คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #39 : [SF] Style (JINSON)
TITLE: Style
COUPLE: JINSON x JACKSON [JINSON]
RATE: PG-15
WORD: 3,057
BY: Silverfeather29 /@silverfeather29/
………………………………………………………………………………………………………………………………….
-เปิดเพื่อสร้างอรรครสในการอ่าน-
Style
when we go crashing down, we come back every time
'Cause we never go out of style
We never go out of style
รองเท้าผ้าใบสีเข้มเหมือนผ่านการใช้งานมาหนักหน่วงย่ำไปบนแอ่งน้ำในหน้าฝนโดยไร้การลังเล เส้นผมสีเข้มรวบเก็บในสแนปแบคใบเท่ เด็กหนุ่มในชุดเสื้อยืดแขนสั้นตัวโคร่งสีดำสกรีนตัวอักษรสีขาวเป็นนามสกุลตัวเองเด่นชัดราวกับอยากให้ทุกคนในโลกนี้รับรู้ กางเกงผ้ายืดเป้าต่ำสีเดียวกันอาจทำให้บุคลิกของเจ้าตัวเสีย แต่เขาก็หาได้สนใจไม่ คนอื่นไม่รู้สักหน่อยว่าทำไมเขาถึงได้ใส่มัน เขารู้ตัวเองเสมอนั่นแหละเวลาแต่งตัวออกไปไหนมาไหน ถ้าไม่มีความจำเป็นเขาคงไม่ใส่มันแน่
กล่องสีเหลี่ยมผืนผ้าตราโลโก้รองเท้ายี่ห้อดังปรากฏเด่นหราเป็นสาเหตุให้บนใบหน้าขาวมีรอยยิ้มกว้างปรากฏอยู่ตลอดเวลา มือกระชับมันด้วยความหวงแหน
...เก็บเงินตั้งนานกว่าจะซื้อมันได้...
แต่จู่ๆความซวยก็บังเกิด ความเย็นจากหยดน้ำกระทบเข้าที่แขน เด็กหนุ่มชะงักเท้าเงยหน้ามองท้องฟ้าสีอึมครึมด้วยความไม่ชอบใจ ปากแดงสบถเสียงเบาตามนิสัย ก้มหน้าเร่งฝีเท้าไปตามถนนเพื่อหาจุดหลบฝน
“เพิ่งตกแท้ๆ จะลงมาทำไมอีกวะ!”
ตากลมสอดส่ายสายตาหาที่หลบท่ามกลางผู้คนชายหญิงที่เร่งรีบวิ่งหาที่หลบฝนกันอุตลุดไม่แพ้เขา บางคนที่มีร่มก็รีบกางร่ม มองๆไปก็เหมือนดอกเห็นหลากสีในดินแดนสีเทา
รู้ตัวว่าเหม่อก็ตอนโดนชนไหล่จนเซไปชนคนเดินถนนอีกคนนั่นแหละ รีบขอโทษขอโพยโดยไม่มองหน้าแล้ววิ่งหาที่หลบฝนต่อ หยดน้ำเม็ดใหญ่เริ่มทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกกังวล
“แจ็คสัน...”เสียงทุ้มหวานเอ่ยเรียกพร้อมด้วยสัมผัสเบาบนต้นแขน เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกหันไปมองคนทักแล้วได้แต่ทำหน้าเหวอ
...อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้นวะ!...
นึกสบถอยู่ในใจไม่กล้าออกเสียง กลัวว่าจะเสียมรรยาทกับคนตรงหน้ามากไป ถึงแม้พวกเขาสนิทและเข้าใจกันจนไม่ควรจะเกรงใจกันแล้วก็เถอะ...
ใบหน้าเรียวยกยิ้มกว้างยิ่งทำให้แก้มนูนสูงเห็นแม้กระทั่งรอยยับเล็กๆข้างตาเรียวชี้ มองยังไงคนๆนี้ก็เหมือนแมว ร่มสีอ่อนลายเรียบหรูถูกกางออกป้องฝนที่เริ่มลงเม็ดหนักให้ทั้งเขาและให้ทั้งตัวเอง ม่านฝนที่เทลงมาหนักหน่วงเป็นเหมือนกำแพงที่บังคับให้แจ็คสันต้องยืนนิ่งมองปลายเท้าอีกคนไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าอย่างเคย ปลายรองเท้าหนังขยับเข้ามาใกล้ เผลอกลั้นหายใจได้ยินเสียงโครมครามในอกอย่างชัดเจน
ชัดเจนยิ่งกว่าเสียงฝนด้านนอกเสีย
ชัดเจนจนรู้สึกทรมาน
ความรู้สึกเก่าๆมันกำลังทะลักล้นกลับมา
“ไม่ได้เจอกันนาน นายยังเหมือนเดิมเลยนะ”
...นายก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเหมือนกันนั่นแหละ...เด็กหนุ่มเถียงในใจเงียบนิ่งไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
ชายหนุ่มนามจิยองมองกลุ่มผมนุ่มสีเข้มตรงหน้ายิ้มๆ
ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสักนิด ไม่ว่าจะกี่ปีๆคนคนนี้ก็ยังเหมือนเดิม
ไม่เปลี่ยนไปจากหลายปีก่อนนี้เลยสักนิด
You got that James Dean daydream look in your eye
And I got that red lip classic thing that you like
พวกเขาเคยเป็นคู่รักที่อายุห่างกันเกือบ 7 ปี เริ่มคบกันตอนจินยองเข้ามาจัดค่ายวิชาการที่โรงเรียน ตอนนั้นจินยองอยู่ปีสาม ส่วนแจ็คสันยังเรียนอยู่มัธยมต้นปีสุดท้ายอยู่เลย
มันก็แค่ความรักแบบเด็กๆ
จินยองก็แค่ชอบปากสีสดและนิสัยร่าเริงของแจ็คสัน
ในขณะที่แจ็คสันก็ชอบรอยยิ้มและความอบอุ่นของจินยอง
ตอนคบกันก็ใช่จะราบรื่น ด้วยอายุที่ห่าง ความเข้าใจก็ต่าง เวลาก็ไม่ค่อยจะมีให้กัน ระหองระแหงกันอยู่ประมาณสามเดือนก็ตกลงเลิกกันครั้งแรก
แจ็คสันยังตัดใจเลยไม่ได้ มีการติดต่อกันเรื่อยมา แล้วต่อจากนั้นอีกสองเดือนก็กลับมาคบกันใหม่ จนเพื่อนได้แต่งงว่าพวกเขาจะเลิกกันทำไมถ้าจะกลับมาคบกันเร็วขนาดนี้
แต่ก็นั่นแหละ...ปัญหาเดิม...
ครึ่งปีก็เลิกกันครั้งที่สอง
การคบกันครั้งที่สามเกิดเพราะความเมา...
ครั้งแรกที่พวกเขามีอะไรกันเพราะความขาดสติ จบลงที่โรงแรมสักแห่ง ตื่นมาพร้อมอาการปวดหัวจำอะไรไม่ได้ทั้งคู่ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธร่องรอยที่เหลือไว้ได้
แล้วนิสัยเดิมของจินยองก็กำเริบ ถึงแม้ว่าแจ็คสันจะย้ำสักเท่าไหร่ว่าไม่เป็นไร เขาเป็นผู้ชายไม่ได้เสียหายอะไร ถึงจะเป็นไข้ไปสองสามวันแต่แป๊ปเดียวก็หายแล้ว แต่กระนั้นจินยองก็ยังตามตื้อขอรับผิดชอบดูแล
ครั้งนั้นพวกเขาถึงกับตกลงกันว่าถ้าหากเลิกกันอีก มันจะเป็นการเลิกครั้งสุดท้าย...
หนึ่งปีต่อมาพวกเขาก็ได้เลิกกันจริงๆ...มันเป็นช่วงฤดูฝนแบบนี้ การทะเลาะกันรุนแรงเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง แจ็คสันใจร้อนและจินยองก็หงุดหงิดเกินกว่าจะยอมลงได้ ฟางเส้นสุดท้ายขาดไปในตอนนั้น
...มันเป็นการเลิกครั้งสุดท้าย...
จินยองย้ายไปทำงานต่างจังหวัด ส่วนแจ็คสันก็เริ่มเรียนระดับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ พวกเขาไม่ได้เจอกันอีกนับตั้งแต่ตอนนั้น
ไม่ได้คิดว่าจะได้เจอกันอีก...จนถึงตอนนี้...
ชายหนุ่มในชุดโค้ทสีอ่อนเดินขนาบข้างกับเด็กหนุ่มที่ทั้งตัวมีแต่เสื้อผ้าสีดำภายใต้ร่มคันเดียวกันไปตามถนนสายเปลี่ยวของโซล จังหวะการเดินช้าเอื่อยของจินยองทำให้แจ็คสันรู้สึกไม่ทันใจ แต่เร่งอะไรไม่ได้ในเมื่อร่มอยู่ในมือของชายหนุ่ม จะออกไปตามฝนก็กลัวรองเท้าในกล่องกระดาษจะเปียกก่อนได้ใช้จริง
จินยองเหลือบมองกล่องในอ้อมแขนของเด็กหนุ่มที่กอดมันไว้ราวกับเป็นลูกในไส้อย่างพอจะเดาได้
“นายนี่ยังบ้าเก็บรองเท้าเป็นว่าเล่นเหมือนเดิมสินะ เป็นตะขาบรึไง”
“มันความสุขของผม เงินก็เงินผม จินยองไม่เกี่ยวสักหน่อย”
“แต่รองเท้าที่นายใส่อยู่นั่นเงินฉันนะ”
แจ็คสันหยุดเดินทันที ริมฝีปากแดงบดกัดจนแดงช้ำ ก้มหน้าลงมองรองเท้ายุ่ยๆบนเท้าตัวเองนิ่ง
จินยองยืนถือคันร่มมองเด็กข้างตัวที่จู่ๆก็ก้มตัวลงไปถอดรองเท้าตัวเองออก ผิวเท้าเปลือยเปล่าแนบกับผืนซีเมนต์เปียกแฉะ ยื่นรองเท้าสีเข้มนั่นให้ชายหนุ่ม
“หวงนักก็เอาไปสิ ยังไงผมก็ไม่ใช่เจ้าของมันอยู่แล้วนี่”
“ใช้จนเก่าขนาดนี้ฉันไม่คิดจะเอาคืนหรอกน่า”ชายหนุ่มหัวเราะ ใช้แขนเกี่ยวคอเด็กขี้งอนเข้าไปในซอกตึกที่พอจะกันฝนให้พวกเขาได้ ก้มหน้าไปใกล้จนเห็นขอบตาแดงก่ำ ใช้นิ้วเกลี่ยผิวใต้ตาอย่างนึกเอ็นดู
“ไม่ได้จะเอาคืนสักหน่อย ฉันดีใจนะ ที่นายยังใส่ของที่ฉันซื้อให้อยู่”
“ก็แค่บังเอิญหยิบมาใส่ อย่าได้ใจไปหน่อยเลย”เสียงแหบเอ่ยย้ำ มือผลักชายหนุ่มออกไปจากตัว โยนรองเท้าเจ้าปัญหาลงบนพื้น
“ยังไงพวกเราก็จบกันแล้ว จินยองเอาคืนไปเถอะ ผมไม่เอาแล้ว ถ้าไม่เอาก็โยนลงถังขยะไปก็ได้”
จับปีกหมวกดึงลงมาปิดไม่ให้อีกคนจ้องตาได้อีก บิดตัวเลี่ยงชายหนุ่มเดินออกมาจากซอกตึก รองเท้าใหม่ในกล่องจะเปียกก็ช่างมันแล้ว เขาไม่อยากทนกับความรู้สึกเดิมๆแบบนี้อีกแล้ว
...มันเจ็บปวดเกินไป...
การเลิกราครั้งแล้วครั้งเล่ากับคนเดิมมันไม่ใช่เรื่องดี เพราะถึงแม้จะมีความผูกพันหรือมีความรู้สึกดีๆแก่กันมากเท่าไหร่ แต่ความกล้าที่จะกลับมาเผชิญหน้าก็แทบไม่เหลือแล้ว
...เขาไม่อยากเจ็บอีกแล้ว...
หมับ!
“กลัวรองเท้าเปียกไม่ใช่เหรอ? รถฉันอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
So it goes
He can't keep his wild eyes on the road
Takes me home
Lights are off, he's taking off his coat
แจ็คสันไม่รู้ว่าควรจะโทษความเบลอของตัวเองหรือโทษความดื้อของจินยองที่ทำให้ในที่สุดเขาก็ต้องกลับมานั่งในรถของอีกฝ่ายบนถนนที่แน่นขนัดแบบนี้
บรรยากาศในรถอบอุ่นกว่าด้านนอก แต่แจ็คสันกลับนั่งกอดตัวเองสั่นหงึกๆเพราะเสื้อผ้าที่เปียกชื้น
จินยองเหลือบมองคนตัวเล็กข้างกายสลับกับสัญญาณไฟเขียวที่เปลี่ยนเป็นสีแดง กดเบรกมือถอดเสื้อโค้ดตัวเอง คลุมให้แจ็คสันที่เงยหน้ามามองเขาเล็กน้อย มือป้อมดูลังเลใจแต่สุดท้ายก็ยอมแพ้ความหนาว ดึงเสื้อโค้ทของจินยองเข้าหาตัวเอง หลับตาลงผ่อนลมหายใจไม่ให้ใจเต้นแรงเกินไปนัก
...จินยองก็ยังดูแลคนอื่นดีเสมอ...
ตาโตหลับลงเลยไม่เห็นว่าชายหนุ่มเจ้าของรถยกยิ้มเอ็นดูให้ตัวเองขนาดไหน
ไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียว รถเคลื่อนตัวไปตามถนนอีกครั้ง ไม่จำเป้นต้องปลุกให้อีกคนมาบอกทาง ในเมื่อจินยองจำได้ว่าบ้านของแจ็คสันอยู่ที่ไหน
...ทุกอย่างที่เป็นแจ็คสัน เขาจำได้ทั้งหมดนั่นแหละ...
“อืม...”
ตาโตกระพริบปรือๆ รู้สึกมึนงงกับสถานที่ที่ตัวเองอยู่ เพดานคุ้นตาและโซฟาหนังสีดำ
...เขามานอนในบ้านตัวเองได้ยังไง?...
“นายควรเปลี่ยนที่ซ่อนกุญแจสำรองหน้าบ้านซะบ้างนะ เผื่อขโมยเข้าบ้านจะแย่เอา”
จินยองเดินออกมาจากในครัวพร้อมแก้วนมอุ่นและยาสองสามเม็ด ยื่นให้แจ็คสันที่รับมามันเงียบๆ
“นึกว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย แต่ที่แท้น้ำหนักตัวนายก็แอบเยอะขึ้นเหมือนกันนะ ตอนฉันอุ้มหลังแทบหัก”
มือป้อมที่ถือแก้วชะงักกึก หันไปถลึงตาใส่ชายหนุ่มดุๆ
“ก็ใครใช้ให้อุ้ม ปลุกดีๆผมก็ตื่นแล้ว”
“อ้าว ก็ไม่รู้สิ นึกว่าจะตื่นยากเหมือนเมื่อก่อนซะอีก”
คิ้วเข้มขมวดแน่นกลืนยาพร้อมนมลงไปรวดเดียว วางแก้วเปล่าบนโต๊ะกระจกเสียงดังเหมือนต้องการระบายอารมณ์
“เลิกพูดถึงเรื่องเก่าๆได้ไหมวะ!”
“...”
“จะพูดย้ำถึงมันอีกกี่ครั้งมันก็ไม่กลับมาหรอก จะย้ำให้ผมเจ็บไปทำไม!”
มือขาวขยี้หัวตัวเองทั้งหงุดหงิดทั้งรู้สึกปวดหัว เสื้อผ้าเปียกชื้นบนร่างอาจกำลังเล่นงานเขาอยู่เงียบๆ
“แล้วจะให้ฉันพูดถึงเรื่องไหน...”
“ในเมื่อวันนี้ฉันมาเพื่อจะดึงวันพวกนั้นกลับมา”
เสียงทุ้มหวานและดวงตาเรียวที่ไม่มีร่องรอยการล้อเล่นทำให้จิตใจคนมองสั่นไหว
“หมายความว่ายังไง”
“กลับมาคบกับอีกครั้งได้ไหม”
แจ็คสันส่ายหน้าแบบแทบไม่ต้องคิด
“ไม่เอาแล้ว...”ตอบเสียงแผ่ว “ถ้าคบกับอีกก็ต้องเลิกกันอีก ผมไม่อยากเลิกกับจินยองแล้ว ไม่เอา”
ก้มหน้าลงกับพื้น ปฏิเสธหัวใจไม่ได้หรอกว่ายังรักจินยองอยู่ แต่ประสบการณ์เจ็บปวดมันเยอะเกินไป เขาคงรับความเจ็บปวดต่อไปอีกไม่ไหว ถ้าจะให้เลิกกันอีกครั้ง
“ยังไม่คบ ทำไมถึงคิดว่าจะเลิก”
มืออุ่นประคองแก้มนุ่มบังคับให้มองตากัน แจ็คสันอ่านได้ง่ายโดยเฉพาะดวงตาที่แสดงทุกอย่างออกมาแบบไม่ปิดบัง ดวงตากลมยังมีแววห่วงหาแต่ก็เจ็บปวดไปพร้อมกัน
“เราคบกันเพราะอะไรเหรอจินยอง? เพราะหน้าตา เพราะสไตล์ เพราะอะไร? ทำไมพวกเราถึงต้องเลิกกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าพวกเรายังรักกันเพราะภายนอกก็พอเถอะ ยังไงมันก็ต้องจบในสักวันหนึ่งอยู่ดี...เหมือนที่ผ่านมา”
จินยองก็แค่ชอบปากสีสดและนิสัยร่าเริงของแจ็คสัน
ในขณะที่แจ็คสันก็ชอบรอยยิ้มและความอบอุ่นของจินยอง
เพราะพวกเขาก็แค่ชอบกันแค่นั้น ถึงจะกลับมาเข้ากันได้ดีทุกครั้ง แต่มันก็พังครืนลงมาเพราะความไม่มั่นคงได้ทุกครั้งไป
“แล้วถ้าฉันจะบอกว่าฉันรักสิ่งอื่นของนายมากกว่าเมื่อก่อน...นายจะให้โอกาสฉันไหม?”
“...”คนตัวเล็กเงียบไป ดวงตากลมสบตากับด้วยดวงตาอบอุ่นนิ่ง
“แต่ก่อนฉันอาจรักนายที่หน้าตา...ปากแดงๆ ตากลมๆ จมูกรั้นน่ารักๆของนาย นิสัยขี้อ้อนไม่รู้ตัว บางทีก็ขี้แยแบบเด็กๆ พวกเราเข้ากันได้ดีทั้งที่ไม่อะไรเหมือนกัน แต่ทุกอย่างนั่นทำให้ฉันเอ็นดูและอยากดูแลนาย”
“แล้วมันเปลี่ยนไปตรงไหน”ถามเพราะไม่เข้าใจ ทุกอย่างที่จินยองพูดก็เหมือนบทละครเดิมๆที่เขาได้ยินมาถึงสี่รอบแล้วก็ต้องเจ็บเพราะคำพวกนี้ทุกรอบ
“แต่ก่อนฉันเกลียดนิสัยขี้ใจร้อนของนาย นายมักจะทำลายข้าวของเพียงแค่นายไม่ได้ดั่งใจ นิสัยปากเร็วใจเร็วของนายมักจะชอบพูดอะไรที่ทำให้ฉันปวดใจเสมอ นิสัยเหลาะแหละไม่จริงจัง รักสนุกชอบเที่ยวอ้อนคนนั้นคนนี้ของนายก็ทำฉันหึงอยู่บ่อยไป...”
“จินยองไม่เคยเห็นบอกฉันเลยว่านายไม่ชอบ”ตากลมมีรอยสับสน เขาไม่เคยรู้เลยว่านิสัยเหล่านั้นทำให้จินยองเจ็บปวดและปวดหัวมากขนาดไหน
จินยองยิ้มจูบบนหน้าผากมนของคนที่ยังสับสนอยู่
“เพราะเราไม่เคยพูดกัน...เราพูดแค่ส่วนดีของอีกฝ่าย แต่เราไม่ยอมเปิดใจนิสัยที่เราไม่ชอบ เราล่มทุกครั้งเพราะเราไม่เคยเข้าใจกันอย่างแท้จริงเลยสักครั้ง”
“จินยองพูดถูก”แจ็คสันพูดหลังเงียบคิดไปนาน
“จินยองดูแลผมดี แต่จินยองก็ดูแลคนอื่นเหมือนๆกัน มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมไม่มีความสำคัญ จินยองบอกว่ารักผมแต่ก็ยังเลือกงานมากกว่าผม หลายครั้งเลยที่ชอบให้ความหวังว่าจะพาไปเที่ยว พาไปดูหนัง แต่พอถึงวันจริงจินยองก็ลืมเพราะงานด่วน ผมไม่อยากงี่เง่าเลยไม่ได้ต่อว่า แต่มันก็อดน้อยใจไม่ได้หรอก”
“อ่า...พอนายพูดอย่างนี้ฉันล่ะรู้สึกแย่จริงๆ”จินยองหน้าเสียนิดหน่อยพอได้ยินที่เขาพูด จินยองกำลังรู้สึกผิดซึ่งนั่นทำให้เขาพอใจ
“พูดมาหมดแล้ว...กลับมาคบกันได้ไหม?”
“ทำไมจินยองยังอยากคบกับผมอยู่ล่ะ?”
“ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีนาย...อาจดูเว่อร์นะ แต่ไม่มีวันไหนที่ฉันจะไม่คิดถึงนาย อยากติดต่อใจจะขาด แต่ฉันก็เหมือนนายที่ไม่กล้ากลับมาเจอ เพราะเราจบไม่ดีแทบทุกครั้ง”
“ทุกครั้งด้วยซ้ำ”แจ็คสันบีบจมูกอีกคนไปมา “จินยองน่ะทำให้ผมเจ็บหลายครั้งแล้ว ผมคงกลับไปคบเลยไม่ได้หรอก”
“แล้ว...”จินยองไม่ได้หน้าเสียอย่างที่คิด อีกฝ่ายรู้ทันเขาดีจนน่าหมั่นไส้ แจ็คสันแบะปาก
“ไม่ต้องคบกันเป็นแฟน...ไม่ต้องมีสถานะ...แต่ดูแลเคียงข้างกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ ถ้าเป็นแบบนี้เราก็ไม่ต้องเลิกกัน”
“จะเอาอย่างนั้นเหรอ”จินยองเลิกคิ้ว ส่ายหน้าไม่เห็นด้วย “พูดง่ายนะแจ็คสัน แต่ทำไม่ได้แน่ๆ อย่างน้อยฉันก็อยากแสดงความรักต่อนายได้อย่างคนรัก เพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ไร้ชื่อไม่เอา”
“ให้ตายเถอะ...เข้าใจที่ผมพูดจริงหรือเปล่าเนี่ย!”มือป้อมบีบหน้าชายหนุ่มบี้เบาๆ “ไม่ให้เป็นแฟน แต่ให้เป็นคนรัก พอใจรึยัง!”
จินยองนิ่งอึ้งไปนิดก่อนยิ้มกว้างรัดคนตัวกลมไว้แน่น
“พอใจครับ...พอใจมากๆเลย”
“หุบยิ้มบ้างเถอะ รอยตีนกางอกแล้วนะนี่รู้ตัวรึเปล่า”แจ็คสันเอ่ยแซวทั้งที่ใบหน้าแดงระเรื่อน่าเอ็นดู ตากลมหยีหลับรับจุมพิตแผ่วเบาบนหน้าผากและริมฝีปาก
“ไม่เลิกแล้วนะ”
“ไม่รู้สิ นั่นมันเรื่องอนาคตนะ”
“ใช่ อนาคต งั้นเรามาทำเรื่องที่ปัจจุบันเราควรทำดีกว่าเนอะ”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์จากคนอบอุ่นของจินยองกลับมาอีกแล้วสิ คนตัวกลมถลึงตาใส่ทุบหลังชายหนุ่มดังอั๊ก
“ผมไม่ได้ง่ายหรอกนะ ยังไม่ผ่านช่ววงโปรสามเดือน ระหว่างนี้ห้ามทำอะไรล่วงเกินผมเด็ดขาด ไม่งั้นเลิก!”
“ไหนบอกมันเรื่องอนาคต”
“เสียใจครับ ถ้าทำไม่ได้ ปัจจุบันหรืออนาคตก็จบครับ เข้าใจนะ”
แจ็คสันแลบลิ้นเยาะเย้ยคนอายุมากกว่า กระโดดลงจากโซฟาเข้าห้องนอนเพื่อเปลี่ยนเสื้อ ไม่วายตะโกนออกมาให้คนข้างนอกได้ยิน
“แต่ถ้าทำตัวดีก็อาจมีรางวัลนะครับ”
...จินยองหนีแจ็คสันไม่ได้จริงๆนั่นแหละ ในเมื่ออีกคนน่ารักเสียขนาดนี้นี่นะ...
when we go crashing down, we come back every time
'Cause we never go out of style
We never go out of style
ความคิดเห็น