ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Garden of roses :: - -2- -
__2__
รถมาสีนิลกาฬที่ขับเคลื่อนผ่านความมืดและความหนาวเหน็บของรัตติกาล เข้าสู่บริเวณของคฤหาสน์ตระกูลขุนนางชั้นสูงแสงไหจากคบเพลิงส่องกระทบกับรถม้าสีนิล เมื่อรถม้านั้นหยุดนิ่งลงปลายเท้าเรียวสวยที่สวมรองเท้าชั้นดีก้าวลงจากรถม้าคันงามที่จอดไว้เบื้องหน้าคฤหาสน์ ปลายเท้าอีกข้างก้าวลงมาพร้อมกับร่างของหญิงสาวที่ปิดบังใบหน้าด้วยผ้าบางๆสีขาว เข้ากับชุดกระโปรงยาวลากพื้นผันด้วยผ้าไหมยาว ประดับด้วยดอกกุหลาบสีขาวตามผ้า
หญิงสาวนึกถึงภาพของคู่หนุ่มสาวที่กำลังเต้นรำกัน อย่างสนุกสนานตามจังหวะของวงบรรเลงเพลงที่ดังล่วงเลยออกมาจากภายนอกคฤหาสน์ครั้นเธอล่วงเลยเข้าสู่คฤหาสน์ข้างใน สายตานับร้อยคู่จับจ้องหญิงสาวเพียงคนเดียว เส้นผมสีทองแดงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและดวงตาสีดำแสนลึกลับนั้นสร้างความตกตกตลึงแก่ผู้คนภายในงานไม่น้อย ทุกสายตาทุกคู่มองหญิงสาวอย่างยอบรับในความงดงามต่างก็นิ่งเงียบไปชั่วขณะและเริ่มส่งเสียงฮือฮาออกมา
“ขออนุญาตเต้นรำ กับกระหม่อมสักเพลงนะพะย่ะคะ” เสียงของชายหนุ่มเรียกเธอขึ้น เฮเลน หันไปมองยังชายหนุ่มผู้เอ่ยนามของเธอ ยามหญิงสาวหันไปมองยังผู้ที่ชักชวนเธอ หน้ากากของคู่เต้นรำที่เผยให้เห็น เพียงเส้นผมสีนิลที่ยาวประบ่า ดวงตาที่ลึกลับและปริศนาที่หวังจะทำให้คู่เต้นรำสนุกสนานไปกับงานรื่นรมย์ หญิงสาวเจ้าของดวงตาสีนิลก่อนที่เธอจะคลียิ้มบางๆ เธอประทับหัตถ์บาง ลงบนฝ่ามือของชายเบื้องหน้า และจากนั้นจึงออกจังหวะตามไปตามเสียงเพลงที่บรรเลงเพลงใหม่ขึ้น
ยามที่จังหวะเปลี่ยนไปพร้อมกับร่างหญิงสาว และ ร่างของชายหนุ่มที่ยกมือขึ้นสูงเพื่อให้สาวเจ้าหมุนร่างจากนั้นจึงหมุนออกยามเสียงดนตรีใกล้จะหมดลง เฮเลน ทรงตัวล้มลงภายในอ้อมแขนของชายหนุ่มอย่าเบาตัว ผู้ที่รับร่างของหญิงสาวยิ้มกริ่มผายมือให้กับเธอออก เฮเลนค่อยๆคลายตัวออกจากร่างของชายหนุ่มผู้ที่เป็นคู่เต้นรำในคืนนี้ของเธอ
“ข้าต้องขอชื่นชมในความสามารถของท่าน” เฮเลนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเมื่อวางตัวอยู่ในหมู่ของชนชั้นสูงซึ่งแตกต่างกับเธอเมื่อยามอยู่วังหลวงราวคนละคน ที่นั้นเธอคือเจ้าหญิงเลเรียที่มีหน้าที่หลักคือการเป็นเด็กสาววัยที่เริ่มจะต้องดูแลตัวเอง และ พี่สาวทีดีต่อน้อง แต่สำหรับในงานต่างๆ เธอคือ
‘ เจ้าหญิง เฮเลนไนล์ เฟลล็อค แห่งราชวงศ์ เรวาเลีย ’
“หวังว่ากระหม่อมคงได้เต้นรำกับพระองค์อีก” ชายหนุ่มเอ่ยตอบทันที ที่เจ้าหญิงหันหลังกลับ
”เช่นกัน” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจเพียงเล็กน้อย และรู้สึกสงสัยในคำพูดของชายหนุ่มไม่มีใครกล้าพูดคำอย่างมีความหวังต่อเชื่อพระวงศ์สิ่งนั้นเป็นกฎต้องห้าม นั้นทำให้เฮเลน ฉุกคิดขึ้นเธอหันหลังหลับไปมองที่ๆชายหนุ่มอยู่อีกครั้ง ‘ว่างเปล่า’ เขาหายไป เขาหายไปได้อย่างไรกันรวดเร็วราวกับสายลม
“เจ้าเป็นใครกันนะ” เธอรำพึงกับตัวเองเขาคือใครกัน ดวงตาปริศนาคู่นั้นและคำพูดที่แฝงนัย และต้องการจะบอกอะไรกับเธอกันแน่
หญิงสาวตัดสินใจเลิกคิดเรื่องราวที่มีแต่ปมปัญหา เธอเดินไปทั่วงานเพื่อหวังจะตามหาใครสักคนที่เธอกำลังรอคอยอยู่ เฮเลน เงยหน้าขึ้นจากชั้นล่าง เพ่งสายไปที่ชั้นสองของคฤหาสน์ ผู้ที่เธอหาอยู่กำลังพิงตัวเองกับขอบบันไดให้เธอเห็นเป็นลางๆ เฮเลนคลียิ้ม ในที่สุดเธอก็พบคนในงานที่พอจะคุยได้สักที ตอนแรกคิดจะตัดใจไปนั่งคุยกับบรรดาน้องสาวแต่เมื่อเห็นเป็นดังนี้ก็ไม่ต้องเดินลากขาไปหาน้องสาวทั้งหลายเสียแล้วเฮเลนตัดสินใจเดินขึ้นบันไดไปหาคนที่เป็นเป้าหมายทันที
บุตรีของเจ้าของงานแสดงสีหน้าบึ้งตึงเมื่อพบว่าเธอยังไม่สามารถไปจากงานนี้ได้และ ยังต้องสวมชุดผ้าไหมเนื้อดีสีดำยาวจรดลากพื้นเปิดไหล่ เครื่องประดับที่เต็มไปด้วยเพชรสีใสส่องประกายแวววาวถูกแต่งแต้มบนร่างกายของหญิงสาวที่ปกติไม่แต่งเนื้อแต่งตัว เอน่ายืนพึงร่างกับขอบบันได และดื่มด่ำกับหวานละมุนละไมรสไวน์ในมือ ร่างของอรชรเจ้าหญิงแห่ง เรวาเลีย ย่างเข้ามาหาเธอ ดวงตาคู่สวยมองผ่านผ้าบางเบนสายตามาให้กับเธอ ยามที่ดวงตาคู่สวยนั้นมองไปที่หญิงสาวราวกับจะประกาศความงานอันเป็นที่สุดของในบรรดาอิสตรีชั้นสูงที่ความงดงามหาใครที่จะเทียบเทียมได้
‘แค่เพียงนาง สามารถเอื้อเอ่ยกับตนได้เพียงคำเดียวก็คือความโชคดีของตนเหนือใคร…’
เสียงหนึ่งของอิสตรีดังก้องขึ้นในโสตประสาทของเอน่า เป็นคำพูดมาจากปากของแม่นมของเธอที่มักจะเล่าเรื่องเล่าของชาวบ้าน ที่ว่ากันต่อๆมาว่าใครก็ตามที่สามารถเห็นพระพักตร์ขององค์หญิงแล้วพระองค์จ้องตอบนั้นคือคนที่โชคดีที่สุดแล้ว เธอคงจะสันนิษฐานได้ว่าราชินีสมัยก่อนคงจะมีนิสัยที่ค่อนข้างจะหยิ่งทระนง ถึงทำให้เหล่าชาวบ้านคิดเช่นนี้ได้แต่ถ้าหากเป็นไปตามคำพูดจริงละก็ เธอคงโชคดีมากๆ ที่ได้ฟังสุรเสียงขององค์หญิง และผู้เป็นเจ้าหญิงยังเสด็จมาหาด้วยตัวของพระองค์เองคงจะโชคดีเสียจริงๆ
“เอน่า เจ้างดงามมากเลยรู้ไหม” เฮเลน เอ่ยเธอคลียิ้มอ่อนหวานบนใบหน้าเช่นเคย
“เป็น พระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งเพคะองค์หญิง พระองค์ก็ทรงมีพระสิริโฉมงดงามมากเพคะ”
“ว่าแต่เจ้ารู้จักชายหนุ่มที่เต้นรำกับข้าเมื่อครู่นี้มั้ย เค้าดูไม่เหมือนคนอาณาจักรเราเอาเสียเลย”
เธอคงจะไม่ใช่คนที่โชคดีที่สุดในโลกซะแล้ว เพราะว่ามีคนชิงเต้นรำกับ องค์หญิงไปก่อนแถมยังไม่ใช่คนอาณาจักร เรวาเลียเสียอีก เขาช่างเป็นคนที่โชคดีที่สุดเสียจริงๆ
เฮเลนก้มหน้านิ่งเธอปรายตามองยังชายวัยกลางคนในชุดสีดำที่เดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับช่อดอกไม้
ดอกกุหลาบสีขาวที่ ถูกจัดช่อไว้อย่างสวยหรูถูกมอบให้กับหญิงสาวกลิ่นหอมของมันทำให้ เอน่า ระบายยิ้ม
อย่างลืมตัวเธอ หากแต่ผู้ที่ได้รับดอกไม้นั้นกลับนิ่งงัน เมื่อเธอพิจารณากลีบดอกไม้ที่สลักด้วยอักขระประหลาดๆ
เธอพยายามจะแกะลายมือ ของผู้ที่เขียนให้ออก
‘งูพิษกำลังจะฉกพังพอน
มันจะกินหนูตะเภาเพื่อล่อเหยื่อ
และก็พ้นพิษใส่พังพอน
เจ้างูเหลือมจงปกป้องหนูตะเภา
แล้วสายหมอกจะนำพาเจ้าไป
แต่เจ้างูเหลือม จะต้อง
รัดเจ้างูพิษให้ตาย และ กินเจ้าพังพอนเสีย
แต่ห้ามทำร้ายหนูตะเภา’
เฮเลนงงในศัพท์ทีเขียนไว้ เรื่องของสัตว์สี่ตัวคล้ายกับรหัสอะไรอย่างหากแต่เธอคงไม่ได้ทำอะไรกับมันอยู่แล้ว
เธอตัดสินใจมอบให้เอน่าต่ออีกทอดหนึ่ง
“เอานี้ไปทีเอน่าวันนี้ข้าไม่อยากได้อะไรกลับไปวังหลวงเพิ่ม”
“ขอบพระทัยเพคะองค์หญิง”
เอน่าโค้งตัวลงรับ ช่อดอกกุหลาบสีขาวที่คนตรงหน้ามอบให้ “รับดอกกุหลาบนี้แล้ว” องค์หญิงเฮเลนก้มหน้างุดสร้างความรู้สึกแปลกใจให้กับเธอ เอน่าพยายามจะแสดงท่าทีเข้าช่วยหากแต่ ผู้เป็นเจ้าหญิงกลับชิงตัดบทพูดเสียก่อนที่เธอจะได้ทันทำอะไรลงไป
“เต้นรำกับข้าสักเพลงได้หรือไม่”
เอ น่าสะดุ้งเฮือกเธอเผลอทำแก้วไวน์เปรอะเปื้อนกับเสื้อ เธอตัดสินใจวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะไม้ ดวงตาเบนสบพระเนตรของเจ้าหญิงนิ่ง ในใจนั้นไม่ได้คิดมากอะไรเรื่องการเต้นรำนักหรอก แต่เธอกำลังสับสนว่า เจ้าหญิงผู้แสนจะสูงศักดิ์คนนี้นั้นกำลังคิดแผนการที่แสนจะแยบยลและชวนอลหม่านอะไรกันแน่
“นี้พูดจริงหรือเพคะ”
“ใช่..ข้าก็อยากจะเต้นรำกับสตรีเช่นเดียวกันด้วยกันสักครั้งแล้วข้าก็เลือกเจ้า”
“กระหม่อมคงไม่สามารถ ปฏิเสธได้หากสิ่งนั้นคือความต้องการขององค์หญิง”
“นั้นคือสิ่งที่ข้าปรารถนา”
เธอกล่าวพร้อมทั้งยิ้มกริ่มสิ่งที่ เจ้าหญิงเฮเลนไนล์ รักที่สุดในการเป็นเจ้าหญิงนี้ก็คือการที่ทุกคนจะต้องทำตามความต้องการของเธอ เอน่า ยิ้มรับกลับเธอได้แต่เพียงทำตัวไปตามน้ำเท่านั้นในใจก็นึกอยากจะขอโทษคนตรงหน้าเพราะว่ารู้ตัวว่าแผนการของตนเองนั้นได้กำลังจะสร้างความแปดเปื้อนเหตุนี้แล้วการที่เธอถูกเจ้าหญิงไว้วางใจจึงเป็นกาทรยศเจ้าหญิง และสร้างความอัปยศให้กับราชวงศ์ต่อให้เป็นเช่นนั้น...
เพลง บรรเลงจังหวะช้าที่ขึ้นต้นด้วยเครื่องสีบรรเลงขึ้น เอน่า พยุงร่างของ เฮเลนไปบริเวณชั้นล่างของคฤหาสน์ที่ตอนนี้เพลงใหม่กำลังจะเริ่มขึ้นเรียบร้อยแล้ว เฮเลน หลับตามพริ้มและคลียิ้มกว้างอย่างมีความสุขเมื่อได้ทำการเต้นรำกับเธอ ร่างของเอน่า และหมุนไปตามจังหวะเพลงที่กำลังบรรเลงช้าๆคลอไปกับเสียงเพลง
ที่มาจากเครื่องสีเป็นหลักสลับกับเสียงเพลงจะเครื่องดีดขับกล่อมในงานเต้นรำ
...ต่อให้เป็นเช่นนั้นถึงแม้ว่าราชวงศ์จะมีประวัติศาสตร์ที่สกปรก แต่ว่าเธอคนตรงหน้าคนนี้ เฮเลนไนล์บุตรีที่แท้จริงขององค์ราชันย์ เธอคนนี้ต่างหากเล่าที่จะมีความสุขที่สุด เพราะเธอคือว่าที่องค์ราชินี แห่งราชอาณาจักร เรวาเลีย และยิ่งไปกว่านั้นจะเป็นการกำจัดบุคคลที่ทำให้แม่ของเธอต้องตรอมใจตาย ถึงแม้ว่าจะต้องแลกกับชีวิตของใครสักสองคน ชีวิตของคนเพียงสองคนแลกเพื่อคนอีกกว่านับแสนชีวิตแค่สองชีวิตของสองผู้บริสุทธิ์เพื่อเป็นส่วนผสมของความสำเร็จมันถือว่าการกระทำเช่นนี้ ได้เปรียบเสียด้วยซ้ำ
*****
พระราชวังหลวง แห่ง ราชอาณาจักร เรวาเลีย
หอคอยสูงตระหง่าน หลายหอตั้งโดดเด่นอยู่เหนือพระราชวังหลวงคล้ายกับว่าเป็นเมืองลอยฟ้าก็ไม่ปานฟ้าฝนที่ราวกับเป็นใจมืดครึ้ม และเสียงของฟ้าผ่าดังแว่วมาสักระยะบ่งบอกถึงสภาพภูมิอากาศของบริเวณวังหลังแห่งนี้ได้เป็นอย่างดีทีเดียว แสงจันทร์นวลผ่องที่ถูกเมฆาปิดบังสร้างความมืดมนกับบรรญากาศชวนขนหัวลุกคล้ายกับราชวังร้าง
ท่ามกลางบรรยากาศไม่เป็นใจต่อสิ่งใดทั้งสิ้นนั้นเงาทมิฬของชายหนุ่มกระโดดไปตามหลังคาสูงของวังหลวงอย่างเชี่ยวชาญ ริมฝีปากเม้มแน่นพร้อมกับเหงื่อที่ผุดตามหน้าผากที่ เปียกแฉะ ความชื้นในความมืดครอบคลุ่มไปทุกทั่วอาณาเขตวังหลวง ปลายเท้าที่ยังคงวิ่งอย่างรวดเร็วหากเสียจังหวะก็จะต้องตายการมี่จะต้องทำสิ่งนี้เป็นเรื่องที่กดดันในตัวของชายหนุ่มไม่น้อย ดวงตาสีเปลือกส้มสอดส่ายไปในความมืดมิด ในใจนั้นครุ่นคิดถึงแผนการต่อไปว่าควรจะทำเช่นไรดี
หากคืนนี้บรรดาเชื้อพระวงศ์ได้ร่วมงานเต้นรำหมดเว้นเสียแต่องค์ราชันย์ อิลเดลเซอร์ ที่ยังประทับอยู่ ณ ที่นี้กับองค์ราชินีองค์รอง ที่ทำการเลื่อนขั้นมาหลังจากการจากไปขององค์ราชินีองค์ก่อนละก็ การคุ้มกันคงไม้คุมเข้มมากนักเพราะว่าองค์ราชินีองค์ก่อนเป็นหลานสาวห่างๆของหัวหน้าผู้รักษาการพระองค์ซึ่งองค์ราชันย์ไม่เคยรู้มาก่อนเหตุนี้เองจึงทำให้การรักษาการหลวมขึ้นและง่ายดายขึ้นต่อการแอบลอบเข้าวัง
“เอน่า...ข้าทำเพื่อเจ้า มาขนาดไหนกันนะเมื่อไหร่เจ้าจะรับปากข้าเสียที”
ชาย หนุ่มรำพึงกับตัวเอง มือนั้นกระฉับผ้าผันคอให้แน่นขึ้น ผู้มาเยือนในยามราตรีก้าวกระโดดไปตามหน้าต่างตามราชวัง แต่ละห้องไร้ซึ่งวี่แววของผู้คนเว้นเสียแต่ว่ามีเพียงห้องเดียวเท่านั้นทาง ทิศตะวันตกของวังที่ควรจะเป็นตึกร้างหากแต่กลับมีแสงไฟสว่างวาบอยู่
“เจอแล้ว” เขายิ้มอย่างพึงพอใจก่อน ที่จะพาร่างไต่ไปตามกำแพงอิฐราวกับใช้วิชาตัวเบา
ชายหนุ่มผลักกระจก ออกด้วยแรงลมที่ตีเข้ามาบางส่วนร่างของเขาเซล้มลงไปอย่างไม่ทันตั้งตัวกับพื้นไม้แข็งๆของห้อง เขารีบพยายามยันร่างลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและเพื่อไม่ให้เป็นการเสียจังหวะหากแต่เขากลับพลาดไป
ทันทีที่เขาอยู่ในสภาพหมอบลงพร้อมกับ ความรู้สึกที่มือของเขาถูกรวบติดไว้กับเสาเตียงนอนเสียแล้ว
ผู้ที่อยู่ในห้องเผยตัวออกจากความมืด
ทันทีที่เขาเห็นหน้าของผู้ที่มัดแทบไม่เชื่อสายตาว่าเป็นสตรีที่มีใบหน้าที่นิ่งเรียบ
”ข้าเกลียดผู้ชาย”
“เจ้าเป็นใคร.
เสียงต่ำคล้ายการขู่ตามมาพร้อมกับความรู้สึกของ ปลายดาบเพรียวที่กำลังจ้องจะแทงทะลุ
ขมับของเขา เท้าเปลือยเปล่าเหยียบเพื่อไม่ให้ผู้ที่บุกเข้ามาหนีไปไหน ชายหนุ่มแหงนหน้ามองขึ้น
กลับต้องพบกับนัยน์ตาสีมรกตคมเฉียบ จ้องเขาราวกับจะกำลังแทงร่างให้เป็นพรุน
“ข้าจะไม่ถามชื่อเจ้า คนน่ารังเกียจคนไหนส่งเจ้ามาเล่าเหตุการณ์มาหรืออยากให้ข้าพาเจ้าไปเยือนโรงประหาร”
เลเรียว่าก่อนที่มองร่างของชายหนุ่มราวจะฉีกเนื้อเป็นชิ้นๆ
“ข้าบอกเจ้าไม่ได้”
“ทำไมเล่าทำไมถึงบอกไม่ได้”
“เจ้าไม่เคยมีชื่ออยู่บนโลกนี้เจ้าไม่เข้าใจมนุษย์หรอก”
“งั้นหรือ”
เลเรียพูดพลางก้มมองมือของเธอ หญิงสาวชูมือขึ้นจากนั้นถอดถุงมืออก ดวงตาจ้องมองคนตรงหน้านิ่งพลัน แสงประกายสีม่วงนั้นประกายขึ้น สร้อยคอสีม่วงที่ส่องแสงเรืองรองยามอยู่ต่อหน้ามนุษย์ที่กำลังมีจิตใจที่กำลังอ่อนแอ “ถึงข้าจะไม่เข้าใจในมนุษย์ที่พวกเจ้าว่าข้าก็มีมนุษย์ในแบบของข้า ข้ากลัวความตายทั้งๆที่อีกไม่นานข้าจะต้องตายแท้ๆ” เลเรียกล่าวเธอพูดพลางกำสร้อยคอแน่นก่อนจะกัดฝันกรอด และ ร่างกายที่สั่นเทาเธอไม่มีทางเลือกนี้อีกแล้ว เธอจะไม่ยอมตายง่ายๆ และก็จะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อความลุ่มหลงเป็นอันขาด
ความคิดเห็น