ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Devil Hi School โรงเรียนป่วนก๊วน ปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #4 : Devil Hi School โรงเรียนป่วนก๊วน ปีศาจ - คาบที่ 3 แบ่งกลุ่ม

    • อัปเดตล่าสุด 23 มิ.ย. 55



         "เป็นไงบ้างฮะลูกพี่"

          เสียงดังจากด้านหลังทำให้ผมหันไปมอง ฟรอสยืนพิงเสาสีดำต้นใหญ่ข้างๆ ปราสาทชาโดว นัยน์ตาสีรัตติกาลจ้องมาที่ผมแป๋วพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม...จะอารมณ์ดีไปไหนน่ะ

         "แถวนี้พอจะมีร้านของกินบ้างมั้ย?" ผมถามฟรอส หมอนั่นทำท่านึกแป๊ปนึงก่อนจะตอบ

         "ทางนั้นฮะ" ฟรอสชี้ไปตรงทางเดินซ้ายมือ ตรงสุดทางมีร้านขนาดใหญ่ มันมีลักษณะเหมือนบ้านแต่ที่หน้าประตูมีป้ายเขียนว่า น๊อต ฟอ เซล (Not for sell)เดวิล ฟูด 

        ...ใครตั้งชื่อฟะ?

        ผมเดินไปที่ร้านพลางกุมขมับ ตกลงร้านนี้ขายของกินจริงๆใช่มั้ยเนี่ย

        "เชิญค่ะ" ทันทีที่ผมเก้าเท้าเข้าไป น้ำเสียงหวานใสของพนักงานสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมก็ดังมาจากเค้าเตอร์ สภาพภายในร้านเหมือนร้านสะดวกซื้อทั่วไป ต่างกันตรงที่สินค้า ผนังและชั้นวางของทำจากไม้ส่งกลิ่นอับเล็กน้อย แต่มันก็ดูน่าดึงดูดดี ผมเดินหาของที่พอจะเอาเข้าปากเคี้ยวๆกลืนเพื่อไประงับกรดในกระเพาะอยู่นาน สองนานก่อนถอนหายใจ

         "เห้อ..." หาของที่น่ากินได้ในนี้ยิ่งงมเข็มในมหาสมุทรอีกแฮะ แล้วไอก้อนสีเขียวๆเหมือนหนมปังขึ้นรานี่กินได้มั้ยเนี่ย

         "จะหาอะไรคะ?" พนักงานสาวผมสีดำละเอียดยาวถึงเอวเห็นผมมาด้อมๆมองๆในร้านอยู่นาน ท่าทางคงกลัวผมเป็นขโมยหรืออะไรเทือกๆนั้นจึงถามขึ้น ผมเลยยกเจ้าก้อนสีเขียวๆที่ห่อถุงพลาสติกไว้อย่างดี ติดฉลากด้วยภาษาที่ผมอ่านไม่ออกให้พนักงานสาวคนนั้นดู

         "ไอนี่กินได้มั้ยฮะ" ผมถาม

         "อุ๊บ..." พนักงานคนนั้นยกมือขืนปิดปากเหมือนจะจาม แต่ดูก็รู้ว่ากลั้นหัวเราะอยู่

          เออ... ผมมันโง่เองที่อ่านไม่ออก ใครใช้ให้เป็นมนุษย์อยู่คนเดียวล่ะ

          "กินได้สิคะ" หลังจากพนักงานคนนั้นหัวเราะอยู่นานก็ถอนหายใจแล้วตอบ ทำให้ผมเตรียมควักเงิน จากนั้นเธอก็พูดต่อ "แต่ต้องเอาไปสับให้ละเอียดแล้วต้มในน้ำเดือด1000องศาเพื่อกรองรังสีขั้นแรก ก่อนนะคะ จากนั้น..."

          ผมรีบวางไอก้อนสีเขียวๆนั้นลงที่เดิม พลางเอามือเช็ดๆกับเสื้ออย่างขยะแขยง รังสีจะติดมือผมมั้ยเนี่ย

          "แล้วมีอะไรที่กินได้เลยมั้ยฮะ" ผมถาม จากนั้นร่างบางก็เดินมาที่ชั้นวางของ กินจะหยิบอะไรบางอย่างมาให้ผม "เหวอ"

          จะไม่ใช้เหวอได้ไงล่ะ ก็ไอนั้นมันเป็นเส้นสีขาวใสดูหยุ่นๆ ที่ดุ้กดิ้กไปมาอยู่ในถุงพลาสติก พลางอ้าปากที่มีฟันนับร้อยขู่ผมฟ่อๆเหมือนงู ... "กินได้จริงอ่ะ"

         ร่างบางพยักหน้า ส่วนผมมองเธอด้วยสายตาไม่ค่อยไว้ใจ

         "เท่าไหร่ฮะ" ผมหยิบเจ้านั่นมาวางไว้ที่เค้าเตอร์ หวังว่ามันคงไม่กินถุงพลาสติกแล้วเขมือบนิ้วผมหรอกนะ คิดแล้วสยอง

         "อุ๊บ" พนักงานสาวเส้นตื้นเอามือปิดปากกลั้นหัวเราะอีกรอบ อะไร หน้าผมตลกมากนักหรือไง "ฮ่า ฮ่า ฮ่า หน้าคุณตลกจัง"

         ในที่สุดสาวเจ้าก็หลุดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมคำพูดที่แทบจะแทงทะลุหัวใจผม โอเค หน้าผมมันตลก นึกแล้วอยากลงไปนอนร้องไห้ที่พื้น

        "30คอปเปอร์ ค่ะ" พนักงานสาวกลั้นหัวเราะหลังหัวเราอย่างเอาเป็นเอาตายก่อนจะบอกราคา ผมมองไปที่ใบหน้าใสดูมีเลือดฝาดที่กลั้นหัวเราะเอาไว้พลางส่ายหน้า...แบบนี้ อีกไม่นานร้านเจ๊งแน่นอน

         ผมยืนเหรียญทองแดงที่มีตัวเลข10อยู่ด้านบนส่วนอีกด้านเป็นรูปหัวแพะ3เหรียญให้กับพนักงานสาวก่อนจะเดินออกมา

         "ขอบคุณที่ใช้บริการค่ะ" เสียงใสจากพนักงานสาวที่ตั้งใจจะเรียกคะแนนความนิยมให้ร้าน ขอโทษเถอะ มันหมดไปตั้งแต่ตอนหล่อนหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตายแล้วล่ะ

        ผมเดินหิ้วถุงใส่ เออ... อย่าพูดถึงมันเลยดีกว่า ตอนนี้มันขยับดุ้กดิ้กไปมาอย่างสยอดสยอง ผมเดินไปที่ปราสาทชาโดว แต่ก่อนจะถึงเพียงไม่กี่เมตร น้ำเสียงกวนอวัยวะเบื้องล่างก็ดังขึ้น

         "จะรีบไปไหนจ๊ะ พ่อฮีโร่คนเก่ง" ร่างสูงเดินออกมาจากในซอกตึก พลางลูบผมที่ตัดสั้นเกรียน นัยน์ตาสีแดงมองผมราวกับนักล่ามองเหยื่อ ที่ใบหน้ามีรอยสีแดงเป็นดวงซึ่งเกิดจากแรงหมัดของผม ใช่แล้ว หมอนั่นคือรุ่นพี่ที่แกล้งเรย์เมื่อวาน "เมื่อวานทำได้แสบมากนะ"

         ผมเห็นท่าไม่ดีค่อยๆหันหลังเตรียมวิ่ง แต่ทว่าติดร่างสูงอีกสองร่างที่ดักหลังเอาไว้ ส่วนทางด้ายซ้ายและขวามีราวๆหกคน ตอนนี้ผมกำลังถูกล้อมไว้ด้วยปีศาจ9ตน ผมกลืนน้ำลายอึก...ซวยแล้วไง

         "กล้ามากนะที่มามีเรื่องกับคนของแก๊งเดวิลซันเดย์" ร่างสูงอีกร่างกระโดดลงมาจากด้านบน ใบหน้าเรียวสวยประดับไปด้วยแผลเป็นขีดยาว เส้นผมสีแดงถูกรวบขึ้นด้านบน นัยน์ตาสีทองสุกวาวจับจ้องมาที่ผม ร่างสูงค่อยๆเดินมาหาผมด้วยมาดตัวโกง ก่อนจะ... "หวา!!!"

          ตุบ!!!

         ผมมองอย่างไม่เชื่อสายตา

         "ลูกพี่!!!" สมาชิกคนหนึ่งรีบวิ่งไปอาการลูกพี่ของตัวเองที่สะดุดล้มหมดสภาพ "เป็นอะไรมั้ยครับ"

         "..." ผมช๊อค

         ร่างสูงค่อยๆลุกขึ้นนั่งท่าคุกเข่ามือสองข้างดันพื้น น้ำใสๆไหลออกจากดวงตาสีทองสุก ก่อนร่างสูงจะพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ฟารอส ฉันมันไม่ได้เรื่อง แค่จะทำเท่ซะหน่อยยังพลาดเลย ฮือออ"

        ฟารอสเอามือลูบหัวหมอนั้นพลางเอามาซบอกก่อนกล่าวเบาๆ "โอ๋...คุณโรเมอร์ ไม่เป็นอะไรนะครับ คนเรามันผิดพลาดกันได้ อยุดร้องนะครับ"

       โรเมอร์ดึงกระดาษเช็ดชู่จากในเสื้อมาซับน้ำตาก่อนพยักหน้าให้ฟารอส

        "..." ผมโครตช๊อค

         โรเมอร์จ้องมาทางผมด้วยสายตาเหมือนกับผมไปฆ่าพ่อแม่เค้าอะไรประมาญนั้น "แกต้องชดในความอัปยศที่ฉันได้รับ"

         ...ทำตัวเองไม่ใช่เหรอไงคร้าบบบบ

         สิ้นเสียง ร่างสูงผมแดงกระโจนเข้าหาผมด้วยความเร็วเหนือมนุษย์ นิ้วถูกเปลี่ยนเป็นกระเล็บหมายจะกระซวกผม ใบหน้าเรียวสวยประดับด้วยรอยยิ้มแฝงความชั่วร้าย แววตาสีทองสุกที่ยังมีคราบน้ำตาหลงเหลืออยู่มองมาที่ผมอย่างเคียดแค้น "แกตายยย"

         ผมหลับตาปี๋ ยกมือขึ้นป้องกัน

         ตูม!!!

         เสียงระเบิดดังสนั่น ผมค่อยเปิดเปลือกตาขึ้น ร่างสูงผมแดงลอยละลิ้วขึ้นฟ้า ดูเหมือนผมจะเห็นแสงระยิบระยับตอนเขาลอยด้วย

          ด้านหน้าผมเป็นหลุมลึกขนาดเส้นผ่านสองกลางสองเมตร ผมยืนอยู่ท่ามกลางสายตาตกตะลึง ซึ่งผมก็ตะลึงไม่น้อยหน้ากัน

         ตุบ!!!

         ร่างคนหัวแดงตกฟื้นเสียงดัง แต่ไม่มีคนไหนกล้าขยับตัว แต่ละคนมองผมอย่างกล้าๆกลัวๆ คงคิดว่าระเบิดนั่นเป็นฝีมือผม ล่ะนะ

         ได้การล่ะ...

         ผมชักสีหน้าที่ใครเห็นก็สยองทันที พลางกวาดตามองไปที่กลุ่มสมาชิกแก๊งทีละคน ทีละคน

         "ใครอยากโดนบ้างก็เข้ามา" ผมออกปากเชิญชวนให้คนกระทืบด้วยน้ำเสียงเอาจริง นี่ถ้ามันบ้าจี้เข้ามาจริงผมก็ตายแหง

         "แกกก..." ไอคนที่ผมต่อยหน้าเมื่อวานวิ่งเข้ามา ซวยล่ะ

         ตูม!!!

         เสียงระเบิดดังสนั่นอีกรอบ ร่างสูงหัวเกรียนลอยละลิ้วข้ามตึกไปอีกฝั่ง ตอนนี้ผมยื่นอยู่ท่ามกลางสายตาหวาดกลัว

          ผมเหยียดยิ้มเหี้ ยมที่สุดเท่าที่จะทำได้

         "อะ เอาไงดี" สมาชิกแก๊งคนหนึ่งถามอีกคน

         "ถามได้" อีกคนตอบพร้อมกับลุกวิ่งไป "ก็แผ่นสิโว้ย!!!"

         "เฮ้ย!!! รอด้วย!!!" แล้วคนถามก็วิ่งออกไปตามกัน

         "เห้อ..." ผมถอนหายใจยาว แขนขาอ่อนแรงไปหมด ผมมองหลุมใหญ่สองหลุม ไม่ผิดแน่ ฝีมือยัยนั่น

          "ลูกพี่ เจ๋งไปเลย" เสียงดังจากข้่งหลังทำเอาผมสะดุ้ง ฟรอสโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ด้านหลัง

          ...แอบดูอยู่ตลอดเลยเหรอฟะ

          "พลังนั่น ทำได้ไงเหรอฮะ" นัยน์ตาสีรัตติกาลมองมาที่ผมอย่างชื่นชม นี่ถ้าหมอนั่นเอาโล่เกียรติคุณลูกพี่ดีเด่นมาให้ผมคงไม่แปลกใจ

         "นายทำไม่ได้งั้นเหรอ" ผมถาม นึกว่านักเรียนโรงเรียนนี้จะทำแบบนี้ได้ทุกคนซะอีก

           ฟรอสส่ายหน้า "ระเบิดแรงขนาดนั้นขนาดอาจารย์ยังสร้างได้ลูกเดียวเอง แสดงว่าลูกพี่มีพลังพอๆกับอาจารย์ใหญ่แน่ๆ"

          ชัดเจน ยัยนั่นชัวร์

         แสงแดดสาดส่องผ่านกระจกบานยักษ์ที่สูงกว่าสองเมตรเป็นลำแสงสีส้มดูอบอุ่น ภายในห้องเรียนที่ดูไม่คุ้นตา ที่นั่งนักเรียนถูกจัดเป็นแถวครึ่งวงกลม โดยแถวด้านหลังสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้านึกไม่ออกก็นึกถึงสภา ตรงกลางของครึ่งวงกลมมีชายเส้นผมสีขาวยืนอยู่ ใช่แล้ว เขาคือครอส ตอนนี้เขากำลังเช็คชื่อนักเรียนอยู่

         "เลขที่สิบเอ็ด เจสสิก้า" ครอสเอ่ยเรียกชื่อ

         "คร้าาา" เสียงหวานใสดังขานรับ ผมจำได้ดี  ยัยพนักงานเส้นตื้นนั่น

         "เลขที่สิบสอง เรย์" ครอสเรียกชื่อต่อ

         "ค่ะ" นี่ก็เสียงหวานใสแต่ดูไร้อารมณ์

         "เลขที่สิบสาม ฟรอส"
     
         "ฮะ" นี่ก็คนแปลกๆ

         "เลขที่สิบสี่ โรเมอร์"

          เฮ้ย นั่นมันชื่อหัวหน้าแก๊งเดวิลซันเดย์ไม่ใช่เรอะ มองไปยังร่างที่ถูกห่อหุ่มไปด้วยผ้าพันแผลที่ขานรับพลางกลืนน้ำลาย

          "เลขที่สิบห้า เซอร์เรเน่" ครอสกล่าว ขณะที่ผมแข็งเป็นหิน

          ร่างเล็กเดินเด่นเข้าในห้อง เส้นผมสีแดงสั่นกระเพื่อมตามจังหวะก้าวของเจ้าของ นัยน์ตาทับทิมสบเข้ากับสายตาผมพร้อมเหยียดยิ้ม "มาแล้วค่ะ"

          เซอร์เรเน่เดินเข้ามานั่งใกล้ๆผมท่ามกลางสายตาของคนทั้งห้อง

          "เธอคิดจะทำอะไรกันแน่" ผมกระซิบถาม

          เซอร์เน่ขยิบตาซ้ายก่อนเอ่ย "ความลับ"

          ยัยนี่...

          "เลขที่สี่สิบ ลูเซีย" ครอสขานชื่อคนสุดท้านก่อนเด็กสาวผมสีฟ้าอ่อนจะขานรับเสียงใส จากนั้นครอสนิ่งไปสักพัก "มาครบแล้วสินะ"

          ครอสลุกขึ้นมาพลางขยับแว่นตาสีขาวให้เข้าที่ "วันนี้เราจะยังไม่เรียนกัน"

         สิ้นเสียง ทั้งห้องส่งเสียงดังโห่ร้องด้วยความดีใจหรืออะไรก็ไม่รู้

         "นี่นาย" เซอร์เรเน่หันมามองผมด้วยสายตาออดอ้อน ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกสยองแปลกๆ "ของกินฉันล่ะ"

          ให้ตาย ลืมซะสนิท ป่านนี้มันไม่กินหนังสือในกระเป๋าผมหมดแล้วเหรอ ผมรีบเปิดกระเป๋าดูพลางถอนหายใจ ไม่มีอะไรหายไป จากนั้นผมก็ยื่นไอตัวสีขาวๆเป็นเส้นๆที่ห่อถูกพลาสติกอย่างดีให้เซอร์เรเน่ ยัยนั่นรับมาแล้วฉีกถุงกินหน้าตาเฉย

         ผมจำได้ว่ามีกฎห้ามกินอาหารในห้องเรียนนะ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ที่ผมข้องใจจริงๆคือกินเข้าไปได้ยังไงน่ะ!!!

          "วันนี้ครูมีเรื่องจะพูดอยู่หนึ่งเรื่อง" ครอสเอ่ยดึงสติผมที่กำลังมองยัยผอ เขมือบไอไส้เดือนขาวๆอย่างตะลึง "พรุ่งนี้เราจะทำการแบ่งกลุ่มกัน"

           เห? แบ่งกลุ่ม
         
          "แบ่งกลุ่มอะไรเหรอฮะ" ผมถามออกไป ทันใดนั้นผมก็รู้สึกอะไรแปลกๆ คนทั้งห้องพร้อมเพรียงกันมองมาที่ผมเป็นตาเดียว โดยเฉพาะยัยเซอร์เร่เน่ที่มองมาด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ นี่ยังไม่นับรวมเจสสิก้าที่แทบจะปิดปากตัวเองไม่ไหวอยู่แล้ว

          "..."

           ผมพูดอะไรผิดเนี่ย...

           ดูเหมือนครอสจะเป็นคนแรกที่ได้สติ เขาไอกระแอมเบาๆก่อนจะกล่าว
      
          "ดูเหมือนจะมีคนยังไม่รู้เกี่ยวกับพิธีที่จัดกันเป็นประจำทุกปี" ครอสไม่ลืมเน้นคำว่าเป็นประจำทุกปีทำผมให้รู้สึกว่าตัวเองหลังเขาแปลกๆ ก็ไม่ใช่ปีศาจโดยกำเนิดนี่ฟะ

          "การแบ่งกลุ่มเป็นการแบ่งระดับของพลังปีศาจว่าอยู่ในระดับไหน โดยจะมีการแบ่งเป็นระดับต่างๆ 5 ระดับคือ S A B C และ D ใครอยากรู้อะไรเพิ่มเติมก็ไปศึกษาเอาเองที่หอสมุดล่ะกัน วันนี้แยกย้ายได้"

         ครอสกล่าวจบแล้วเดินออกจากห้องจากนั้นคนอื่นๆก็ทยอยลุกตามไป

         "เพลส" เสียงเรียกชื่อทำให้ผมหันไปมองเซอร์เรเน่ "ไปกับฉันหน่อย"

         ผมคิดแป๊บนึงก่อนพยักหน้า ยังไงก็ขัดขืนไม่ได้อยู่แล้วนิ แล้วอีกอย่าง ผมไม่มีอะไรจะทำด้วยสิ

           สายลมพัดผ่านหอบเอาเศษใบไม้สีส้มที่พื้นปลิวว่อนไปทั่ว ทางเดินปูไปด้วยหินที่เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งกาลเวลา เสียงลมพัดหวีดหวิวฟังเข้ากับเสียงปลาแหวกว่ายในลำธารลำธาร สองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านที่ทำจากอิฐสีแดงให้ความรู้สึกเหมือนผมหลุดมาในยุค กลาง

          "จะพาฉันไปไหนเนี่ย" ผมเอ่ยขึ้นหลังจากเดินตามยัยเซอร์เรเน่นั่นมาครึ่งค่อนวัน พระอาทิตย์เริ่มขยับตำแหน่งมาอยู่บนหัวทำให้รู้สึกร้อนไปหมด ตอนนี้เหงื่อของผมแทบจะใส่ปี๊ปชั่งกิโลขายได้เลยล่ะ และคงไม่ดีแน่ถ้าผมไม่รู้จุดหมายที่จะไป

         "แกรนตาลอส" ริมฝีปากบางขยับตอบ แต่คำตอบนั่นก็ไม่ช่วยอะไรผมสักนิด

         "ช่วยขยายความหน่อยได้มั้ยคร้าบ" ผมพูดพลางเดินตามอย่างเหนื่อยหอบ เล่นบอกแต่ชื่อแบบนี้ใครจะไปรู้กันเนี่ย

         "เพลส..." เซอร์เรเน่หยุดแล้วเรียกชื่อผม "ถ้าเป็นไปได้ช่วยหุบปากสักพักได้มั้ย"

         ถึงอยากจะเถียงว่าพูดเพราะไม่อยากให้เงียบจนน่าเบื่อก็เถอะ แต่ดูจากรังสีอำมหิตที่ปล่อยออกมาแล้ว...อยู่เงียบๆดีกว่าเรา

        ความเงียบเริ่มเข้าปกคลุมผมกับเซอร์เรเน่ จากที่สองข้างทางมีบ้านเรือนตอนนี้แทนที่ไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ เซอร์เรเน่เดินมาหยุดที่หน้าถ้ำแห่งหนึ่ง

         "นาย เข้าไปก่อน" เซอร์เรเน่หันมาเรียกผม


         "หา!!!" พูดเป็นเล่น ถ้ำมืดน่ากลัวขนาดนั้นต่อให้ใจแข็งแค่ไหนก็ไม่กล้าเข้าหรอกน่า ผมเลยตอบปฏิเสธไป "ไม่อ่ะ..."

         "ไม่งั้นเหรอ" เด็กสาวเหยียดยิ้มชั่วร้ายขณะที่ผมกำลังเหงื่อตก "รู้มั้ยว่าคนที่พูดคำนี้ให้ฉันได้ยินคนสุดท้ายตอนนี้อยู่ไหน"

          ผมกลืนน้ำลายอึก

          "จะเข้าไปดีๆหรืออยากให้มีคนมาพบศพนายอยู่ในป่า" น้ำเสียงชั่วร้ายถูกเอ่ยออกมาจากเซอร์เรเน่ทำให้ผมตัวสั่นไปหมด

           "ก็ได้ ฟะ!!!" ผมพูดพลางเดินเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆ แขนขาสั่นไปหมด ฝากไว้ก่อนเถอะยัยปีศาจ

           "แล้วอย่าลืมมาเอาคือนะจ๊ะ" เด็กสาวทิ้งเสียงหวานใสให้ผมก่อนจะ...

           ตึ่ง

           "เฮ้ย!!!" อยู่ดีๆทางเข้าก็ถูกปิดด้วยลูกกรงที่หล่นลงมา ทำเอาผมกระโดดหลบแทบไม่ทัน "ทำอะไรของเธอน่ะ"

          ผมหันไปพูดกับเด็กสาวที่อยู่อีกฟากของลูกกรง นัยน์ตาสีแดงเพลิงที่มองมาฉายแววสนุกสนาน แล้วผมว่าไอนัยน์ตาแบบนี้มันต้องมีเรื่องอะไรไม่ดีแน่ๆ คอนเฟริม ฟันธง!!!

          บรูวววววว

         เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ผมหยุดการกระทำทุกอย่าง คอค่อยๆเอียงไปทางต้นเสียง หัวใจเต้นแรงจนจับจังหวะไม่ทัน นั่นไง ว่าแล้วมั้ยล่ะ

         นัยน์ตาสีเหลืองทองสะท้อนแสงจ้องมาทางผมอย่างหิวกระหายพร้อมโชว์ฟันที่เรียงเด่นที่มีสภาพเหมือนไม่เคยดูแลรักษา ด้านหน้าผมเป็นหมาป่าท่าทางหิวโซ แต่นั่นทำให้ผมตกใจไม่เท่ากับขนาดตัวเท่าม้าของมัน

           ใจจริงก็อยากจะเตือนให้รักษาสุขภาพฟันอะนะ แต่สงสัยผมคงไม่ได้อยู่เตือนเป็นแน่ทีเดียวเชียวล่ะ

           แฮ่!!!

          ร่างยักษ์ของหมาป่าพันธ์อะไรไม่รู้กระโจนมาทางผมอย่างรวดเร็ว ผมถีบขาไปด้านซ้ายเพื่อหลบการจู่โจม "เหวอ"

           ฟันสีเหลืองเต็มไปด้วยแบคทีเรียเฉียดแขนเสื้อผมแหว่ง ยังไม่ทันที่ผมจะเสียดาย ร่างหมาป่าก็กระโจนเข้ามาอีกรอบ ผมก้มลงหลบอย่างฉิวเฉียด

         ฟึบ!!!

         เจ้านั่นยังไม่ละความพยายามเกาะที่กำแพงถ้ำแล้วกระโจนมาหาผมอีกรอบ ขณะที่ผมกลิ้งตัวหลบอีกรอบ มีญาติเป็นปลิงหรือไงวะ เกาะไม่ปล่อยเลยเชียว

         "อึ๊บ!!!" ผมกระโดดง้างเท้า รอจังหวะมันพุ่งมาอีกรอบ

         ฟึบ!!!

         อย่างนั้นแหละ...

         เปรี้ยง!!!

         ตรงหัวเป๊ะ ไม่เสียแรงที่ฝึกศิลปะป้องกันตัวมา ผมมองไปที่เจ้าหมาฟันเหลืองกระเด็นถอยเซไปมาก่อนจะตั้งหลัก

          "แฮ่" หมาป่าตัวนั้นส่งเสียงขู่ ผมถอยหลังมาตั้งหลัก อึดจริงเฟ้ย

          แฮ่ ๆ

          ขณะที่ผมเตรียมโจมตีอีกรอบ หมาป่าอีกสองตัวก็โผล่มาทำเอาความมั่นใจผมหดวูบ ผมมองไปยังเด็กสาวผมแดง เธอเอาไอไส้เดือนขาวๆมานั่งเคี้ยวเล่นอย่างสบายใจ

          จำไว้เลย ถ้าผมตายไปผมจะไปหลอกเธอเป็นคนแรก

          "โทษทีนะ ฉันเป็นยมทูต" เด็กสาวเอ่ยเสียงใส ที่จริงผมอยากต่อปากต่อคำกับเธออีกหน่อยถ้าไม่ติดว่าไอหมาฟันเหลืองสามตัว กำลังกระโจนมาทางผมอย่างพร้อมเพรียง

           ไม่มีเวลา ไร้ทางหนี สิ่งเดียวที่ผมคิดคือยกมือป้องกันแล้วหลับตารอรับชะตากรรม เพราะปกติพระเอกทำงั้นก็รอดทุกครั้งไป

          งับ แง่ม กร๊วม จึก

          ....โอเค ผมถอนคำพูด

            "อ๊าคคค" ผมกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนทุกอย่างจะมืดดับไป




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×