NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (RW)[FanFic AlphaTopia+InaGO]The Adventure of The Thunder

    ลำดับตอนที่ #4 : (past)พบอีกครั้ง

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ค. 65


    ฟุตบอล เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมแพร่หลายทั่วโลก แต่ถึงจะเป็นที่รู้จัก ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะได้สัมผัสความสนุกของมัน ยังมีอีกหลายคนที่ถูกกีดกันจากฟุตบอล ถ้าจะให้ยกตัวอย่างง่ายๆก็อย่างการที่โรงเรียนที่มีชมรมฟุตบอลชั้นนำอย่างโรงเรียนไรมงรับเฉพาะชนชั้นสูงและชนชั้นกลาง

    “เฮ้อ”พอคิดถึงเรื่องนี้ทีไร ก็ทำเอาผู้ที่ได้รับฉายาสามลมแห่งความหวังอย่างมัทสึคาเซะ เทนมะถอนหายใจทุกที

    “มายืนถอนหายใจตรงนี้อีกแล้วเหรอเทนมะ”เด็กชายผมสีเขียวน้ำทะเลหม่นๆยาวประบ่า มีดวงตาคมและนัยน์ตาสีทองอมน้ำตาลเดินมาทักทายเพื่อนสนิทที่กำลังยืนมองทิวทัศน์ของแม่น้ำใกล้ๆโรงเรียน

    “ก็ฉันยังคิดไม่ตกสักทีนิ่หน่าคาริยะ ทำไมกันนะ ทำไมความไม่เท่าเทียมต้องมีทุกที่ด้วย”เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเกาลัดมีรูปร่างคล้ายสายลมหรือปีก นัยน์ตากลมโตสีเทาอมฟ้าบ่นกับคาริยะ มาซากิ หนึ่งในเพื่อนที่สนิทที่สุด

    เทนมะไม่ใช่คนที่เริ่มเรียนที่นี่ เขาเข้าโรงเรียนนี้ตอนม.2พร้อมเพื่อนๆอีกสี่คน ทำให้ทั้งห้าคนนี้มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด และคาริยะเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่เหมือนพักหลังจะเริ่มสนิทกับพวกที่อยู่ห้องเดียวกันมากกว่า

    ด้วยบุคลิกที่กระตือรือร้นมากเกินไปบวกกับชอบพูดเสียงดัง ในช่วงแรกสมาชิกของชมรมฟุตบอลไรมงมองว่าเทนมะน่ารำคาญ แต่เพราะเป็นคนแบบนั้นแหละ เขาถึงยังสู้แม้ในตอนที่ทุกคนมองว่าไร้หนทางแล้ว เทนมะอาจจะไม่ได้มีคุณสมบัติผู้นำมากเท่ากับกัปตันคนก่อน แต่จิตใจที่กล้าหาญและเข้าถึงแก่นแท้ของผู้อื่นได้อย่างง่ายดายก็มากพอจะทำให้ทุกคนเชื่อใจเขา

    ถึงอย่างงั้นสายลมแห่งความหวังก็มีช่วงเวลาที่ซึมเหมือนกันน่ะแหละ ก็ตอนที่นึกถึงเรื่องชนชั้นไง

    “เอาน่าเทนมะ ปล่อยให้เวลาจัดการเถอะ โลกนี้ฟุตบอลไม่ใช่ทุกอย่างสะหน่อย”

    “แต่ฟุตบอลเป็นทุกอย่างสำหรับฉันนะ!”

    “เฮ้อ ตอบเหมือนเดิมเป๊ะเลย เอาเถอะ ฉันไปก่อนนะ เจอกันที่โรงเรียน”

    “อื้อ! บายนะคาริยะ”เทนมะโบกมือลาก่อนจะจูงสุนัขแสนรักที่เขาพาออกมาเดินเล่นยามเช้านามซาสึเกะกลับบ้าน

    .

    .

    .

    ถ้าพูดถึงชมรมฟุตบอลไรมง คนส่วนใหญ่จะนึกถึงทีมของโรงเรียนไรมง แต่จริงๆแล้วชมรมนี้มีทีมฟุตบอลอยู่ถึงสามทีม

    ทีมฟุตบอลไรมง เป็นทีมหลักที่สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนมานับสิบปี เรียกได้ว่าเป็นคุณค่าของโรงเรียนนี้เลย

    ทีมอันลิมิเต็ดไชน์นิ่ง ทีมพิเศษที่รวบรวมสมาชิกที่เปี่ยมไปด้วยพลัง พวกเขาเดาทางง่ายก็จริง แต่ถ้ามีพลังไม่เพียงพอก็ไม่มีสิทธิ์ต่อต้านเลย

    และทีมเอนเชียนท์ดาร์ค ทีมพิเศษที่สามารถอ่านการเคลื่อนไหวต่อไปของคู่แข่งได้อย่างละเอียดราวกับว่าทุกคนในทีมอ่านความคิดคนอื่นได้

    และทุกทีมก็ใช้ชีวิตร่วมกันในห้องของชมรมฟุตบอลไรมง แต่ไม่ต้องเป็นห่วง มันใหญ่พอจะบรรจุนักเรียนสองห้องเลยล่ะ

     

    หลังจากผ่านคาบเรียนที่โหดร้าย ณ ห้องของชมรมฟุตบอลไรมง

    “ทำอะไรกันอยู่น่ะครับ?”เทนมะเดินมาหาสองหนุ่มวัยเดียวกันในชุดนักเรียนโรงเรียนไรมงที่กำลังขีดเขียนบางอย่างบนกระดาน ถึงจะอยู่ชั้นปีเดียวกันแต่เทนมะก็ให้ความเคารพพวกเขาดั่งรุ่นพี่

    “ก็คิดแผนสำหรับทัวร์นาเม้นท์ไง เหลือเวลาอีกไม่กี่วันเองนะ”เด็กชายที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้หญิงอยู่ประจำผมสีชมพูกุหลาบไว้ทรงแกละมัดจุก2ข้าง ตาสีฟ้าใสเหมือนท้องฟ้าไร้เมฆตอบผู้มาใหม่

    “เอ…ต้องขนาดนั้นเลยเหรอครับคิริโนะ ผมว่าแค่เล่นตามปกติก็พอแล้วนี่”

    “คิดอะไรเผื่อไว้บ้างก็ดีนิ่ งานนี้มันเป็นงานประจำปี นอกจากจะมีทีมของโรงเรียนจากทุกที่ยังมีทีมอิสระด้วย ฉันว่างานนี้มันไม่ง่ายเลยล่ะ”เด็กชายอีกคนผู้มีผมสั้นหยักศกสีน้ำตาลอมเทาและนัยน์ตาสีน้ำตาลพูดขึ้น มือยังคงเขียนกระดานไม่หยุด

    “อ่า ที่คุณชินโดพูดก็ถูกแฮะ…ถ้างั้นผมขอลองบ้างสิ!”เทนมะเริ่มเห็นด้วยกับชินโด ทาคุโตะ อดีตกัปตันทีมฟุตบอลไรมงที่ส่งต่ออำนาจให้เทนมะในตอนที่เขาไปรักษาตัวจากอุบัติเหตุที่คิดว่าจะวางแผนสำรองเผื่อไว้ โดยมีคิริโนะ รันมารุเพื่อนสนิทตั้งแต่ปางก่อนคอยช่วยเหมือนทุกครั้ง

    “ขยันเหมือนเคยเลยนะ ทีมนี้เนี้ย”

    เด็กชายผิวสีแทนอ่อน มีนัยน์ตาและผมสีเทา ติดกิ๊บสีเขียวน้ำทะเล มีสีขาวแดงบริเวณปลายปอยผมที่ถูกแยกออกด้วยกิ๊บ สวมชุดของทีมเอนเชียนท์ดาร์คแถมสวมปลอกแขนที่สื่อว่าเขาเป็นกัปตันของทีมเดินมาทักทั้งสามที่กำลังปรึกษากันอย่างขมักเขม้น ในมือถือถาดใส่กระป๋องน้ำมากมาย“พอดีผมไปเจอพีชโซดาลดราคามาน่ะ ลองชิมดูสิ”

    “นายเองก็ขยันใช่ย่อยเลยนะชู เปลี่ยนชุดเป็นคนแรกเลยนิ่”คิริโนะละสายตาจากกระดานมาหยิบพีชโซดาของชอบบนถาดที่โมคุตัน ชูถืออยู่

    “ฮิๆ นิดหน่อยเองน่า”

    “ว้าวววว ของฟรีๆ”คาริยะที่พึ่งทำเวรเสร็จวิ่งมาหยิบน้ำกระป๋องไปจากถาดอย่างรวดเร็ว โดยมีฮาคุริวที่อยู่เวรทำความสะอาดเดียวกันเดินตามมา

    “เห ทำไมห้องนี้ทำเวรกันเร็วจัง?”เทนมะมองผู้มาใหม่ ในกลุ่มคนตอนนี้มีแค่เขาที่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันกับคนที่เหลืออยู่ และเพื่อนๆของเขาก็อยู่เวรเดียวกันหมดเลย

    “หึๆๆๆ เคล็ดลับก็คือ เวรนี้มีพ่อบ้านดีเด่นประจำปีอยู่อย่างไงล่ะ!”คาริยะผายมือไปที่ฮาคุริวอย่างภาคภูมิใจ(?) เพราะถึงจะเป็นลูกชายคนใหญ่คนโต แต่น้อยคนจะรู้ว่าจริงๆแล้วฮาคุริวโดนสั่งให้ไปอยู่ตัวคนเดียวทำให้เขาต้องทำงานบ้านทุกอย่างเอง และเพราะแบบงี้เขาเลยสามารถทำเวรได้อย่างรวดเร็วและเพอร์เฟค

    “ส่วนแกมันก็ตัวถ่วงประจำปี!!”ฮาคุริวเคาะหัวคนที่ไม่ช่วยอะไรเลยตอนทำเวรก่อนจะหยิบโซดากระป๋องไปนั่งดื่มที่โซฟา

    “จะว่าไป รอบแรกพวกนายเจอใครกันบ้าง? พวกเราเจออาโอบะน่ะ”

    “อืม…ถ้าจำไม่ผิดน่าจะไคโอนะ แล้วนายล่ะฮาคุ?”

    ฮาคุริวกระดกโซดาสองสามอึก ก่อนจะตอบทุกคนเสียงชัดแจ๋ว

    “คุโระ โนะ คิชิดัน”

    .

    .

    .

    สี่วันต่อมา

    “เอาล่ะครับทุกท่าน! ในที่สุด ทัวร์นาเม้นท์ฟุตบอลประจำปีก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วครับบบบ”เสียงของผู้บรรยายดังขึ้น บ่งบอกว่าทัวร์นาเม้นท์นี้ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ในปีก่อนๆจะมีแค่ทีมจากโรงเรียนต่างๆทั่วอัลฟ่าโทเปีย ทว่าในปีนี้ได้เปิดรับทีมอิสระด้วยเพื่อเฟ้นหาม้ามืดทีมใหม่ เพราะไม่งั้นตัวเต๊งก็จะมีแค่3ทีมจากโรงเรียนไรมงน่ะสิ แต่สำหรับฮาคุริวผู้ทะนงตน หน้าไหนก็เหมือนกันน่ะแหละ

    เป็นธรรมเนียมที่ทุกทีมจะต้องมายืนเรียงแถวตอนลึกที่สเตเดียมยามเปิดงานโดยมีกัปตันทีมเป็นหัวแถว ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ได้เห็นหน้าเห็นตาว่าที่ฝ่ายตรงข้ามของตัวเอง กัปตันทีมอันลิมิเต็ดไชน์นิ่งชำเลืองมองฝูงชนรอบตัวที่จะกลายเป็นศัตรูของเขาในอนาคตทั้งซ้ายขวา ก่อนที่หางตาจะไปสังเกตเห็นใครบางคนในชุดแปลกประหลาด

    ‘เสื้อยืดสีแดงที่มีปลายแขนสีดำ กางเกงขายาวสีม่วงเข้ม แถมใส่เสื้อคลุมสีเดียวกับกางเกง คนบ้าที่ไหนแต่งตัวแบบนี้มาแข่งฟุตบอลกันน่ะ แต่การที่คนๆนี้มายืนอยู่หัวแถวแปลว่าเป็นกัปตัน วิธีการบ่งบอกว่าเป็นกัปตันแบบใหม่เหรอ???’

    แต่เหมือนคนที่ถูกนินทาในใจจะรับรู้ เขาชำเลืองมองฮาคุริว ทำเอาคนถูกมองรีบหันหน้าหนี จนไม่ได้สังเกตว่าใบหน้าภายใต้หน้ากากหมาป่าสีดำกำลังถอนหายใจเบาๆ

    .

    .

    .

    ‘เห… กัปตันของคุโระ โนะ คิชิดันหรอกเหรอ… เขาจะรู้เรื่องที่ฉันแอบนินทาเขาในใจมั้ยนะ?’

    ทีมของฮาคุริวได้แข่งเป็นคู่แรก และตอนนี้เขาก็กำลังยืนอยู่ตรงหน้ากัปตันของฝ่ายตรงข้ามเพื่อทักทายตามมารยาท แต่ฮาคุริวไม่เคยทักทายคู่แข่งดีๆหรอก

    “ขอเตือนไว้ก่อนเลยนะ ว่าต่อให้นายเป็นทีมพึ่งตั้งฉันก็ไม่ออมมือให้หรอก ฉะนั้นฉันหวังว่านายจะสู้เต็มที่เข้าใจมั้ย?”

    “…หึ”

    เด็กหนุ่มสวมหน้ากากหมาป่าเงียบไปสักครู่ แล้วส่งเสียงหึออกมาเหมือนกับว่าเอ็นดูคำพูดของอีกฝ่าย ก่อนจะเปิดปากพูด

    “พูดอะไรเป็นเด็กไปได้ น่ารักจัง”

    ด้วยเสียงที่ทำเอาฮาคุริวผงะ

    “นายต่างหากที่ต้องเต็มที่”

    และไม่เชื่อในเสียงที่หูของตัวเองกำลังได้ยิน

    “เพราะฉันก็กำลังรอนายอยู่เลย ฮาคุริว”

     

    “เฮ้ฮาคุริว เป็นไรไปน่ะ สีหน้าไม่ดีเลยนะ”ผู้เล่นที่มีตำแหน่งยืนข้างๆฮาคุริวถามขึ้น

    “นี่มิทซึฮิโระ ฉันมีเรื่องอยากพูดมากเลยตอนนี้”

    “เรื่องอะไรกันเล่า พูดมาสิ”

    “คือว่านะ… ฉันคิดว่ากัปตันของทีมนู้นคือคู่แห่งโชคชะตาของฉันน่ะ”

    เอ๊ะ

    “ห-หาาาาา!!? ปกตินายไม่เคยเชื่อว่าคู่แห่งโชคชะตามีจริงนิ่!? ทำไมตอนนี้ถึง-”

    “ก็เพราะเจอกับตัวนี่ไงเล่าถึงได้เชื่อ… บ้าเอ้ย”

    ฮาคุริวในตอนนี้ก็ไม่อยากจะยอมรับเหมือนกัน ว่าเขาที่เถียงกับคนอื่นเรื่องนี้มาตลอดจะมีคู่แห่งโชคชะตาสะเอง แต่หลังจากคิดเรื่องในวันนั้นมาสักพักเขาก็ได้ข้อสรุปแบบนี้ออกมา

    ฮาคุริวไม่เคยรู้สึกอะไรกับกลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าคนอื่นแม้ว่ามันจะหอมมาก แต่พอเป็นกลิ่นของเขาคนนั้นกลับจดจำได้ไม่เคยลืม แถมคนๆนั้นก็พึ่งเอ่ยปากออกมาเองว่าอยากจะขยี้เขาจนแหลกสะด้วย…

    ‘นายเนี้ยน่าสนใจจังเลยนะ เคียวสุเกะ’

    .

    .

    .

    “โกล!!! เข้าไปแล้วครับ!!”

    “ประตูแรกของวันนี้เป็นของทีมคุโระ โนะ คิชิดันครับ!!”

    “ฮาคุริว! ปกติแกไม่เคยปล่อยให้ใครวิ่งมาถึงกองหลังด้วยซ้ำนะเฟ้ย!! แล้วนี่มันอะไรกันฮะะะะ!!”

    นักฟุตบอลผู้มีผมยาวสลวยและดวงตาเป็นสีแดงทั้งคู่ อีกทั้งยังเป็นลูกทีมที่สนิทกับกัปตันมากที่สุดนามเซโด ดันเดินมาเขย่าคอฮาคุริวอย่างบ้าคลั่งด้วยความโกรธเคือง

    “เฮ้ จะโทษหมอนี่คนเดียวก็ไม่ถูก นี่แข่งใหญ่นะ จะปล่อยให้เขาทำทุกอย่างเหมือนที่ผ่านๆมาได้สะที่ไหนกัน”

    โฮดะ มิทซึฮิโระ สมาชิกผิวคล้ำผมยาวสีบรอนซ์ทองสวมที่คาดหัวสีม่วงที่ได้คุยกับฮาคุริวก่อนเริ่มเขี่ยบอลเดินมาแยกทั้งคู่ออกจากกัน

    สาเหตุที่อันลิมิเต็ดไชน์นิ่งเดาทางได้ง่าย มันก็เป็นเพราะทุกๆอย่างฮาคุริวจะจัดการเองทั้งหมด ทั้งการรับ เลี้ยง ยิง เรียกได้ว่าคนในทีมสบายสุดๆไปเลย แต่ในสถานการณ์เลวร้ายพวกเขาก็พร้อมเป็นลูกทีมที่ดี

    “แต่ถึงแบบนั้นหมอนี่ก็ไม่น่าแพ้พวกนั้นนิ่หน่า! นี่นายตั้งใจล้มมวยรึไงกันฟ่ะ!?”ดันโวยวายไม่หยุด ก่อนถูกมือหนาอุดปากไว้

    “ใจเย็นก่อนได้มั้ยเล่า ปล่อยให้หมอนี่ได้พูดบ้างสิ”มิทซึฮิโระพยายามอุดปากคนตัวเล็กกว่าที่เอาแต่โวยวายเพื่อเปิดโอกาสให้กัปตันของตัวเองได้พูด“มีอะไรจะพูดมั้ยครับ คุณกัปตันฮาคุริว”

    “เฮ้อ…ขอบใจนะที่อุดปากเขา เอาล่ะ คือว่างี้”

    “เมื่อกี้เป็นของจริง ฉันไม่ได้แกล้ง”

    เอ๊ะ

    “อะไรนะ!!?”สองลูกทีมไม่อยากจะเชื่อเลย กัปตันของพวกเขาที่ล้มทีมฟุตบอลทั้งทีมด้วยตัวคนเดียวมานักต่อนักกำลังบอกว่าเขาสู้ทีมที่ไร้ชื่อไม่ไหว

    “อืม ฉันพูดจริง”ฮาคุริวพูด พลางชำเรืองมองผู้สวมหน้ากากหมาป่าสีดำที่พึ่งยิงประตูไป

    “เขาเร็วมาก แต่เหมือนกำลังจะยังไม่เท่าฉัน ถ้าได้สู้ตัวต่อตัวน่าจะไหว…”

    “แล้วนายจะเอาไงล่ะ”

    “อืม…”

    “ฉันขอใช้แผนเต็มรูปแบบละกันนะ”

     

    “หมอนั่นก็ไม่เท่าไหร่นี่หว่า หัวหน้าสุดยอดที่สุดเลย!”เด็กชายผมสีเทอร์คอยซ์สั้นประบ่า มีภาวะตาสองสีและผิวที่คล้ำกว่าสมาชิกคนอื่น สรรเสริญหัวหน้าทีมอย่างดีอกดีใจ

    “อย่าพึ่งได้ใจไปอินาบะ ถ้าพวกนี้เอาจริงทั้งทีมขึ้นมาฉันคนเดียวไม่ไหวหรอกนะ”เคียวสุเกะที่ตอนนี้มีตำแหน่งคือกัปตันทีมเตือนลูกทีมตัวเล็กที่กำลังดีใจเกินเหตุอย่างอินาบะ นัทสึคิ

    “ถ้าหัวหน้าไม่ไหวก็ยังมีพวกเราไง พวกเราเองก็เก่งนะ ไม่แพ้ง่ายๆหรอก!”อินาบะเท้าเอวยืดอกภูมิใจในฝีมือ รึภาษาชาวบ้านก็มั่นใจเกินเหตุอะแหละ…

    “หึ เอาเถอะ เห็นนายพร้อมลุยก็เบาใจลงบ้าง”

    .

    .

    .

    “อึก…”

    แต่ก็เป็นไปตามคาด ถึงส่วนสูงจะต่างกันไม่มาก แต่สรีระจริงๆของกัปตันทั้งสองนั้นต่างกันมากเกินไป ถ้าต้องสู้กันจริงๆ อย่างไงฮาคุก็ชนะ

    “โว้ย! สลัดไม่ออกเลยแฮะ!”

    คนอื่นๆก็ถูกสกัดไว้หมดแล้ว แถมถูกบีบวงการเคลื่อนที่ เคียวไม่เหลือทางเลือกนอกจากจะต้องดวลกับอีกฝ่ายตรงๆ และมันเหมือนการฆ่าตัวตายชัดๆ

    “ยอมรับว่านายเหนือความคาดหมายฉันมากเลยนะ เคียวสุเกะ แต่ก็ได้แค่นี้แหละ”ฮาคุมองอีกฝ่าย เคียวที่ถนัดจะปะทะด้วยเทคนิคการหลบหลีกพอโดนการสู้แบบวงในที่ต้องปะทะกันด้วยตัวและลำแข้งเข้าไปก็เริ่มขาสั่นเล็กน้อย

    “อ่า นายก็เก่งสมคำล่ำลือจริงๆน่ะแหละ…”ทั้งร่างกายของเคียวรู้สึกช้ำไปหมด รู้สึกเหมือนพึ่งผ่านศึกชกมวยมามากกว่าแข่งฟุตบอลอีก

    “แต่ว่า เราพึ่งวัดกันแค่พลังทางกายภาพเองไม่ใช่เหรอ?”

    เอ๊ะ

    .

    .

    .

    ผลการแข่งคือเสมอ ทำให้ต้องวัดที่การยิงจุดโทษ และพวกเขาก็แพ้

    “อ๊ากกกกกกก”อินาบะแหกปากลั่นระบายอารมณ์ทันทีที่เข้าห้องล็อกเกอร์นักกีฬา

    “หนวกหู!!!”ทำเอาสมาชิกในทีมหลายคนพุ่งไปตบกบาลอินาบะโดยมิได้นัดหมาย

    “โอ้ย! เจ็บนะ เบาๆกันหน่อยเส่!”

    “เฮ้อ…”เคียวสุเกะนั่งลงอย่างเหนื่อยล้า และทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น

    ‘นี่คือสนามจริงๆสินะ ดูท่าพวกเราคงต้องทำอะไรมากกว่านี้แล้ว…’

    “คิดอะไรอยู่น่ะครับพี่เคียวสุเกะ?”เด็กชายผิวสีแทนอ่อนเดินมานั่งข้างๆผู้เป็นหัวหน้า ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลเข้มกลมโตจ้องมองเคียวสุเกะที่กำลังคิดไปเรื่อย

    “ก็แค่คิดเรื่องการแข่งนิดหน่อยน่ะ ขอบใจที่เป็นห่วงนะแต่ฉันไม่เป็นไรหรอกไทกะ”เคียวสุเกะตอบพลางยื่นมือมาลูบผมนุ่มๆสีไวโอเล็ตของคิชิเบะ ไทกะเบาๆ ว่ากันว่ามันมีพลังประหลาดที่ทำให้คนที่ได้สัมผัสผ่อนคลาย

    “เอาเถอะ อย่างไงนี่ก็เป็นการแข่งครั้งแรกของพวกเรา ยังมีโอกาสครั้งต่อๆไปอีก ไม่ต้องเสียใจหรอกนะ ทุกคนทำได้ดีมากแล้วล่ะ”

    “วันนี้ก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนก่อนเถอะ”

     

    “…”ตอนนี้เหลือเพียงเคียวสุเกะที่ยังไม่กลับ ในหัวยังคงคิดถึงแต่เรื่องเดิมๆซ้ำๆ

    ‘ผมจะทำมันได้รึเปล่านะ ความฝันของพี่น่ะ’

    ‘ถ้าพี่ยังอยู่ พี่คงทำได้ดีกว่าผมแน่ๆเลย…’

    “ไม่กลับเหรอ?”แต่แล้วเสียงของใครบางคนก็ดึงความสนใจของเขา เคียวสุเกะหันไปมองผู้มาใหม่

    เขาพบกับบุคคลที่ไม่อยากจะเจอหน้าสักเท่าไหร่ในตอนนี้

    “…ฮาคุริว”


    ริริเจ้าเก่าคอมแบ็คค้าบบบบ ขออภัยทุกท่านที่ปล่อยให้รอนานนะค้าบ เนื่องจากว่าแม้ตัวผมจะเป็นไทจากการเป็นนักเรียนแล้ว แต่ทว่าตอนนี้ผมสอบติดมหาลัยแล้วค้าบ วู้ววว และใช่ครับ ผมต้องเตรียมตัวหลายอย่างทั้งการอยู่หอ การแต่งกายใหม่ๆ และอะไรก็ตามแต่ที่ผมไม่รู้จัก เรียกได้ว่าเติบโตขึ้นนั่นเอง อย่างไงก็กระผมจะพยายามกลับมาอัพแน่นอนครับไม่ต้องเป็นห่วงไป

    สำหรับตอนนี้เนื้อหาจะพยายามเกลี่ยบทไปหาคนอื่นบ้าง อาจจะทำให้เนื้อหาดูแปลกๆก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ และถ้าใครสังเกตุต้นฉบับจะเห็นว่าสองคนนี้ชนกันได้สบายเลย ทั้งนี้เพราะในโลกนี้เพศรองทั้งคู่ไม่เหมือนกันและผมได้ใส่ทฤษฎีสรีระเข้าไปด้วย ว่าด้วยเรื่องเพศรองมีผลต่อสรีระร่างกาย อัลฟ่านั้นแทบไม่ต้องทำอะไรก็มีร่างกายที่กำยำและพลังมหาศาล ในขณะที่โอเมก้าจะตรงข้าม ทฤษฎีสรีระตัวนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนักเพราะมันจะจำกัดอิสระในการแต่ง อย่างเช่นแนวเคะกล้ามก็จะไม่พบตัวนี้

    อย่างไงก็ จะพยายามอัพตอนต่อไปให้เร็วที่สุดนะครับ สำหรับตอนนี้ลาไปก่อนนะค้าบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×