ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Prison moon

    ลำดับตอนที่ #39 : kneel before me

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 62


    ll nothing is yours, everything should belong me. ll

    ____________________________________________________

    ◇Special person◇

    Application


    “ อ้อ ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ พอดีว่าไม่ได้ใส่ใจตั้งแต่แรกอยู่เเล้ว ”




    บทบาทที่สมัคร : เพื่อนสมัยมัธยมคนที่ 1


    ชื่อ/นามสกุล : อิซาเบลล์ โรแลนด์ เซเยเกรฟ l Isabelle Rolland Serjegrave (โรเเลนด์เป็นชื่อกลางที่ได้มาจากชื่อของพ่อ)


    ชื่อเล่น :

    อิซาเบลล์ ; ปกติแล้วทุกคนจะเรียกเธอเเบบนี้

    เบลล์ ; เฉพาะเพื่อนและครอบครัว


    สัญชาติ : อเมริกัน


    เชื้อชาติ : อเมริกัน - รัสเซีย


    สถานะก่อนขึ้นไปอยู่บนมหานครลอยฟ้า : นักศึกษามหาวิทยาลัย คณะบริหาร ปี 1

               { อิซาเบลล์เกิดในตระกูลร่ำรวยชื่อดัง เรียกได้ว่าเธอใช้ชีวิตอย่างราชินีในโลกด้านล่างนั่น เงินทองมากมายเป็นของใช้เหลือเฟือสำหรับผู้หญิงคนนี้ ไม่ว่าอะไรก็เหมือนจะดีไปซะทุกอย่างสำหรับ แต่ในสายตาของเธอเเล้ว จะมองว่ามันเป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบไหม นั่นก็คงเป็นอีกเรื่องล่ะนะ }


    สถานะหลังขึ้นไปอยู่บนมหานครลอยฟ้า : นักศึกษาในสถานบัน Throne war คณะบริหาร ปี1

               { ชีวิตของอิซาเบลล์ยังคงได้ใช้ชีวิตเช่นราชินีของเธออยู่ต่อไป คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองที่พร้อมสรรพไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกสบายคือสถานที่ที่เธอได้รับ แน่นอนว่านั่นก็เหมาะสมกับฐานะของเธออยู่เเล้ว }


    เพศ : หญิง


    ลักษณะภายนอก : อิสตรีแห่งความสมบูรณ์เจ้าของเรือนร่างอันเปรียบเสมือนมนต์สะกด อิซาเบลล์มีรูปร่างที่เพอร์เฟคเป็นอย่างมาก ทรวดทรงนาฬิกาที่ทำให้เหล่าบุรุษพากันใจเต้นโครมคราม ทั้งอกอิ่มเต่งตึงหรือกระทั่งเอวคอดรับกับสะโพกผายพอดีมือ ส่วนสูงที่มากพอจะทำให้ขาเรียวยาวของเธอดูโดดเด่นขึ้นมา ผิวพรรณขาวๆ นวลนุ่มตัดกับสีชาดของริมฝีปากที่ได้รับการเเต่งแต้มอยู่เสมอ ดวงตาสีเขียวปราชญ์ (sage green) เรียวคมมักมองตรงไปด้านหน้า เครื่องหน้าสมบูรณ์แบบ เส้นผมสีเดียวกันกับดวงตาถูกตัดสั้นระต้นคอขาว การเคลื่อนไหวของเธอดูเรียบหรูไปซะหมด กระทั่งแฟชั่นก็เป็นของชั้นนำมีราคา ไม่ว่าจะอะไร อิซาเบลล์ก็แสดงออกได้เหมือนกับว่าเธอหล่นลงมาจากสวรรค์ชั้นฟ้าไม่มีผิด (175ซม. l 53กก.)


    อายุ : 19ปี


    นิสัย :


    • P E R F E C T

    หญิงสาวที่สมบูรณ์แบบ นั่นคือประโยคที่สามารถอธิบายถึงตัวตนของ อิซาเบลล์ โรแลนด์ เซเยเกรฟ ได้ดีที่สุด มันไม่ใช่คำพูดเว่อวังที่พูดกันไปเอง แต่ความหมายของคำว่า สมบูรณ์เเบบ นั้นหมายถึงทุกสิ่งอย่างที่เป็นตัวเธอ ทั้งฐานะ การเงิน การเรียน หน้าตา หรือกระทั่งภาพลักษณ์ภายนอกที่หลายคนสัมผัสได้ ต่อให้อิซาเบลล์จะมีด้านไม่ดีที่ไม่น่าประทับใจอยู่บ้าง พวกเขาก็จะพูดว่ามันไม่ผิดอะไรสักหน่อย

    เธอผู้เป็นที่รัก ไม่รู้ว่าเพราะสิ่งที่มีหรืออะไร แต่อิซาเบลล์ก็มักถูกจับตามองเเละล้อมรอบอยู่เสมอ ผู้คนมากมายอยากรู้จักเธอ แค่ได้คุยด้วยพวกเขาก็รู้สึกดีกันได้เเล้ว เพราะเธอน่ะเเสนวิเศษน่ะสิ คนที่เพอร์เฟคขนาดนั้น แค่คิดยังรู้สึกเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะยืนอยู่ข้างเธอ

    รอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าของเธอส่งเสริมให้อิซาเบลล์มีภาพลักษณ์ที่ดูราวกับนางฟ้า เป็นนางฟ้าจากสรวงสวรรค์ ร่วงหล่นลงมา เพื่อให้ผู้คนรู้สึกว่ายังมีอีกหนึ่งตัวตนที่พวกเขาไม่สามารถเเตะต้องได้อยู่ แต่ในท้ายที่สุดเเล้ว ทุกสิ่งที่พวกเขารับรู้ มันก็เป็นแค่เปลือกนอกของคนๆ หนึ่งอยู่ดี


    • A R R O G A N T

    หญิงผู้หยิ่งทระนง เเม้ว่าแวบแรกจะรู้สึกเหมือนว่าน่าเข้าหา ดูคุยด้วยง่ายด้วยยิ้มกับเสียงพูดหวานๆ กับภาษาสุภาพพวกนั้น แต่ความจริงแล้วอิซาเบลล์เป็นคนที่ถือตัวมากกว่าที่คิด หากสังเกตจะรู้ได้ว่า ผู้คนรอบตัวเธอล้วนเป็นคนในระดับเดียวกัน ลูกสาวนักธุรกิจ ลูกชายทนายชื่อดัง ทายาทร้านจิวเวอรี่พันล้าน ไม่ว่าใครก็ล้วนแต่สุดยอดที่สุดกันทั้งนั้น

    อิซาเบลล์มักอยู่ท่ามกลางคนพวกนั้น เธอเป็นศูนย์กลางอยู่เสมอ เป็นเหมือนกับดาวฤกษ์ในระบบสุริยะ และเธอก็ชอบที่มันเป็นแบบนั้น เวลามีสายตามากมายมาจับจ้อง มันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด การเป็นหนึ่งสำหรับอิซาเบลล์นั้นคือความฝันอย่างหนึ่ง ไม่แปลกหรอกที่เธอจะรู้สึกดี

    ในขณะเดียวกัน คนที่ต่างชั้นกับเธอราวฟ้าเหว หรือเป็นได้แค่คนธรรมดาเดินดิน ก็ไม่ได้เข้าไปอยู่ในความสนใจเเม้แค่กรอบสายตา การไปเดินอยู่ข้างเธอหรือพูดคุยด้วยอย่างสนิทสนมนั่นก็เหมือนกับการฝันหวานไปสักตื่น เพราะสายตาของเธอที่จดจ้องมา แม้ไม่ได้พูดอะไรสักคำ มันก็บอกชัดเจนดีอยู่เเล้วว่าอิซาเบลล์ย้ำเตือนคุณเสมอว่าพื้นที่ด้านข้างนั่น มันไม่ได้มีไว้สำหรับคนแบบพวกคุณ


    • F A K E

    เต็มไปด้วยความลวงหลอก ทั้งความสุภาพที่มีแค่เบื้องต้น หรือความใจดีแสนจอมปลอม เหมือนกับนักฝึกสุนัข ที่มอบของรางวัลให้เมื่อทำดี เเต่เมื่อผิดพลาดก็ด่าทอและทำร้าย สำหรับอิซาเบลล์ เธอสามารถพูดออกมาได้เลยว่า ตนนั้นใจร้ายถึงขนาดไหน มิหนำซ้ำยังไม่รู้สึกผิดอะไรเสียด้วย

    ด้วยภาพลักษณ์ของเธอ อิซาเบลล์มักถูกมองว่าเป็นคุณหนูไฮโซที่แสนอารี ผู้คนมักหลงไปกับรอยยิ้มหวานๆ ของเธอ เเละเพราะเธอไม่พูด ถึงได้มีพวกโง่เง่าหลงลืมสถานะของตัวเองไปบางครั้ง การมาตีสนิทกับเธอโดยไม่ดูระดับสถานะของตน หรือการมาต่อว่าขึ้นเสียง ทำตัวหยาบคายต่อหน้าอิซาเบลล์ ทั้งหมดทั้งมวลนั่นล้วนแต่เป็นการฆ่าตัวตายทั้งสิ้น

    ถึงแม้ว่าอิซาเบลล์จะยิ้มอยู่เสมอ แต่ก็ใช่ว่าเธอจะปล่อยเบลอคนที่เข้ามาทำให้ชีวิตแสนเลิศเลอของเธอเกิดรอยเปื้อนอะไรขึ้นมา ภายใต้ท่าทีแสนหวานเหล่านั้น นั่นแหละคือเวลาที่เธอจะประหารคุณด้วยคำพูดแสนโหดร้ายจนชาไปทั้งร่าง


    • F I E R C E

    ใครว่าอิซาเบลล์โกรธไม่เป็น มันผู้นั้นก็ไม่ได้รู้อะไรเลย อย่างที่บอกไปว่าเธอคนนี้สามารถทำได้หลายต่อหลายเรื่องทั้งที่ยังยิ้มอยู่ต่อหน้า นั่นก็เพราะความอดทนของเธอมันช่างเล็กจ้อย หญิงสาวผู้แสนสมบูรณ์แบบคนนี้ กลับมีจุดบกพร่องทางอารมณ์อย่างใหญ่หลวงซ่อนเอาไว้ใต้หน้าสวยๆ นั่น

    อิซาเบลล์เป็นคนที่ค่อนข้างอารมณ์ร้าย เธอไม่ชอบอดทน และมักหงุดหงิดขึ้นมาได้ง่ายๆ เวลาถูกกระทำกิริยาไม่ดีใส่ ยกตัวอย่างเช่นการตะคอก สำหรับเธอ มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้ดีเขาทำกัน ดังนั้นอิซาเบลล์จึงไม่คุ้นชินกับการโดนกรรโชกเสียงใส่ หรือพูดจาด้วยคำหยาบคายต่อหน้า มันจะทำให้เธอไม่สบอารมณ์ และที่สำคัญที่สุด..เธอก็ไม่คิดห้ามอารมณ์ของตัวเองเช่นกัน

    การลงไปตบตีกับคนอื่นนั้นไม่ใช่นิสัย แต่การตบเพื่อสั่งสอนก็เป็นสิ่งที่เธอทำได้อย่างไม่กลัวจะโดนสวน เพราะอิซาเบลล์มีปราการคอยปกป้อง ทั้งชื่อเสียง ฐานะ หรือผู้คน สาเหตุที่ทำให้เธอกล้าทำเรื่องร้ายกาจได้อย่างไม่กลัวใคร นั่นเป็นเพราะเธอไม่จำเป็นต้องกลัว ตระกูลเซเยเกรฟ แค่พูดชื่อขึ้นมาทุกคนก็ต้องก้มหัวให้เเล้วด้วยซ้ำ แต่ก็ใช่ว่าเธอจะเป็นพวกชอบหาเรื่องคนอื่นเสียเมื่อไหร่


    • Q U E E N

    ราชินีผู้อยู่เหนือทุกสิ่ง ชีวิตของเธอนั้นสุขสบาย นั่งอยู่บนบังลังทองคำท่ามกลางกองเงินกองทองสูงเทียมฟ้า ราวกับหญิงคนนี้คือเรื่องเล่าที่หลุดออกมาจากหนังสือ ผู้คนที่ล้อมรอบอยู่รอบตัวของอิซาเบลล์ พวกเขาล้วนแต่ ตกหลุมรัก เธอ ไม่ว่าจะทั้งชายหรือหญิง สายตาที่มองมาก็มีเพียงแค่ความชื่นชม ยินดี รักใคร่ และเทิดทูน เหมือนกับเธอเป็นพระเจ้าไม่มีผิด

    เพื่อนคือแขนขา สำหรับอิซาเบลล์มันก็แค่นั้น เธอไม่ได้อยากเดินไปไหนมาไหนเป็นกลุ่มๆ เหมือนพวกสัตว์ที่ต้องอยู่กันเป็นฝูง แต่การคอยมีคนช่วยออกปากแทน หรือออกแรงเขี่ยเรื่องน่ารำคาญออกไปให้พ้นทางให้เธอ มันก็ไม่ได้ถือว่าแย่อะไร ขณะเดียวกัน การจะไปพูดกับพวกเขาว่า พวกเธอน่ะเป็นได้แค่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้ฉันเท่านั้น ก็ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ ดังนั้นการให้ความสนใจก็ต้องมีอยู่เช่นกัน

    อิซาเบลล์แบ่งแยกผู้คนอย่างชัดเจน จะเรียกว่าสองมาตรฐานยังไม่ผิด ตอนที่เธอเอ่ยตอบเพื่อนของเธอหรือคนที่อยู่ในฐานะเดียวกัน มันเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความสุภาพ อาจจะไม่ถึงขั้นใส่ใจทุกอย่างแต่มันก็ดีมากเเล้ว เมื่อเทียบกับตอนที่เอ่ยปากพูดกับพวกธรรมดาๆ หาได้เกลื่อนกลาด เพียงแค่เธอจำหน้าได้ หรือไม่เมินใส่ตอนเข้ามาคุยด้วย นั่นก็คงเป็นพระคุณมากเเล้วล่ะ


    • P L A Y E R

    ช้ชีวิตเหมือนอยู่ในเกม เอาทุกอย่างและทุกคนรอบตัวมาใช้ประโยชน์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สำหรับอิซาเบลล์ เธอมีมากเสียจนเกิน ล้นเสียจนเบื่อ อันไหนที่น่ารำคาญดูไม่มีราคาอะไร เธอก็จะทิ้งไปอย่างไม่ไยดี อิซาเบลล์ให้ความสนใจแค่เฉพาะกับสิ่งที่สร้างผลประโยชน์ให้กับเธอ ส่วนของที่ทิ้งไปแล้ว ก็จะไม่คิดเอาสมองมาจดจำให้เปลืองพื้นที่สมองเช่นกัน

    เพราะเป็นเด็กที่ต้องโตมาเพื่อเป็นที่หนึ่งเท่านั้น อิซาเบลล์จึงมีความสามารถอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือความฉลาดและช่างประยุกต์ใช้ เธอสามารถเอาของที่คนบอกว่าไม่มีค่ามาใช้ประโยชน์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ กับผู้คนก็เช่นกัน หญิงสาวคนนี้เหมือนกับจะเห็นอนาคต การคาดเดาของเธอดูไม่มีที่สิ้นสุด อิซาเบลล์เห็นการณ์ไปได้ไกล ดังนั้นเธอก็กล้าที่จะลงทุนเสี่ยงกับคนได้เช่นกัน

    หากเห็นว่าเธอได้ทำดีกับใคร มันคงตีความหมายได้ความเดียวนั่นคือเขามีประโยชน์ต่อเธอ มันตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วก็ไม่รู้ ที่อิซาเบลล์ไม่ได้มอบความจริงใจให้ใครอีกเลยเว้นแค่ตัวเองเท่านั้น


    • L I N E

    ในขณะที่มีผู้คนมากมายรายล้อมอยู่รอบตัวเธอ แต่กลับไม่มีแม้แค่สักคนจะเข้าไปในจิตใจของหญิงสาวได้ ไม่ใช่ว่าเธอนั้นเข้าใจยาก แต่เป็นเพราะอิซาเบลล์ไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้มากเกินไปกว่านั้น เธอขีดเส้นเเบ่ง ย้ำชัดเจนว่าพื้นที่ส่วนตัวของเธอคืออะไร มีหลายต่อหลายครั้งที่มีคนอยากสนิทสนมกับเธอ และพยายามจะทำความรู้จัก แต่ท้ายสุดด้วยความดื้อรั้นนั่น ก็กลายเป็นตัวเหตุที่ทำให้อิซาเบลล์เกิดความรำคาญ และตัดสินใจตัดปัญหาไปพร้อมกับการตัดสายสัมพันธ์ต่อกันเช่นกัน

    ผู้คนรู้ดีว่าถ้าหากอยู่ใกล้เธอ พวกเขาจะต้องไม่ปฏิเสธต่อคำพูดในทุกคำของอิซาเบลล์ และเธอไม่ได้สั่งให้พวกเขาไปตาย ไม่ได้ให้ฆ่าแม่ใคร ดังนั้นมันจึงไม่ยากที่จะปฏิบัติ เพียงแค่ว่าต้องทำใจเสียหน่อยว่าจะไม่มีทางเป็นคนสำคัญของเธอได้ ใช่ เพื่อนๆ รุ่นพี่ คนรู้จัก จะใครแล้วสำหรับอิซาเบลล์ ก็เป็นได้แค่คนคนหนึ่งบนโลก เมื่อไหร่ที่ไม่จำเป็นต่อกัน ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องพูดว่ารู้จักอีกต่อไป

    เธอน่ะมันไร้เยื่อใย เย็นชา โหดร้าย ไม่สนใจใครเอาเสียเลย แถมยังลืมง่ายเสียจนน่าหงุดหงิดถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ของตัวเอง เมื่อไหร่ที่คุณถูกเธอพูดว่า ไม่ได้สำคัญอะไรกับเธอเลย นั่นก็เท่ากับว่าคุณจะหายไปจากโลกของเธอ อิซาเบลล์สามารถลบตัวตนคนออกจากชีวิตได้เหมือนกับลบเซฟดาต้า ตลกสิ้นดีเเต่มันเป็นเรื่องจริง เธอน่ะลืมชื่อคนบ่อยเสียยิ่งกว่าการเอ่ยปากแนะนำตัวเองซะอีก


    • C A R E L E S S

    ผู้หญิงที่ไม่แคร์อะไรเลย เธอไม่สนใจในเรื่องของหัวใจใคร ทุกๆ วันอิซาเบลล์ปฏิเสธคนที่เข้ามาขอสารภาพรักไปมากมาย มิหนำซ้ำบางครั้งเอ่ยเเสดงทีท่าดูถูกใส่คนจำพวกเด็กเนิร์ด พวกสมองกลวงมีแต่กล้าม หรือคนจนๆ ได้อย่างไม่อายอีกต่างหาก

    ปกติเเล้วคนอื่นแม้จะปฏิเสธเเต่ก็ยังต้องรักษาน้ำใจ แต่อิซาเบลล์กลับคิดว่าคนที่ไม่คู่ควรพวกนั้นทำให้เธอเสียเวลา นั่นจึงทำให้หญิงสาวหงุดหงิด และมักเอ่ยแต่คำพูดร้ายๆ ไม่น่าฟังใส่อีกฝ่าย ถึงขนาดที่ว่าถ้าทำใจชอบได้ต่อก็บ้าแล้ว แต่ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ยังไม่สามารถเกลียดเธอได้ลง เพราะถึงจะพูดจาร้ายกาจไปสักแค่ไหน ขอแค่ว่าเป็นอิซาเบลล์ นั่นก็เท่ากับว่าไม่ผิด

    มันตลกดีที่ผู้คนชื่นชอบและรักเธอมากมายเสียขนาดนั้น เพียงเพราะว่าอิซาเบลล์เป็นคนที่น่าเหลือเชื่อแค่นั้นเอง..แต่ก็เพราะเเบบนั้นแหละมันถึงได้น่าเบื่อ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร..ไม่ว่าจะสิ่งไหน ก็ไม่ได้เหนือไปกว่าขอบเขตของการคาดเดา มนุษย์มันงี่เง่าหรือเป็นโลกที่จืดชืดเกินไปกันแน่? อิซาเบลล์มีพร้อมทุกอย่าง แต่เธอก็ใช้ชีวิตเหมือนกับคนตาย ไม่มีเป้าหมายอะไรเลยสักนิด


    • B O R E D

    ความเบื่อหน่ายของเธอไม่ใช่เเค่เพียงอารมณ์เบื่อเซ็งของวัยรุ่นในช่วงเวลาซ้ำซาก มันหนักถึงขนาดที่ว่า บางครั้งอิซาเบลล์จะเลือกตัวเลือกที่ไม่คาดฝัน อันตราย หรือสิ่งที่หมายถึงการเอาตัวเข้าไปเสี่ยง เพียงเพราะอยากเห็นอะไรที่มันแปลกใหม่ เวลาเจอเรื่องเดิมๆ คนเรามันก็เบื่ออยู่แล้ว แต่มันจะมีคนบ้าอีกสักกี่คน ที่พร้อมกระโดดลงไปในเหวเพียงเพราะอยากรู้ว่ามันจะมีอะไรแตกต่างไปจากเดิมไหมอย่างเธอ

    อิซาเบลล์บ้าได้มากกว่าที่คุณคิด เธอคือองค์ประกอบของควาามย้อนแย้ง ในตอนที่ดูสุภาพใจเย็นก็กลายเป็นพวกหงุดหงิดง่าย รอยยิ้มบางๆ ที่เเสนใจดีนั่นก็สวนทางกับท่าทีสุดจองหองเเละสายตาอันหยามเหยียด กระทั่งตอนนี้ คนที่ดูมีหัวคิดมากที่สุดอย่างเธอ ก็สามารถถูกความเบื่อหน่ายครอบงำให้ทำเรื่องที่โง่ที่สุดลงไปได้เช่นกัน

    แต่เมื่อคิดจะเสี่ยง นั่นเท่ากับว่าอิซาเบลล์คาดหวังในผลลัพธ์นั้นมาก เธอจะไม่ทำหากคิดว่ามันก็ไม่ต่างจากเดิมแน่นอนแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าให้เลือกแล้ว แม้ชีวิตตอนนี้จะรู้สึกบัดซบเสียเหลือเกินสำหรับเธอ อิซาเบลล์ก็คิดว่าอยู่ต่อคงดีเสียกว่าตาย นั่นก็เพราะว่าสำหรับเธอ มันยังมีความรู้สึกที่ยังอยากคาดหวังหรือเฝ้าใฝ่หาบางสิ่งบางอย่างอยู่ในตัวอย่างไรล่ะ..


    • D E S E V R E

    เคยได้ยินไหมที่คนเขาว่า ของบางสิ่งมันก็ต้องคู่กับแค่คู่ของมันเท่านั้น คนอย่างอิซาเบลล์ ถ้าจะเลือกอะไรสักอย่าง ก็คงไม่พ้นสิ่งที่มันเหมาะกับเธอ หญิงสาวใช้แต่ของแบรนด์เนม เลือกเฉพาะของชั้นนำ บริษัทเลื่องชื่อ กระทั่งผู้ชายที่จะควง ก็ต้องเป็นคนที่สมบูรณ์แบบถึงขนาดมายืนข้างเธอคนนี้ได้

    น่าเศร้าสักหน่อยที่มาตรฐานของเธอสูงลิบ อิซาเบลล์โสดสนิทตั้งแต่เกิด หรือต่อให้มีคนคุย ก็ได้แค่ไม่กี่อาทิตย์เท่านั้นเพียงเเค่เพราะเธอรู้สึกว่ามันไม่ใช่

    อิซาเบลล์คิดเเค่ว่า เธอน่ะสมบูรณ์แบบ ดังนั้นคนที่จะครอบครองเธอ เขาก็จะต้องเพอร์เฟคให้ได้เท่าเธอเสียก่อนมันถึงจะสมน้ำสมเนื้อ เหมือนกับเวลาทำอะไรสักอย่าง เห็นหน้าแบบนี้แต่กลับแฟร์เกินคาด ใครให้อะไรเธอมา เธอก็ตอบแทนกลับคืนให้เท่าตัวเช่นกัน อิซาเบลล์ทำแบบนั้นกับทุกเรื่อง เว้นแค่สองอย่าง นั่นคือ ความรัก กับ ความจริงใจ ที่เธอจะไม่มอบคืนกลับไปไม่ว่าได้รับมาสักเเค่ไหนก็ตาม

    อ้อ แน่นอนว่าความแค้นเเละความเกลียดชังเองก็ด้วย จะไม่พูดหรอกว่าเธอสามารถตอบแทนการกระทำหยาบโลนพวกนั้นได้มากแค่ไหน แต่อย่าลืมเเล้วกัน..ว่าถ้าชีวิตมันชิบหาย นั่นก็เพราะพวกเธอเลือกเดินผิดทางกันเองนะ ; )


    • L I M I T

    ต่อให้จะเป็นผู้หญิงที่หงุดหงิดง่ายแค่ไหน อิซาเบลล์ก็ไม่ได้จะทะลุลิมิตได้ง่ายๆ ถึงขนาดว่าคลั่งไปเลย มีไม่กี่เรื่องเท่านั้นที่ผลักดันอารมณ์ของเธอให้ไปถึงขั้นนั้นได้ แน่นอนว่ามันไม่ดีเอาเสียเลย เพราะหญิงสาวในเวลาที่ตกลงไปสู่ความคลั่งนั้น ก็ไม่ต่างจากสุนัขบ้าสักเท่าไหร่

    อิซาเบลล์วางท่าทีไว้ให้ดูภูมิฐาน แต่เธอก็สามารถกลายเป็นคนธรรมดาๆ ที่กรีดร้องกรี๊ดอย่างเสียสติ และขว้างปาทุกอย่างจนพังราบได้เช่นกันเมื่อโกรธจัดถึงขีดสุด อารมณ์ของเธอคนนี้ไม่ได้แสดงออกไปโดยง่าย มันเก็บไว้ด้านใต้หน้ากากรอยยิ้มกับความจองหองอวดดีของเธอ อิซาเบลล์ทำเหมือนกับว่าไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่สามารถมาสั่นคลอนอารมณ์ของเธอได้ ผิดกับความจริงโดยสิ้นเชิง

    ในตอนที่ไม่มีสายตาใดมาจับจ้อง เมื่อเธอได้อยู่กับตัวเองโดยสมบูรณ์ ความอดทนทุกอย่างจะพังราบ ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะหัวเราะหรือฉีกยิ้มร่าขนาดไหน สิ่งที่หลงเหลืออยู่จะมีแค่ผู้หญิงโง่ๆ ที่ทุบตีสิ่งของเสียจนเป็นฝ่ามือของตนเองที่เจ็บแสบไปหมด เหมือนกับว่าโลกมันพังไปหมด เธอไม่สนอะไรแล้วในเวลานั้น ขอแค่ได้กรีดร้องระบายความในใจ แล้วร้องไห้กับตัวเองเงียบๆ แค่นั้นมันก็มากพอเเล้ว

    ไม่เป็นไร..ตราบใดที่ชื่อของเธอยังเป็น อิซาเบลล์ โรแลนด์ เซเยเกรฟ ต่อให้วันนี้เธอจะเสียใจจนเเทบบ้า หรือกรีดร้องร่ำไห้ซะลำคอแทบแหลกหลาญ ในวันพรุ่งนี้..เธอก็จะกลับไปเป็นคนเดิม เป็นหญิงสาวสมบูรณ์แบบที่ไม่ใครมาเทียบได้ได้อีกครั้ง..


    • N O T H I N G

    ฟุ้งซ่าน สับสน อลหม่าน และหวาดกลัว ทุกความรู้สึกนั่นคือสิ่งที่สัมผัสได้ในทุกๆ คืน ยิ่งอยู่สูงก็ยิ่งหนาว บนยอดเขาของความสมบูรณ์แบบนั่น เธอตัวลำพัง ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยเหลือเธอ อิซาเบลล์เคยอยู่ที่ตีนเขานั้น เเละเธอก็ไม่สามารถที่จะล้มลง ร่วงหล่นไปยังตีนเขาที่เธอเคยปีนขึ้นมาได้อีกเเล้ว

    เพราะชื่อที่เเบกรับไว้รวมถึงทุกอย่างที่สร้างมา มันหนักหนาเสียจนบ่าทั้งสองแทบจะทรุดลงอยู่รอมร่อ แต่เพราะเเบบนั้น เธอถึงผิดพลาดไม่ได้ ล้มเหลวไม่ได้ จะไม่สมบูรณ์แบบไม่ได้ มันเป็นความหวาดกลัว กลัวว่าถ้าสักวันหนึ่ง ตัวเธอไม่ได้เป็นแบบที่พวกเขาคาดหวังไว้เเล้ว พวกเขาจะทิ้งไปเธอ และปล่อยให้เธออยู่คนเดียวบนโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์แบบ

    ต่อให้หยิ่งยโสแค่ไหนก็ไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ เธอเคยชินกับมันมากเกินไป ซึมซับชีวิตที่เต็มไปด้วยผู้คน ยินดีกับการถูกรายล้อม เช่นนั้นเเล้วมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยวางทุกอย่าง แล้วกลับไปเป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง สำหรับผู้หญิงอย่างเธอแล้ว ถ้าชีวิตมันตกต่ำลง หรือไม่สามารถยืนอยู่ในจุดนี้ได้อีกแล้ว ตายๆ ไปเสียมันก็คงจะดีซะกว่า


    ประวัติ :

    “ once upon a time, in the queen’s castle of glass

    at this place __ she’s staying alone ”


    [ the lonely girl ]

    ว่ากันว่าผู้คนมักจะใฝ่ถามถึงชีวิตเเสนสุขสบาย บ้านหลังใหญ่ เงินทองมากมาย และผู้คนที่พร้อมจะรับใช้ทำตามคำสั่ง..ไม่ว่าใครก็คงมีความสุขกับสิ่งเหล่านั้น ทว่าสำหรับ ซามูเอล วินเซนโซ่ เขากลับเห็นบางสิ่งที่แตกต่างออกไปจากการเฝ้ามองเด็กสาวคนหนึ่ง

    ซามูเอลเป็นเพียงหมอธรรมดาๆ เกิดและเติบโตอย่างสามัญชน สิ่งเดียวที่โดดเด่นคือวิชาการเเพทย์อันล้ำเลิศ ทุกอย่างผิดกันกับเธอ..เด็กสาวที่เขาได้พบกับเจอเพียงเพราะเหตุบังเอิญเท่านั้น

    หากจะย้อนกลับไปในวันแรกที่เราเจอกัน ก็คงเป็นวันที่เด็กคนนั้นยังเป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อยวัยสิบสอง เธอถูกพามายังโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่ในวันที่ฝนตกลงมาอย่างหนัก เด็กหญิงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอใกล้จะตายอยู่เเล้วด้วยซ้ำในตอนที่มาถึงที่นั่น

    ชื่อของเธอคือ อิซาเบลล์ โรแลนด์ เซเยเกรฟ

    เป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่น่ารัก..และน่าสงสาร


    สถานะระหว่างเราคือ คนไข้ และ เเพทย์ผู้ดูแล

    สำหรับหลายๆ คน มันเป็นปาฏิหาริย์ที่อิซาเบลล์มีชีวิตรอดผ่านคืนวันนั้นมาได้ และสำหรับซามูเอลเอง เขาก็ขอบคุณการเฝ้าสะสมฝีมือของตนเองตลอดหลายปีที่ผ่านมา ที่สามารถช่วยเด็กคนหนึ่งได้

    “สวัสดีเด็กน้อย”

    “.....”

    แรกเริ่มเขาเข้ากับอิซาเบลล์ได้ไม่ดีสักเท่าไหร่ หลังจากฟื้นขึ้นมา เด็กคนนั้นก็เอาแต่นิ่งเงียบ ใช้สายตาที่อ่านไม่ออก ดูเกินกว่าวัยของตนจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง ท่าทางหมดอาลัยตายยาก มันเป็นภาพที่น่าสงสารเสียจนบางครั้งซามูเอลก็รู้สึกหดหู่

    ความรู้สึกหนึ่งบอกเขาว่าเขาไม่ควรปล่อยเธอไว้อย่างนี้ ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง..ซามูเอลพยายามที่จะสนิทกับเธอให้ได้มากขึ้น

    ทั้งคอยพูดคุยด้วย ช่วยเหลือดูแล รักษาอาการอย่างใกล้ชิด แต่เธอก็ไม่ดีขึ้น บางทีคงเพราะตัวเด็กหญิงนั้นปราศจากกำลังใจ เหมือนกับว่าเธอหมดหวังไปแล้วกับเรื่องนี้

    และเมื่อเวลาผ่านไปสองเดือน เขาก็ได้ยินเด็กคนนั้นเอ่ยปากพูดกับเขาเป็นครั้งแรก


    “ตอนนี้หนูน่าเกลียดมากรึเปล่า”

    เสียงเล็กๆ ที่เอ่ยถามออกมา ไม่น่าเชื่อเลยด้วยซ้ำว่ามันจะเป็นคำถามของเด็กหญิงวัยสิบสอง

    ซามูเอลเบิกตากว้าง เขามองเด็กหญิงตัวน้อยบนเตียง ใบหน้าซีกซ้ายของเธอบวมช้ำไปกว่าครึ่ง ผ้าก๊อซและผ้าพันแผลปิดทับอยู่ทั่วตัว หากจะพูดว่า งดงาม นั้นก็คงทำไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้น..

    “ไม่หรอก”

    ดวงตาสีเขียวปราชญ์จ้องมองมายังเขา “โกหก” เด็กหญิงพึมพำ มือเล็กๆ สั่นระริกกำผ้าห่มที่คลุมตักตนอยู่เเน่น ก่อนจะชะงักไปเมื่อถูกกอบกุมเอาไว้ด้วยฝ่ามือที่ใหญ่กว่าของเขา

    ซามูเอลยกยิ้มอ่อนโยนให้กับเด็กหญิง จ้องมองเธอนิ่งๆ โดยไม่ละสายตาออกไปไหนเลย

    “ไม่เห็นจะน่าเกลียดตรงไหนเลย” เขายกมือขึ้นหยิกแก้มขวาของเธอเบาๆ กระชับร่างนั้นเข้ามาในอ้อมกอด กระซิบข้างหูเธอว่า “จะตอนไหน เธอก็น่ารักเสมอนั่นแหละอิซาเบลล์”

    ในวันนั้นเขาได้ยินเสียงของเธอเป็นครั้งแรก..และก็เป็นครั้งแรกเช่นกันที่ได้ยินเธอร้องไห้


    “หนูกลัว”

    “กลัวว่าถ้าไม่เหมือนเดิม..พวกเขาจะทิ้งหนู”


    ซามูเอลรู้ว่าเขาควรจะทำอย่างไร ไม่ใช่ทั้งการเอ่ยให้กำลังใจหรือเอ่ยปลอบ สิ่งเขาทำมีแค่การกอดเธอเอาไว้ อยู่ข้างๆ เด็กหญิงที่เพิ่งรู้จักกันได้เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นเองให้แน่นที่สุด เพื่อบอกกับเธอว่าเขาจะไม่ทิ้งเธอไปไหน

    จะอยู่กับเธอแม้ว่าในวันนี้เธอจะไม่งดงามเท่าเมื่อก่อน จะอยู่เพื่อรักษาและเป็นกำลังใจให้กับเธอ แม้ว่าตัวเธอนั้นจะคิดว่าตนได้ถูกทอดทิ้งเเล้วก็ตาม

    เพราะเด็กคนนี้..น่าสงสารเกินกว่าที่เขาจะปล่อยไปได้


    ในช่วงเวลาที่หวาดกลัวถึงขีดสุด เขาได้ช่วยเธอเอาไว้

    โอบกอดเเละมอบความหวัง สร้างรอยยิ้มแสนเเผ่วจางขึ้นมา

    ทว่าเขาก็ไม่เคยรู้ตัว ว่าเป็นเขาเองเช่นกันที่ทำลายมัน


    - Samuel Vincenzo -


    บ้านของอิซาเบลล์เป็นตระกูลนักธุรกิจชั้นนำระดับโลก

    พวกเขาโด่งดัง มีชื่อเสียง ร่ำรวยไปด้วยเงินทอง ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมตัวเธอถึงเติบโตมาพร้อมความสมบูรณ์แบบ..นั่นก็เพราะว่าบุพการีทั้งสองไม่อนุญาตให้เธอล้มเหลว

    “จะต้องดีที่สุด” นั่นคือสิ่งที่พวกเขาพูด

    สำหรับอิซาเบลล์เเล้ว ตั้งแต่เด็กก็มีเรื่องให้คิดมากมาย ทำอย่างไรถึงจะเก่ง? เป็นแบบไหนถึงจะดี? สมองของเธอขบคิดอยู่เเค่นั้น

    ช่วงชีวิตวัยเด็กถูกทอดทิ้งไปเพื่อทุ่มทุนให้กับการทำให้ตัวเองเหมาะสมกับคำว่า สมบูรณ์แบบ และพราะเเบบนั้น อิซาเบลล์จึงเติบโตขึ้นมาอย่างครบถ้วน เธอเป็นเด็กหน้าตาดี ฉลาด และมีความสามารถ ถึงอย่างนั้นก็เหมือนกับขาดอะไรไป..

    ในปราสาทแก้วแสนวิเศษ เงินทองมากมาย คนรับใช้ที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อเธอ มันไม่ได้วิเศษเหมือนที่คนอื่นพร่ำพูด นึกอิจฉาเธอกันเลยสักนิด

    ไม่มีอะไรเข้าตาสักอย่าง ใช้ชีวิตเหมือนกับคนตายไม่มีผิด


    ตอนเธออายุสิบสอง รถที่กำลังขับกลับมาจากที่เรียนพิเศษเกิดล้มคว่ำ เราถูกรถบรรทุกชนเสียจนปลิว..คนขับรถของเธอตาย แต่เด็กหญิงนั้นกลับรอดมาได้

    เชื่อรึเปล่าว่าประโยคแรกที่ดังในหัวหลังจากฟื้นขึ้นมา มีเพียงแค่ว่า ‘ทำไมเธอถึงไม่ตาย’ เท่านั้น


    ตระกูลเซเยเกรฟไม่ต้องการผู้สืบทอดที่ไม่สามารถเชิดหน้าชูตาวงศ์ตระกูลได้

    ความกลัวเริ่มเกาะกุมไปทั่วหัวใจของเด็กหญิง เมื่อตื่นขึ้นมาพบกับร่างกายอันแสนบอบช้ำ ความเจ็บปวดป่วยไข้ไม่อาจสู้แผลใจภายในได้ อิซาเบลล์กลัวอยู่ตลอดว่าตัวเธอที่เป็นแบบนั้น จะถูกพ่อแม่ทอดทิ้งเมื่อไม่สามารถทำให้พวกเขาภูมิใจได้อีกเเล้ว

    ก่อนหน้านี้ ตอนที่พ่อกับแม่มาเยี่ยมเธอ อิซาเบลล์แกล้งทำเป็นหลับ แต่หูของเธอได้ยินทุกอย่าง รวมไปถึงคำพูดระหว่างคนทั้งสอง


    “ถ้ารักษาไม่หายแล้วจะทำยังไง”

    “เบลล์ทำอะไรไม่ได้แล้ว อย่างน้อยก็ด้วยสภาพนั้น--ถ้าเธอพิการ ทุกอย่างก็จบ”


    ความหวาดกลัวได้ถูกกระตุ้นด้วยคำพูดของบุพการีบังเกิดเกล้า

    มันกลายเป็นความเครียดคอยกัดกินร่างกายให้ผ่ายผอม เด็กหญิงไม่พูดอะไรสักคำไม่ว่ากับใครก็ตาม ความเป็นเด็กทำให้เธอคิดว่า ร่างกายที่น่าเกลียดนี่คงกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้เเล้ว และอีกไม่นาน เธอก็คงกลายเป็นคนที่แม้แต่พ่อแม่ยังไม่ต้องการ

    และทั้งที่ความคิดของเธอมันตกต่ำถึงขีดสุดเเล้ว มันกลับมีใครคนหนึ่ง..ที่พยายามเสียยิ่งกว่าตัวเธอเอง มุ่งหวังถึงขนาดที่ว่าคนที่ยอมแพ้ไปแล้วอย่างอิซาเบลล์ ยังนึกอยากมีชีวิตอีกสักหน่อยเพื่อให้ได้รู้ว่าเพราะอะไร

    เธออยากรู้ว่าทำไม คุณหมอซามูเอล คนนั้นถึงได้พยายามช่วยเธอขนาดนี้

    ทั้งๆ ที่เธอทั้งน่าเกลียด แถมยังเจ็บป่วยอยู่ แต่เขาก็คอยดูเเลเธอ พยายามรักษาเธออย่างสุดความสามารถตลอดเวลา แถมยังส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้กันได้อย่างไม่รู้จักเบื่อ


    “ไม่เห็นน่าเกลียดตรงไหนเลย”


    วันนั้นเขาตอบคำถามของเธอ

    เอ่ยกับตัวเธอพร้อมรอยยิ้มอันอ่อนหวาน พูดต่อเด็กสาวคนนี้ผู้ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตา มีบาดแผลพร่างพราวทั่วตัวไปหมด ไม่น่าดูเลยสักนิด..ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังบอกว่าเธอน่ารักสำหรับเขา..

    โกหก..อิซาเบลล์รู้ดีว่าผู้ชายคนนี้โกหก

    แต่เพราะเธอเหนื่อย กังวล รู้สึกเหมือนกับว่าถ้าตายเสียยังคงดีกว่า ทุกอย่างมันรุมเร้าเธอเข้ามาในทีเดียว ความเข้มแข็งที่เคยมีก็พังไปหมดเเล้ว อิซาเบลล์เพียงแค่ต้องการที่พึ่งเท่านั้นเอง

    เรื่องทุกอย่างที่อยู่ในใจ เธอบอกกับเขาให้รู้

    ฝากความไว้วางใจไว้ที่ผู้ชายคนนั้น เปิดความรู้สึกให้กับคนที่เพิ่งเคยเจอกันได้แค่ไม่กี่เดือน เรื่องราวมากมายตลอดสิบกว่าปีตั้งแต่จำความได้ ทุกความเหนื่อยล้า ทุกความทุกข์เศร้า กระทั่งความสุขหรือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เป็นเขาเท่านั้นที่ยอมรับฟังเธออย่างไม่รู้เบื่อ

    ซามูเอลกลายเป็นคนที่สำคัญที่สุดไปได้อย่างง่ายดาย

    บางทีอาจเป็นเพราะนั่นเป็นครั้งแรก ที่มีใครสักคนกอดเธอ แล้วถามเธอว่า “เธอเหนื่อยรึเปล่า” ด้วยน้ำเสียงและอ้อมกอดที่อบอุ่นเสียขนาดนั้น..


    เวลาผ่านไปหลายปีมากแล้ว

    จากเด็กหญิงได้เติบโตเป็นเด็กสาว คืนวันที่เต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มถูกลบเลือนหายไป แม้ว่าจะยังฟุ้งซ่านบ้างเมื่ออยู่ตัวคนเดียว อิซาเบลล์ก็เริ่มจะปรับตัวได้ เมื่อเธอโตขึ้น ความรู้สึกมากมายก็กลายเป็นความชินชาเท่านั้น

    ร่างผอมบางสะกดทุกสายตาไว้ด้วยความงามของเธอ ผู้คนในโรงพยาบาลล้วนแต่พากันจับจ้องมองมา ทว่าอิซาเบลล์กลับให้ความสนใจของเธอไว้ที่เขาเท่านั้น

    “คุณซามูเอล”

    ริมฝีปากเอ่ยเรียกชื่อนั้น ยกยิ้มที่จริงใจที่สุดขึ้นมาเมื่อได้สบกับดวงตาเเสนอ่อนโยน

    เขา..เป็นผู้ชายที่เธอหลงรัก


    “โตขึ้นเยอะเลยนี่นา”

    หลังจากออกเวรเเล้ว ชายหนุ่มก็มานั่งคุยกับเด็กสาวที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี อิซาเบลล์มาที่นี่เสมอ เพียงเพราะเเค่อยากจะเห็นหน้าเขา..แค่ชั่วโมงเดียว หรือจะเป็นสิบนาทีก็ยังได้..

    ซามูเอลในความทรงจำนั้นไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่เลย..ผิดกับเธอที่เติบโตขึ้น งดงามมากยิ่งขึ้น มีความเป็นสาวที่แสดงออกให้ได้เห็น ท่าทาง กิริยา ความสมบูรณ์แบบ ทุกอย่างถูกพัฒนาขึ้นไปไกลเกินเสียยิ่งกว่าซามูเอล พ่อแม่ หรือว่าแม้แต่เธอเองจะเคยจินตนาการไว้

    อิซาเบลล์ โรแลนด์ เซเยเกรฟ ในตอนนี้คือผู้หญิงที่วิเศษที่สุดเท่าที่ใครคนหนึ่งจะพบเจอได้

    และเธอก็อยากให้ซามูเอลคิดแบบนั้นเช่นกัน


    ทว่าน่าเสียดาย..เพราะในสายตาของเขา..เธอนั้นเป็นได้เพียงเด็กน้อย

    ต่อให้จะสนิทกันแค่ไหน หรือความจริงคงเพราะสนิทสนมกันเกินไปนั่นแหละ..สายตาของซามูเอลถึงได้ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เขายังคงมองเธอเป็นแค่เด็กน่าสงสารที่ปล่อยไว้คนเดียวไม่ได้ ทำเหมือนกับเธอเป็นลูกสาวหรือน้องสาวที่ต้องดูเเล ไม่ได้มองเธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งสักนิด

    ถึงอย่างนั้นอิซาเบลล์ก็ยังพยายาม วิ่งไล่ตามเขาไปอย่างไม่รู้จักเหนื่อย

    เธอพยายามทำให้ตัวเองเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบที่สุด เพียงเพราะหวังว่าเขาจะมองเธอบ้าง


    แต่เขาก็ไม่เคยหันมา __ ไม่มีวัน


    “แนะนำตัวสิเบลล์”

    วันหนึ่ง ชายคนนั้นเป็นฝ่ายก้าวเข้ามาหาเธอเอง แต่เขาไม่ได้มาเพียงลำพัง ข้างกายนั้นที่เธอใฝ่ฝันเฝ้าหาถึงมันมาโดยตลอด มันถูกจับจองด้วยผู้หญิงคนหนึ่งที่แตกต่างจากเธออย่างสิ้นเชิง

    “เธอชื่อ ลิเดีย มาเชย์เรีย พวกเราสองคนหมั้นกันเเล้วล่ะ”

    ฝ่ามือของเขาโอบกระชับรอบเอวเล็กคอดเอาไว้ ยกยิ้มขำกับท่าทีเขินอายของหญิงสาว สายตาที่มองหล่อน มันอ่อนหวาน..นุ่มนวล..เต็มไปด้วยความรักใคร่อย่างที่อิซาเบลล์จะไม่มีวันได้รับมัน

    นั่นเพราะว่าเธอไม่เคยอยู่ในใจเขาเลยมาตั้งแต่แรก


    ‘ ทำยังไงถึงจะถูกรัก

    ต้องสมบูรณ์แบบอีกสักแค่ไหนคุณถึงจะหันมามอง? ’


    เสียงกรีดร้องของเด็กสาววัยสิบหกดังไปทั่วห้องนอน ข้าวของมากมายถูกทำลายและทุบตีจนพังราบ เหล่าข้ารับใช้ล้วนแต่สับสน พวกเขาเป็นห่วง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อถูกตวาดด่าไล่เพียงแค่คิดจะเสนอหน้าเข้าไปเสียแต่แรก

    อิซาเบลล์ขังตัวเองอยู่ในห้อง ร้องไห้เสียแทบขาดใจ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอร้องไห้ แต่มันเป็นครั้งแรกที่เธอพ่ายแพ้ และรู้สึกตัวได้เสียทีว่า เมื่อเวลามาถึง ในสถานที่แห่งนี้ ชีวิตของเธอก็ไม่ได้เหลืออะไรอยู่อีกต่อไปแล้ว


    ปราสาทแก้วเเสนงดงาม ฉันอาศัยอยู่ที่นั่น

    มีพร้อมทุกอย่าง เป็นคนที่สมบูรณ์แบบที่สุด

    หากทว่าก็มีสิ่งเดียวที่ฉันจะไม่มีวันได้รับมันมา


    “ In the end, I’m completely alone ”


    - Isabelle Roland Serjegrave -


    ลักษณะการพูด : อิซาเบลล์เป็นผู้หญิงที่พูดจาอย่างมีมารยาท..หรืออย่างน้อย ก็หมายถึงลักษณะคำพูดของเธอ เธอมักจะแทนตัวว่า ฉัน หรือ ดิฉัน เรียกคนอื่นว่า คุณ อยู่เสมอ และลงหางเสียง คะ/ค่ะ ไว้ในรูปประโยคแทบทุกครั้ง รอยยิ้มประสานกับเสียงหวานๆ ใครเล่าจะไม่อยากฟัง ยามปกติก็เป็นคนที่พูดจาไพเราะลื่นหู แต่เมื่ออารมณ์เกิดการเปลี่ยนแปลง ก็มักจะหลุดรูปประโยคไม่น่าฟังสักเท่าไหร่ออกมา คำหยาบคายไม่ใช่ของที่อยู่คู่กับ แต่สามารถพบเห็นได้เสมอเมื่อหญิงสาวคนนี้โกรธขึ้นมา เช่นเดียวกับโทนเสียงเรียบเฉย ที่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงเย็นจัดได้

    }} ตัวอย่างประโยคสนทนา {{

    first situation

    เมื่อถึงเวลาเปิดภาคเรียนการศึกษาใหม่ในชั้นเเรกเริ่ม ย่อมต้องมีพิธีการขั้นตอนที่วุ่นวาย รวมไปถึงการเเนะนำตนเองแก่เหล่าเพื่อนใหม่ทั้งหลาย คลาสเรียนแห่งหนึ่ง ณ บัดนี้นั้น พวกเขาต่างให้ความสนใจไปยังโต๊ะเรียนที่ตั้งอยู่หน้าสุด จ้องมองเรือนร่างสะโอดสะองของหญิงผู้หนึ่งไม่กะพริบตา

    "อ่า..สวัสดีค่ะ" เสียงหวานเพราะๆ เอ่ยออกมา รอยยิ้มระบายลงบนใบหน้าสวยอย่างพอเหมาะ "ฉันชื่ออิซาเบลล์ค่ะ..อิซาเบลล์ โรแลนด์ เซเยเกรฟ"

    เกิดเสียงฮือฮาซุบซิบมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมเมื่อพวกเขาได้รู้ถึงนามสกุลของเธอ ไม่แปลกใจเลยว่าทำออร่าถึงจับจ้องตา แถมหล่อนยังสวยสะบัด ดูเพอร์เฟคไปทุกระเบียบนิ้วได้ขนาดนั้น

    ท่ามกลางเสียงเหล่านั้น ดวงตาสีเขียวปราชญ์ฉาบแววเบื่อหน่ายเอาไว้ กระนั้นกลับไม่มีความสังเกตเห็น เมื่อสาวงามถูกรุมล้อมด้วยผู้คนที่หมายเข้ามาทำความรู้จัก รอยยิ้มก็ประดับขึ้นเพื่อปกปิดอารมณ์ภายในทั้งหลายเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน

    second situation

    “เบลล์!”

    ฝ่าเท้าหยุดชะงักลงแทบจะทันทีเมื่อถูกปากเรียกจากใครสักคน ครู่ขณะหนึ่งคิ้วบนใบหน้าขยับขมวดเข้าหากัน ก่อนคลายออกเเล้วระบายไว้ด้วยยิ้มบนใบหน้า ยามหันไปเจอกับสาวน้อยท่าทางบ้านๆ ที่วิ่งยิ้มร่าเข้ามาหาเธอเหมือนคนบ้าไม่มีผิด

    “มาเเต่เช้าเลยนะ” คำทักทายที่ไม่ได้มีแก่นสารอะไรเลยถูกเอ่ยออกมา ยิ่งทำให้อิซาเบลล์รู้สึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่

    “ค่ะ” เธอตอบกลับเรียบๆ “แล้วคุณ..มีอะไรรึเปล่าคะ?”

    “อ้อ เปล่าหรอก! ว่าแต่เบลล์ทานข้าวเช้ามาเเล้ว---”

    “อิซาเบลล์”

    “เอ๊ะ?”

    สีหน้างุนงงฉาบเอาไว้บนใบหน้าของคู่สนทนา สร้างความเหนื่อยหน่ายให้แก่อิซาเบลล์ได้มากโข เธอถอนหายใจเฮือกโต จ้องมองใบหน้าตกกระนั้นด้วยสายตารำคาญระคนเหยียดไม่น้อย

    “จะโง่เง่าไปถึงเมื่อไหร่..ฉันกำลังบอกคุณว่าคุณไม่ควรเรียกชื่อฉันทั้งที่เราไม่สนิทกัน--ว่าแต่ ชื่ออะไรนะ? คุณน่ะ”

    ใบหน้าของอีกฝ่ายวาดทาบด้วยสีแดง ท่าจะช็อคเสียจนพูดไม่ออก อิซาเบลล์หรี่สายตามองคนที่อ้าปากพะงาบๆ ไร้เสียง นิ้วมือสั่นระริกด้วยแววสมเพชไม่น้อย ร่างสะโอดพึมพำเบาๆ ว่า “น่ารำคาญ” ก่อนหมุนตัวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนเลยเเม้แต่น้อยว่า จะทำให้เธอคนนั้นหน้าชาขนาดไหน

    third situation

    ท่ามกลางผู้คนเเละวงล้อม อิซาเบลล์คือจุดสนใจที่ใครต่อใครต่างก็หันมามอง เธอยกยิ้มสบายๆ ไม่หือไม่อืออะไร กระทั่งได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากหน้าประตู ใบหน้างามเอียงมองประดับเเววสงสัย จรดสายตาดูบุรุษรุ่นพี่ที่ยืนพับหน้าย่นอย่างไม่น่าดูอยู่ตรงหน้า

    “นี่มันหมายความว่ายังไงกันอิซาเบลล์!?”

    “คะ?” ดวงตากะพริบเบาๆ เเต่ท่าทีก็ไม่ได้กระตือรือร้นไปกว่าเดิมสักเท่าไหร่

    “ก็เธอบอกกับพวกโรซาร์ทว่ายังไม่มีคนคุยไง!” เขาตบโต๊ะปึง! ส่งเสียงตวาดอย่างหยาบคาย มิหนำซ้ำยังตะคอกใส่หน้าเธออีกด้วย “เธอคิดว่าเธอเป็นใครกันห๊ะ ถึงจะมาล้อเล่นกับฉันเเบบนี้---!”

    คำบริภาษาหยาบคายหยุดชะงักลง เมื่อร่างตรงหน้าหยัดกายลุกขึ้น ก่อนจะวางฝ่ามือขาวอ่อนนุ่มลงนาบกับข้างแก้มของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน ดวงตาสีเขียวปราชญ์จ้องสบลึกเข้าไป เพียงแค่ยิ้มให้บางๆ อีกฝ่ายก็แทบจะสติเตลิดเพราะหลงในความงามเสียเเล้ว หากแต่ว่า

    เพี๊ยะ!!

    ในชั่วขณะที่เผลอคิดไปวูบ ใบหน้าก็สะบัดไปอีกทางด้วยแรงตบจากฝ่ามือข้างนั้น ไม่มีอาการตกใจอะไรทั้งนั้น สิ่งที่ผู้คนในห้องเเสดงออกนั่นคือแววตาเวทนา และเสียงหัวเราะสะใจเท่านั้น

    “..ฉันว่าคำถามนั้นคุณควรถามตัวเองนะคะ”

    คนที่เพิ่งตบเขาเสียจนหน้าหันเมื่อสักครู่เอ่ยปากพึมพำเบาๆ มันสร้างกระแสความโกรธให้ตัวเขาอย่างมหาศาล ทว่าเพียงแค่ได้เงยหน้าสบกับสายตาเย็นเฉียบนั่น ร่างกายก็ถูกแช่เเข็งไปในทันที อิซาเบลล์เหยียดสายตาต่ำ เอ่ยถามย้อนกลับไปว่า

    “คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้ามาพล่ามคำโง่ๆ พวกนั้นใส่ฉัน ไอ้สวะ”

    ♠ fourth situation

    “คะ คือว่า..”

    ใบหน้างามละความสนใจออกจากวงสนทนาของตัวเองชั่วขณะ อิซาเบลล์ปรายสายตามองไปยังผู้เอ่ยปากทัก เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยยามเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายขึ้นสีฉาดแดงอย่างฉับพลันขึ้นมา

    ‘คนเมื่อตอนนั้น..ที่โดนเเกล้งตลอด’ สมองทบทวนเรื่องของอีกฝ่ายภายในใจ

    “คะ คือ..เรื่องรายงานวิชาประวัติศาสตร์..”

    อิซาเบลล์ดึงตัวเองออกจากห้วงความคิด กระพริบตามองคนที่พูดติดขัดกระท่อนกระแท่นอย่างน่ารำคาญ ก่อนร้องอ้อออกมาเมื่อฝ่ายนั้นพึมพำประมาณว่า เธอต้องทำงานคู่กับเขา--อืม..มีงานคู่ทั้งที ทำไมถึงเป็นเอาซะแบบนี้นะ

    “คุณช่วยจัดการให้หน่อยจะได้รึเปล่าคะ”

    “อะ เอ๊ะ?”

    อิซาเบลล์เมินสีหน้างุนงงนั้นไป เธอหันกลับไปสนใจเพื่อนๆ ของเธอต่อ โดยทิ้งท้ายส่งไว้เพียงแค่ว่า “พอดีฉันไม่ค่อยว่าง คนแบบคุณเอง ก็คงมีเรื่องที่เก่งอยู่เเค่อะไรแบบนั้นนี่นา” ดวงตาสีเขียวปราชญ์ไม้แม่แต้จะปรายมองคู่สนทนาเลยด้วยซ้ำ

    fifth situation

    ภายในห้องนอนโออ่าหรูหรา ในตอนนี้ดูราวกับว่าเพิ่งผ่านสมรภูมิรบมาหมาดๆ ไม่มีผิด ข้าวของมากมายตกแตกกระแทกพื้น ทั้งหมอนขนเป็ดที่ไส้ฟุ้งลอยไปทั่ว หรือกระทั่งเเจกันราคาแพงและทีวีจอเจ็ดสิบนิ้ว ทุกอย่างพังเละเทะไปหมดด้วยฝีมือของเธอเอง

    เสียงหวีดกรี๊ดดังลั่นด้วยความหงุดหงิดถึงขีดสุด ไม่มีใครจะสนใจมัน พวกเขารู้ดีอยู่เเล้วว่าคุณหนูของพวกเขาจะมีอาการแบบนี้เสมอ เมื่อได้พบกับคุณหมอหนุ่มและคู่หมั้นของเขาคนนั้น

    “ทำไม!? ทำไมถึงไม่ใช่ฉัน! ทำไม!!”

    ร่างบางหวีดร้องออกมา ฝ่ามือขาวที่เริ่มขึ้นรอยช้ำทุบลงบนเตียงนอนซ้ำๆ ใบหน้าสบลงกับหมอนใบสุดท้าย อิซาเบลล์กอดมันเอาไว้ในแน่น ฟันขาวขบกลั้นเสียงสะอื้นในลำคอเสียจนขึ้นรอยช้ำ เธอซ่อนใบหน้าที่น่าสมเพชเวทนาเอาไว้เบื้องหลัง ไม่ปล่อยให้มันปรากฏแม้จะไม่มีใครเฝ้ามองอยู่ก็ตาม

    ท้ายสุดเเล้ว ในห้องนอนอันเงียบสงัด ก็หลงเหลือเพียงแต่เสียงร้องสะอื้นของหญิงสาวที่ทุกคนคิดว่าสมบูรณ์แบบที่สุดนั้นเพียงลำพัง..


    พลังพิเศษ :

    Pheromone ; การปล่อยสสารบางชนิดที่มีกลิ่นหอมหวานและมีสถานะเป็นแก๊สออกมาภายในอากาศ สสารชนิดนี้จะส่งผลต่อสมอง ทำให้เกิดอาการสับสนเเละมึนเบลอ รวมถึงถ้าเหยื่อสูดดมแก๊สชนิดนี้เข้าไปในปริมาณมาก ก็จะทำให้เกิดสภาวะระบบหายใจขัดข้อง และอาจลามไปถึงขั้นสมองไม่ตอบสนองก็ว่าได้

    { ระยะเวลาในการออกฤทธิ์ :: 5 sec. - ทำให้เกิดสภาวะมึนเบลอ l 2 minutes - เสียสมดุลบาลานซ์ ทัศนวิสัยคับแคบลง l 5 minutes - หัวอื้อ ตาลาย เกิดอาการวิงเวียน l 15 minutes - เกิดสภาวะระบบหายใจขัดข้อง สมองเริ่มไม่ตอบสนอง }

    Create imagery ; สกิลที่จะทำให้เหยื่อเกิดอาการภาพหลอน ซึ่งจะทำให้สมองเกิดภาพหรือเสียงที่ไม่น่าดูน่าฟังสำหรับเหยื่อ บางครั้งอิซาเบลล์ก็สามารถนำมันมาประยุกต์ใช้ สร้างภาพหรือสถานการณ์บางอย่างที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง เพื่อเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อเธอเองเช่นกัน


    จุดอ่อนหรือขีดจำกัดของพลัง :

    ขอบเขต ; การใช้ฟีโรโมนจะไม่สามารถจำกัดขอบเขตได้ มันส่งผลต่อทุกคนยกเว้นแค่ผู้ใช้เท่านั้น

    การรับสาร ; การที่ฟีโรโมนจะส่งผลมีทางเดียวนั่นคือการสูดดม ถ้าไม่สูดเข้าไป ใส่หน้ากากกันเเก๊สหรือสามารถกำจัดสสารพวกนั้นได้ก่อนเกิดสภาวะเอฟเเฟค เเค่นั้นก็คงไม่มีปัญหา แต่ระวังด้วยล่ะ ฟีโรโมนของเธอน่ะมันออกฤทธิ์เร็วจะตายไป : )

    ข้อกำหนด ; การสร้างภาพหลอนที่ดีก็คือสร้างสิ่งที่อีกฝ่ายกลัว แต่ถ้าไม่รู้ว่ามันคืออะไรก็สร้างไม่ได้ กล่าวคือถ้าอิซาเบลล์ไม่เคยเห็นของพวกนั้นมาก่อน เธอก็ไม่สามารถสร้างภาพหลอนดังกล่าวขึ้นมาได้


    ความสามารถพิเศษ :

    ยิงปืน ; คุณพ่อของเธอสอนไว้ เพราะเป็นลูกสาวคนเดียวเลยเกรงว่าจะเกิดอันตรายเอาได้ ความแม่นยำของอิซาเบลล์ในการยิงปืนนั้น พูดได้ว่าหากยิงไปทั้งสิบ ที่เข้าเป้าก็คือสิบ

    ภาษา ; อิซาเบลล์พูดได้หลายภาษา ที่ชำนาญก็จะเป็น อังกฤษ (อเมริกา), รัสเซีย, โปรตุเกส, ญี่ปุ่น, จีน

    เต้นรำ ; ต้องออกงานเลี้ยงกับคุณพ่อบ่อยๆ มันก็เลยเป็นอะไรที่ช่วยไม่ได้ล่ะนะ

    ชงชา ; อิซาเบลล์ชงชาได้ออกมารสเลิศมากๆ สาเหตุน่ะเหรอ..? ก็เพราะคุณหมอซามูเอลคนนั้นชื่นชอบชาฝรั่งอย่างกับอะไรดีเลยน่ะสิ

    เซ้นส์แฟชั่น ; เป็นคนเซ้นส์ด้านการแต่งตัวดีมากๆ ไม่ว่าจะหยิบจับอะไร อีกไม่นานก็ต้องกลายเป็นสินค้ายอดนิยมตลอดเลยล่ะ

    การใช้งานผู้คน ; จะนับเป็นความสามารถพิเศษได้รึเปล่านะ? อิซาเบลล์เก่งในเรื่องการจัดสรรทรัพยากร เธอรู้ว่าใครเหมาะกับงานอะไร และสามารถเลือกใช้ได้อย่างถูกจุด ว่ากันว่า งานจะสำเร็จก็ต้องใช้คนให้ถูกประเภท ใช่ไหมล่ะ?


    สิ่งที่ชอบ :

    ซามูเอล วินเซนโซ ; ถ้าจะพูดว่าหลงรักและเทิดทูนไปเลยก็คงไม่ผิดหรอก

    การเป็นที่หนึ่ง ; ก็มันหมายถึงความสมบูรณ์แบบที่เป็นที่จับตามองนี่นา

    เสื้อผ้าสวยๆ ; แค่ได้มองก็เพลินตาเเล้ว

    อาหารคลีน ; อร่อยดีนะ มันดีต่อสุขภาพด้วย

    มีคนรายล้อม ; อิซาเบลล์ก็แค่เกียดเวลาฟุ้งซ่านเมื่อต้องอยู่คนเดียวก็แค่นั้น

    สิ่งแปลกใหม่หรือเรื่องไม่คาดฝัน ; เพราะเดี๋ยวนี้อะไรๆ มันก็น่าเบื่อไปหมดเลยนี่นา


    สิ่งที่ไม่ชอบ :

    ควันบุหรี่ ; มันเหม็น

    สัตว์ไร้ขา ; น่าขยะเเขยง

    พวกผู้ชายช่างตื้อ ; ก็มันน่ารำคาญนี่นา

    อาหารรสจัด / ฟาสต์ฟู้ด / มันเลี่ยน ; ดีต่อสุขภาพตรงไหน..กินเข้าไปได้ไงน่ะถามจริง?

    เวลากลางคืน ; เพราะเธอต้องอยู่คนเดียว เเถมมันยัง..ทำให้เธอรู้สึกฟุ้งซ่าน..

    คนที่ไม่รู้จักที่ของตัวเอง ; ถ้าเกิดมาเป็นได้แค่คนธรรมดาไม่โดดเด่นอะไรเลยสักอย่าง ก็ไม่ควรมาทำตีสนิทคนที่เขาเกิดมาสูงกว่าไม่ใช่รึไง


    สิ่งที่กลัว :

    ไม่ได้รับความสนใจจากซามูเอล วินเซนโซ ; เขาเป็นชีวิตของเธอ..ทนไม่ได้หรอกถ้าจะต้องถูกเกลียดหรือทำเหมือนว่าไม่ได้มีตัวตนอยู่ต่อหน้าเขาน่ะ

    การสูญเสียจุดยืน ; เพราะเคยชินมากเกินไป ถึงกลัวที่จะสูญเสีย..เธอทำได้ทุกอย่างเพื่อที่จะรักษามันไว้เลยล่ะ

    ที่สูง ; ไม่มีคนรู้เพราะอิซาเบลล์เก็บอาการเก่งยิ่งกว่าอะไร เธอกลัวเวลาต้องไปอยู่ในที่สูง ๆ..ใบหน้าถือดีนั้นก็ยังคงแย้มยิ้ม หากแต่ดวงตากลับสั่นคลอน ถ้าสังเกตล่ะก็ จะรู้ได้เลยว่าตัวเธอสั่นอยู่ตลอดเมื่อต้องขึ้นไปอยู่บนนั้น


    เพิ่มเติม :

    ♠ เลือดของอิซาเบลล์เป็นกรุ๊ป AB เธอเกิดเมื่อวันที่ 30 เมษายน ถนัดมือซ้าย

    ♠ เพื่อนๆ ของเธอมักเป็นคนที่อยู่คลาสระดับเดียวกันเสมอ แต่พูดตามตรง ก็ไม่มีใครกล้าบอกว่าสนิทกับเธอสักราย

    ♠ รู้จักพวกผู้ใหญ่ที่มีเส้นสายในด้านต่างๆ เยอะเเยะไปหมดเลยล่ะ

    ♠ ความจริงแล้วอยากเรียนด้านแฟชั่นดีไซน์ แต่ต้องสืบทอดธุรกิจทางบ้านเลยเรียนบริหารแทน (ที่บ้านทำเกี่ยวกับเรื่องการส่งออกน้ำมันดิบ และการขุดเจาะเหมืองแร่)

    ♠ อีกสาเหตุหลักๆ ที่ไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักทีเพราะยังคงตัดความสัมพันธ์ที่มีให้ซามูเอลไม่ได้

    ♠ จำหน้าอีวานได้ดีเพราะเขาเป็นพวกเนิร์ดๆ คนแรกที่แสดงออกว่าชอบเธอ (หรือจริงๆ เเค่เก็บอาการไม่อยู่เองก็ไม่รู้..) แต่เอาเข้าจริง อิซาเบลล์ก็จำไม่ค่อยได้หรอกว่าอีวานชื่ออะไร..

    ♠ แวะไปที่โรงพยาบาลที่ซามูเอลทำงานอยู่ในทุกๆ วันอาทิตย์เสมอ (ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เธอเคยเจอกับหมอพอลมาก่อน แต่ถ้าไม่ได้ก็ปล่อยเบลอไปก็ได้ค่ะ---)

    ♠ ไม่ได้เกลียดคู่หมั้นของซามูเอล แต่ก็ทำใจยินดีด้วยไม่ลงอยู่ดี

    ______________________________________________
    O T H E R  P R O F I L E

    ______________________________________________


    Samuel Vincanzo [34 yrs.]
    Status :: Alive
    { ชายหนุ่มที่ได้ช่วยเหลือชีวิตของอิซาเบลล์ เขาเป็นคนสร้างความอ่อนหวานให้กับเธอ 
    และก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเช่นกัน }

    +


    ll I N T E R V I V E (1) ll

    ______________________________________

    " โอ้..สวัสดีครับ คุณมีชื่อว่าอะไรเหรอ "


    รอยยิ้มบางเบากรีดแย้มเชิงทักทายก่อนเป็นอันดับแรก

    เรียวนิ้วสวยเกี่ยวเส้นผมทัดใบหู เอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานหากแต่เว้นระยะไปในที

    "อิซาเบลล์ โรแลนด์ เซเยเกรฟค่ะ"

    ดวงตาสีเขียวปราชญ์น้ำงามฉาบแววประกายจางๆ เอาไว้

    "คิดว่าคุณน่าจะพอรู้จักฉันอยู่บ้าง"

    อ่า แน่นอน..มันไม่ใช่ประโยคคำถามหรอก..


    " ฮะๆงั้นเหรอครับ เป็นชื่อที่เพราะไม่เบาเลย ว่าแต่…คุณรู้สักยังไงบ้างล่ะครับที่ถูกเลือกให้ขึ้นไปอยู่บนมหานครลอยฟ้า "


    "ขอบคุณ"

    หญิงสาวกล่าวเอ่ยสำหรับคำชมในเบื้องต้นตามมารยาท

    และสำหรับคำถามที่ถูกเอ่ยออกมานั้น

    "ส่วนที่ถาม..อืม..ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษหรอกค่ะ

    เพราะเรื่องแบบนั้น มันแน่นอนอยู่เเล้ว"

    ก็เพราะว่าเป็นเธอนี่นา


    " งั้นเหรอครับ… ถ้างั้นผมขอถามคำถามข้อต่อไปเลยนะ ว่าคุณต้องการจะเลือกอยู่ฝั่งไหนระหว่าง…สีขาวกับสีดำ ในส่วนของรายละเอียดนั้นคุณจะได้รับมันหลังจากการสัมภาษณ์เสร็จสิ้น "


    "ตายจริง..เป็นตัวเลือกที่ยากจังนะ"

    ใบหน้างามเย้ายวนเริ่มแต่งแต้มเอาไว้ด้วยความครุ่นคิด

    "สำหรับหญิงสาวแบบฉัน สีขาวก็คงเป็นสีที่เหมาะสมกันดีนะคะ

    แต่ว่า..เสน่ห์เย้ายวนของความลึกลับก็เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นดีออกนี่นา"

    พลันรอยยิ้มที่อ่านยากก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

    ก่อนจะได้ข้อสรุปดังนี้

    "สีดำค่ะ"


    " หืม? คุณแน่ใจแล้วเหรอ? เลือกครั้งเดียวและเปลี่ยนไม่ได้อีกเลยนะครับ "


    "แน่นอนค่ะ คำตอบของฉันคือที่สุดอยู่เเล้ว"

    อิซาเบลล์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ

    ประหนึ่งว่ามันเป็นประโยคสนทนาประจำวันที่ไม่ได้ผิดแผกอะไร

    ทั้งที่ไม่ว่าใครได้ยินเนื้อความก็คงต้องเผลอขมวดคิ้วเบาๆ เป็นแน่แท้เชียว


    " โอเคครับ ทีนี้คุณก็กลายเป็นหนึ่งในประชากรของฝั่งนั้นแล้ว… อ้ออีกอย่างผมอยากจะรู้ว่าในเมื่อคุณกลายเป็นบุคคลชั้นสูงที่ได้รับสิทธิพิเศษทุกอย่างซึ่งเป็นประชากรบนนครลอยฟ้าแล้ว…คุณคิดยังไงกับพวกที่ยังอยู่ด้านล่างเหรอ? "


    เสียงหัวเราะดังกลั้วอยู่ภายในลำคอสำหรับคำถามนี้

    "คำถามแบบนั้นจำเป็นต้องถามด้วยเหรอคะ"

    ปลายนิ้วยกขึ้นม้วนเส้นผมของตนเล่นราวกับไม่มีอะไรให้ทำ

    ดวงตาที่เหยียดต่ำ ช่างเป็นทีท่าที่จองหองเสียไม่มี

    "ถ้าไม่ถูกเลือก..จะเหตุผลอะไร ก็เป็นได้แค่ของที่มันไม่น่าสนใจนั่นแหละค่ะ"


    " ….สมเป็นคุณดีนี่ เอาล่ะ การสัมภาษณ์ของคุณคงจบเพียงเท่านี้ ขอให้โชคดีนะครับ แล้วก็อย่าตายจากไปไหนซะล่ะ J "


    "แหม..อวยพรกันขนาดนี้ โล่งอกโล่งใจซะไม่มีเลยค่ะ"

    สาวงามกล่าวประชดประชันกลับไปด้วยรอยยิ้ม

    เธอเหยียดกายลุกขึ้น โค้งศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการบอกลา

    ll I N T E R V I V E (2) ll

    ______________________________________

    " เดี๋ยวนะ…โอ้ คุณนั่นเอง…ผมมีเรื่องอยากจะถามเพิ่มเติมนิดหน่อยน่ะ "


    ใบหน้างามเอียงมองเล็กน้อยเมื่อถูกรั้งเรียกเอาไว้

    อิซาเบลล์แสดงสายตาไม่พอใจออกมา แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมาก

    "การที่มาเริ่มบทสนทนาใหม่ทั้งที่คู่สนทนาเขากำลังเดินออกไปเนี่ย..ไม่น่ารักเลยนะคะ"

    ..ซะเมื่อไหร่ล่ะ..


    " คุณคิดยังไงกับชายหนุ่มที่นั่งน้ำตาซึมเพราะดูข่าวโศกนาฏกรรมเหรอ? "


    แถมยังเป็นคำถามโง่ๆ อีก..

    หญิงสาวคิดในใจ ก่อเกิดความหัวเสียขึ้นมาเล็กน้อยหลังได้ยินคำถาม

    "คงจะเป็นคนที่อ่อนไหวน่าดูเลยสินะคะ? ฮะ ๆ"

    ถึงอย่างนั้นก็ยังรักษาสีหน้าได้อย่างดีเยี่ยมอยู่ดี


    " อ่า…แล้วคุณคิดยังไงกับชายที่ซื่อบื้อแบบกู่ไม่กลับ ทึ่มจนเกินจะแก้ล่ะ? "


    “น่าสงสาร"

    ริมฝีปากอวบอิ่มขยับพึมพำ ลมหายใจถอดถอนออกมาแผ่วเบา

    พูดออกมาว่าน่าสงสารแท้ ๆ..แต่กลับเเสดงสายตาหยามเหยียดเเบบนั้นออกมาซะได้..

    "แต่ของพรรค์นั้นมันก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจอยู่เเล้วไม่ใช่รึไง"

    ไม่จำเป็นที่จะต้องลดตัวไปให้ค่าหรอกนะ


    " เยี่ยม! ฮ่าๆ งั้นคุณจะคิดยังไงถ้า…เขาเปลี่ยนไป อาจจะดีขึ้นหรือแย่ลงก็ได้ "


    "ถ้าทำได้ก็ยินดีด้วยเเล้วกันค่ะ"

    อิซาเบลล์กล่าวตอบเสียงราบเรียบ ดูขอไปทีแบบไม่ใส่ใจสักเท่าไหร่

    อ่า ว่าแต่เมื่อไหร่จะจบสักทีนะ?

    หลังๆ มานี่มีแต่คำถามบ้าบอที่ทำเอาให้นึกถึงเด็กเนิร์ดน่ารำคาญนั่นเต็มไปหมด

    เล่นเอาหงุดหงิดเลยแฮะ..


    " งั้นเหรอครับ J ถ้างั้นเชิญครับ ผมไม่รบกวนอะไรแล้ว "


    อิซาเบลล์ยกยิ้มขึ้นมาอีกครั้งเพื่อเป็นการกล่าวลาทางอ้อม

    ก่อนหญิงสาวจะหมุนตัวเดินออกไปทันที

    และเบื้องหลังนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าได้เลือนหายไปจนหมด

    เหลือแต่สายตาที่ส่อแววเบื่อหน่ายเสียเหลือเกินออกมาเช่นนั้น

       
       

    Z y c l o n

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×