คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : [SF] Excursion ♥ , part 2/2 { 0027 & 8059 (?) } end.
♥
“แต่ไม่ต้องห่วงหรอก นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะรู้สึกดีๆกับนาย และหลังจากวันนี้ ...เราจะเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”
ทุกความคิดตีรวนกันอยู่ในหัวของร่างบาง ชาไปทั่วร่าง ...รู้แค่ว่าไม่อยากให้มันออกมาเป็นแบบนี้ แต่หาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไม
ร่างบางกลืนก้อนเหนียวๆลงคออย่างยากลำบาก ตัดใจถามอีกฝ่ายออกไป
“นายเคยทำผิดอะไรต่อฉันอย่างงั้นเหรอ ?”
“เอ๋ ...?”
“ก็ ...” นัยน์ตาสีโอ๊คเบือนไปทางอื่นอย่างเอียงอาย การที่ขุดคุ้ยเรื่องเก่าๆขึ้นมาพูดมันรู้สึกว่าเข้าหน้าอีกฝ่ายไม่ติด “...ในบันทึกนั่น ... มีอยู่วันนึงที่นายเขียนไว้ ...”
-24 July ทำไมถึงเผลอไปทำเรื่องไม่เป็นเรื่องเข้านะ !-
กว่าที่ร่างสูงจะเก็ทก็ต้องใช้เวลากันซักพัก
คืนนั้นนั่นเอง ... เป็นคืนที่เราไปนอนบ้านสึนะคุง
เมื่อคิดไปถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นทำเอาเอ็นมะถึงกับหน้าแดง เม็ดเหงื่อเริ่มผุดพรายตามใบหน้าทีละนิด จะให้สารภาพออกไปตรงๆมันจะดีเร้อ ~
“ว่า ยังไงเล่า ?” ร่างบางเร่งเร้าจะเอาคำตอบให้ได้ เอ็นมะเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด หากแต่เมื่อได้สบเข้ากับดวงตากลมโตสีโอ๊คที่สั่นระริกคู่นั้น ทำเอาความพยายามที่จะสารภาพผิดแทบพังครืน
ราวกับกำลังต้องอยู่ในมนต์สะกด มือหยาบกร้านข้างหนึ่งยกขึ้นประคองข้างแก้มสีระเรื่อของร่างบาง ...ทุกๆอย่างค่อยเป็นค่อยไป ใบหน้าคมคายโน้มลงมาช้าๆก่อนที่ริมฝีปากจะประทับจูบอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ... นัยน์ตาสีโอ๊คเบิกกว้างและอุทานในลำคออย่างตกใจกับการกระทำของคนตรงหน้า
ร่างสูงถอนริมฝีปากออกอย่างเชื่องช้า สบตากับอีกฝ่ายเพียงชั่วขณะก่อนจะหลุบสายตาต่ำลง
เมื่อกี้ ไม่ใช่จูบที่ดูดดื่มแต่อย่างใด ร่างสูงเพียงแค่ประกบปากกับอีกฝ่ายเฉยๆราวกับว่าเอาริมฝีปากไปแตะกับอะไรสัก อย่าง หากแต่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ทั้งคู่รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งร่าง ได้
“น ...นายทำ ...ทำบ้าอะไร ...” ร่างบางเอ่ยขึ้นด้วยเสียงตะกุกตะกัก “... เอ็นมะ ?!”
หลับตาปี๋ แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเมื่อกี้เพื่อนซี้อย่างเอ็นมะนั้นจูบเขา !!
“ก็นี่ ... เอ่อ ...” สาบานได้ว่าถ้าสามารถหายตัวไปยังที่ใดที่หนึ่งได้เขาคงทำไปแล้ว
“นี่คือที่ฉันทำ ...กับนายวันนั้น ...”
“หา ?”
“ตอนนายหลับอยู่ ...แห่ะๆๆ” ร่างสูงหัวเราะและเกาหัวแก้เก้อ หากแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่คนตรงหน้าให้ความสนใจ สึนะกำลังช็อคซีนีม่ากับประโยคที่เอ็นมะเพิ่งพูด
พลัน ใบหน้าหวานที่ว่าแต่งแต้มไปด้วยสีแดงระเรื่อแล้ว กลับยิ่งสุกปลั่งยิ่งขึ้นไปอีก สึนะคำรามเสียงต่ำใส่คนตรงหน้า
“น ... นายนี่มัน ... !” จริงๆเล้ยยย อยู่ดีไม่ว่าดี หาเรื่องมาให้เราหวั่นไหวตัลหลอด !
จาก สถานการณ์ถ้าเดาไม่ผิด ร่างบางกำลังเคืองเขาอยู่แน่ๆ คิ้วบางขมวดมุ่นเป็นปม ริมฝีปากเบ้ ทำหน้าเชิดใส่แบบนี้ ... ถึงแม้ว่าตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาเอ็นมะจะไม่เคยเห็นโหมดนี้ของอีกฝ่ายเลยก็ ตาม แต่การที่คนตรงหน้านิ่งเงียบแบบนี้แสดงว่ากำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่แน่นอน
“สึนะคุง ...”
“......”
ใบหน้าหวานก้มต่ำลงไม่ยอมสบตาอีกฝ่าย ยืนตัวแข็งทื่อมาพักใหญ่ๆ ถึงแม้เสียงทุ้มของอีกฝ่ายจะเรียกแต่ร่างบางกลับไม่ยอมตอบสนอง
“สึ นะคุง ...” เรียกอีกฝ่ายด้วยเสียงแผ่วเบา เอี้ยวตัวก้มมองอีกฝ่ายที่พยายามก้มลงและหลบหน้า เชยคางมนของคนตรงหน้าเพื่อให้สบตาแต่อีกฝ่ายรีบสะบัดหนี มาจนตอนนี้เอ็นมะเพิ่งจะรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่คางของอีกฝ่าย ใบหน้าหวานแดงเถือกลามไปจนถึงใบหู ไหล่บางที่สั่นไหวน้อยๆอย่างพยายามเก็บกลั้นอารมณ์นั้นทำให้เอ็นมะแทบจะทำ อะไรไม่ถูก
“... สึนะคุง ฉัน...”
“นายทำแบบนี้ได้ยังไง !” เสียงหวานหวานตวาดเบาๆใส่คนตรงหน้า นัยน์ตาที่แดงก่ำจากการร้องไห้สบเข้ากับนัยน์ตาสีทับทิม
“ทำไม นายถึง ..ฮึก” เสียงสะอื้นของร่างบางทำให้เอ็นมะรู้สึกผิดยิ่งขึ้น สึนะสะอื้นตัวโยนจนอีกฝ่ายทนไม่ไหว ได้แต่คว้าร่างบางเข้ามาสวมกอดแน่น ใบหน้าหวานซุกลงกับแผ่นอกแกร่งของร่างสูงในขณะที่อีกฝ่ายวางคางไว้บนไหล่ลาดของสึนะ มือสากลูบไปตามแผ่นหลัง ปลอบโยนคนที่กำลังร่ำไห้
“ฉันขอโทษ ... นายคงจะโกรธและเกลียดฉัน แต่ ...มันจะไม่เกิดขึ้นอีก ฉันจะไม่เข้าใกล้นายอีกถ้านายต้องการ” เสียงทุ้มปลอบโยน
ภายในห้องไม่มีเสียงบทสนทนาโต้ตอบกันอีกพักใหญ่ๆ มีเพียงเสียงสะอื้นไห้เป็นจังหวะของร่างบาง ก่อนที่จะค่อยๆซาลง
“เปล่า หรอก ...ฉันไม่ได้โกรธนาย” เจ้าของเสียงหวานอู้อี้พูดขึ้นในขณะที่ใบหน้ายังซบอยู่กับแผงอกของอีกฝ่าย คราบน้ำตาเปียกชุ่มเป็นดวงๆบนเสื้อโค้ชสีดำ
“ฉัน แค่สับสน ...” เอ่ยเสียงแผ่วเบาจนแทบเป็นการกระซิบ ร่างสูงที่ยืนฟังนั้นไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงแค่ใช้ฝ่ามือลูบเรือนผมนุ่มสีน้ำตาลโอ๊คเฉกเช่นเดียวกับนัยน์ตาที่ สั่นระริกของอีกฝ่าย
“ทำไม ต้องเป็นกับนาย ...ฉันไม่เข้าใจเลยซักนิด” ร่างบางผละออกจากอ้อมกอดเพียงเล็กน้อย ดวงหน้าหวานเงยขึ้นสบกับคนตรงหน้าเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะรู้สึกร้อนผ่าวที่ ข้างแก้ม ...เขินอาย จนไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย
“ใจ ฉันเต้นแรงมากตอนที่อยู่ใกล้นาย ... ฉันหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่กล้ามองตานาย ...มันจั๊กจี้แปลกๆ” ประโยคหลังเรียกเสียงหัวเราะให้กับร่างสูง เอ็นมะหัวเราะหึในลำคอก่อนที่ริมฝีปากบางเฉียบจะค่อยๆคลี่ยิ้ม ปล่อยให้ร่างบางระบายสิ่งที่ค้างคาใจ
“การกระทำของนาย คำพูดของนาย ...บางทีตอนอยู่คนเดียวฉันกลับคิดถึงนายขึ้นมาเอาดื้อๆ ...”
“.........”
“ต้น เหตุทั้งหมดก็คือนาย ...ตอบมาได้รึเปล่าล่ะว่าทำไมฉันถึงเป็นแบบนี้ ?” เอ็นมะหรี่ตาลง มองใบหน้าของอีกฝ่ายที่เต็มไปด้วยความกังวล ความคิดยุ่งเหยิงต่างๆนานาตีรวนกันไปมาในสมองของร่างบาง
“ตอนแรกๆ ฉันก็เป็นแบบนายนั่นล่ะ สึนะคุง” ส่งยิ้มละไมไปให้ร่างบาง ก่อนที่จะกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เชยคางมนของคนตรงหน้าขึ้น ความรู้สึกร้อยพันถ่ายทอดไปถึงดวงตาสีโอ๊ค ...ชัดเจนในความรู้สึก ...
“แต่เมื่อผ่านไปเรื่อยๆ ฉันก็เข้าใจตัวเอง ...เข้าใจทุกอย่างเลยล่ะ”
“แล้วตกลงมันเพราะอะไรกันล่ะ อ๊ะ !”
เสียงหวานถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอทันทีเมื่อเอ็นมะโน้มใบหน้าลงมาแนบชิดจนริม ฝีปากของทั้งคู่ประกบกัน มือแกร่งคว้าเอวบางเข้ามากอดไว้หลวมๆ ประคองใบหน้าของอีกฝ่ายเอาไว้ นัยน์ตาสีโอ๊คเบิกกว้างและสั่นระริกอีกครั้งแต่กลับหรี่ลงช้าๆเมื่อร่างสูง บดเบียดริมฝีปากเข้าแนบชิด ไออุ่นจากริมฝีปากบางและลมหายใจที่รดแผ่วทำให้ร่างบางแทบจะโอนอ่อนตามทุกกระ กระทำของคนตรงหน้า ร่างสูงขบเม้มริมฝีปากอิ่มก่อนที่จะดูดดุนจนร่างบางอดที่จะจูบตอบไม่ได้
เพราะอะไรน่ะเหรอ ?
เรียว ลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันตามแรงปรารถนาของคนทั้งคู่ สึนะหลับตาลงช้าๆ ดื่มด่ำทุกสัมผัสของรสจูบที่วาบวามนี้ สมองยิ่งขาวโพลนขึ้นเรื่อยๆ
.... เพราะนายชอบฉันไง สึนะคุง ....
เอ็นมะไล้มือลงมาโอบเอวของร่างบางที่อ่อนระทวยจนแทบไม่มีแรงยืน ออกแรงดันเบาๆให้อีกฝ่ายนั่งลงบนเตียง กว่าร่างบางจะรู้ตัวอีกทีก็เมื่อแผ่นหลังสัมผัสเข้ากับฟูกที่นอนหนานุ่มบน เตียงแล้วโดยมีร่างสูงคร่อมอยู่เหนือร่างของตน เอ็นมะจัดการบดเบียดริมฝีปากเข้าแนบชิด เรียวลิ้นหยอกล้ออีกฝ่ายจนเสียงหวานครางออกมาอย่างมิอาจเก็บกลั้น
มือสากค่อยๆเลิกชายเสื้อของอีกฝ่ายขึ้นสัมผัสผิวกายขาวเนียนภายใต้อาภรณ์ที่ ปกคลุม หน้าท้องแบนราบหดเกร็งเมื่อสัมผัสอุ่นที่ฝ่ามือลูบไล้ไปมา มือบางพยายามปัดป่ายสัมผัสวาบหวิวที่อีกฝ่ายมอบให้แต่กลับโดนมือแกร่งรวบไว้ และกดลงบนเตียงนุ่ม ที่ทำได้ตอนนี้เพียงแค่ครางเสียงหวานในลำคอโดยหารู้ไม่ว่านั่นเป็นการปลุก อารมณ์ของคนตรงหน้า
ร่างบางหลับตาปี๋เมื่อปลายลิ้นอุ่นชื้นของอีกฝ่ายโลมเลียไปทั่วโพรงปาก ใบหน้าหวานร้อนผะผ่าว เม็ดเหงื่อค่อยๆผุดพรายตามไรผมแม้ว่าภายในห้องจะเปิดแอร์แล้วก็ตาม
พรวด !
“โย่ว ! สึนะ”
“รุ่นที่สิบคร้าบบบ เราไปเดินเล่น อ่ะจ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย !!!!!!”
สองร่างที่กอดก่ายกันอยู่บนเตียงลืมตาขึ้น ก่อนที่จะตั้งสติได้ทั้งคู่รีบผละออกจากกันและลุกขึ้นนั่งบนเตียง มองผู้มาใหม่ทั้งสองที่เข้ามาโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง
“ฮะ ...ฮะ ...” ยามาโมโตะหัวเราะแห้งๆ ทำสีหน้าไม่ถูก ในขณะที่โกคุเดระหลับตาปี๋และใบหน้าแดงแปร๊ดลามไปจนถึงใบหู
อากาศภายในห้องร้อนขึ้นทันตาเห็น ใบหน้าของสึนะถูกแต้มด้วยสีแดงแข่งกับโกคุเดระ
“เอ่อ ...คือว่า ... !” เสียงหวานพยายามพูดขึ้นเมื่อหาลิ้นตัวเองเจอ
“หน็อยยย ! เจ้าโคซาโตะ !! แก บังอาจมากที่... เอ่อ ... ช่างมันเถอะ .. แกทำอะไรรุ่นที่สิบหา !!!?” ไวกว่าความคิด โกคุเดระพุ่งปราดเข้ามากระชากคอเสื้อของเอ็นมะที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างแรง สีหน้าคาดคั้นหาเรื่องคนตรงหน้าให้ได้
“หวา ~ ฉัน ...ฉัน ...” เจ้าของเสียงทุ้มถึงกับอึกอักเมื่อถูกโกคุเดระเขย่าไหล่ด้วยอารมณ์โกรธ ยามาโมโตะที่ตอนแรกยังทำอะไรไม่ถูกแต่เมื่อตั้งสติได้จึงรีบเข้ามาห้าม
“ฮะๆ ใจเย็นซี่ ไม่เอาน่าโกคุเดระ เห็นๆอยู่ว่าเรามาขัดพวกเขานะ อ้าว ! สึนะ” ยา มาโมโตะพยายามพูดเกลี้ยกล่อมโดยหารู้ไม่ว่าความหมายในประโยคที่ตนกำลังพูด นั้นทำให้ร่างบางถึงกับอายจนแทบเอาหน้ามุดดิน เมื่อทนไม่ได้จึงลุกขึ้นวิ่งออกไปนอกห้องเสียดื้อๆ เอ็นมะที่เห็นท่าทีดังกล่าวจึงเรียกเพื่อรั้งตัวไว้หากแต่ไม่เป็นผล
“สึนะคุง ...!!”
“หน็อย มาสึนะคุงๆ เดี๋ยวเถอะนะแก ~!!” โกคุเดระได้ทีจึงเหวี่ยงใส่ร่างสูงบนเตียงที่ตัวสั่นเป็นลูกนก ในเมื่อกระทำอุกอาจรุกล้ำรุ่นที่สิบขนาดนี้ ก็อย่าหวังเลยว่าพรุ่งนี้จะได้ลืมตาดูแสงอาทิตย์ !
“เห้ย ! เจ้าบ้าเบสบอล ! มัวยืนบื้ออะไรเล่า รีบๆตามรุ่นที่สิบไปสิเฟ้ย !” และไม่วายหันมาโวยคนข้างๆที่เอาแต่ยืนเฉย โบกมือไล่ยามาโมโตะให้ตามร่างบางที่วิ่งฉิวไปไกล
“อ่าว แล้วนายล่ะโกคุเดระ ??” แทนที่คนเป็นมือขวาจะต้องตามติดรุ่นที่สิบตลอดเวลาไม่ใช่หรือ ?
“ไว้ซัดไอหมอนี่เสร็จแล้วค่อยตามไปเฟ้ย !” ตะโกนใส่คู่สนทนาอย่างหงุดหงิดก่อนจะหันมาหาเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ง้างหมัดเตรียมพร้อม หมายเอาชีวิต
“ตายซะแก !!!” เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายหลับตาปี๋ก่อนจะสวดภาวนาในใจ แต่ไม่ทันที่ชีวิตจะหาไม่ น้ำเสียงร่าเริงของยามาโมโตะก็พูดแทรกขึ้น
“เอา น่า เอาน่า ...” ร่างโปร่งบางของโกคุเดระเซถอยหลังทันที มือที่จับกระชากปกเสื้อของเอ็นมะค่อยคลายออกเมื่อยามาโมโตะคว้าตัวเอาไว้ ได้
“ทำบ้าอะไรของแก ปล่อยนะ !”
“มือ ขวากับมือซ้าย ไปพร้อมกันเลยทีเดียวเถอะ เนอะ” ยิ้มกว้างตามสไตล์ของยามาโมโตะ ทาเคชิ โกคุเดระถึงกับออกแรงปัดป่ายอีกฝ่ายแต่ไม่เป็นผลเมื่อแขนแกร่งเอื้อมมา โอบรัดที่ไหล่บางของตน กึ่งดึงกึ่งลากให้ไปด้วยกัน
“ไว้ จะพูดให้นะ เอ็นมะ” หันไปขยิบตาให้กับผู้รอดตายอย่างหวุดหวิด ใบหน้าของเอ็นมะที่เหวออย่างลุ้นระทึกในคราแรกกลับยิ้มอย่างนึกขอบคุณอีก ฝ่าย ...ยามาโมโตะที่ใจเย็น และเป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุด ...
ใช่แล้ว ยามาโมโตะคือคนที่รู้เรื่องดีทุกอย่าง เป็นที่ปรึกษาของเอ็นมะ ...
“พูดอะไรน่ะหา เห้ย ! ปล่อยสิฟะ !” จับใจความไม่ค่อยได้กับเสียงโวยวายของโกคุเดระที่แผ่วลงเรื่อยๆเมื่อเจ้าตัว เดินไกลออกไป จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ถือว่าเขาทำเรื่องผิดพลาดไปเยอะเอาการ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจคือความรู้สึกของอีกฝ่าย ...ซึ่งก็ไม่ได้ต่างไปจากของตนซักเท่าไรนัก
.
.
.
นี่เราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเนี่ย !!!!!!~
สึนะที่วิ่งมาไกลพอสมควรยืนหอบพิงเข้ากับต้นไม้ริมชายหาดอย่างเหนื่อยล้า ปล่อยให้ลมทะเลค่อยบรรเทาความร้อนรุ่มที่สุมอยู่ในใจ
เมื่อกี้ยามาโมโตะกับโกคุเดระเห็นหมดแล้วทุกอย่าง ตอนแรกคนที่จะมองหน้าไม่ติดนั้นคือเอ็นมะ แต่จากนี้ไปคงเป็นสองคนนั้นแทน !
ร่างบางส่ายศีรษะอย่างแรงไล่ความเขินอายและเหตุการณ์ต่างๆที่กวนใจออกไป หากแต่เสียงแว่วๆของโกคุเดระที่ดังมาทำให้ใบหน้าหวานซีดเผือก
...ขอเตรียมใจก่อนจะได้มั้ยเล่า !?
“สึนะ ...”
“รุ่นที่สิบครับ ! เมื่อกี้ ผมเกือบจะจัดการเจ้านั่นได้แล้วเชียว” สีหน้าของโกคุเดระดูจริงจังมาก “ถ้าเจ้าบ้าเบสบอลไม่มาขัด ป่านนี้คงได้ซัดมันซักเปรี้ยง”
เสียงกระดูก ลั่นที่ดังกรอบแกรบเมื่อโกคุเดระหักนิ้วตัวเองทำให้สึนะกลืนน้ำลายเอื้อกอ ย่างหวาดเสียว นึกขอบคุณความใจเย็นของยามาโมโตะที่ทำให้ไม่เกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้น อย่างน้อยถ้าอาเดลไฮท์ ผู้หญิงที่น่ากลัวคนนั้นเกิดไปเห็นรอยฟกช้ำบนใบหน้าของเอ็นมะเข้า คราวนี้วองโกเล่กับชิม่อนคงได้ถึงคราวแตกหักกันจริงๆ
ปล่อยให้ความคิดฟุ้งซ่านวนเวียนอยู่ในหัวของตนก่อนที่เสียงทุ้มของยามาโมโตะจะเอ่ยขึ้น
“สึนะ ...” ฟังดูค่อนข้างจริงจังในสิ่งที่กำลังจะพูด
“ท ...ทำไมเหรอ” ใบหน้าหวานกลับขึ้นสีระเรื่อโดยอัตโนมัติ ลางสังหรณ์มันบอกว่าสิ่งที่เพื่อนคนนี้กำลังจะพูดคงไม่พ้นเรื่องเมื่อกี้แน่
“อ่า ...ไม่รู้สิ มันรู้สึกคาใจถ้าไม่ได้พูด ...ขอโทษนะที่เข้าไปขัด แหะๆๆๆ” ลางสังหรณ์ของร่างบางไม่ผิดจริงๆ เป็นเรื่องนั้นจนได้ ! ณ จุดนี้สึนะรู้สึกแทบอยากจะมุดดินหนี ยามาโมโตะเล่นพูดโพล่งออกมาตรงๆแบบนี้ ...
“ไอบ้านี่พูดอะไรไม่เข้าเรื่อง ! เห็น มั้ยรุ่นที่สิบอายใหญ่แล้ว” ตะคอกใส่คนตัวสูงกว่าที่มักจะพูดจาออกมาตรงๆโดยปราศจากการกลั่นกรอง “ไม่เป็นไรนะครับ เอาเป็นว่าพวกผมไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ขอโทษมากๆคร้าบบบบ” คุกเข่าลงอ้อนวอนร่างบางเจ้าของใบหน้าสีระเรื่อที่อ้าปากค้างอย่างพูดไม่ออก
เอาเถอะ ...ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่มีอะไรทั้งนั้น
“อ้า ...เดี๋ยวฉันกับโกคุเดระจะไปเดินเล่นกันซักหน่อย” ยามาโมโตะพูดอมยิ้มแล้วคว้ามือของบุคคลที่ถูกกล่าวถึงขึ้นมาจับไว้แน่น “จะว่าไปมันก็เดทล่ะนะ ฮะฮะฮะ”
“เดทบ้าอะไรของแกฮะ !!!!!!!” โวยวายเสียงดังในขณะที่เสี้ยวหน้าขึ้นสีระเรื่อลามไปจนถึงใบหูอย่างเห็นได้ชัด
“น...นี่พวกนาย ส...สองคน ...?” ให้ตาย นี่เขายังมีเรื่องให้ช็อคไม่พอหรือยังไง ?
“ไม่ใช่แบบนั้นนะครับรุ่นที่สิบ / ฮะฮะ ก็นิดหน่อยน่ะ”
เอ่อ ....
หลังจากนั้นสึนะก็ได้ยินเสียงของโกคุเดระที่โวยวายอย่างไม่ขาดสายในขณะที่คนทั้งคู่เดินออกห่างไปเรื่อยๆ
มือบางยกขึ้นปาดเหงื่อ ถอนหายใจเอาความกดดันและสิ่งที่ฟุ้งซ่านอยู่ในหัวออกมาให้หมด ...วันนี้เขาเจอเหตุการณ์ชวนอึ้งไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ หนึ่งในเรื่องชวนอึ้งมันก็มีเรื่องดีๆปะปนอยู่ไม่ใช่หรือ ?
.
.
รัตติกาล คืบคลานทั่วผืนฟ้า หมู่ดาวนับร้อยระยิบระยับแข่งกันทอแสงประกาย ร่างบางยืนพิงกับขอบระเบียงนอกชายคาของตัวบ้านอย่างโดดเดี่ยว ลมในยามค่ำคืนหอบพัดพาเอาความหนาวเย็นมาด้วยจนเจ้าตัวยืนสั่นเป็นครั้งคราว แหงนมองท้องนภาที่บัดนี้มีแต่ความมืดที่ปกคลุม จมดิ่งลงไปกับความมืดมิดนั้น
“นายน่ะ เย็นชากับฉันจังเลย ...”
เสียงทุ้มของเอ็นมะแว่วเข้ามาในโสตประสาท ภาพเหตุการณ์เมื่อกลางวันซ้อนตีกันหลายภาพ ...
“ทำไมต้องเป็นกับนาย ...ฉันไม่เข้าใจเลยซักนิด”
“ฉันหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่กล้ามองตานาย ...มันจั๊กจี้แปลกๆ”
“การกระทำของนาย คำพูดของนาย ...บางทีตอนอยู่คนเดียวฉันกลับคิดถึงนายขึ้นมาเอาดื้อๆ ...”
สึนะหัวเราะหึในลำคออย่างนึกสมเพช ให้ตายเถอะแม้กระทั่งในเวลาแบบนี้ เขายังนึกถึงเรื่องของคนๆนั้นเลย
“ตอนแรกๆ ฉันก็เป็นแบบนายนั่นล่ะ สึนะคุง”
“แต่เมื่อผ่านไปเรื่อยๆ ฉันก็เข้าใจตัวเอง ...เข้าใจทุกอย่างเลยล่ะ”
หัวใจ เต้นระรัวขึ้นมาอีกครั้ง มาจนถึงตอนนี้เขารู้สาเหตุเรื่องการวางตัวและท่าทางแปลกๆของตนแล้ว ...รู้และเข้าใจเป็นอย่างดี แม้มันจะเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดหรือออกจะดูแปลกไปบ้างก็ตามที ...
แต่ก็ปฏิเสธไม่ลงว่าการที่มีเอ็นมะอยู่ข้างกายนั้น เป็นเรื่องที่เขาต้องการมากกว่าสิ่งอื่นใด
เสียง เลื่อนประตูเปิดดังขึ้นด้านหลัง คงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเอ็นมะที่เดินออกมา ร่างสูงที่เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จเดินมาหยุดยืนข้างๆกับสึนะ กลิ่นกายหอมที่ผสมกับกลิ่นสบู่อ่อนๆของเอ็นมะลอยฟุ้งไปทั่ว
“ไม่หนาวเหรอ สึนะคุง ?” เสียงทุ้มถามคนข้างๆที่เอาแต่ยืนเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ตั้งแต่เขาเดินออกมาก็ไม่มีแม้แต่ชายตามอง
“อ ..อื้อ” ครางในลำคอตอบอีกฝ่ายไปในขณะที่ค่อยๆละสายตาจากผืนนภามามองคู่สนทนาแทน
“เหวออ !! นี่ ! เอ็นมะ !” เสี้ยวหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อทันทีที่เห็นสภาพของคนตรงหน้า
“ทำไมไม่แต่งตัวก่อนออกมาเล่า !?”
ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันก็เถอะ แต่การที่เอ็นมะนุ่งผ้าเช็ดตัวแค่ผืนเดียว เปลือยอก เดินโทงๆออกมายืนด้วยกันแบบนี้ มันเกินจะรับได้ !!!
“ฉันหนาวจังเลยสึนะคุง” ว่าแล้วยังลอยหน้าลอยตาพูดออกมาได้ ไม่ทันที่ร่างบางจะเอ่ยปากต่อว่า ก็เล่นออกมาทั้งแบบนี้เองช่วยไม่ได้ แต่ร่างสูงกลับคว้าตัวอีกฝ่ายเข้ามาสวมกอดเอาไว้แน่น
“อุ่น จัง ...” ยิ้มบางๆให้อีกฝ่ายที่สบตาไม่ติด ใบหน้าหวานก้มงุดๆด้วยความเขินอาย ...ถ้าไม่อุ่นก็แปลกแล้ว เพราะไอการกระทำแบบนี้สึนะถึงกับใจเต้นไม่เป็นส่ำ บทจะมาก็มาเฉย
เนื้อตัวของร่างสูงที่เย็นยะเยือกแทบจะทำให้ร่างเล็กในอ้อมกอดหลอมละลาย ถ้าเกิดโกคุเดระกับยามาโมโตะมาเห็นเข้านี่ คราวนี้ก็ไม่รู้แล้วว่าจะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหน
“ป...ปล่อย ก่อนน่า ฉ...ฉัน ...” พลิกตัวหลุดจากอ้อมแขนแกร่งของอีกฝ่ายในที่สุด เดินลิ่วเข้ามาในตัวบ้านซึ่งมีอีกร่างหนึ่งเดินตามมาติดๆ
“ฮ่าๆๆ กำลังเขินอยู่เหรอสึนะคุง” อีกฝ่ายพูดไล่หลังมา แต่สึนะแสร้งทำเป็นหูทวนลม
ให้ตายเถอะ จะแกล้งกันไปถึงไหน ?
ร่างบางทิ้งตัวลงนอนบนฟูกนุ่ม ตะแคงข้างหันหลังให้อีกฝ่ายที่กำลังแต่งกาย ใส่เสื้อยืดอย่างลวกๆ ในขณะที่มองท่าทีของอีกฝ่ายไปด้วย
เอ็นมะเดินไปนั่งย่อเข่าลงข้างเตียง วางคางลงบนหมอนใบที่ร่างบางหนุนอยู่ ยิ้มกว้างให้คนที่นอนนิ่งทำตาแป๋วด้วยสีหน้าเอียงอาย
“ฉัน จะนอนแล้วล่ะ” สึนะยิ้มตอบก่อนที่จะหลับตาลงช้าๆ ไม่นานนัก เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นแผ่ซ่านบนริมฝีปากของตนเมื่อร่างสูงโน้มใบหน้าลง มาแนบชิด ทำให้ตนต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
“ฝันดี ...” เสียงทุ้มกระซิบอยู่ข้างใบหู เสี้ยวหน้าคมโน้มลงมาใกล้ จมูกโด่งฝังลงบนแก้มนิ่มของสึนะ ก่อนที่จะลุกขึ้น
ร่างบางมองตามคนตรงหน้าที่กำลังลุกขึ้น สีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามมากมายของสึนะทำให้เอ็นมะอดจะระบายรอยยิ้มออกมาไม่ได้
“เดี๋ยว ฉันจะนอนเตียงโน้น จะได้ไม่เบียดกับสึนะคุงไง” ยิ้มกว้างก่อนจะเดินออกไป แต่เมื่อรู้สึกว่าแรงดึงอยู่ที่ชายเสื้อของตนทำเอาร่างสูงถึงกับหยุดชะงัก
เสี้ยวหน้าคมหันมองร่างบางที่อยู่บนเตียง มือเล็กกำชายเสื้อของตนไว้ไม่ให้ไปไหน
จะถือว่ามันคือคำเชื้อเชิญที่แสนหวานล่ะนะ ...
ร่างสูงหัวเราะในลำคอก่อนจะนั่งลงข้างๆกับร่างบางที่หลับตาพริ้มลงช้าๆ จะครั้งไหนๆสึนะคุงก็น่ารักน่าเอ็นดูในสายตาของเขาเสมอ
ขยับตัวเอาแขนแกร่งพาดไว้ที่ตัวของร่างบาง เพ่งพินิจมองใบหน้าหวายในยามที่หลับตา จะว่าไป มันคงเป็นค่ำคืนที่ดีที่สุดในชีวิต
“ฉันชอบนายนะ สึนะคุง” ยิ้มกริ่มก่อนที่ตนจะหลับไปพร้อมๆกับอีกคน
“อือ ...รู้อยู่แล้วล่ะ ...”
.
.
.
Fin …นาเร่ : )
.
.
♥ Talk
เยยยยยยยยยยยยย่ !!!!!~ จบละว้อยยย > <
ในที่สุด วันนี้ก็มาถึงเนอะ 555 (ละงจากที่ดองไปร่วมเดือน)
โอเค มันจบแล้ว มันจบแล้ว หะหะหะ ~ ตัดไปได้หนึ่งล่ะ
ขอบคุณทุกคนที่รอคอย ลอยคอ นะคะ
จะสารภาพว่าเราค่อนข้างเร่งด้วยล่ะ ถ้าอ่านแล้วมันตงิดๆก็ขออภัย //หลบรองเท้า
เรื่องหน้าขอสัญญาสาบานกับตัวเองว่าจะแต่งone shot ไม่งั้นภาระได้ท่วมหัวอีกแน่นอน T[]T
ขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุน เห็นมีแบบว่า ไปตามไลค์เพจด้วยอ่ะ ขอบคุณมว้ากกกกกกกกกกกกกกก
อะ ไหนๆก็ฝาก สำหรับคนที่ยังไม่ได้ ฮ่าๆๆ (ขายของตาล้อด)
ช่วงนี้เรากำลังบ้า ตามหาโด0027อยู่ แต่อย่างที่เข้าใจล่ะ มันมีน้อยมาก ไม่เจอเลย
(ถ้าเจอก็เจอแค่เรื่องที่มีอยู่แล้ว พอเถอะ TT')
เจอกันตอนหน้าจ้า ขอบคุณรีดเดอร์อีกครั้ง
© Tenpoints !
ความคิดเห็น