ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fanfic Harry Potter] [OCxDM] If Harry Potter has a sister!

    ลำดับตอนที่ #34 : บทที่ 8 : ทอม ริดเดิ้ล (1)

    • อัปเดตล่าสุด 29 ส.ค. 64


    บทที่ 8 : ทอม ริดเดิ้ล (1)


    เวลาสองทุ่มในคืนวันจันทร์เดรโกมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องทำงานของดัมเบิลดอร์ เขาเคาะประตูเป็นมารยาทก่อนจะเปิดเข้าไป ดวงตาสีฟ้าซีดสบกับดวงตาสีเขียวมรกตของแฮร์รี่เข้าอย่างจังเมื่อเดินเข้าไปถึงในห้องนั้น ดัมเบิลดอร์นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ท่าทางอ่อนเพลียผิดปกติ มือของเขายังคงดำเกรียมจากคำสาปของแหวนตระกูลก๊อนท์ เขายิ้มและกวักมือเรียกให้เดรโกมายืนอยู่ข้างๆ แฮร์รี่ เพนชิฟตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา เปล่งแสงเป็นจุดสีเงินทั่วเพดาน

    “ดูจากสีหน้าพวกเธอ คงมีเรื่องยุ่งมากเลยสินะตอนที่ฉันไม่อยู่” ดัมเบิลดอร์เอ่ย “ฉันเชื่อว่าแฮร์รี่เป็นพยานในเหตุที่เกิดกับแคตี้ด้วย”

    “ใช่ครับศาสตราจารย์” แฮร์รี่ตอบ

    “เขาเป็นยังไงบ้างครับ” เดรโกเอ่ยถามสีหน้าเรียบเฉย

    “ยังไม่ดีนักหรอก แต่เขาโชคดีมากที่ไม่ปัดถูกมันโดยตรง ถ้าเกิดว่าเขาโดนมันเข้าล่ะก็เขาคงจะตายแล้ว โชคดีที่ศาสตราจารย์สเนปสามารถหยุดยั้งไม่ให้คำสาปแพร่ออกไปได้อย่างรวดเร็ว”

    “ทำไมต้องเขาครับ” แฮร์รี่ถามสวนขึ้นมา “ทำไมไม่ใช่มาดามพอมฟรีย์ล่ะครับ”

    “จุ้น” เสียงพูดเบาๆ ดังมาจากภาพของฟินีแอส ไนเจลลัส เทียดของซีเรียสแบล็ก “ฉันไม่มีวันให้นักเรียนตั้งคำถามถึงวิธีปกครองฮอกวอตส์หรอกในสมัยของฉัน”

    “ใช่... ขอบคุณ ฟินีแอส” ดัมเบิลดอร์พูดอย่างปรามๆ “ศาสตราจารย์สเนปรู้เรื่องศาสตร์มืดดีกว่ามาดามพรอมฟรีย์ ยังไงก็ตามเจ้าหน้าที่ของเซนต์มังโก้ส่งรายงานมาให้ฉันทุกชั่วโมงและฉันหวังว่าแคตี้จะหายดีในไม่ช้า”

    “อาจารย์ไปไหนมาครับ” เดรโกเอ่ยถาม ดวงตาสีฟ้าซีดจ้องมองใบหน้าของดัมเบิลดอร์

    “ฉันจะยังไม่ตอบตอนนี้” ดัมเบิลดอร์ว่า “แต่ฉันจะตอบพวกเธอเมื่อถึงเวลา”

    “อาจารย์จะบอกเหรอครับ?” แฮร์รี่ถามบ้าง รู้สึกแปลกใจ

    “ใช่ ฉันจะบอกอยู่แล้ว” ดัมเบิลดอร์พูด “เอาล่ะ เดรโก ฉันคิดว่าตอนนี้เธอควรจะบอกอะไรกับฉันได้แล้วนะในช่วงที่ผ่านมาว่าเธอทำอะไรไปบ้าง”

    เดรโกสะดุ้งเฮือกใหญ่ แฮร์รี่จ้องมองเขาด้วยสายตาจับผิด

    “ผมทำให้เฮเลนอยู่ห่างจากผม” เขาตอบ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวลและสับสน “ด้วยทุกอย่างที่ผมสามารถทำได้ เธอจะต้องไม่รู้ว่าผมได้รับภารกิจอะไรมาแล้ว -- บางครั้งผมก็จำไม่ได้ว่าตัวเองทำอะไรไปบ้าง”

    เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ก้มลงมองมือทั้งสองข้างที่กำลังสั่นเทาด้วยความกลัวในจิตใจ

    “ภารกิจของเธอคือการฆ่าฉัน” ดัมเบิลดอร์พูดต่อ “ถูกต้องอย่างนั้นใช่ไหม”

    “ครับ” เขาพยักหน้า “แต่การที่ผมจำอะไรไม่ได้นั่งหมายถึงผมกำลังถูกคำสาปสะกดใจอยู่รึเปล่าครับ”

    เดรโกเงยหน้าขึ้นจากฝ่ามือ มองใบหน้าของพ่อมดชราที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา ดัมเบิลดอร์ทำท่าล้วงหยิบขวดแก้วที่บรรจุเส้นใยสีเงินออกมาจากในเสื้อคลุมช้าๆ ก่อนจะเอ่ยตอบ

    “มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นอย่างนั้น” เขาตอบ “แต่เราก็ควรจะมีเบาะแสพอให้ได้รู้ว่าใครกำลังใช้คำสาปพวกนั้นกับเธอ ใช่ไหม เดรโก”

    “ผมพอจะรู้อยู่คนหนึ่งครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่าคาถาพวกนี้เด็กปีสี่จะมีความสามารถพอจะใช้ได้ไหม” เดรโกตอบพลางหันไปมองหน้าแฮร์รี่ “มันเป็นคนที่นายรู้จักดีเลยล่ะแฮร์รี่”

    “ฉัน?” แฮร์รี่ทวนคำ “ฉันรู้จักดีงั้นเหรอ? นายหมายความว่าไงเดรโก”

    “ฉันกำลังสงสัยลูกพี่ลูกน้องยัยเกรนเจอร์” เดรโกพูดต่อ “หมอนั่นจะทำท่าแปลกๆ ทุกครั้ง นายไม่เคยสังเกตเหรอ แล้วเขาก็เป็นเด็กบ้านเดียวกับฉัน นายไม่ได้รับรู้ถึงความเป็นอยู่ของเขามากมายนักหรอกใช่ไหมล่ะ”

    แฮร์รี่เงียบเสียงไปพลางทำท่าคิด ตามที่เดรโกพูดมีส่วนถูกอยู่มาก ตั้งแต่แท็คโผล่มาเขาก็รู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวดูจะยุ่งยากไปเสียหมด ตั้งแต่เขากับเฮอร์ไมโอนี่ไปช่วยซีเรียสออกจากหอคอย เขาจำได้ว่าแท็คนั่นแหละที่ยืนอยู่ข้างๆ สเนปและเหมือนจะคอยยุแหย่หรือทำอะไรบางอย่าง ในตอนที่มีการชิงถ้วยอัคนีแท็คเป็นคนเดียวที่ไม่ติดเข็มกลัดพอตเตอร์ห่วย แต่กลับยิ้มดีใจมากกว่าคนอื่นเมื่อเขาได้รับเลือกเข้าแข่งขันเวทไตรภาคี ตอนนั้นแฮร์รี่คิดว่าแท็คเป็นคนที่ไม่คิดอะไรในแง่ร้ายเท่าไหร่แต่เขาแค่ดูชื่นชมสเนปมากเกินไปเท่านั้นเอง...

    “มันก็ถูกที่ฉันไม่รู้เรื่องเขา” แฮร์รีตอบ “แต่ว่าเขาอยู่ที่กองบัญชาการกับพวกเราตลอดทุกวันหยุด...”

    แต่เขาก็แทบไม่ได้รู้เรื่องเวลาที่พวกเขาคุยกันเป็นส่วนตัวเลยแม้แต่ครั้งเดียว แฮร์รี่คิดและชะงักไปชั่วครู่ เขาล่วงรู้ทุกความเคลื่อนไหวในภาคีและมันทำให้เกิดคำถามว่าโวลเดอมอร์จะสามารถรู้ได้ยังไงว่านายวีสลีย์ไปเข้าเวรที่กระทรวงในคืนนั้น ทุกอย่างดูจะลงตัวมากและมันโยงไปที่เขา คนที่แทบไม่ออกความเห็นอะไรเลยนอกจากเฝ้าสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ

    “เหมือนนายจะเห็นอะไรแล้วล่ะสิ” เดรโกว่าก่อนจะหันกลับไปหาดัมเบิลดอร์ “แย่กว่าคือฉันจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลายครั้งจนน่าใจหายเลยเชียวล่ะ”

    “อ้า... เอาไว้ก่อนก็แล้วกันนะ” ดัมเบิลดอร์ขัดขึ้นในขณะที่แฮร์รี่กำลังจะอ้าปากพูดต่อ “อีกอย่างแฮร์รี่ฉันรู้เรื่องมันดังกัสเหยียบย่ำมรดกของเธอด้วยการย่องเบาแล้ว เขาหลบซ่อนตัวตั้งแต่เธอไปทักทายเขาพร้อมกับเฮเลนที่ร้านไม้กวาดสามอันเมื่อสัปดาห์ก่อน ฉันคิดว่าเขาคงกลัวที่จะพบหน้าฉัน แต่ยังไงก็สบายใจได้ว่าเขาจะไม่ลักเอาสมบัติเก่าแก่ของซีเรียสไปอีกแล้ว”

    “ไอ้แก่ขี้เรื้อนเลือดผสมนั่นขโมยของตระกูลแบล็กงั้นเรอะ!” ฟินีแอส ไนเจลลัสคำราม ท่าทางเดือดดาลและเดินปึงปังออกไปจากกรอบรูป คงจะไปเยี่ยมภาพเหมือนของเขาที่บ้านเลขที่สิบสองกริมโมลด์เพลซอย่างไม่ต้องสงสัย

    “เอาล่ะ” ดัมเบิลดอร์ว่าพลางใช้ไม้กายสิทธิ์แตะฝาจุกให้เปิดออก “ตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องการคือให้พวกเธอทวนว่าครั้งที่แล้วพวกเราได้อะไรไป”

    “ชีวิตเริ่มต้นของโวลเดอมอร์ เริ่มเล่าจากตระกูลก๊อนท์ที่มีมาร์โวโล่ ก๊อนท์และลูกชายมอร์ฟิน ก๊อนท์กับลูกสาวเมโรเพ ก๊อนท์ ตระกูลก๊อนท์เป็นตระกูลที่สืบเชื้อสายโดยตรงจากหนึ่งในผู้สร้างโรงเรียนของเราซัลลาซาร์ สลิธีริน” แฮร์รี่เว้นระยะ “เมโรเพ ก๊อนท์ได้ตกหลุมรัก ทอม ริดเดิ้ล มักเกิ้ลรูปหล่อและมีฐานะร่ำรวย ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านลิตเติ้ลแฮงเกิลตัน บ้านของริดเดิ้ลนั้นตั้งอยู่ใกล้กันกับกระท่อมของตระกูลก๊อนท์ และเขาก็เคยขี่ม้าผ่านกระท่อมของครอบครัวก๊อนท์หลายต่อหลายครั้ง ด้วยความที่เมโรเพคลั่งไคล้ริดเดิ้ลมาก เธอจึงใช้ยาเสน่ห์กับเขา ยาเสน่ห์นี้เองที่ทำให้ริดเดิ้ลลืมเพื่อนสาวมักเกิ้ลของเขา และตกหลุมรักเธอแทน”

    “เหตุการณ์นี้ก็ได้กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวมโหฬาร เป็นที่พูดกันให้สนุกปาก เมื่อลูกชายเศรษฐีเจ้าของที่ดินหนีไปกับเมโรเพลูกสาวคนจรจัด” เดรโกตอบบ้าง “แต่ว่า ภายหลังจากนั้นเพียงสองสามเดือนต่อมา ทอม ริดเดิ้ล ก็ได้กลับมายังคฤหาสน์ที่ลิตเติ้ลแฮงเกิลตัน โดยปราศจากภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ ทอม ริดเดิ้ล ทิ้งเมโรเพไป ไม่เคยกลับมาเจอเธออีกเลย และไม่เคยเดือดร้อนที่จะค้นหาว่าเกิดอะไรกับลูกชายของเขาด้วย”

    ดัมเบิลดอร์ฟังพวกเขาและเทความทรงจำใหม่ลงไปในเพนซิฟและเริ่มจับอ่างหินหมุนวนอีกครั้งด้วยมือเรียวยาว

    “เมโรเพถูกทิ้งไว้ตามลำพังในลอนดอน” ดัมเบิลดอร์ว่า “ใกล้จะคลอดลูกที่ต่อมาเขาจะเป็นโวลเดอมอร์”

    “อาจารย์ทราบได้ไงครับว่าเธออยู่ในลอนดอน” แฮร์รี่ถาม

    “เพราะลักฐานจากคนที่ชื่อ แคแร็กเทคัส เบิร์ก” ดัมเบิลดอร์ตอบ “เป็นเรื่องบังเอิญอย่างน่าประหลาดที่เขาเป็นหนึ่งที่ช่วยตั้งร้านบอร์เจ็นและเบิร์กส์นั่นล่ะ”

    ดัมเบิลดอร์เขย่าสิ่งที่บรรจุอยู่ในเพนซิฟให้ไหลไปทางหนึ่งอย่างที่แฮร์รี่และเดรโกเคยเห็นเขาทำมาในครั้งก่อน ชายชราร่างเล็กคนหนึ่งหมุนตัวลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ เหนือสารสีเงินที่หมุนวนอยู่ในเพนซิฟ ตัวเขาเป็นสีเงินเหมือนวิญญาณแต่ดูจับต้องได้มากกว่า

    'เราได้มันมาในสถานการณ์ที่ประหลาดมาก แม่มดสาวคนหนึ่งเอามันมาก่อนวันคริสมาสต์ โอ๊ย! หลายปีแล้วล่ะ หล่อนบอกว่าจำเป็นต้องใช้ทองมากเหลือเกิน แน่ล่ะ! เรื่องนั้นก็เห็นได้ชัดอยู่แล้ว' ชายชราในเพนเซิฟกล่าว 'หล่อนใส่เสื้ออย่างกับผ้าขี้ริ้วและก็ท้องโย้เชียว จวนจะคลอดเต็มที่แล้ว รู้ไหมว่าหล่อนว่าไง หล่อนว่าล็อกเกตนั่นเป็นของสลิธีริน แหม เราได้ยินเรื่องแบบนี้มาตลอดนั่นแหละ แต่พอผมพินิจดู มันก็มีเครื่องหมายของเขาอยู่อย่างถูกต้อง! แน่ล่ะว่าล็อกเกตนั่นประเมินค่าไม่ได้เลย แม่สาวคนนั้นเหมือนจะไม่รู้เลยว่ามันมีค่าขนาดไหน หล่อนดีใจมากที่ได้เงินสิบแกลเลี่ยนสำหรับล็อกเกต เป็นการตกลงซื้อขายที่ได้เปรียบมากที่สุดเท่าที่เคยทำมาเลย!!'

    เสียงหัวเราะอย่างเริงร่าดังออกมาจากปากของเขา ดัมเบิลดอร์เขย่าเพนซิฟอย่างแรงและแคแร็กเทคัส เบิร์กก็จมกลับลงไปในความทรงจำหมุนวนที่เขาโผล่มา

    “เขาให้เงินเธอแค่สิบแกลเลียน?” เดรโกและแฮร์รี่ทวนคำอย่างเดือดดาล

    “แคแร็กเทคัส เบิร์ก ไม่ได้มีชื่อเสียงเรื่องความกรุณาหรอกนะ” ดัมเบิลดอร์บอกพวกเขา “ทีนี้เราก็จะรู้ว่าเมื่อใกล้คลอด เมโรเพอยู่คนเดียวในลอนดอนและจำเป็นต้องใช้ทองจริงๆ เธอหมดหนทางเสียจนต้องขายสมบัติชิ้นเดียวที่มีค่า คือล็อกเกตซึ่งเป็นมรดกชิ้นหนึ่งของตระกูลที่มาโวโล่รักและหวงแหนยิ่งนัก”

    “แต่เธอใช้เวทมนตร์ได้ไม่ใช่เหรอครับ!” เดรโกว่า

    “ใช่ครับ! เธอจะหาอาหารและอื่นๆ ให้ตัวเองได้โดยการใช้เวทมนตร์” แฮร์รี่พูดต่อ

    “อา...” ดัมเบิลดอร์งึมงำ “บางทีเธออาจทำได้ แต่ฉันเชื่อว่าฉันเดาได้นะ เมื่อตอนที่สามีทิ้งเธอไป เมโรเพหยุดใช้เวทมนตร์ ฉันคิดว่าเธอไม่ต้องการเป็นแม่มดอีกต่อไปแล้ว เป็นไปได้ว่าความรักที่ไม่สมหวังนั้นรุมเร้าดูดเอาพลังอำนาจของเธอไปด้วย”

    เดรโกสะดุ้งเฮือก ภาพใบหน้าของเฮเลนปรากฏขึ้นในหัวของเขาอย่างฉับพลันในทันที

    “ในกรณีนี้ยังไม่ขอพูดถึงเฮเลน พอตเตอร์ ฉันคิดว่าสาวน้อยคนนั้นเข้มแข็งพอที่จะไม่ละทิ้งชีวิตตัวเองไปล่ะนะ" ดัมเบิลดอร์หันมาหาเดรโกที่ทำหน้าสลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด เด็กหนุ่มพยักหน้านิดหน่อย “อีกอย่างหนึ่ง เดี๋ยวพวกเธอก็จะได้เห็น เมโรเพนั้นปฏิเสธที่จะยกไม้กายสิทธิ์แม้แต่รักษาชีวิตตัวเอง”

    “เธอไม่ต้องการมีชีวิตอยู่แม้กระทั่งเพื่อลูกชายของเธอเหรอครับ”

    แฮร์รี่ถามอีกครั้ง ดัมเบิลดอร์เลิกคิ้ว

    “เธอสงสารโวลเดอมอร์?”

    “เปล่าครับ” แฮร์รี่รีบตอบ “แต่เมโรเพมีทางเลือกไม่ใช่เหรอครับ”

    “ใช่” ดัมเบิลดอร์พูดเรียงเรียบ “แต่เมโรเพ ริดเดิ้ลเลือกความตายแทนที่จะเลือกลูกชายที่ต้องการแม่ ถึงอย่างนั้นก็อย่าได้ด่วนตัดสินเขาเลยทั้งสองคน เมโรเพอ่อนแอมากเพราะทนทรมานมานาน เอาล่ะคิดว่าตอนนี้คงพร้อมแล้ว...”

    “เราจะไปไหนกันครับตอนนี้” เดรโกเอ่ยถามในขณะที่ดัมเบิลดอร์มายืนอยู่กับเขาตรงหน้าโต๊ะข้างๆ กับแฮร์รี่

    “คราวนี้” ดัมเบิลดอร์พูด “เราจะเข้าไปข้างในความทรงจำของฉัน ฉันคิดว่าพวกเธอจะพบว่ามันมีรายละเอียดมากมายและแม่นยำอย่างน่าพอใจมากๆ เอาล่ะ เธอก่อนเลยเดรโก”

    เดรโก มัลฟอยก้มลงเหนือเพนซิฟ เลื่อนใบหน้าผ่านผิวเยือกเย็นของความทรงจำและแล้วเขาก็ตกผ่านความมืดลงไปข้างในอีกครั้ง อึดใจต่อมาเท้าของเขาก็แตะลงบนพื้นที่มั่นคงและเดรโกพบว่าเขา แฮร์รี่และดัมเบิลดอร์กำลังยืนอยู่บนถนนโบราณที่อึกทึกในลอนดอน

    “ฉันอยู่นั่นไง” ดัมเบิลดอร์พูดอย่างสดชื่นพลางชี้ไปข้างหน้าที่ร่างสูงกำลังข้ามถนนอยู่หน้ารถส่งนม

    ผมและเครายาวของอัลบัส ดัมเบิลดอร์หนุ่มคนนั้นเป็นสีน้ำตาลแดง เมื่อมาถึงถนนด้านที่ทั้งสามยืนอยู่ ดัมเบิลดอร์หนุ่มก็ก้าวยาวๆ ไปตามทางเท้าดึงดูดสายตาสนอกสนใจของผู้คนข้างทางเพราะชุดสูทกำมะหยี่หรูหราสีม่วงแดงที่เขาสวมอยู่

    “สูทโก้มากครับ” แฮร์รี่ทัก ดัมเบิลดอร์หัวเราะในลำคอ ขณะที่ทั้งสามเดินตามดัมเบิลดอร์หนุ่มไปได้ระยะหนึ่ง ในที่สุดก็ผ่านประตูเหล็กเข้าไปสู่ลานโล่งที่อยู่หน้าอาคารรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสทึมๆ ลอมรอบด้วยประตูเหล็กสูงตระหง่าน เขาขึ้นบันไดสองสามขั้นที่นำไปสู่ประตูหน้าและเคาะสองสามครั้ง ครู่หนึ่งเด็กผู้หญิงผูกผ้ากันปื้อนท่าทางมอซอก็มาเปิดประตูให้

    สวัสดี ฉันมีนัดกับคุณโคล ฉันคิดว่าเขาเป็นแม่บ้านที่นี่นะ

    เด็กหญิงมองหน้าเขาอย่างงงๆ เธอสำรวจการแต่งกายที่แปลกประหลาดของดัมเบิลดอร์ก่อนจะหันหลังตะโกนออกมาเสียงดัง

    คุณโคล!!’

    เดรโกได้ยินเสียงตะโกนตอบกลับมาไกลๆ เด็กหญิงหันกลับมาหาดัมเบิลดอร์

    เขากำลังมาค่ะ กรุณารอสักครู่

    ดัมเบิลดอร์ก้าวเข้าไปในห้องโถงที่ปูกระเบื้องสีขาวดำ สถานที่นั้นดูเก่าซอมซ่อแต่สะอาดเอี่ยม เดรโก แฮร์รี่และดัมเบิลดอร์คนแก่กว่าเดินตามเข้าไปก่อนที่ประตูหน้าจะปิดตามหลังพวกเขา ผู้หญิงรูปร่างผอมหน้าตาเหนื่อยและดูหงุดหงิดแทบจะตลอดเวลาวิ่งกระหืดหระหอบเข้ามา เธอมีใบหน้าคมเฉียบที่ดูกลัดกลุ้มมากกว่าที่จะดุร้าย เธอเหลียวไปพูดกับผู้ช่วยที่ผูกผ้ากันเปื้อนอีกคนขณะที่เดินเข้ามาหาดัมเบิลดอร์

    อย่าลืมเอายาไอโอดีนให้มาร์ช่าข้างบนด้วย บิลลี่ สตับส์แกะสะเก็ตแผลอยู่นั่นแล้วก็เอริก เวลลี่น้ำเหลืองเยิ้มเปรอะผ้าปูที่นอนหมดเลย... อีสุกอีใสแถมมาด้วย เธอพูดและไม่ได้เจาะจงกับใครโดยเฉพาะและในที่สุดดวงตาก็เบือนมาทางดัมเบิลดอร์ เธอหยุดชะงักกลางทาง ท่าทางประหลาดใจราวกับว่าตัวยีราฟเพิ่งก้าวผ่านพ้นธรณีประตูเข้ามา

    สวัสดีครับ ดัมเบิลดอร์เอ่ยพร้อมกับยื่นมือออกไปส่วนคุณโคลยังคงอ้าปากค้าง ผมชื่อ อัลบัส ดัมเบิลดอร์ ผมส่งจดหมายมาถึงคุณเพื่อขอนัดพบและคุณกรุณาเชิญผมมาที่นี่ในวันนี้

    คุณโคลกะพริบตา ดูเหมือนเธอจะตัดสินใจได้แล้วว่าดัมเบิลดอร์นั้นไม่ใช่ภาพหลอน จึงพูดอย่างอ่อนแรงว่า

    อ้อ ใช่แล้ว! เอ่อ... ถ้าอย่างนั้นคุณเข้ามาในห้องของดิฉันก่อนเถอะค่ะ

    เธอเดินนำดัมเบิลดอร์เข้าไปในห้องเล็กๆ ที่ดูเหมือนเป็นห้องนั่งเล่นและห้องทำงานผสมกัน ห้องนั้นเก่าซอมซ่อเหมือนโถงทางเข้า เครื่องเรือนก็เก่าแถมยังไม่เข้าชุดกัน เธอเชิญดัมเบิลดอร์ให้นั่งลงที่เก้าอี้เก่าโยกเยกตัวหนึ่ง ส่วนตัวเธอเองนั่งลงข้างหลังโต๊ะทำงานที่ค่อนข้างรกพลางจ้องมองเขาอย่างหวาดหวั่น

    อย่างที่บอกคุณในจดหมายน่ะครับ ผมมาที่นี่เพื่อปรึกษาเรื่องของ ทอม ริดเดิ้ลและจัดการเกี่ยวกับอนาคตของเขา ดัมเบิลดอร์เอ่ย

    คุณเป็นญาติของเขาหรอคะ คุณโคลถาม

    ไม่ใช่หรอกครับ ดัมเบิลดอร์ตอบ ผมเป็นครู ผมมาเพื่อจะบอกเขาว่าเขามีสิทธิ์ที่จะเข้าไปเรียนในโรงเรียนของผม

    โรงเรียนอะไรเหรอคะ

    ฮอกวอตส์ครับ

    แล้วทำไมคุณถึงสนใจในตัวของทอมล่ะคะ

    เราเชื่อว่าเขามีคุณสมบัติตามที่เรามองหาอยู่น่ะครับ

    คุณหมายความว่า เขาชิงทุนการศึกษาได้งั้นเหรอคะ เขาจะทำได้ยังไง เขาไม่เคยไปชิงทุนอะไรเลยนี่

    อ๋อ เขามีชื่ออยู่ในโรงเรียนของเราตั้งแต่เกิดแล้วล่ะคับ

    ใครลงชื่อให้เขาล่ะคะ พ่อแม่เหรอ?

    ไม่ต้องสงสัยว่าคุณโคลเป็นผู้หญิงฉลาดเฉียบคมที่คุยด้วยยากมาก ดูเหมือนว่าดัมเบิลดอร์ก็คิดแบบนั้นด้วย เพราะตอนนี้เดรโกกับแฮร์รี่เห็นเขาชักไม้กายสิทธิ์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อนอกกำมะหยี่ ขณะเดียวกันก็หยิบกระดาษเปล่าๆ แผ่นหนึ่งจากโต๊ะคุณโคลขึ้นมา

    นี่ครับ ดัมเบิลดอร์เอ่ย โบกไม้กายสิทธิ์หนึ่งครั้งก่อนจะส่งกระดาษให้เธอ ผมคิดว่านี่จะทำให้ทุกอย่างกระจ่างและเข้าใจได้ง่ายขึ้น

    ดวงตาของคุณโคลเลื่อนลอยไปแว้บหนึ่งแล้วก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมเมื่อเธอจ้องมองดูกระดาษว่างเปล่าแผ่นนั้นเพียงชั่วครู่

    ดูเรียบร้อยมากค่ะ เธอตอบเรียบๆ พลางส่งกระดาษคืน แล้วดวงตาของเธอก็จับจ้องไปยังขวดเหล้ายินและแก้วสองใบซึ่งไม่ได้อยู่ตรงนั้นแน่นอนเมื่อสองสามนาทีก่อน

    เอ่อ... ยินดีรับสักแก้วไหมคะ เธอถามด้วยน้ำเสียงสุภาพเป็นพิเศษ

    ขอบคุณมากครับ ดัมเบิลดอร์ตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง

    ไม่ช้าก็เห็นได้ชัดเจนว่าคุณโคลนั้นไม่ใช่มือใหม่เรื่องการดื่มเหล้า เธอรินมันใส่ทั้งสองแก้วในปริมาณพอดูแล้วก็ดื่มมันรวดเดียวจนหมดแก้ว เธอส่งยิ้มให้ดัมเบิลดอร์เป็นครั้งแรกและเขาก็ไม่รีรอที่จะใช้ความได้เปรียบในครั้งนี้

    ผมอยากให้คุณเล่าประวัติของทอม ริดเดิ้ลให้ผมฟังบ้างได้ไหมครับ เขาเกิดที่โรงเลี้ยงเด้กกำพร้านี่ใช่ไหม

    ใช่แล้วค่ะ คุณโคลตอบรินเหล้าเพิ่มให้ตัวเองอีก ดิฉันจำได้แม่นมากเพราะว่าเพิ่งจะมาเริ่มงานที่นี่ มันเป็นคืนที่ร้ายกาจมากและเด็กสาวที่ดูจะไม่ได้แก่กว่าฉันมากมายก็เดินโซซัดโซเซมาที่บันไดหน้า เธอไม่ใช่คนแรกหรอกที่เรารับเข้ามา แล้วหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นเธอก็คลอดลูกและอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาเธอก็ตาย

    หล่อนพยักหน้าแรงๆ แล้วดื่มเข้าไปอีกอึกใหญ่

    เธอพูดอะไรก่อนตายรึเปล่าครับ ดัมเบิลดอร์ถาม เช่นอะไรที่เกี่ยวกับพ่อของเด็ก

    อ่อ จริงๆ แล้วเธอก็พูดค่ะ คุณโคลเหมือนจะมีความบันเทิงใจมากขึ้นเมื่อมีแก้วเหล้าอยู่ในมือและมีคนที่กระตือรือร้นจะฟังเรื่องที่เธอเล่า

    ฉันจำได้ว่าเธอพูดกับดิฉันว่า หวังว่าเขาจะหน้าเหมือนพ่อของเขานะ และฉันจะไม่โกหกล่ะนะคะ เธอคิดถูกแล้วที่หวังแบบนั้นเพราะว่าเธอน่ะไม่ได้สวยเลยสักนิด... แล้วเธอก็บอกดิฉันว่าเขาต้องชื่อทอม ตามชื่อพ่อของเขาและมาร์โวโล่ตามชื่อพ่อของเธอ ฉันคิดว่ามันตลกดีเหมือนกันนะคะ เราสงสัยกันว่าเธออาจจะมาจากพวกละครสัตว์... เธอบอกว่านามสกุลเด็กคือริดเดิ้ล แล้วหลังจากนั้นไม่นานเธอก็ตายโดยไม่ได้บอกอะไรไว้อีกเลย

    คุณโคลสะอึกเบาๆ ก่อนจะพูดต่อ

    นั่นแหละค่ะ เราตั้งชื่อเขาตามที่เธอบอก ดูเหมือนมันสำคัญมากสำหรับสาวน้อยที่น่าสงสารคนนั้น แต่ก็ไม่มีนายทอมหรือตามาร์โวโล่หรือใครก็ตามในตระกูลริดเดิ้ลโผล่มาหาเขาเลย ไม่มีใครมาเลย! เขาก็เลยต้องอยู่ที่โรงเลี้ยงเด็กกำพร้านี่และอยู่ที่นี่ตั้งแต่ตอนนั้นมา

    คุณโคลรินเหล้ายินเติมอีกมากพอดูด้วยท่าทางใจลอย โหนกแก้มเริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้มแล้วเธอก็พูดต่อ

    เขาเป็นเด็กประหลาดมาก

    ครับ ดัมเบิลดอร์พูด ผมก็คิดว่าเขาคงเป็นแบบนั้น

    เขาเป็นทารกที่ประหลาดด้วยค่ะ เขาแทบจะไม่เคยร้องไห้เลย คุณรู้ไหม แล้วพอโตขึ้นอีกหน่อย เขาก็... แปลกพิกล!’

    แปลกพิกล? แบบไหนล่ะครับ ดัมเบิลดอร์ถามอย่างอ่อยโยน

    แบบว่า... เขา...

    แต่คุณโคลหยุดลงอย่างกะทันหัน สายตาสงสัยที่เธอเหลือบมองดัมเบิลดอร์ผ่านแก้วเหล้ายินนั้นไม่ได้ดูพร่ามัวหรือหลงๆ ลืมๆ เลย

    คุณว่าเขาได้เข้าเรียนที่โรงเรียนของคุณแน่ๆ ใช่ไหม

    แน่นอนสิครับ ดัมเบิลดอร์ยิ้ม

    ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรก็ไม่เปลี่ยนแปลงนะ

    ใช่ครับ ดัมเบิลดอร์รับปาก

    คุณจะให้เขาไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นใช่ไหม

    ครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

    ดัมเบิลดอร์ทวนคำอย่างเคร่งขรึม เธอหรี่ตามองเขาราวกับกำลังตัดสินใจว่าควรเชื่อใจหรือไม่ ดูเหมือนเธอจะตัดสินใจว่าเชื่อใจเขาได้เพราะเธอพูดออกมาอย่างรวดเร็ว

    เขาทำให้เด็กคนอื่นๆ กลัว

    คุณหมายถึงเขาชอบรังแกคนอื่นเหรอครับ ดัมเบิลดอร์ถาม

    ฉันคิดว่าเขาทำนะ คุณโคลตอบพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน แต่ก็จับเขาเรื่องนี้ไม่ได้สักครั้ง มีเหตุเกิดขึ้นบ่อยๆ และมันเลวร้ายมาก...

    ดัมเบิลดอร์ไม่ได้ซักไซ้ต่อแต่เดรโกกับแฮร์รี่มองเขาแว้บเดียวก็รู้แล้ว่าเขาสนใจเรื่องนี้เอามากๆ เธอดื่มยินอีกอึกหนึ่งทำให้แก้มกลายเป็นสีชมพูมากขึ้น

    กระต่ายของเด็กที่ชื่อบิลลี่ สตับส์... นั่นน่ะค่ะ ทอมบอกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรและดิฉันก็ไม่เห็นว่าเขาจะทำได้ยังไงด้วย แต่ถึงอย่างนั้นกระต่ายมันก็แขวนคอตัวเองเอาไว้กับเชือกไม่ได้หรอกนะคะ

    ผมก็คิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ครับ ดัมเบิลดอร์ตอบเบาๆ

    แต่ดิฉันคงหัวใจวายตายถ้ารู้ว่าเขาขึ้นไปอยู่บนนั้นได้! เท่าที่ฉันรู้คือเขากับบิลลี่เถียงกันก่อนหน้านี้หนึ่งวันแล้วหลังจากนั้น... คุณโคลจิบเหล้ายินอีกอึกและคราวนี้เธอทำมันหกเลอะคางเล็กน้อย ตอนหน้าร้อนที่พวกเราไปเที่ยวข้างนอกกัน เราพาพวกเด็กๆ ไปเที่ยวกันอย่างน้อยปีละครั้ง ทีนี้หลังจากนั้นเอมมี่ เบนสันกับเดนนิส บิชอปก็ดูผิดปกติและที่เราซักไซ้เด็กสองคนนั้นออกมาได้คือเขาเข้าไปในถ้ำกับทอม ริดเดิ้ล ทอมสาบานว่าพวกเขาแค่ไปเที่ยวสำรวจในถ้ำ แต่มันต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นในนั้นแน่ฉันแน่ใจ แล้วก็ยังมีอีกหลายๆ เรื่อง แถมเป็นเรื่องแปลกๆ ทั้งนั้น...

    เธอมองดูดัมเบิลดอร์อีกหนและแม้ว่าแก้มของเธอจะกลายเป็นสีแดงเข้มแต่สายตาที่จ้องมองนั้นมั่นคง

    ฉันไม่คิดว่าจะมีคนเสียใจที่เขาจากไปหลายคนนักหรอก

    ผมแน่ใจว่าคุณคงเข้าใจนะครับ ว่าเราไม่สามารถให้เขาอยู่ที่โรงเรียนได้ตลอดไป ดัมเบิลดอร์บอก เขาต้องกลับมาที่นี่ด้วย อย่างน้อยก็ทุกหน้าร้อนช่วงโรงเรียนปิดเทอม

    อย่างน้อยนั่นก็ดีกว่าโดนเอาเหล็กเขี่ยไฟขึ้นสนิมตีจมูกนั่นล่ะคุณ คุณโคลว่าพร้อมกับสะอึกเบาๆ เธอลุกขึ้นยืนและแฮร์รี่ดูจะประทับใจที่เธอยืนได้มั่นคงดีต่างจากเดรโกที่ผงะตกใจเล็กน้อย ทั้งที่ดื่มเหล้ายินในขวดนั้นพร่องไปถึงสองในสามส่วนแล้วแท้ๆ ไม่น่าจะสามารถยืนได้ตามปกติ

    ฉันคิดว่าคุณคงอยากพบเขาใช่ไหมคะ

    อยากมากครับ ดัมเบิลดอร์ตอบลุกขึ้นยืนเช่นกัน

    ดิฉันจะพาคุณไปพบเขาค่ะ

    เธอเดินนำเขาออกจากห้องทำงานและขึ้นบันไดหิน ตะโกนบอกคำสั่งและว่ากล่าวผู้ช่วยในขณะที่เธอเดินผ่าน เดรโกมองเหล่าเด็กกำพร้าสวมเสื้อตัวยาวท่าทางสกปรกและมีลักษณะเหมือนกันเกือบทุกคน ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขาคงจะรู้สึกขยะแขยงมากแต่ตอนนี้กลับไม่รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด แต่ว่าเขาคิดว่าสถานที่นี้ไม่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตเอาเสียเลย

    ถึงแล้วค่ะ คุณโคลบอกเมื่อเดินมาถึงชานบันไดชั้นสองและหยุดลงที่หน้าประตูแรกบนระเบียงทางเดินยาว เธอเคาะประตูสองครั้งแล้วพาดัมเบิลดอร์เข้าไปด้านใน

    ทอม เธอมีแขกมาเยี่ยม นี่คือคุณดัมเบอร์ตัน... เอ่อ... ขอโทษค่ะ ดันเดอบอร์... เอ่อ... ดัมเบอร์เรอร์ เขาจะมาบอกเธอ... ฉันว่าให้เขาบอกเธอเองดีกว่า”

    เดรโก แฮร์รี่และดัมเบิลดอร์ทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้องก่อนที่คุณโคลจะปิดประตูให้พวกเขา มันเป็นห้องเล็กๆ โล่งๆ ไม่มีอะไรเลยนอกจากตู้เสื้อผ้าเก่าแก่และเตียงเหล็ก เด็กชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนผ้าห่มสีเทา ขาเหยียดยาวอยู่เบื้องหน้า เขาถือหนังสือเล่มหนึ่งเอาไว้ในมือ

    ไม่มีเค้าของตระกูลก๊อนท์อยู่บนใบหน้าของริดเดิ้ลเลย เมโรเพสมหวังในความปรารถนาก่อนตาย เพราะเขาคือรูปย่อส่วนของบิดาผู้หล่อเหลา เขาค่อนข้างสูงมากสำหรับเด็กอายุสิบสามขวบ ผมดำและผิวขาวซีด ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยขณะที่พินิจดูรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดของดัมเบิลดอร์ ความเงียบบังเกิดขึ้นมาปกคลุมในห้องนอนเล็กๆ นั้นทันที

    ยินดีที่ได้รู้จักนะทอม


    ติดตามตอนต่อไป...


    บทนี้อาจจะเอาประวัติโวลเดอมอร์มาเขียนเยอะไปหน่อย 

    แต่อยากให้รับรู้เรื่องของโวลเดอมอร์เอาไว้ เยอะๆ เหมือนกันค่ะ

    ในระหว่างที่มีเรื่องประวัติของโวลเดอมอร์ ก็จะมีชื่อของใครบางคนด้วย

    ไรท์กำลังต้องการให้เดรโกมีบทบาทในเรื่องนี้เช่นกัน

    หลายคนอ่าจจะงงๆ ว่าเดรโกมาเป็นแบบนี้ได้ยังไงหรือว่าทำไมโวลเดอมอร์ถึงไม่รู้ว่าเดรโกกำลังทำอะไรอยู่

    ไรท์จะค่อยๆ เล่าไปเรื่อยๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้บ้าง แล้วก็คนๆ นั้นจะโผล่หางออกมาเรื่อยๆ

    ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาจนตอนนี้ เจอกันใหม่ตอนถัดไปนะคะ ♥

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×