คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : -- chapter 2 --
เลื่อนลงไปอ่านตอนนี้ด่วนๆเลยนะคะ อยู่ด้านล่าง!!
| ||||
| ||||
Name : ll-»✿nnaamm✿ll< My.iD > [ IP : 124.122.203.58 ] |
| ||||
| ||||
Name : --oson--< My.iD > [ IP : 124.121.17.101 ] |
| ||||
| ||||
Name : Ohm-Toon [ IP : 118.172.216.204 ] |
| ||||
| ||||
Name : kororo03 [ IP : 124.120.173.96 ] |
| ||||
| ||||
Name : คนบ้า** [ IP : 202.143.147.122 ] |
| ||||
| ||||
Name : PUPPLE< My.iD > [ IP : 114.128.78.249 ] |
| ||||
| ||||
Name : piggy-oun< My.iD > [ IP : 124.120.41.194 ] |
| ||||
| ||||
Name : ryeohyuk< My.iD > [ IP : 61.19.149.37 ] |
| ||||
| ||||
Name : ryeohyuk< My.iD > [ IP : 61.19.149.37 ] |
| ||||
| ||||
Name : kyo* [ IP : 58.9.164.207 ] |
| ||||
| ||||
Name : sGIFTHYUK' [ IP : 124.121.66.61 ] |
| ||||
| ||||
Name : sGIFTHYUK' [ IP : 124.121.66.61 ] |
| ||||
| ||||
Name : Aim>คิบอม<Hyuk [ IP : 125.25.85.95 ] |
| ||||
| ||||
Name : ~<<คาโกะเมะจัง>>~< My.iD > [ IP : 112.143.29.19 ] |
| ||||
| ||||
Name : katomnam< My.iD > [ IP : 58.9.42.247 ] |
| ||||
| ||||
Name : --oson--< My.iD > [ IP : 124.121.25.206 ] |
2
ในห้องนอนสี่เหลี่ยมแคบๆ ร่างผอมบางที่ซุกอยู่ในผ้าห่มสีเบจที่คลุมจนถึงลำคอ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบาก คราบน้ำตายังคงเกรอะกรังอยู่บริเวณหางตา และเมื่อนิ้วเรียวค่อยๆ ลูบไล้ร่องรอยความเจ็บปวดเหล่านั้นออกจากใบหน้า มันก็ยิ่งตอกย้ำเหตุการณ์เมื่อคืนให้ตราตรึงอยู่ในจิตใจของเขา
“...อือ...”
เสียงครางฮือในลำคอเปล่งเบาๆ ออกมาอย่างประชดชีวิต ก่อนจะหยิบกระจกที่วางข้างหัวเตียงขึ้นมาส่อง ใบหน้าซูบโทรมอย่างนี้ก็อย่าได้หวังเลยว่าคิบอมจะหันมาเหลียวแลคนอย่างอี ฮยอกแจ ในเมื่อคนน่ารักที่ชื่อซองมินมีเพรียบพร้อมทุกอย่างแล้ว ตัวเองจะเอาอะไรไปเทียบเขาได้
“ทำไมหน้าตาของฉันถึงได้ทุเรศอย่างนี้นะ”
ฮยอกแจสบถกับตัวเองก่อนจะหันไปมองรอบๆ ห้อง และก็ต้องตกใจเมื่อชายหนุ่มสองคนที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการไม่ต่างกับฝาแฝดกำลังนอนกกกอดกันอยู่ในห้องนอนของเขา และเมื่อสมองที่เก็บความทรงจำระยะสั้นเริ่มประมวลผลขึ้น มือบางก็ยกขึ้นมาปิดปากแทบไม่ทัน
“นี่มันไม่ใช่ความฝันหรอกเหรอ”
“อึนฮยอก ฉันอยากกินรามมยอนฝีมือของนายจังเลย ไปทำให้หน่อยนะ”
คิมมีแรเอ่ยบอกกับเขา ก่อนจะพยายามยกศีรษะขึ้นมาจากหมอนใบใหญ่ หากแต่ก็หมดความอดทนแล้วทิ้งศีรษะลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลกตามเดิม ก่อนจะใช้เท้าข้างซ้ายที่วางหดอยู่ใกล้ๆ กับสะโพกของคิมกวาโกออกแรงถีบจนคิมกวาโกสะดุ้งตื่น
“ไอ้ชิงหมาเกิดคิมมีแร เจ้าบังอาจใช้ส่วนต่ำต้อยของเจ้ากับก้นของข้ารึ”
“ส่วนต่ำต้อยที่ไหนกัน ถ้านายไม่มีเท้าอันเนียนนุ่มน่าสัมผัสของฉันปลุกให้นายตื่น นายอาจจะกลับไปสู่อดีตแล้วก็ได้”
“เจ้านี่มันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียจริง”
คิมกวาโกผุดลุกขึ้นนั่งด้วยความโมโห และเพื่อไม่ให้รู้สึกว่าอีกฝ่ายเหนือกว่าตัวเอง คิมมีแรก็ลุกนั่งตามขึ้นมาเช่นเดียวกัน ทั้งสองทำท่าจะโต้เถียงกันต่อ หากแต่เมื่อหันมามองเจ้าของบ้านที่กำลังนั่งเหม่อลอยออกไปทางนอกหน้าต่างแล้ว ทั้งสองคิมก็ถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกสงสารทันที
“อึนจา เจ้าทำหน้าราวกับแบกโลกไว้ทั้งใบเช่นนั้น ข้าไม่สบายใจเลย”
“หืม เอ่อ...ขอโทษนะ พ...พวกนายสองคนคงหิวแล้วล่ะสิ เดี๋ยวฉันจะรีบไปทำอาหารเช้ามาให้ก็แล้วกัน”
พูดจบก็เดินออกจากห้องนอนไปทันที คิมมีแรและคิมกวาโกทำท่ายึกยักใส่กันอย่างไม่ยอมแพ้ ทั้งคู่ต่างก็ต่อว่าคิม คิบอมคนปัจจุบันที่กล้ามาทำให้ฮยอกแจของพวกเขาต้องเสียใจ แต่ไม่ว่าจะด่าทอเช่นไร ก็เหมือนกับเป็นการกล่าวโทษตัวเอง เพราะคิม คิบอมคนนั้นก็เป็นคนๆ เดียวกับพวกเขาทั้งสองคน เพียงแต่อยู่ต่างห้วงเวลากันเท่านั้นเอง
“...ฮึก...วันเสาร์ที่แล้วฉันยังทำรามมยอนให้นายกินอยู่เลยคิบอม...”
ฮยอกแจนั่งบนพื้นครัวที่แสนจะเย็นเฉียบเพื่อรอให้น้ำเดือด มือข้างซ้ายถือตะเกียบแกว่งเล่นไปมา แต่ในใจของคนตัวเล็กกลับนึกถึงแต่ภาพที่คิบอมมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย พร้อมกับเดินเคียงคู่ซองมินออกไปไกลจากตัวเขาเรื่อยๆ
“บางทีเรื่องทั้งหมดอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้”
ใบหน้าที่ไร้ซึ่งเลือดฝาดพยายามยิ้มแค่นให้กับตัวเองด้วยความสมเพช ก่อนจะยืนขึ้นแล้วใส่เส้นรามมยอนลงในน้ำที่กำลังเดือดปุดได้ที่ ภายในหัวใจเฝ้าบอกกับตัวเองเพียงว่าเรื่องเมื่อคืนเป็นเพียงเรื่องโกหกหลอกลวงเท่านั้น
“อาหารเช้าเสร็จแล้วนะ ที่บ้านของฉันมีแค่รามมยอนเท่านั้น ถ้าหิวก็รีบๆ ออกมากินล่ะ”
เสียงใสชะโงกหน้าเข้าไปในห้องนอนของตัวเองเพื่อบอกมนุษย์คิมทั้งสอง ก่อนจะยกหม้อรามมมยอนมาวางไว้บนโต๊ะเล็กๆ ที่ห้องโถง พลางนั่งเท้าคางรอชายหนุ่มสองคนสองภพเดินออกมาจากห้องด้วยความเบื่อหน่าย
“ดีขึ้นแล้วเหรออึนฮยอก”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย รีบๆ มากินเถอะน่า”
“แปลกจัง!!”
คิมมีแรเลิกคิ้วอย่างงุนงงเมื่อเห็นใบหน้าของฮยอกแจดูเป็นปกติราวกับไม่มีเรื่องให้ทุกข์ใจ ร่างหนานั่งลงตรงข้ามกับคนรักของตนเองที่อยู่ในเวลาปัจจุบัน ส่วนคิมกวาโกก็นั่งลงข้างๆ คิมมีแรอย่างไม่ต้องสงสัยว่าทำไมจึงต้องนั่งตำแหน่งนั้น
...ก็เพราะทั้งสองคนอยากจ้องมองใบหน้าที่สดใสของอี ฮยอกแจไงล่ะ
“คิบอมชอบรามมยอนที่ฉันทำที่สุดเลยนะ เขาบอกว่าต่อให้เชฟระดับโลกทำรามมยอนก็อร่อยสู้ฝีมือคนรักของเขาไม่ได้”
“...”
“...”
“นายสองคนไม่อยากกินหรือไง”
คนทำอาหารเอ่ยถามเสียงเศร้าจนคิมทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามรู้สึกแย่ตามไปด้วย ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าฮยอกแจกำลังทนฝืนยิ้มออกมาแค่ไหน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าในเวลานี้ในใจของฮยอกแจกำลังเศร้าโศกมากเพียงใดเมื่อคิดว่าไม่มีคิม คิบอมคนเดิมอีกแล้ว
“จะไม่กินได้ยังไงล่ะ ฝีมือของอึนฮยอกทั้งที ใครไม่กินก็โง่แล้ว ใช่ไหมคิมกวาโก”
คิบอมที่มาจากในอนาคตหยิบตะเกียบเพื่อจะชิมรามมยอนฝีมือของคนรัก แต่ก็ไม่ลืมหันไปกระทุ้งศอกขอความเห็นจากคิบอมอีกคนในอดีตชาติด้วย
“ข้าไม่เคยเห็นอาหารจานนี้มาก่อน คนในภพนี้เขากินอาหารกันเช่นนี้หรือ แล้วต้องใช้ตะเกียบหรือว่ายกดื่มเช่นยาได้เลยเล่า”
“เรื่องมากจริงๆ เลย นี่...เดี๋ยวฉันจะกินเป็นตัวอย่างให้นายดู”
คิมมีแรใช้ตะเกียบคีบเส้นรามมยอนใส่ฝาหม้อก่อนจะค่อยๆ เลื่อนเข้าไปในปากของตัวเอง ซึ่งเมื่อคืมกวาโกเห็น เขาก็ลองทำตามอีกคนดูบ้าง และเมื่อทั้งสองคนได้รู้ว่ารสชาติรามมยอนของฮยอกแจเอร็ดอร่อยแค่ไหน คิมทั้งสองก็ยิ้มร่าจนดวงตาคู่คมหยีเป็นเส้นโค้ง
“คิบอม”
“หืม/ข้าชื่อคีบอม”
“คิบอมหรือคีบอมก็ออกเสียงคล้ายๆ กันนั่นแหละ เอ่อ...ฉันหมายถึงคิมกวาโกน่ะ”
“ข้า? ทำไมหรือ”
ขุนนางคีบอมที่เพิ่งได้กินรามมยอนเป็นครั้งแรกเหลือบตาขึ้นมามองฮยอกแจในขณะที่เส้นยังคงคาอยู่ในปากของเขา
“ทำไมนายถึงต้องข้ามเวลามาหาฉัน นายมาที่นี่ได้ยังไง แล้วอึนจา...คนนั้นในอดีตชาติ เขาไม่อยู่แล้วเหรอ”
ดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์เอ่ยถามด้วยความอยากรู้ คิมกวาโกจึงรีบดูดเส้นรามมยอนเส้นสุดท้ายขึ้นไปให้หมด ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าที่อึนจาปักให้เขาขึ้นมาเช็ดปากแล้วเอ่ยขึ้น
“น่าเศร้านักที่อึนจาจากข้าไปด้วยโรคร้าย เราทั้งสองสัญญาต่อกันว่าไม่ว่าจะเกิดมาอีกกี่ภพชาติ เราก็จะเป็นของกันและกันตลอดไป แต่ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะรักษาต่อข้าหรือไม่ ข้าจึงต้องตามมาดู”
“แล้วนายมาโดยวิธีไหนเหรอ”
คิบอมเอ่ยถามขึ้นมาราวกับไม่ได้สนใจ ก่อนจะยกหม้อรามมยอนขึ้นซดอย่างหิวโหย
“ข้าไปเจอหนังสือเล่มหนึ่ง หน้าแรกของหนังสือบอกว่าหากใครได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วจะสามารถพาร่างกายและจิตไปที่แห่งใดก็ได้ และจิตของข้าก็พาร่างกายของข้าข้ามมายังภพปัจจุบันนี้”
“แล้วนายรู้สึกยังไงที่เห็นสภาพของฉันตอนนี้ อึนจาคนนี้ของนายรักษาสัญญาได้หรือเปล่าล่ะคิม คิบอม เขารักนายมากขนาดนี้ แล้วทำไมนายถึง...”
“อึนจา...ข้าขอโทษ”
ฮยอกแจก้มหน้างุดลงไปเมื่อดวงตาคู่กลมของเขากำลังแดงก่ำ น้ำตาใสเริ่มเอ่อคลอที่ดวงตาซื่อคู่นั้นจนคีบอมเองก็ก้มหน้าอย่างรู้สึกผิดเช่นเดียวกัน
“ข้าได้รู้แล้วว่าคนที่ไม่รักษาสัญญาคือตัวของข้าเองต่างหาก แต่จะทำเช่นไรได้เล่าในเมื่อสวรรค์เป็นคนลิขิตชะตาของเราททั้งสองให้เป็นแบบนี้”
“แต่นายเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอคิบอม นายบอกกับเองว่ามนุษย์ต่างหากที่เป็นคนเลือกว่าจะเดินไปทางไหน”
“ข้าขอโทษ ข้าผิดเองที่ทำตามสัญญาของเราไม่ได้”
“ไม่จริงหรอก คิม คิบอมไม่เคยผิดสัญญา คิบอมรักแค่อึนฮยอกเท่านั้น”
คิมมีแรเงยหน้าขึ้นมาพูดด้วยดวงตาที่จริงจังกว่าทุกครั้ง ฮยอกแจได้แต่มองหน้าผู้ชายทั้งสองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาสลับไปมา ทำไมผู้ชายสองคนนี้จึงได้รักและเป็นห่วงเขามากขนาดนี้นะ ถ้าหากคิบอมในอนาคตบอกว่าคิบอมรักเพียงเขาจริงๆ แล้วภาพที่เห็นเมื่อคืนล่ะคืออะไร แล้วคำพูดของคิบอมเป็นเรื่องโกหกอย่างนั้นเหรอ
...แล้วเข็มนาฬิกาที่หมุนอยู่ทุกวันก็เป็นเรื่องโกหกด้วยหรือไง
“งั้นตอนนี้นายมีเหตุผลอะไรที่ต้องบอกเลิกฉัน”
“นั่นสิ เหตุใดเจ้าจึงบอกเลิกอึนจา”
ฮยอกแจและคิมกวาโกหันไปมองคิมมีแรอย่างคาดคั้น แต่ผู้ที่มาจากในอนาคตก็ไม่สามารถพูดมันออกมาได้ว่าเพราะอะไรเขาจึงต้องทำร้ายหัวใจที่บอบบางของฮยอกแจ เพราะอะไรเขาจะต้องเดินเคียงคู่ไปกับซองมินแบบนั้นทั้งๆ ที่ในใจก็ยังคงมีเพียงคนที่ชื่อ...อี ฮยอกแจ
“ฉันมาที่นี่ได้ แต่ฉันเปลี่ยนดวงชะตาของนายไม่ได้ ฉันไม่สามารถบอกได้ว่าทำไมคิบอมคนนี้ถึงต้องทำร้ายจิตใจนาย แต่เพราะฉันรู้ว่าช่วงเวลานี้นายต้องทนเจ็บปวดกับเรื่องเลวร้ายพวกนี้ ฉันจึงต้องกลับมา...”
“กลับมาแล้วก็ไม่ได้ช่วยอะไรไม่ใช่เหรอ นายไม่สามารถบอกให้คิบอมกลับมารักฉันได้อย่างเดิม แล้วนายจะกลับมาทำไม”
“กลับมาเพื่อยืนยันยังไงล่ะว่าไม่ว่าจะเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร หัวใจของฉันก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ...เหมือนๆ กับหัวใจของนาย”
“ฉันอยากจะบ้าจริงๆ เลย อ้อ...แล้วนายมาด้วยวิธีไหนล่ะ อ่านหนังสือแล้วหายตัวมาเหรอ แล้วตัวฉันในอนาคตตายไปแล้วหรือไง”
ฮยอกแจกำหมัดแน่นอยู่ใต้โต๊ะ ร่างบางกำลังโมโหอย่างถึงที่สุดที่สองคนนี้กำลังจะทำให้เรื่องราวระหว่างเขากับคิบอมในปัจจุบันย่ำแย่ลงเรื่อยๆ สองคนนี้มาจากห้วงเวลาอื่นก็จริง แต่ไม่อาจจะทำให้ความเศร้าหายไปจากความรู้สึกของเขาได้
...ไม่ว่าอย่างไร คิบอมก็ยังเป็นคนที่เดินไปจากเขา
“นายยังไม่ตายหรอก แต่ฉันนั่งไทม์แมทชีนมาก็เพราะอึนฮยอกในอนาคตบอกกับฉันว่าช่วงเวลานี้เขาต้องทุกข์ทรมานมากแค่ไหนที่ฉันทิ้งเขา อึนฮยอกอยากให้ฉันช่วยแบกรับความเจ็บปวดออกไปจากเขาบ้าง”
“อึนฮยอก?”
“อ้อ...นั่นเป็นเพราะว่าอีกห้าปีข้างหน้า คิบอมจะซื้อแหวนเพชรให้นาย และอึนฮยอกก็คืออัญมณีในหัวใจของเขาไง”
“หลังจากห้าปีแล้ว นายก็จะเรียกฉันว่าอึนฮยอกสินะ”
“บางทีก็เรียกฮยอกแจ แต่ฉันชอบที่จะเรียกอึนฮยอกมากกว่า”
“นี่มันกี่โมงแล้วนะเนี่ย บางทีคิบอมอาจจะยังไม่ได้กินข้าวเช้า”
จู่ๆ ร่างบางก็เปลี่ยนเรื่องขึ้นมาเสียอย่างนั้น มือเรียวยกหม้อรามมยอนเข้าไปล้างในครัวอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้ก็แต่บรรยากาศเศร้าๆ ไว้ในห้องโถง หลังจากล้างหม้อและทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็กดโทรศัพท์ออกไปหาคิบอมทันที
...เพราะฮยอกแจเชื่อว่า บางทีเรื่องทั้งหมดอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้
เสียงสัญญาณดังอยู่ไม่กี่ครั้ง ปลายสายก็กดรับด้วยความงัวเงีย
[ยอโบเซโย]
“คิบอม...”
[นี่ไม่ใช่คิบอม ฉันซองมิน...]
ฮยอกแจกำโทรศัพท์มือถือไว้แน่น อยากจะทำให้มันแหลกละเอียดคามือไปเสียเดียวนั้น ดวงตาที่เจ็บปวดไปหมดเพราะต้องปล่อยให้น้ำตารินไหลออกมาทั้งคืนเริ่มจะเจ็บขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว แต่เขาก็ยังโง่พอที่จะเข้าข้างตัวเองว่าคิบอมอาจจะให้ซองมินนอนห้องเดียวกันเท่านั้นเพราะพวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน
“ฉันขอคุยกับคิบอมหน่อยสิซองมิน”
[คิบอมเหรอ? ที่รัก...แฟนเก่าของนายอยากจะสนทนาด้วย อ๊ะ...อย่าเพิ่งแกล้งกันตอนนี้สิ เขาอาจจะอยากสั่งเสียนายเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้นะ...อ๊า...]
อี ฮยอกแจควรจะทำอย่างไรต่อไปดี หากเขากดวางโทรศัพท์ในตอนนี้ ฮยอกแจก็จะเป็นผู้แพ้ที่น่าสมเพช แต่ถ้าไม่วาง เขาก็จะต้องเสียใจไม่แพ้กัน
“บอกคิบอมด้วยนะว่าฉันจะไปรอเขาตอนบ่ายสองที่สถานีรถไฟที่เราเคยเจอกันครั้งแรก”
[ไม่มีประโยชน์ที่นายจะไปรอหรอกฮยอกแจ เพราะยังไงคิบอมก็ไม่ไปหานายอยู่แล้ว]
ซองมินกดวางโทรศัพท์ก่อนที่ฮยอกแจจะได้ทันตอบโต้อะไรเสียอีก คนตัวเล็กค่อยๆ ใช้ฝ่ามือปิดหน้าแล้วเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้ เขาหวังว่าตัวเองโทรศัพท์ไปหาคิบอมแล้วจะได้ฟังเสียงหวานๆ ของคิบอมบ้าง แต่ฮยอกแจกลับได้รับคำพูดที่ทำให้เขารู้สึกไม่อยากจะมีชีวิตอยู่บนโลกที่โหดร้ายอีกต่อไปแล้ว
“อึนจา...เจ้าร้องไห้หรือ”
คิมกวาโกโผล่หน้าเข้ามาในห้องครัวพลางเอ่ยถามขึ้น ฮยอกแจจึงเบี่ยงหน้าหลบไปอีกทางก่อนจะรีบเช็ดน้ำตาแล้วหันมาตอบคำถามของร่างสูง
“เปล่านี่ เดี๋ยวฉันจะออกไปทำธุระข้างนอก ถ้านายอยากไปช็อปปิ้ง นายก็ให้คิมมีแรพาไปแล้วกัน”
“ช็อปปิ้งคืออะไร”
“ช็อปปิ้งก็คือการซื้อของไงล่ะไอ้ชาติที่แล้ว”
คิมมีแรโผล่หน้ามาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เหยียดหยามคิบอมผู้ซึ่งมาจากอดีตชาติอยู่ไม่น้อย หากแต่คิมกวาโกก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะสายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่อึนจาที่เขารักแต่เพียงผู้เดียว
“แล้วเจ้าจะไปที่ใดเล่า”
“ฉันจะไปหาคิบอม เมื่อวานฉันเอาของขวัญไปให้เขา แต่ยังไม่ทันได้ให้ก็เกิดเรื่องขึ้นมาเสียก่อน และ...ฉันคิดว่าเรามีเรื่องที่ต้องพูดคุยกันมากมาย ขอตัวก่อนนะ”
บอกกับคิมทั้งสองภพเพียงแค่นั้นแล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องนอนทันที ผ่านไปไม่กี่นาทีก็อยู่ในชุดลำลองครีมสดใส มือข้างหนึ่งถือเสื้อคลุมตัวบางเอาไว้ แต่ก็ไม่ยอมสวมใส่มันจนกระมั่งคิมมีแรที่มองดูอยู่นานอดที่จะทักท้วงขึ้นไม่ได้
“ใส่เสื้อคลุมก่อนสิอึนฮยอกแล้วค่อยออกไป”
“ไม่ล่ะ เพราะเดี๋ยวคิบอมก็จะต้องถือเสื้อคลุมอีกตัวมาให้ฉัน นายก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าคิบอมเป็นห่วงแฟนของเขามากแค่ไหน”
ฮยอกแจคลี่ยิ้มแล้วเดินออกไปจากห้อง คิบอมที่มาจากอนาคตรู้ดีว่าทุกๆ วันที่ฮยอกแจนัดเจอกับคนรัก ร่างบางจะไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังเหน็บหนาว เพราะฮยอกแจกำลังมีความสุขเกินกว่าที่จะคิดถึงเรื่องอื่นๆ และทุกๆ ครั้งที่เจอกัน คิบอมก็จะต้องถือเสื้อโค้ทอีกตัวมาให้ฮยอกแจเสมอ
...ยกเว้นวันนี้
Time
“เจ้ารู้ใช่ไหมว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับอึนจา”
คิมกวาโกจับไหล่ทั้งสองข้างของคิมมีแรแน่น เพราะเพียงแค่เขามองลึกลงไปในดวงตาที่ปวดร้าวของคิมมีแรแล้ว เขาก็พอจะเดาออกว่าคิมมีแรรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน
“ใช่ ฉันรู้”
“แล้วเราควรจะทำอย่างไรดี”
“ออกไปข้างนอกกันเถอะ ไปดูแลอึนฮยอกของพวกเรากัน”
“อึนจาต่างหากล่ะ”
ทั้งสองคนเถียงกันเล็กน้อย ก่อนที่คิมมีแรจะเดินนำไปทางประตูบ้าน แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าคิมกวาโกยังแต่งตัวพิลึกพิลืออยู่เลย ถ้าออกไปข้างนอกตอนนี้มีหวังคนตต้องแตกตื่นกันแน่ๆ
“เจ้าหยุดเดินทำไม”
“นายต้องเปลี่ยนชุดให้เข้ากับยุคสมัยนี้ก่อน เดี๋ยวฉันจะกลับไปเอาเสื้อผ้าที่บ้านมาให้”
“แล้วเจ้ามีม้าหรือ”
“เดี๋ยวนี้เขาไม่ใช้ม้าเป็นพาหนะกันแล้ว เลิกทำหน้าตาโง่ๆ เชยๆ ใส่ฉันสักทีเถอะ เห็นแล้วน่าสมเพชตัวเองชะมัดเลย แล้วก็เลิกพูด ‘ข้า’ กับ ‘เจ้า’ สักที”
“แล้วเจ้าจะให้ข้าพูดเช่นไร”
คิบอมในอนาคตพ่นลมหายใจด้วยความเก็บกลั้นอารมณ์ เพียงแค่นึกว่าเมื่อชาติที่แล้วเขาต้องเกิดมาเป็นขุนนางคนนี้ เขาก็จะปวดหัวแทบตายอยู่แล้ว นี่ยังจะต้องมาสอนกันอีกว่าควรจะใช้สรรพนามแทนตัวเองว่าอย่างไร
“นายจะพูดว่าอะไรก็เรื่องของนาย แต่ห้ามพูดสองคำนี้!!”
Time
Talk with Lee Seen
ตอนแรกซีนกะจะทอล์กหน้าแรกนั่นแหละ
แต่คิดไปคิดมาแล้ว มันต้องอัพสองรอบ เอาเป็นว่ากลับมาเป็นเหมือนเดิมดีกว่าเนอะ
คิดถึงแฟนฟิกมากๆ เลยค่ะ อยากจะอัพ MBML ใจจะขาด แต่ขี้เกียจ (อ้าว!!)
ยังไงอ่านเรื่องนี้กับเรื่อง ‘คนบ้ารัก’ ไปพลางๆ ก่อนแล้วกันนะคะ
ซีนไม่ทิ้ง MBML แน่นอน แต่ขอเวลาไปทำอย่างนี้บ้างอะไรบ้าง
ปล. ขอคอมเม้นท์ด้วยค่ะ
ความคิดเห็น