คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : I wanna see your pretty face again
application
cr. @io__73ri
“ โอ๊ย ข้าปวดหัวนัก สงสัยเพราะว่าข้างามมากเกินไป ”
" จะเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมได้อย่างไร ตราบใดที่เจ้ายังไม่เลิกนำพาเอาอารมณ์และความรู้สึกส่วนตัวใส่ลงไปในตาชั่งนั้น แค่ฟังเจ้าพูด ข้าก็นึกขำขันจนอยากจะหัวร่อให้งามน้อยลงแล้ว "
ชื่อ-นามสกุล : มาราม่า ( Marama )
ชื่อเล่น : มาม่า ( Mama )
ฉายา :แองเจลิน่า ( Angelina )
อายุ : 37 yrs.
เพศ : ชาย ( homosexuals)
ส่วนสูง : 175 cm.
น้ำหนัก : 61 kg.
หน่วย : พยัคฆ์สีชาด ( Red tiger )
ตำแหน่ง : หัวหน้าหน่วย (หรือไม่หากทางคุณไรท์เห็นสมควรจะจับนังไปยัดในบทไหนก็ได้ค่ะ)
ลักษณะคำพูด : น้ำเสียงของมาราม่านั้นค่อนข้างที่จะแหลมสูงผ่านการดัด คำพูดคำจานั้นอ่อนหวานทว่าส่วนตัวมาราม่าเป็นคนพูดเสียงดำ ถ้อยวจีฉะฉานดังกังวาลชนิดที่ว่าต่อให้อยู่ไกลแค่ไหนหากเขาเกิดแว้ดขึ้นมาก็ได้ยินได้ไม่ยาก จังหวะการพูดของเขานั้นค่อนข้างจะที่เร็วจนบางคราหากไม่ตั้งใจฟังก็จะฟังไม่ทันเลย น้ำเสียงขึ้นลงตามอารมณ์ของเขาจนเห็นได้ชัดว่าตัวคุณแม่ขาค่อนข้างที่จะอารมณ์แปรปรวนไม่หยอก แทนตัวเองว่า ข้า เป็นส่วนใหญ่ สรรพนามแทนคนอื่นไม่ตายตัวมากนัก อยู่ที่อารมณ์ของเขาในตอนนั้น ปกติแล้วมักจะแทนคนอื่นว่า เจ้า หรือ ไม่ก็ชื่อของคู่สนทนา ไปเลย บางครั้งนึกชื่อคู่สนทนาไม่ทำหรือว่าจำไม่ได้มาราม่าก็เลยจะตัดปัญหาด้วยการหยิบสีหัวของอีกฝ่ายมาเรียกแทน หากมียศสูงกว่ามักจะเรียกว่า ท่าน ตามมารยาทที่พึงมี ( x )
ex.
ตัวอย่างคำพูด
" งานนั่นเจ้าช่วยจัดการก่อนไม่ได้หรืออย่างไรเล่า? เห็นหรือไม่ว่าข้าไม่ว่าง กำลังบำรุงผิวอยู่ "
" โอ๊ย ปวดหัวนัก หรือเป็นเพราะว่าข้างามเกินไป โฮะโฮะ "
" ข้าสั่งให้พวกเจ้าทำก็ทำสิยะ! รออะไรอยู่เจ้าพวกลูกเต่า "
" ถ้าเรื่องแค่นี้พวกเจ้ายังจัดการกันเองไม่ได้ก็ไม่ต้องไปทำอะไรกันแล้วย่ะ แล้วนี่มองข้าทำไม? บอกก่อนนะว่าข้าไม่ช่วย โอ๊ย นี่ยังจะมองอีก ข้ารู้ว่าข้างาม แต่ก็บอกแล้วไงว่าข้าไม่ช่วย! เรื่องของพวกเจ้าก็จัดการกันเองสิ! นี่มันใช่ปัญหาของข้ารึยังไงห๊ะเจ้าพวกลูกเต่า! " บ่นกระปอดกระแปดไปนู่น ทำท่าปฎิเสธแทบตาย สุดท้ายที่สุดก็เป็นตัวเองที่ตามไปช่วยเจ้าพวกลูกเต่าที่ว่าอยู่ดี
" เป็นเด็กเป็นเล็กกล้าดียังไงมาขึ้นเสียงใส่ผู้ใหญ่ห๊า!? ถ้าวันนี้ข้าไม่ได้ดัดนิสัยเจ้าซักทีเห็นทีคืนนี้ข้าคงนอนตาค้างแน่ หากจะฟ้องแม่ก็เชิญเลย ข้าเองก็อยากคุยเช่นกันว่าหล่อนเรียกลูกอย่างไรเจ้าถึงออกมาเป็นเช่นนี้ แน่จริงก็ไปตามหล่อนมาซี่ ข้าจะรอ "
" กรี๊ด! อย่าริอาจเอาผ้าห่มคลุกฝุ่นนั่นมาแตะตัวข้าเด็ดขาด! ออกไป๊! "
" เจ้าพูดถึงตุ๊กตาที่นั่นหรือ!? ต๊าย เจ้าเองก็รสนิยมดีเหมือนกันนี่ ข้าชอบมันมาก "
" ไม่ไปย่ะ! ไม่ไปเด็ดขาด! บอกว่าไม่ป๊าย! ให้ตายยังไงข้าก็ไม่เอาตัวไปเกลือกกลิ้งที่พื้นนั่นแน่ อย่ามาจับข้า! "
" มัวพูดมากปากเหม็น ไปไหนก็ไปไป๊! ชิ่ว! อย่ามาพูดให้น้ำลายสกปรกของเจ้ากระเด็นมาโดนข้าเป็นอันขาดเลยนะ! "
" งานนี้ข้าจะ– " เว้นระยะคำพูดให้คนฟังมองอย่างเลื่อมใสว่าท่านจะทำเองหรือ " ให้เจ้าเอาทำก็แล้วกัน งานง่ายๆ นี่ไม่ต้องถึงมือข้าหรอกย่ะ เข้าใจ๊? " (ที่จริงก็ขี้เกียจแหละ ดูออก)
" หึ นี่มันเวลาอันสมควรที่คนงามจะได้ออกโรงแล้วย่ะ! " สะบัดบ๊อบเปิดตัวอย่างเฉิดฉาย (มักเห็นได้ชัดจากการที่เตรียมลงสนามสู้เอง หรืออะไรก็ตามแต่)
" เจ้าคิดถูกแล้วที่มาปรึกษาหารือกับข้า " ปลายนิ้วเรียวชี้เล็บยาวใส่หน้าของอีกฝ่าย ดวงหน้าสวยคมเชิดขึ้นอย่างอวดอ้างก่อนที่จะยกมือป้องปากหัวเราะเสียงสูง " ก่อนหน้านี้ชีวิตข้าที่ยังสาวสะพรั่งก็มีหนุ่ม ๆ มากหน้าหลายตาเข้ามาเกี้ยวพามิหยุด โฮะ พูดแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองงามนัก โอ๊ะ นี่เรื่องจริงนี่ ฟังข้าก่อนย่ะ! ไม่ต้องหันหน้าหนี ถ้าเจ้าชอบนางอย่างแท้จริงก็บอกความในใจไปเสียซิ โอ๊ย มั่นใจในตัวเองหน่อยสิยะ เจ้าไม่เห็นจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองเลย ที่เป็นแบบนี้มันก็ดีอยู่แล้วน่า ถ้านางไม่ชอบเจ้าก็เท่ากับว่าไม่มีวาสนาต่อกันหรือไม่ก็เป็นนางที่ตาถั่วเอง เข้าใจหรือไม่? "
" ข้าชอบหนุ่มน้อยหน้าตาดี แต่ก็มิได้หมายความว่าจะชอบผู้ชายทุกคนบนโลก ไอ้เรื่องผู้ชายของเจ้าที่มาพ่นด่าข้าปาว ๆ นี่ข้ายังไม่รู้เลยว่ามันเป็นใคร? "
" ความเสียใจมันมากเกินไปสำหรับข้า " ว่าพลางยกเรียวนิ้วขึ้นมาเกลี่ยซับหางตัวเฉี่ยว เนียนซับหยาดน้ำตาที่ปริ่มซึมออกอย่างรวดเร็ว " เพราะเกรงว่าแป้งที่บรรจงผัดมาของข้าจะหลุดเอาเสีย " (ที่จริงเสียใจมากแต่กระนั้นก็ทำตัวให้ดูตลกขบขันเอาไว้เสียก่อน)
" อย่าร้องไห้น่า ไอ้เจ้านั่นมันไม่ดีเอง ข้าจะบอกให้นะ มีบุรุษดี ๆ อยู่บนโลกนี้ตั้งหลายคนให้เจ้าได้เลือกในวันข้างหน้า เจ้างามจะตาย แน่นอนว่าน้อยกว่าข้าอยู่นิดนึง แต่ใครมองก็ตาค้างย่ะ เชื่อข้า อย่าไปเสียดายคนประเภทนั้นเลย "
" แต้มสีปากหน่อยหรือไม่ ข้าแบ่งให้ เดี๋ยวเริ่มงานแล้วไม่สวย "
" ชุดนี้เจ้าดูดีมาก โซบิวตี้ มั่นใจในตัวเองเข้าไว้แล้วใส่มาบ่อย ๆ สิ ไอ้เจ้าพวกที่วัน ๆ พ่นแต่อะไรไม่รู้อย่าไปสนใจเลย แต่หากข้าได้ยิน ข้าจะทุบปากมันให้ "
" ไอ้ชนชั้นไร้สาระอะไรนั่น ช่างมันเสียเถิด คนก็คนเหมือนกัน แม้แต่ทาสก็ควรจะได้รับความเท่าเทียมเหมือนกันไม่ใช่รึไงฮึ ถ้าเรื่องนี้เจ้าคิดไม่ได้ก็ไสหัวไปเสีย ไม่ต้องมาคุยกับข้า ข้าเหม็นขี้หน้า!"
" ตาชั่งความยุติธรรมในใจของมนุษย์ไม่มีทางเท่ากันอยู่แล้ว เมื่อพวกเขานำเอาอารมณ์และความรู้สึกใส่ลงไปภายในนั้น จะการกระทำแบบไหนเรียกว่าดีงาม การกระทำแบบไหนเรียกว่าเลวทราม ล้วนแล้วแต่เจ้าเป็นคนตัดสิน– เฮ้อ พอข้าพูดเช่นนี้ไป รู้สึกว่าตัวเองงามขึ้นสิบเท่า "
" เจ้าพวกเด็กดื้อ ข้าบอกแล้วไม่ใช่รึไงยะ ว่าเป็นไปได้ไม่ต้องออกไปไหน แล้วดูนี่สิ ต่างคนต่างได้แผลกลับมาทั้งนั้น นี่ถ้าข้าไม่ตามมา ป่านนี้พวกเจ้าคงไม่ได้มานั่งหน้าสลอนมองหน้าขาปริบๆ แบบนี้หรอก โอ๊ย ข้าอยากจะเขย่าคอพวกเจ้านัก ทำไมไม่ฟังที่ข้าพูดห๊า!! " จากนั้นก็พร้อมเทศนาคู่สนทนายาวนานนับชั่วโมงจนอีกฝ่ายหูชาเลยทีเดียว
" ถ้าพูดอะไรดีๆ ไม่ได้เจ้าไม่ต้องพูดก็ได้ย่ะ ข้าไม่ได้อยากฟัง "
" เงียบไป ข้าไม่ได้สั่งให้พูดก็ไม่ต้องพูด " (ตอนที่เจ้าตัวกำลังโมโหได้ที่ ไม่ใคร่อยากจะเสวนาพาทีกับใครทั้งนั้น)
" ดูปากข้าไว้แล้วกัน ข้าจะไม่เป็นอะไร ข้าจะไม่ตาย เข้าใจ๊? จะอยู่บ่นเจ้าจนหูชาแล้วโยนงานเยอะๆ ให้เจ้าทำไปอีกนานเลยย่ะ ทีนี้ก็กลับไปสะสางงานอะไรของเจ้าที่ข้าสั่งได้แล้ว! "
" ไม่ต้องห่วง นี่เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่อย่างข้าที่ต้องปกป้องเด็กอยู่แล้ว "
" แน่นอนว่าที่ข้าทำได้ก็เพราะว่าข้าสวยยังไงล่ะ "
" อย่ามัวแต่พูดอะไรอ้อมค้อมอ้อมโลก เร็วๆ ย่ะ รีบๆ เข้าประเด็นได้แล้ว รอฟังอยู่ "
" เจ้ารับไม่ได้หรือที่ข้าเป็นแบบนี้? โกรธมากเลยหรือ? " เขาเว้นระยะคำพูดไปชั่วครู่ หลุบสายตาลงต่ำราวเสียใจในคำพูดของอีกฝ่ายก่อนจะตวัดสายตาขึ้นมองอีกคนพร้อมเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี " สมน้ำหน้าย่ะ โกรธข้าแล้วมาบอกข้าทำไม เรื่องของเจ้าสิ จัดการตัวเองไม่เป็นรึ? เชิญโกรธให้อกแตกตายไปเลย "
" ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่าความไม่แน่นอนในใจมนุษย์หรอกนะ สิ่งที่เจ้าควรกลัวมิใช่อมนุษย์พวกนั้น แต่แท้ที่จริงเป็นพวกเราด้วยกันเองต่างหากเล่า "
" ไปเที่ยวด้วยกันหน่อยมั้ยเล่า? โอ้แน่นอน ข้ากำลังเกี้ยวพ่อหนุ่มรูปหล่ออย่างเจ้าอยู่น่ะ โฮะ "
" กระบี่อยู่ที่ใจ หากเยี่ยมยุทธแล้วไซร้ แค่กิ่งไผ่ก็ไร้เทียมทาน เคยได้ยินคำนี้หรือไม่ เจ้าไม่เคยงั้นหรือ? ใช่ ข้าก็ไม่เคยเหมือนกัน " เขาหัวเราะร่วนเมื่อเห็นสีหน้าคลับคล้ายว่างเปล่าของลูกน้องในหน่วย ก่อนจะหลุดกระแอมออกมาพลางยกพัดขึ้นมาปิดเสี้ยวหน้าของตน " กระนั้นข้าก็เป็นหัวหน้าผู้เยี่ยมยอด หัดศึกษาตำราจนได้ยินเรื่องแบบนี้อยู่บ้าง ครานี้เจ้าอ่อนแอแล้วยังไง ในอนาคตก็ใช่ว่าเจ้าจะอ่อนแอแบบนี้ไปตลอด ดังนั้นเลิกท้อถอยเสียแล้วรีบไปฝึกฝนตัวเองได้แล้วย่ะ! "
ลักษณะรูปร่าง :
เรือนกายของเขานั้นสมบูรณ์แบบ ภายใต้เสื้อผ้าสีเข้มนั้นประดับประดาด้วยมัดกล้ามเนื้อที่โค้งลีนเป็นสัดส่วนสวยงาม ลาดไหล่ของเขาค่อนข้างกว้างผายไล่ลงมายังถึงช่วงเอวที่คอดเล็กเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมคว่ำ ตัวของมาราม่าจะค่อนไปทางสูงโปร่งตามที่เขาพึงพอใจมากกว่าจะสมบุกสมบันเหมือนหลายคนในหน่วย กระนั้นก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าตัวของเขาเปี่ยมไปด้วยพละกำลังที่สามารถล้มศัตรูที่ดาหน้ากันเข้ามาได้ไม่ยากเย็นนัก เรือนผมสีบลอนด์ทองยาวประต้นคอขาวถูกเล็มตัดจนปลายเท่ากันไม่ขาดเกิน เบื้องหน้าปล่อยผมหน้าม้าลงมาปรกหน้าผาขาวเนียนจรดคิ้วเรียวคมสีเข้มโก่งโค้งดังคันศร นัยน์ตาเรียวสวยสีเขียวซีดล้อมกรอบด้วยแพขนตางอนโด่งขึ้น จมูกโด่งเป็นสันรับเข้ากับริมฝีปากอวบอิ่มสุขภาพดีมักถูกแต้มด้วยชาดสี มาราม่าเป็นบุรุษผู้มีใบหน้างดงามราวสตรีเพศอย่างไม่อาจหาคำโต้แย้ง กระนั้นยามมองก็มิได้ให้ความรู้สึกสตรีไปเสียทีเดียว เครื่องหน้าทุกอย่างผสมผสานกันได้อย่างลงตัวบนดวงหน้ารูปไข่นั่น ผิวกายของมาราม่านั้นขาวเนียนราวน้ำนมจากการที่เขามักดูแลประทินผิวตัวเองเป็นอย่างดี นอกจากนั้นเขาก็ยังมีรสนิยมเรื่องแฟชั่นที่ค่อนข้างมาก และ เปิดกว้างระหว่างสตรีกับบุรุษเพศที่เขาจะจับมันมาผสมรวมกันอย่างไม่คิดสนสายตาใคร ปลายเล็บยาวของเขามักถูกเคลือบด้วยสีสันตามความพอใจของชายหนุ่ม เสื้อผ้าการแต่งกายของมาราม่ามักจะเป็นที่โดดเด่นในสายตาผู้คนด้วยความไม่ซ้ำรูปแบบกัน (จนมีหลายคนเริ่มเอาไปพนันกันว่าวันนี้หัวหน้าหน่วยจะใส่เสื้อสีอะไรแล้ว) แม้กระทั่งยามนอนเอกเขนกอยู่ที่พักก็ยังจัดเต็มราวกับเสมือนว่าเขากำลังทอดกายเดินอยู่ในงานอันแสนยิ่งใหญ่ก็ไม่ปาน กระนั้นที่เห็นได้จนชินตาก็มักจะเป็นสูทสีดำขลับเนื้อโปร่ง ค่อนข้างพริ้วและระบายอากาศที่เข้ากันกับเขาได้เป็นอย่างดี ผสมกับเครื่องประดับเล็กน้อย อาทิเช่น แหวน ต่างหู สร้อยคอ ว่าง่าย ๆ ก็ตามแต่ที่เขานึกคึกอยากจะหยิบมันขึ้นมาใส่ นอกจากนั้นตามร่างของมาราม่าก็มักจะเจือกลิ่นกายหอมจาง ๆ จากน้ำหอมที่เขามักจะพรมไว้ตามตำแหน่งชีพจรของตนเองด้วยเป็นเอกลักษณ์
ประวัติ :
- ประวัติค่อนข้างที่จะ toxic อยู่พอสมควรค่ะ มีความรุนแรงเกี่ยวกับเรื่องเพศสภาพ และ ศาสนา โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ ห้ามเอาไปทำเป็นเยี่ยงอย่างเด็ดขาดเลยค่ะ -
" ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า, ปีศาจร้ายเหล่านั้นสมควรถูกกำจัด "
ถ้อยวจีสาปแช่งปีศาจเหล่านั้นเขามักจะได้ยินเสมอตั้งแต่ยังเยาว์วัย ผู้คนมากมายที่ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าต่างเข้ามาเพื่อสวดภาวนาในความศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น ครอบครัวของมาราม่าแต่เดิมเป็นผู้มอบความศรัทธา ตระกูลของเขาเป็นตระกูลนักบวชผู้โด่งดัง สายตาผู้คนที่เฝ้ามองมาต่างเต็มไปด้วยความหวัง และ ความเลื่อมใสในคำพูดพร่ำเหล่านั้น
มาราม่า เฮนลิสัน บุตรชายคนโตของตระกูลเฮนลิสันเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความพรั่งพร้อม ทั้งทรัพย์สมบัติมากมาย คนรับใช้มากหน้าหลายตา ไม่ว่าเขาต้องการสิ่งใด สิ่งนั้นก็พร้อมที่จะตกอยู่ในมือเขาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก บิดามารดาคลี่รอยยิ้มอบอุ่น และ คอยประคองกอดเขาไว้ในอ้อมกอดอย่างอบอุ่น เมื่อมองจากภายนอก ครอบครัวของเขาก็มิต่างอะไรจากครอบครัวในฝันที่ไม่ว่าใครต่างก็โหยหาต้องการ กระนั้นมาราม่ารู้ดี ถึงสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ความอบอุ่นที่แสดงออก มารดาและบิดาของเขาไม่ได้เกิดความรักใคร่ต่อกันเลยแม้แต่นิดเดียว เกมการเมืองเป็นสิ่งที่กดดันให้สองตระกูลต้องผูกพันกันเพื่อขั้วอำนาจ ก่อกำเนิดเป็นมาราม่าที่ราวกับเป็นโซ่ทองคล้องใจแก่พวกเขา ในความเป็นจริงแล้วมีเพียงสายตาเย็นชาเหล่านั้นที่บุตรชายอย่างมาราม่าจะได้รับ
ต่อให้อยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวยมากแค่ไหน กระนั้นเขาก็ไม่เคยได้รับความรักจากบิดาและมารดาอย่างที่เคย มีเพียงแต่คนใช้ที่ถูกซื้อตัวมาเท่านั้นที่คอยอยู่เคียงข้าง เขาถูกสั่งสอน ได้รับการศึกษาตั้งแต่อายุเพียงเยาว์วัย ช่วงเวลาแสนสนุกวัยเด็กของเขาหมดสิ้นไปพร้อมกับความเคร่งเครียดเหล่านั้น ท่านอาจารย์ที่ถูกจ้างวานมาสอนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาเป็นเด็กดี มีพรสวรรค์ที่ซุกซ่อน แม้เพียงร่ำเรียนไม่กี่ครั้งความสามารถก็พัฒนาไปไกลกว่าบุตรชายหลายตระกูลเสียแล้ว นั่นเป็นความน่าภูมิใจของตระกูลเฮนลิสันเลยทีเดียว แน่นอนว่าตัวของมาราม่าไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่นัก หากทว่านั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องทำ เขาถึงทำมัน เขาเชื่อฟังผู้เป็นพ่อแม่เสมอ บุพการีสั่งอะไรเขาก็ล้วนแต่ที่จะทำราวกับเป็นเพียงหุ่นกระบอกให้พวกเขาชักใยได้ตามใจชอบ ปูเส้นทางทุกอย่างให้เขาก้าวเดินไปตามทางนั่นอย่างไม่คิดจะโต้แย้ง พวกเขาใคร่ให้มาราม่าเป็นอะไร เขาก็จะเป็น แม้ว่าในใจของเขาอาจจะต่อต้านหรือไม่อยากทำก็ตาม
บางทีอาจจะเป็นเพราะความเหงาหงอยที่เกิดขึ้นในส่วนลึกของจิตใจทำให้ครั้งหนึ่งเขาแอบหนีออกไป โลกภายนอก ห่างไกลจากคฤหาสน์หลังนั้นที่ราวกับกรงขังนั่นเป็นอิสระ สว่างไสวและน่าค้นหาในดวงตาของมาราม่า
เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับเด็กหนุ่มคนนึง
อีกฝ่ายเป็นเด็กหนุ่มวัยใกล้เรือนเคียงกับเขา เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายซอมซ่อ กระนั้นดวงหน้าที่เริ่มแสดงความหล่อเหลานั้นกลับเต็มไปด้วยความสดใส ยามเมื่อมองมาและคลี่รอยยิ้มทาบทับบนริมฝีปาก มาราม่าก็เริ่มรู้สึกผิดแผลกไป คราแรกมันเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ เขาพบว่าเด็กน้อยคนนั้นช่างเจรจา ท่าทางขี้เล่นเป็นมิตรทำให้เขาสนิทสนมกับอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
" เจ้ามีนามว่าอะไรเล่า?"
อีกฝ่ายเอ่ยถาม รอยยิ้มกว้างทาบทับบนริมฝีปากขณะมองมายังเขา มาราม่ายืนแน่นิ่ง นัยน์ตากระพริบปริบด้วยความงุนงงก่อนที่เขาจะกดนิ้วชี้มายังตัวเอง เอ่ยน้ำเสียงนุ่มถามซ้ำอีกครา "ข้าหรือ?"
" ใช่แล้ว! ข้าคุยกับเจ้า ก็ต้องถามเจ้าสิ! "
" อ่า " เขาชะงักไปชั่วครู่กับคำพูดของอีกฝ่าย เป็นครั้งแรกที่เขาถูกถามชื่อ นอกเสียจากงานสังคมที่มีผู้คนมากมายรู้จักเขาและคอยเข้าหาเพื่อหวังผลประโยชน์ นี่เสมือนกับเป็นคราแรกที่คุณชายน้อยจากคฤหาสน์แสนสูงโส่งมิต้องสวมใส่หน้ากาก
" นามของข้า– คือมาราม่า "
" นามแปลกเสียจริง " อีกฝ่ายขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากฟังชื่อของเขา ท่าทางครุ่นคิดราวกับจะหาความหมายของมันเผลอทำให้เขาหลุดหัวเราะร่วนออกมาเสียงแผ่วเบา
เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ดวงหน้ากลมฉายแววหล่อเหลานั่นหันกลับมามองพร้อมยิ้มแป้น
" กระนั้นมันก็เป็นนามที่ไพเราะยิ่ง ข้าชอบมัน "
ในเสี้ยววินาทีของคำพูดนั่นมาราม่ารู้สึกผิดแผลก ปลายนิ้วเรียวสวยสั่นระริกเล็กน้อย ความรู้สึกยุบยิบราวถูกบางสิ่งขีดข่วนในอกแล่นริ้วขึ้นจนต้องเม้มริมฝีปากเข้าหากัน อาจจะเพราะเป็นคราแรกที่ถูกเอ่ยว่าชื่นชอบในนามของเขา
" แล้วเจ้าเล่า มีนามว่าอะไรหรือ? "
กระนั้นเขาก็กลบความรู้สึกแปลกประหลาดนั่นลงไป ยกรอยยิ้มนุ่มนวลขึ้นมาทาบทับบนใบหน้า ทรุดตัวนั่งลงเคียงข้างเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนพื้นสกปรกอย่างไม่คิดสนใจเสื้อผ้าที่จะเปรอะเปื้อน
" ข้ามีนามว่า คาลอส "
" เช่นนั้นนามของเจ้าก็เป็นนามที่ไพเราะเช่นกัน ข้าชอบมัน "
" เพราะอะไรกันมาม่า เจ้าพูดพร่ำไปใหญ่แล้ว นามนี้คนใช้กันซ้ำถมเถไป "
" มาม่า? "
เขาขมวดคิ้ว
" หืม? ก็เป็นนามที่ข้าไว้ใช้เรียกเจ้าโดยเฉพาะอย่างไรเล่า! "
" ต้องมีด้วยหรือ? "
" สำหรับข้ากับเจ้าที่เริ่มเป็นสหายกันต้องมีอยู่แล้ว เพราะเวลาข้าเรียกเจ้าด้วยนามนี้เมื่อไหร่ เจ้าก็จักจำได้ทันทีว่าเป็นข้า "
" แล้วข้าต้องตั้งให้เจ้าหรือไม่? "
มาราม่าเอ่ยถามกลับ แปลกประหลาดยิ่งนักกับสิ่งที่เรียกว่าสหายที่เพิ่งเคยพานพบ ในหัวครุ่นคิดหลากหลายในการแบ่งชื่อคาลอสให้มันดูไม่ประหลาดที่สุด ก่อนจะได้สติกลับมาเมื่อมือสองคู่นั้นมาแปะอยู่ข้างแก้ม สัมผัสอุ่นร้อนแล่นริ้วไปตามผิวเนื้อขาวจนเผลอสะดุ้งเล็กน้อย นัยน์ตาเรียวเบิกกว้างอย่างนึกตกใจ
" ฮ่าฮ่า เจ้าทำตาโตเหมือนเจ้าสัตว์หน้าขนที่ข้าเลี้ยงไว้อยู่เลย! " อีกฝ่ายหัวเราะลั่น ขยับมือคลึงแก้มขาวของคุณชายเฮนลิสันจนเริ่มแต้มสี " ส่วนเรื่องชื่อนั่นไม่ต้องตั้งให้ข้าก็ได้ "
" ทำไมเล่า? ทีเจ้ายังตั้งให้ข้าเลย "
" แค่เจ้าเรียก ข้าก็จำได้แล้วว่าเป็นเจ้า "
" จะจำได้อย่างไร? "
" ก็ข้าบอกว่าจำได้ ต่อให้คนเรียกข้าเป็นร้อยเป็นพันคน ข้าก็จำเจ้าได้น่า! "
หลังจากนั้นเขาก็ถูกคนตามกลับบ้านหลังจากพูดคุยเล่นกับคาลอสนานเสียจนดึกดื่น เนื้อตัวมอมแมมจนกลับไปถูกแม่บ้านที่ดูแลดุจนหูแทบชา ยิ่งรับรู้ว่าเขาพบปะกับเพื่อนสามัญชน ความแตกต่างของฐานันดรก็เป็นสิ่งที่ตัวของมาราม่าถูกสั่งสอนต่อจนเขาคร้านที่จะฟัง กฎระเบียบตระกูลทั้งหลายถูกยกขึ้นมาสั่งสอนให้เขาจำ และ ก็เป็นครั้งแรกที่มาราม่าเริ่มดื้อดึงที่จะพบปะมิตรสหายสามัญชนอย่างคาลอส
" รู้ที่ไหนอายไปถึงนั่น! เจ้ากล้าลดตัวไปคุยกับไอ้สามัญชนนั่นหรือ!? "
เรื่องราวกระทบเข้ากับหูของผู้เป็นบิดา อีกฝ่ายหน้าดำทะมึนก้าวเท้ามาตวาดใส่เขาเสียงดัง ร่างของเด็กน้อยตัวสั่นระริก สองมือกุมกันแน่นด้วยหวาดกลัวที่ไม่เคยพานพบมาก่อนจากการกระทำของผู้เป็นบิดา
" ท่านพ่อ คาลอสมิใช่คนไม่ดีอะไร เหตุใดทำไมข้าถึงคบเขาไว้มิได้? "
น้ำเสียงนุ่มสั่นระริก กระนั้นก็ยังทำใจสู้เสือเอ่ยถาม ใบหน้าช้อนขึ้นสบมองเสี้ยวดวงหน้าที่ทวีความโกรธขึงของอีกฝ่าย ในใจพลันร่ำร้องอย่างหวาดผวา
ฝ่ามือแข็งราวกับคีมเหล็กเอื้อมมาจับบ่าทั้งสองข้างของเขาไว้ นิ้วมือบีบแน่นบนลาดไหล่จนเด็กน้อยเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวดที่แล่นริ้ว
" เจ้าเข้าใจอะไรยากนัก ก็มันเป็นเพียงแค่สามัญชนชั้นต่ำ ชนชั้นล่างที่ต้องมาเป็นทาสให้พวกเราหยิบใช้ มาราม่า มีเจ้านายที่ไหนต้องลดตัวไปเสวนากับทาสพวกนั้นกัน? "
ใบหน้าของเขาชาวาบกับคำพูดเหล่านั้น
" ไม่– " เขาส่ายหน้า น้ำเสียงสั่นเครือ " ไม่– พวกเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนพวกเรามิใช่หรือ? ท่านพ่อ "
" เจ้ามันโง่เง่านัก พวกที่มิมีอำนาจอยู่ในมือก็เป็นเพียงแค่เนื้อชิ้นงามให้พวกเรากินเท่านั้น หากเจ้าอยากคบกันมันมากนัก ไว้ข้าจะไปซื้อตัวมันมาเป็นเด็กรับใช้ให้เจ้าก็แล้วกัน ส่วนเพลานี้เจ้ากลับไปอ่านหนังสือหนังหาเสีย อย่ามัวมาทำตัวไร้ประโยชน์อยู่ตรงนี้ หากว่าอยากได้สหายนักก็ไปผูกมิตรกับพวกชนชั้นระดับเดียวกันกับเจ้าซะ "
ท่านชายเฮนนิสันช่างเลือดเย็นหาใครเปรียบ
มาราม่าเริ่มนึกหวาดกลัวในความโหดร้ายของบิดาตน จากการออกไปโลดแล่นภายนอกอย่างเปิดเผยก็เปลี่ยนเป็นการลักลอบออกไปพบปะกับสหายเพียงคนเดียวของตนแทน ในช่วงเย็นกลางดึกคืนหนึ่ง เขาเอ่ยกับเด็กหนุ่มที่เริ่มก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่เฉกเช่นเขาด้วยใบหน้าแสนเศร้า
" ข้าอาจจะไม่ได้มาพบกับเจ้าอีกแล้ว " มาราม่าเอ่ยเสียงเศร้าไม่ต่างกัน ทรุดตัวนั่งลงเบื้องหน้าของสหายหนุ่มวัยเท่ากัน นัยน์ตาหลุบลงต่ำมองพื้นดินที่เหล่าคนในคฤหาสน์พูดกันว่าสกปรกหนักหนา ไม่ทันสังเกตเห็นเสี้ยวอารมณ์วูบไหวในนัยน์ตาของคู่สนทนาที่สะทกท้อนอยู่
" ข้าเข้าใจ " ่คาลอสตอบรับ เรียกสายตาของเขาให้เงยขึ้นสบมอง
และพบว่าบนใบหน้าคมคายนั่นยังแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มกว้างดังเดิม
เสมือนกับแรกพบคราแรก
เพียงคราแรกช่างประหลาดนัก
ทว่าครานี้เขารู้สึกราวกับว่าใจถูกพรากไปแสนไกล
ด้วยรอยยิ้มและนัยน์ตาพราวระยับคู่นั่น
" อ่า " ริมฝีปากอิ่มอ้าหุบเข้าหากันเฉกเช่นคนไม่รู้จะพูดสิ่งใด อารามความรู้สึกแปลกประหลาดนั่นกลับเข้ามาอีกคนจนชวนงุ่นง่าน สองมือไม้สับกันพัลวันมิรู้จะเอาวางไว้ที่ใด ก่อนร่างของคุณชายเฮนลิสันพลันสะดุ้งตกใจ มือหยาบกร้านของอีกฝ่ายแตะลงบนหน้าผากขาว สัมผัสผิวเนื้อเนียนนั่นกระทั่งมันแต้มสีแดงเรื่อ
" เจ้าไม่สบายหรือ? "
" ป เปล่า ข้าสบายดี "
" คนสบายดีไฉนถึงหน้าแดงเช่นนั้นเล่า ยามนี้อากาศเองก็เย็นตัวลงพอสมควรแล้ว รีบกลับก่อนเถิด เดี๋ยวเจ้าจะจับไข้เอา "
อีกฝ่ายเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือความกังวล หากไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองเขาก็จะคิดว่าอีกฝ่ายนึกเป็นห่วงเขาขึ้นมา
" เจ้าเป็นห่วงข้าหรือ? "
ดูเหมือนว่าปากเขาจะไวกว่าความคิด
" มิผิด ข้าเป็นห่วงเจ้า "
ห้วงลมหายใจกระตุกพร้อมกับอาการเต้นผิดจังหวะของก้อนเนื้อในอก รีบทำให้คุณชายเฮนลิสันรีบผุดลุกขึ้นจากพื้น มือไม้ปัดฝุ่นที่เขรอะบนกางเกงตัวเองก่อนจะรีบวิ่งแจ้นหนีออกไปทันที ท่ามกลางความงุนงงของสหายที่ยืนมองไล่หลัง
เขาคิดว่ามันเป็นความรัก แบบที่บุรุษผู้นึงพึงมีให้บุรุษ กระนั้นตัวของมาราม่าก็มิรู้จะแสดงออกเฉกเช่นไร ยามเมื่อเขาอ้าปากเอ่ยถามคนใช้ที่รับใช้อยู่ข้างกายมาตลอดทั้งชีวิต อีกฝ่ายก็พลันมีสีหน้าบิดเบี้ยวคล้ายเดียดฉันท์ทันควัน
" บุรุษกับบุรุษหรือเจ้าคะ? "
" อือฮึ "
" ข้าคิดว่ามันช่างน่าขยะแขยงนัก บุรุษเกิดมาสมควรเคียงคู่กับสตรีเจ้าค่ะ เพื่อมีบุตรไว้สืบสกุล เหตุไฉนถึงต้องพึงพิศวาทบุรุษด้วยกันด้วย มีบุตรก็มิได้ หากบ้านใดมีคนวิปลาสพวกนั้น ช่างน่าอับอายแก่ตระกูลนั้นโดยแท้"
เขาเม้มปากเข้าหากัน ดวงหน้าขาวยิ่งทวีความซีดเผือดลงไปอีกนักต่อนักเพราะความน่าอับอายของตระกูลนั่นก็คือเขา ความไม่เข้าใจก่อเกิดขึ้นในอกว่าเหตุใดถึงไร้ความเท่าเทียมหากว่าเป็นบุรุษด้วยกัน มิใช่บุรุษหรือสตรีดังที่ควรจะเป็น ไม่ว่าใครที่เดินผ่านมาได้ยินเรื่องเหล่านี้ต่างก็มีสีหน้าไม่น่าดูชมนัก หลังจากนั้นข่าวเล่าลือก็เริ่มดังขึ้น กระจายออกเป็นวงกว้างถึงเรื่องราวของคุณชายเฮนลิสันที่ชื่นชอบบุรุษเพศเดียวกัน
บิดาของเขารับไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง เป็นอีกคราที่เขาได้พบปะใบหน้าคมคายที่เต็มไปด้วยความโกรธขึง ท่านเรียกเขาเข้าไปพบในห้องทำงานส่วนตัว ทันทีที่เห็นมาราม่าโผล่เข้ามา แท่นหมึกฝนก็ถูกปากระทบกับข้างแก้มของเขาจนปวดไปทั้งซีก
" เจ้าลูกไม่รักดี! " สุรเสียงกร้าวตวาดดังลั่นพร้อมกับแรงอารมณ์ที่ถูกระบายลงบนโต๊ะไม้จนเกิดเสียง " ข้าหรือนึกว่าเจ้าเพียงอยากได้มิตรสหายจึงแนะนำมิให้พบกับสหายชั้นต่ำพวกนั้น แต่แท้ที่จริงเจ้ามีใจให้มันหรือ!? "
"..."
เด็กหนุ่มทำได้เพียงใช้ความเงียบเป็นคำตอบ ราวกับน้ำมันที่ราดบนกองเพลิง ยิ่งทวีความโกรธเคืองให้ลุกโหมรุนแรงมากยิ่งขึ้น นายท่านเฮนลิสันรู้สึกราวกับว่าในหัวของตนราวกับถูกเข็มแหลมรุมทิ่มแทงอย่างรุนแรง ลมหายใจถี่กระชันหอบเข้าออกระบายความโกรธเคือง ฝ่ามือหยาบกร้านสองข้างกำเข้าหากันแน่นจนขึ้นเป็นแนวเส้นเลือดสีเขียวพาดบนท่อนแขนใต้เสื้อสูทตัวหนา
" ข้าไม่เคยบุตรวิปริตเฉกเช่นเจ้า! สตรีมีให้พึงชอบกลับคิดไปรักใคร่กับบุรุษ! เขาลือกันไปทั่วทั้งเมืองแล้วว่าในตระกูลเฮนลิสันที่ผู้ที่คอยมอบศรัทธาของพระผู้เป็นเจ้าให้แก่เจ้า กลับกระทำบาปเอาไว้เสียเอง นี่เป็นความผิดใหญ่หลวงของเจ้า มาราม่า เฮนลิสัน พระผู้เป็นเจ้าจักไม่มีวันให้อภัยในการกระทำของเจ้าเป็นแน่!!!! "
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก สองมือกำเข้าหากันแน่นด้วยอารามความโกรธเคืองที่กระอักล้นเต็มอก ริมฝีปากสั่นระริก ก่อนมันจะเผยอออก เอ่ยโต้ตอบกลับผู้เป็นบิดาเป็นคราแรก
" ท่านเอาอะไรมาตัดสินในความผิดบาปของข้า? พระผู้เป็นเจ้ามีสิทธิ์อะไรในการไม่ให้อภัยข้า ความรู้สึกก็เป็นของข้า ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ข้าตัดสินเอง เหตุไฉนข้าถึงต้องให้ใครต่อใครที่ข้าไม่รู้จักมาตัดสินชะตาความเป็นไปของข้า! ข้าจะมีชีวิตเป็นของข้า! แม้แต่ข้าจะพึงใจกับใคร ผู้ใด นั่นก็เป็นเรื่องที่ข้าจะตัดสินเองเช่นกัน ไอ้สายตาผู้คนเหล่านั้น หากข้าไม่สน ท่านไม่ให้ความสนใจกับมันแล้วผู้ใดจักทำอะไรได้!? "
" เจ้าโง่!! ที่ข้าพูดไปเจ้ามิได้จำอะไรใส่หัวเลยใช่หรือไม่ เสียแรงที่ข้าเคยเลี้ยงดูและสั่งสอนเจ้ายิ่งนัก กล้าพูดเรื่องวิปลาศเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร!? ตระกูลเฮนลิสันไม่มีมารหัวขนผิดต่อจารีตศาสนาเช่นเจ้า! ออกไปให้พ้นหน้าข้าไอ้ลูกเนรคุณ! "
ตำราเล่มใหญ่ถูกปาใส่เขาอีกครา กระแทกลงบนร่างจนผิวเนื้อขึ้นสีแดง ความรู้สึกเจ็บช้ำภายนอกเทียบไม่ได้กับความรู้สึกอัดแน่นภายในเลยเสียด้วยซ้ำ คืนนั้นเมื่อมาราม่ากลับไปภายในห้องตนเอง เขาปิดใบหน้าตนและร่ำไห้ออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ในใจเต็มเปี่ยมไปด้วยคำถามที่ไร้ผู้ใดตอบกลับเขาได้
เฮนลิสันเป็นตระกูลผู้ศรัทธาในพระเจ้า ทุกพื้นที่ในคฤหาสน์มักประดับประดาด้วยรูปปั้นสีขาวนวลของผู้เป็นใหญ่เหนือน่านฟ้าให้ผู้คนที่เฝ้ามองศรัทธาเสมอ กระนั้นยามเมื่อมาราม่าเมียงมอง เขากลับรู้สึกชังบุรุษผู้ที่ใครหลายคนต่างมอบความรักให้ยิ่งนัก
เขาเกลียดพระเจ้า ยิ่งทวีความชิงชังมากกว่าเดิมเมื่อพระเจ้ากลายเป็นคำกล่าวอ้างในการตัดสินชะตาชีวิตและเส้นทางของใครซักคนนึงโดยที่ผู้คนเหล่านั้นไร้ทางตอบโต้ เด็กหนุ่มคิดกับตัวเอง ยิ่งได้ยินเสียงซุบซิบนินทาและสายตาแปลกประหลาดจากสาวใช้ที่แม้กระทั่งสนิทสนมกับเขามายาวนานก็ยิ่งทำให้มาราม่าตัดสินใจกับตัวเองได้ เขาเลือกที่จะเก็บข้าวของส่วนตนเพื่อที่จะออกจากกำแพงใหญ่ที่ใครต่อใครต่างก็ปรารถนาจะเข้ามาอยู่ภายใน
มาราม่าเลือกที่จะหนีออกจากบ้าน
เขาพร้อมที่จะเป็นนกที่โบยบินอย่างอิสระโดยไม่หันหลังกลับมาเสียแล้ว
ตระกูลเฮนลิสันทำบุตรชายเพียงคนเดียวหล่นหายไป นายท่านเฮนลิสันยิ่งอารมณ์ทวีความร้ายกาจมากกว่าเดิมจนพลั้งทำลายข้าวของในบ้านเละเทะ ส่วนเด็กหนุ่มที่หนีออกมาได้ ที่ปักหลักเพียงหนึ่งเดียวของเขาคงเป็นพื้นที่ของสหายที่ครอบครองความพึงใจของเขาไว้อย่างหมดจด อีกฝ่ายได้ยินเรื่องราวทำเพียงแค่หัวเราะ เปิดบ้านหลังซอมซ่อให้เขาเข้าไปภายในแต่โดยดี ระยะแรกมาราม่ารู้สึกราวกับเขาอยู่ในที่ที่เขาไม่คุ้นชิน แม้ว่าคาลอสจะพยายามอำนวยความสะดวกให้แก่คุณชายใหญ่เฮนลิสันมากที่สุด กระนั้นตัวเขาที่เคยนอนบนเตียงอุ่นนุ่ม รับประทานอาหารเลิศรส ใส่เสื้อผ้าหรูหรามาก่อน เมื่อมาอยู่ในพื้นที่กันดารก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าไม่ใคร่สบายตัวเท่าไหร่นัก
" ข้าจะพยายามซื้อผ้าปูเตียงใหม่มาให้เจ้า " สหายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่มหลังจากที่เห็นเขาจ้องมองเตียงฝุ่นเขรอะอย่างช่างใจอยู่นาน นัยน์ตาของมาราม่าวูบไหว ในใจรู้สึกผิดขึ้นมาทันตาเห็น เขาเป็นผู้อาศัยแท้ ๆ กลับกลายเป็นว่าเจ้าบ้านดันต้องมาดูแลเขาแทนเสียอย่างนั้น เด็กหนุ่มรีบส่ายหน้า ล้มตัวนอนลงบนเตียงเก่ากึกอย่างรวดเร็วพร้อมดึงผ้าห่มคลุมชิดคอ
ฝุ่นที่เปรอะเปื้อนบนผ้านั่นคลุ้งเข้าจมูกจนเผลอสำลักออกมาระรอกใหญ่
คาลอสส่ายหน้าอย่างอ่อนใจในตัวอีกฝ่าย ชี้นิ้วไปบนเตียงนึงที่ดูสะอาดที่สุดที่ตั้งอยู่ริมหน้าต่างบ้านคับแคบ
" ไปนอนที่นั่นหรือไม่ นั่นเตียงข้าเอง "
" แล้วเจ้าจะไปนอนไหนเล่า? " เขาพลันขมวดคิ้วมุ่นทันที เตรียมที่จะเอ่ยปฎิเสธกระนั้นหมอนก็ถูกยัดมาไว้ในอ้อมแขนอย่างรวดเร็วพอ ๆ กัน
" ก็นอนกับเจ้า "
" น นอนกับข้า? " นับเป็นภาพที่หาดูยากไม่น้อย การที่เห็นคุณชายเฮนลิสันอ้าปากหวอจนแมลงแทบบินเข้าปาก
" ใช่ ก็นั่นเตียงข้า หากไม่นอนบนเตียงข้าจะให้ไปนอนที่ไหนเล่า "
" เอ่อ ไม่ แล้วมันจะไม่เบียดกันหรือ? "
" ข้านอนคนเดียวสุดแสนจะอ้างว้าง มีคนมานอนด้วยก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเปราะหนึ่ง อีกอย่างตัวเจ้าก็เพียงแค่นี้ ให้นอนเบียดกับเจ้าเรอะ ข้าไม่ตายหรอก "
รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นว่าเขาหอบข้าวหอบคองมานั่งบนเตียงอีกฝ่ายเป็นที่เรียบร้อย มาราม่าเหลือบสายตามองสหายหนุ่มของตน ไล่พิจรูปร่างที่เริ่มเผยชัดถึงเค้าโครงบุรุษ หากว่าอีกฝ่ายอยู่ในตระกูลผู้ดี คงมีคุณหนูไม่น้อยที่พร้อมจะทอดสะพานมาเชื่อมความสัมพันธ์ พวกคนเหล่านั้นก็มีดีแต่เปลือก สนเพียงรูปโฉมและฐานันดร แต่เพราะคาลอสเป็นเพียงสามัญชนธรรมดา ความสนใจเหล่านั้นจึงเปลี่ยนกลายเป็นการดูถูกเพื่อให้ตนเองดูสูงส่งขึ้น
น่าขบขันยิ่งนัก
เขาหลุดหัวเราะในลำคออย่างนึกเหยียดหยาม
ก่อนหน้าผากจะโดนดีดเสียงดังป๊อกจนหัวโยก
" เจ้า! ดีดหน้าผากข้าทำไมกัน "
" ข้าเห็นเจ้ามัวแต่คิดอะไรอยู่นานสองนาน ตอนนี้ข้าจัดการที่นอนเสร็จแล้ว ถึงเวลานอนได้แล้วขอรับคุณชายเฮนลิสันของกระผม "
สหายหนุ่มเอ่ยหยอกเย้า ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงนุ่มอย่างสบายอารมณ์ ทิ้งคุณชายเฮนลิสันที่ว่านั่งค้าง ใจเต้นตุ้มต่อมกับสรรพนามดังกล่าวของอีกฝ่ายจนไม่ทิ้งตัวนอนซักที ทำเอาคนที่หลับไปแล้วต้องลืมตาขึ้นมาข้างหนึ่ง รั้งร่างผอมของมาราม่าให้ล้มตัวนอนลงมาด้วยกันพร้อมกับลูบหลังเขาเหมือนบุพการีกล่อมบุตรนอน
" ข้าไม่ใช่เด็กแล้วเสียหน่อย "
เขาบ่นอุบ
" เอาน่า นาน ๆ ทีข้าก็อยากลองเป็นพี่ชายเสียบ้าง "
" งั้น.. " น้ำเสียงนุ่มนวลลากยาว ชั่ววูบมาราม่าพลันมีความคิดเห็นแก่ตัวขึ้นมา " เช่นนั้นท่านพี่จับมือข้านอนได้หรือไม่เล่า? "
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสงัดเพียงชั่วครู่ มีเพียงเสียงลมหายใจที่สะท้อนชัด
ไม่นานในความเงียบนั่น เสียงทุ้มก็ตอบกลับมาแผ่วเบา
" ที่จริงแล้ว เรื่องนั้นไม่ต้องขอ ข้าก็ยินดี "
ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอีกฝ่ายกล่าวได้ว่าครุมเครือ กระนั้นตัวของมาราม่าก็มิได้คิดหวังอะไรมากนัก ที่เป็นแบบนี้มันก็ดี ตระกูลเฮนลิสันอะไรนั่นเขาทิ้งมันลงไปกับแม่น้ำหมดแล้ว บิดาที่ภาพลักษณ์บอกว่ารักเขาหนักหนา แท้จริงอีกฝ่ายก็ไม่ได้ใคร่ที่จะตามหาเขาเท่าไหร่นัก ป่านนี้เขาคงกลายเป็นลูกเนรคุณสมใจอยากของอีกฝ่ายไปเสียแล้ว มาราม่าเริ่มต้นชีวิตแบบสามัญชนธรรมดา
ชีวิตของเขามันควรที่จะเป็นปกติแบบที่เขาเฝ้าฝัน
ทว่านั่นก็เป็นความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ที่ตัวของมาราม่านั้นใคร่ปรารถนาไปเอง
อมนุษย์
ปีศาจหรือก็ไม่ใช่ มนุษย์หรือก็ไม่ใช่
สิ่งมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ไร้สติสัมปชัญญะนั่นทำให้เขาหวาดกลัว เด็กน้อยเพียงสองคนไม่สามารถตอบโต้อะไรกับอมนุษย์ผู้มากด้วยพละกำลังนั่นได้อยู่แล้ว ความหอมกรุ่นของเนื้อมนุษย์ล่อลวงให้มันขยับเข้ามาใกล้ขณะที่เขาสองคนกำลังนอนหลับอยู่ภายในบ้านหลังเล็ก ความรู้สึกที่ไม่สบายใจก่อเกิดขึ้นสำหรับมาราม่า เขาไม่อาจนอนหลับได้กระทั่งลืมตาขึ้นพบกับนัยน์ตาสีแดงฉานเจือแววกระหายเลือดที่จ้องมองมาอยู่
กรงเล็บสีเงินสะท้อนกับแสงจันทร์
เขากรีดร้องเสียงดังลั่น
ชั่ววินาทีของความเป็นความตายมาราม่าย้อนนึกไปถึงคำพูดของบิดาที่สวดภาวนาต่อพระผู้เป็นเจ้า นี่สิ ถึงเป็นปีศาจที่แท้จริงควรค่าแก่การถูกกำจัด
ทว่าการโจมตีของอมนุษย์นั่นไร้ผล เด็กหนุ่มที่หลับตาปี๋ลืมตาขึ้นมาพบว่าสหายสนิทของเขากักกันการโจมตีของปีศาจร้ายไว้ได้ คาลอสตะโกนให้เขาหนี ซึ่งมาราม่าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวในใจก็ตะเกียกตะกายหนีไม่คิดชีวิต และ นั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์ที่สุดของเขา
เขาสูญเสียสหายคนสนิทไปอย่างไร้ทางหวนกลับ
ย้อนนึกแล้วก็ขบขันกับตนเอง
เขาภาวนาต่อพระองค์ผู้เป็นเจ้าเพื่อปกปักษ์คาลอส เด็กหนุ่มผู้บริสุทธิ์นั้นไม่ควรที่จะต้องสละชีวิตด้วยเงื้อมือของอสูรผู้ชั่วร้ายเช่นนี้เลย
ดาบแลกดาบ เลือดแลกเลือด
แม้อีกฝ่ายจะสิ้นชีพ แต่เขาก็ยังทำหน้าที่ของตนได้ดีที่สุดคือการสังหารอมนุษย์ตัวนั้นจนตายตกไปพร้อมกับตน เขาจำได้ดีถึงความรู้สึกรวดร้าวในอกยามนั้นเมื่อกลับเข้าไปพบเพียงร่างไร้วิญญาณของสหาย
สองแขนประคองกอดร่างของอีกฝ่ายไว้แนบแน่น ความเสียใจไม่อาจพรรณนาออกมาเป็นคำพูด ท้ายที่สุดมันก็กลั่นออกมาในรูปแบบของหยดน้ำตา หยดแล้วหยดเล่าที่กระทบลงกับข้างแก้มซีดเผือดไร้เลือดนั่น
นัยน์ตาสีดำราวกับประดับประดาด้วยดวงดารามากมายบัดนี้ไร้แวว มันเบิกค้าง สะท้อนใบหน้าเปื้อนน้ำตาจนเละเทะของเขาคล้ายกับเฝ้ามองว่าสหายของตนนั้นจะปลอดภัยจวบจนวาระสุดท้าย
มาราม่าฝ่ามือสั่นระริก
กระนั้นเขาก็ยังปิดเปลือกตาให้กับสหายของตน
และรักแรกของตนเช่นเดียวกัน
หลังจากนั้นไม่นานก็มีผู้ตามเจอ อีกฝ่ายเป็นสตรีร่างสูงโปร่ง ท่าทางดูภูมิฐาน เมื่อเห็นร่างของเด็กหนุ่มในอ้อมแขนเขาก็ถกถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ
“ เขาเป็นลูกศิษย์ของข้า ”
นางเอ่ยขึ้นมาเช่นนั้น น้ำเสียงแผ่วเบาราวกับไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของอีกฝ่าย
“ ช่างเป็นเด็กที่ดื้อดึงนัก ข้าเคยบอกเขาแล้วว่าอย่าทำอะไรเกินตัว เห็นทีเขาคงคิดจะปกป้องเจ้าจนเป็นเช่นนั้น ”
สุดท้ายก็ตายไปอย่างไร้ผู้ใดจดจำ
ความโศกเศร้าของมาราม่าอัดแน่นเต็มอกจนแทบระเบิดออก เขากอดร่างของคาลอสอยู่อย่างนั้นจนสตรีผู้มองดูอยู่หันหลังเดินออกไป
ก่อนที่จะหยุดชะงักเมื่อสุรเสียงสั่นเครือของมาราม่าเอ่ยรั้งเอาไว้ “ ข้าขอติดตามท่านไปด้วยได้หรือไม่? ”
“ ได้โปรด รับข้าเป็นลูกศิษย์อีกคนได้หรือไม่ ข้าไม่มีที่ไปแล้ว หากไม่มีเขา ข้าก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ในที่แห่งนี้โดยมิรู้สึกโศกเศร้าได้อย่างไร ”
หล่อนนิ่งพินิจชั่วครู่ ท้ายที่สุดก็ตกลงรับถ้อยคำของเขาแต่โดยดี
มาราม่าติดตามไปในฐานะลูกศิษย์ของสตรีนางนั้น หลังจากฝังร่างของเพื่อนเขาไว้ภายใต้ผืนดินหลังบ้านซอมซ่อหลังนั้นที่เต็มไปด้วยความทรงจำ อาจจะเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้เขาไม่เคยที่จะออกนอกจากรั้วบ้านของตน มาราม่าจึงไม่ได้รับรู้ว่าสิ่งมีชีวิตพวกนั้นถูกเรียกขานกันว่าอมนุษย์
มันเข่นฆ่าผู้คนไปมากมาย จนกระทั่งมีคนลุกขึ้นต่อต้าน มนุษย์จำนวนมากที่เปี่ยมไปด้วยพลังนามว่าปราณขยับเข้ามารวมกันเป็นกลุ่มก้อนกลายเป็น หน่วยปราบมาร ขึ้น
เดิมทีแรกเริ่มหล่อนคิดว่าเขาคงจะไปไกลได้เพียงแค่หน่วยปราบมารฝึกหัด ท่าทีเหลาะแหละไม่เอาไหนราวกับคุณชายน้อยซักตระกูลที่จับดาบแทบจะไม่รอดยิ่งทำให้ใครหลายคนดูถูก อีกอย่างหนึ่งก็คงเป็นเรื่องความชอบของเขาที่เริ่มผลัดเปลี่ยนขึ้น จากการที่เขาอาศัยอยู่กับอาจารย์หญิง หล่อนเป็นสตรีเจ้าสำอางผู้หนึ่ง หลงรักในเครื่องประทินผิวและความสวยความงาม ยามเมื่อนั่งอยู่หน้าคันฉ่องก็มักจะแต่งแต้มใบหน้าของตนอยู่นานสองนานจนมาราม่าเริ่มที่จะซึมซับนิสัยเหล่านั้นมา
เมื่อเขาจ้องมองตนหน้ากระจกก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองนั้นสวยงามเฉกเช่นสตรีเหล่านั้น เริ่มแรกเกิดขึ้นด้วยการแต้มชาดลงบนกลีบปาก กระนั้นก็ต้องสะดุ้งสุดตัวยามเห็นอาจารย์หญิงกอดอกจ้องมองอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เขาหวาดผวาว่าหล่อนจะเอ่ยว่าเขาวิปลาศเฉกเช่นบิดาผู้นั้น
“ เจ้างามยิ่ง แต่ข้าว่าชาดสีแดงมันดูร้อนแรงไปเสียหน่อย ควรเปลี่ยนเป็นสีอ่อนกว่านี้ดีหรือไม่? ”
เรียกได้ว่าต้นเหตุความรักสวยงามมาจากหล่อนโดยแท้
มาราม่าเองก็ชื่นชอบชีวิตเช่นนี้อยู่พอสมควรเลยทีเดียว เขาเริ่มที่จะไว้ผม ไว้เล็บยาว ทำอะไรหลายอย่างเฉกเช่นสตรีเพศตามที่เขาอยากทำโดยมีอาจารย์หญิงเป็นคนสนับสนุนอยู่ข้างหลัง พอเขาเอ่ยปากถามหล่อนถึงสายตาของผู้คน นางก็ทำเพียงกรอกตาเสียงลูกใหญ่จนต้องนั่งกุมหน้าเพราะปวดตาขึ้นมา
“ เป็นตัวของเจ้าไปเถิด อย่าไปสนใจสายตาผู้อื่นที่ไม่ได้ช่วยให้เจ้ามีชีวิตที่ดีขึ้นเลย ”
ตั้งแต่นั้นเขาก็เลิกนึกใส่ใจคำคนไปโดยปริยาย ใครใคร่จะพูดอะไรลับหลังเขาก็ตามแต่ความสบายใจของเจ้าตัวเถิด แต่ถ้าเขาได้ยินเมื่อไหร่ก็ไม่วายที่จะด่ากลับเช่นกัน
คำพูดดูถูกเหล่านั้นก็นับเป็นพลังที่ทำให้เขาฝึกฝนและถีบตัวเองให้ไต่เต้าขึ้นสูงมากขึ้นอีกด้วย เมื่ออายุ 22 ปีบริบูรณ์ นับว่านานพอสมควรตั้งแต่ครานั้นยามที่เขาอายุเพียง 19 ปี เด็กน้อยเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ พลังปราณของเขาเองก็ตื่นขึ้นในตอนนั้นเช่นกัน ครั้งแรกที่ปฎิบัติภารกิจล่าอมนุษย์พร้อมกับผู้ฝึกหัดคนอื่น มาราม่าเห็นเพื่อนของตนบาดเจ็บเป็นจำนวนมากจนเผลอระเบิดความโกรธของตนออกมา
ปราณพลังแข็งแกร่งเข่นฆ่าอสูรให้ตายลงภายในพริบตาเดียว ผีเสื้อปีกงามกระพือปีกมาเกาะบนปลายนิ้วของเขา อวดโฉมปีกสีม่วงสวยราวกับบ่งบอกว่าพวกมันมีตัวตนอยู่เป็นความแข็งแกร่งของเขา
ด้วยผลงานที่ประจักษ์ถึงความแข็งแกร่งของเขาได้ คนที่เคยเอ่ยปากดูถูกก็แทบหุบปากกันไม่ทัน ในไม่นาน, มาราม่าก็ได้ไต่เต้าขึ้นมากลายเป็นหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์สีชาดผู้เที่ยงธรรมในช่วงอายุ 25 ปีบริบูรณ์
( มาราม่า : จริงๆ แล้วข้าอยากเป็นสาวสวยในกุหลาบสีม่วงเหมือนกันนะ )
นิสัย :
แม้ชื่อของมาราม่าจะให้ความรู้สึกเหมือนเป็นหม่าม๊าที่พร้อมดูแลบุตรหลานของท่าน แต่อย่าคิดที่จะเอาไปพูดให้สมาชิกที่เหลือในหน่วยฟังเชียว สำหรับคนที่รู้จักผู้ชายใจหวานคนนี้ดีคงจะมองเขาเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะอย่างมนุษย์ป้าบ้านใกล้เรือนเคียงซะมากกว่า หัวหน้ามาราม่าถือเป็นด่านใหญ่ยักษ์ที่ผ่านงานไปได้ยากที่สุดเพราะสารพัดความขี้บ่นขี้จุกจิกของเขาเอง ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบ ห้ามขาดห้ามเกินไปแม้แต่เซนเดียวถึงจะเรียกว่าดี ซึ่งไอ้มาตรฐานคำว่าดี กับ รสนิยมนั้นสูงลิบลิ่วเกินกว่าความเข้าใจของคนอื่น ไอ้คำที่คนอื่นบอกว่าดีนู่นนี่ ก็จะเป็นมาราม่าที่ปัดปิ๋วบอกว่าไม่ได้ดีขนาดนั้นพร้อมกับร่ายข้อเสียหยุบหยับออกมาตามความเห็นตัวเองจนหลายครั้งหลายคราวที่มีคนเสียหน้าไปกับความเถรตรงราวไม้บรรทัดของเขา ไม่ชอบการอ้อมค้อมอะไร ชอบก็บอกชอบ ไม่ชอบก็บอกไม่ชอบจนดูไม่ค่อยรักษาน้ำใจคนอื่นเท่าไหร่นัก กระนั้นตัวมาราม่าก็ถือว่านั่นเป็นความจริงใจที่ไม่เสแสร้งจากเขาแล้ว ต่อไปจะฟังหรือไม่ฟังก็เรื่องของอีกฝ่าย หนำซ้ำยังค่อนข้างที่จะปากร้ายอยู่พอตัว เป็นที่โจทษ์จั่นกับการโต้วาทีไฟแล่บที่แทบจะไม่เคยพ่ายแพ้ต่อใครหน้าไหนมาก่อน เพราะถ้าหน้าม้านปากสั่นจนพูดไม่ออก อีกทางก็คือเถียงตามคำพูดราวติดปีกบินเขาไม่ทันแค่นั้นเอง
เป็นพวกฆ่าได้หยามไม่ได้ มาราม่าเป็นพวกที่ด่าได้ วิจารณ์ได้เพราะเขาจะทำมันกลับมันเหมือนกัน ยิ่งอีกฝ่ายแรงมาเขาก็จะแรงกลับร้อยพันเท่าไม่คิดน้อยหน้า ต่อให้เป็นเด็ก หากว่าดื้อเขาก็ไม่เกรงกลัวที่จะสั่งสอนให้เข็ดหลาบจนในอนาคตไม่กล้าไปทำตัวแบบนี้กับใครอีก อาฆาตแค้นเสียยิ่งกว่างูจงอางหวงไข่ ใครเคยทำอะไรให้เขาเสียหน้าเอาไว้บอกเลยว่าเขจำได้แม่นยิ่งกว่าท่องสูตรคณิตศาสตร์ แถมห้ามไม่ได้ด้วย ใครใคร่คิดมาขวางทางเขาเตรียมโดนเขาปรี๊ดใส่ได้เลย ในสายตาหลายคนคุณแม่เลยดูค่อนข้างที่จะดุร้ายไปซักนิด ถึงแม้ว่าเจ้าพระคุณแม่คนสวยจะพยายามทำตัวให้อ่อนหวานอยู่ตลอด ฉีกรอยยิ้มหวานหยดย้อยประหนึ่งน้ำผึ้งเดือนห้าบนใบหน้าเพื่อรับแขก สรุปก็ล่มเพล้งไม่เป็นท่าเพราะดันมาพังตรงที่ว่ามาราม่าเป็นพวกจุดเดือดต่ำ อารมณ์คลับคล้ายคลับคลาสตรีวันนั้นของเดือนมา ติดจะขี้เหวี่ยงวีนอยู่ไม่น้อยเป็นอะไรที่คนในหน่วยรู้กันดีว่าตอนไหนที่หัวหน้าเดือดปุดอยู่ไม่ควรไปยุ่งย่าม แต่กระนั้นก็ไม่ได้ถึงขั้นที่มาราม่าจะพาลใส่ใครซี้ซั้ว ถ้าเป็นเรื่องของตัวเขาเองก็ไม่มีทางเอาคนอื่นมายุ่งเกี่ยวด้วย แต่ถ้ามันดันกลายเป็นปัญหาของคนอื่นที่ส่งผลกระทบถึงเขาและคนของเขาแม่ก็พร้อมง้างมือฟาดปลิวติดข้างฝา และค่อนข้างจะขี้รำคาญ เห็นอะไรขวางหูขวางตาหน่อยก็พร้อมที่จะตวัดหน้ามองตาขวางทันทีจนคนที่เห็นรู้ตัวว่าควรลากมันออกไปให้ไกลหูไกลตาเขา ซึ่งตัวมาราม่าก็ใช้อภิสิทธิ์ความเป็นหัวหน้าเสียซะคุ้มค่าเชียว เขาไม่ค่อยลงมือทำอะไรเองซักเท่าไหร่ ส่วนมากชอบนั่งไขว้ห้างสวย ๆ ชี้นิ้วสั่งไม่ก็โยนงานให้สมาชิกในหน่วยไปจัดการเองซะมากกว่า
เพราะด้วยความคิดว่าตัวเองเป็นสาวสวยในร่าง เขาจึงใช้ชีวิตประหนึ่งสตรีเพศไปโดยปริยายจึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หากเขาจะกรี๊ดวี๊ดว๊ายกับของน่ารัก หรือ ให้ความสนใจกับหนุ่ม ๆ หน้าตาดีรอบข้างตัวเอง เห็นแล้วหัวใจสาวแก่มันยุบยับรู้สึกเอ็นดูไปหมดจนบอกได้ว่าค่อนข้างสองมาตรฐานระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายอย่างเห็นได้ชัด เขามองผู้หญิงเป็นเพื่อนสาวมากกว่าระดับความสำคัญเลยต่างกันพอสมควร แต่เวลามีวงซุบซิบนินทาอะไรขึ้นมา พวกเพื่อนสาวเหล่านี้จะเป็นตัวละครสำคัญทันที โดยมีมาราม่านั่งป้องปากหัวเราะร่วมวงอยู่ตามภาษาสตรีช่างเม้าท์ช่างคุย มีสารพัดเรื่องอะไรก็นำมาบอกกล่าวกันหมดจนกลายเป็นว่าเขาเหมือนมีหูตารอบตัว มาราม่าค่อนข้างที่จะทันโลก ใครเป็นอะไร คนนั้นกับคนนี้เกิดอะไรขึ้นก็รู้กันไปเสียหมดเสมือนไปหลบอยู่ใต้เตียงชาวบ้านชาวช่องก็ไม่ปาน อีกหนึ่งประการนั้นก็คือส่วนตัวแล้วเขาค่อนข้างที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องของคนอื่นอยู่พอสมควร เป็นพวกอยากรู้อยากเห็น อดใจไม่ไหวเวลาที่มีประเด็นสำคัญอะไรจะต้องรู้ให้ได้ด้วยความทะเยอทะยาน และ ความพยายามที่มากพอจะทำให้เขากลายเป็นเจ้าแม่วงข่าวสารไปโดยปริยาย
มาราม่านั้นมีความมั่นอกมั่นใจในตัวเองที่สูงเช่นเดียวกับความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างไร้คนเกิน ทวงท่าการเดินก็ต้องเฉิดฉาย นวยนาดทิ้งสะโพกอย่างมีจริตก้านแอบแฝงพร้อมปรายตามองชายหนุ่มหน้าตาดีที่เดินผ่านมาอย่างเย้ายวน งานเปิดตัวของเขาแต่ละทีจะน้อยหน้ากว่าใครไม่ได้ กล่าวได้ว่ามาราม่าเป็นพวกขี้เว่อร์ในระดับหนึ่ง หลงรักในความอลังการงานสร้างที่จะถูกใช้มาเป็นความเล่นใหญ่เวลาเปิดตัวไปไหนมาไหนของเขาที่เป็นเหตุทำให้ตัวของมาราม่านั้นโดดเด่นอยู่เสมอ ยิ่งกว่านั้นเขาก็มักจะทำให้ตัวเองดูดีอยู่ตลอดเวลาในสายตาผู้อื่น (อันที่จริงภาพลักษณ์มันก็แตกเพล้งไปแล้ว) ชายหนุ่มเป็นพวกรักสวยรักงามเป็นที่สุด บนใบหน้ามักแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมตามความพอใจของตัวเองรวมไปถึงพรมน้ำหอมตามจุดชีพจรเล็ก ๆ ของตนเสมอ ดูแลตัวเองตลอดตั้งแต่หัวจรดเท้าชนิดยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม เป๊ะตั้งแต่เสื้อผ้าหน้าผมยันสีเล็บ เนี้ยบชนิดที่ว่าแม้แต่ผมเส้นเดียวก็ไม่ให้กระดกขึ้นมาจนชี้ฟู ด้วยเหตุผลประการนี้มาราม่าก็ค่อนข้างที่จะหลงตัวเองอยู่พอสมควร อวดเก่งอยู่ก็ค่อนข้างจะบ่อย แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าไอ้ที่เจ้าตัวพร่ำบอกว่างดงามหนักหนาจนชอบตัวเองเนี่ยเป็นเรื่องจริง รวมไปถึงรักความสะอาดทำให้ยี๋ความสกปรกทุกชนิดอย่างเห็นได้ชัด นอกจากเวลาทำงานจะไม่มีทางได้เห็นเขาเอาตัวเองไปล้มลุกคลุกฝุ่นแน่นอน เรื่องที่ต้องใช้แรงเจ้าตัวจะสะบัดตัวหนีทันที ใครใคร่จะชวนเขาไปซ้อมฟันดาบกลางแสงอาทิตย์อันเจิดจ้าแน่นอนว่าคุณแม่จะส่ายหน้าพรืดจนเครื่องประทินผิวแทบหลุดเลยทีเดียว ให้ตายฉุดกระชากลากถูแค่ไหนแม่ก็จะกรี๊ดลั่นบอกข้าไม่ป๊ายไม่ปาย ตัวของมาราม่าเป็นพวกแฟชั่นนิสต้า เรียกได้ว่าเหมือนกองเสื้อผ้าเดินได้ในแต่ละวันที่ไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละชุดจนคนในหน่วยเริ่มที่จะลุ้นว่าวันนี้หัวหน้าหน่วยจะใส่เสื้อผ้าชุดใดมาอีก หรูหรา และ มีสไตล์เท่านั้นที่คุณแม่จะปรายตามองแต่ละที ถ้าไร้รสนิยมเขาก็พร้อมที่จะปัดปิ๋วทิ้งไปทันที กระนั้นทุกคนก็ยอมรับเซ้นส์อันเฉียบคมของมาราม่าว่าเขาเป็นผู้เลือกที่ดี มีแววตาที่เฉียบคมในการหยิบจับและประเมินค่าอะไรซักอย่างก่อนที่จะเลือกสรรค์มันมาอยู่เสมอ และแน่นอนว่าเขามักจะเลือกอะไรก็ตามที่ดีที่สุดให้กับตัวเองเช่นกัน กระนั้นมาราม่าก็เลยค่อนข้างที่จะขี้งกขี้เหนียวอยู่พอสมควร สำหรับของที่เรียกได้ว่าเป็นของเขาเองเขาก็ไม่ใคร่ชอบให้ใครมาแตะต้องมากนัก เตรียมโดนตีมือเสียงดังเพี๊ยะจนแดงได้เลยหากไม่ยอมฟังคำเตือนของเขาแล้วยังคิดจะลองของ รวมไปถึงอาณาเขตบริเวณพื้นที่ส่วนตัวของเขาด้วยที่มาราม่าไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่งย่ามเกินความจำเป็น
ที่จริงก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไร หากคนภายนอกเห็นว่าเขาดูจะแรงจนน่ากลัว และ ไม่น่าเข้าใกล้ แต่ในความเป็นจริงเจ้าตัวเป็นพวกแข็งนอกอ่อนใน ปากบอกข้าไม่ใคร่มีเวลามาใส่ใจเรื่องของเจ้าหรอกย่ะ แต่สายตาเหลือบมองอยู่ตลอดด้วยความเป็นห่วงตามฉบับมาราม่า หรือคนมาขอความช่วยเหลือก็สะบัดบ๊อบบอก โอ๊ย เรื่องของพวกเจ้าก็จัดการกันเองสิยะ สรุปก็คือสุดท้ายมาราม่าก็ยื่นมือเข้าไปช่วยอยู่ดี ปากร้ายใจดี ความจริงแล้วไม่ใช่คนใจแข็งอะไรด้วยซ้ำ เห็นน้ำตาหรืออะไรก็อดไม่ได้ที่จะใจอ่อนอยู่ตลอดเวลา แต่ก็เป็นซิกเนเจอร์ที่ต้องด่าก่อนค่อยลูบหลังทีหลัง มาราม่าเป็นคนใจดีมากกว่าที่คิด รวมไปถึงความขี้เป็นห่วงราวกับคุณแม่ของเขาด้วย หากได้ยินว่ามีคนของตนไปเสี่ยงอันตรายขึ้นมาก็พร้อมที่จะนั่งเทศนาจนอีกฝ่ายหูชากันไปข้างนึงเลยทีเดียว ตัวของชายหนุ่มนั้นดูแลคนอื่นได้ดีมากด้วย มีความเป็นแม่บ้านแม่เรือนที่สูงลิ่ว อาหารที่เขาทำก็กระเดือกลงคอได้ไม่ตาย งานบ้านงานเรือนจิปาถะอะไรที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนก็ทำได้ไม่ขาดตกบกพร่องทั้งสิ้น เรียกได้ว่าปลุกความเป็นมัมหมีในตัวเขาขึ้นมาเพื่อเลี้ยงเด็กในหน่วยเลยทีเดียว หากอะไรช่วยได้คุณแม่ก็พร้อมจะเป็นนางงามยื่นมือไปช่วยในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่เหนือบ่ากว่าแรงอยู่แล้ว แต่ถ้าหากมันมากเกินความสามารถเขามากเกินไปก็เซย์กุ้ดบายเหมือนกัน มาราม่าไม่ซี้ซั้วตกปากรับคำใครมั่วซั่ว เขาถือว่าคำสัญญาเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรักษาให้ได้ หากทำไม่ได้ก็จะไม่สัญญา เห็นแบบนี้เขาก็ปฎิเสธคนเป็น ต่อให้จะเป็นพวกใจดีแค่ไหนแต่ถ้าสุดท้ายเรื่องมันต้องแดงถึงตัว อายุอานามเขาก็ไม่น้อยพอที่จะมีประสบการณ์สั่งสอนให้ไม่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงตายแน่นอน มีอะไรมาราม่าก็จะเอาตัวเองให้รอดไว้ก่อนเสมอ แม้จะมีหนุ่มน้อยหน้ามนมาทำตาวิ๊ง ๆ น่าสงสารแค่ไหนจนเกือบจะใจอ่อน กรีดร้องอย่าบ้าคลั่งในใจแค่ไหนเขาก็ยังจะต้องทำใจแข็งสะบัดหน้าหนีอยู่ดี
หากให้เอ่ยถึงเรื่องความเป็นมิตรก็ต้องบอกว่ามาราม่านั้นมี แต่อาจจะไม่ได้มีให้สำหรับทุกคนเท่าไหร่นัก ส่วนตัวแล้วเขาค่อนข้างที่จะเลือกคบคนอยู่พอสมควร คนไหนที่สบายใจจะอยู่ด้วยก็จะยิ้มแย้มออร่าดอกไม้บานรอบตัว แต่คนไหนที่ไม่อยากคุยด้วยก็จะแปรสภาพประหนึ่งแมวเปอร์เซียขยับเท้าเขี่ยดินใส่อีกฝ่ายทันที ซึ่งสำหรับมิตรสหายแล้วเป็นพวกที่พูดคุยได้ เล่นตลกด้วยกันได้ในหลาย ๆ เรื่อง แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นที่จะเล่นหัวกันได้ตามใจ ถ้าเขาไม่สบายใจที่จะให้ทำก็พร้อมที่จะผลักหัวอีกฝ่ายทิ้งเช่นกัน แต่ปกติแล้วก็ไม่ค่อยมีเท่าไหร่ ตัวเขาเองก็หาใช่พวกเคร่งเครียดอะไรมากนัก ยกเว้นในเรื่องของงานที่ได้จับเมื่อไหร่คอขาดบาดตายแน่ กลับกันตัวเขาก็เรียกได้ว่าเป็นพวกมีอารมณ์ขันในระดับนึง มีการกระทำที่สามารถทำให้ทุกคนขบขันจนคลายความเคร่งเครียดได้ เป็นตัวสร้างบรรยากาศดี ๆ และผ่อนคลายได้อย่างน่าเหลือเชื่อเมื่อมีเขาอยู่เป็นศูนย์กลางด้วย รวมไปถึงหากอยู่ด้วยกันจริง ๆ จะรู้สึกสบายใจราวกับว่ามีที่พึ่งพิง มาราม่าเป็นที่ปรึกษาที่ดีสำหรับผู้คนในหลาย ๆ เรื่อง การให้คำปรึกษาของเขาแทบจะเรียกได้ว่าสุดโต่งจนถ้าคนปกติมาฟังจะต้องอ้าปากค้างแน่นอน วิธีการแก้ปัญหาของเขาไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเท่าไหร่ หากคนอื่นวิ่งหนี มาราม่าก็จะพุ่งชนใส่มันอย่างไม่หวาดกลัวอะไรทั้งนั้น มักมีความคิดที่ทำให้คนอื่นคาดไม่ถึงได้ตลอดเวลา เป็นคนที่มีความแปลกใหม่อยู่เสมอในชีวิตจนใครหลาย ๆ คนต่างจับตามองเขา สามารถฉีกกรอบทุกความเป็นไปได้ที่มีอยู่ หากว่าคุณแม่เปล่งวาจาออกมาว่ามันทำได้ ทุกสิ่งก็ต้องทำได้อย่างที่เขาพูด ซึ่งตัวมาราม่ามักจะใช้บ่อย ๆ สำหรับการให้กำลังใจและผลักดันคนอื่น คำพูดที่ติดปากจนเห็นได้ชัดก็คือ ข้ายังงดงามขนาดนี้ หยุดพูดอะไรไร้สาระไปเลยย่ะ ทำไมเจ้าจะงามเหมือนข้าไม่ได้? ทำได้อยู่แล้ว แต่แค่น้อยกว่าข้า เข้าใจหรือไม่? คุณแม่ไม่ใช่พวกคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง อะไรปล่อยได้ก็จะปล่อยผ่านมันไปอย่างไม่เก็บมาคิด หรือ เก็บมาเสียดายอะไรอีก เขาให้ความสนใจกับปัจจุบันที่กำลังจะดำเนินมากกว่าเรื่องในอดีตที่ผ่านมาแล้ว หากชวดผู้หนุ่มวันนี้วันต่อไปอาจจะได้ก็ได้ (คุณแม่ยกนิ้วโป้ง)
มาราม่าเป็นคนฉลาด ภายใต้หน้ากากความอารมณ์ร้อนของภาพลักษณ์คนขี้โวยวาย ในหัวของเขามักมีการเตรียมแผนการไว้สำหรับเรื่องที่ไม่คาดฝันอยู่เสมอ หากผิดพลาดขึ้นมาก็จะมีแผนสำรองที่มาราม่ามองการณ์ไกล คำนวณไว้เสร็จสรรพขึ้นมารับมืออย่างทันท่วงที ถึงเขาจะไม่ได้ฉลาดเป็นกรดราวอัจฉริยะที่น่าชื่นชม แต่ก็ต้องบอกว่าเขาไม่ใช่เนื้อนุ่ม ๆ ที่คิดจะกลืนลงท้องได้ง่าย ๆ เช่นกัน ใครใคร่คิดจะมาหลอกเขาเพื่อผลประโยชน์อะไร ทางเดียวที่มีคือการวิ่งร้องไห้กลับบ้านเท่านั้น ตัวของเขาดูคนออก และ อ่านคนเป็นทำให้ไม่ตกหลุมพรางของพวกต้มตุ๋นได้ง่าย ๆ จากประสบการณ์ชีวิตสามสิบกว่าปีก็ทำให้มาราม่ารู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมบนโลกใบนี้และเขาก็รู้จักที่จะหยิบใช้มันบ้างเพื่อปกป้องตัวเอง แม้ว่าจะไม่ได้บ่อยนัก มีความร้ายกาจที่ซุกซ่อนเยี่ยงอสรพิษจ้องจะกลืนกินเหยื่ออยู่เงียบ ๆ ใต้เงารอยยิ้มหวานหยดล่อลวงบุรุษ (?) ยิ่งถ้าใครคิดจะใช้มารยายั่วยวนอะไรกับเขาต้องบอกเลยว่าจะได้เห็นมาราม่าทำหน้ายิ่งกว่าเห็นผีพร้อมสะบัดตัวหนีอย่างถึงที่สุดด้วย กรี๊ด มีแต่ข้าสิต้องไปใช้กับบุรุษ มิใช่ให้พวกหล่อนมาใช้กับข้า ออกไป๊! หนำซ้ำกลับกันดีไม่ดีอาจจะโดนตัวของมาราม่าตลบหลังซ้ำให้เจ็บแสบเล่นอีกด้วย ดังนั้นก่อนที่จะเขาจะเริ่มสนทนากับใครซักคนก็ต้องพิจารณาถึงจุดประสงค์ในการเข้าหาเขา และ คนรอบข้างเขาอยู่เสมอ หากว่ามีเจตนาร้ายแอบแฝงมาราม่าก็ไม่คิดที่จะเสวนาให้เสียเวลากับอีกฝ่ายอย่างแน่นอน กระนั้นหากว่าต้องทำเพื่องาน ตัวของมาราม่าก็สามารถสวมบทบาทนักแสดงเจ้าบทบาทที่ดีในการทำตัวแสร้งโง่ให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ชิดเขาได้เช่นกัน หลาย ๆ ครั้งที่ศัตรูมักจะมองข้ามการแสดงของเขาไม่ออก จดจ่อว่าชายหนุ่มผู้นี้นั้นโง่งมมีดีแต่โวยวาย และ ก้าวเข้ามาติดกับของเขาในที่สุด ถึงต่อให้รู้ถีงตัวตนใต้เปลือกมาราม่าก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรนัก เห็นได้ชัดจากการที่เขาไม่ค่อยเกรงกลัวใครหรืออะไรเท่าไหร่นัก ขนาดพวกขุนนางชั้นสูงหรือพวกเชื้อพระวงศ์ขาก็อาจจะให้ความเคารพแต่ไม่ได้กลัวหัวหดขนาดนั้น รวมไปถึงเขาเองก็ไม่ได้ทำตัวให้ควบคุมได้ง่ายนัก ดื้อรั้นและพยศมากกว่าที่คิดเชียว การก้มหัวให้คนอื่นด้วยความเคารพที่แท้จริงของมาราม่ามีน้อยยิ่งกว่าหยิบมือ ที่เหลือล้วนทำไปตามสิ่งที่เรียกว่าการบังคับของมารยาทเท่านั้น หากให้มีพวกชนชั้นสูงทำตัวไม่ดีซักคน เขาก็พร้อมวาดวาจาอย่างเผ็ดร้อน ใส่อารมณ์เต็มเหนี่ยวในวงน้ำชาจนคนฟังร้อน ๆ หนาว ๆ ขึ้นมาแทนเสียอย่างนั้น เหตุใดข้าถึงวิจารณ์พวกชนชั้นหรูหรานั่นมิได้ยะ ข้าไม่ได้เหมารวม แต่คนบางคนก็เป็นยิ่งเสียกว่าปลิงดูดเลือด ขูดรีดขูดเนื้อกับประชาชนตาดำ ๆ ที่ทำงานกันอย่างยากลำบาก ยี๋ น่ารังเกียจที่สุด! แค่เห็นใบหน้าวิ้งวับมีความสุขบนความลำบากคนอื่นนั่นข้าก็อยากจะสำรอกของเก่าที่กินเข้าไปออกมาแล้ว นับว่าเขาช่างมีความกล้าแสดงออกอย่างน่าชื่นชมจริง ๆ
หากให้พูดถึงการเป็นหัวหน้าที่ดีแล้ว คนในหน่วยหลายคนคงทำหน้าราวกับเห็นผีเป็นแน่ กล่าวได้ว่ามาราม่าไม่ได้มีมาดผู้นำที่น่าเชื่อถืออะไรเลย แถมยังเป็นพวกเอาแต่ใจที่ชอบทำอะไรทุกอย่างตามใจตัวเองจนหมดสิ้นในเวลาปกติ นึกสนใจอยากจะทำอะไรขึ้นมาก็ทำทันทีจนคนอื่นคร้านจะห้าม กระนั้นก็ไม่สามารถปักใจทำอะไรได้นานเพราะความขี้เบื่อของตนจึงต้องเปลี่ยนสิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าน่าสนใจไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะพอใจ รักเรื่องที่น่าตื่นเต้น และ เรื่องราวที่น่าสนุกโดยเฉพาะเรื่องของชาวบ้านตามที่บอก หากวันไหนไม่ได้เป็นหน้าม้าเชียร์คนจิกเปียกันก็รู้สึกว่าไม่ค่อยใคร่จะสบายใจเท่าไหร่นัก วันนึงก็ดูเหมือนจะไม่ทำอะไรนอกจากส่องกระจกหรือว่าแต่งหน้า สารพัดงานก็โยนให้ลูกน้องไปจัดการเองอย่างไร้ความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง ไม่อ้างว่า ข้าสวยจนเหนื่อยแล้ว ก็ ข้าแต่งหน้าอยู่ ตายแล้ว มือไม่ว่างแล้วล่ะ หรือถ้ามีงานเจาะจงให้เขาทำเอง ทว่ามันไม่ได้เร่งด่วนมากนักก็จะถูกมาราม่าวางกองไว้อยู่อย่างนั้น ถ้าไม่ถึงช่วงโค้งที่ใกล้จัดการเขาก็ไม่ทำ ต้องรอให้ไฟลนก้นก่อนที่คุณแม่ขาถึงจะใคร่เอื้อมมือไปหยิบงานนั่นมาสะสางนั่นแหละ นั่นคือกิจวัตรประจำวันของเขา และ สิ่งที่แสดงออกมาให้ผู้คนได้เห็นถึงความไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวเท่าไหร่ของหัวหน้าคนนี้ กระนั้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องเป็นจริงเป็นจังก็ต้องกล่าวได้ว่ามาราม่านั้นเหมาะสมกับการเป็นหัวหน้าอย่างไม่อาจปฎิเสธ เขาควบคุมคนจำนวนมากที่อยู่ในมือของตัวเองได้ดีสมกับการใช้งานคนบ่อย มีความเข้าอกเข้าใจในความสามารถของลูกน้องทุกคนจึงมักจะจัดแจงแบ่งหน้าที่ที่เหมาะสมให้อีกฝ่ายอยู่เสมอเพื่อหลีกเลี่ยงการเสี่ยงอันตรายที่น้อยที่สุดของคนในหน่วยตน ซึ่งเห็นแบบนี้ก็จะพอรู้ได้ว่าเขาก็รักคนในหน่วยไม่ต่างอะไรจากคนในครอบครัว และ มักที่จะยื่นมือไปปกป้องของของตนบ่อย ๆ จนกลายเป็นว่าตัวของมาราม่าแทบจะกุมอำนาจคนไว้อยู่ภายใต้เงามืดได้เลยทีเดียว ดังนั้นสำหรับตัวตนของเขาจึงเป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้เด็ดขาด รู้ตัวอีกทีหัวก็อาจจะหลุดมากองแทบเท้าเขาแล้วก็ได้ แต่ตัวของมาราม่าก็ไม่ได้เล่นวิธีที่สกปรกอะไร เขาไม่ชอบการลอบกัดมากนัก หากต่อสู้กันก็มักจะประจันกันซึ่งหน้ามากกว่าที่จะหลบหลีกปะทะคารมกันไปมาเช่นนักวางแผน ชายหนุ่มเองนั้นมีความเที่ยงธรรมในการลงสังเวียนแต่ละสนามเฉกเช่นดังที่หน่วยพยัคฆ์สีชาดพึงจะมี เขารักเกียรติยศและศักดิ์ศรีของตัวเองยิ่งกว่าสิ่งใด แม้จะกินไม่ได้แต่กระนั้นตัวของมาราม่าก็เทิดทูนมันเหนือหัวจึงไม่ค่อยชอบให้ใครยื่นมือเข้ามาช่วยเขาเท่าไหร่ในเวลาที่ทำอะไรอยู่ ต่อให้สภาพจะปางตายแค่ไหนเขาก็ยอมที่จะกัดลิ้นตัวเองตายดีกว่าไปทำอะไรที่มันเสียศักดิ์ศรี ในฐานะหัวหน้าของมาราม่านั้นเด็ดขาดสมกับที่ควรจะเป็น หากให้หนึ่งแลกชีวิตร้อยคนเขาก็จะเลือกแบบนั้นโดยไม่มีแม้แต่ความลังเล หรือจะมีคนไร้ประโยชน์ที่ไม่ทำอะไรเลยในกลุ่มมาราม่าก็พร้อมที่จะเฉดหัวอีกฝ่ายทิ้งอย่างไม่เห็นใจเช่นกัน ซึ่งการตัดสินใจของเขานั้นถือว่าเป็นที่สุด ไม่ว่าใครก็โต้แย้งไม่ได้
ปราณ : แมลง / คำสาป
อาวุธ : พัดเหล็ก
จุดอ่อน :
1. ควบคุมปราณที่สองของตัวเองไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เนื่องจากมันเป็นปราณที่ปรากฎขึ้นมาหลังจากที่เขาฝึกปรือตนเองจนเข้าเป็นหัวหน้าได้ระยะนึง ตัวเขาเองก็ไม่ใคร่อยากจะใช้ในการสาปใครยกเว้นในเวลาที่จวนตัว ทำให้ตัวของมาราม่าไม่ค่อยได้ฝึกฝนเท่าไหร่นัก บางทีจะใช้ใส่ศัตรูคำสาปที่ว่าอาจจะย้อนเข้าตัวเขาเองจนกลายเป็นหนูร้องจิ๊ดจิ๊ดเองก็ได้
2. บ้ายอ เวลามีใครชมว่าสวย หรือ งามมากจะรู้สึกฟูฟ่องเป็นพิเศษ บางครั้งจะดุลูกน้องในหน่วยตัวเอง สรุปโดนอีกฝ่ายชมว่าท่านหัวหน้าหน่วยช่างงดงามเหลือเกินก็เลยลืมที่จะดุไปหมดสิ้น (...)
ความสามารถพิเศษ :
1. การแสดงละคร
2. การโต้วาทีอย่างผู้ใดตอบโต้ได้ทัน
3. มือเบา & ฝีเท้าเบา
4. ร่างกายมีความยืดหยุ่นและอ่อนตัวสูง
5. การปฐมพยาบาลเบื้องต้น ( อาทิเช่น คนเป็นลมต้องทำอย่างไร คนจมน้ำต้องทำอย่างไร หากเป็นแผลฉกรรจ์ มาราม่าขอผายมือเชิญหน่วยแพทย์ )
6. การแต่งหน้าปลอมตัวตน
7. อ่านคนเก่ง
สิ่งที่ชอบ : วงสนทนา / การพนัน / เรื่องเกี่ยวกับความสวยความงาม / ตัวเอง / ความสบาย / อากาศเย็น / เหล้าสุราเมรัย / ความเป็นธรรม / ตำรานวนิยาย / เครื่องหอม / น้ำหอม / ของสวย ๆ งาม ๆ ( อาทิเช่น พวกเปลือกหอยหรือก้อนหินสวยๆ )
สิ่งที่ไม่ชอบ : สิ่งสกปรก & พื้นที่สกปรก / อากาศร้อน / ผัก / คนที่พูดด้วยไม่รู้เรื่อง / เด็ก ( พวกเด็กที่ร้องไห้งอแงเสียงดังลั่นเขาไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นัก ) / สิวขึ้น
สิ่งที่เกลียด : พวกเหยียดเพศ / อมนุษย์ / พระเจ้า
สเปค : " ให้ถามตามตรงข้าก็ต้องบอกว่าผู้ชายหล่อเท่านั้นที่คู่ควรกับคนสวยอย่างข้า /ป้องปากหัวเราะโฮะ/ แต่ไม่ต้องจีบย่ะ ข้าสวยพอ อยากโดดเด่นดุจบุปผาเดียวดายที่ไม่มีใครมาแตะต้อง " (สรุปคือสามารถปล่อยเจ้าตัวโสดได้เลยค่ะ ถ้ามีคู่ดูสภาพน่าจะสภาพแตกแตนเพราะปวดหัวกับหม่อมแม่แน่นอน จัดให้นังเป็นกามเทพสื่อรักไม่ก็พี่อ้อยพี่ฉอดให้คู่รักคู่อื่นได้เลยค่ะ! <3 )
เพิ่มเติม :
- ล่าสุดต่อให้ใครมาว่าเขาด้วยถ้อยคำปะทุษร้ายอะไรลับหลัง ตัวของมาราม่าก็ไม่ใคร่จะเก็บมันมาสนใจฟังแล้ว แต่ถ้าเกิดพูดมาพูดต่อหน้าเขารับรองว่าโดนเขาสับเละเป็นโจ๊กแน่นอน
- หลังจากสิ้นสุดรักแรกอย่างคาลอส ตัวของมาราม่าก็ไม่คิดจะมีรักที่ไหนอีกเลย ถึงจะชอบหนุ่มน้อยตาดีก็มีแต่เย้า ๆ แหย่ ๆ ไปไม่ได้จริงจังอะไรอยู่แล้ว กำแพงในใจของเขาสูงเกินใครกระเทาะ ส่วนมากมักรับบทเป็นพี่อ้อยพี่ฉอดให้กับคนรอบข้างที่เข้ามาซมซานปรึกษาเรื่องรักใคร่เสียมากกว่า
- มาราม่ากลัวสัตว์หน้าขนที่เรียกว่าสุนัขเข้าเส้น ครั้งหนึ่งเขาเคยเกือบเจอสุนัขบ้าจะกระโจนเข้ามากัด ฉากมันอ้าปากอวดเขี้ยวแหลมพร้อมน้ำลายหยดติ๋งเป็นสิ่งที่ติดตาเขามายันทุกวันนี้ ต่อให้จะเป็นภาพลักษณ์ที่น่ารักมากขนาดไหน ทว่ายามเมื่อเห็นเขาก็จะถอยกรูดออกห่างอย่างแนบเนียนทันที
- ความยุติธรรมของเขามีผลทุกอย่างยกเว้นเมื่ออยู่ท่ามกลางวงไพ่ที่มาราม่าจะไม่ยอมเสียซักแดงเดียว
- เพราะหลังจากออกจากเฮนลิสันมา เขาก็ละทิ้งตัวตนของคุณชายใหญ่แห่งเฮนลิสันโดยสมบูรณ์ เหลือเพียงแค่นามว่ามาราม่าเท่านั้นที่เป็นเครื่องหมายบ่งบอกตัวตนของเขาอยู่ ส่วนตาแก่นั่นป่านนี้ไม่รู้ตายไปแล้วรึยัง
- พัดเหล็กหรือสิ่งที่เป็นอาวุธของเขา มาราม่ามักจะพกติดตัวไว้เสมอ เห็นได้ชัดจากการที่เห็นเจ้าตัวนำมันมาป้องปากบ้าง โขกหัวเด็ก ๆ ในหน่วยของตนที่ดื้อซนบ้าง ซึ่งมันถูกตีขึ้นจากเหล็กกล้าที่แข็งแรงซ่อนอยู่ภายใต้ภาพลักษณ์ของพัดลวดลายสวยงาม มีความคมกริบเฉกเช่นดาบที่ใช้ตีรันฟันแทงกับศัตรูได้อย่างไม่มีปัญหาอะไรนัก และยังมีกลไกเล็ก ๆ อย่างการซุกซ่อนเข็มพิษอยู่ภายในนั้นด้วย หากเขาสะบัดไปด้านหน้าครั้งหนึ่งก็พร้อมที่จะซัดเข็มพิษเข้าใส่ศัตรูจนล้มหมอนนอนเสื่อกันเป็นแถบแถว แม้ว่าตอนแรก ๆ คนอื่นที่เห็นอาวุธของเขาจะทำหน้าสงสัยว่าไอ้พัดที่ว่ามันจะไม่พังเอาง่าย ๆ หรือตอนสู้กับศัตรู แต่มาราม่าก็พิสูจน์ให้ดูจนคนไม่กล้าแหยมกับอดีตพัดด๊อกด๋อยของเขาแล้ว
- ฉายาของเขาเกิดขึ้นเพราะว่าเขาเปรียบเทียบตนดังนางฟ้า แค่นั้น
- ปกติรูปแบบของปราษแมลงของเขามักจะปรากฎอย่างคุ้นเคยในลักษณะของผีเสื้อปีกม่วงแสนสวย
ความคิดเห็น