คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #296 : Kokoro Sora Moyou | ep1_ファーストラヴ (First Love)
“ถ้าเธอบอกว่าวาดได้แต่ภาพที่ไร้ความฝัน
งั้นก็วาดภาพบนผืนผ้าใบไปเรื่อยๆ เลย”
คัลเลอร์ส (สีสัน)
ไม่ใช่แค่การต้องจากทุกสิ่งที่คุ้นเคยยังบ้านเกิดเมืองนอนที่อยู่มาตลอดสิบหกปี แต่ยังรวมถึงการต้องมาอยู่ในเมืองแปลกหน้า กับครอบครัวแปลกหน้าของพี่สาวแท้ๆ ที่เธอเองก็ไม่รู้มาก่อนด้วยซ้ำว่ามี แม้ว่าทุกอย่างในโตเกียวจะเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาและความทันสมัยอย่างที่บ้านเกิดซึ่งเต็มไปด้วยธรรมชาติรายล้อมของเธอเทียบกันไม่ติด ทว่ามันกลับยิ่งทำให้มุราคามิ มาริรู้สึกโดดเดี่ยว แต่ที่มากกว่าก็คือความเปลี่ยวเหงา
ทั้งที่ตอนอยู่ทากาทสึกิก็ใช่ว่าเป็นพวกสรวลเสเฮฮาหรือว่าชอบเที่ยวเตร่อะไร กับแม่ที่เลี้ยงดูเธอมาด้วยตัวคนเดียวหลังพ่อหนีไปกับชู้พร้อมของมีค่าในบ้านเกือบสี่ปีแล้วก็เรียกได้ว่าเหินห่างเพราะหล่อนที่เอาแต่ทำงานหามรุ่งหามค่ำจนไม่มีเวลาได้เจอหน้ากัน เพื่อนสนิทที่ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดก็มีอยู่แค่คนเดียว แต่อย่างน้อยเพื่อนร่วมห้องทุกคนก็รักใคร่กลมเกลียวกันดี ลุงป้าที่อาศัยอยู่ข้างห้องก็คอยช่วยเหลือดูแลเธอแทนแม่เป็นอย่างดี แม้จะเป็นชีวิตที่เรียบง่ายแต่ก็เพียงพอแล้วสำหรับเด็กสาวที่ไม่มีความทะเยอทะยานใดในชีวิต เพราะอย่างนั้นมาริถึงไม่เคยคิดว่าอยาก...หรือจะ...จากบ้านเกิดเมืองนอนแห่งนี้ไปที่ไหน
แต่เพราะโชคชะตาย่อมมีหนทางที่แปลกประหลาดของมัน อย่างการที่มาริต้องมาเสียแม่ไปเพราะอุบัติเหตุป้ายหล่นทับ ทุกอย่างเกิดขึ้นปุบปับจนดูราวกับไม่ใช่เรื่องจริง ขนาดที่แม้กระทั่งตอนนี้ มาริก็ยังไม่มีน้ำตาไหลหลั่งออกมาแม้สักหยดให้กับเหตุการณ์ที่รางเลือนนั้น ไม่ใช่อย่างพี่สาวที่ได้เห็นข่าวทางทีวีและรีบรุดมาร่วมงานศพด้วยน้ำตาที่นองหน้า ก่อนที่จะพาเธอไปโตเกียวด้วยกันหลังพบว่าไม่เหลือใครในครอบครัวให้น้องสาวพึ่งพิงได้อีก
พี่ซาริอายุมากกว่าเธอสิบห้าปี ด้วยความเป็นเด็กหัวขบถเลยหนีออกจากบ้านเพราะมีปากเสียงกับพ่อแม่เรื่องเส้นทางชีวิตในตอนที่มาริเพิ่งจะอายุได้แค่สองขวบ และเพราะเคยผ่านประสบการณ์ที่เลวร้ายของการถูกกดดันและคาดหวังมาก่อนจนได้แต่นึกเสียใจทีหลังในวันที่สายเกินไปอย่างนี้ หล่อนถึงได้ไม่เข้ามาจุ้นจ้านกับชีวิตของน้องสาวมากเกินไปนัก แต่ไม่ใช่กับสามีของหล่อนอย่างคุณโคจิมะที่เอาแต่สรรหาเรื่องโน้นนี้มาบ่นว่า แถมยังแสดงออกด้วยความชัดเจนมากว่าเขาไม่พอใจที่มีเธอมาร่วมชายคาเดียวกัน และมาริก็ไม่ชอบเลยที่ต้องมาเห็นพวกเขาทะเลาะกันโดยมีเธอเป็นต้นเหตุ ด้วยเหตุนั้นมาริถึงได้ตัดสินใจออกไปหางานพิเศษทำถึงพี่ซาริจะบอกว่าไม่จำเป็น และพยายามใช้เวลาเตร็ดเตร่อยู่นอกบ้านให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทั้งอุปนิสัยที่เงียบขรึมจนทำให้ดูเป็นคนอึมครึมเย็นชา พูดก็ไม่เก่ง เข้าหาคนอื่นก็ไม่เป็น ลงท้ายก็เลยไม่มีเพื่อนสนิทสักคนในห้องที่จับกลุ่มด้วยกันมาตั้งแต่ชั้นปีที่หนึ่ง ทั้งที่มาริก็เหมือนกับเด็กสาววัยรุ่นทั่วไปที่อยากมีเพื่อนสนิทไว้พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกัน ใครสักคนที่จะคอยรับฟังปัญหาของกัน เป็นที่พึ่งพิงในยามที่เธอท้อแท้หรือว่าต้องการกำลังใจ
มาริยังคงไม่ได้พบกับใครคนนั้น แต่ได้พบกับคนที่ทำให้เธอรู้สึกมากกว่านั้นในร้านฟรุ๊ตพาร์เลอร์ที่ทั้งเธอและเขาต่างก็ทำงานพิเศษอยู่ด้วยกัน
โอกาซากิ โคทาโร่เป็นเด็กนักศึกษาชั้นปีที่สองในมหาวิทยาลัยระดับแนวหน้า เขาตัวสูง หน้าตาดี ผิวสีขาวเข้ากับผมสีทองที่ทำให้ดูดีจนเหมือนกับนายแบบได้ไม่ยาก ทั้งที่เวลาทำงานก็ออกจะยิ้มแย้มต้อนรับลูกค้าดี แต่กลับคอยเอาแต่ดุด่าทำหน้าโกรธใส่เวลาที่เธอทำผิดพลาดแม้แค่เรื่องเล็กน้อย เพราะอย่างนั้นสิ่งที่มาริรู้สึกจึงมีแต่ควาครั่นคร้ามระคนหวาดหวั่นให้กับเขาในทีแรก
กระทั่งในเย็นวันพุธหนึ่งที่เธอไม่ได้ทำงานเลยไปนั่งทำการบ้านอยู่ในห้องสมุดคนเดียวเหมือนกิจวัตร ขณะที่เอาแต่หน้าดำคร่ำเครียดอยู่กับโจทย์คณิตศาสตร์ที่ไม่เห็นจะเข้าใจอะไรเลยสักอย่าง มาริก็จะรู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวของเก้าอี้ข้างตัวที่ถูกเลื่อนออก และเมื่อหันไปมอง เธอก็จะได้เห็นโคทาโร่ปลดกระเป๋าสะพายที่สวมไหล่วางลงบนโต๊ะ ก่อนถือวิสาสะเลื่อนสมุดการบ้านที่มีแต่หน้ากระดาษว่างของเธอมาดู ไม่เหมือนกับกระดาษฉีกแผ่นใหญ่ที่เธอเอาไว้ทดเลข แต่เพราะไม่รู้วิธีแก้โจทย์ตั้งแต่แรกผลเลยออกมามั่วซั่วไม่เหมือนกันสักครั้ง ครั้นพอสมองตื้อก็วาดรูปเขียนอะไรเล่นไปเรื่อยเปื่อยจนเต็มหน้ากระดาษ เรียกเสียงหัวเราะของโคทาโร่ในตอนที่มองเลยไปเห็นภาพปีศาจมีเขาถือชามพาร์เฟ่ต์กำลังหัวเราะชั่วร้าย มีตัวอักษรเขียนกำกับว่า ‘รุ่นพี่โอกาซากิ’ ตามด้วยคาโอโมจิหน้าบึ้ง
“ฉันจะสอนการบ้านให้ สัญญาว่าคราวนี้จะไม่ใจร้าย”
เพียงแค่รอยยิ้มจนตาปิดกับคำพูดแสดงความเอ็นดูแรกที่ได้รับจากเขา มาริก็ได้รู้จักกับคำว่า ‘รักครั้งแรก’ ง่ายๆ แบบนี้เอง
แต่บนโลกนี้จะมีสักกี่คนกันที่สมหวังกับรับครั้งแรก ไม่อย่างนั้นเพลง ‘เฟิร์ส เลิฟ’ ของอุทาดะ ฮิคารุก็คงไม่ดังระเบิดระเบ้อขนาดนี้ แน่นอนว่าคนธรรมดาที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษอย่างเธอก็คงไม่ใช่ข้อยกเว้น มาริที่รู้ตัวดีอยู่แล้วถึงสามารถฝืนเค้นรอยยิ้มออกมาได้ทั้งที่ข้างในใจกำลังแหลกสลายเมื่อได้เห็นคนรักของเขาเข้ากับตาตัวเองในเย็นวันหนึ่ง ชื่อของหล่อนคือโอนิชิ อาเคมิ เป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเขาแต่อยู่คนละคณะ หน้าตาสะสวย รูปร่างบอบบาง พูดจาอ่อนหวาน กิริยามารยาทก็พรักพร้อม เป็นกุลสตรีที่ได้รับการขัดเกลามาแล้วอย่างดี...อย่างที่มาริไม่มีวันจะเป็นได้
และหล่อนก็ไม่มีอะไรเหมือนกับน้องชายที่โลกกลมมากขนาดทำให้เขาบังเอิญเป็นเพื่อนร่วมห้องเดียวกับเธอ มาริไม่เคยพูดคุยหรือแม้แต่จะแค่ทักทายโอนิชิ ฟูกะเลยสักครั้ง หากกิตติศัพท์ความปากร้ายที่ทำให้เขายิ่งดูหล่อเท่เป็นบ้าในสายตาสาวๆ ก็เลื่องลือ ขนาดกับครูประจำชั้นที่ว่าเฮี้ยบๆ ยังกล้าพูดจาขวานผ่าซากใส่ มาริถึงได้พยายามเลี่ยงไม่มองหน้าสบตาเขาเพราะกลัวจะทำอะไรไม่ถูกใจเข้าในตอนที่ออกไปรับออเดอร์
“เด็กพาร์ทไทม์ที่พี่โคตะเล่าให้ฟังว่าเรียนโรงเรียนเดียวกับฉันก็คือคุณมุราคามิเองเหรอเนี่ย!”
น้ำเสียงกระตือรือร้นนั้นมาจากทากามิตสึ รินงที่นั่งติดหน้าต่างข้างกันกับเขา หล่อนเองก็เป็นเด็กสาวคนดังในโรงเรียนที่พ่วงมาด้วยตำแหน่งสมบัติห้องบีประจำฝ่ายหญิง หรือที่มาริควรต้องบอกว่าหมายถึงกลุ่มเพื่อนร่วมก๊วนของหล่อนทุกคนที่นั่งอยู่นี้เลยต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นนิชิมูระ ทาคุยะ...สมบัติห้องบีประจำฝ่ายชาย นากาโอกะ เรโอะ...เอซชมรมบาสเกตบอล และมายูมิ ทาเกยูกิ...คนเดียวในกลุ่มที่มาริเคยพูดคุยด้วยเรื่องโรงเรียนและการเรียนเพราะเขาเป็นรองหัวหน้าห้อง
“เอ๊ะ?”
เมื่อนั้น รินงจึงเริ่มต้นขยายความด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องคนสนิทม้ากมากของพี่โคตะ...ที่ตอนนี่ถูกเขี่ยตกกระป๋องเพราะพี่สาวของอีตาฟูกะมาแย่งไปแล้ว แย่มาก! แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็จะไม่มีวันเกี่ยวดองกับอีตานี่เหมือนพี่ๆ ของเราไม่ว่าทางไหนอย่างแน่นอน!”
“ทำเป็นพูดดี แต่ก็เห็นชอบเกาะแกะฟูกะตลอดไม่ใช่หรือไง” เรโอะเย้ากลั้วไปกับเสียงหัวเราะ เรียกค้อนวงใหญ่จากรินงที่ยกนิ้วขึ้นชี้หน้าเด็กหนุ่มฝั่งตรงกันข้าม
“หยาบคาย! นิสัยแบบนี้ก็สมแล้วที่จะโดนมิโดริจังเขี่ยทิ้ง!”
แต่เรโอะก็หาได้สะท้านเมื่อเพียงแค่ยักไหล่ไหวแล้วว่า “ฉันเป็นฝ่ายบอกเลิกก่อนต่างหาก”
“เชื่อก็กินหญ้าแล้วป่ะ!”
“ไม่เชื่อก็กินหญ้าเหมือนกันนั่นแหละ ยัยโง่”
การโต้เถียงไปมาด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องของสองคนนั้นบวกกับเสียงหัวเราะขบขันที่ดังเป็นฉากหลังของทาคุยะ จู่ๆ ก็จะทำให้มาริรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมา พอกลืนน้ำลายก็รู้สึกคล้ายกับว่ามีรสชาติขมปร่าของน้ำย่อยอยู่ในปาก ไม่ใช่เพราะเธอเกลียดพวกเขาหรือเกลียดความร่าเริงสดใสในแบบวัยรุ่นอย่างที่พวกเขาเป็น ทั้งอย่างนั้นมาริก็อธิบายไม่ได้เหมือนกันว่ามันคือความรู้สึกอะไร แต่ก่อนที่ความนึกคิดของมาริจะเข้มข้นชัดเจนกว่านั้น ฟูกะก็จะโพล่งขึ้นขัดจังหวะเสียก่อนว่า
“ใจคอจะให้เขารอจนรากงอกเลยหรือไง เลิกพูดเรื่องไร้สาระแล้วรีบๆ สั่งกันได้แล้ว”
รินงที่รู้สึกตัวหันมาส่งยิ้มแหยพร้อมคำขอโทษให้กับเธอที่จะรีบสั่นหัวแล้วบอกว่าไม่เป็นไร
ทั้งที่เธอบอกไปแล้วว่า ‘ไม่เป็นไร’ แต่ทันทีที่กริ่งช่วงพักเที่ยงวันต่อมาที่โรงเรียนดังขึ้น รินงที่นั่งหน้าสุดตรงกลางห้องก็จะรีบลุกพรวดพราดมาหาเธอที่นั่งหลังสุดแถวเดียวกัน ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของหล่อนขณะยกสองมือขึ้นแปะและพูดว่า “เพื่อเป็นการไถ่โทษเรื่องเมื่อวาน ขอให้ฉันได้เลี้ยงมื้อเที่ยงคุณมุราคามิเถอะนะ!” ถึงอาจแฝงด้วยจริตบ้างแต่ก็ไม่มีความเสแสร้งแกล้งทำอยู่เลยแม้แต่น้อย ทั้งในตอนที่มาริถูกชักชวนทางอ้อมผ่านมื้อเที่ยงที่หล่อนคะยั้นคะยอให้ไปด้วยกันอยู่ได้ทุกวี่วัน หรือกระทั่งตอนที่เธอจะได้กลายมาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันถึงขนาดเรียกชื่อต้นของกันได้โดยปริยาย
แต่ความร่าเริงสดใสจนเกินเบอร์เหมือนดอกทานตะวันที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์ตลอดเวลาของรินงจะทำให้มาริรู้สึกอึดอัด ทั้งที่เคยวาดฝันว่าอยากมีเพื่อนสนิทเพศเดียวกันเหมือนสมัยอยู่ที่บ้านเกิด แต่หล่อนแตกต่างจากเธอมากเกินไป และความคิดที่ว่าผู้หญิงสมบูรณ์แบบอย่างนี้ต่างหากคือคนที่ได้อยู่ในโลกเดียวกันกับรุ่นพี่โคทาโร่ที่เธอชอบก็ทำให้มาริเกิดช่องว่างกลวงเปล่าข้างในอก อาจรวมไปถึงความไม่ชอบใจต่อรินงที่เริ่มก่อตัวขึ้น ทั้งที่หล่อนก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่อย่างเดียว
โชคดีที่ต่อให้จะเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันยังไงก็ย่อมมีความสนิทสนมมากกว่าอยู่ในนั้น เหมือนอย่างที่รินงเป็นกับทาคุยะและเรโอะซึ่งล้วนแล้วแต่มีฐานะและนิสัยคลึงคล้ายกัน พวกเขาไม่เคยต้องทุกข์ร้อนกับเรื่องอะไร ขณะที่เธอก็สบายใจที่ได้อยู่กับทาเกยูกิที่อัธยาศัยดีและนิสัยดีกับเธอมากที่สุด แต่อย่างไรเขาก็ไม่มีทางจะเป็นเพื่อนสนิทที่มาริสามารถระบายความในใจในทุกเรื่อง — โดยเฉพาะเรื่องของความรัก — ให้ฟังด้วยได้อยู่ดี
ท้ายที่สุดแล้ว ความรู้สึกที่ได้แต่เก็บกดเอาไว้ลำพังโดยไร้ซึ่งทางออกก็ย่อมต้องมีวันระเบิด เป็นเพราะรอยยิ้มกว้างของโคทาโร่ในตอนที่เขาแค่คุยโทรศัพท์กับหญิงคนรักไม่กี่นาทีด้วยซ้ำที่เป็นตัวจุดชนวน ใช่จะไม่รู้ว่ามันเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ แต่มาริก็ไม่อาจเก็บกักคำสารภาพรักเอาไว้แต่เพียงฝ่ายเดียวได้อีกต่อไป แน่นอนว่าเธอไม่ได้ต้องการคำตอบอะไรทั้งนั้นเพราะมันไม่มีทางจะเป็นไปได้อยู่แล้ว ทว่าสีหน้าที่แสดงความลำบากใจแทนที่จะเป็นไม่พอใจของเขากลับตอกย้ำให้มาริยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนชั่วช้าเลวทราม มาริรีบค้อมศีรษะเอ่ยคำขอโทษก่อนหันหลังวิ่งหนีจากไป และการที่โคทาโร่ไม่แม้แต่จะตะโกนเรียกชื่อเธอไล่หลังก็จะยิ่งเป็นการตอกย้ำซ้ำเติมถึงความไร้ค่าของตัวเอง
เธอไม่จำเป็นต้องกดกำมือจนปลายเล็บจิกลงไปในเนื้อหรือกัดริมฝีปากเพื่อกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลอีกต่อไปในสวนสาธารณะที่ร้างไร้ผู้คน ทว่าความเหนื่อยอ่อนทั้งจากงานพิเศษและการร้องไห้นานนับชั่วโมงจะทำให้มาริซึ่งก้มหน้าฟุบลงกับโต๊ะผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว มารู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ตอนที่เสียงริงโทนมือถือเพลง ‘คัลเลอร์ส’ ของศิลปินคนโปรดอย่างอุทาดะ ฮิคารุแว่วดังทะลุผ่านความฝันที่ไร้สีสันเข้ามา แต่ในตอนที่เธอขยับตัวกลับขึ้นมานั่งทรงตัว มาริก็จะได้มองเห็นเด็กหนุ่มเพื่อนร่วมห้องกำลังนั่งฟังเพลงจากเครื่องเล่นพกพาอยู่บนม้านั่งข้างกันกับเธอ
“ค...คุณโอนิชิ?”
ครั้นได้ยินเสียงเรียก ฟูกะจึงค่อยถอดหูฟังที่เสียบหูแค่ข้างเดียวออกแล้วผินใบหน้าหันมาหาเธอ พร้อมกับคำพูดที่ไม่ใช่คำทักทายด้วยซ้ำว่า
“เธอไม่เคยนึกแสลงใจบ้างเลยหรือไงที่ต้องเรียกนามสกุลของผู้หญิงที่ได้เป็นแฟนกับคนที่เธอรัก?”
ริงโทนที่เล่นวนมาแล้วสองรอบจบลงไปแล้ว ดึกดื่นป่านนี้คงเป็นพี่ซาริที่โทร.มาถามว่าจะกลับบ้านเมื่อไหร่ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญในตอนนี้มากเท่ากับคำพูดของคนตรงหน้าที่บอกเป็นนัยว่าเขา...รู้
“ฝืนไปก็มีแต่เจ็บปวดเปล่าๆ มันไม่มีความหวังอะไรอยู่แล้ว ลาออกมาเถอะ”
และคำพูดที่ฟังดูใจร้ายของเขาก็จะทำให้เธอรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่ตรงขอบตา
“แค่เพราะฉันไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนพี่สาวของนายหรือรินง ฉันเลยไม่มีสิทธิ์อยู่เคียงข้างรุ่นพี่โคทาโร่เหรอ? ฉันรู้ดีอยู่แล้วว่ามันไม่มีความหวัง แต่ฉันจะแค่อยู่เคียงข้างเขาไม่ได้เลยเหรอ?”
“ไม่ได้” เหมือนกับที่อีกฝ่ายก็ยังคงตอบกลับมาด้วยความเย็นชา “ทุกอย่างมันจบตั้งแต่เธอสารภาพรักแล้ว”
“แค่สารภาพรักแล้วมันผิดตรงไหน?”
“ผิดตรงที่เธอเห็นแก่ตัวไง ฉันรู้ว่าเธอเจ็บ แต่เธอก็ทำให้เขาต้องลำบากใจเหมือนกัน”
ใช่ว่ามาริจะไม่รู้เรื่องนั้น แต่เธอในตอนนี้ยังไม่พร้อมรับฟังความจริงเพื่อตอกย้ำซ้ำเติมบาดแผลเดิมให้กรีดอ้าออก ในหมู่เพื่อนทั้งหมดห้าคน ทำไมต้องเป็นฟูกะที่อยู่ตรงนี้ ทำไมต้องเป็นฟูกะที่รู้เรื่องนี้ ทำไมถึงไม่ใช่รินงที่คงร้องไห้ไปกับเธอ ทำไมถึงไม่ใช่ทาคุยะที่คงเห็นอกเห็นใจเธอ ทำไมถึงไม่ใช่เรโอะที่คงพยายามทำให้เธอหัวเราะ ทำไมถึงไม่ใช่ทาเกยูกิที่คงนั่งเป็นเพื่อนเงียบๆ อยู่ข้างเธอ มีแต่คำถามที่ว่า ‘ทำไม’ เล่นวนซ้ำไปซ้ำมาในหัวจนมาริรู้สึกได้ว่ามีหยดน้ำมาเอ่อคลอที่ดวงตา แทนที่จะต่อปากต่อคำกับคนเลือดเย็นพรรค์นี้แล้วพ่ายแพ้จนต้องแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น มาริขอเลือกเดินหนีไปดีกว่า แต่ก็ไม่ทันฟูกะที่ลุกขึ้นตามมาดึงแขนข้างหนึ่งของเธอไว้
“ฉันไม่อยากเห็นเธอเจ็บเพราะฉันชอบเธอนะ มาริ”
แต่คำสารภาพรักแบบผิดที่ผิดทางและชื่อต้นที่ได้ยินจากปากของเขาเป็นครั้งแรกไม่ได้ทำให้มาริรู้สึกอะไรนอกจากโกรธเคือง เธอสะบัดท่อนแขนตัวเองออกอย่างแรงจนมันหลุด แต่ที่มันง่ายดายก็แค่เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ใส่แรงทั้งหมดลงไปเท่านั้น
“นายมันก็เห็นแก่ตัวที่ฉวยโอกาสตอนที่ฉันอ่อนแอเหมือนกันนั่นแหละ!” มาริที่เหลือจะทนได้ไหวตัดสินใจแผดตะโกนใส่หน้าเขา “ทำไม! คิดว่าฉันจะอยากได้คนปลอบใจแล้วยอมคบกับนายง่ายๆ แค่เพราะอกหักมาหรือไง!”
“ไม่เลย มาริ” ฟูกะจ้องหน้าสบตาเธอนิ่ง “ฉันจะยอมให้เธอฉวยโอกาสจากฉัน ฉันจะย้อมผมสีทอง ฉันจะทำทุกอย่างแบบเขา ฉันจะเป็นเขาให้เธอ เธอจะเห็นฉันเป็นแค่ตัวแทนของเขาก็ได้”
มาริแค่นหัวเราะออกมา
“นายยอมทำได้ถึงขนาดนั้นแค่เพราะว่าชอบฉันเหรอ?”
“เพราะว่าฉันชอบเธอมากต่างหาก”
“ต่อให้ฉันจะเกลียดพี่สาวของนายไปจนตายเหรอ?”
“เธอจะเกลียดฉันด้วยก็ได้ จะไม่มีวันรักฉันไปจนตายเลยก็ได้ แต่ขอให้ฉันอยู่กับเธอนะ มาริ”
มาริรู้ว่าเป็นเพราะความอ่อนแอที่ทำให้หัวใจของคนเราเปราะบางและไม่มั่นคง แต่การได้รับรู้ว่าอย่างน้อยเธอเองก็ยังมีค่าในสายตาของใครสักคนก็ราวกับมีไออุ่นพัดโพยผ่านความเย็นเยือกข้างในอก และทำให้น้ำตาที่เอ่อคลอไหลอาบสองข้างแก้มจนมาริต้องยกแขนเสื้อสูทขึ้นปาด ก่อนที่ฟูกะจะก้มตัวลงมาแล้วใช้ปลายนิ้วทั้งสองข้างช่วยเช็ดมันออกให้ จากนั้นเปลี่ยนมาประคองใบหน้าเธอไว้
“นายมันโง่ที่สุดเลย ฟูกะ”
จูบแรกของมาริไม่ได้มีรสชาติทั้งหวานขม แต่เจือเค็มเพราะน้ำตาที่กลั่นออกมาจากความหม่นเศร้าและเสียใจ หากเมื่อหลับตาลง มาริก็ได้เข้าใจว่าผู้ชายคนที่เธอไม่ได้รักก็สามารถแปรเปลี่ยนเป็นความรักหมดทั้งใจได้ในจินตนาการของเธอเอง
_______________
_______________
ความคิดเห็น