ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาว(ตัวร้าย)ม.ปลายที่รัก

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่3 พาแฟนมาด้วย

    • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 61



    (วาดเองนักเลงพอ... หืม ใช่เหรอ555)



    บทที่3 พาแฟนมาด้วย


    โรงเรียน...วิทยา

    ก่อนการเปิดเทอมแทบทุกโรงเรียนจะต้องมีงานปฐมนิเทศน์รับนักเรียนใหม่เข้าสู่โรงเรียน จัดขึ้นเพื่อสร้างความคุ้นเคยให้นักเรียนก่อนที่จะเข้ามาเป็นศิษย์ร่วมโรงเรียน โรงเรียนนี้ก็เช่นกันงานปฐมนิเทศน์ของที่นี่จัดพร้อมกันทั้งงานของมัธยมศึกษาปีที่1 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่4 นักเรียนชั้นมัธยม6ซึ่งเป็นรุ่นพี่จึงได้รับหน้าที่ในการดูแลรุ่นน้องและสร้างสีสันให้กับงาน

    นักเรียนชั้นม.6อย่างพิมพ์ชนกและเพื่อนๆจึงต้องวิ่งวุ่นกันไม่น้อยพวกเธอต้องมากันตั้งแต่ไก่โห่เพื่อจัดเตรียมความเรียบร้อยซักซ้อมลำดับงานกันตั้งแต่เช้า

    "แหม่ๆๆๆ วันนี้ลูกพี่เราพาแฟนมาด้วยเว้ย"เสียงแซวดังมาจากโต๊ะหนึ่งในโรงอาหารเมื่อพิมพ์ชนกเดินเข้ามา ไม่แปลกที่จะถูกแซวเพราะเธอไม่ได้มาคนเดียวแต่ได้บอดี้การ์ดจำเป็นอย่างพายัพเมฆมาด้วย ใบหน้าไม่เต็มใจของพายัพเมฆนั่นปรากฏเสมอเวลาต้องไปไหนมาไหนกับเธอ

    แต่มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ เพราะตอนนี้กำลังมีกลุ่มคนหวังทำร้ายเธอเพื่อข่มขวัญผู้บัญชาการหน่วยสงครามพิเศษทางเรืออย่างพ่อของเธออยู่ พายัพเมฆจึงได้รับหน้าที่มาดูแลความปลอดภัยให้เธอในบางช่วงเวลา คนที่ออกคำสั่งไม่ใช่พ่อของเธอหากแต่เป็นพ่อของเขาที่ถือเป็นผู้อาวุโสในกองทัพเรือ กว้างขวางไม่น้อยไปกว่าพ่อของเธอเลยแม้แต่พ่อธามของเธอยังปฏิเสธไม่ได้

    "จะบ้าเหรอ ฟงแฟนอะไร ปากเสียเดี๋ยวปั๊ด" พิมพ์ชนกพูดพร้อมทำท่าง้างฝ่ามือจนคนกลุ่มนั้นเงียบ แม้จะเป็นกลุ่มเด็กผู้ชายแต่เธอก็สามารถทำให้คนพวกนี้เรียกเธอว่าลูกพี่ได้ ใครๆก็ว่าเธอน่ารักแต่ซ่อนเขี้ยวเล็บไว้แนบเนียบ เป็นยัยตัวร้ายที่พิษสงรอบตัว เธอไม่เถียงเพราะมันก็จริงแต่เธอไม่ได้ทำใครก่อน ไม่ได้ร้ายกาจขนาดที่ชอบระรานใคร

    พายัพเมฆมองไปรอบๆข้าง แทบทุกโต๊ะมีแต่นักเรียนวัยรุ่นทั้งนั้นชักรู้สึกว่าตัวเองแก่ขึ้นเป็นกอง อดนึกไม่ได้ว่าสมัยก่อนธนกฤตเองก็อาจจะเคยรู้สึกแบบนี้ รู้สึกแก่ซะไม่มี

    "ลูกพี่ครับ แบบนี้เขาไม่เรียกแฟนแล้วเรียกอะไรล่ะ คู่หมั้นหรือว่าที่สามี" วสันต์ เพื่อนจอมแซวเหมือนจะกลัวแต่ก็ยังไม่วายแซวขึ้นอีก

    "ไอ้วี อยากโดนเบิ้ลกระโหลกม่ะ" พิมพ์ชนกพูดพร้อมทำท่านักเลงใส่

    "แหม่ๆๆๆ เขินอ่ะดิ่ๆ ฮิวววว"เมื่อเห็นวสันต์กล้าแซว ปรวุต เพื่อนอีกคนก็แซวขึ้นบ้างก่อนที่เสียงโห่แซวจะดังขึ้น

    ปัง!

    "อยากให้ที่บ้านโดนทำโทษกันมั้ย ไอ้พวกมีปากไว้หอน" เสียงทรงอำนาจดังขึ้นพร้อมกับการตบฟ่ามือลงบนโต๊ะอย่างแรง สายตาคมจ้องมองกลุ่มเด็กหนุ่มสาวไม่วางตา แทบทุกคนในกลุ่มที่นั่งกันอยู่มีคนในครอบครัวรับราชการทหารเรือ โดยเฉพาะวสันต์กับปวรุต ที่มีทั้งพ่อและพี่ชายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของพายัพเมฆ

    "อ้าปากทำไมกัน สั่งข้าวมากินดิ หรือจะหือ" พายัพเมฆพูดอีกก่อนที่กลุ่มจะแตกกระจายไปสั่งข้าวสั่งน้ำมากินในมื้อเช้าของวันนี้

    "บ้าอำนาจอ่าา" พิมพ์ชนกพูดยิ้มๆก่อนที่จะเลี่ยงออกไปสั่งข้าวมากิน คนแสดงอำนาจข่มขู่จนเด็กกลัวส่ายหน้ากับตัวเองแล้วนั่งลง

    ไม่แปลกที่เจ้าเด็กพวดนั้นจะแซว เพราะสถานะคู่หมั้น(ไม่ได้ถามความสมัครใจ)ของเขากับพิมพ์ชนกนั้นเปิดเผยไม่มีการปกปิด และคนที่ประกาศไปทั่วก็ไม่ใช่ใครพ่อเขาเองนั่นแหละ ก็ไม่เข้าใจว่าจะดิสเครดิตเขาหรือประกาศตีตราจองพิมพ์ชนกไว้อยากอลังการกันแน่

    "วันนี้มีข้าวกะเพราหมูบวกไข่ดาวกับน้ำซุปไก่ เอาสักจานมั้ยคะท่านผู้การ" พิมพ์ชนกถามหลังจากหายไปเกือบสิบนาที ในมือมีข้าวผัดกระเพราหมูสองจานโดยด้านหลังมีวสันต์จอมแซวถือถ้วยน้ำซุปมาให้

    พายัพเมฆมองแล้วก็เอ่ยบอก "ก็เอามาแล้วก็ต้องกินซิครับคุณหนู"

    พายัพเมฆและพิมพ์ชนกนั่งกินข้าวด้วยกันเงียบๆโดยมีกลุ่มเพื่อนนั่งเงียบดูอยู่ ปากมันอยากแซวแต่ก็ไม่กล้าพอท้าทายพายัพเมฆ

    หลังจากจบมื้อเช้าลงอย่างเรียบง่ายพิมพ์ชนกแล้วเพื่อนก็รวมพลังกันแล้วเดินออกจากโรงอาหารไป ในช่วงเช้าเป็นหน้าที่ขอครูที่จะแนะนำรายละเอียดในโรงเรียนโดยมีพวกของพิมพ์ชนกคอยดูแลและเป็นผู้ช่วย ส่วนในช่วงบ่ายเป็นช่วงเวลาของกิจกรรมรับน้อง จัดโดยรุ่นพี่ม.6 หลากหลายห้องมาช่วยกัน

    พิมพ์ชนกได้รับความสนใจจากรุ่นน้องอย่างมาก กิจกรรมหน้าเวทีส่วนใหญ่ตกอยู่ในความดูแลของพิมพ์ชนก พายัพเมฆมองเด็กสาวยิ้มหัวเราะและร้องเต้นอย่างไม่ห่วงสวยด้วยความรู้สึกประหลาดๆอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง ปกติเด็กสาวเป็นประเภทแสบไร้ที่ติ แต่เธอกลับทำตัวเป็นรุ่นพี่ที่น่ารักไม่แสดงอาการที่ไม่เหมาะสมให้รุ่นน้องได้ลอกเลียนแบบแม้แต่น้อย

    "นี่ๆ พวกนายรู้จักพี่คนที่เต้นเมื่อกี้ป่ะ น่ารักว่ะ" เสียงนักเรียนชั้นมัธยม1ที่นั่งกันอยู่ในแถวหน้าจากที่พายัพเมฆยืนอยู่เอ่ยขึ้น เสียงของเด็กหนุ่มวัยเริ่มโตดังเข้าหูพายัพเมฆทุกคำ และเขาก็ยืนกอดอกฟังผ่านๆหูไป

    "ไม่รู้ดิ ฉันไม่ได้เรียนโรงเรียนข้างๆที่นี่เลยไม่รู้จัก" เพื่อนที่นั่งข้างขวาเอ่ยบอก โรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนมัธยมแต่ก็มีโรงเรียนประถมอยู่ในรั้วเดียวกันแต่ก็แยกการปกครอง หลายคนสมัครและสอบเข้าจากโรงเรียนอื่น บางคนก็เคยจบการศึกษามาจากโรงเรียนประถมของที่นี่

    "ฉันก็ไม่รู้ว่ะ นี่ๆข้าวจ้าว นายรู้จักรึเปล่า เห็นว่าจบจากประถมของที่นี่นิ" เพื่อนที่นั่งอยู่แถวหลังเอ่ยบอกก่อนที่จะหันไปถามเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านซ้ายของคนถาม เด็กหนุ่มคนนั้นคือเด็กชายกรพีร์หลานชายของพายัพเมฆนั่นเอง

    "ว่าไงไอ้แว่น พี่เขาชื่ออะไร โสดป่ะ" เด็กหนุ่มคนถามครั้งแรกเอ่ยถามขึ้นอีกโดยวางท่านักเลงนิดๆ พายัพเมฆมองแล้วไม่ชอบใจแต่ก็ยังกอดอกขยับไปยืนพิงพนังอาคารมองดูว่าหลานชายจะว่ายังไง

    กรพีร์ยิ้มแล้วหันไปมองพิมพ์ชนกบนเวทีอีกครั้งแล้วเอ่ยออกมาอย่างมาดมั่น "พี่เขาชื่อพี่พริกไทย ว่าที่อาสะใภ้เราเอง"

    "ตลกแล้วไอ้แว่น หน้าอย่างแกหรืออาแกคงไม่มีทางได้ยุ่งกับนางฟ้าแบบนั้นหรอก" อนุชาหรือนุ เด็กหนุ่มผู้เอ่ยถามในคราวแรกพูดอย่างไม่เชื่อและออกจะขบขัน

    "นั่นดิ หน้าแว่นแบบนายนะ อานายอ่ะก็คงจะหน้าแว่นโง่ๆแบบเดียวกันนี้แหละ พี่คนสวยคงไม่สนใจหรอก" ชาติชล คนที่นั่งข้างซ้ายของอนุชาเอ่ยบอก

    "อย่าโกหกเลยจ้าว ไม่มีใครเขาเชื่อหรอก นายจะบอกว่าพี่เขามีแฟนแล้วพวกเราจะได้ไม่ยุ่งแล้วนายจะจีบพี่เขาเองใช่ม่ะ จีบไม่ติดหรอก" นภัทร ที่นั่งอยู่ด้านหลังอนุชาพูด เด็กหนุ่มสาวที่นั่งใกล้ๆก็มีไม่กี่คนที่เชื่อเพราะเรียนประถมที่นี่เท่านั้นนอกนั้นต่างมองเป็นเรื่องตลกไปหมด

    "เราไม่ได้โกหกนะ ไม่เชื่อก็ถามพี่พริกไทยได้เลย พี่พริกไทยอ่ะเป็นคู่หมั้นอาเรา" กรพีร์บอกด้วยความไม่ชอบใจที่ใครๆก็หาว่าที่เขาพูดมันตลก

    "ก็ได้" อนุชาพูดก่อนที่จะหันไปทางพิมพ์ชนกที่เดินถือไมค์หาคนเล่นเกมอยู่ "พี่พริกไทยคนสวยครับมาทางนี้หน่อย"

    พิมพ์ชนกมองอย่างสงสัยก่อนที่จะเดินมาหาเจ้าของเสียง "มีอะไรครับ"

    "พี่มีแฟนยังครับ  นายนี่ว่าพี่เป็นคู่หมั้นของอาเขา นายนี่ขี้โกหกใช่มั้ยครับ" อนุชาถามด้วยรอยยิ้มรอฟังคำตอบที่จะทำให้กรพีร์หงายเงิบ

    พายัพเมฆมองอย่างไม่ค่อยสงบเท่าไหร ถ้าพิมพ์ชนกตอบว่ากรพีร์ไม่ได้โกหกก็ดีไป แต่เขากลัวใจคนขี้แกล้งอย่างพิมพ์ชนกจะบอกว่าไม่ใช่ให้กรพีร์ต้องโดนล้อว่าขี้ตู่ขี้โกหก เด็กวัยนี้ไม่ควรโดนล้อเลย เพราะจะเปลี่ยนชีวิตเขาไปได้

    "ตอนนี้พี่โสด" เด็กสาวบอกทำเอาพายัพเมฆสูดลมหายใจอย่างไม่พอใจ คิดไว้แล้วว่าพิมพ์ชนกต้องพูดแบบนี้ แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อพิมพ์ชนกก็เอ่ยขึ้นอีก "แต่...พี่มีคู่หมั้นจริง แล้วก็เป็นอาของข้าวจ้าวจริง เพราะงั้นอย่าบอกว่าข้าวจ้าวโกหกอีก ถ้าหมดธุระแล้วพี่ไปหาคนมาเล่นเกมส์ก่อนนะ"

    เด็กสาวพูดก่อนที่จะผละจากไปอนุชากับพวกถึงกับตกตะลึงอ้าปากค้าง

    "เห็นไหม เราบอกแล้ว" กรพีร์พูดในเชิงเยาะเย้ยจนอนุชาไม่พอใจจะง้างมือตบศีรษะของกรพีร์ พายัพเมฆรีบพุ่งเข้าไปจับข้อมือเด็กเกเรไว้อย่างรวดเร็ว

    "อาพลาย" กรพีร์เรียกอย่างตกใจไม่คิดว่าอาหนุ่มจะมาปรากฎตัวแถวนี้ แต่ก่อนที่จะได้เอ่ยอะไรต่อพายัพเมฆก็ยื่นมืออีกข้างไปไปจับข้อมือหลานชายก่อนที่จะฉุดให้เด็กทั้งสองลุกขึ้นแล้วเดินพุ่งไปที่หน้าเวที

    "มะ มีอะไรรึเปล่าครับแฟนพริกไทย" คนจอมแซวอย่างวสันต์เอ่ยถามยังคงมีติดแววแซวเล่นอยู่แล้วยื่นไมค์ไปตรงหน้าพายัพเมฆก่อนที่หนุ่มใหญ่จะพูดขึ้น "พริกไทยไม่ต้องหาคนเล่นแล้ว เอาสองคนนี้แหละ มาบอกกติกาดีกว่า"

    พิมพ์ชนกที่เดินกลับมาถึฃด้านหน้ามองหนุ่มใหญ่อย่างฉงนแล้วเอ่ยบอก "ถ้าอย่างนั้น เกมส์พี่พริกไทยไว้ก่อนดีกว่า น้าพลายออกมาหน้าเวทีแบบนี้แสดงว่าอยากแจมงั้น...ให้น้าพลายหลายขาเนี่ยคิดเกมให้สองคนนี้เลยค่ะ"

    รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ส่อแววความขี้แกล้งที่ติดตัวมาตั้วแต่เด็กปรากฎขึ้นบนใบหน้าของนายทหารเรือหนุ่มใหญ่ก่อนที่จะหันมามองสองหนุ่มน้อย ซึ่งด้านหนึ่งคือหลานรัก อีกด้านคือคนที่จะตบหลานชายเขา

    "ไม่เอานะครับอาพลาย จ้าวจะฟ้องพ่อพีมแม่ข้าวนะ" คนรู้จักอาหนุ่มใหญ่ดีพูดขึ้นเมื่อเห็นรอยยิ้มของคนขี้แกล้งที่ผู้เป็นพ่อบอกว่า ถ้าอยู่ในมาดสุขุมอาของเขาก็เหมือนผู้ใหญ่ใจดี แต่ถ้ายิ้มแบบนี้เมื้อไหรแสดงว่านายพลายคนขี้แกล้งกำลังจะสำแดงเดช

    "เฮ้ย ไอ้หลานรัก ไม่เอาดิ หนุกๆน่า" พายัพเมฆเอ่ยบอก จะว่าเขาเป็นคนสองบุคลิกก็ว่าได้ขรึมกับคนนอกแต่ขี้แกล้งกวนประสาทสำหรับคนใน

    "นี่น่ะเหรออานาย ที่ว่าคู่หมั้นพี่คนสวย" คำถามของอนุชาทำให้คนยิ้มเจ้าเล่ห์หันมามอง แล้วตอบ "ถูกแล้วไอ้หนู ฉันนี่แหละที่นายกับเพื่อนว่าคงจะหน้าแว่นโง่ๆ"

    "เอาล่ะ มาเล่นดีกว่า วสันต์หยิบแป้งมาที เอาสองนะ อ้อ แป้งเย็นด้วย"พายัพเมฆพูดแล้วเอ่ยต่อ "อ้อ ถ้ามีลิปสติกกับมาสคาร่าเอามาด้วยนะ"

    "นี่แป้งครับ แต่ลิปกับมาสคาร่าไม่มี" วสันต์พูด พายัพเมฆฉวยไมค์มาถือแทนแล้วเอ่ยใส่ไมค์ "เจ้ๆ ขอยืมลิปกับมาสคาร่าด้วย เดี๋ยวหาที่ดีกว่านี้มาให้แล้วอุดหนุนนิยายเรื่องใหม่สักสิบเล่มเลย"

    เสียงของพายัพเมฆดังมาถึงคณะครูที่นั่งมองอยู่ เจ้ที่ถูกเรียกยกมือตบหน้าผากตัวเองอย่างอายๆก่อนที่จะค้นหาเครื่องสำอางจากกระเป๋าขึ้นมา แล้วยื่นให้เพื่อนของพิมพ์ชนกที่ยืนอยู่แถวนั้น

    "ขอบคุณเจ้พริกหวานที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ขอให้เจริญๆ สามีรักสามีหลง ลูกๆไม่ดื้อ มีเขยขอให้เขยหล่อแต่จิตหน่อยๆ มีสะใภ้ขอให้เถื่อนนิดๆ ถ้ามีหลานขอให้เจ๊จงอย่าเอาความเอาแต่ใจถ่ายทอดไปถึงหลานครับผมมมม" คำอวยพรทะแม่งๆของพายัพเมฆดังขึ้นก่อนที่จะยิ้มสะใจ แน่นอนว่าเขาค่อนข้างแค้นฝังหุ่นกับเจ้ที่ว่าไม่น้อย ใครบ้างจะไม่แค้นคนที่เคยใช้งานเขาอย่างกับทาส ใครบ้างจะไม่อยากเอาคืนคนที่ใช้ความเป็นคนท้องกดขี่ข่มแหงเขาในช่วงหนุ่มๆ แน่นอนเจ้ที่ว่านั่นคือพิมพ์ลภัส แม่จ๋าของพิมพ์ชนกนั่นเอง

    "หน่อยแหนะ แบบนี้ไม่ได้อวยพรแล้ว เเช่งกันชัดๆไอ้ผีพรายตายน้ำตื้นเอ้ย" พิมพ์ลภัส ครูฝ่ายปกครองวัย42ได้แต่พูดเบาๆยังคงรักษาความสงบนิ่งอยู่ บอกตัวเองในใจว่าท่องไว้เธอเป็นครู อย่าไปต่อล้อต่อเถียงให้นักเรียนเห็น ท่องไว้ๆ

    "อันแน่ มีไม่ตอบโต้ด้วย อะโธ่เก่งแต่ในบ้าน โอ๊ยยยย" เสียงร้องของพายัพเมฆดังขึ้นหลังจากกวนประสาทยั่วโมโหพิมพ์ลภัส และคนที่ทำให้เจ็บก็ไม่ใช่ใคร ลูกสาวคนโตของครูวัยกลางคนนั่นเอง พิมพ์ชนกบีดหูที่เปรียบดั่งจุดอ่อนจุดที่หนึ่งของพายัพเมฆอย่างแรง

    "โอ๊ยๆๆ แบบนี้ผู้การของเรามีแววเก่งแต่นอกบ้านป่าวเนี่ย" จอมแซวก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดี

    พายัพเมฆที่เจ็บปวดราวกับชาไปทั้งซีกไม่สนใจคำแซวแต่หันมาพูดกับพิมพ์ชนก "ปล่อยๆ พริกไทยปล่อย "

    "ขอโทษแม่จ๋าก่อน" พิมพ์ชนกพูดแล้วเพิ่งแรงขึ้นอีกจนพายัพเมฆต้องพยักหน้าหงึกหงักแล้วพูดขึ้น  "โอ๊ย ขอโทษครับเจ๊ ไอ้พลายมันปากหมาอาธามสอนมาทั้งนั้น โอ๊ยยยยยย"

    "ใครสอนนะ" คนถูกเอาพ่อมาอ้างออกแรงขึ้นแล้วถามก่อนที่พายัพเมฆจะตอบขึ้นทันควัน "เปล่าๆ อาธามไม่ได้สอน ไม่ได้สอน"

    "แล้วไป" พิมพ์ชนกพูดก่อนที่จะปล่อย พายัพเมฆถูใบหูตัวเองอยู่สักครู่ก่อนที่จะหันไปจับไหล่ของเด็กหนุ่มทั้งสองคนที่ยืนหัวเราะอยู่

    "เกมส์นี้มีอยู่ว่า ต้องเป่ายิ้งฉับกันใครชนะได้แต่งหน้าอีกฝ่ายหนึ่งครั้ง เล่นจนกว่าหน้าใครจะดูไม่ได้ไปข้าง" พายัพเมฆอธิบายก่อนที่เด็กหนุ่มทั้งสองคนจะชะงักไป ก่อนที่เขาจะท้าทายขึ้น "ไม่กล้าเหรอ เป็นผู้ชายกันหรือเปล่าเนี่ย"

    เวลาต่อมา

    ใบหน้าของสองหนุ่มน้อยเลอะไปด้วยแป้งเย็นและเครื่องสำอางอย่างเลอะเทอะปนสวยราวกับเพศที่สาม อนุชามองหน้าคนที่ตนเกือบจะมีเรื่องด้วยแล้วยิ้ม ความโมโหความขุ่นมัวที่มีก่อนหน้าคลายลง เกิดมิตรภาพขึ้นภายในใจของสองหนุ่ม

    "เอาล่ะ อยากหยุดมั้ย" หนุ่มใหญ่ถามใบหน้ายิ้ม สิ่งที่เขาหวังจากเกมส์นี้คือความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นของทั้งสองคน

    "อาพลายครับ พอเถอะเละหมดแล้ว" กรพีร์เอ่ยบอกเสียงอ่อยๆ

    "ก็ได้ แต่ต้องผูกมิตรกันไว้แล้วกอดคอกันเดินท่าตุ๊ดเอาเครื่องสำอางไปคืนครูพิมพ์ลภัส โอเคมั้ย" พายัพเมฆถามก่อนที่ทั้งคู่จะพยักหน้าหงึก กอดคอกันอย่างสนิทใจแล้วเดินตูดบิดอย่างสนุกสนานไปหาพิมพ์ลภัส

    "ฝากฝังตัวเป็นเขยครูพริกหวานด้วย บอกครูด้วยว่าครูครับผมขอจีบลูกแฝดหญิงคู่เล็กครูนะครับ หรือจะให้จีบแฝดชายคู่กลางก็ได้ครับ" พายัพเมฆพูดแล้วหัวเราะออกมาก่อนที่จะเดินยิ้มกลับไปยืนที่เดิม เหลือบหันไปมองพิมพ์ลภัสที่สีหน้าอายซะไม่มีแล้วยิ้ม

    ที่เขาชอบแกล้งพิมพ์ลภัสเมื่อมีโอกาสก็เพราะแค้นฝังหุ่นจากตอนที่ครูรุ่นพี่กำลังตั้งท้องพิมพ์ชนกกับพชรดนัย พ่อเขาให้เขาไปคอยดูแลเธอ แต่เหมือนไปเป็นทาสมากกว่า เวลาที่ควรได้พักผ่อนหมดไปกับการปัดกวาดถูบ้านให้ว่าที่พ่อตาและแม่ยาย(ที่เขาไม่ได้อยากได้)และคอยรับใช้คนทั้งคู่และลูก คนลูกอย่างพิมพ์ชนกก็ใช่ย่อยตอนเด็กอ้อนกินแต่ผัดไทกับหมูทอดพริกไทยดำจนเขาเป็นคนซวยต้องไปหามาให้ แต่จัดการคนลูกไม่ไหว เล่นงานคนแม่คนพ่อยังพอได้ กับพิมพ์ชนกเขายอมแพ้ ยัยนี่ร้ายเกิน




    ใครไม่อ่านรุ่นก่อนคุณจะคุยกับทุกคนรู้เรื่องแต่คุยกับไรต์ป่านไม่รู้เรื่อง555 ใครอยากรู้ว่าไรทำให้พี่พลายแค้นว่าที่แม่ยายขนาดนี้ไปอ่านที่เจ้าสาว(สำรอง)ม.ปลายที่รักนะคะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×