คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Special!!~ from project '1SF To 4Fiction'
“ฮื้อ~~ พี่ฮีชอลโกหก ฮื้อ~ พี่หลอกผม” เด็กชายวัย 9 ขวบคนนึงร้องไห้ไปทุบแขน
พี่ชายไปโดยที่ผู้เป็นพี่ไม่คิดตอบโต้สักนิด “ฟังพี่ก่อน ทงเฮ ฟังพี่บ้างสิ” ท่ามกลางผู้คน
มากมาย ทั้งเด็กเล็ก เด็กโต และผู้ดูแลไม่มีใครคิดจะมาห้ามเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยทงเฮ
เลยสักคน ทุกคนทำเพียงแค่มองอยู่ห่างๆปล่อยให้ฮีชอลกับทงเฮคุยกันเอง พวกเด็กเล็กๆ
ส่วนใหญ่ไม่สนใจทงเฮด้วยซ้ำ “ฮือๆ~ ผมไม่ฟังพี่หรอก พี่โกหกผม” เด็กน้อยทงเฮยังคง
ใช้กำปั้นเล็กๆทุบฮีชอลไม่ยอมหยุด ฮีชอลที่โตกว่า 3 ปีใช้มือข้างเดียวรวบแขนทั้ง 2 ข้าง
ของทงเฮไว้แล้วดึงตัวเค้าเข้ามากอด “พี่ไม่ได้โกหกนายนะ พี่บอกว่าเราจะออกจากที่นี้
ไปด้วยกัน พี่ก็จะทำให้เราได้ออกไปด้วยกัน” ฮีชอลกอดทงเฮไว้แล้วลูบหัวคนที่เสมือนเป็น
น้องชายแท้ๆ ฮีชอลและทงเฮอาศัยอยู่ในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้านันจามาด้วยตั้งแต่จำความได้
พวกเค้าไม่เชื่อใจผู้ใหญ่ ไม่เชื่อใจใครทั้งนั้นนอกจากกันและกัน ทงเฮรักฮีชอลมาก ฮีชอลก็
เหมือนกัน “ไม่โกหก!” ทงเฮตะหวาดเสียงดังที่สุดเท่าที่เคยทำมา มองตาพี่ชายไม่กระพริบ
“พี่จะทิ้งผม ฮือ~” เด็กน้อยทงเฮทำเสียงแข็งใส่พี่ชายได้ประโยคเดียวก็กลับมาร้องไห้
ซบไหล่พี่ชายตามเดิม “พรุ่งนี้พี่ก็ไม่อยู่กับผมแล้ว ฮึ” ทงเฮสูดหายใจพยามให้ตัวเองหยุดร้อง
โฮริผู้ดูแลของบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าเดินมาดูพวกเค้าใกล้ๆหลังจากกล่อมเด็กอีกคนที่ร้องไห้
ตามทงเฮให้หลับได้สำเร็จ เธอเป็นพี่เลี้ยงคนเดียวที่ทงเฮกับฮีชอลยอมเปิดปากคุยด้วย
“ฮึ ฮึ พี่จะทิ้งผมไปแล้ว” ทงเฮยังคงพยามใช้มือขวาทุบฮีชอลอยู่แม้มือซ้ายของตัวเองจะ
กำเสื้อพี่ชายแน่นเหมือจะอ้อนวอนว่า ‘พี่อย่าไปไหนเลยนะ’ “ทงเฮ” โฮรินั่งคุกเข่าลงข้างตัว
2 พี่น้อง ลูบไหล่ทงเฮก่อนจะพูดต่อ “พี่เค้าไม่ทิ้งเราไปหรอกนะ” ทงเฮยิ่งร้องไห้หนัก ฮีชอล
กระชับกอดทงเฮให้แน่นขึ้น เค้ารู้ดีว่าทงเฮไม่สามารถอยู่ได้ถ้าไม่มีเค้า “พี่บอกเราแล้วไง
ว่าพรุ่งนี้พี่ต้องไปโรงเรียน เดี๋ยวเดียวพี่ก็กลับมาหาเราแล้ว” ปกติแล้วเด็กในบ้านนันจาจะเรียน
กับผู้ดูแลที่บ้าน แต่ฮีชอลโชคดีมีคนมาขออุปถัมป์อยากส่งเสียเค้าเรียนที่โรงเรียนดีๆ พรุ่งนี้
เปิดเทอมวันแรกของฮีชอล เค้าบอกทงเฮแล้วแต่ทงเฮไม่ยอมฟัง เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด
คงเพราะทงเฮไม่รู้จักคำว่า‘โรงเรียน’ แล้วทั้งคู่ก็ไม่เคยแยกจากกันเลยผลถึงออกมาเป็นแบบนี้
“ฮือ~~~ ทุกคนหลอกผม” ทงเฮผลัดตัวออกมาจากฮีชอล “ถ้าพี่ ฮึ ถ้าพี่ฮีชอลไม่อยากอยู่
กับผมแล้ว” เด็กน้อยทงเฮเดินถอยหลังออกไปให้ห่างจากฮีชอล “ถ้าพี่ไม่อยากอยู่กับผม. .
ผมไปเองก็ได้!!” ทงเฮวิ่งออกจากบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้านันจาไปโดยไม่หันหลังกลับมาอีก
โดยมีฮีชอลและโฮริวิ่งตามออกมา ‘*ตุ๊บ*’ ทงเฮวิ่งชนคนๆนึงเข้าอย่างจัง เค้าคนนั้นเป็น
ชายแก่หน้าตาใจดี เค้ายื้นมือมาลูบหัวทงเฮน้อยที่กำลังประหม่า “เจ็บไหมลูก?” แสงสว่างจ้า
ด้านหลังทำให้ชายแก่คนนั้นดูเหมือนเทวดาในสายตาทงเฮ ทงเฮส่ายหน้าช้าๆ “ลุงครับ”
ชายแก่ย่อตัวลงมัในระดับเดียวกับทงเฮเพื่อฟังสิ่งที่เค้าจะพูด “ผมอยากไปอยู่กับคุณลุงครับ”
ชายแก่ยิ้มแล้วอุ้มทงเฮขึ้นมานั่งบนไหล่ “ปะ งั้นเดี๋ยวลุงพาไปเที่ยว” ทงเฮฉีกยิ้มกว้าง
เค้าคงไม่ทันสังเกตว่าฮีชอลที่ตามเค้ามานั้น ตอนนี้ทำหน้าตาทรมานขนาดไหน โฮริตบไหล่
ฮีชอลแล้วบอกสั่นๆว่า “ไม่ต้องกังวลนะ คุณลุงคนนี้เชื่อใจได้” แล้วทั้ง 2 ก็มองทงเฮขึ้นรถไป
กับคุณลุงใจดี คุณลุงคนนั้นนั่นแหละที่ขออุปถัมภ์ฮีชอล เหตุการณ์ที่ดูเหมือนเล็กน้อยนี้. .
คือจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่ของเรื่องราวทั้งหมด
[[ ~ Dong Hae ~ ]]
ผม. .จะเริ่มยังไงดีนะ. . เรื่องมันเกิดขึ้นเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทัน แล้วผมเองก็ยังเด็กมาก. .
นั้นสินะ อายุแค่ 9 ขวบเองนี่. . แต่. . ผมมีว่าที่เจ้าสาวซะแล้วหละ . .
หลังจากคุณลุงอุ้มผมขึ้นรถไปเค้าพาผมไปเที่ยวสวนสนุกใกล้ๆ ใกล้พอที่ผมจะหาทาง
กลับเองได้ เราบอกลาอันโดยกอดที่อบอุ่น แต่ผมไม่ยอมไปไหน ผมเดินตามเค้า เค้าตามจน
เค้าเดินไปขึ้นรถ เดินตามอยู่ข้างหลังไม่ให้เค้ารู้ตัว เดินตามไปจนคนขับรถของเค้าออกรถไป
ผมก็ยังเดินตามอยู่ เดิน แล้วก็เดิน เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นหน่อย เดินเร็วๆ เดินเร็วขึ้นอีก แล้วก็
วิ่งตามรถไป ผมไม่มีปัญหาเรื่องการเดินหรือวิ่งเร็วๆนานๆแบบพี่ฮีชอลหรอก ผมแข็งแรงมาก
แต่พอเริ่มเริ่มออกจากทางเข้าสวนสนุก ออกไปประตูใหญ่เตรียมเข้าถนนเส้นหลัก รถก็วิ่งเร็ว
เกินกว่าขาผมจะตามไหว ผมพยามวิ่งเร็วขึ้นอีกโดยไม่คิดจะตะโกนบอกให้รถข้างหน้าหยุด
ผมทำไม่ได้ ผมพูดไม่ได้ ผมล้ม แล้วก็ลุกขึ้นวิ่งอีก วิ่ง วิ่ง วิ่ง แล้วก็วิ่งจะเริ่มไม่ไหว ก่อนรถจะ
เข้าถนนเส้นหลัก ผมล้มอีกครั้งและไม่มีแรงจะลุก ไม่รู้ว่าทำไม. . แต่ผมร้องไห้ ร้องไห้แบบ
ไม่มีเสียง แต่ผมได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา พอผมเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเป็นคุณลุงใจดี
คนนั้นเอง เค้ากอดผมไว้แล้วพูดที่ข้างหูผมว่า “ฉันจะไปอยู่ไทยสักเดือนนึง จะไปกับฉันไหม”
ผมว่าเค้าคงรู้คำตอบของคำถามดีอยู่แล้วโดยผมไม่ต้องพูด ผมตกลงไปอยู่กับเค้าอย่าง
ไม่ลังเล บ้านพักต่างอากาศของเค้าในประเทศไทยใหญ่พอๆกำบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้านันจา
ของผมเลย สวนดอกไม้ข้างๆบ้านพักมันสวยมาก ตลอด 2 สัปดาห์ตั้งแต่ผมมาอยู่ที่ไทย
ผมวิ่งเล่นไปทั่วสวนนั้นแทบทุกวัน ทั้งๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสวนนั้นมีเจ้าของหรือเปล่า. .
“เอ๊ะ!” ผมอุทานออกมาด้วยสีหน้างงงันเมื่อเห็นเด็กชายคนหนึ่งนั่งมองดอกไม้อยู่ด้วยรอยยิ้ม
ดอกไม้ดอกนั้นไม่เหมือนดอกไม้อื่นๆในสวน ไม่ใช้ดอกไม้ที่ผมคิดว่ามีอยู่ในโลกนี่ด้วยซ้ำ
ผมไม่เคยเจอเค้าเลย และมั่นใจว่าไมเคยเห็นดอกไม้ในมือเค้าด้วย แม้ผมจะสำรวจที่นี้
มา 2 อาทิตย์แล้วก็ตาม เด็กชายคนนั้นหันมาทางผมแล้วส่งยิ้มมาให้ หัวใจผมเต้นรั่ว แต่อาจ
เป็นเพราะพึ่งหยุดวิ่งเมื่อกี้ก็ได้ ผมก้าวช้าๆเข้าไปหาเค้า เมื่อได้เห็นหน้าเค้าใกล้ๆ
ผมจึงรู้สึกว่า. . เค้าน่าจะอายุน้อยกว่าผมไม่มากนัก เด็กชายหันกลับไปหาดอกไม้ดอกนั้น
ดอกไม้ที่คล้ายกับดอกกุหลาบ. . เพียงแต่มีสีที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ดอกกุหลาบสีน้ำเงิน. .
เด็กชายเด็ดมันก่อนลุกขึ้น “สวยไหม” เด็กชายยิ้มอย่างร่าเริง เค้าพูดภาษาเกาหลี ผมตกใจ
มากเลย. . ไม่นึกว่าจะได้เจอคนเกาหลีที่นี้ แถมยังอายุใกล้เคียงกันด้วย “อะ. . อะ. . อื้อ”
ผมเค้นเสียงตอบอย่างยากเย็น ไม่รู้ว่าโดนมนต์สะกดของดอกกุหลาบสีน้ำเงินนั้นหรือยังไง. .
“หึ. หึ. ผมให้” เด็กชายพูดพร้อมยื่นดอกไม้ออกมา “ห๊ะ” ผมยังคงไม่หลุดจากมนต์สะกดนั้น
“เอาไหม?” เด็กชายทำหน้าสงสัย เดินเข้ามาใกล้ผมอีกนิด “อื้ม เอาดิ” ผมยื่นมือออกไปรับ
แต่เค้ายิ้มแล้วดึงมือตัวเองกลับ “งั้น. . สัญญากับผมก่อน” รอยยิ้มสดใสไร้พิษสงเอยออกมา
ผมได้แต่พยักหน้าตาม อยากส่งยิ้มคืนไปให้ แต่เหมือนหน้าผมจะเป็นตะคริวไปแล้ว จึงได้แต่
ขมวดคิ้วงงกับการกระทำของเด็กชายตรงหน้า “มาเป็นเจ้าสาวของผมนะ” ผมแทบจะกระโดด
ถอยหลังออกมาเลย “นะ. . นาย !” ผมได้แต่พูดติดๆขัดๆ ชี้หน้าเค้า แต่เค้ากับยังคงยิ้ม
เหมือนเดิม ต่อให้ผมจะยังเป็นเด็กอยู่. . แต่ผมก็รู้ว่าเจ้าสาวต้องเป็นผู้หญิง “นี่นายรู้หรือเปล่า
ว่าพูดอะไรออกมา” เค้าใช้มือที่ว่างอยู่ดึงผมเข้าหาตัว “รู้สิ มาเป็นเจ้าสาวของผมนะครับ”
เค้าจับมือผมให้กำดอกกุหลาบสีน้ำเงินนั้น “แต่ฉันเป็นผู้ชายนะ ฉันเป็นเจ้าสาวให้นาย
ไม่ได้หรอก” เค้าลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน “งั้นผมยอมเป็นเจ้าสาวให้ก็ได้. . ” ตาของเค้า
มองมาที่ผม. . แค่ผมคนเดียว เป็นความรู้สึกที่ผมไม่อยากให้หายไปเลย
“แต่งงานกับผมนะครับ” เหมือนบรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไป ผมเห็นตัวเองยืนอยู่ในโบสถ์
และคนตรงหน้าผมใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวฟูฟ่อง “อะ. . อื้ม” ผมขานรับ ดั่งคำปฏิญาณตน
ว่าจะรักและดูแลเค้าตลอดไป จุมพิตแผ่วเบาประทับลงที่ริมฝีปากของผม. .
เค้าเดินถอยหลัง ผลักตัวออกจากผมไป. . “อย่าลืมนะครับ. . ” เจ้าของเสียงเดินออกไป
ไกลขึ้นเรื่อยๆ “แล้วสักวัน. . ผมจะไปท้วงสัญญา” เค้าหายลับไปจากสายตาผมเหมือนกับ
เรื่องนั้นเป็นเพียงแค่ฝัน. . แต่ผมกลับรอ. . รอว่าเมื่อไรเค้าที่ผมไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อ
จะมาท้วงสัญญาจากผมสักที. .
เมื่อผมกลับมาถึงบ้านพัก ดอกกุหลาบสีน้ำเงินเมื่อครู่. . พอไม่ได้ต้องกับแสงอาทิตย์
กลับเปลี่ยนเป็นดอกกุหลาบสีม่วงที่ดูเศร้าหม่อง . . ผมเก็บมันไว้อย่างดี . .
ผมรอเจ้าของของมันอยู่ และภาวนาต่อพระเจ้าว่า. . “พระเจ้าครับ ขออย่าให้เค้าลืมผมเลย”
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เรื่องอื่นๆของโปรเจคนี้จะตามมาในไม่ช้าจ้า~
ความคิดเห็น