คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : SF
Love Rain
SF * TaoKacha AF8
เชื่อในพรหมลิขิตไหม?? คุณเชื่อว่าว่าเพียงแค่เดินส่วนกันนั่นก็คือพรหมลิขิตแล้ว แล้วถ้าทักแล้วรู้จักกันละ มันจะส่งต่อเป็นความรักได้หรือเปล่า? ไม่รู้หรอกว่าพรหมลิขิตจะทำให้คนรักกันหรือแค่พบกัน แต่เมื่อมาพบกันขนาดนี้ก็ขอ “รัก” หน่อยแล้วกัน
ความรักที่เกิดขึ้นเพราะพรหมลิขิต ท่ามกลางสายฝนอันชื่นฉ่ำ
เสียงกระดิ่งสีสวยที่ถูกแขวนไว้ที่ประตูทางเข้าซึ่งอยู่ถัดลงมาจากป้าย “@Love” ป้ายร้านขนาดปานกลาง ดังขึ้นมันเป็นสัญญานบอกว่ามีคนกำลังเข้ามา หน้าหล่อเงยหน้ามองผู้มาเยือน ก่อนจะยิ้มกว้าง กว้างจนทำให้อีกคนยิ้มตาม
“เต๋า ยิ้มอะไรดูดิ่ยังกับเด็กเอ๋อ” เสียงของผู้มาเยือนทักเมื่อเห็นหน้าอีกคนยิ้มแก้มแตกขนาดนั้น
“ก็ยิ้มต้อนรับคชาไง” หนุ่มหล่อพูดพลางเดินไปกอดอีกคนที่ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ มือหน้าค่อยๆสวมกอดไปทางด้านหลังอย่างแผ่วเบา
ก่อนที่ใบหน้าอันหล่อเหลาจะซุกกับต้นคอของอีกคนที่ได้แต่ยืนยิ้มกับการกระทำของบุคคลหน้าหล่อคนนี้
“ตัวหอมจังเลย ที่รักใครน๊า” คชาขำกับคำพูดน่ารักๆอ้อนๆของคนตัวโตก็อดไม่ได้ที่จะกอดตอบก่อนที่คนตัวใหญ่จะนั่งลงบนเก้าอี้ของร้านมิวายจับคนตัวเล็กในอ้อมกอดนั่งลงไปบนตักใหญ่ คนตัวเล็กค่อยๆซบลงไปบนอกกว้าง
“อ้อมกอดนี้ของคชา อกที่มีไว้ซบก็ของคชา ตักแกร่งๆก็ของคชา มือคู่นี้ที่โอบชาไว้ก็ของคชา ผู้ชายกลูต้าคนนี้ก็ของ...”
“คชา ตรงนี้มันก็เป็นของคชานะ” เต๋าบอกพลางจับมือเล็กๆไปกอบกุมที่หน้าอกข้างซ้าย “หัวใจ”
“ตรงนี้ของคชาก็มีไว้ให้เต๋านะ” คนตัวเล็กพูดก่อนจะก้มหน้าอายๆ
“แล้วจูบนี้มันก็ของคชา” คนตัวโตก้มหน้าไปประชิดหน้าคนตัวเล็กก่อนริมฝีปากจะค่อยๆบรรจงแตะลงไปบนริมฝีปากสีเชอรี่ของอีกฝ่าย คนตัวเล็กค่อยๆเผยอริมฝีปากเพื่อให้คนตัวโตลุกล้ำ ลิ้นหนาค่อยๆสอดไปในปากของคนตัวเล็ก ทั้งสองแลกลิ้นกันไปมา จูบหวานฉ่ำท่ามกลางสายฝนที่โปรยลงมาอย่างไม่ขาดสาย
ภาพความทรงจำของเราสองคนที่พบกันครั้งแรกที่มันจะตราตรึงในหัวใจมิรู้ลืม
ภาพที่เราพบกันครั้งแรกที่ผมพบกับเธอ เธอที่ทำให้ผมเข้าใจความหมายของคำว่ารัก รักที่ไม่ว่าจะเกิดที่ไหนเวลาใด กับใคร มันก็สวยงาม
ในฤดูฝนเช่นนี้ไม่แปลกที่น้ำใสๆจะหยดลงมาจากฟากฟ้าได้ทุกวัน ซึ่งอาจจะสร้างความรำคาญใจให้กับใครหลายๆคนที่เกลียดความชื้นแฉะ และการเดินทางในช่วงฝนตกที่รถติดกันจนแน่นขนัด ซึ่งวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฝนตกเหมือนทุกวัน แต่ในนั้นคงไม่ใช่หนุ่มหน้าหล่อคนนี้
“เต๋า แกคิดว่าแกจะไปรอดไหมกับกิจการร้านเครื่องดื่มแกในหน้าฝนเนี่ย” เสียงดังของเพื่อนสนิทเจ้าของชื่อเมื่อสักครู่เอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ
“ไม่รู้สิ ฉันไม่ใช่หมอดูจะไปรู้อนาคตได้ยังไงกัน” เต๋าตอบไปตามความจริงแต่ก็ยอมรับว่าแอบกวนเพื่อนรักอยู่บ้าง
“กวนได้ตลอดเลยนะ ฉันกลับดีกว่า ว่าจะอยู่เป็นเพื่อนกวนๆแบบนี้อยู่คนเดียวไปเถอะกลับไปกินข้าวเย็นกับเจมส์ดีกว่า” ต้นพูดก่อนจะหยิบกระเป๋าแบรนด์เนมราคาหลายบาทแล้วเดินฉับๆออกไป เจ้าของร้านมองเพื่อนที่เดินออกไปอีกฟากของถนนก่อนจะขับรถคันหรูออกไป หน้าหล่อหันกลับไปจัดแก้วที่ทำค้างไว้เมื่อสักครู่ แล้วต้องหันกลับมาอีกเมื่อเสียงกระดิ่งสีสวยที่เค้าติดเองเมื่อเช้าดังขึ้น
“ลืมไรวะต้น” เจ้าของร้านหน้าหล่อหันไปถามผู้มาเยือนแต่ไม่ใช่เพื่อนสนิทของเค้าอย่างที่คิดไว้
“เอ่อ...คือว่าขอผมหลบฝนแป๊บนึงนะครับ” เสียงหวานใสของอีกคนเรียกสติเจ้าของร้านให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว
“อ่อ ครับๆเชิญนั่งเลย” เต๋าผายมือไปที่เกาอี้สีขาวที่ทำจากไม้อย่างดี
“ไม่เป็นไรครับ แค่ผมมายืนก็เลอะเทอะร้านคุณไปหมดแล้ว ถ้าไปนั่งอีกมีหวังร้านคุณเลอะเทอะ น้ำท่วมร้านเพราะผมแน่ๆ” อีกฝ่าย
พูดอย่างเกรงใจด้วยท่าทีเป็นมิตร
“ไม่เป็นไรหรอกครับ กว่าฝนจะหยุดคงอีกสักพัก ถ้าผมปล่อยให้คุณยืนอยู่แบบนั้นมีหวังเมื่อยกันพอดี นั่งเถอะครับ” เจ้าของร้านยังคง
รบเร้าให้ผู้มาเยือนนั่ง ก่อนที่อีกคนจะค่อยๆย่อนตัวนั่งลงบนเกาอี้ด้วยความเกรงใจ
“ที่นี่พึ่งเปิดหรอครับ ผมผ่านมาหลายรอบไม่เคยเห็นเลย” ผู้มาเยือนพูดทำลายบรรยากาศที่เงียบสงบ
“ครับ กำลังจะเปิดพรุ่งนี้แล้วครับ” เจ้าของร้านบอกก่อนจะเดินยกแก้วสวยที่ถูกบรรจุด้วยชาร้อนๆมาให้อีกคน
“ชาจัสมินครับ กลิ่นหอมของมันจะช่วยให้คุณผ่อนคลาย แล้วก็เพิ่มความอบอุ่น ตัวคุณเปียกมากนะครับ” เจ้าของร่ายประโยคแสน
ยาวที่ไม่ค่อยจะหลุดออกมาเท่าไหร่
“ขอบคุณครับหอมมากเลย” ผู้มาเยือนค่อยๆจิบชาทีละน้อยๆเหมือนตั้งใจให้อีกคนรู้ว่าเค้าเกรงใจและค่อยซึมซับรสชาติหวานหอมแต่อบอุ่นในเวลาเดียวกัน
“คุณแต่งร้านเองหรอครับ” ผู้มาเยือนถามพลางมองไปรอบๆร้านตกแต่งด้วยสีขาวเขียวอาจจะมีสีแดงแซมเล็กๆเพื่อไม่ให้ร้านดูจืด
“ใช่ครับผมแต่งเองหมด ผมว่ามันไม่เปลืองแล้วก็ได้ตามแบบที่เราต้องการด้วย” เจ้าของร้านค่อยๆอธิบายการตกแต่งที่ละส่วนของร้านให้คนแปลกหน้าอีกคนฟัง อีกคนที่ฟังก็ฟังอย่างตั้งใจพร้อมทั้งออกปากชมไปหลายที
“น่าอิจฉาคุณจัง ผมเคยอยากเปิดร้านเบเกอรี่นะ แต่ผมไม่ค่อยมีฝีมือทางด้านนี้เลย” เสียงใสฟังดูเศร้าๆ
“ถ้าฝึกเรื่อยๆเดี๋ยวคุณก็เป็นครับ อย่าไปคิดว่าทำไม่ได้สิ ตอนแรกที่ผมจะมาเปิดร้านเพื่อนๆก็ล้อก็ถามกันเยอะว่าอย่างผมจะทำได้หรอ ผมก็พยายามพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าผมทำได้ คุณเองถ้าอยากทำอะไรก็ทำเลยอย่าไปคิดว่าทำไม่ได้” เจ้าของร้านให้กำลังใจอีกฝ่าย ก่อนที่คนแปลกหน้าจะยิ้มรับแก้มปริแล้วพยักหน้าเบาๆ
“งั้นผมขอตัวก่อนนะฝนซาแล้ว ค่าเครื่องดื่มเท่าไหร่ครับ” เจ้าของร้านส่ายหน้า ก่อนจะบอกว่า
“ไม่เป็นไรครับผมเลี้ยงคุณแล้วกัน ถือว่าเลี้ยงฉลองเปิดร้านพรุ่งนี้” คนแปลกหน้าพยักหน้าอีกครั้ง ปากบางค่อยๆระบายยิ้มให้หนุ่ม
หน้าหล่อคนนี้
“งั้นผมจะแวะมาอีกนะครับ อ่อผมชื่อ คชานะ” กว่าที่เจ้าของร้านจะแนะนำตัวเอง เจ้าของชื่อแปลกคนนี้ก็เดินลิ่วๆหายลับไปแล้ว
ไม่รู้ทำไมตั้งแต่วันนั้นเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งดังเจ้าของร้านคนนึ้จะสนใจทุกครั้ง แต่มันก็ไม่ใช่สักครั้ง ไม่ใช่คนที่อยากพบ
“พี่เต๋าผมกลับก่อนนะฝนตกลูกค้าไม่ค่อยมีนัดกับแฟนไว้ด้วย” เฟรม เด็กเสริฟต์ร้านพูดล่ำลาก่อนจะเดินออกไปท่ามกลางฝนที่โปรยปรายลงมาหลังจากไม่ตกมาถึง3วัน
“สวัสดีครับ” เสียงทักใสๆที่คุ้นหู เต๋าจำมันได้ดี หน้าหล่อหันขวับกลับมา แล้วก็เป็นไปตามที่เค้าคิด เจ้าของร่างเล็กๆหน้าหวานๆคนนั้น
“ผมนึกว่าคุณจะไม่มาที่นี่แล้วซะอีก” เจ้าของร้านถามด้วยอารมณ์ที่ไม่อาจจะคาดเดาได้
“พอดีผมต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัดพอถึงบ้านปุ๊บก็ตรงมาร้านคุณเลยนะ” เสียงใสรีบบอกไปอย่างกับกลัวว่าอีกคนจะเข้าใจผิด ทำให้เจ้าของร้านหน้าหล่ออดยิ้มไม่ได้
“ครับๆ รับทราบ คชาจะรับเครื่องดื่มอะไรดี” เจ้าของชื่อที่กำลังนั่งดูบรรยากาศรอบๆร้านเพลินๆต้องหันกลับมาด้วยความแปลกใจ
“เอ๊ะ...คุณรู้จักชื่อผม” อีกฝ่ายเอียงคอถาม
“ก็คุณบอกผมวันนั้นไง ก่อนจะเดินออกไป” เจ้าของร้านบอกด้วยอารมณ์นึกขันคนตรงหน้า บอกเองแท้ๆดันลืม
“จริงด้วย ขอโทษน๊า ผมความจำไม่ค่อยดี ว่าแต่คุณชื่ออะไร”
“เต๋าครับ” อีกคนพยักหน้าก่อนจะสำรวจใบหน้าอีกฝ่าย หน้าขาวๆ ผมที่ถูกตัดแต่กลับหยักศกรับกลับใบหน้า ริมฝีปากแดงอมชมพู
“อยากดื่มอะไรเดี๋ยวเต๋าทำให้” เจ้าของร้านเปลี่ยนสรรพนามทันที
“เอาน้ำมะนาว คชาชอบกินน้ำมะนาว” เต๋าพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปที่เคาน์เตอร์ อีกคนเดินตามไปนั่งที่เก้าอี้หมุนสายตาจับจ้องไปที่
คนตัวโตที่ทำน้ำมะนาวอย่างชำนาญ ใช้เวลาเพียงไม่นานน้ำมะนาวก็มาอยู่ตรงหน้า
“อร่อยจัง” คนตัวเล็กเอ่ยปากชมหลังจากดูดไปเกือบครึ่งแก้ว ทำให้คนทำยิ้มรับอย่างพอใจ
“เต๋าวันหลังเต๋าสอนเราทำบ้างนะ เราอยากทำน้ำมะนาวเป็น เราชอบกิน” เต๋ามองอีกฝ่ายก่อนจะพยักหน้ารับรู้
หลังจากวันนั้นทุกวันพนักงานจะเห็นเจ้านายหน้าหล่อกับผู้ชายตัวเล็กหน้าหวานมาเรียนทำน้ำ ลองสูตรขนมทุกวันก็อดที่จะยิ้มกลับภาพตรงหน้าไม่ได้
“ต้องใส่น้ำตาลไปแค่นี้ แป้งแค่นี้” คนตัวโตตวงส่วนผสมให้คนตัวเล็กดู ก่อนจะใช้เครื่องปั่นให้เข้ากัน แล้วนำมาทำเป็นคัพเค้กหลาก
สีสัน
“กินอันนี้สิ สีชมพูๆอันนี้อ่ะ” เต๋ายื่นไปให้คชาที่มองดูเต๋าอยู่ มือเล็กๆเอื้อมมารับก่อนจะค่อยๆกินมันแต่กินไปสักพักก็ต้องหยุดกินเมื่อเจอสิ่งแปลกปลอมในคัพเค้กสีชมพูชิ้นนี้ มือเล็กแหวกดูนิดๆก็พบแหวนเงินมีลายเล็กๆน่ารักๆอยู่ข้างใน
“เต๋านี่มัน....” คชาชูแหวนให้ดู เจ้าของร้านหน้าหล่อยิ้มแป้นก่อนจะเอ่ยประโยคที่เค้าอยากพูดมานานแสนนาน
“เต๋ารักคชานะครับ แต่งงานกันนะ” เจ้าของร้านพูดก่อนที่คนตัวเล็กจะโถมกอดเข้ามา เสียงสะอื้นที่กลั้นไม่อยู่ทำให้อีกคนแปลกใจ
“คชายังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องร้องไห้นะ” เต๋าพยายามกอดปลอบแต่คชากลับส่ายหน้าไปมาในอ้อมกอด
“ไม่ใช่ไม่อยากแต่ง มันดีใจต่างหากเล่าตาเต๋าเอ๋อ” เสียงกระชิบเล็กๆข้างหูทำให้อีกคนยิ้มเอ๋อๆออกมาจริงๆก่อนจะก้มลงหอมแก้มนวลขาวไปสองฟอด แล้วค่อยๆใส่แหวน
“เต๋ารักคชา เต๋ารักคชามาก คชาคือสายฝนที่ชื่นฉ่ำและสดชื่นที่สุดของเต๋านะ” คชาโอบกอดคนรักแม้อยากจะกลั้นน้ำตาสักเพียงใดแต่เมื่อนึกสิ่งที่คนตรงหน้าพูดก็อดร้องไม่ได้
“คชาก็รักเต๋านะ รักมาก มากที่สุดเลย”
ผมอดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงวันแรกที่เรารู้จักกัน จนมาถึงตอนนี้เรานอนอยู่ข้างกัน ตื่นมาเจอกันทุกวัน แค่นี้ในชีวิตผู้ชายคนนี้จะไม่ร้องขออะไรอีกแล้วในชีวิต ขอให้คนตัวเล็กอยู่กับผมตลอดไปก็พอ
“คชาเต๋าไม่แล้ว” เสียงเต๋าแหบพร่า
“เต๋าเป็นไร”
“เต๋า เต๋าอยากชาอ่ะ” พูดแค่นั้นก็..................... (ไปจิ้น ไปฟินกันเองนะค๊า) ^^/
..... โปรดติดตาม SF ได้ในครั้งต่อไปนะคะ ..................
♥ T A L K
สวัสดีค่ะทุกๆคน โอ้ยยย กว่าจะลง SF เรื่องนี้คอมดับไปสองรอบ
รอบแรกโหลดเอมใหม่มันเลยหาย รอบสองยืดขาไปเตะปลั๊ก มีของจริงๆด้วยสองคนนี้
ยังไงก็ติชม แล้วก็สนุกกับการอ่านนะคะ พบได้ใน Sme day ตอนที่ 4 อย่าเพิ่งทื้งกันน๊า
ขอบคุณสำหรับกำลังใจและเม้นทุกเม้นค่ะ (:
มาเป็นเพื่อนไรเตอร์ได้ที่ทวิตเตอร์
thank's theem
ความคิดเห็น