่เลิก แต่คงไม่รู้ว่าข้อตกลงที่เพิ่งจะพูดไปเป็นภัยกับตัวเองแค่ไหน
“ได้สิ ถ้าฉันจับมือ...ฉันจะจ่ายเพิ่มหนึ่งหมื่นวอน” มือหนาเอื้อมไปจับที่มือของอี้ชิงแล้วเอานิ้วสอดเข้าไประหว่างนิ้วมือของร่างบาง พร้อมกับยกมือขึ้นโชว์ให้เจ้าของมือสวยตรงหน้าดู
“ถ้าฉันรั้งเอวนายมากอดไว้อย่างนี้...ฉันจะจ่ายเพิ่มห้าหมื่นวอน” มืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็เกี่ยวรั้งเอวบางเขามาแนบกับลำตัวของตน
“ถ้าฉันซุกไซ้นายแบบนี้...ฉันจะจ่ายเพิ่มอีกเจ็ดหมื่นวอน” ใบหน้าหล่อก้มลงสูดดมบริเวณซอกคอขาวที่มีกลิ่นกายหอมเย้ายวนแถมผิวขาวที่เนียนบริสุทธิ์ก็ชวนให้น่าประทับรอยเสียเหลือเกิน จนคนที่นึกอยากจะแกล้งเล่นเฉยๆ ในตอนแรกต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างห้ามใจ และตั้งสติเดินหน้าแกล้งต่อไป
“ถ้าฉันจุ๊บนาย” พูดจบก็ก้มหน้าลงประทับริมฝีปากหยักลงบนเรียวปากอิ่มอย่างแผ่วเบาก่อนจะผละออกอย่างรวดเร็ว
“เอาไปเลยแสนวอน” พูดต่ออย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า ดวงตาของอี้ชิงเบิกโตด้วยความตกใจพลางเม้มปากแน่น เขารู้อยู่แล้วว่าร่างสูงกำลังแกล้งกันอยู่แต่ไม่คิดว่าจะรุกล้ำมาถึงปากขนาดนี้ แต่การแกล้งของร่างสูงไม่ได้จบเพียงแค่นี้
“และถ้าฉันจูบนาย” ก้มลงประกบกับปากอิ่มอีกครั้งแต่ไม่ใช่เพียงจูบที่แผ่วเบาและรวดเร็วเหมือนครั้งก่อน เมื่อร่างสูงเริ่มรุกล้ำอย่างหนักขึ้น พยายามแทรกลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากหวานฉ่ำ ปากสวยที่เคยเม้มแน่นก็เผลอเปิดปากออกจนร่างสูงส่งลิ้นเข้าไปได้สำเร็จ แล้วก็ต้องหัวเราะในลำคอ เพราะเรียวลิ้นเล็กที่ดูเหมือนจะไม่ประสีประสาในตอนแรกกลับเหย้าหยอกตอบรับกับลิ้นร้อนได้เป็นอย่างดี จนทำให้จูบที่ดูเนิบนาบแปรเปลี่ยนไปเป็นเร่าร้อนด้วยอารมณ์ของคนทั้งสอง
“อื้อ” ร่างบางเริ่มส่งเสียงประท้วงเมื่อรู้สึกว่าใกล้จะขาดอากาศหายใจ ทำให้ร่างสูงต้องถอนจูบออกมาอย่างเสียดาย แต่ยังส่งสายตาพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มให้ร่างบางและพูดขึ้นว่า...
“สามแสนวอนก็จะเป็นของนายทันที”
“คุณคิดจะเอาเงินมาล่อผมเหรอ?” เชิดหน้าที่แดงจัดขึ้นถาม
“แล้วล่อสำเร็จมั้ยล่ะ?” คริสยกยิ้มอย่างกวนประสาท
“เดือนนี้อย่าลืมจ่ายเพิ่มอีกห้าแสนสามหมื่นวอนแล้วกัน” ตอบเสร็จอี้ชิงก็เดินหนีไปหยิบกระเป๋าและเดินตรงไปยังห้องนอนทันทีโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าร่างสูง แต่คริสก็ต้องยิ้มกว้างเพราะสายตาคมก็แอบเห็นรอยยิ้มเขินอายของคนร่างบางเข้า
“ฉันว่าฉันควรจะไปอาบน้ำซะหน่อย ไม่อย่างนั้นคงต้องเสียให้นายเพิ่มอีกหลายแสนวอนแน่นอน” บ่นพึมพำเบาๆกับตัวเองและเดินตามอี้ชิงเข้าห้องไป และมุ่งตรงไปยังห้องน้ำทันที
คริสเปิดฝักบัวให้สายน้ำเย็นได้รินรดศีรษะของตัวเองเพื่อดับความรู้สึกแปลกประหลาดและความร้อนที่เกิดขึ้นเพราะร่างบาง ภาพรอยยิ้มที่เขินอายและภาพที่ได้สัมผัสกับเรียวปากอิ่มของอี้ชิงยังคงติดตาอยู่ ลิ้นอ่อนนุ่ม โพรงปากหวานฉ่ำ ดูจะฝังลึกอยู่ในความทรงจำอย่างมาก
‘อี้ชิงเป็นผู้ชาย แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกอยากจะสัมผัสร่างบอบบางนั้นขนาดนี้’ ร่างสูงได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างครุ่นคิด เพราะความคิดแปลกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้ชายด้วยกันมาก่อน
“แล้วแบบนี้จะทำยังไงต่อไปดี ถ้าฉันต้องอยู่ร่วมกับนายทุกวันแบบนี้ อาจจะต้องหมดเงินไปหลายล้านวอนเลยก็ได้”
TasTo_raY
*รู้สึกอี้ชิงของไรท์ใจง่ายไปหน่อยไหม?
**หรืออี้ชิงอยากได้เงินล้านเร็วๆกันแน่ คิคิ
ความคิดเห็น