คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ( sf ) The Second Lover - chapter 4 - [HUNHAN ft.KAI]
Title : THE SECOND LOVER
Chapter : 4
Story by : Vanilla1127
โต๊ะม้าหินตัวประจำตรงลานคณะวันนี้แลดูจะปกคลุมด้วยบรรยากาศเคร่งเครียดกว่าทุกวัน เหตุมาจากพวกเด็กปีสองทั้งสามคนต้องนั่งปั่นรายงานกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทั้งที่เวลาก่อนถึงเดดไลน์ก็นานถมเถแต่พวกเขาก็มาทำเอาคืนสุดท้ายอยู่ดี พวกการบ้านน่ะ ถ้าไฟไม่ลนก้นมันก็ไม่มีแรงจะทำหรอก
“เสร็จแล้ว”
ชานยอลร้องออกมาเป็นคนแรก ร่างสูงสะบัดมือคลายความเมื่อยล้าจากการเขียนรายงานกว่าสามหน้ากระดาษก่อนจะยื่นให้จงอินกับเซฮุนที่นั่งหน้าเคร่ง
“ฝากส่งด้วย วันนี้ฉันเอามอเตอร์ไซค์มา พวกแกก็ขี่รถเอาไปส่งแล้วกัน” พูดจบก็เดินย้ายไปนั่งจู๋จี๋กับแบคฮยอนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ร่างเล็กนั่งหาวแล้วหาวอีก ช่วงบ่ายนี้เขากับลู่หานไม่มีเรียนก็เลยมาช่วยเจ้าพวกนี้ทำรายงานกันเพราะมันเป็นวิชาที่ทั้งคู่เคยผ่านมาแล้ว ก็เลยไม่ได้เดือดร้อนอะไร
ลู่หานนั่งเท้าคางมองเซฮุนกับจงอินสลับกันไปมา เสียงหวานสรุปบทความเกี่ยวกับข้อมูลวิชาการเศรษฐศาสตร์ที่อยู่ในมือให้ทั้งคู่ฟังแล้วสรุปเป็นรายงานของตัวเอง
จงอินละสายตาจากกระดาษตรงหน้าขึ้นมองใบหน้าน่ารักของคนตรงหน้าแทน เขากลัวคนตรงหน้าจะเบื่อ คนรักของเขาไม่ชอบทำอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่ เวลาว่างของลู่หานมักถูกใช้ไปกับการนอนและเล่นรูบิคหรือหาอะไรสนุกๆทำมากกว่าจะมานั่งทำเรื่องหนักสมอง เขาก็แค่ไม่อยากรบกวนช่วงเวลาความสุขของคนตรงหน้าเท่านั้นเอง
“ฮยองเบื่อหรือเปล่าครับ”
เป็นเซฮุนที่ถามขึ้นมา จงอินหันไปมองเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆเล็กน้อย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน เมื่อกี้เขาก็ตั้งใจจะถามคำถามเดียวกันกับโอเซฮุน แต่เพียงแค่คิดในใจยังไม่ทันได้เอ่ยปากก็กลายเป็นเซฮุนที่ถามไปเสียก่อน อีกแล้ว ความรู้สึกไม่พอใจแบบที่เคยเป็นมันเกิดขึ้นมาอีกแล้ว
“ไม่หรอก ดีกว่าอยู่ว่างๆไม่มีอะไรทำน่ะ”
“ฮยองครับ เย็นนี้เราไปเที่ยวตามประสาแฟนกันดีไหม ถือว่าผมชดเชยเวลาที่ทำให้ฮยองต้องเสียเวลา ดีไหมครับ” เสียงเข้มเหมือนจงใจเอ่ยย้ำสถานะความสัมพันธ์ จงอินยื่นมือไปจับมือเล็กพร้อมกับส่งยิ้มอบอุ่นให้ในแบบที่ชอบทำ
ลู่หานชะงักไปเล็กน้อย ดวงตากลมโตเหลือบไปมองหน้าเซฮุนครู่หนึ่ง เขาเห็นหัวคิ้วเรียวนั่นขมวดเข้าหากัน แววตานั้นเหมือนนิ่งเฉยแต่ลู่หานก็สัมผัสได้ถึงความดุดันที่ปนอยู่ด้วยเหมือนเป็นการห้ามปราม
“อะ...เอ่อ พอดีว่าพี่มีธุระนิดหน่อยน่ะจงอิน ต้อง...ต้องไปหาอาจารย์น่ะ”
“ผมรอได้”
“แต่ว่าพี่ต้องไปที่อื่นต่อ คือ...พี่ไม่ว่างจริงๆ ขอโทษนะจงอิน ไว้วันอื่นได้ไหม”
ลู่หานขอร้องมาอย่างนั้นก็เหมือนไม่มีคำตอบอื่นให้เขาเลือก คนที่ไม่เคยขัดใจคนตรงหน้าอย่างจงอินก็เลยได้แต่ตอบตกลง ทั้งที่ในใจมันไม่ได้เป็นไปอย่างนั้นเลยสักนิดเดียว
“ก็ได้ครับ” เขาส่งยิ้มบางเบาก่อนจะจับปากกาขึ้นมาจรดข้อความต่อไป
ใช้เวลาต่อจากนั้นอีกไม่นานรายงานของทั้งคู่ก็เสร็จพร้อมส่ง จงอินเป็นคนรวบรวมมาถือไว้ ส่วนเซฮุนก็รับกุญแจมอเตอร์ไซค์ที่ชานยอลโยนมาให้เพื่อทำหน้าที่เป็นคนขี่
“รีบไปรีบมานะเว้ย ได้ไปกินข้าวกัน” ชานยอลร้องบอก
คงใช้เวลาสักพักกว่าสองคนนั้นจะกลับมาจากไปส่งรายงาน ทั้งชานยอลกับแบคฮยอนก็เลยนั่งปรึกษากัน ที่เขานั่งเล่นกันอยู่ไม่ใช่ว่าไม่เห็นบรรยากาศแปลกๆเมื่อครู่ แบคฮยอนเองก็สัมผัสได้มาสักพักแล้วถึงสายตาและท่าทีระหว่างลู่หานกับเซฮุนเพียงแต่ยังไม่มั่นใจ แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองที่พัฒนาขึ้นทุกวันมันก็ทำให้คนรักตัวเล็กของชานยอลเริ่มมั่นใจแล้วว่าที่เขาสงสัยมามันคงไม่ผิด
หลังจากถกเถียงกันอยู่สักพัก โดยที่ลู่หานเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นรูบิคไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ทั้งสองคนก็ตกลงปลงใจว่าแบคฮยอนควรจะเป็นคนเข้าไปคุยก่อนที่มันจะกลายเป็นปัญหาเรื้อรังจนเกินแก้ไขและคนที่จะเจ็บที่สุดก็คงไม่พ้นลู่หานอยู่ดี
เขาอยากให้ลู่หานตัดไฟเสียแต่ต้นลม
“เซฮุนนา!”
ก่อนที่แบคฮยอนจะได้เข้าไปคุยกับเพื่อนเสียงหวานก็ตะโกนออกมาเสียก่อน ดวงตากลมเบิกกว้างมองไปยังรุ่นน้องที่เดินกะเผลกลงจากรถมอเตอร์ไซค์มาด้วยกัน ตามแขนมีรอยถลอกเป็นทางยาว บางแห่งมีเลือดไหลซิบ ดูไม่จืดพอกันทั้งสองคน
“ไปทำอะไรมา ทำไมสภาพเป็นแบบนี้ล่ะ”
สภาพบาดแผลภายนอกจากที่ตอนแรกมันเจ็บพอดู แต่พอเห็นร่างบางที่แสนคุ้นตาวิ่งผ่านเขาไปหาอีกคน ทำราวกับเขาเป็นอากาศธาตุ กลับกลายเป็นหัวใจเขาที่เจ็บเสียจนลืมไปว่าเขาเองก็สะบักสะบอมไม่น้อยไปกว่าโอเซฮุนเลย
มือใหญ่เผลอคว้าต้นแขนเรียวแน่น เขาไม่ได้อยากทำอย่างนี้สักนิดแต่รู้ตัวอีกทีก็เผลอเอื้อมมือไปดึงคนรักไว้เสียแล้ว ลู่หานนิ่วหน้าเล็กน้อยเพราะรู้สึกเจ็บ เสียงหวานถามอย่างไม่เข้าใจ
“อะไรเหรอจงอิน”
ความเงียบเข้าครอบงำทันที จงอินรู้สึกปวดปร่าที่ข้างในอกข้างซ้ายเมื่อว่าอีกฝ่ายยังคงมีท่าทีปกติทุกอย่างเหมือนไม่เห็นว่าเขาเองก็เจ็บไม่แพ้อีกคน หนำซ้ำที่ซีกแก้มยังมีรอยช้ำให้เห็นอยู่เต็มตา ทั้งที่ก่อนหน้ามีคำพูดมากมายที่อยากจะพูด อยากจะออดอ้อนให้ลู่หานมาดูแลตามประสาคนรัก แต่ตอนนี้เขากลับพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
“ไม่มีอะไรครับ”
“งั้นพี่ไปดูเซฮุนก่อนนะ”
ลู่หานค่อยๆปลดมือใหญ่ที่พันธนาการตัวเองออกช้าๆ เพียงเสี้ยววินาทีที่จงอินเหมือนจะเห็นความห่วงหาอาทรในแววตาคู่นั้น แต่พอเห็นร่างบางรีบผละไปดูแลอีกคนอย่างร้อนรนเขาก็ได้แต่แค่นยิ้มให้ตัวเองอย่างสมเพช มันก็แค่สิ่งที่เขาคิดเข้าข้างตัวเองทั้งนั้น
เสียงหวานถามร้อนรนปิดอาการเป็นห่วงไว้ไม่มิด หน่วยตากลมใสคลอไปด้วยน้ำตา มือเล็กแตะไปที่ข้อศอกของคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบา ภาพทั้งหมดนั่นทำให้จงอินเผลอกำหมัดแน่น มันช่างต่างจากสิ่งที่ลู่หานปฏิบัติกับเขาอย่างสิ้นเชิง ร่างสูงเม้มปากหลับตาอย่างอดกลั้น น้ำตาลูกผู้ชายมันกำลังจะไหลออกมาแต่เขาก็ต้องอดทนไว้
เขาไม่อยากให้ลู่หานไม่สบายใจ ไม่อยากให้ลู่หานเห็นความอ่อนแอที่เขามี
“เฮ้ย! ไอ้จงอิน ไปทำอะไรกันมาเนี่ย ทำไมสภาพแกกลายเป็นอย่างนี้วะ”
เป็นชานยอลที่เห็นท่าไม่ดีหากยังปล่อยให้จมอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัดนี้ต่อไป ร่างสูงวิ่งเข้ามาดูอาการเพื่อนอย่างเป็นห่วง แค่เห็นท่าทางของนิ่งงันไปของจงอินเขาก็เข้าใจ ภาพตรงหน้ามันก็บอกได้เป็นอย่างดีแล้วว่าคนที่สำคัญที่สุดของลู่หานไม่ใช่คิมจงอิน แต่เป็นโอเซฮุน
“รถล้มน่ะ มีคนวิ่งตัดหน้า ไม่รู้ว่ารถแกเป็นรอยหรือเปล่า”
“ช่างมันเถอะ พวกแกไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว”
เซฮุนตอบ ส่วนจงอินก็ยังเอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร ขายาวก้าวไปที่โต๊ะม้าหินเก็บของลงกระเป๋าอย่างเงียบๆ บางทีการที่ได้อยู่เงียบๆคนเดียวมันอาจทำให้เขาดีขึ้น
“เดี๋ยวฉันกลับก่อนนะ”
“จะกลับแล้วเหรอจงอิน แล้วจะขับรถยังไง เจ็บขาอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ผมขับได้ครับฮยอง แผลแค่นี้เอง”
แบคฮยอนพยักหน้ารับ เขารู้ดีว่าจงอินกำลังเจ็บปวดมากแค่ไหน ถึงแม้ว่าเจ้าตัวพยายามจะเก็บกลั้นความเสียใจไว้ แต่ดวงตาคมคู่นั้นก็ฉายมันออกมาอยู่ดี
จงอินเดินจากไปอย่างเงียบๆเลือกที่จะไม่บอกลาคนรัก ลู่หานก็ยังคงเอาแต่เป็นห่วงเซฮุน จนไม่รู้เลยว่าจงอินกลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ร่างบางประคองให้เด็กหนุ่มมานั่งที่โต๊ะประจำ ก่อนจะหันหลังไปเพื่อถามอาการจงอินบ้าง แต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า กระเป๋าใบเก่งของเจ้าตัวก็หายไปด้วย
‘คงจะกลับไปแล้ว เดี๋ยวค่อยโทรหาก็แล้วกัน’ ร่างบางคิดในใจ
ไม่ใช่ว่าลู่หานไม่รู้ว่าจงอินเองก็บาดเจ็บ แต่เวลานั้นแค่เห็นว่าเซฮุนอยู่ในสภาพไหนใจมันก็หายวาบ ความห่วงใย ความร้อนใจมันพาเขาตรงไปหาอีกคนอย่างไม่รีรอ ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนไม่อยู่ในระยะสายตาแม้แต่น้อย มีแต่โอเซฮุนเท่านั้นที่ลู่หานเห็นอยู่ในสายตา
“เซฮุนนา เจ็บมากไหม” มือเล็กสัมผัสแผ่วเบาที่รอยถลอกตรงข้อศอกขาว
“นิดหน่อยครับ”
“ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย วันหลังทำอะไรต้องระวังรู้ไหม ถ้าเซฮุนเป็นอะไรไปแล้วพี่จะทำยังไง”
“รู้แล้วครับผม ขอโทษนะครับที่ทำให้เสี่ยวลู่เป็นห่วง”
ร่างสูงยิ้มกว้างเมื่อมือขาวยื่นมาบีบจมูกเบาๆด้วยความมันเขี้ยว ลู่หานทำตาดุใส่แต่เซฮุนก็มองว่ามันน่ารักมาก เขาแทบจะอดใจไม่ให้ดึงร่างนุ่มนิ่มนี้มากอดแรงๆไม่ได้ ถ้าไม่ติดว่าสายตาเหลือบไปเห็นแบคฮยอนฮยองกับปาร์คชานยอลนั่งอยู่ตรงนั้นล่ะก็ เขาคงได้ดึงลู่หานมากอดรัดเข้าจริงๆ
“ลู่หานไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อยสิ”
“อ่า ได้สิ”
คำชวนนั้นก็เป็นเพียงแค่ข้ออ้างที่จะชวนลู่หานออกมา ที่จริงแบคฮยอนอยากจะหาโอกาสคุยกับเพื่อนมากกว่า เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมันช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าเขาควรจะพูดให้ลู่หานรู้ตัวเสียทีว่าควรทำอะไร ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
ก่อนที่จะมีใครบอบช้ำไปมากกว่านี้ ทั้งลู่หาน ทั้งจงอิน และทั้งเซฮุน
“ลู่หาน ฉันถามอะไรหน่อยสิ”
“หือ”
“นาย...ชอบเซฮุนใช่ไหม”
คำถามนั้นทำให้ลู่หานชะงักไปทันที ขาเรียวหยุดเดินก่อนจะหันมองแบคฮยอนที่ส่งยิ้มอ่อนโยนให้อย่างรู้ใจ มืออุ่นยื่นไปกุมมือที่เริ่มสั่นของเพื่อนไว้เพราะรู้ว่าอีกไม่นานน้ำตาคงจะไหลออกมาจากตาคู่สวย
“ใช่ไหมลู่หาน”
ร่างบางพยักหน้าเบาๆเป็นคำตอบ คิดไว้แล้วว่าสักวันแบคฮยอนจะต้องรู้ เพราะแบคฮยอนคือเพื่อนที่รู้ใจเขามากที่สุด
“แล้วจงอินล่ะ ลู่หานจะทำยังไง จะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไปตลอดเหรอ”
“เราไม่รู้”
“ถ้าลู่หานชอบเซฮุนก็บอกจงอินไปตรงๆก็ได้ ฉันเชื่อว่าจงอินจะต้องเข้าใจ”
แบคฮยอนบีบมือเล็กเบาๆให้กำลังใจ เขารู้ว่าลู่หานกำลังสับสน
“ตะ...แต่ฉันไม่อยากให้จงอินเสียใจ”
“แต่ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ จงอินก็จะยิ่งเสียใจมากกว่านี้นะ บอกจงอินไปเถอะนะลู่หาน ดีกว่าให้จงอินต้องมารู้เอง”
น้ำตาใสหยดผ่านแก้มเนียน แบคฮยอนดึงร่างกายอันบอบบางของเพื่อนมากอดไว้หลวมๆ ลูบแผ่นหลังเล็กแผ่วเบาเพื่อปลอบโยน
“ขอเวลาฉันอีกนิดนะแบคฮยอน แล้วฉันจะบอกจงอิน ฉันสัญญา”
.
.
.
เปลือกตาบางกะพริบถี่เพื่อปรับตัวให้ชินกับแสงแดดของวันใหม่ที่แข่งกันสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง จนท้ายที่สุดร่างสูงต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้พลิกตัวหนีมันทั้งที่พยายามปรับตัวให้ชินแล้วก็ตาม
ดวงตาคมรู้สึกแสบและแห้งหลังจากที่ปล่อยให้น้ำตา สิ่งที่แสดงถึงความอ่อนแอไหลออกมาจนพอใจและสุดท้ายคิมจงอินก็เลือกที่จะไล่มันให้พ้นออกไปจากหัวสมอง เรื่องระหว่างลู่หานกับเซฮุนมันอาจจะไม่มีอะไรอย่างที่เขาตีโพยตีพายคิดไปเองทั้งๆที่ยังไม่ทันได้ถามเจ้าตัวให้เข้าใจก็เป็นได้
หรือถ้าหากเขาจะต้องกลายเป็นคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ เขาก็ยินดีที่ถ้าหากว่ามันทำให้เขามีลู่หานอยู่ข้างกายแบบนี้ต่อไป เขายอมทั้งนั้น
แขนแกร่งยันกายขึ้นก่อนจะสะบัดหัวเล็กน้อย อาจเป็นเพราะเมื่อคืนนี้พักผ่อนไม่เต็มที่บวกกับการร้องไห้ที่ห่างหายไปนานก็เลยทำให้มีอาการมึนงงเป็นเรื่องปกติ จงอินยิ้มให้กับตัวเองอีกครั้งก่อนจะลุกจากเตียงไปจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยแล้วไปมหาวิทยาลัยตามปกติ
ให้เวลาตัวเองอ่อนแอเพียงคืนเดียว แล้วผมจะกลับมาเป็นคิมจงอินที่เข้มแข็งและปกป้องฮยองเหมือนเดิมนะครับ...ลู่หานฮยอง
To be continue.
แอบหายไปนาน (หรือเปล่า) แอบสั้นด้วยตอนนี้ >w<
จงอินยังน่าสงสารเหมือนเดิม
ใกล้จะจบแล้วค่ะ แต่แต่งไปแก้ไป เติมไปเติมมาเหมือนมันจะยาวแฮะ
จะรีบมาต่อนะคะ ชอบไม่ชอบอย่าลืมติชมกันน้า รีดเดอร์ที่น่ารัก
บุยย~
คอมเม้นท์ของรีดเดอร์เท่ากับกำลังใจของไรท์เตอร์นะคะ
ความคิดเห็น