ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Short fic : SJ & TVXQ by Cho-kune

    ลำดับตอนที่ #4 : [Many Couple * only SJ] SJ School 2

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ค. 52


    "ฮยอง ง ง"


    เฮนรี่วิ่งดุ๊กๆมานั่งอยู่ตรงหน้าฮีชอลพร้อมกับหนังสือนิตยาสารเล่มนึง


    "อะไรล่ะเรา"


    ฮีชอลเงยหน้าขึ้นมาจากสมุดโน๊ตที่กำลังจะทำเพื่อขายให้เหล่าผองเพื่อนในห้องเพื่ออ่านก่อนสอบแน่นอนว่ามันตอบรับได้ดียิ่งสำหรับพวกขี้เกียจเข้าขั้นเทพ


    "นี่ไงล้า า  แท่นแถ๊น น น ^O^"


    เฮนรี่โชว์หนังสือที่ถือมา คิ้วเรียงเป็นระเบียบขมวดมุ่นเข้าหากันด้วยความสงสัย


    "แล้วไง ? ?"


    "แหม ก็ที่เค้ามาสัมภาษณ์โจวมี่ฮยองไงเล่าที่ได้รับรางวัลแข่งขันประกวดคำกลอนน่ะ"


    "อ๋อ นึกออกแหละๆ"


    มือเรียวหยิบนิตยาสารมาเปิดดูอมยิ้มกับความเก่งของรุ่นน้องตัวเอง...ฮู้ย ย ไอ้เจ๊กนี่มันเก่งจริงๆสมแล้วที่เป็นลูกน้องของชั้น =.,=...มือเรียวพลิกไปเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่หน้านึง ภาพชายหนุ่มสวมชุดลำลองที่ราคาแพงเสียจนชาตินี้คนอย่างฮีชอลไม่มีวันได้แตะกำลังเดินควงกับหญิงสาวร่างบางเดินแถวชายทะเล


    "ทายาทร้อยล้านอันดับหนึ่งของเกาหลีควงสาวไฮโซเดินชายทะเล โห ห ห เปลี่ยนคู่ควงอีกแหละ -O-"


    เฮนรี่ยื่นหน้ามาดูหน้าที่เปิดค้างเอาไว้


    "เฮอะ งี่เง่าไร้สาระชะมัดไอ้คนที่ชื่อชเวซีวอนบ้าอะไรนั่นสงสัยมีดีแค่ที่หล่อล่ะม้าง งสาวๆถึงได้ตอมหึ่งๆแบบนั้น"


    "ฮยองนี่มองโลกในแง่ร้ายจังนะ ซีวอนชิน่ะรวยร้อยล้านมีกิจการที่ใหญ่โตแล้วยังไม่พอนะ รูปหล่อ เท่ห์ นิสัยดีแล้วก็ยังฉล๊าดฉลาดเป็นกรด แบบเนี้ยเรียกว่าเฟอร์เฟ็คแมน  แต่ก็เป็นเพลย์บอยตัวยงเลยล่ะ  >O<"


    เฮนรี่พูดด้วยน้ำเสียงเพ้อฝันจนอีกฝ่ายเบ้หน้า


    "เฮอะ ไอ้คนเจ้าชู้พรรค์นั้นชั้นไม่สนใจให้เมื่อยตุ้มหรอกเอาเวลาไปจู๋จี๋มาทำงานพิเศษดีกว่าแยะเลย -3-"


    เฮนรี่หัวเราะคิกคักกับความคิดของฮีชอลแล้วก็นั่งชักชวนคุยเรื่องนู้นเรื่องนี้ตามประสาเด็กช่างจ้อ โจวมี่ที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องเห็นภาพทั้งสองคนคุยกันก็อดอมยิ้มไม่ได้ ก็อันดับหนึ่งและอันดับสองอยู่ด้วยกันตามลำพังเนี่ยหาดูได้ยากนี่นา


    "โจวมี่ฮยองไปไหนมาฮะ ^O^"


    ร่างเล็กโบกไม้โบกมือจนคนรอบข้างอิจฉาตาร้อนผ่าวอยากให้อีกฝ่ายร้องเรียกตนแบบนั้นบ้างจนใจจะขาด


    "พอดีไปจารย์มาถูกเรียกประกวดเนี่ยล่ะ"


    "ฮยองจะประกวดอีกแล้วหรอฮะ"


    เฮนรี่เอียงคอด้วยความสงสัย


    "อื้ม พอดีมีงานแข่งขันเข้ามาอีกแล้วน่ะ"


    ฮีชอลปรายตามองแล้วพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ ส่วนเฮนรี่ยิ้มแฉ่งให้กำลังใจอีกฝ่าย เวลาผ่านไปไม่นานนักก็ถึงเวลากลับบ้านเฮนรี่ที่ตอนนี้ว่างเลยติดสอยมากับทั้งสองคน


    "กลับมาแล้วครับ" (x2)


    "รบกวนหน่อยนะคร้าบ บ ^O^"


    "อ้าว เฮนรี่สบายดีมั้ยลูก"


    "สบายดีครับคุณน้า ^^"


    เฮนรี่วิ่งมาทักทายแม่ของโจวมี่อย่างคนอัธยาศัยดีจนอีกฝ่ายเอ็นดูและรักใคร่ราวกับลูกอีกคนของตน ฮีชอลเดินเข้าไปในครัวแล้วเปิดฝาหม้อดูว่ามีอะไรกินบ้าง


    "ว้าว ว กิมชี จิแก(แกงกิมจิ) คุณน้าผมกินข้าวเลยได้มั้ยอ่ะ >O<" (ฮีชอล)


    "แหม เรานี่จริงๆเลยนะ จะกินเลยก็ได้จ้ะ"


    "ว้า คุณน้าให้ฮีชอลฮยองกินเดียวเลยอ่ะ ผมก็อยากกินเหมือนกันน้า า" (เฮนรี่)


    ว่าจบทำปากยื่นใส่จนแม่ของโจวมี่อดที่จะดึงแก้มนิ่มเสียทีนึงไม่ได้


    "อยากก็ไปกินสิไม่ต้องมาออดอ้อนน้าหรอกจ้ะ"


    "เย้ ! ! ! >O<"


    แล้วเฮนรี่ก็วิ่งผลุบหายไปในครัวอีกคนแต่ไม่ลืมยื่นหน้าออกมาถามเจ้าของบ้าน


    "ฮยองฮะ ฮยองจะกินเลยมั้ย ^O^"


    โจวมี่ส่ายเบาๆ ใบหน้าหวานผลุบเข้าไปในครัวอีกครั้ง


    "หนูเฮนรี่นี่น่ารักดีนะ ถ้าใครได้เป็นแฟนคงโชคดีน่าดูว่างั้นมั้ย??"


    โจวมี่ไม่ตอบได้ทอดสายตามองประตูครัวจนผู้เป็นแม่แตะแขนลูกตนเบาๆราวกับอ่านใจออกว่าลูกตนกำลังคิดอะไรอยู่


    "ลูก....ถ้าจะเลือกใครคนใดคนนึงแม่ไม่ห้ามหรอกนะ แม่เอ็นดูพวกเขาและรักพวกเขาเท่าๆกัน"


    "ขอบคุณที่แม่เคารพในการตัดสินของผมนะครับ"


    โจวมี่โค้งตัวขอบคุณผู้เป็นแม่อย่างสุดซึ้งที่เข้าใจในตัวเค้าแม้ว่าจะกลายเป็นแบบนี้ก็ตาม


    "อ๊าก ก ก ก ! !"


    "ไอ้ไก่ ! !"


    โจวมี่หันมามองหน้ากับแม่แล้ววิ่งพรวดเข้าไปในห้องครัวทันที


    "เกิดอะไรขึ้น ! !"


    ร่างเล็กนอนกองอยู่บนพื้น เก้าอี้เตี้ยๆล้มไม่เป็นท่าฮีชอลนั่งอยู่ด้านข้างด้วยใบหน้าซีดเซียว โจวมี่ตรงไปดูอาการคนบาดเจ็บทันที


    "แฮะๆ ขอโทษทีฮะพอดีผมจะปีนไปหยิบแก้วที่อยู่บนนั้นแต่ก็พลาด"


    เฮนรี่ค่อยๆพยุงตัวขึ้นมาแต่ก็ต้องทรุดลงไปกองกับพื้นอีกรอบ ฮีชอลเข้าไปช่วยพยุงแต่โจวมี่ช้อนร่างเล็กขึ้นมา


    "สงสัยขาจะแพลง" (ฮีชอล)


    "แม่ครับช่วยไปเอากล่องปฐมพยาบาลให้ผมที ฮยองช่วยไปเอาน้ำอุ่นใส่กะละมังมาให้ด้วย"


    พอพูดจบแต่ละคนกุลีกุจอไปหยิบของ โจวมี่วางลงบนโซฟาอย่างเบามือ


    "ขอโทษนะฮะที่ทำให้ลำบาก แทนที่จะได้..."


    "ไม่มีใครว่าลำบากซะหน่อยคิดมากไปแล้วนะเรา แล้วอีกอย่างไม่มีใครแบบนั้นหรอก"


    พออุปกรณ์มาถึงโจวมี่จัดการทำแผลอย่างช่ำชอง


    "ถ้าเสร็จแล้ว....ก็ต้องตามด้วยนี่แถ่นแถ๊น น น"


    ฮีชอลที่แว้บไปยกข้าวสวยร้อนๆกับกิมชี จิแกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้นำมาวางไว้ตรงหน้า ร่างเล็กยิ้มแก้มปริและลงมือกินข้าวด้วยกัน อาหารมื้อนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ จนล่วงเลยไปถึงเวลาค่ำโจวมี่ได้ขับรถไปส่งเฮนรี่ที่บ้านก่อนจะลงรถมือเรียวคว้ามือหนาเอาไว้


    "ฮยองฮะ ผมรู้ว่าฮยองมีคนรักอยู่แล้วอยู่เต็มหัวใจแต่ถึงยังไงผมก็ยังรักและรักฮยองเสมอถึงแม้สิ่งที่ฮยองทำมันจะเป็นเพียงแค่ความใจดี ผมก็ยังดีใจ.....ผมขอบคุณฮยองมากนะฮะสำหรับวันนี้"


    กลับปากเล็กประทับลงบนแก้มอีกฝ่ายแล้วรีบลงจากรถด้วยท่าทางทุลักทุเลแต่ไม่วายตะโกนบอกร่างสูงที่ยืนงงๆอยู่กับที่


    "ผมยังไม่ตัดใจจากฮยองหรอกนะฮะ ผมจะพยายามทำให้ฮยองหลงรักผมให้ได้ ! !"


    โจวมี่ได้แต่ถอนหายใจและพารถของตนออกจากคฤหาสน์ขนาดย่อมชมวิวสวยงามในยามราตรีของโซล ปล่อยให้ตนอยู่ตัวเองจนเกือบเที่ยงคืนจึงวกรถกลับไปยังบ้านของตน เมื่อก้าวเท้าเข้าตัวบ้านก็พบแต่เเสงสลัวๆจากโคมไฟที่เปิดทิ้งเอาไว้และโน้ตแปะเอาไว้


    'โจวมี่ถ้ากลับมาดึกแล้วหิวยังมีกิมชี จิแกกับข้าวอยู่ในตู้เย็นนะ

    จาก แม่'


    ร่างสูงยกยิ้มที่มุมปากแล้วปิดสวิตช์ไฟเดินขึ้นไปบนตัวบ้านแต่ก่อนที่จะเข้าห้องตัวเองแอบแวะเข้าห้องของคนๆนึงที่ได้หัวใจของตนตั้งแต่ในวัยเยาว์ ร่างบางที่นอนพริ้มอยู่ในฝันอันเป็นสุข ลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเจ้าตัวหลับสนิท

    เปลือกตาปิดลงโชว์แพขนตางอนยาวช่างตัดกับสีผิวของพวงแก้มนิ่ม ริมฝีปากแดงระเรื่อที่ดึงดูดใครหลายๆคนไม่เว้นแม้แต่โจวมี่ให้ก้มลงไปเชยชิมความหอมหวานละมุน ร่างสูงถอนจูบออกมาแล้วลูบกลุ่มผมสีแดงเบามือ


    "ฝันดีนะครับ ฮีชอล"


    ชื่อของอีกฝ่ายที่ตนกล้าเรียกเพียงเฉพาะยามเจ้าตัวหลับใหลแล้วเท่านั้น ชื่อที่ครอบครองหัวใจของเขาทั้งดวง ชื่อที่เป็นดั่งคนรักและพี่ชายในเวลาเดียวกัน 'คิม ฮีชอล'

    ...ฮยองรู้ตัวบ้างมั้ยว่านับวันฮยองยิ่งสวยขึ้นจนผมไม่อยากให้ใครมาเห็น ไม่อยากให้ใครมาใกล้ชิด ไม่อยากให้ใครสนิทสนม ผมรักฮยองเหลือเกิน รัก รัก คำๆนี้ผมได้แต่พูดอยู่ภายในใจเท่านั้นไม่กล้าจะพูดออกมากลัวว่าฮยองจะรังเกียจ  จะหมางเมิน ไม่เหลือแม้แต่คำว่าพี่ชายและน้องชาย ไม่เหลือแม้แต่ความไว้วางใจถึงอย่างนั้นผมก็ได้แค่มองก็พอแล้ว แค่นี้ก็เกินพอจริงๆ... 

    M ag ic 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×