คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : กองทัพปลาทู : Chapter 3
“บอกให้เอาหน้าออกไปไงลุง” น้ำเสียงฉันเริ่มเข้มขึ้นตาลุงกองทัพเลยยอมดึงใบหน้าตัวเองกลับไป
ฉันสูดลมหายใจเข้าออกเรียกสติ ไอ้ใบหน้าหล่อนั่นน่ะอันตรายที่สุดเลย!
พอแล้ว ฉันจะไม่อ่อยเขาแล้วเดี๋ยวตัวเองจะตกหลุมพรางซะเอง
พอ! เลิก!
“ใจร้ายจังวะ” ผู้ชายข้างๆยอมผละใบหน้าออกไปในที่สุดแต่ก็ไม่วายบ่นออกมาให้ได้ยิน
ฉันหันไปค้อนใส่เขาหนึ่งทีก่อนจะหันกลับมาสนใจร้านค้ารอบข้างต่อจนตาลุงส่งเสียงมาอีกครั้ง
“สนใจกันบ้างดิ”
“ลุงไม่ใช่ของกินอะ” ทำไมต้องสนใจด้วยไม่มีอะไรให้น่าสนใจสักนิดนอกจากหน้าตาหล่อเหลานั่น
“ไอ้เด็กเห็นแก่กิน”
“อย่ามาว่ากันนะลุง” พูดพร้อมกันหันไปจ้องเขม็งใส่อีกฝ่ายก่อนจะพูดต่อ
“ไม่ใช่ลุงรึไงที่ชวนหนูมาอะ”
ตาลุงล้วงมือเข้าในกระเป๋ากางเกงข้างหนึ่งส่วนอีกข้างก็ยื่นมาผลักศีรษะฉันจนเอนไปตามแรงมือ
“แค่อยากอยู่กับอีหนูเฉยๆ อย่าโง่”
อีลุง! เกือบดีแล้ว เกือบใจเต้นให้แล้วถ้าไม่ติดตรงด่าฉันว่าโง่เนี้ย!
“จะจีบหนูเหรอ?” ในระหว่างที่กำลังพิจารณาว่าจะไปร้านไหนต่อดีฉันก็ช้อนสายตาขึ้นไปมองผู้ชายตรงหน้าพร้อมกับยิงคำถามออกไป
“เออดิ ทำขนาดนี้แล้วอยากได้น้องสาวมั้ง อย่าโง่”
ตาลุงหนูว่าโง่สองรอบแล้วนะ!
“งั้นขั้นตอนแรกคือหยุดพูดจาด็อกๆใส่หนูสักที คนบ้าอะไรด่าคนที่ตัวเองกำลังจะจีบว่าโง่!”
ฉันจ้องตาเขาเขม็งซึ่งอีกฝ่ายก็จ้องกลับเหมือนกันจนเป็นฉันเองที่ต้องหลบเพราะสู้สายตานั่นไม่ไหว
“หืม...” ตาลุงครางในลำคอพร้อมกับเลิกคิ้วเล็กน้อย “ไม่ได้ด่า มันเป็นคำสร้อย”
...สร้อยบ้านลุงดิ
“โอ๊ย หนูไม่คุยกับลุงแล้ว” เพราะพูดไปก็เท่านั้นเลยกลับมาสนใจของกินข้างหน้าต่อ
เวลาผ่านไปประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงฉันก็ได้ของกินมาเต็มไม้เต็มมือจนต้องหยุดนั่งบริเวณโต๊ะที่ทางงานจัดเตรียมไว้ให้
“ตัวเท่าลูกหมาทำไมกินเยอะจังวะ” ทันทีที่หย่อนก้นลงบนเก้าอี้เสียงบ่นจากตาแก่ตรงหน้าก็ดังเข้ามาในโสตประสาท
“บ่นขนาดนี้มาเป็นพ่อหนูเลยมั้ยล่ะ?” อดไม่ได้ที่จะประชดประชัน
บ่นเก่ง บ่นอยู่นั่นแถมยังด่าฉันว่าตัวเท่าลูกหมาอีกด้วย!
“อยากได้เป็นเมียไม่ได้อยากได้เป็นลูก”
คำพูดของตาลุงกองทัพทำเอาฉันที่กำลังหยิบขนมปังขึ้นมากินหยุดชะงักพลางเงยหน้าไปมองเจ้าของคำพูดแล้วเบะปากมองบน
เอาอีกแล้ว มาม่อใส่ฉันอีกแล้ว อย่าใช้หน้าหล่อๆนั่นมาพูดจาแบบนี้ได้มั้ยถือว่าอิปลาทูขอ...เดี๋ยวหลงกลขึ้นมาทำไงอะ
“หนูชอบคนเปย์หนักๆ แบบสามารถเหมาร้านให้หนูได้ทั้งร้านไรงี้” จากการที่ฉันเดินเที่ยวงานแล้วเป็นคนเดียวที่ซื้อผิดกับเขาที่แค่เดินเฉยๆต้องบ่งบอกว่าเจ้าตัวไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากแน่นอนเลยแกล้งทำเป็นพูดไปงั้นๆเขาจะได้ไม่มายุ่งวุ่นวายกับฉันอีก
แต่เอ๋...บิ๊กไบค์คันนั้นดูท่าน่าจะหลายบาทเลยนะ ช่างมันเถอะอาจจะไม่ใช่ของเขาก็ได้
แบบเช่ามางี้
“งั้นเหรอ” ลุงกองทัพพึมพำออกมาส่วนฉันกลับมาตั้งใจกินขนมปังในมือต่อไม่สนใจเขาอีก
หลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็เดินงานที่เหลือต่ออีก
มีร้านขนมน่ากินมากมายแถมฉันยังอยากกินมากๆด้วยแต่ติดที่ว่าอิ่มจนยัดอะไรไม่เข้าแล้วเลยได้แต่มองตาละห้อย
แง้...ลูกแม่ ไว้แม่จะกลับมากินลูกนะ
“อยากกินมากรึไง?” ตาลุงกองทัพหันมาถามเมื่อเห็นสายตาเสียดายสุดขีดของฉัน
ฉันเบนสายตาจากของหวานพวกนั้นพร้อมกับยู่ปากออกมา
“สุดๆเลยแต่กินไม่ไหวแล้วฮือ”
“งั้นค่อยกินพรุ่งนี้”
“ลุงจะพามาเหรอ?” ฉันตาเป็นประกายในทันทีแต่คำตอบที่ได้รับกลับมาก็ต้องยู่ปากอีกตามเคย
“ไม่พามาแล้ว กินอย่างกับจะไม่ได้กินอีกแล้วอะ”
“ใจร้าย” อะไรวะบางทีแม่งมาม่อเหมือนตาแก่เฒ่าหัวงูบางทีก็มาบ่นๆๆเหมือนพ่อ
ลุงต้องการอะไรกันแน่ลุง!?
พอเดินจนทั่วทั้งงานเราทั้งคู่ก็กลับหอพักแล้วแยกย้ายกันเข้าห้องตามปกติจนวันรุ่งขึ้นตาลุงไม่ได้ชวนฉันไปฟู้ดแฟร์เหมือนที่เขาบอกฉันเลยตัดสินใจว่าจะไปเองและในระหว่างที่กำลังจะออกไปจากห้องนั้น...
“เชี่ย!” ฉันอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อเปิดประตูออกมาแล้วเจอตาลุงกองทัพยืนขวางไว้อยู่
“ตกใจอะไร นี่ว่าที่สามีไง” ดูพูดเข้า ฉันอยากจะบ้าตาย
ลูบอกสองสามทีก่อนจะเท้าสะเอวอย่างเอาเรื่อง “ใครใช้ให้มายืนหน้าห้องคนอื่นแบบนี้หะลุง
ถ้าเกิดว่า...”
“อะ”
ยังพูดไปทันจบคนตรงหน้าก็ยื่นถุงอะไรบางอย่างเกือบสิบถุงมาให้ซึ่งฉันรับมันมาแบบงงๆพร้อมกับเอียงคอสงสัย
อะไรวะอยู่ๆก็ยื่นมาให้แถมยังเยอะโคตรๆ
“กำลังจะไปฟู้ดแฟร์ใช่มั้ย?” ลุงกองทัพถามออกมา
ฉันพยักหน้าตอบรับ “อาห่ะ”
“ไม่ต้องไปแล้ว” เขาว่างั้นอะ “เห็นเมื่อวานอยากกินนิ”
พยักเพยิดมาทางถุงนับสิบที่อยู่ในมือฉันก่อนจะเดินกลับไปเข้าห้องตัวเองท่ามกลางความมึนงงของฉัน
เพราะฉะนั้นเลยก้มมองของที่อยู่ในถุงพลันตาทั้งสองก็ต้องเบิกกว้าง
นี่มัน...ขนมที่ฉันอยากกินนิ!
ด้วยความชัวร์เลยสำรวจทุกถุงพบว่าล้วนเป็นของจากงานฟู้ดแฟร์เมื่อคืนที่ฉันบ่นว่าอยากกินแต่ไม่ได้กินทั้งนั้นเลย
“หนูชอบคนเปย์หนักๆ
แบบสามารถเหมาร้านให้หนูได้ทั้งร้านไรงี้”
คำพูดเมื่อวานแล่นเข้ามาในโสตประสาท ฉันค่อยๆเลื่อนสายตาไปมองบานประตูที่ปิดสนิทของห้องข้างๆพร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก
โอเคเขารวย!
-
วันต่อมา -
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ฉันยืนจ้องบานประตูหลังจากที่ลงมือเคาะลงไปสามครั้งแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีวี่แววว่าคนข้างในจะเปิดให้สักทีเพราะฉะนั้นจึงจัดการเคาะใหม่อีกรอบ
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก…ลุงอยู่มั้ย?” ครั้งนี้ส่งเสียงเรียกไปด้วย
และเท่านั้นแหละ... “อิหนูมาเหรอ?” เปิดอย่างไวเลยจ้า
“อะไรของลุงเนี้ย” ฉันไล่สายตามองสภาพคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า
ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงบวกกับที่ทั้งร่างมีเพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียวทำให้กล้ามหน้าท้องเป็นมัดๆนั้นประจักษ์แก่สายตาจนฉันเผลอกลืนน้ำลายและสบัดหน้าหนีในที่สุด
“ยังไม่อาบน้ำเหรอ?”
โอ๊ย...อกอิแป้นจะแตก
“เพิ่งตื่น”
“หะ” คำตอบของอีกฝ่ายทำเอาเผลอหันไปมองก่อนจะรีบเบนสายตาไปทางอื่น
“นี่มันจะเที่ยงแล้วนะลุง”
ได้ยินเสียงหาวเล็กน้อย “เมื่อคืนนอนดึกว่ะ”
“ไปทำอะไรทำไมนอนดึก?” แล้วทำไมฉันจะต้องมาถามเซ้าซี้ในขณะที่เจ้าตัวเกือบจะเปลื้องผ้าด้วยเนี้ย
โอ๊ยปลาทู เห็นซิกแพคผู้ชายเป็นไม่ได้เลยนะ!
“เล่นเกมไง ว่าแต่...” หางตาเห็นว่าเจ้าตัวใช้มือดันขอบประตูเอาไว้พร้อมกับเอนหน้าเข้ามา
“มาหาทำไมอะ? คิดถึงเหรอ?”
“บ้านลุงดิ” ฉันันควับไปมองพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างดันบริเวณหน้าท้องเขาเอาไว้
บ้าจริงฉันกะว่าจะดันไหล่แต่ทำไมอยู่ๆถึงได้ไปจับท้องเขาล่ะ “ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะลุง”
“เฮ้ย! เดี๋ยวดิ” ตาลุงกองทัพประท้วงเมื่อฉันผลักเขาเข้าไปในห้อง
“แล้วตกลงที่มาหา...”
“จัดการตัวเองให้เสร็จก่อนแล้วค่อยมาหาหนูแล้วกันลุง”
“เฮ้ย...!”
ปัง!
หลังจากปิดประตูใส่หน้าอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้วก็รีบพาตัวเองหมุนตัวกลับเข้าห้องในทันที
ให้ตายสิ แก่ขนาดนั้นแล้วทำไมต้องมามีซิกแพคด้วยเนี้ย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก… ผ่านไปประมาณสิบนาทีเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
ฉันสูดหายใจเข้าออกลึกๆพยายามไล่เลือนร่างอันแสนฮอตนั่นออกไปจากสมองพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู
“ไงแม่สาวน้อย” ลุงกองทัพขยิบตาข้างหนึ่งให้ดูทะเล้น
ฉันขนลุกซู่ทันทีที่ได้ยินลุงแกเรียกแบบนั้น เรียกฉันดีๆสักรอบเป็นมั้ยเนี้ย?
“ชื่อปลาทูค่ะ” ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่าตัวเองกำลังทำหน้าเอือมระอาอยู่
“ช่างมัน” เขาว่างั้นอะ “ตกลงมาหาถึงห้องนี่มีอะไรรึเปล่า?
คิดถึงสินะ ก็เข้าใจอยู่คนมันหล่อขนาดนี้ใครจะไม่หวั่นไหวกัน” นอกจากชอบม่อแล้วยังจะหลงตัวเองอีกนะลุง! นี่อารมณ์เหมือนฉันหนีโรคจิตมาเจอคนโรคจิตกว่าอีกให้ตาย
ฉันเมินคำพูดของผู้ชายตรงหน้าก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปหยิบกระดาษแผ่นขนาดเท่าฝ่ามือออกมาโชว์ให้เขาดู
“พอดีได้คูปองส่วนลดมาสองลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์มาเลยกะว่าจะชวนไปกินข้าว”
ความจริงอยากจะตอบแทนที่เจ้าตัวอุตส่าห์ไปเหมาซื้อขนมพวกนั้นมาให้ด้วยนั่นแหละ
คือฉันแค่พูดไปเล่นๆไงใครจะคิดว่าเขาดันทำจริงขึ้นมา
ก็ดีใจอยู่หรอกที่ได้กินของที่ชอบฟรีแต่มันก็มีความรู้สึกเกรงใจกันบ้างไง
เห็นแบบนี้ฉันก็เป็นคนขี้เกรงใจนะเออ
“โอ๊ยไม่ต้องไปแล้วพูดมากดีนักหนูไปกินคนเดียวก็ได้” ฉันบ่นก่อนจะหมุนตัวเตรียมเดินกลับ
ไปชวนหมาข้างทางก็ได้เว้ย!
หมับ!
ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาก็ถูกฝ่ามือของคนเดียวหลังคว้าเอาไว้ก่อน
เขากระตุกเพียงนิดเดียวก็ส่งผลให้ฉันหมุนกับไปเผชิญหน้าอย่างเคย
“ไปดิหยอกนิดเดียวเอง” อีกฝ่ายผ่อนลมหายใจ “ขอไปหยิบกระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์แป๊บเดี๋ยวออกมา” พูดเสร็จก็หายเข้าไปในห้องและไม่ถึงสองนาทีก็ออกมาพร้อมกับล็อกประตูเสร็จสรรพ
“ก็แค่เนี้ย ทำเป็นลีลา” ฉันพึมพำในลำคอจากนั้นจึงเดินหน้านำร่างสูงตรงไปยังลิฟต์เพื่อลงไปด้านล่าง
ตลอดทางเขาพูดอะไรไม่รู้ฉันขี้เกียจสนใจ
“ไปไง?” เมื่อเห็นฉันออกมาหน้าอพาร์ทเม้นลุงกองทัพก็เอ่ยปากถาม ฉันเอนตัวไปมองคนที่ยืนล้วงกระเป๋าอย่างสบายใจพลางตอบ
“แท็กซี่มั้ง
ร้านนี้อยู่ในห้างอะ เดินไปคงไม่ไหว”
“ห้างตรงนี้ใช่ปะ?”
“อาหะ” ฉันตอบรับ ลุงกองทัพพยักหน้าเล็กน้อยจากนั้นจึงหมุนตัวเดินไปยังที่จอดรถใต้หอแห่งนี้
“ตามมา” เขาว่างั้น “เดี๋ยวพาไป”
อ๋อ ลืมไปเลยว่าเจ้าตัวมีมอเตอร์ไซค์ ก็ดีจะได้ไม่ต้องเสียเงินค่ารถ
ฉันเดินตามพร้อมกับรับหมวกกันน็อคทรงพิลึกนั้นมาเตรียมจะกวาดขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์แต่อย่างที่บอกว่าไอ้รถคันนี้แม่งทั้งใหญ่ทั้งสูงและฉันมันเตี้ย!
“มามะ” ร่างสูงข้างหน้าหันมามองราวกับรู้ว่าฉันกำลังประสบปัญหาอะไร
เขายื่นมือมาช้อนตัวฉันให้ลอยขึ้นจากพื้นไปอยู่บนเบาะแทน
โอเคเหมือนเขาเป็นพ่อกำลังดูแลลูกอย่างฉันเลย
น่าอายที่สุด ฉันยี่สิบสามแล้วนะ!
หลังจากตาลุงกองทัพประจำที่ของตัวเองแล้วเขาก็สตาร์ทรถพร้อมกับพุ่งออกไปสุดแรงส่งผลให้ฉันต้องคว้าหมับเข้าที่เอวหนานั้นไม่งั้นฉันตกลงไปกองกับพื้นถนนนี่แน่
“ลุง!” ฉันแว้ดใส่คนขับสุดห่วยและสิ่งที่ได้รับมาคือการแค้นหัวเราะ
ฉันจะชักมือกลับแต่ลุงกองทัพกลับยั้งมือเอาไว้ก่อนฉันเลยไม่สามรถดึงมือออกมาได้แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะความแข็งของก้อนเนื้อบริเวณหน้าท้องส่งผลให้ฉันเผลอลูบไล้มันอย่างพิศวง
“ลูบแบบนี้ฉันหักเลี้ยวไปยังโรงแรมเลยดีมั้ย?” ระหว่างติดไฟแดงตาลุงกองทัพก็เอี้ยวตัวมาเปิดหมวกกันน็อคพูดกับฉัน
ประโยคหยอกล้อนั้นทำเอาฉันต้องรีบละมือออกจากหน้าท้องนั้นทันที
“ไม่ยักรู้ว่ามีซิกแพคกับเขาด้วย” ฉันพึมพำในลำคอ
เห็นแก่ๆแบบนี้ใครมันจะไปคิดว่าเขจะมีกล้ามอะไรนั่นด้วยล่ะ
หาเศษหาเลยหน่อยก็ไม่ได้ ชิ
ใช้เวลาไม่นานตาลุงกองทัพก็พาฉันมายังห้างเป้าหมาย
เราเดินตรงไปยังร้านตามในบัตรส่วนลด โชคดีที่ภายในร้านมีที่นั่งว่างพอดีฉันจึงเดินนำตาลุงมา
คือจะว่าไงอะตอนนี้ฉันหิวสุดๆไปเลยล่ะ
“โห้ สั่งอย่างกับพรุ่งนี้จะไม่ได้กินอีกแล้วงั้นอะ” ผู้ชายตรงข้ามพูดขึ้นมาหลังจากฉันสั่งเมนูกับพนักงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ดูที่ไอ้ตาลุงบ้านี่พูดสิ ฉันแค่สั่งของคาวสามอย่างของหวานห้าอย่างเอง
ก็คนมันหิวอะ!
“อยู่เพื่อกินอะเคยได้ยินปะลุง” ฉันยักคิ้วกวนๆตอบกลับไป
“กินเยอะเหมือนหมูแต่ทำไมตัวเท่าลูกหมาวะ”
กรี๊ด! ปากเสีย ไอ้ผู้ใหญ่ปากไม่ดี
“ถามจริงเหอะลุงพูดดีๆกับเขาเป็นมั้ยเนี้ย?” ฉันไขว้ห้างพลางกอดอกจ้องมองใบหน้าหล่อนั้นอย่างเอือมๆ
ลุงกองทัพยักไหล่แบบไม่ยี่หระก่อนจะโน้มตัวลงมาใกล้
“ลองสั่งให้พูดดิ”
“งั้นพูดดีๆกับหนู...”
“แต่มีแต่เมียเท่านั้นนะที่สั่งได้”
กึก!
ฉันชะงักปากแล้วรับหุบลงทันทีที่ได้ยินประโยคแทรกของอีกฝ่าย
ลืมไปแล้วรึไงว่าไอ้ตาลุงเนี้ยเขามันกวน กวนเสมอต้นเสมอปลายตอนเรียนคงจะเก๋าน่าดู
“นี่ค่ะคุณลูกค้า” อาหารที่สั่งถูกวางลงตรงหน้า
กลิ่นหอมที่โชยมาส่งผลให้ฉันเลิกสนใจผู้ชายที่มาด้วยแล้วเพ่งเล็งไปยังอาหารน่ากินตรงหน้าแทน
เอาน่ะนาทีนี้เขาจะพูดอะไรก็ช่างฉันขอกินก่อนไว้ค่อยว่ากัน
หลังจากเราทั้งคู่จัดการอาหารที่สั่งเสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็เดินออกมานอกร้าน
ฉันหันไปมองตาลุงกองทัพที่ยืนลูบท้องตัวเองปอยๆ
“เอ่อลุง”
คนถูกเรียกหันมามองพร้อมกับเลิกคิ้วใส่เป็นเชิงถามว่า ‘มีอะไร?’
ฉันคิดประมวลอยู่แป๊บหนึ่งก่อนจะตัดสินใจถามออกไป
“ลุงรีบกลับมั้ยอะ?”
“ทำไม?”
“คือหนูอยากจะแวะไปโซนครัวซะหน่อย” ไหนๆมาแล้วก็เลยไม่อยากให้เสียเวลา
ร่างสูงตรงหน้าทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“ไม่รีบ” เขาตอบ “ว่าแต่จะไปทำไม?”
“หนูอยากไปดูเครื่องทำวาฟเฟิลอะ พอดีเมื่อวานเห็นสูตรแล้วอยากลองทำ”
ฉันตาลุกวาวยามได้พูดถึงเรื่องการทำขนม กะว่าจะไปดูราคาคร่าวๆก่อนไว้ประกอบการตัดสินใจ
ฉันมีเตาอบแล้วแต่ยังไม่มีเครื่องทำวาฟเฟิลเลย เห็นในคลิปที่มีคนแชร์มาแล้วอยากลองทำสุดๆ
“ชอบทำขนมเหรอเห็นวันแรกก็ทำขนมมาให้”
“อืม” ฉันพยักหน้าหงึกหงัก
“แบบนี้ค่าไฟก็ขึ้นสูงแย่ดิ”
“จะทำไงได้ก็หนูชอบนี่นา” ก็จริงอยู่ที่ค่าไฟตอนอยู่หอเก่าพุ่งกระฉูดแต่ก็นั่นแหละฉันมีความสุขเวลาทำขนมนี่นา
“งั้นเอางี้” ร่างสูงเว้นช่วงของประโยคให้ดูน่าติดตามว่าจะพูดอะไรต่อ
เขายกยิ้มมุมปากก่อนจะกล่าวว่า “มาทำขนมในห้องฉันสิรับรองไม่ต้องเสียค่าไฟ”
เอะอะก็ช่วยเข้าห้อง ไอ้ตาลุงหื่นกามนี่!
31% : ลุงชอบพูดเองเออเองอะ!
ดูแลตัวเองกันด้วยนะค่าาาา เป็นห่วงเด้อ
"อยากเป็นผั------"
ความคิดเห็น