NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (ss1+2+3) | Fic Jujutsu Kaisen x OC | The Grim reaper eye

    ลำดับตอนที่ #35 : ขอต้อนรับสู่คฤหาสน์ตระกูลฟุบูกิ

    • อัปเดตล่าสุด 24 ธ.ค. 67


    09:43 น.

    ณ จังหวัดนางาโนะ

     

    “ใต้ตาคุณฮิโรโตะดูคล้ำนะคะ”

    “ก็มีคนบ้าคนนึงใช้ฉันให้ทำงานจนไม่ได้นอนนี่แหละ”

    “ขนาดนี้แล้วนายพูดชื่อฉันมาเลยเถอะ” วันต่อมาที่นางาโนะ อากาเนะก็ขึ้นรถไฟมาที่นางาโนะตามที่สัญญาไว้จริงๆ โดยวันนี้เธออยู่ในชุดไปรเวทอย่างเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวกับกางเกงขายาวสีดำและรองเท้าผ้าใบสีดำ ทรงผมจากมัดครึ่งหัวเปลี่ยนเป็นถักเปียเดี่ยวพอมาถึงเธอก็โทรหาฮิโตมิให้มารับที่สถานีนางาโนะ รอไปประมาณ 3 นาทีฮิโตมิก็ขับรถมารับและมีฮิโรโตะมาด้วยอีกคนและระหว่างที่ขับรถไปทั้งสามคนก็พูดคุยกัน

    “คุณฮิโตมิคะ ที่บอกว่าที่บ้านมีคนอื่นอยู่นี่-”

    “เรียกว่าเป็นสายให้ตระกูลเราดีกว่า ก็อย่างที่รู้กันว่าตระกูลฟุบูกิโดนพวกเบื้องบนเกลียดขี้หน้าแบบสุดๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีคนจากตระกูลอื่นที่อยู่ข้างเราแต่ก็ไม่ได้ออกตัวกับพวกเบื้องบนว่าเป็นพวกเดียวกันกับพวกเรานะ ไม่งั้นเราจะซวยกันหมด” ฮิโตมิอธิบาย

    “สายเราก็ไม่ได้มีคนเยอะขนาดนั้นหรอกแต่คัดมาดีแล้ว แล้วก็สาบานกันไปแล้วว่าจะไม่หักหลังกัน” ฮิโรโตะเสริม “ว่าแต่อากาเนะจังรู้เรื่องพินัยกรรมยัง”

    “รู้แค่ว่าหนูเป็นแคนดิเดตว่าที่ผู้นำตระกูลคนต่อไปนี่แหละค่ะ”

    “แล้วรู้รึยังว่าถ้าเกิดมีคนไม่เห็นด้วยจะเกิดอะไรขึ้น”

    “…” อากาเนะใช้ความคิดไปพักนึงแล้วตอบกลับมา “สู้กัน?”

    “มีความเป็นไปได้สูงเลยล่ะนะ” ฮิโตมิพูด “บางทีสันติก็ไม่ใช่ทางออก บางครั้งมันก็ต้องตบกันซักทีสองทีเรียกสติกันบ้าง”

    “เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงบอกให้หนูเอาดาบมาด้วย…”

    “นี่พี่ไปขู่อะไรอากาเนะจังใช่มั้ยเนี่ย”

    “ขู่ก็แย่แล้ว แค่บอกไว้เฉยๆ” บทสนทนาของสองพี่น้องไม่ได้เข้าหัวของอากาเนะเลย เพราะเธอในตอนนี้กำลังจมอยู่กับความฝันที่ตัวเองฝันมาเมื่อคืน เธอฝันถึงตัวเองในสมัยที่ยังเป็นทารกอยู่และในกลางดึกคืนหนึ่งมีคนบางคนอุ้มเธอและพูดประโยคแปลกๆออกมา

     

    สุริยันดับแสง จันทรามัวหมอง บุปผาร่วงโรย นคราวินาศ

    พ่อขอส่งต่อเจตจำนงค์นี้ให้ลูกและขอพันธการมัน

    แม้จะถูกพันธนาการ แต่หากได้พบกับไสยเวทที่พลังที่มีการทำลายล้างมากพอ

    เมื่อนั้นโซ่ตรวนแห่งพันธการจะถูกปลดออก

     

    ประโยคที่พูดออกมาถือว่าแปลกมากแล้ว หรือประโยคแปลกๆ ที่เรียวตะเคยพูดถึงอาจจะเป็นประโยคที่เธอฝันก็ได้แต่ที่แปลกที่สุดคือคนที่พูดประโยคนี้ในฝันก็คือ พ่อของเธอเอง

     

    พ่อที่เสียชีวิตพร้อมกับแม่ของเธอ ชิเงฮิโตะ คาสึยะ

     




     

    .

    .

    .

    “ถึงแล้วล่ะ” หลังจากที่ขับรถกันมาจนถึงคฤหาสน์ญี่ปุ่นโบราณหลังใหญ่หลังหนึ่งที่หน้าประตูแปะป้ายไม้ขนาดเล็กไว้ว่าฟุบูกิหรือก็คือคฤหาสน์หลังนี้คือคฤหาสน์ของตระกูลฟุบูกินั่นเอง พอหาที่จอดรถกันได้แล้วทุกคนก็ลงจากรถและเดินเข้าไปในบ้าน

    “ไม่ต้องเกร็งหรอก ทำตัวตามสบายเลยนะ” ฮิโตมิพูดกับเด็กสาวที่ตอนนี้ดูเกร็งสุดๆ

    “จะพยายามค่ะ…”

     

    แอ๊ด~!!

     

    “โอ๊ะ? มาแล้วๆ!” ทันทีที่ฮิโตมิเปิดประตูห้องประชุม เหล่าแขกทั้งห้าคนที่อยู่ในห้องนี้ต่างหันมามองผู้มาใหม่ทั้งสามเป็นตาเดียว โดยเฉพาะอายาเมะที่ตื่นเต้นกว่าใครก็เดินเข้าไปหาทันทีแต่ก็ถูกใครบางคนดึงคอเสื้อเธอให้หยุดเดี๋ยวนี้

    “เดี๋ยวเถอะเก็บอาการหน่อย ไม่งั้นเขากลัวเธอนะอายาเมะ”

    “แค่ทักทายนิดๆหน่อยๆเองริเสะจัง นี่เธอไม่ไว้ใจฉันรึไง” อายาเมะทำหน้ามุ่ย

    “ถ้าฉันบอกว่าใช่ล่ะ”

    “นิสัยไม่ดี”

    “สาวๆ อย่าพึ่งตีกัน เด็กนั่นเกร็งหมดแล้ว” จินพูดเตือนสองสาวที่กำลังทะเลาะกันอยู่ก่อนที่ทั้งคู่จะกลับไปนั่งที่ตัวเอง “ดูเหมือนจะไม่ได้มาตัวเปล่าซะด้วย”

    “ก็ฮิโตมิบอกไปแล้วนี่ว่าให้เอาอาวุธมาด้วย งานนี้ได้เห็นคนตีกันแน่นอน” ฮิเดโยชิ ยาสุโอะพูดเสียงเรียบแล้วหันไปหาริวโนะสุเกะ “ใช่มั้ยล่ะ อิชิดะ?”

    “…” ริวโนะสุเกะไม่พูดอะไรเว้นแต่เขาปรายตามองอากาเนะด้วยตาเย็นชาไปแว่บนึงแล้วหันไปทางอื่นจนเรียวตะที่อยู่ในลูกแก้วอดแซะไม่ได้

    ‘รับบทเป็นหมาป่าเดียวดายไม่แคร์โลกรึไง’

    ‘ใจเย็นเรียวตะ’

    “ทุกคนอยู่ในความสงบด้วย” ตัวแทนผู้นำตระกูลฟุบูกิ ฟุบูกิ เซย์จิเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นทำให้ในห้องตกอยู่ในความเงียบทันที ไม่นานเขาก็เอ่ยทักทายเด็กสาวผู้มีศักดิ์เป็นหลานของเขาด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร

    “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะอากาเนะ สบายดีใช่มั้ย”

    “…สบายดีค่ะ คุณปู่”

    “งั้นนั่งลงก่อนเลย ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นหรอก”

    “ขอบคุณค่ะ…” แล้วอากาเนะก็ไปนั่งตรงฝั่งซ้ายริมสุดที่ข้างๆ เธอนั้นคือริเสะที่กลับมาที่นั่งตัวเองและยาสุโอะ

    ‘ที่นี่เลี้ยงแมวด้วย? แถมเป็นแรกดอลล์อีกต่างหาก’ และบนโต๊ะนั้นก็มีแมวพันธ์ุแรกดอลล์ตัวใหญ่ที่นอนอยู่แต่ทุกคนก็ไม่ได้ไล่มันให้ลงไป

    “งั้นก่อนเริ่มประชุมก็แนะนำตัว-”

    “ไฮๆ หวัดดีจ้า ฉันชื่อโคซากุระ อายาเมะนะ ยินดีที่ได้รู้จักจ้า~” เซย์จิยังไม่ทันจะพูดจบ หญิงสาวเรือนผมสีชานมก็ชิงแนะนำตัวเองก่อนด้วยน้ำเสียงเริงร่า

    “ฮิเดโยชิ ยาสุโอะ” ตามมาด้วยยาสุโอะที่เอ่ยเสียงเรียบ

    “ส่วนฉันชื่อฮิโรมาสะ จิน จะเรียกคุณจินก็ได้นะฉันไม่ถือ” ตามมาด้วยจิน

    “มานามิ ริเสะจ้ะ ฝากตัวด้วยนะ” ริเสะโบกมือทักทาย

    “…” แต่ริวโนะสุเกะกลับเงียบใส่ไม่แนะนำตัวเองเหมือนคนอื่น

    “ริวคุงอย่าแปลกหมู่สิ” อายาเมะพูด ริวโนะสุเกะก็ถอนหายใจและยอมทำตาม

    “อิชิดะ…ริวโนะสุเกะ”

    “เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ฉันขอเข้าเรื่องเลยนะ” เซย์จิเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังแล้วเอาจดหมายเก่าๆ ฉบับหนึ่งออกมา “ที่เรียกทุกคนมาวันนี้คือเรื่องตำแหน่งผู้นำตระกูลฟุบูกิที่ปัจจุบันนั้นว่างอยู่ โดยจดหมายนี่คือพินัยกรรมที่ผู้นำตระกูลคนล่าสุดฟุบูกิ ยูอิหรือก็คือแม่ของฉันได้เขียนเอาไว้ว่า หากผู้ใดในตระกูลฟุบูกิเกิดมาแล้วมีวิชาคุณไสยน้ำแข็งพันปี ผู้นั้นจะได้สิทธิในการเป็นผู้นำตระกูลฟุบูกิทันที หากมีใครคัดค้านก็จงพิสูจน์ตัวเองว่าตนนั้นเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำตระกูล

    ‘นี่สินะที่คุณฮิโตมิบอกว่าล็อคมงเนี่ย…เดี๋ยวนะ ชื่อยูอินี่ทำไมฟังดูคุ้นๆแฮะ’ อากาเนะคิดในใจ

    “แล้วในบรรดาพวกเราทุกคนในทีแรกไม่มีใครมีวิชานี้ซักคน จนกระทั่ง…” เซย์จิไม่พูดอะไรต่อนอกจากมองตาเธอด้วยสายตาที่คาดเดาไม่ได้รวมถึงแขกคนอื่นๆทุกคน

    “นักเรียนปีหนึ่งโรงเรียนไสยเวทโตเกียวที่มีวิชาคุณไสยน้ำแข็งพันปีเป็นไสยเวทประจำตัวแล้วมารู้ทีหลังว่าตัวเองเป็นภาชนะของวิญญาณคำสาประดับพิเศษยูกิฮิเมะ ฟุบูกิ อากาเนะค่ะ…” เด็กสาวแนะนำตัวเองด้วยเสียงเอือมระอา

    “หา!? ที่บอกว่าเป็นภาชนะนี่เรื่องจริงหรอกเหรอ” จินร้องลั่นด้วยความตกใจจนเจ้าแมวแรกดอลล์ที่นอนอยู่สะดุ้งตื่น

    “ก็ฉันเคยบอกไปแล้วนี่ ทุกวันนี้นายคิดว่าฉันพูดเล่นรึไง” ฮิโรโตะแย้ง “แล้วคนที่บอกฉันก็คือโกโจด้วย แปลว่านายไม่ได้ฟังเลยใช่มั้ย”

    “วันนั้นหมอนี่มันเมาด้วย อย่าลืมสิถ้าเหล้าเข้าปากหมอนี่แล้วมันก็ลืมทุกอย่างเลย” อายาเมะพูดแขวะ

    “แล้วก็เป็นภาระให้คนใช้ที่บ้านอีก…” ฮิโตมิบ่น

    ‘ไหนนายบอกว่าคนในตระกูลนี้มันมีคนที่มีทัศนคติดีไง’ เด็กสาวถามยมทูต

    ‘แต่ในยุคข้ามันมีนะสาบานได้ อาจจะแค่ปากแซ่บเกินเบอร์มั้ง’

    ‘ถามจริง…’

    “อะแฮ่ม!” ระหว่างนั้นเซย์จิก็กระแอมเรียกทุกคนเลิกนอกเรื่อง จากนั้นก็หันมาคุยกับอากาเนะ “งั้นขอถามหลานก่อน หลานคิดเห็นยังไงกับพินัยกรรมนี่?”

    “ก็…ถ้าเอาตามความจริงก็แอบไม่เข้าใจน่ะค่ะว่าทำไมมันต้องเอาคนที่มีวิชานี้มาเป็นผู้นำตระกูลด้วย”

    “แล้ว?”

    “ที่บอกว่าถ้ามีคนคัดค้าน ก็ให้พิสูจน์ตัวเองนี่คือ-”

    “ก็ให้สู้กันนี่แหละ ถ้าคุยกันดีๆแล้วไม่ชอบมันก็ต้องตบซักหน่อย” ในตอนนั้นเองก็มีเสียงหญิงสาวที่ไม่คุ้นหูดังขึ้น เด็กสาวผมแดงมองซ้ายมองขวาหาเจ้าของเสียงแต่ก็ไม่พบเจ้าตัว

    “อยู่นี่จ้า อยู่บนโต๊ะเนี่ย”

    “…ห๊ะ!?” อากาเนะร้องตกใจและทำหน้างงเสียงเพราะต้นเสียงที่ว่านี้มาจากแมวแรกดอลล์ที่ตอนนี้เปลี่ยนมานั่งอยู่ตรงหน้าเธอ มิหนำซ้ำยังพูดภาษาคนได้อีก

    แม่เพิ่งตื่นเหรอ หนูว่าพวกเราก็คุยกันดังอยู่นะ” ฮิโตมิพูดคุยกับแมวตัวนั้นแถมเธอก็ยังเรียกมันว่าแม่อีก ทำให้เด็กสาวงงกว่าเดิม

    “แม่ตื่นเพราะเสียงจินคุงน่ะ เล่นเอาปวดหูเลย” แมวตัวนั้นพูดพลางยืดตัวยืดเส้นยืดสายไปด้วย “คงจะตกใจสินะว่าทำไมฉันถึงอยู่ในสภาพนี้ แต่ที่จริงแล้วฉันเป็นคุณย่าของเธอชื่อซาโอโตเมะ โคฮารุจ้ะ ถ้าอยากรู้รายละเอียดล่ะก็เอาไว้คุยทีหลังนะ”

    ‘ชีวิตฉันมันจะไปสุดตรงไหนบ้างเนี่ย…’ เด็กสาวคิดในใจเพราะตั้งแต่เกิดมาแค่เป็นเพื่อนกับยมทูตว่าพีคแล้ว จนกระทั่งมีพีคกว่าคือเป็นภาชนะให้ยูกิฮิเมะ และล่าสุดก็คือแมวพูดได้ที่อ้างว่าเป็นย่าตัวเองอีก

     

    มีอะไรพีคกว่านี้อีกมั้ย

     

    “โคฮารุ ฉันขอคุยกับอากาเนะแปบนึง” เซย์จิพูด

    “จ้าๆ ก็ได้จ้า”

    “ก็อย่างที่ย่าเราบอกนั่นแหละ ถ้ามีคนไม่เห็นด้วยก็ต้องมาสู้กันแล้วพอดีว่ามันมีอยู่คนนึงไม่เห็นด้วยกับพินัยกรรมนี่” ชายแก่อธิบายแล้วหันไปมองริวโนะสุเกะที่เอามือเท้าคางด้วยความเบื่อหน่าย “ขอเหตุผลได้มั้ย อิชิดะ ริวโนะสุเกะ”

    “…เราจะมั่นใจได้ไงว่าวิญญาณคำสาปในตัวเด็กนี่อยู่ข้างเดียวกับเรา”

    “…” ทุกคนในห้องประชุมไม่มีใครพูดอะไรปล่อยให้ชายหนุ่มพูดเหตุผลของตัวเองต่อ

    “แถมยังเป็นระดับพิเศษอีก วันดีคืนดีอาจจะยึดร่างแล้วฆ่าพวกเราทิ้งกันหมดก็ได้ ผมเองก็อยากรู้ด้วยวิชานี้มันมีดีอะไรถึงทำให้ผู้นำคนก่อนอยากให้คนที่มีวิชานี้มาเป็นผู้นำตระกูลแถมจะควบคุมได้รึเปล่าก็ยังไม่รู้ คุณคงไม่ว่าอะไรนะถ้าผมจะขอท้าสู้กับหลานคุณน่ะ คุณเซย์จิ”

    “…ปู่คะ” ทันใดนั้นเอง อากาเนะก็เรียกเซย์จิด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

    “ว่า?”

    “ปกติแล้วถ้าเป็นสถานการณ์แบบนี้ก็ต้องสู้กันเพื่อแย่งตำแหน่งผู้นำตระกูลใช่มั้ยคะ”

    “ถ้าโดยทั่วไปแล้วก็ใช่”

    “…ที่คุณอิชิดะท้ามา ขอรับคำท้านั้นค่ะ”

    “?!” สิ้นประโยคของเด็กสาวทุกคนก็ทำตาโตตกใจ แต่คนที่ตกใจที่สุดกลับไม่ใช่ตัวคนท้าอย่างริวโนะสุเกะแต่เป็นเซย์จิต่างหาก

    “เดี๋ยวอากาเนะ!? หลานรู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกไป” เขาถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน

    “รู้ค่ะ แต่ที่รับคำท้าไม่ใช่เพราะจะเอาตำแหน่งผู้นำตระกูลนะคะ เพราะหนูยังไม่ได้ตัดสินใจเลยว่าจะเป็นดีมั้ย”

    “แล้วที่รับคำท้านี่คือ?”

    “แค่ไม่ชอบที่มาดูถูกกันว่าวิชานี้มันมีดีอะไรเฉยๆค่ะ ถ้าอยากรู้ขนาดนั้นเดี๋ยวจะจัดให้เอามั้ยคะคุณอิชิดะ” เด็กสาวมองชายเจ้าของนามสกุลที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเธอด้วยสายตาเย็นชาแต่สำหรับแขกที่เหลือแล้วกลับรู้สึกชอบใจแทน

    “เอาล่ะ ฉันชอบเด็กนี่” จินขำคิกคักด้วยความชอบใจ

    “แล้วสถานที่-”

    “เดี๋ยวให้ไปสู้ที่โรงฝึก ทั้งสองคนตามฉันมา” ยาสุโอะที่กำลังถามถึงสถานที่ที่จะใช้ประลอง เซย์จิก็พูดตัดหน้าก่อนและลุกขึ้นยืนเพื่อให้ผู้ประลองทั้งสองตามตัวเอง ริวโนะสุเกะและอากาเนะมองหน้ากันแว่บนึงก่อนบลัฟใส่กันเป็นการเรียกน้ำย่อยแล้วตามเซย์จิไป

    “งานนี้ไม่ออมมือนะ”

    “ก็ไม่ได้ขอให้ออมมือนี่คะ”

     

     

     

     




    .

    .

    .

     

    “ทั้งสองคนมีอะไรจะพูดก่อนมั้ย” ณ โรงฝึกที่อยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านที่ทุกคนอยู่ตอนนี้ เซย์จิที่ทำหน้าที่เป็นกรรมการได้ถามผู้ประลองทั้งสองคนได้แก่อากาเนะเป็นฝ่ายที่มีอาวุธอย่างดาบคาตานะในมือในขณะที่ริวโนะสุเกะไม่มีอาวุธ

    “คุณเซย์จิ งานนี้ขอใช้วิชาคุณไสยสู้กันนะครับ”

    “นี่!? -”

    “ทางฉันไม่มีปัญหาค่ะ” ไม่ทันที่เซย์จิจะแย้งอะไร อากาเนะก็แทรกขึ้นมาก่อนว่าตนนั้นไม่มีปัญหาอะไร “อ้อคุณปู่”

    “…มีอะไร”

    “เอาให้ถึงตายได้มั้ยคะ”

    “?!” ประโยคที่ไม่คาดคิดออกจากปากของเด็กสาวทำเอาทุกคนช็อกยกเว้นริวโนะสุเกะที่ผิวปากออกมา

    “คิดว่าทำได้เหรอ”

    “ไม่ลองก็ไม่รู้ค่ะ”

    “เป็นเด็กเป็นเล็กแต่ปากจัดเหลือเกินนะ” แล้วทั้งสองคนก็ตั้งท่าเตรียมต่อสู้กัน ทางเซย์จิก็ได้แต่กุมขมับเหนื่อยใจเพราะห้ามไปก็ไม่ฟังแล้วจากนั้นก็ให้สัญญาณเริ่มการต่อสู้

    “หากทั้งสองฝ่ายพร้อมแล้ว…เริ่มสู้ได้”

     

    ฉัวะ!!

     

    “!!?” สิ้นเสียงสัญญาณเริ่ม อากาเนะก็บุกโจมตีก่อนด้วยการฟันจากไหล่ลากยาวไปจนถึงเอวของอีกฝ่ายทันที ทำให้เหล่าคนดูทั้งหลายต่างตกใจกับการโจมตีที่ไม่ทันได้ตั้งตัวนี้

    “…:)” แต่คนถูกโจมตีกลับไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรแถมยังยิ้มราวกับรู้อยู่แล้วว่าเด็กสาวจะเปิดชิงโจมตีก่อน

    “?”

     

    ฉัวะ!!

     

    “?!” อากาเนะที่เกิดความสงสัยได้ไม่กี่วิจู่ๆ ก็ถูกบางอย่างฟันเข้าที่บริเวณเดียวกันจนเธอต้องกระโดดถอยหลังไปตั้งหลักก่อน

    “นี่คุณไปเอาอาวุธมาจากไหน”

    “ฉันไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย เธอทำตัวเองทั้งนั้นนะ” ริวโนะสุเกะพูดอย่างสบายอารมณ์ผิดกับอากาเนะที่ตอนนี้กัดฟันทนเจ็บกับบาดแผลที่ตอนนี้เธอเลือกที่จะยังไม่ใช้ไสยเวทย้อนกลับรักษาตัวเอง

    ‘ทำตัวเอง? …แต่เดี๋ยวนะทำไมแผลคุณอิชิดะมันไม่ได้หนักเท่าเราล่ะ’ เด็กสาวเริ่มคิดวิเคราะห์สถานการณ์ในตอนนี้ ตอนแรกเธอใช้ดาบฟันใส่ก่อนแต่ต่อมาก็โดนอะไรก็ไม่รู้ฟันสวนกลับมา อีกทั้งรอยแผลที่เธอตั้งใจทำนั้นก็แอบลึกอยู่แต่อีกฝ่ายกลับได้รับความเสียหายได้ไม่เท่าเธอ ถ้าเกิดเทียบเป็นค่าเปอร์เซ็นต์แล้วถ้าเธอใส่ไป100%แล้วอิชิดะกลับได้รับความเสียหายแค่30%เท่านั้นในขณะที่ตัวเองโดนกลับมา100%

     

    แถมเธอยังเห็นออร่าพลังไสยเวทที่ออกมาจากตัวอิชิดะอีก

     

    “…” เด็กสาวคิดวิเคราะห์ไปอีกพักใหญ่ก่อนจะใช้ไสยเวทย้อนกลับรักษาแผลตัวเอง ทางคนดูที่เห็นก็ตาโตด้วยความสนอกสนใจที่ไม่คิดว่าอากาเนะจะใช้ไสยเวทย้อนกลับได้ด้วย

    “มานามิ บอกฉันทีว่าฉันไม่ได้ตาฝาด” ยาสุโอะพูดกับริเสะ

    “ไม่น่ามีใครตาฝาดซักคนหรอกค่ะคุณฮิเดโยชิ เด็กคนนั้นใช้ไสยเวทย้อนกลับได้”

    “ก็คือมีจริงๆด้วยสินะ…” ฮิโตมิพูด ที่ตัวเองคิดไว้เมื่อตอนจบงานเชื่อมสัมพันธ์มันเป็นความจริงไปแล้ว

    ‘ใช้ไสยเวทย้อนกลับได้ด้วย? สงสัยจะจัดเบาๆไม่ได้แล้วสิ’ ชายเรือนผมสีควันบุหรี่คิด

    “…สะท้อนกลับ” ในตอนนั้นเอง อากาเนะก็พูดอะไรแปลกๆ ออกมา

    “?”

    “ไสยเวทของคุณอิชิดะคือการสะท้อนกลับใช่มั้ยคะ”

    “…ฮึๆ ดูออกเร็วจังนะ” ชายหนุ่มยกยิ้มชอบใจและเปิดเผยวิชาคุณไสยของตัวเอง “ใช่ ไสยเวทของฉันคือสะท้อนความเสียหายใส่ศัตรูและลดความเสียหายให้กับตัวเองแบบที่เธอโดนไปเมื่อกี้ไง”

    “เป็นพลังที่โกงจังนะคะ”

    “คนที่มีไสยเวทย้อนกลับอย่างเธอน่ะไม่ต้องพูด”

    ‘งั้นสิ่งที่เราต้องทำคือทำยังไงก็ได้ให้คุณอิชิดะปลดวิชาของตัวเอง แถมดูไม่น่าจะปลดออกง่ายๆด้วย’ อากาเนะเริ่มคิดหาวิธีอื่นที่จะเอาชนะชายหนุ่มตรงหน้า

    “แล้วถ้าเป็นแบบนี้ล่ะคะ?”

    ปัก!

    กึกๆๆๆๆๆๆ!!!

    “?!” ทันทีที่อากาเนะเอาดาบปักลงกับพื้นก็มีน้ำแข็งพุ่งโจมตีมาทางอิชิดะด้วยความรวดเร็ว ทางคนถูกโจมตีก็กระโดดหลบออกไปทางอื่นและพบว่าเด็กสาวผมแดงหายไปแล้ว

     

    ฉัวะ!!

    ผัวะ!!

     

    “อึก!?!” อากาเนะที่อ้อมมาจากด้านหลังเอาดาบมาแทงเข้าช่วงท้องของริวโนะสุเกะแต่ก็ยังไม่วายที่โดนสะท้อนกลับมาอีกทั้งยังโดนต่อยเข้ากลางอกอีก ทำให้เธอต้องถอยออกมาใช้ไสยเวทย้อนกลับรักษาตัวเองก่อน

    ‘จะไม่ยอมปลดง่ายๆเลยใช่มั้ย!?’

    “จะโจมตีมาเท่าไหร่มันก็ไม่ได้ผลหรอก” ชายหนุ่มพูดเยาะเย้ย ทางเด็กสาวก็เงียบไปเว้นแต่เธอกำลังเอาใบดาบมากรีดฝ่ามือตัวเองจนอีกฝ่ายสงสัยว่าจะทำอะไร

    “ไม่เข้ามาโจมตีต่อแล้วเหรอ”

    “ไม่ค่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว” อากาเนะว่าแล้วกำมือที่เป็นแผลและยื่นออกมาด้านหน้า “ที่จริงก็ไม่ได้อยากจะใช้เท่าไหร่เพราะมันอยู่ในช่วงเบต้าเทส แต่ดูจากสถานการณ์เมื่อกี้สงสัยต้องใช้ซะหน่อยแล้ว”

    “อะไรนะ” ไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มสงสัย เด็กสาวก็ค่อยๆคลายมือที่ชุ่มไปด้วยเลือดออกมา

    “วิชาน้ำแข็งพันปี”

     

    นิทราโลหิต

     

    แหมะ!!

     

    ฟู่วววววว~~~!!!!!

     

    “?!!” เมื่อเลือดของเธอหยดลงพื้น ทั้งโรงฝึกก็ถูกน้ำแข็งปกคลุมทันที ทำเอาทั้งคนแข่งและคนดูต่างตกใจกับพลังที่เด็กสาวปล่อยออกมาเมื่อครู่

    “พระเจ้า…โรงฝึกก็ไม่ใช่เล็กๆแต่นี่ฟรีซจนทั่วภายใน2วิคือเกินไป” จินตกตะลึงกับภาพตรงหน้าตัวเอง

    “…” ส่วนฮิโรโตะก็ช็อกจนพูดไม่ออก

    ‘ทำที่นี่เป็นน้ำแข็งภายในพริบตาเหรอ-?!’ ริวโนะสุเกะที่กำลังคิดหาวิธีรับมืออยู่ จู่ๆก็เกิดรู้สึกปวดหัวขึ้นมาดื้อๆ จนต้องมือกุมหัวตัวเอง

    ‘ทำไมรู้สึกปวดหัวแปลกๆแถมยัง…รู้สึกง่วง-’

    “!?” แต่พอปลายดาบของเด็กสาวสัมผัสเข้าที่คอเขาก็รีบเบี่ยงตัวหลบออกทันทีและการโจมตีที่ไม่ทันตั้งตัวนี้ทำให้เขาได้แผลเฉี่ยวที่คอกลับมา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันไม่ได้สะท้อนกลับไปหาอากาเนะแล้ว

    “ไม่โดนสะท้อนกลับแล้ว!?” โคฮารุที่ถูกอายาเมะอุ้มอยู่พูดด้วยความตกใจ

    “แต่ดูจากสีหน้าแล้ว เหมือนริวคุงจะปลดไสยเวทตัวเองแบบไม่รู้ตัวนะคะ” อายาเมะว่า

    ‘แม่งเอ๊ย!? ยังหลบได้อีก!’ ส่วนอากาเนะก็สบถด้วยความหัวเสีย ‘ถ้างั้น’

     

    กึกๆๆ!!

     

    “!?” แต่สิ่งที่น่าตกใจกว่าก็เกิดขึ้นเมื่อร่างของอากาเนะบางส่วนมีน้ำแข็งเกาะตามร่างและบรรยากาศความเย็นในโรงฝึกนั้นก็เย็นกว่าเดิม

    ‘ทำห้องให้เย็น-เอาอีกแล้ว เริ่มง่วงอีกแล้ว-’ ริวโนะสุเกะเกิดความรู้สึกง่วงกว่าเดิมจนกระทั่งเขานึกอะไรบางอย่างออกและตัดสินใจที่จะยกมือทั้งสองข้าง

    ‘ปลดไสยเวทไม่พอแถมเพิ่มช่องโหว่-’

    “โอเค ฉันขอยอมแพ้

     

    ชิ้ง!

     

    “…ห๊ะ?” ประโยคของชายเรือนผมสีควันบุหรี่ทำเอาทั้งคนดูและเด็กสาวที่กำลังจะปลิดชีพเขาด้วยการปาดคออีกรอบถึงกับชะงัก

    “แปบนะ เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ” ฮิโรโตะถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

    “ก็บอกว่ายอมแพ้ไง ฉันว่าฉันพูดชัดอยู่นะ”

    “ถามจริง…”

    “…?” อากาเนะที่เก็บดาบตัวเองเข้าฝักจู่ๆก็มีเสื้อฮาโอริมาคลุมร่างเธอ ซึ่งคนที่เอามาให้ก็คือปู่ของเธอเอง ทำให้เธอเอียงคอด้วยความสงสัย

    “เสื้อขาดแล้วมันเห็นข้างใน”

    “?!” พอเขาพูดเท่านั้นแหละ หน้าของเธอก็ขึ้นสีอย่างเห็นได้ชัดแล้วรีบวิ่งไปหลบหลังฮิโตมิทันที

    “แล้วแกจะทักทำเพื่อ?” ยาสุโอะเอ็ด

    “ถ้าไม่ทักเขาก็ไม่รู้ไงเผลอๆปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้นเลย” เซย์จิเอ่ยด้วยความหัวเสีย “ฮิโตมิ ฝากหาเสื้อใหม่ให้อากาเนะด้วย”

    “ค่าๆ” ฮิโตมิขานรับ “แต่ว่านะอากาเนะจัง ถ้าเป็นไปได้เราละลายน้ำแข็งโรงฝึกได้มั้ย คือไม่อยากเสียค่าทำโรงฝึกใหม่น่ะ”

    “เอ่อ…แปบนะคะ” แล้วอากาเนะย่อตัวลงแล้วเอามือไปแตะกับพื้น จากนั้นน้ำแข็งที่เกาะทั่วโรงฝึกก็ค่อยๆวิ่งกลับเข้ามือเธอจนไม่เหลือน้ำแข็งเกาะแล้ว “เรียบร้อยแล้วค่ะ”

    “เห~ เรียกน้ำแข็งกลับมาได้ด้วยแฮะ ไม่เลวเลยนี่” จินพูดอย่างสนอกสนใจ

    “เพราะว่าท่าที่เพิ่งใช้ไปมันอยู่ในช่วงเบต้าเทสค่ะ ถ้าทำให้เสร็จสมบูรณ์เมื่อไหร่ฉันก็ทำแบบเมื่อกี้ไม่ได้แล้ว”

    “ห๊ะ?” พอชายหนุ่มทำหน้าไม่เข้าใจ เธอก็ต้องอธิบายให้ฟัง

    “นิทราโลหิตเป็นไสยเวทที่ใช้เลือดตัวเองเป็นตัวระเบิดน้ำแข็งโดยส่งพลังไสยเวทไปที่เลือด พอเลือดหยดลงบนพื้นแล้วมันจะระเบิดกลายเป็นน้ำแข็งเหมือนกับเมื่อกี้ แล้วก็ไอเย็นของน้ำแข็งที่ระเบิดออกมาก็…เรียกยังไงดี…จะทำคนให้รู้สึกง่วงเหมือนโดนยาสลบอะไรประมาณนี้น่ะค่ะ”

    “มิน่าล่ะตอนนั้นฉันรู้สึกง่วงตลอด” ริวโนะสุเกะพูด “แต่กับคนอื่นไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่?”

    “เพราะฉันเจาะจงเป้าหมายว่าเป็นคุณด้วยค่ะมันก็เลยมีผลแค่กับคุณคนเดียว แต่ถ้าเกิดที่ปล่อยไปยังทำให้สลบไม่ได้ฉันก็ต้องเพิ่มความเข้มข้นด้วยการทำตัวเองให้เป็นน้ำแข็งอีก” เด็กสาวตอบตามความจริง “ที่บอกว่าอยู่ช่วงเบต้าเทสเพราะท่านี้ฉันเพิ่งคิดได้เมื่อวานนี้เอง”

    “…หาาาาา!?!!” ทุกคนในโรงฝึกร้องตกใจยกเว้นอากาเนะและริวโนะสุเกะที่เจ้าตัวมองเธอด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อที่ท่าไม้ตายที่เธอใช้วันนี้นั้นเพิ่งคิดได้เมื่อวาน

    “นี่หลาน…โอย…ไม่รู้จะพูดอะไรเลยฉัน” เซย์จิกุมหัวด้วยความเหนื่อยใจจนเขาต้องขอสรุปจบผลการประลองนี้ไปก่อน “เอาเป็นว่าการประลองครั้งนี้อากาเนะเป็นฝ่ายชนะ แต่เนื่องจากเจ้าตัวบอกว่ายังไม่ได้คิดเรื่องตำแหน่งผู้นำ ดังนั้นผู้นำตระกูลก็จะยังคงว่างอยู่”

    “…” ส่วนริวโนะสุเกะยังคงไม่พูดอะไรก่อนจะเรียกอากาเนะ “นี่เธอ”

    “คะ?”

    “งานเชื่อมสัมพันธ์จัดไปแล้วใช่มั้ย”

    “ใช่ค่ะ จัดไปแล้ว”

    “เหรอ…”

    “อะไรอะริวคุง อย่าบอกนะว่านายจะเสนอชื่อให้พวกเบื้องบนเหรอ” อายาเมะถาม

    “เปล่า แค่ถามเฉยๆ”

    “ตอแหล” แต่ริเสะแซะเขากลับมา

    “เด็กๆ อย่าพึ่งทะเลาะกันตอนนี้สิ ถ้าจะทะเลาะก็ไปทะเลาะกันนอกรอบนะ” โคฮารุห้าม “แถมตอนนี้ฉันก็หิวแล้วด้วย เพราะงั้นไปกินข้าวกันก่อนมั้ย”

    “นั่นสินะ ใกล้ถึงเวลาเที่ยงแล้วด้วย” เซย์จิว่าแล้วเดินออกจากโรงฝึกไปคนแรกแล้วคนอื่นๆ ก็ตามเขาออกไป ยกเว้นอยู่คนนึงที่ฮิโตมิสังเกตเห็นว่ามีคนยังไม่ได้ออกมา

    “? ฮิโรโตะ ออกมาได้แล้วมั้ง”

    “เดี๋ยวตามไปนะพี่ ขอเวลาแปบนึง” ประโยคของน้องชายตัวเองทำเอาหญิงสาวเรือนผมสีม่วงขมวดคิ้วแต่เธอก็ไม่ได้เค้นอะไรต่อและออกจากโรงฝึกพร้อมกับคนอื่นๆ พอฮิโรโตะเห็นว่าคนอื่นออกไปได้ไกลพอควรแล้ว เขาก็นั่งยองๆ พร้อมกัดนิ้วตัวเองจนเลือดออก จากนั้นก็ใช้เลือดจากนิ้วนั้นมาป้ายกับพื้นซักพักคราบเลือดก็สลายหายไป

    ‘ดูแล้วเพิ่งจะตื่นได้ไม่นาน…แปลว่าตอนที่พี่คาสึยะให้มาก็คงผนึกพร้อมกันด้วย แต่ก็โดนวิชาคุณไสยน้ำแข็งพันปีมาปลดออกจนได้’ ชายหนุ่มคิดในใจพลางนึกถึงเรื่องที่เขาไปได้ยินจากทาคาชิมาเมื่อวาน ‘พลังไสยเวทจากตัวอากาเนะจังเองก็รุนแรงแล้ว พอได้ไอ้นั่นมาบัฟเพิ่มมันเลยแรงกว่าเดิมอีก…’

    เจตจำนงค์แห่งความวินาศ…แล้วพี่ก็กล้าเอาของแบบนี้ให้ลูกตัวเองเนี่ยนะ พี่คาสึยะ”

     

     

     

     

    .

    .

    .

    Talkๆ desu : แวะมาอัพก่อนจะไปตายกับสอบไฟนอลในเดือนหน้าค่ะ เห็นคนมาเม้นสงสัยว่าพ่อน้องอากาเนะคือเคนจาคุใช่มั้ย คือเราประทับใจกับเม้นนั้นมากแต่เราจะบอกทุกคนว่าอย่าไปคิดเยอะะะะะะะะะะะ มันไม่มีอะไรหรอกกกกกกกกกกก เดี๋ยวเราจะเฉลยเรื่องพ่อน้อนในตอนหน้ากันนะคะ

    ขอแปะอิมเมจแมวแร็กดอลล์ที่เป็นแม่ของฮิโตมิกับฮิโรโตะก่อน

    สนุกไม่สนุกยังไงก็เม้นกันมาได้นะคะ จะได้มีกำลังใจในการแต่งต่อไป

    เจอกันตอนหน้าค่า บ๊ายบายยยยยยยยยยยยยยยยยย

     

    twitter: @bdm1228

     

     

            
    Z K T
       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×