ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha AF8] Like the Sunshine

    ลำดับตอนที่ #4 : Like the Sunshine :: 03

    • อัปเดตล่าสุด 2 ม.ค. 56


    Like the Sunshine

    03

     

     

    หมายเหตุ : คนแต่งไม่ได้มาต่อนานมาก ใครลืมของเก่าไปแล้วฝากอ่านทวนหน่อยนะคะ กลัวจะงงกัน

     

     



     

    เช้าวันแรกของคชาในไร่เพียงตะวัน...

    บนที่นอนอันคับแคบ เด็กหนุ่มรู้สึกตัวแต่เช้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา เสียงนกขับขานช่างน่ารำคาญไม่แพ้แสงแดดที่สาดส่องผ่านหน้าต่างบานเล็ก  หนุ่มร่างเล็กกะพริบตาถี่ๆ ตวัดผ้าห่มออกจากกายด้วยความร้อน แม้พอระลึกได้ว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของตนด้วยเพราะภาพไม่คุ้นตา  หากนั่นไม่อาจห้ามให้คชาพลิกตัวนอนต่อด้วยความเคยชิน

    แต่ก่อนจะหลับตาลงสนิท ตาเรียวก็เบิกขึ้นเมื่อสังเกตเห็นบางสิ่งแปลกปลอม

    แขนนี่มันของใคร!!!?

    เบิกตากว้างก่อนจะกระเด้งตัวขึ้นจากที่นอนพรวดด้วยความตื่นตกใจ ใช้มือปัดแขนนั้นออกแรงๆ ตอนนั้นเองที่คชาค้นพบความจริง 

    ท่อนแขนสีคล้ำแดดนั่นไม่ใช่ของใครหากเป็นของเขาเอง! กะพริบตาดูอีกหลายหนมันก็ยังเป็นสีนั้นไม่เปลี่ยน เดินออกมานอกห้องเพื่อพิสูจน์กับแสงแดดยามเช้ายิ่งเห็นชัดเจนว่ามันดำ!

    แขนทั้งสองของเขาคล้ำลงมาก...ไม่ใช่คล้ำธรรมดาอย่างคนผิวสองสีอยู่แล้ว หากเป็นเพราะถูกแดดไหม้! มันออกดำๆ แดงๆ จนคชาเห็นแล้วนึกอาฆาตไปถึงตัวการที่ทำให้เขาผิวคล้ำขึ้นทันตาแบบนี้

    ไอ้ลุงเต๋า... แกมันจอมมารบู แกมันโมโจโจโจ้ แกมันลอร์ดโวเดอร์มอร์!



     

     

                แสงแดดยามสายลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างห้องครัว เสียงช้อนกระทบกับชามดังก๊องแก๊งเมื่อมือเรียวค่อยๆ ล้างจานชามเหล่านั้นที่วางกองไว้หลังจากเพิ่งทานอาหารเช้าเสร็จเมื่อครู่นี้

                “ล้างอะไรเสียงดังน่ะเจ้าเป็ด ค่อยๆ ทำสิลูก”  เสียงป้านุ่มลอยมา ทำเอาคชาได้แต่ขานรับส่งๆ กลับไปว่า  “คร้าบ”  ทั้งที่ใจยังคิดเรื่องอื่น

                ใบหน้าหวานขมวดคิ้วยุ่งเหยิง แอบสบถพึมพำกับตัวเองออกเสียงเป็นระยะเมื่อนึกถึงเรื่องไม่สบอารมณ์เมื่อครู่นี้...  ตอนที่เดินเข้าไปเก็บจาน เขาแอบเห็นแววตาไอ้ลุงนั่นมันมองมาที่ผิวกระดำกระด่างของเขา!

                แม้ใบหน้าคมนั่นจะดูนิ่งเฉยเหมือนทุกที หากลองดูให้ดี ตาคู่นั้นมีแววยิ้มเยาะเป็นเรื่องขบขันจนเขาอดไม่ได้ที่จะส่งแววตาขุ่นๆ อย่างต่อต้านกลับไป 

                สะใจแล้วงั้นสิไอ้ลุงบ้า!!!!!

                “บักเป๊ด!”  เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังช่วยยุติความคิดในใจชั่วคราว น้ำเสียงเหน่อเป็นสไตล์อย่างนี้ไม่ต้องหันไปมองเขาก็รู้ว่าเป็นใคร

                “มีไรบักเฟรม”  พูดตอบพลางก้มหน้าล้างจานต่อไป เวลานี้ไม่อยากหันหน้าดำแดดอย่างนี้ไปหาใครเลย

                “เฮาจะไปในเมืองกับคุณเต๋า จะเอาอะไรบ๊”

                “ไม่เอา!!!!” พูดต่อต้านทันควันที่ได้ยินชื่ออีกคน “อ้อ...ถ้าจะซื้อก็ซื้อที่โกนหนวดมาให้คุณเต๋าแกซิ หน้างี้ยังกะโจร”

                “อย่าว่าคุณเต๋าจังซี่เด๊ะบักเป๊ด”

                “พูดอะไรไม่รู้เรื่อง แต่ก็จะว่าอะ มีปัญหาอะไรบักเฟรม”  พูดไปมือก็หยิบชามในอ่างมาล้างน้ำเปล่ารอบสุดท้ายให้สะอาด หยิบขึ้นมาดูให้แน่ใจอีกทีว่าไม่มีคราบอะไรหลงเหลือ ก็เมื่อวานไปโม้ไว้ว่าเคยเป็นเด็กล้างจานมาก่อนนี่หว่า...

                “คุณเต๋าได้ยินจังซี่คงเสียใจหลาย”  เสียงของเฟรมว่าต่อไป ในขณะที่คชาค่อยๆ หยิบผ้าสะอาดเพื่อมาเช็ดจานให้แห้งอย่างที่ป้านุ่มสั่ง

                “เสียใจอะไรเล่า”  ใบหน้าหวานเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ  “ก็คุณเต๋านั่น แกหน้าแก่อย่างกะลุง หนวดก็ครึ้มอย่างกะโจร นี่ถ้าป้าสวยไม่ย้ำว่า 28 นะ คงคิดว่าสี่สิบ...”  หันหน้าไปว่ากับเฟรม หากไม่ทันเอ่ยจบครบถ้วนก็ต้องอ้าปากค้าง

                ตาเรียวเบิกมองกว้าง... ไอ้ลุงเต๋ามันเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่!

                - - เพล้ง!!! - -

                มือเผลอปล่อยชามกระเบื้องในมือหล่นแตกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อเห็นใบหน้านิ่งของหนุ่มร่างสูงปรากฏอยู่ตรงหน้า แม้ในใจจะยังแค้นนักแค้นหนา หากในตอนนี้ คชานึกคำพูดอะไรไม่ออกเลย นอกเสียจาก...

                ตายสถานเดียว... แกต้องตายสถานเดียว... ไอ้ปากเป็ดเอ๊ย!!!!!

                ได้แต่ยืนหลุกหลิกอยู่ไม่สุขในขณะที่ถูกสายตาพิฆาตจากอีกคนส่งมาลงทัณฑ์ ไม่รู้ควรพูดขอโทษขอโพยอีกคนหรือเปล่า เพราะยังไง ไอ้ที่พูดออกไปมันก็มาจากใจทั้งนั้น

                “โอ๊ย!”  หากขณะที่กำลังเล่นเกมจ้องตา เสียงใสร้องลั่นออกมาอย่างไม่คิดจะกลั้น ความเจ็บปวดที่ฝ่าเท้าแล่นริ้วขึ้นมาทันทีแบบไม่เอ่ยถามจากเศษชามกระเบื้องที่ทำตกด้วยน้ำมือของตัวเอง  คชาค่อยๆ ยกฝ่าเท้าขึ้นมาอย่างใจเย็น เลือดสีแดงแจ๋ที่ไหลซึมออกมาก็ทำให้เจ้าของร่างหน้าซีด

                ฮือ... เอาสิ ไหลออกมาให้หมดเลย... ไม่ตายตอนนี้ไอ้ลุงเต๋านี่ก็เตรียมจะฆ่าเขาอยู่แล้วล่ะ

                คชาที่ยืนนิ่งด้วยความเจ็บคิดเพียงเท่านั้น หากเพียงเสี้ยวอึดใจ สัมผัสอุ่นๆ จากท่อนแขนแกร่งก็เข้าพาดที่คอ พาลให้เด็กหนุ่มกรัดเกร็งขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ร่างเล็กได้แต่ยืนนิ่งเป็นท่อนไม้ แม้แต่หายใจยังไม่กล้าหายใจแรง

                “อยากให้เลือดไหลหมดตัวรึไง เดินไปสิ”  เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นเสียใกล้พาให้รู้สึกตุ้มๆ ต่อมๆ แปลกๆ  ราวกับสติหลุดลอยไปชั่วขณะ คชาที่ถูกพยุงเดินด้วยขาเดียวไปนั่งลงตามที่อีกคนพาไปอย่างว่าง่าย หากแม้ในใจคิดอยู่เพียงเรื่องเดียว

                ต้องการอะไร? ไอ้ลุงบ้าต้องการอะไร?

                “โอ๊ย!”  มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่แผลนั้นถูกเช็ดเข้าด้วยผ้าขนหนูสีขาว ตอนนั้นที่เขาเพิ่งเห็นว่าชายหนุ่มเจ้าของไร่กำลังนั่งลงกับพื้นเพื่อทำแผลให้เขาที่นั่งอยู่บนม้านั่งนอกชาน ในขณะที่บักเฟรมยืนกวาดเศษกระเบื้องอยู่ในห้องครัว

                ยังไม่หายโกรธอีกคนหรอกที่เป็นตัวการทำให้ผิวของเขาดำกระด่างแสบแดงไปหมดแบบนี้ แต่พอเห็นว่าเจ้าของไร่ตรงหน้าถึงกับนั่งลงที่พื้นเพื่อทำแผลให้ลูกจ้างที่รู้จักเพียงไม่ถึงสองวันดี ตะกอนในใจก็เริ่มสลายตัว สัมผัสอุ่นๆ ที่ฝ่าเท้าจากมือคู่นั้นมันทำให้รู้สึกดีอย่างน่าประหลาด

                “อ๊ะ”  เสียงใสหลุดเสียงร้องออกมาเมื่ออีกคนใช้แอลกอฮอล์แสบๆ เย็นๆ นั่นถูกแผลสดอย่างไม่ปรานี  “เจ็บ”  ใบหน้าหวานเหยเกเอ่ยเบาๆ ในลำคอ ในตอนนั้นที่อีกคนเงยหน้าขึ้นมองมาพอดี

                แววตาคู่นั้นไร้แววอาฆาตเหมือนเมื่อนาทีก่อน หากมันมีความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูกแล่นขึ้นมา

                รู้สึก..อบอุ่น..อย่างบอกไม่ถูก

                “ไม่เจ็บแล้วจะหายได้ไง เดี๋ยวก็ได้เป็นบาดพะยักตัดขาทิ้งหรอก”  หากเสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นดุๆ กลับทำเอาความรู้สึกนั้นหายไปในฉับพลัน คนพูดก้มหน้าลงหยิบผ้าก๊อตมาพันแผลให้อย่างชำนาญ แม้ไม่ได้สวยงามนักหากก็รวดเร็วดี

                “อย่าไปซนทำอะไรพังเข้าอีกล่ะ วันนี้ขายังเจ็บก็ช่วยป้าสวยหยิบจับอะไรไปก่อนละกัน ทำตัวให้เป็นประโยชน์ด้วย ป้านุ่มแกจะกลับหนองคายบ่ายนี้แล้ว”

                นายใหญ่ของไร่ว่าหลังเก็บอุปกรณ์ใส่กล่องปฐมพยาบาลเข้าจนเสร็จ แววตาดุๆ ทอดมองเป็ดน้อยที่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น วูบหนึ่งที่ชายหนุ่มเหมือนจะพูดบางอย่าง หากแต่ก็เพียงยืนถอนหายใจก่อนจะเดินจากไปทิ้งหนุ่มน้อยให้นั่งนิ่งอยู่ตรงที่เดิม 

                ตาเรียวมองตามแผ่นหลังนั่นไปก่อนจะก้มมองผ้าพันแผลที่เท้าพลางทำปากขมุบขมิบอยู่คนเดียว

                เฮอะ!...คิดว่าจะชดเชยกันได้รึไง?

             

     


     

                หลังทานอาหารมื้อเที่ยงหน้าตาไม่คุ้นเคย หลังจากที่คชาทำหน้าที่ล้างจานเสร็จสรรพ เด็กหนุ่มก็เดินออกมาส่งหญิงชราที่รถกระบะของไร่ที่จอดรออยู่โดยเป็นคนช่วยถือกระเป๋าใบใหญ่ให้  มือเรียวยกขึ้นโบกอำลาหญิงชราที่กำลังจะขึ้นรถไป  แม้จะเพิ่งข้ามคืน หากความรู้สึกแปลกๆ กลับก่อตัวขึ้นในใจ

                “บ๊ายบายครับป้านุ่ม”  เสียงใสของเด็กหนุ่มว่า

                “โชคดีเจ้าเป็ดน้อย”  หญิงชราแล้วก็โผเข้ากอดหนุ่มร่างเล็กที่เพิ่งเจอกันเพียงไม่นาน  “ยายล่ะถูกชะตากับหนูเหลือเกิน  อยู่ที่นี่ก็ทำงานดีๆ ล่ะ อย่าให้คุณเต๋าหรือใครเขาว่าได้ อย่าซนมากล่ะรู้ไหม ดูซิ..มาไม่ทันไรก็ได้แผล”

                คชาเพียงพยักหน้าตอบ “ครับ” ในลำคอ ก่อนที่ป้านุ่มจะผละกอดแล้วหันไปล่ำลาป้าสวย ถัดมาด้วยเจ้าสุนัขตัวโตที่วิ่งตามมาอยู่ใกล้ๆ

                “เห็นแกมาตั้งแต่เป็นลูกหมาจนตอนนี้แก่ซะแล้ว โชคดีล่ะโตโต้”  มือเหี่ยวย่นลูบศีรษะเจ้าหมาสีขาวตัวโต ก่อนที่หญิงชราจะขึ้นรถกระบะคันใหญ่ของไร่ที่ พี่สองคนงานของไร่ช่วยขับออกไปตามด้วยฝุ่นดินที่ตีตลบขึ้นมา โดยมีเสียงเห่าของสุนัขตัวโตที่ไล่หลังราวกับจะส่งท้าย

                “ป้านุ่มแกกลับบ้านไปทำอะไรหรอป้าสวย?”  คชาถามหลังจากยืนมองรถกระบะแล่นออกไปจนสุดสายตา

                “ก็คงกลับไปเลี้ยงหลานนั่นแหละ ได้ข่าวว่าลูกเขยแกหนีไปอยู่กับเมียน้อย ส่วนลูกแกก็เข้าไปทำงานในเมืองกันหมด ไม่มีใครอยู่เลี้ยงหลานเลยสักคน”

                “แล้วสามีป้านุ่ม?”

                “อย่าพูดถึงผัวแกเลย รายนั้นติดเหล้าจนเป็นตับแข็งตายไปนานแล้ว... นี่ล่ะน้อ มีลูกกวนตัว มีผัวกวนใจ ดูซิ...แก่แล้วแทนที่จะได้อยู่สบายๆ”

                ได้ยินป้าสวยว่าดังนั้น คชาก็อดสะเทือนใจด้วยความรู้สึกบางอย่างไม่ได้... เรื่องแบบนี้เคยคิดแต่ว่าจะอยู่ในละครน้ำเน่า หรือในวงเวียนชีวิตเสียอีก

                “เข้าบ้านกันเถอะเจ้าเป็ด ยังมีงานอีกเยอะ เดี๋ยวนี่ต้องไปทำงานบ้านแล้วก็ต้องเตรียมกับข้าวมื้อเย็นให้คุณเต๋าด้วย”

                คชาเพียงยืนมองไร่ทานตะวันอันเงียบสงบ ก่อนจะเดินตามป้าสวยกับเจ้าหมาตัวโตเข้าบ้านพักไปเงียบๆ

                เกิดมายี่สิบเอ็ดปี เพิ่งจะรู้ว่าชีวิตตัวเองสบายขนาดนี้แฮะ...

     


     

     

                เพราะขายังเจ็บอยู่ ป้าสวยเลยไม่ให้ทำอะไรมากนัก ตกบ่ายวันนั้น ก่อนที่คุณเต๋าจะกลับ คชาเลยได้โอกาสขอป้าสวยจูงเจ้าโตโต้ให้พาออกมาที่บริเวณสวนเล็กๆ ข้างที่พัก  แม้จะดูเป็นพื้นที่รกร้างเล็กน้อย หากทว่าบรรยากาศของที่นี่ก็มีร่มเงาไม่ร้อนจ้าตามประสาหน้าร้อนแบบกลางไร่ทานตะวันโน่น

                “ติ๊ดชึ่ง ติ๊ดชึ่ง”  ปลดสายจูงให้มันเดินเล่นเองแล้วแอบเรียกเจ้าหมาตัวโตด้วยชื่อนั้น หากมันเพียงแต่หันมองมาเพียงชั่วครู่ก่อนจะหันกลับไปดมๆ ที่พื้นเหมือนเคย

                อะไรกัน... ทั้งที่จากการแอบซ่อกแซ่กถามป้าสวยดู เจ้าโตโต้ต้องเป็นเจ้าติ๊ดชึ่งหมาของเขาไม่ผิดแน่ เพราะเจ้าโตโต้มาอยู่ที่ไร่นี่เมื่อแปดปีก่อนพอดิบพอดีกับที่หม่าม๊าเอาเจ้าติ๊ดชึ่งไปให้คนอื่นเลี้ยง

                “ติ๊ดชึ่ง!”  เรียกอีกหนด้วยเสียงที่ดังกว่าเคย หากแต่เจ้าหมาตัวโตกลับไม่แม้แต่จะเหลียวมองมา เจ้าสี่ขาดมๆ อยู่ที่บริเวณข้างต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะหย่อนก้นลงตั้งท่าอึซะอย่างนั้น

                “ชิ”  แอบพ่นลมออกมาจากแก้มพองๆ  ใบหน้าอ่อนเดียงสาหันมองไปทางอื่น จะให้ยืนมองหมาอึก็ใช่เรื่องเลยได้แต่นั่งลงบนม้าหินเก่าๆ ที่วางทิ้งไว้ตรงนั้น  มือเรียวแอบหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋า ไอโฟนรุ่นล่าสุดที่เพิ่งอ้อนให้หม่าม๊าซื้อให้เมื่ออาทิตย์ก่อนทำอะไรไม่ได้นอกจากหยิบมาดูเล่นเมื่อแบตเตอรี่หมดเกลี้ยงไม่เหลือหรอเพราะรูปลั๊กไฟในห้องนอนเป็นแบบเก่าที่เสียบเข้าไม่ได้นี่เอง...

                เด็กหนุ่มได้แต่มองโทรศัพท์อย่างหงอยๆ แล้วเก็บมันลงกระเป๋า ก่อนที่ตาคู่เรียวจะเริ่มมองสำรวจแมกไม้ใบหญ้ารอบตัว จะว่าไป บรรยากาศตอนนี้ก็สดชื่นพิลึกดี  เจ้าแมลงทับสีสวยที่เกาะบนต้นไม้พาให้เดินขากระเผลกเข้าไปหาไม่ได้

                “แมลงตัวนั้น ตัวนี้ มีเยอะมากมาย มองไปก็รักรักมันทุกตัว”  เสียงใสร้องเพลงเจื้อยแจ้วขึ้นมา ในขณะที่ตาเบิกมองเจ้าแมลงที่เกาะอยู่ นี่ถ้าไอโฟนไม่แบตหมดไปเสียก่อนคงได้ยกขึ้นมาถ่ายรูปไปอวดเพื่อนเข้าแล้ว          

                “แมลงไม่เหมือน มนุษย์ มนุษย์หลายใจ พอลองไปรักแล้วเราเวียนหัว”  ร้องพลางหยีตามองปากก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เหมือนกำลังมาเล่นจับแมลงเหมือนในเกมไม่มีผิดเลย  ใบหน้าหวานช้อนมองด้านบนเผื่อจะเจอแมลงชนิดอื่นๆ  หากก็ต้องตกใจ เมื่อแมลงที่ว่านั้นไม่ใช่เพียงแค่ตัวเดียว รังผึ้งยวงเบ้อเริ่มอยู่บนกิ่งไม้ด้านบนทำเอาเด็กหนุ่มตื่นตกใจ
      

                “เฮ้ย!  หันกลับมาอีกทีก็ปะทะเข้ากับแผงอกกำยำของใครสักคน กลิ่นเหงื่อกาฬทำเอาจมูกย่นฟุดฟิด และเมื่อเงยหน้าขึ้นจากมัดกล้ามขาวๆ ก็พบว่าคนตรงหน้าไม่ใช่ใคร

                “ลุง!!!  เป็นไอ้ลุงเต๋าเจ้าของไร่นี่เอง!

                ไม่รู้ตกใจแรงไปหรือเพราะอะไร... คชารู้สึกเจ็บเบาๆ ที่ข้างแก้ม เพราะถูกหนวดแหลมๆ ของคุณลุงตรงหน้ามันทิ่มเข้าพอดี

                ด...เดี๋ยวนะ หนวดทิ่มแก้ม!? ...หนวดมันเป็นขนที่ขึ้นระหว่างจมูกกับปากไม่ใช่หร๊ออออออ!!!?

                ตกใจสะดุ้งพรวดรอบสองเมื่อรู้สึกตัวว่าประชิดตัวอีกคนใกล้เกินไป มือเรียวลูบป้อยๆ ที่ข้างแก้มตาก็เหลือบมองคุณลุงตรงหน้าที่ยืนจังก้าอยู่  “มาไม่ให้สุ้มให้เสียง”  เอ่ยขึ้นไม่ดังนัก ในขณะที่ขาก้าวถอยหลังอย่างไม่ทราบสาเหตุ

                “โอ๊ย!”  ก่อนจะร้องโอดโอยขึ้นมาเสียเองเมื่อลืมนึกไปว่าขาซ้ายยังเจ็บอยู่ เผลอก้าวแรงไปหน่อย ซ้ำแล้วพื้นตรงนี้ก็ไม่ได้ราบเรียบสม่ำเสมอเหมือนในบ้าน  หากคชาไม่ได้อยู่ในท่านั้นนาน เมื่อลุงเต๋าเจ้าของไร่เป็นฝ่ายช่วยประคองเขาไว้อีกครั้ง

                “เล่นซนไม่รู้เรื่อง”  เสียงนั้นเรียบนิ่งเหมือนเคยหากมีแววดุๆ อยู่ในที คชาเพียงยืนเป็นหุ่นยนต์อีกครั้ง ก้าวตามในขณะที่ถูกอีกคนพยุงเดินออกไป นายใหญ่ของไร่ผิวปากเรียกเจ้าหมาตัวใหญ่เพียงครั้ง มันก็วิ่งพลางคาบสายจูงของตัวเองเดินตามหลังมา

                พ้นจากพื้นที่ร่มรื่น แสงแดดส่องจ้าจนตาคู่เรียวต้องหรี่ลง อากาศร้อนระอุเข้าแทรกแซงเสียจนเขารู้สึกแทบเป็นลม หากขายังก้าวตามคนพยุงออกไปเรื่อยๆ

                ใบหน้าหวานแอบเหลือบมองนายใหญ่ของไร่ด้วยความรู้สึกยากจะเข้าใจ  ชายร่างสูงที่ชอบทำหน้านิ่งไม่บอกอารมณ์... หลายครั้งหลายหนที่คนตรงหน้าชอบทำตัวดุใส่ แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นคนที่ช่วยเขาได้ก่อนใครเสียทุกครั้ง

                “ขาเจ็บแทนที่จะอยู่บ้านเฉยๆ ...ทำไมชอบทำตัวมีปัญหา เป็นภาระให้คนอื่นเขา”  หากระหว่างที่ครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงทุ้มที่เอ่ยคำถากถางก็ทำเอาคชาแทบน้ำตาตกใน

                ถ้าจะช่วยแล้วมาพูดแบบนี้ใส่ วันหลังก็ปล่อยให้ตายไปซะดีกว่า!


              ใช่ซี่เขามันตัวปัญหา! เขามันตัวภาระ!!!

     

     

     


                ตกเย็นตะวันคล้อยต่ำ หลังจากล้างจานเสร็จสรรพ คชาก็ถูกอีกคนบังคับพาเดินกลับมาที่บ้านพักคนงาน 

                ในห้องที่เพิ่งเป็นของเขาเมื่อวาน ใบหน้าหวานขมวดคิ้วยุ่ง มือก็เก็บของใส่กระเป๋าเป้ของตัวเอง  “เสร็จรึยัง?”  เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นดังจากด้านนอกทำให้คชาทำหน้ายับย่นยิ่งกว่าเดิม

                ทำไมชอบดุใส่ แล้วทำไมต้องเสียงดังด้วย? เกิดมาพ่อแม่ยังไม่เคยทำแบบนี้ด้วยเลยสักครั้ง

                “เสร็จแล้วครับ”  เก็บของเสร็จ เด็กหนุ่มก็เดินขากระเผลกเดินออกไป  มือกำลังจะสะพายเป้ขึ้นหลัง หากมือหนาๆ นั่นก็ชิงคว้ามันไปได้เสียก่อน

                “อะไรเล่า”  อยากโวยใส่แค่ไหน คชาก็ทำได้เพียงพูดเสียงไม่ดังนักด้วยเพราะเป็นเพียงคนงาน

                “ขาเจ็บแล้วยังไม่เจียมตัว”

                “ก็มือไม่ได้เจ็บสักหน่อย”

                “ทำไมพูดยากนักนะ!

                เสียงดุๆ เอ่ยขึ้นอีกครั้งพลางยกเป้สีดำสะพายขึ้นบ่าของตน ในขณะที่มืออีกข้างกำลังจะตวัดประคองอีกคนขาเจ็บอย่างทุกครั้ง อีกฝ่ายก็เดินกระเผลกๆ ขึ้นนำไปเสียก่อน

                ชายหนุ่มเพียงส่งเสียงสบถเบาๆ ในลำคอ ก่อนจะเดินตามร่างเล็กนั่นกลับไปยังบ้านพัก นายใหญ่ของไร่เดินตรงมายังห้องด้านล่างที่เคยเป็นของป้านุ่ม  แม้มันจะเล็กนิดเดียวหากนั่นก็ใหญ่กว่าห้องรูหนูที่คชานอนในคืนก่อนหน้า

                “ต่อไปก็ย้ายมาอยู่ห้องนี้ ห้องน้ำอยู่โน่น... พรุ่งนี้ก็ตื่นแต่เช้ามาทำงานด้วยล่ะ อย่าให้ใครต้องมาตาม”

                เสียงทุ้มว่าขึ้นพลางวางกระเป๋าเป้ลงบนพื้นห้อง เห็นอีกคนยังเงียบอยู่จึงเอ่ยขึ้นย้ำ  “เข้าใจรึเปล่า?”

                “เข้าใจ...ครับ”  เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงแข็ง หากไม่นานนักก็อ่อนลงตอนท้ายคำ แม้ใบหน้าหวานจะยังปั้นปึ่งอยู่

                “นี่ยา...หัดเปลี่ยนผ้าพันแผลด้วย จะได้หาย”  ว่าแล้วก็โยนถุงสีขาวลงกับเตียงนอน ก่อนจะตามมาด้วยเสียงปิดประตูดัง  ปัง!’  ของชายหนุ่มที่จากไป

                คชานั่งลงนิ่งๆ กับเตียงนอน ยกฝ่าเท้าขึ้นสำรวจดู มือกำลังจะแกะผ้าพันแผลออกหากก็เหลือบไปเห็นอย่างอื่นเสียก่อน

                ถุงพลาสติกถุงใหญ่ข้างเตียงนั่นมันมาได้ยังไง? เมื่อตอนเที่ยงๆ มาช่วยป้านุ่มถือของก็ไม่เห็นมีอะไรอยู่เลย

                นึกแล้วก็พลันหยิบมันมาดู พิจารณาเพียงครู่ก็พบว่าเป็นถุงแบบเดียวกับถุงที่ใส่ยาไม่มีผิด  ไวเท่าความคิด มือก็เปิดถุงหยิบของด้านในออกมา...

                ครีมทาหลังออกแดด? ครีมกันแดด? โลชั่นทาผิว?

                ใบหน้าหวานขมวดคิ้วย่น นึกอะไรเพียงครู่ก็เงยหน้ามองประตูห้องก่อนจะทำปากยื่นออกมาอย่างไม่พอใจ

     


                คิดจะทำเพื่อรับผิดชอบงั้นสิ เฮอะ ใช่สิ...เขามันเป็นตัวภาระ!!!!!

     

     

     



     

    TBC



    เด็กน้อยคชาเอ๊ยยยย อะไรจะขนาดนี้ คุณลุง เอ้ย คุณพี่เต๋าก็ดุ๊ดุ พูดดีๆ ก็ไม่ได้เนอะ 555... เหมือนเรื่องยังไม่ค่อยไปถึงไหน ขอโทษที่หายไปน้านนาน ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะจ๊ะ ชอบไม่ชอบบอกได้ อยู่เป็นกำลังใจให้คนแต่งกันสักนิดนะ อยากแต่งให้จบไม่อยากทิ้งขว้างน้องเป็ดกะลุงเต๋าและเจ้าติ๊ดชึ่งไปไหน คนแต่งค่อนข้างอ่อนไหวและขี้นอยด์น่ะ Y_Y

    ป.ล. ฝากอีกเรื่องของเราด้วยนะคะ Library’s Diary เรื่องนี้คชาแก่กว่าเต๋า (ตรงข้ามกับ Like the Sunshine ฮี่ๆๆ) ไม่หลุดตีมจากฟิคของเรนโบโบ้วหรอก ใสๆเช่นเคย 555


    ขอบคุณทุกคนมากๆ

    @rainbobow

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×