คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : หงส์ซาน #3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!!
#3 จำไว้เลย จำไว้เล้ย!!
________________________________________________
ผมฝัน!!
ใช่ ผมฝัน ผมฝันอยู่ ผมพร่ำบอกตัวเองเป็นรอบที่ร้อย แต่ความฝันผมมันเหมือนจริงเหลือเกิน โดยเฉพาะคนที่อยู่ในความฝันผมตอนนี้
ผมจ้องมองผู้คุม (เจ้หลินเรียกว่าบอดี้การ์ด แต่ผมยังยืนยันที่จะเรียกผู้คุม หรืออีกชื่อของมันคือไอ้น้ำยาล้างจาน) มันกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยภาษาเยอรมัน แต่มันไม่ได้เป็นคนเยอรมันหรอก และผมไม่รู้ด้วยว่ามันเป็นคนชาติไหน เพราะตั้งแต่อยู่ร่วมกันมาสามวัน หมอนี่พูดไปแล้วมากกว่าเจ็ดภาษา ขนาดพม่าไอ้น้ำยาล้างจานมันยังพูดได้
“พูดได้กี่ภาษา” ผมถามอย่างเสือกรู้
“ได้ทุกภาษาที่มีในโลก”
ผมตาโต
“พูดจริงหรือเปล่า อัจฉริยะเกินไปแล้วนะ!”
ผมถามอย่างตื่นเต้น
“พูดได้ทุกภาษาในโลก แต่แค่คำว่าสวัสดีกับลาก่อน ถ้าเอาให้คล่องก็แค่สิบสองภาษา”
‘กวนตีน’ ผมด่ามันอยู่ในใจ
“ขอบคุณสำหรับคำชม”
ผมขมวดคิ้ว
“ใครชม ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ”
“กวนตีน เมื่อกี้พูดคำนี้ในใจหรือเปล่าล่ะครับ”
ผมตาโต อ้าปากค้าง
“นะ นี่นายอ่านใจคนได้!!”
มันส่ายหัว
“ผมไม่ได้เก่งขนาดนั้น แต่คุณหงส์อ่านง่ายเกินไป”
ผมหุบปากลงฉับ
“ความสามารถมากขนาดนี้มาทำงานเป็นขี้ข้าคนได้ไง”
ผมจงใจใช้คำให้ต่ำที่สุด
“มีอาชีพไหนที่ได้ควบคุมคน ได้ทำหลากหลายอย่างโดยที่เงินเดือนสูงลิ่วกว่าวิศวกรทำมาทั้งปีอีก”
“โรคจิต”
มันไม่ตอบอะไร เพียงแค่ยิ้ม
แต่เป็นรอยยิ้มที่ดูเหมือนคนเป็นโรคจิตจริงๆ
ผมยังไม่ได้ล้มเลิกการหาทางหนีหรอกนะ แต่ลองมาแล้วทุกทางจนผมชักท้อ
“นี่ มีรูปว่าที่เจ้าบ่าวฉันไหม”
ผมถามเนือยๆ
“ยังไม่เคยเห็นเหรอครับ”
“ถ้าเห็นจะถามไหม”
ผมตอบหงุดหงิด มันล้วงหยิบมือถือขึ้นมากดยิกๆ แล้วยื่นให้ ผมก้มมอง ภายในเป็นรูปภาพของชายหนุ่มคนหนึ่ง หน้าตาดีมาก ดีแบบดีโคตรๆ เค้าหน้าไม่เห็นเหมือนเหมยเลย แววตานี่โหดยิ่งกว่าไอ้น้ำยาล้างจานตรงหน้าผมอีก
“หน้าตางั้นๆ”
“ถ้าคุณไป่หลงหน้าตางั้นๆ คุณหงส์ก็สุดยอดของความขี้เหร่”
อ๊ากกกกกก
มันว่าผมครับท่านผู้โชม มันว่าผม!!!!!
ผมอ้าปากพะงาบๆ ตาโต มือชี้หน้า
“ไอ้น้ำยาล้างจาน!!”
มันไม่สนใจผม กดรับสายที่โทรเข้ามานิ่งๆ
“ครับ อ๋อได้ครับ ไม่มีปัญหาครับ เป็นเด็กดีมาก”
ตอนพูดมันเหลือบมองผมด้วย
“ครับ คุณหงส์ชมว่าคุณไป่หลงหล่อมาก และดีใจเหลือเกินที่จะได้แต่งงานกับท่าน”
ไอ้ตอแหล ไอ้ปากปีจอ พูดไม่เป็นความจริง
“ครับ รับทราบครับ”
แล้วมันก็กดวางสายไป
“ใครไปชมว่าหมอนั่นหล่อ ใครดีใจที่ได้แต่งงาน!!”
ผมแหว มันถอนหายใจแรง
“คนโชคร้ายที่สุดคือเจ้านายผม ไม่ใช่คุณหงส์ เพราะงั้นอย่าทำตัวให้ท่านลำบากใจเลยครับ”
อยากลุกขึ้นมางิ้วข่วนหน้ามันจริงๆ เสียแต่เล็บยาวไม่พอ ไม่แข็งแรงเท่ามันด้วย
“จะแช่งให้คอหักตาย”
มันยกยิ้ม
“ไม่เคยได้ยินเหรอครับ คำแช่งมักคืนไปสู่คนแช่งเสมอ”
มันบอกพร้อมไล้ปลายนิ้วลงบนลำคอผมเบาๆ จนขนลุกเกรียว
“ทำตัวดีๆ นะครับ ผมมีธุระต้องออกไปทำข้างนอก”
ผมตาวาว สบโอกาสหนี
“แล้วอย่าคิดหนีล่ะ ไม่งั้นโดนจับมัดแน่ๆ”
ผมหัวเราะหึๆ ไม่ได้รับปาก มันลุกขึ้นยืน ขยับปรับสูทสุดเท่ให้เข้าที่เข้าทาง รูปร่างหน้าตาน่าจะไปเป็นนายแบบมากกว่า
“ขอบคุณที่ชมครับ”
“ใครชม!”
มันยกยิ้ม
“รู้สึกเหมือนเมื่อกี้คุณหงส์เพิ่งชมผมในใจไปหยกๆ ว่าผมดูดี”
นี่มึงอ่านใจกูได้ใช่ไหม มึงเป็นผี มึงเป็นพ่อมด มึงไม่ใช่คน!!
“ผมบอกแล้วว่าหน้าคุณหงส์อ่านง่าย ผมขอตัว เป็นเด็กดีนะครับ แล้วผมจะซื้อขนมมาฝาก”
“ฉันไม่ใช่เด็ก!!”
ผมแหวตามหลัง มันไม่สนใจ เดินลิ่วๆ เปิดประตูออกไป ผมนั่งฮึดฮัดชกลมชกฟ้า แล้วนั่งรอเวลา กะว่ามันไปแล้วแน่ๆ ถึงได้รีบวิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้า คว้าข้าวของทุกอย่างยัดลงกระเป๋าเหมือนที่เคยทำอย่างสองครั้งแรก ผมยิ้มกริ่ม วิ่งลิ่วไปเปิดประตูออกผ่าง
เพื่อไปพบกับ…
ใครก็ไม่รู้ครับ
แต่ไม่ใช่ไอ้น้ำยาล้างจาน
มันสูงพอๆ กัน รูปร่างหน้าตาคล้ายกัน ดวงตาสีเดียวกันเด๊ะ
“จะออกไปเดินเล่นเหรอครับ เดี๋ยวผมจะเดินไปเป็นเพื่อน”
ผมอ้าปากค้าง น้ำเสียงยังคล้ายเลย!!!
“ผมวิกเซอร์ครับ เป็นน้องของซันไรส์ จะมาดูแลคุณหงส์ระหว่างเขาออกไปทำธุระ”
“วิกซอล เอ้อดี พี่เป็นน้ำยาล้างจาน น้องเป็นน้ำยาขัดส้วม”
ผมปิดประตูกระแทกหน้ามันดังปัง เข้ามาวนเป็นหนูติดจั่น กัดเล็บแรง
ทำไงให้หนีได้ดี
ได้ยินเสียงกริ๊ก ผมหันขวับไปมอง ไอ้น้ำยาขัดส้วมเดินหน้านิ่งเข้ามา
“เข้ามาก่อนได้รับอนุญาตได้ไง เคาะสิ มีมารยาทไหม แล้วเอากุญแจที่ไหนมาใช้”
“ไม่จำเป็นครับ ผมไขได้ทุกห้องโดยไม่จำเป็นต้องใช้กุญแจสำรอง”
เอ้อ มึงมันพวกอัจฉริยะ ผมประชดในใจ
“ขอบคุณสำหรับคำชมครับ”
ผมอ้าปากค้าง มันเป็นพี่น้องกัน มันต้องเป็นพวกอ่านใจคนได้เหมือนกันแน่ๆ แล้วมันก็เดินหน้านิ่งแบบเดียวกันมาหยิบกระเป๋าจากมือผม เดินดุ่ยๆ ไปเก็บ แต่มันไม่เป๊ะเท่าคนพี่หรอก ผมมองตามตาขวาง ทำอะไรไม่ได้ก็เดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงดังตุบ
“สรุปฉันกลายเป็นนักโทษ”
“เปล่าครับ ว่าที่เจ้าสาวคุณไป่หลงต่างหาก”
“เหอะ แล้วมีใครที่ไหนปฏิบัติกับว่าที่เจ้าสาวแบบนี้บ้าง”
“ถ้าคุณหงส์ไม่คิดหนีก็ไม่จำเป็นครับ”
“ใครไม่อยากหนีวะ ไปเป็นเจ้าสาวผู้ชายเนี่ยนะ ใช้อะไรคิด!!” ผมตะโกนลั่น “นี่จะบังคับให้ฉันท้องให้คนตระกูลหยางด้วยไหม!!”
“ผมดีใจนะครับที่คุณหงส์ท้องไม่ได้”
“ทำไม!”
ผมกระชากเสียงถาม
มันเก็บของเสร็จแล้ว หันมามองพอดี
“ไม่อยากให้ทายาทของคนตระกูลหยางสติไม่เต็มแบบแม่”
ผมอ้าปากค้างจนแมลงวันแทบบินเข้ามาวางไข่ มือชี้หน้าวิญญาณหลุดออกจากร่างไปงิ้วใส่มันเป็นอันเรียบร้อย ข่วนแควกๆ มันยกยิ้มมุมปากนิดหนึ่ง ผมข่วนหน้ามันอีกรอบเสียงดัง (แน่นอน ว่าแค่ในความคิด)
“เจ้านายแกยอมได้ไง ชื่อเสียง อนาคต หมดกันพอดี”
“เพื่อธุรกิจท่านทำได้ครับ”
“หึ แล้วเจ้านายแกไม่อยากมีทายาทรึไง”
“วิธีสร้างทายาทไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ มีหลายวิธีให้ได้ลูก ถ้าคุณไป่หลงท่านเป็นห่วงเรื่องนี้จริงคงแต่งงานไปนานแล้ว แต่ท่านไม่ค่อยสนใจเรื่องครอบครัวหรือคู่ครองเท่าไหร่”
ผมเบ้ปาก นิ่งคิด ปกติการแต่งงานระหว่างสองครอบครัว หลักๆ แล้วคือนำใบสมรสและความสัมพันธ์มาเป็นข้อตกลงทางธุรกิจ ถ้าเป็นผู้หญิงก็ดูแลสามี มีบุตรสืบทายาท แต่ผู้ชายอย่างผม…
ผมนิ่งคิดทบทวนอีกรอบ
“นี่ เจ้านายแกเป็นเกย์หรือเปล่า คือแบบว่าชอบคนเพศเดียวกันอะไรงี้”
ครองตัวโสดมาได้ขนาดนี้ อาจเป็นเกย์ก็ได้
มันส่ายหัว
“เปล่าครับ ท่านปกติดี นอนกับผู้หญิงได้ตามปกติ”
“แล้วเขาเคยนอนกับผู้ชายไหม”
“ไม่ครับ”
ผมยิ้มออกมาได้ทันที
โธ่ มันก็แค่การแต่งงานฉาบหน้าเพื่อเอาใบสมรสเท่านั้นนี่หว่า
“แต่เห็นคุณไป่หลงเปรยๆ ไว้ว่าอยากลองดูเหมือนกัน”
ผมร้องจ๊ากในใจ
“นี่วิกซอล”
ผมเรียกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“วิกเซอร์ครับ”
“จะอะไรก็ช่าง ไปบอกเจ้านายแก การนอนกับผู้ชายไม่ใช่ความคิดที่ดี ผู้หญิงมีนม ไปบอกเจ้านายแกอย่างนี้”
มันยกยิ้ม
“ครับ ผมจะบอกท่านให้”
แล้วมันก็หยิบมือถือขึ้นมากดยิกๆ พอเรียบร้อยก็เก็บใส่กระเป๋าเสื้อด้านในตามเดิม
แผล็บเดียวก็ได้ยินเสียงเมสเสจดัง มันล้วงหยิบขึ้นมาอ่าน ผมชะเง้อคอมองอย่างอยากรู้ มันยกยิ้ม มองตาผม
“ผมบอกท่านให้แล้วเรื่องที่คุณหงส์ฝากไว้ ท่านตอบกลับมาว่า ผู้ชายก็มีนมเหมือนกัน แต่ไม่ต้องห่วง ท่านไม่สนใจนมพร่องคุณภาพของคุณหงส์หรอกครับ”
ผมอ้าปากค้าง ผมจะจารึกไว้ว่าคนตระกูลหยางปากหมา เห็นเหมยพูดจาดี๊ดีไม่คิดว่าจะมีพี่ชายปากหมา แถมยังมีฝูงบริวารปากหมามากกว่าอีก
“เขาคงไม่ได้คิดจะแต่งงานกับฉันตลอดชีวิตใช่ไหม เจรจาธุรกิจเสร็จก็เซ็นใบหย่า”
“อันนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของสองครอบครัวครับ”
ผมอยากทึ้งหัวตัวเอง
เอาเถอะ! แต่งแค่ในนาม พอการเจรจาทุกอย่างครบ ผมจะได้เป็นอิสระ ทนๆ เอาหน่อย คงไม่นานเท่าไหร่
ผมยืนเป็นพระเอกมิวสิกอยู่หน้าบ่อเลี้ยงปลารูปเลขแปดตรงหน้า ปลาคาร์ปหลากหลายสีว่ายวน ราคาของมันแพงหูฉี่ ปลาบางตัวซื้อรถได้เป็นคัน อย่างที่บอก ป๊าผมรวย รวยมากด้วย มีธุรกิจในเครือหลายอย่าง แต่ป๊าไม่เคยให้ผมเข้าไปแตะแม้แต่นิดเดียว ไม่เหมือนพวกพี่ๆ ที่ได้ดูแลกันคนหนึ่งหลายอย่าง เอาตามจริงผมแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าป๊าทำอะไรกันบ้าง เกิดเป็นลูกคนเล็กก็หมาหัวเน่าอย่างนี้แหละ
ผมโยนอาหารปลาลงไปหนึ่งช้อน พวกมันรุมเข้ามากิน
“มึงอย่าตะกละไอ้ขาว”
ผมบอกไอ้ขาว ปลาคาร์ปที่ตัวใหญ่กว่าเพื่อน กินเก่ง อ้วนตุบ
แล้วผมก็โยนอาหารปลาลงไปอีก
“ได้เวลาทานข้าวแล้วครับ”
ไอ้น้ำยาล้างจานเดินหน้านิ่งเข้ามาหา ผมลุกจากบ่อปลา เดินไปยัดกล่องอาหารปลาใส่มือมัน
“เอ้า หิวก็กินได้”
แล้วผมก็เดินลิ่วๆ เข้าบ้านไป ม้าผมนั่งรอแล้ว ผมไม่พูดกับม้าสักคำ นั่งได้ก็หยิบตะเกียบมาคีบตักข้าวกินรัวๆ ใช้เวลากินไม่ถึงห้านาทีก็ลุกพรวด
“อาหงส์”
ม้าเรียกไว้ ผมเบรกเท้าลงกึก ผมไม่คุยกับป๊าอีกเลยตั้งแต่ผมพยายามร้องขอครั้งล่าสุด กับม้าจะพูดด้วยก็ตอนที่ถูกถามเท่านั้น
“เข้าใจป๊าเขานะลูก”
ผมไม่ตอบ หันหลังเดินจากมา
ผมกลับไปที่บ่อปลา มองหากล่องอาหารปลา ซันไรส์เดินนิ่งๆ เข้ามาหา ยื่นกล่องอาหารปลาให้
“กินไม่อิ่มเหรอครับ เอานี่ เอาไปกินต่อ”
ผมมองหน้ามัน คว้าหมับมาถือ ตักเทใส่บ่อปลาแก้เบื่อ
“วันพรุ่งนี้คุณไป่หลงจะมาหานะครับ”
ผมขมวดคิ้ว เข้าใจอยู่หรอกว่าตามธรรมเนียม เราจะมีการนัดเจอกันก่อนอย่างน้อยครั้งหรือสองครั้ง แต่ปกติจะนัดไปเจอกันข้างนอก อย่างห้องอาหารอะไรทำนองนี้
อยากเห็นหน้าชัดๆ เหมือนกัน หัวหน้าฝูงหมาป่าพวกนี้ คอยดูเถอะ แต่งงานไปผมจะป่วนประสาทจนมันอยากเซ็นใบหย่าให้ผมวันละสิบรอบเลยทีเดียว
รุ่งขึ้น
วันนี้ป๊าม้ากับอาเฮียบางคนอยู่บ้าน เพราะจะมีแขกพิเศษมาเยี่ยม
ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก แต่เป็นว่าที่เจ้าบ่าวผมนี่แหละ (ไม่ได้มาสู่ขอหรอกครับ เพราะขั้นตอนนั้นผู้ใหญ่ทำกันเรียบร้อยแล้ว) ผมถูกจับใส่สูทตั้งแต่เช้ามืดทั้งที่จริงๆ หมอนั่นมาตอนเย็น
จะให้ผมแต่งตัวรอทำไม
หมอนี่น่าจะเป็นพวกบ้าอำนาจสุดๆ ใครได้เป็นผัว นรกจริงๆ
อ้าว กูเองนี่หว่า
ผมนั่งๆ นอนๆ คอย กระทั่งมีรถหรูวิ่งเข้ามาจอดภายในรั้วบ้าน ผมถูกต้อนให้ออกไปยืนรับ ทั้งป๊าทั้งม้าผมก็ออกมายืนด้วย
หมอนี่เป็นใคร
แค่ลูกชายคนตระกูลหยาง ทำเป็นใหญ่
ผมยืนหน้าหงิกทั้งที่ม้าสะกิดเตือนให้ทำหน้านิ่งๆ หรือยิ้มแย้มหน่อย
พอรถจอดสนิท ซันไรส์ที่เตรียมตัวไว้แล้วก็เดินไปเปิดประตูออก ชั่วอึดใจหนึ่ง หัวดำๆ ก็โผล่ออกมาก่อน ตามติดด้วยใบหน้านิ่งเรียบดุจรูปปั้นในชุดสูทสีเข้ม
อื้อหือ หล่อฟัดโลก
ออร่าความหล่อมันพุ่งกระแทกตาจนอยากกลับไปเกิดใหม่เป็นลิง
ตัวสูงชะลูด แต่สมส่วน กล้ามเนื้อแน่นหนัด ผมยาวระต้นคอ สันจมูกตรง แต่ไม่ได้เป็นแท่ง มีสโลปนิดๆ ดูมีมิติ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มไปทางดำ อกผาย ไหล่ผึ่ง บุคลิกโคตรดี
ซันไรส์โค้งคำนับ มันพยักหน้านิดหนึ่งให้ ป๊ากับม้าเดินเข้าไปหาด้วยตัวเอง จับมือทักทายสไตล์สากล ผมยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มองมันตาขวาง
เอาไปเลย ความประทับใจแรก
ป๊ากับม้าพูดคุยกับมันโฉงเฉง สักพักม้าก็หันมาทางผม
“เข้ามาสิอาหงส์ นี่ว่าที่เจ้าบ่าวลื้อ”
ผมไม่เข้าไป ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
“อาหงส์”
ม้าเรียกมาอีกรอบ ผมยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
“โทษทีม้า ยืนรอนาน รากอั๊วงอก”
ป๊ากับม้าอ้าปากค้าง
มันยกยิ้มครับ! มันยกยิ้ม มุมปาก นิดหนึ่ง
มึงกล้ายิ้มเยาะกู!!
ผมฝังรากลึกยิ่งกว่าเดิม
“อาหงส์!!”
ป๊าปรี๊ดแตกใส่ผมเสียงดัง
“ไม่เป็นไรครับ”
มันว่า เป็นฝ่ายก้าวเข้ามาหาผมแทน
เหอะ เดินบนหญ้าไม่ใช่พรมแดง ไม่ต้องเก็กหล่อขนาดนั้นก็ได้
มันเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผม
ไอ้เปรต จะสูงไปไหน
อยากไว้อาลัยในความเตี้ยตัวเองจัง
มันก้มหน้าลงมา ริมฝีปากใกล้หู
“เตี้ยจัง”
ผมอ้าปากค้าง
กูรู้ว่ากูเตี้ย ไม่ได้สูงเท่าบรรดาพี่ชาย ก็ทำไมอ่ะ น้องคนสุดท้องนี่ ความฉลาด ความหล่อ ความสูง มันหมดไปตั้งแต่พี่ฮันแล้ว เหลือมาให้กูได้ภูมิใจแค่นี้ก็ดีถมถืด
“เปรต”
ผมต่อว่ากลับสั้นๆ มันเลิกคิ้วสูง หัวเราะหึๆ
อ๊ากกก อยากสกายคิก กลับหลังหันแล้วตบด้วยหลังเท้า
“เชิญๆ อาหลง ม้าเขาลงมือทำอาหารเองเลย”
“ครับ”
มันรับปาก แล้วป๊ากับม้าก็พามันเดินเข้าบ้าน ทิ้งให้ผมเดินตามหลัง
ผมมองตาม ที่เจ็บใจสุด แม้แต่ท้ายทอยมันยังดูหล่อ
มันหันกลับมามองผมนิดหนึ่ง ผมรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นตาขวางใส่ทันที มันยกยิ้มมุมปาก หันกลับไปสนใจป๊ากับม้าต่อ
ผมว่าโปรเจคที่ป๊าวางไว้ต้องใหญ่มากแน่ๆ ป๊ากับม้าถึงได้พะเน้าพะนอขนาดนี้ แล้วมันคิดยังไงถึงได้ยอมเสียชื่อเสียงมาแต่งงานกับผู้ชายอย่างผม บอกให้ม้าปั๊มน้องให้ตอนนี้จะโตทันมันแก่ไหมฮึ
ม้ากระวีกระวาดดูแลว่าที่ลูกเขยอย่างออกหน้าออกตา เชิญให้มันนั่ง เฮียฮันพี่ชายคนที่ 6 กับเจ้หมวยพี่สาวคนที่ 7 ของผมอยู่ด้วย ผมไม่สนใจใคร กำลังจะทิ้งตัวลงนั่งยังเก้าอี้ตัวเอง แต่ม้าเรียกไว้
“มานั่งนี่อาหงส์ นั่งกับว่าที่เจ้าบ่าวลื้อ”
“ไม่เอา นี่มันเก้าอี้อั๊ว”
ผมเถียงม้ากลับ
“อย่าดื้อ มานั่งนี่”
ป๊าสั่งมาเสียงดุ ผมหน้ามุ่ย ยอมสละเก้าอี้ประจำกลายร่างจากคนเป็นม้าหมากรุกเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ มัน
อื้อหือ มึงอาบน้ำหอมมาเหรอ แล้วกูจะได้กลิ่นอาหารไหม
ผมไม่สนใจมองหนังหน้ามัน พอแม่บ้านตักอาหารให้เรียบร้อย ผมก็ก้มหน้าก้มตากิน
ป๊ากับม้าก็ชวนมันคุย ส่วนใหญ่ก็เรื่องธุรกิจนั่นแหละ แน่นอนสิ การแต่งงานมันทำเพื่อผลประโยชน์ไม่ได้เกิดจากความรัก ไม่งั้นหัวข้อจะกลายเป็นเรื่องสัพเพเหระแทน
“อาหงส์อย่าเอาแต่กินสิ คีบอาหารให้อาหลงบ้าง หัดทำหน้าที่ได้แล้ว”
ผมชะงักตะเกียบใกล้ปาก จ้องหน้าม้า หันไปมองใครอีกคนข้างกาย มันทำหน้านิ่ง
“ได้สิ”
ผมหัวเราะในใจ ยัดปลายตะเกียบเข้าปากให้น้ำลายติดมาเยอะๆ แล้วเอาไปคีบอาหารให้
พริกล้วนๆ มึง กินไปเลย
แล้วเอาไปวางไว้บนจานมัน ยิ้มหวาน
กินได้มึงก็เหนือมนุษย์แล้ว
“รู้ได้ไงว่าเฮียชอบพริก…แสนรู้จัง”
คำแรกมันพูดให้ทุกคนได้ยิน แต่คำหลังมันกระซิบให้ผมได้ยินคนเดียว ริมฝีปากที่ห่างผิวแก้มไปไม่เกินองคุลีสร้างความร้อนผ่าวให้พื้นที่ตรงนั้น มันร้อนวูบแปลกๆ
แต่เดี๋ยวนะ
แสนรู้!!
ผมหันขวับไปมองมันตาขวาง แต่รายนั้นไม่สนใจ คีบพริกที่ผมวางไว้ให้เข้าปากกินเฉย
อ๊ากกกกก
ด้วยความหมั่นไส้แกมโมโห ผมกระทืบตีนมันไปครั้งหนึ่ง มันชะงัก หันมามอง ใบหน้าเย็นชาขึ้น ตะเกียบถือค้าง ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“อยากได้อีกเหรอ เดี๋ยวอั๊วคีบให้”
แล้วผมก็เอาปลายตะเกียบจุ่มน้ำลายอีกรอบ คีบพริกไปวางไว้บนจานมัน ส่งยิ้มละลายตายายไปให้ มันยกยิ้มนิดหนึ่ง
ขนบนหลังคอผมลุกซู่
“เฮียป้อนหงส์ด้วยดีกว่า”
ว่าแล้วมันก็จุ่มปลายตะเกียบเข้าปาก มองกับข้าว ผมขนลุกเกรียว ยังดีที่มันไม่ได้คีบพริกหรืออะไรแปลกๆ มาให้ แค่ผักครับ
แต่แทนที่มันจะเอามาวางไว้บนจานผม มันกลับเอามาจ่อไว้ใกล้ปาก รองด้วยทิชชู่ในมือ
"เฮียป้อน"
ผมอ้าปากค้าง
“ไม่กิน ไม่ชอบกินผัก”
“กินแล้วแข็งแรงนะ กินเถอะ เฮียอุตส่าห์ป้อน”
ผมมองตาขวาง
“อย่าเสียมารยาทอาหงส์”
ป๊าปรามมา ผมกัดกราม มองมันตาขวางยิ่งกว่าเดิม อ้าปากงับสิ่งนั้น พยายามไม่ให้ถูกตะเกียบ อยากคายทิ้ง แต่จำใจต้องเคี้ยวๆ กลืน
ฝืดคอชิบ น้ำลายมันเชียว
ผมรีบยกน้ำดื่มตาม แก้แค้นบนโต๊ะไม่ได้ก็เตะขามันไปป้าบใหญ่ มันหันมามอง และก่อนที่มันจะคีบอาหารมาป้อนอีก ผมชิ่งวางตะเกียบก่อน
“อิ่มแล้ว”
“ทำไมอิ่มเร็วจัง”
ม้าถาม
“อั๊วกินขนมก่อนกินข้าวน่ะม้า”
“สอนไม่เคยจำเด็กคนนี้”
ผมยักไหล่ คนข้างตัวผมหัวเราะหึๆ อยากลุกจากโต๊ะเหมือนกัน แต่ทุกคนคุยกันอยู่ ผมจึงนั่งคอย
ผมสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงบางสิ่งที่ต้นขา ผมก้มมอง เห็นมือปริศนามาวางไว้ ผมอ้าปากค้าง เจ้าของมือยังนั่งยิ้มละมุนพูดคุยกับป๊าม้า มือขวาคีบอาหารเข้าปาก แต่มือซ้ายมันกำลังไต่ระอยู่บนต้นขาผม
ขนแขนสแตนอัพลามไปทั่วทั้งร่าง
หรือว่ามันจะแก้แค้นที่ผมเตะมัน มันจะหักขาผมงั้นเหรอ
ผมรีบลดมือลงไปดันมือมันออก แต่มันยึดจับขาผมแน่น ผมเตะขามันไปอีกรอบเพื่อแก้แค้นและหวังให้มันปล่อย สีหน้ามันไม่สะทกสะท้าน แยกร่างพูดคุย ท่อนบนอยู่กับคนบนโต๊ะ ท่อนล่างต่อสู้อยู่กับผม ผมจิกปลายเล็บลงบนหลังมือมันแรง
ได้เลือดกลับไปกูไม่รับผิดชอบนะ
มันหันมามองช้าๆ ยิ้มหวาน
หูย ขนกูลุกเกรียวไปทั่วทั้งตัว
“อาหงส์นี่น่ารักกว่าภาพถ่ายนะครับ ถึงเป็นผู้ชายก็เถอะ”
ผมชะงักมองหน้ามัน
“หน้ามันหมวย ตอนท้องคิดว่าเป็นผู้หญิง ยิ่งไปอัลตราซาวด์ หมอบอกว่าเป็นผู้หญิง ไม่รู้ตอนอยู่ในท้องหนีบไว้ท่าไหนเขาถึงมองไม่ออก คลอดออกมาตะลึงกันหมด เพราะเป็นน้องเล็ก ลูกโดดด้วย เลยดื้อสะบัด ยังไงก็ฝากน้องด้วย” ม้าไล่ยาว
“เดี๋ยวนะม้า ใครหน้าหมวย อั๊วหล่อจะตาย”
ผมเลิกจิกมือมันมาเถียงม้า แต่มือผมยังอยู่บนมือมัน
“หล่อไม่เท่าพวกเฮียลื้อ”
ผมหน้ามุ่ย เอาความจริงมาพูดกันทำไมวะ
ป๊าปัดมือไปมาให้ผมเลิกเถียงแล้วหันมาคุยกับคนข้างตัวผมต่อ
ผมหันกลับมาสนใจสภาวะเดิมตัวเองต่อเหมือนกัน ก็เพิ่งเห็นว่าตอนนี้คดีพลิก
พลิกไปไกลมาก
เพราะตอนนี้มือผมไปวางอยู่บนหน้าขามัน มือผมอยู่ล่าง มือมันอยู่บน ผมอ้าปากค้าง จะดึงมือกลับ แต่มันยึดจับแน่น จะดิ้นมากก็ทำไม่ได้เพราะเดี๋ยวคนอื่นรู้
ไอ้บ้า
ได้ อยากได้มือกูดีนักใช่ไหม
ผมจิกหน้าขามันแรง เสียดายที่มันไม่ใช่ผิวเนื้อ ไม่งั้นมีเหวอะแน่ๆ มันหยุดมือผมไว้ บีบมาแรงๆ ผมเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด กัดฟันพยายามไม่แสดงอาการอะไรออกมา
เจ็บครับ
ผมหันไปมองหน้ามัน แต่มันไม่สนใจผม ผมพยายามจะดึงมือกลับ แต่มันไม่หลุด
และก่อนที่นิ้วผมจะหัก มันก็คลายแรงบีบลง มือผมสั่นริก เจ็บจริงนะครับ คิดว่ามือจะหักซะแล้ว ผมพยายามจะดึงมือกลับอีกรอบ แต่มันไม่ยอมปล่อย
“อั๊วจะไปเข้าห้องน้ำ”
ผมหาทางเลี่ยงด้วยการดันตัวลุก มันคลายปล่อยมือผมออกทันที เพราะขืนจับไว้คนคงเห็น
โหย กูน่าจะใช้วิธีนี้ตั้งนานแล้ว
ผมไม่รอให้ใครอนุญาต ก้าวออกมาทันที ระหว่างทางก็ยกมือขึ้นดู
บีบมาได้ซะแรง แดงเลย
ผมเป่าฟู่ๆ เล่นกับมันแรงๆ มีหวังไม่ตายดีแน่ แต่หมั่นไส้นี่ครับ และอีกอย่าง ผมอยากทำให้มันรำคาญผมเยอะๆ ด้วย มันจะได้ยกเลิกการแต่งครั้งนี้
ผมเดินเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัว พอเรียบร้อยก็เปิดประตูออกไป ผมชะงักเพราะมีใครบางคนมายืนอยู่แถวๆ อ่างล้างหน้า มันสบตาผม ยกยิ้มนิดหนึ่ง
ผมขนลุกเกรียว
“เล่นอะไรเป็นเด็กไปได้อาหงส์”
ผมเชิดคอขึ้น
“งั้นก็ยกเลิกงานแต่งซะสิ”
“นายก็รู้ว่ามันทำไม่ได้ กะจะแกล้งให้ฉันรำคาญรึไง”
เดี๋ยวนะ สรรพนามแทนตัวนี่มันหมายความว่ายังไง
“ใช่”
ผมยอมรับตรงๆ
คนตรงหน้าส่ายหัวไปมา
“เด็ก ฉันไม่ได้พิศวาสอะไรนายหรอกนะ ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ล้วนๆ ทำตัวดีๆ หน่อย”
“ไม่”
ผมปฏิเสธทันที ยื้อได้ยื้อ ขวางได้ขวาง มันถอนหายใจแรง ยกยิ้มนิดหนึ่ง
“รู้อะไรไหม”
“ไม่รู้”
ผมปฏิเสธทันทีอีกรอบ
“ฉันชอบเลี้ยงเด็ก”
ผมขมวดคิ้วมองงงๆ
“โดยเฉพาะเด็กดื้อๆ”
คิ้วผมขมวดยิ่งกว่าเดิม
“เพราะเวลาปราบมันสนุกดี”
มันยกยิ้ม ทาบมือหนึ่งกับกำแพงข้างไหล่ขวาผม อีกข้างใกล้ไหล่ซ้าย ผมมองซ้ายทีขวาที
ทำไม จะต่อยเหรอ กล้าต่อยก็เอาดิ ผมก็ไม่ใช่หมูๆ ถ้ามันต่อยมา ผมจะต่อยกลับเหมือนกัน ผมจ้องมันเขม็ง ประกาศด้วยสายตาว่าถ้ามันทำอะไรมา ผมสู้แน่
มันยกยิ้ม
“ฉันเคยปราบเด็กดื้อมาเยอะนะ”
จะอวดว่าตัวเองเก่งงั้นสิ ลาออกไปเป็นครูเลยไป๊
“แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กตัวเล็กๆ อายุไม่เกิน 12-13”
แล้วไง
“แต่ไม่เคยปราบเด็กโตมาก่อน”
โด่ พวกไม่มีความสามารถ
“คิดว่าใช้สูตรปราบเด็กแบบปกติไม่น่าจะเชื่อง”
เดี๋ยวนะมึง เชื่องนี่มันใช้กับหมาไม่ใช่เหรอ!!
“อาจต้องใช้วิธีอื่น”
ขนาดม้ายังระอา มึงจะทำอะไรกูได้
ผมทำสีหน้าเยาะเย้ยท้าทาย
ก่อนที่มันจะ….
To be Con....
จะอาร๊ายยยยยยยยย
หึๆ ขอไว้อาลัยให้หงส์ซานสามวิ
ไรท์ทอล์ก : เม้นท์ให้ไรท์สักคนละเม้นท์นะค่าาา
โฉมหน้าเฮียไป่หลง หล่อมากกกก >///<
ซันไรส์คนพี่
วิกเซอร์คนน้อง (คนน้องจะยิ้มเก่งกว่าคนพี่ค่ะ)
หงส์ซานนน
Add Feb เรื่องนี้จิ้มพ่อบอดี้สุดหล่อได้เลยค่ะ
Tag Me #หงส์ซาน
Follow and Contact writer Memew here
เพจ : facebook.com/memew28
ทวิต : @Memew28
เมล : Memew28(แอท)gmail.com
Line : Memew28
ความคิดเห็น