คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #39 : Hannibal 1
บทที่ 1 มาเกียเกม
นามของของโลกแห่งนี้
คือ ‘ซินเนีย’
โลกที่มีเพียงอาณาจักรเดียว แผ่นดินผืนเดียว นามว่า ‘เซนเรส’ โดยมีราชวงศ์ฟาร์วิลล์ปกครอง
ว่ากันว่าปฐมกษัตริย์นั้นมีเชื้อสายของเทพเจ้า และเป็นผู้ที่ก่อตั้งอาณาจักรเซนเรส
ซึ่งเชื้อสายของฟาร์วิลล์ทุกพระองค์จะอยู่ในอาณาเขตพระราชวังฟ์ลาเดลซึ่งตั้งอยู่จุดศูนย์กลางของเซนเรส
และกษัตริย์องปัจจุบันคือราชาบาสเตียน นิคาลซิส ฟาร์วิลล์
แต่กระนั้นเซนเรสมันก็กว้างใหญ่และมีภูมิประเทศที่แตกต่างกัน
เซนเรสจึงถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนคือเซนเรสตะวันออกและตะวันตก
โดยที่เซนเรสตะวันตกนั้นจะเป็นดินแดนเหมืองแร่และชายทะเล
และเซนเรสตะวันออกจะเป็นทุ่งหญ้าและป่าเขา แหล่งธรรมชาติอุดมสมบูรณ์
ภายหลังกษัตริย์บาสเตียนได้สถาปนาเมืองขึ้นมาสามเมือง
‘ซาร์ดิส’ นครการค้าและเงินตรา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเซนเรส
ติดมหาสมุทรทรานส์ควิล
‘อิสราเนส’ ดินแดนสีขาว ศูนย์รวมของนักบวชและคัมภีร์ตั้งแต่โบราณกาล
ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเซนเรส
และสุดท้ายคือ
‘เอมราส’ เมืองแห่งการปกป้อง บ้านเกิดของเหล่าขุนนางและนักรบกว่าครึ่งของซินเรสล้วนมาจากที่แห่งนี้ทั้งสิ้น
และ ณ
หมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางเซนเรสตะวันออกระหว่างเซนเรสกับเอมราส
เด็กทารกที่ถูกทิ้งไว้อย่างเป็นปริศนาแต่กระนั้นก็มีผู้ใจบุญเก็บมาเลี้ยงดั่งลูกในอุทร
จนบัดนี้
เวลาก็ผ่านไปสิบหกปี....
“เร็วๆสิวะ! อีกไม่ถึงชั่วโมงจะเริ่มแล้วนะเว้ย!!”
เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายที่คุ้นหูทำให้ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำสั้นที่เป็นประกายซีดตรงปลายผมหันไปมอง
คิ้วสีดำหรี่ลงเล็กน้อยก่อนจะเดินไปที่เจ้าของเสียงซึ่งเป็นชายผิวเข้มที่กำลังนั่งจดโพยโดยที่มีชายวัยฉกรรจ์เกือบสิบคนรุมล้อมอยู่
“ไงเฮียคาร์น”
“อ้าว! เคลเมน!” คนที่อยู่กลางวงล้อมโบกมือทักทาย
ใบหน้าหยาบกร้านนั่นยักคิ้วให้กับคนอ่อนวัยกว่าก่อนจะพูดแกมเสียงดัง “จะมาดูก็เร็วๆ!”
มือใหญ่นั่นผายไปที่กำแพงเบื้องหลังที่มีภาพขนาดใหญ่ฉายลางๆโดยอุปกรณ์ขนาดกลาง
และกลางภาพนั้นก็มีตัวเลขสี่สิบนาทีเศษๆที่กำลังนับถอยหลัง
เด็กหนุ่มหรี่นัยน์ตาสีทองของตัวเองลงแล้วถามต่อ
“โอดิรัสกับเซนา?
ผมคิดว่าเขาจะแข่งกันพรุ่งนี้ซะอีก”
“เขาเพิ่งประกาศเลื่อนเมื่อคืน
เหตุผลไม่รู้ แต่ก็ดีได้ดูเร็วขึ้น” คาร์นยิ้มออกมาคล้ายภูมิใจนำเสนอ “รอบสามแล้วด้วย
ชนะรอบนี้ก็เข้ารอบชิง”
เด็กหนุ่มมองตัวเลขที่ยังคงนับถอยหลังชั่วครู่
ก่อนจะถามต่อ “เฮียว่าใครจะชนะ”
“ถามโง่ๆ
โอดิรัสอยู่แล้ว” ใบหน้ากร้านส่ายไปมาแบบไม่น่าถาม
“ถึงครั้งนี้เซนาจะพัฒนาฝีมือและชนะรอบอื่นมาสบายๆ แต่โอดิรัสนั่นวิทยาลัยในตำนานนะเว้ย
จะชนะข้าว่ามันเร็วไป ขนาดไอ้.... ชื่ออะไรวะที่แข่งเมื่อวาน”
“ซาริเดีย”
คนเด็กกว่าตอบให้ ซึ่งคาร์นก็พยักหน้า
“นั่นแหละ
ซาริเดียที่ว่าเก่งขึ้นกว่าปีที่แล้วมาตั้งเยอะยังแพ้รามัสหมดรูป”
“ซีอัสได้สิทธิ์แข่งรอบสองเพราะเป็นแชมป์เก่า”
คนอ่อนกว่าพูด แม้น้ำเสียงจะเรียบแต่ก็บอกได้เลยว่าตื่นเต้นมากแค่ไหน
“แล้วก็ผ่านมาได้สบายเหมือนกัน ไม่ต้องถึงการประลองด้วย”
“แต่เวลาแพ้รามัสกับโอดิรัสไอ้หนู”
คาร์นแย้ง “สองทีมนั้นปิดม่านตั้งแต่สามสิบนาทีแรกในการแข่งชิงตราเพราะว่าเล่นคู่ต่อสู้จนสลบ”
“มันไม่สำคัญว่าสลบไม่สลบหรอกครับ
แค่ชนะมันก็เกินพอ เฮียไม่เคยได้ยินเหรอว่าไพ่ตายต้องเก็บไว้สุดท้ายน่ะ”
“หึ
ที่เอ็งพูดก็ถูก” คาร์นหัวเราะออกมาอย่างถูกใจ “แต่เอ็งมันอยู่ทีมซีอัสมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่
เชื่อมากไม่ได้”
มือใหญ่ตบป้าบไปที่แผ่นหลังคนอ่อนวัยกว่าเสียงดังจนคนถูกตบหน้าแทบทิ่ม
แต่คาร์นก็พูดออกมาอย่างสะใจ “เอ็งเข้าไปปีนี้ก็ไปแสดงฝีมือเลยซี่
สัญญาว่าจะเก็บตั้งแต่เอ็งลงรายการแรก ข้าจะรอดูชื่อ ‘ฮันนิบาล เคลเมน’ ในทีมมาเกียของซีอัส”
“คงอีกนานล่ะเฮีย”
ฮันนิบาลยิ้มขำ “อีกอย่างผมจะผ่านรึเปล่าก็ไม่รู้
ถ้าสมมุติว่าผ่านจริงๆก็อาจจะไม่ได้อยู่ซีอัสก็ได้”
“วางความหวังไว้สูงหน่อยสิวะไอ้นี่
เดี๋ยวคืนนี้ข้าจะอวยพรให้ทั้งคืนเลยเป็นไง” ชายผิวกร้านว่า
“ถ้าติดข้าก็จะไม่ได้เห็นเอ็งไปทั้งปีเลยสินะยกเว้นในการแข่ง”
“ถ้าผมติดจริงเฮียก็ไม่เห็นผมจนกว่าจะจบปีหนึ่งอยู่ดี”
คนอ่อนวัยกว่าส่ายหน้า “เฮียก็รู้ ปีหนึ่งก็แค่แข่งกันเองในโรงเรียน
ต้องปีสองขึ้นไปถึงจะแข่งกับต่างโรงเรียนแล้วเฮียได้เห็น
และผมก็ไม่มีอะไรพิเศษที่ดึงดูดด้วย เพราะควบคุมได้แค่การเคลื่อนไหวของวัตถุ
อาจจะไม่ได้เล่นก็ได้”
“มันก็ไม่แน่”
คาร์นถองศอกใส่เบาๆ “ข้าได้ยินมา ว่าหนึ่งในผู้เล่นมาเกียปีสองของซีอัสเป็นพวกไร้สายธาตุ”
“ไร้สายธาตุ?”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วทันที “เฮียไปได้ยินมาจากไหน ข่าวโคมลอยรึเปล่า?
ผมไม่เคยได้ยินว่าพวกไร้สายธาตุจะลงมาเกียได้”
“ไม่เว้ย
เพื่อนข้าที่อยู่เมืองหลวงบอกมา” ชายผิวเข้มกอดอกเถียง “ไม่ได้เป็นผู้เล่นธรรมดา
แต่เป็นระดับหัวหน้าทีม แล้วเอ็งคิดว่าเด็กนั่นจะพาทีมตัวเองมาเป็นทีมจริงของซีอัสได้ยังไงทั้งที่แข่งมาเกียสายธาตุต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง”
“เขาอาจจะมีอะไรพิเศษก็ได้”
ฮันนิบาลว่า “แล้วเฮียรู้ชื่อไหม?”
“อาร์ชเชอร์”
คาร์นตอบ “ถ้าข้าจำไม่ผิดเด็กนั่นสกุลอาร์ชเชอร์ แต่ข้าไม่รู้ชื่อ”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะถามต่อ
“แล้วผู้เล่นเดี่ยวปีสองของซีอัสล่ะ?”
“ไทเรส”
ครั้งนี้คนแก่กว่ายักคิ้วให้แล้วขยายความ “อาร์เลน ไทเรส ธาตุไฟ”
“เฮียรู้ละเอียดเป็นบ้า”
ฮันนิบาลยิ้มขำ ก่อนจะโค้งตัวให้นิดๆ “ผมไปก่อนนะเฮีย
พรุ่งนี้ออกเดินทางแต่เช้ามืด จากหมู่บ้านโควเวอร์นี่ไปซีอัสม้ายังใช้เจ็ดชั่วโมง”
“อ้าว
แล้วเอ็งไม่ดูแข่งเรอะ?”
“ไม่ล่ะ
ไว้ผมไปถึงนั่นแล้วค่อยหาดูเอา ทั้งวีดิคและเทปการแข่งคงหาง่ายอยู่”
“เออ
ขอให้โชคดีนะเว้ย!”
ฮันนิบาลยิ้มรับกับคำอวยพรนั่นก่อนจะขอตัวออกมา
ขายาวๆก้าวเดินอย่างไม่รีบร้อนไปตามทาง
จนบ้านช่องเริ่มบางตาและถูกแทนที่ด้วยทุ่งเพาะปลูกตามฉบับชนบท
แม้ที่นี่จะอยู่ใกล้กับเมืองซาร์ดิส
และบ้านของเขา
ก็อยู่สุดทุ่งพอดี
เด็กหนุ่มเปิดประตูออกก่อนจะเดินตรงไปยังบันได
ซึ่งจะผ่านห้องครัวและห้องนั่งเล่น
ฮันนิบาลเหยียบไปบนบันไดไม้จนได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดเป็นช่วงๆ
เขายืดตัวไปเปิดตะเกียงที่แขวนอยู่กลางห้องใต้หลังคา แสงของมันบวกกับอาทิตย์อัสดงเพียงพอที่จะให้เห็นทั้งห้อง
เตียงไม้ที่เคยใหญ่บัดนี้แค่เขาพลิกตัวสองครั้งก็ตกเตียงแล้ว
หีบเสื้อผ้าปลายเตียงที่ฝาเปิดหายไป โต๊ะที่วางอยู่ใกล้หน้าต่าง
และที่ดูใหม่ที่สุดในห้องโทรมๆนี้ คงเป็นชั้นวางหนังสือสามชั้นที่มีหนังสือเก่าใหม่รวมกันจนเต็มสองชั้นล่าง
ส่วนชั้นบนสุดเป็นชั้นที่มีของวางเกือบเต็มแบบไม่เป็นระเบียบมาก และมีรูปที่เหมือนตัดมาแปะเต็มไปหมด
ซึ่งเขาเก็บรวบรวมมาจากหลายๆที่ร่วมสองปี
และสิ่งที่โดดเด่นที่สุดคงไม่เป็นตัวหนังสือพาดหัวข่าวใหญ่ๆที่เขาตัดมาพร้อมกับรูปขาวดำ
‘ไม่คาดฝัน! ซีอัสปราชัยโอดิรัส คว้าชัยเป็นครั้งแรกในศึกมาเกียแห่งซินเนีย!’
สิ่งที่เขาได้ผ่านไปเห็นวีดิคโดยบังเอิญ
สิ่งที่ทำให้เขาหลงมันหัวปักหัวปำตั้งแต่เห็นครั้งแรก มันคือ ‘มาเกีย’
กีฬาลูกบอลเวทขึ้นชื่อที่สุดของโลกเซนเรสแห่งนี้
ไม่มีใครไม่รู้จัก และการละเล่นเถื่อนและดัดแปลงกฎก็มีให้เห็นอยู่ทั่วไปทุกที่
เพราะอุปกรณ์ที่ใช้ก็มีเพียงลานโล่งๆกับลูกบอลขนาดเล็กหนึ่งลูกเท่านั้น
แต่ถ้าเป็นการเล่นแบบถูกต้องตามกฎจริงๆมันจะยุ่งยากขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง
อันที่จริง
มาเกียนั้นจะถูกแบ่งออกเป็นการแข่งขันสามอย่าง และมีสมาชิกในทีมห้าคน
ซึ่งการแข่งอย่างแรกก็คือการแข่งขันที่จะใช้ลูกสีใสขนาดประมาณฝ่ามือในสนามทางการที่จะมีผู้ควบคุมและดูแลพื้นที่สนาม
และสมาชิกทั้งสองทีมก็จะลงสนามรวมทั้งหมดสิบคน
ซึ่งจุดมุ่งหมายคือแย่งลูกมาเกียมาและต้องทำให้ลูกบอลนั้นเข้าฝั่งตัวเองให้ได้
ฝ่ายใดได้ห้าแต้มก่อนจะเป็นผู้ชนะ ในเวลาสามสิบนาที
แม้เวลาจะหมดลงแต่ถ้าไม่มีฝ่ายใดทำแต้มได้ก็ถือว่าเสมอกัน
การแข่งขันแบบที่สอง
หรือรู้กันดีว่า ‘ศึกชิงตรา’
คือการแข่งขันที่จะไม่มีการใช้เวทย์มนตร์ใดๆ ผู้แข่งขันสามคนต่อทีม
ซึ่งก่อนลงแข่งจะต้องดื่มน้ำยากักพลังเวทในตัวเสียก่อนเพื่อป้องกันการโกง
กติกาก็ไม่มีอะไรมาก หนึ่งในสามคนนั้นจะรับหน้าที่เป็น ‘ตรา’
ซึ่งตรานั้นจะเป็นผู้เดียวที่ได้สิทธิ์ถืออาวุธที่แม้จะมีความคมแต่จะไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต
และอาวุธนั้นจะมีการสุ่มหลังจากที่สุ่มเลือกตราและลงสนามเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งการที่จะชนะเกมนี้ได้ คือทำอย่างไรก็ได้ที่จะทำให้ ‘ตรา’
ยอมจำนนหรือไม่สามารถสู้ต่อได้ ขอเพียงแค่อาวุธหลุดมือและเข้าควบคุมตัวได้ก็คือจบ
แต่ในขณะเดียวกันการเข้าประชิดตัวคนที่เป็นตรานั้นยากมาก เพราะตรามีสิทธิ์ที่จะป้องกันและหลบหลีก
หนำซ้ำถ้าตราบังเอิญได้อาวุธระยะไกลอย่างธนู
ก็มีสิทธิ์ที่จะโจมตีผู้เล่นชิงตราฝ่ายตรงข้ามได้ เวลาการเล่นทั้งหมดหกสิบนาที
ซึ่งถ้าหมดเวลาโดยที่ไม่มีฝ่ายใดชนะ
ทั้งตราและผู้ชิงตราก็จะหมดสิทธิ์เคลื่อนไหวจากน้ำยาที่ดื่มเข้าไปในตอนแรก
ถ้าหากว่าทั้งสองทีมยังไม่มีฝ่ายใดทำแต้มได้เลย
หรือว่าชนะกันคนละครั้ง ก็จะมาตัดสินกันที่ครั้งสุดท้าย ‘การประลอง’ ใช้ได้ทั้งอาวุธและเวทมนตร์ทุกอย่างโดยไม่ผิดกฎ ผู้เล่นสามคนที่ลงในศึกชิงตราจะหมดสิทธิ์การแข่งขันนี้
เป็นการประลองเดี่ยวที่หนึ่งในสองคนที่ไม่ได้แข่งศึกชิงตราจะเป็น ‘นักรบ’ ขณะที่อีกคนจะมีหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนหรือ ‘ตัวสำรอง’ ซึ่งมีหน้าที่เพียงแค่ป้องกันหรือเยียวยาคนฝ่ายตัวเองหรือโจมตีฝ่ายตรงข้ามทุกๆสี่นาที
ซึ่งเป็นเพียงแค่เวทบทสั้นๆที่ใช้เวลาร่ายไม่เกินสามวินาทีอย่างสร้างเกราะชั่วขณะหรือเวทระยะไกลแค่บทเดียวเท่านั้น
การประลองนี้จะไม่มีเวลาจำกัด
จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมแพ้หรือหมดสติปางตายไม่สามารถสู้ต่อได้เท่านั้น
มันเป็นการแข่งขันที่ใช้เวลาวันเดียว
แต่ถ้าในกรณีที่มาเกียและศึกชิงตราไม่สามารถตัดสินผู้ชนะได้
การประลองก็จะมีขึ้นในวันถัดไป มันเป็นเกมกีฬาที่ขึ้นชื่อที่สุดของซินเนีย
ทุกๆปีวิทยาลัยทั่วซินเนียจะเฟ้นคัดทีมที่ดีที่สุดและส่งแข่ง
โดยที่แข่งรอบชิงชนะเลิศจะจัดขึ้นที่หนึ่งในสามวิทยาลัยในตำนานซึ่งจะผลัดเวียนกันทุกๆปี
ราฮัส
โอดิรัส และซีอัส
สามวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเซนเรสเบื้องหลังเทือกเขาเออร์ฟาน
เป็นสามวิทยาลัยในตำนานที่เข้ายากที่สุดในโลก เพราะแม้ว่าจะมีเงินมากมายล้นฟ้า
แต่ถ้าไม่ได้รับการยอมรับ ก็จะไม่มีวันหาเส้นทางไปยังวิทยาลัยนั้นเจอ และอาจจะต้องหลงอยู่ในป่าเบื้องหน้าเทือกเขาเออร์ฟานอยู่ร่วมปี
เทือกเขาเออร์ฟานจึงได้ถูกเรียกว่า
เทือกเขาแห่งปริศนาและปัญญา เพราะสามวิทยาลัยนี้เป็นที่ๆสร้างบุคลากรมากมาย
ซึ่งส่วนใหญ่ผู้นำเมืองสามเมือง รวมถึงราชวงศ์ฟาร์วิลล์ผู้ปกครองเซนเรสนั้นล้วนจบมาจากหนึ่งในสามวิทยาลัยแห่งนี้ทั้งสิ้น
ฮันนิบาลมองไปยังซองจดหมายสีขาวสะอาดที่วางอยู่บนโต๊ะ
ทุกๆปีเด็กรุ่นสิบหกทั่วซินเนียจะได้รับจดหมายนี้จากทางราชการ มันคือจดหมายที่จะเชิญให้ไปที่จุดรวมตัวที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าป่าดำ
เพื่อที่จะได้เข้าไปทดสอบว่ามีคุณสมบัติที่จะได้เข้าไปเรียนที่วิทยาลัยในตำนานหรือไม่
นับเป็นโอกาสอันดี เพราะเด็กทุกชนชั้นสามารถเข้าร่วมได้อย่างเท่าเทียม
แกร๊ก
เสียงเปิดประตูจากเบื้องล่างทำให้เด็กหนุ่มวางซองจดหมายในมือ
ก่อนจะรีบวิ่งลงไปทันทีจนบันไดไม้ส่งเสียงแบบน่ากลัวว่าจะพังลงมา และนั่นทำให้หญิงร่างอวบผู้มาใหม่ซึ่งหอบตะกร้าสานขนาดกลางมานั้นดุ
“แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าวิ่งลงบันได”
“โธ่แม่ครับ”
ฮันนิบาลยิ้มกว้างแล้วเดินไปแย่งตะกร้าสมุนไพรจากมารดาตนมาถือเอง
“พรุ่งนี้ผมก็ต้องออกเดินทางแล้ว แม่ก็หยวนๆให้ผมหน่อยละกัน”
หญิงวัยกลางคนบีบจมูกเด็กหนุ่มอย่างมันเขี้ยว
“ถ้ามันพังก่อนไปลูกก็ไม่ต้องไปแต่มาช่วยแม่ซ่อมบันไดแทนก็แล้วกัน”
“แม่จะให้ผมทิ้งโอกาสนี้จริงๆน่ะเหรอ?”
คนเป็นลูกถามเสียงอ่อย
“ก็ไปเรียนที่อื่นแทนสามที่นั้นสิ”
เธอยังพูดแบบไม่เดือดร้อนจนคนเป็นลูกโวยวายเธอจึงหัวเราะออกมา “รู้แล้วๆ
แม่ก็อยากให้ลูกติดอยู่แล้วแหละ”
“ถ้าผมติด....”
ดวงตาสีทองมองร่างของคนตรงหน้า
ซึ่งเธอก็คงรู้ว่าเขาคิดอะไรจึงลูบศีรษะเบาๆอย่างเอ็นดูและรักใคร่
“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องทดแทนบุญคุณอะไรทั้งนั้น
อีกอย่างแม่อยู่คนเดียวมาตั้งแต่แรกแล้ว และลูกไปปีหน้าก็กลับมาแล้วนี่
ถ้าคิดถึงแม่ก็เขียนจดหมายมาก็ได้”
ใช่
ผู้หญิงตรงหน้าเป็นคนที่เก็บเด็กห้าขวบที่ถูกทิ้งอย่างเขามาและเลี้ยงดูดั่งลูกแท้ๆจนเขาเติบใหญ่ถึงทุกวันนี้
ทั้งที่เธอก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร นอกจากความรู้เรื่องสมุนไพรที่ดีกว่าคนอื่นๆ ซาร่า
เคลเมนก็เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาๆที่ทำงานหนักเพื่อส่งเขาเรียนเท่านั้น
“แต่ถ้าผมติดขึ้นมาก็ใช่ว่าจะฟรีทุกอย่างนะแม่”
ฮันนิบาลยังคงแย้งอย่างไม่ค่อยเห็นด้วย
มันอาจจะคิดไกลเกินไปแต่ก็ใช่ว่าเขาไม่มีโอกาสติด
ในการคัดเลือกเด็กเข้าเรียนของสามวิทยาลัยในตำนานนั้นยังเป็นความลับที่ไม่มีใครรู้ว่าใช้อะไรเป็นเกณฑ์
แต่ถ้าเขาฟลุคติดแล้วมันจะเป็นอย่างไร
แม้ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จะฟรีแต่ก็ใช่ว่าจะฟรีเสียทุกอย่าง ของฟรีไม่มีในโลก
แล้วเขาจะทำอย่างไรในเมื่อเขาไม่ได้ร่ำรวยอะไรขนาดนั้น
“เมื่อสามปีก่อนเห็นว่ามีคนพเนจรผ่านการคัดเลือก”
ซาร่าเปรย “เพราะงั้นถ้าลูกติดก็ไม่ต้องห่วงอะไรหรอก มันจะมีทางของมันเองนั่นแหละ”
แต่เมื่อยังเห็นว่าฮันนิบาลยังคงดูกังวลจนน่ารำคาญแทน
เธอจึงฟาดหลังมือเข้าไปตรงระหว่างคิ้วด้วยแรงไม่เบานักแต่ก็ไม่ได้หนักอะไร
เด็กหนุ่มยกมือลูบตรงที่ถูกฟาดอย่างงงๆแล้วก็แทบชะงักเมื่อเห็นรังสีอาฆาตจากมารดาที่ไม่ได้ร่วมสายเลือด
และนั่นทำให้คนเป็นลูกยกสองมือยอมแพ้ทันที
“ครับๆ
ฟ้าจะเป็นคนขีดเส้นทาง แต่เราเป็นคนเลือก
ถ้าข้างบนนั่นให้ผมติดผมก็เลือกที่จะเข้าเรียนอยู่แล้ว
และผมอยากจะบอกฟ้าที่แม่ย้ำนักย้ำหนานั่น
ว่าถ้าสมมุติเขาขีดให้ผมติดจริงๆขอให้ขีดไปที่ซีอัส”
“แม่ว่าเขาได้ยินนะ”
ซาร่าหัวเราะพร้อมยิ้มอย่างพอใจที่เด็กหนุ่มตรงหน้าจำคำสอนที่เธอบอกได้
ก่อนที่ดวงตาส้มอ่อนจะทอประกายอ่อนโยนและอาทร “จำคำแม่ไว้นะ
เราเป็นคนเลือกเส้นทางของเรา แม้ว่าชะตาชีวิตจะกำหนดให้เราทำอะไร
แต่เส้นทางทุกอย่าง มันไม่เคยมีทางเดียว”
คิ้วสีดำขมวดกับคำที่เหมือนจะแฝงอะไรนั่น
ทั้งน้ำเสียงและแววตาที่บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร
แต่มันทำให้เขารู้สึกทั้งดีและแย่ไปพร้อมๆกัน
“ไปเก็บผักหลังบ้าน
วันนี้มากินฉลองกันดีกว่า”
แววตานั้นก็หายไปถูกแทนที่ด้วยคำสั่งและประกายหยอกเย้าตามเดิมอย่างที่เห็นมาจนชินตา
ซาร่าโบกมือไล่ก่อนจะย้ำ “เร็วๆ วันนี้แม่จะทำเมนูใหม่ให้กิน”
“เมนูใหม่เหรอ?!”
ฮันนิบาลเบิกตากว้างก่อนจะรีบวิ่งออกจากบ้านไปเก็บผักตามคำสั่ง
อาหารฝีมือซาร่านั้นอร่อยทุกอย่างแม้ว่าวัตถุดิบจะพื้นๆ
และเธอมักจะทำเมนูใหม่ๆที่เขาไม่เคยเห็นมาให้กินอยู่บ่อยครั้ง นั่นมันทำให้เขาลืมเรื่องเครียดๆก่อนหน้านี้ไปเสียสนิท
แต่ถ้าเขาหันกลับมามองสักนิด
ก็คงเห็น ว่าซาร่าที่ควรจะหายเข้าไปในครัว กลับยืนมองแผ่นหลังของเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่ห่วงใย
ดูสิ้นหวังแต่ก็ไม่ได้ไร้ซึ่งความหวังเสียทีเดียว
“มันเกินกำลังของแม่แล้ว
ฮันนิบาล....”
สายลมอ่อนๆปลิวไสว
ซาร่าประสานมือใต้ริมฝีปากพึมพำคำสั้นๆ
น่าประหลาดที่ภายในฝ่ามือนั้นทอแสงสว่างอ่อนๆออกมา
พร้อมกับคำภาวนาที่แผ่วเบาไปกับสายลม
“ขอพระเจ้าทรงคุ้มครองเด็กคนนั้นด้วย”
ความคิดเห็น