คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : [SF HaeEun] Daddy Donghae : Onsen (Part 2)
Daddy Donghae: Onsen (END)
ทงเฮและฮยอกแจในชุดยูคาตะสีดำขลิบขาวเดินมาที่ห้องอาหารที่ทางโรงแรมจัดเตรียมมื้ออาหารเย็นเอาไว้ให้หลังจากล้างตัวเสร็จ
เด็กน้อยดูร่าเริงกว่าปกติเพราะในที่สุดเขาก็ได้สวมชุดยูคาตะอย่างที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้นทริป
กว่าจะออกจากห้องพักได้ฮยอกแจก็รัวมือถือถ่ายรูปตัวเองเอาไว้หลายสิบรูป
ซ้ำยังไม่วายชวนคุณทงเฮมาถ่ายร่วมเฟรมด้วยเป็นที่ระลึก
มือเล็กจับตะเกียบค่อยๆบรรจงคีบอาหารช้าๆ
เพราะเจ้าตัวกลัวว่าแขนเสื้อยูคาตะที่ยาวระย้ามาถึงศอกจะเปรอะอาหารบนโต๊ะ
“ทำแบบนี้ก็ได้นะ”ทงเฮว่าพลางจับชายแขนเสื้อยูคาตะของฮยอกแจพับขึ้นไปถึงศอก
ฮยอกแจมองดูมือหนาที่ช่วยเขาพับเสื้อทั้งสองข้างก่อนจะยิ้มแฉ่งแทนคำขอบคุณให้กับเจ้านายคนใจดีของเขา
“ทีนี้ก็กินได้แล้ว กินเยอะๆล่ะ”ทงเฮว่าอย่างนั้นก่อนจะหันกลับมาสนใจอาหารในถาดของตัวเอง
ปลาฮกเกะย่างถ่านหน้าตาน่าทาน เสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวสวย
และเครื่องเคียงอีกสองสามอย่าง ร่างโปร่งมองอาหารตรงหน้าก่อนจะเริ่มทานอาหารเงียบๆ
เขาไม่ค่อยชอบทานปลาย่างเท่าไรนัก ตอนจองโรงแรมก็ดันลืมแจ้งเรื่องอาหารไปเสียสนิท
“คุณทงเฮใส่ยูคาตะบ่อยไหมครับเวลามาที่ญี่ปุ่น”
“ไม่ค่อยได้ใส่หรอก ฉันไม่ได้อินอะไรกับญี่ปุ่นขนาดนั้น”คำตอบของทงเฮทำให้คนฟังยู่หน้า
ทั้งๆที่เขาออกจะตื่นเต้นกับการมาเที่ยวญี่ปุ่นขนาดนี้แท้ๆ
แต่เจ้านายของเขากลับทำเหมือนมันเป็นเรื่องที่น่าเหนื่อยหน่ายใจไปเสียอย่างนั้น
แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ
ก็คุณทงเฮมีเงินตั้งเยอะจะบินมาญี่ปุ่นอาทิตย์เว้นอาทิตย์ก็คงทำได้
คงไม่มาตื่นเต้นอย่างกับเด็กบ้านนอกอย่างเขาหรอก
“เสียดายจังเลยครับ”ฮยอกแจตัดพ้อ
“เป็นอะไร”
“ผมอิจฉาคุณทงเฮนี่ครับ ทั้งๆที่คุณทงเฮได้มาญี่ปุ่นบ่อยแท้ๆกลับไม่อินกับที่นี่
นี่ถ้าเป็นผมนะ ให้มากี่ครั้ง ผมก็จะใส่ชุดยูคาตะทุกครั้งเลย”
“ถ้าเธอชอบก็ใส่สิ มันก็ดีนะ ใส่ยูคาตะถอดง่าย”ทงเฮเอ่ยออกมาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
ในขณะที่คนฟังลุกลี้ลุกลนมองซ้ายขวากลัวคนอื่นจะฟังสิ่งที่เจ้านายของเขาพูดออก
“คุณทงฮ~ทำไมถึงพูดเรื่องนี้ตอนกินข้าวล่ะครับ”ใบหน้าหวานขึ้นริ้วสีระเรื่อเพราะคำพูดจาติดทะลึ่งของร่างตรงข้าม
ทั้งรอยยิ้มมุมปากและสายตาที่ส่งมาบ่งบอกได้ดีว่าตอนนี้ทงเฮกำลังคิดอะไรกับเขาอยู่
ต่อให้ผ่านไปนานแค่ไหนเขาก็ไม่ชินกับความต้องการของเจ้านายเขาเลยสักนิด
“ทำไมล่ะ? แค่พูดเองนะ ฉันไม่ได้ทำ แต่เอ๊ะ
ตอนนั้นฉันก็เคยทำตอนเธอกำลังทำอาหารมาแล้วนี่นา
จะแปลกอะไรถ้าฉันจะทำเธอตอนกำลังกินข้าว จริงไหม”ทงเฮแกล้งหยอกเด็กชาย
นั่นยิ่งทำให้ฮยอกแจลนลาน นิ้วเล็กๆเลื่อนมาแตะริมฝีปากทำท่าจุ๊ปากให้อีกคนดู
“คุณทงเฮ~~พอแล้ว”ฮยอกแจเริ่มยู่หน้าลงเมื่อคุณทงเฮดูท่าว่าจะไม่ยอมหยุดแกล้งเขาสักที
ทั้งๆที่ตอนนี้เขารู้สึกร้อนไปทั้งแก้มลามไปถึงใบหูหมดแล้ว
“ให้ฉันพอเรื่องอะไรล่ะ ฉันแค่บอกเฉยๆเองนะว่ายูคาตะมันถอดง่าย”
“ก็นั่นแหละครับ ไม่พูดแล้วนะครับคุณทงเฮ”
“ไม่เชื่อฉันงั้นเหรอ คืนนี้เดี๋ยวจะลองถอดให้ดู เอาไหม?”คนเจ้าเล่ห์ยังคงแกล้งกระเซ้าเย้าแหย่เด็กชายที่ตามเกมไม่ทันไม่หยุด
ยิ่งเห็นฮยอกแจหน้าแดงทำตัวไม่ถูกเขาก็ยิ่งอยากแกล้งซ้ำๆ
“ไม่เอาแล้วครับ ไม่พูดเรื่องนี้แล้วครับ”
“ทำไมล่ะ หื้อ”
“ฮื้อออ คุณทงเฮก็รู้นี่ครับ”
“ไม่นี่ ฉันจะไปรู้อะไรล่ะ”
“อื้อออ ผมเขินครับ มันน่าอายออกพูดเรื่องนี้ตอนกินข้าวนะครับคุณทงเฮ”เด็กน้อยเริ่มทำเสียงงอแงงุ้งงิ้งในลำคอเมื่อเจ้านายของเขายังคงแกล้งไม่หยุด
“ถ้างั้นเธอก็รีบกินข้าวสิ รีบกินให้อิ่ม
จะได้เปลี่ยนไปพูดเรื่องนี้ตอนอยู่ในห้อง ดีไหม?
“คุณทงเฮ~~~”ฮยอกแจลากเสียงเรียกชื่ออีกฝ่ายยาวเหยียด
ปากอิ่มเริ่มเบะลงเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกแกล้งหยอกเขาเสียที
“ว่าไง หื้ม”
“คุณทงเฮทะลึ่งตลอดเลย ไม่เอาแล้วครับ ไม่คุยแล้วครับ ผมจะกินข้าว”เอ่ยพลางคีบข้าวคำโตเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆแทนการตัดบทสนทนา เสน่ห์อย่างหนึ่งของเด็กคนนี้คงจะเป็นความขี้เขิน
ขี้อายนี่ล่ะมั้ง ที่ทำให้ทงเฮรู้สึกหวงแหนไม่อยากปล่อยมือให้เจ้าตัวหนีไปไหน
“หิวไม่ใช่เหรอ ทำไมกินแต่ข้าว กินปลาด้วยสิ”ทงเฮเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นว่าฮยอกแจเอาแต่ตักข้าวสวยในชามข้าวเข้าปากสลับกับเครื่องเคียง
แต่เนื้อปลาที่เป็นอาหารจานหลักกลับแทบไม่ถูกแตะต้อง
“ปลามันกินยากครับ ดูสิครับ ติดก้างไปหมดเลย”เจ้าตัวเอ่ยพลางพยายามใช้ตะเกียบแซะเนื้อปลาย่างเกลือในจานให้ทงเฮดู
แต่เพราะก้างปลาที่ขวางอยู่ทำให้คนไม่ถนัดใช้ตะเกียบอย่างฮยอกแจคีบได้เพียงเนื้อปลาชิ้นเล็กๆเข้าปาก
เด็กชายยู่ปากแล้วถอนหายใจเบาๆกับตัวเองอย่างสิ้นหวัง
ตาคู่สวยมองเนื้อปลาย่างกลิ่นหอมตาละห้อย ท้องก็ร้องเสียงดังขนาดนี้
ทำไมคนญี่ปุ่นจะต้องทำอาหารให้กินยากๆนะ
“ทำแบบนี้่ก่อนสิ”ทงเฮเอ่ยพลางเลื่อนตะเกียบในมือไปเลาะก้างปลาออกแล้ววางไว้ที่ข้างจานให้คนตัวเล็ก
เห็นดังนั้นฮยอกแจจึงยิ้มกว้าง
“โห ทำแบบนี้ได้ด้วย เจ๋งครับ”
“มันไม่ได้ยากอะไรไหมล่ะ เด็กโง่”ร่างโปร่งเอ่ยก่อนจะยีกลุ่มผมนุ่มเล่นด้วยความเอ็นดู
ถึงแม้เจ้าตัวจะพยายามแสดงออกว่าโตแล้วแค่ไหน
แต่สุดท้ายเด็กน้อยก็ยังต้องการการเอาใจใส่เล็กๆน้อยๆแบบนี้อยู่ดี
“ผมไม่ชอบให้คุณทงเฮเรียกผมว่าเด็กโง่เลยอะครับ?”
“หืม? ทำไมล่ะ?”
“ก็ผมไม่อยากเป็นเด็กโง่นี่”
“งั้นอยากให้เรียกว่าอะไรล่ะ”
“เด็กดีสิครับ ผมเป็นเด็กดีของคุณทงเฮนะครับ”เด็กชายหน้างอตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ยิ่งมองยิ่งรู้สึกอยากบีบแก้มให้หายหมั่นเขี้ยว
“เด็กดีที่เดี๋ยวนี้ชอบขัดฉันน่ะเหรอ หื้ม?”
“ผมแค่หิวเอง ไม่ได้ขัดคุณทงเฮตลอดนะครับ”ฮยอกแจเถียง
“อย่างนั้นเหรอ”
“ฮื้ออ ไม่เด็กดีก็ได้ครับ จะเรียกว่าอะไรก็เรียกเลย ผมตามใจคุณทงเฮ”
“เดี๋ยวนี้หน้างอเก่ง งอแงเก่ง”
“ผมไม่ได้ทำหน้างอนะครับ ไม่ได้งอแงด้วย”
“แล้วที่เป็นอยู่คือ?”
“ก็...ครับ โอเค หน้างอก็ได้ ก็ผมน้อยใจนี่
คุณทงเฮชอบบอกว่าผมเป็นเด็กดื้อบ้างล่ะ เป็นเด็กโง่บ้างล่ะ
ผมต้องทำยังไงถึงจะเป็นเด็กดีของคุณทงเฮล่ะครับ ผมไม่อยากเป็นเด็กไม่ดีนะ”
“มาญี่ปุ่นแล้วทำไมอ้อนเก่งขึ้นครับ หือ? น้อยใจเก่งขึ้นด้วยนะเนี่ย”ทงเฮเอ่ยถามพลางเลื่อนมือไปเกลี่ยข้าวที่เลอะมุมปากของเด็กชาย
“ไม่น้อยใจแล้วก็ได้ครับ ผมหายแล้วก็ได้”เด็กน้อยว่าพลางก้มหน้าก้มตาคีบเครื่องเคียงเข้าปาก
จริงๆเขาก็พอจะรู้ตัวว่าไม่มีสิทธิ์อะไรไปน้อยใจคุณทงเฮ
แต่พอนึกๆแล้วคุณทงเฮพาเขามาถึงญี่ปุ่นก็เอาแต่ทำงาน ปล่อยเขาทิ้งไว้ที่โรงแรมทุกวัน
ซ้ำพอได้มาเที่ยวก็ยังมาดุเขาอีก จะไม่ให้น้อยใจได้ยังไงกัน
“งั้นแด๊ดไม่ต้องง้อใช่ไหม”
“อื้อ ครับ”
“งั้นก็กินเยอะๆแล้วกันนะ”ทงเฮรู้ดีว่าเด็กน้อยตรงหน้าคงกำลังงอนเขา
แต่ในเมื่ออีกฝ่ายบอกเองว่าไม่ต้องง้อ เขาก็จะยียวนทำตามที่เจ้าตัวบอกนั่นแหละ
“ครับ”
ทงเฮนั่งทานข้าวเย็นเงียบๆหลังจากที่ฮยอกแจเอาแต่ก้มหน้าก้มตาสนใจอาหารไม่สนใจจะพูดคุยกับเขาอย่างทุกที
จริงๆไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากง้อเด็กน้อยตรงหน้า
แต่การได้เห็นเจ้าตัวทำแก้มป่องๆปากยื่นปากยาว
คอยหลบสายตายามที่เขาหันไปมองมันก็น่ารักดี
มือหนายกแก้วเบียร์ขึ้นจิบเขาค่อยๆละเลียดรสชาตินุ่มนวลของน้ำข้าวหมัก
วันนี้รสชาติอาหารที่นี่ไม่ถูกปากเขาเท่าไรนัก
แต่ก็ไม่อยากเรื่องมากขอเปลี่ยนอาหารให้เสียเวลา
เขาจึงวางตะเกียบลงตั้งแต่ทานไปได้ไม่ถึงครึ่งจาน ยังดีที่เบียร์สดนี่พอจะทำให้มื้ออาหารมีสีสันขึ้น
“อิ่มแล้วครับคุณทงเฮ”เอ่ยพลางวางตะเกียบลงพาดบนชามข้าว
เด็กน้อยเหลือบสายตามองที่อาหารของร่างตรงข้ามก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคม
“คุณทงเฮไม่ทานเหรอครับ ยังเหลืออีกเยอะเลยนะ”เด็กน้อยถามทั้งๆที่ยังทำปากยื่นอยู่
แม้ว่าจริงๆจะยังน้อยใจคุณทงเฮอยู่ก็ตาม แต่ถ้าเขาเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้านายของเขาไม่กินข้าวเขาก็คงรู้สึกผิด
“ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่น่ะ ถ้าอิ่มแล้วจะกลับห้องเลยไหม?”
“ยังครับ ยังไม่กลับ”
คุณทงเฮต้องกินให้หมดก่อน”
“หืม?”
“คุณทงเฮไม่กินข้าวเพราะผมดื้อเหรอครับ? ผมจะไม่ดื้อ
จะไม่น้อยใจแล้วก็ได้ครับ”
“หึ เปล่า ฉันไม่ได้ไม่กินเพราะเธอดื้อ ฉันแค่ไม่อยากกิน”
“ไม่ได้สิครับ คุณทงเฮไม่กินข้าวเช้า ข้าวเย็นก็ทานน้อย
สุขภาพจะแย่เอานะครับ ไม่ดีเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้หิวอะไร”
“คุณทงเฮชอบบอกว่าไม่เป็นอะไรอยู่เรื่อยเลย นี่ก็กินเบียร์อีก
ทำไมชอบทำลายสุขภาพจังเลยครับ”เด็กน้อยบ่นเสียงงุ้งงิ้งขัดกับสีหน้าจริงจังที่พยายามปั้นแต่งขึ้น
มือเล็กๆจับตะเกียบคีบเนื้อปลาขึ้นจ่อเรียวปากหยักเพื่อบอกให้อีกฝ่ายกิน
ทงเฮมองตะเกียบในมือเล็กสลับกับใบหน้าหวานด้วยความสงสัย
“วันนี้เป็นอะไรเนี่ย หืม?”
“ไม่ได้เป็นอะไรครับ แต่เป็นห่วงคุณทงเฮเฉยๆ
ไม่อยากเห็นคุณทงเฮไม่สบายแบบพ่อผม”
“ฉันไม่หิวขนาดนั้น ไม่กินก็ได้ อีกอย่างฉันแข็งแรง ไม่ป่วยง่ายๆหรอก”
“ไม่ได้ครับ คุณทงเฮชอบว่าผมดื้อ ตอนนี้คุณทงเฮก็ดื้อ ดื้อกว่าผมอีก
พ่อของผมก็เคยพูดว่าแข็งแรง สรุปเขาก็เป็นโรคกระเพาะเรื้อรัง
ผมไม่อยากให้คุณทงเฮเป็นแบบพ่อผมนะ จริงๆนะครับ”
“ฉันก็กินไปตั้งครึ่งแล้ว ไม่เป็นอะไรหรอกครับเด็กดี”ทงเฮกล่อมให้เด็กชายยอมอ่อนลง
แต่เด็กหน้างอก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมเชื่อสิ่งที่ทงเฮพูดเท่าไรนัก
“คุณทงเฮมาญี่ปุ่นก็เอาแต่ทำงานตลอดเลย
ผมเห็นตอนดึกๆคุณทงเฮก็ลุกขึ้นมาเปิดคอมฯทำงาน ไหนๆวันนี้คุณทงเฮได้พักผ่อนพาผมมาเที่ยวแล้ว
ช่วยดูแลตัวเองหน่อยไม่ได้เหรอครับ ผมไม่อยากเห็นคุณทงเฮเป็นอะไรนี่นา
คุณทงเฮสำคัญนะครับ”เด็กน้อยร่ายประโยคที่แฝงด้วยความเป็นห่วงอีกฝ่าย
ดวงตาคู่สวยมองสบกับอีกฝ่าย
พยายามจะแสดงสีหน้าจริงจังให้อีกคนรับรู้ถึงความห่วงใยจากเขา
แม้ทงเฮจะไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลของฮยอกแจเท่าไรนัก
แต่อย่างน้อยเขาก็รับรู้ได้ดีว่าร่างบางตรงหน้าคงเป็นห่วงเขาอย่างที่ว่าจริงๆ
นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้รับความเอาใจใส่แบบนี้
“แต่ฉันไม่ชอบกินปลานะ”
“งั้นกินกิมจิอันนี้แทนครับ ผักดองก็ได้”
“กินเธอแทนน่าจะอร่อยกว่านะ”ร่างโปร่งเอ่ยพลางเลื่อนมือไปดันตะเกียบที่จอริมฝีปากอยู่
“ไม่ใช่ตอนนี้สิครับ ทานข้าวนะครับ นะครับคุณทงเฮ อ้าาา”ฮยอกแจแกล้งทำหน้าดุใส่ทงเฮไปทีนึงก่อนจะฉีกยิ้มหวานแล้วทำเสียงอ้อนใส่ร่างโปร่ง“นะน้า นะครับแด๊ดดี้”
“เฮ้อออ ตามใจเธอแล้วกัน”ในที่สุดทงเฮก็ยอมแพ้ให้กับความออดอ้อนของร่างบาง
เขายอมอ้าปากรับชิ้นปลาที่เด็กน้อยคีบให้ แม้รสชาติที่กินจะไม่ค่อยถูกใจเท่าไร
แต่พอเห็นตากลมๆที่มองมามันก็พอจะทดแทนกันได้
“อิ่มไหมครับ”เด็กชายหันมาเอ่ยถามทงเฮขณะทั้งสองกำลังเดินจากห้องอาหารกลับไปที่ห้องพักหลังจากที่ฮยอกแจพยายามป้อนข้าวทงเฮจนร่างสูงกินเนื้อปลาที่บอกว่าไม่ชอบไปจนเกือบหมด
ร่างทั้งสองเดินเคียงข้างกัน เว้นระยะห่างเอาไว้เล็กน้อย
แต่เมื่อหลังมือทั้งสองแตะเข้าหากันด้วยความบังเอิญ
เด็กชายจึงค่อยๆเลื่อนนิ้วก้อยเล็กๆไปเกี่ยวกับเรียวนิ้วของอีกฝ่าย
ฮยอกแจไม่ได้อยากอ้อนเพื่อจะเอาอะไร
เพียงแค่อยากจะให้อีกฝ่ายจับมือเขาเอาไว้แบบเดียวกับเวลาที่พาเขาไปเที่ยวข้างนอกเท่านั้น
“อยากจับมือเหรอ”
“ฮยอกแจหนาวครับคุณทงเฮ
“หนาวจริงๆหรืออยากจับมือครับ คนเก่ง”ทงเฮว่าพลางผสานเรียวนิ้วเข้ากับเรียวนิ้วเล็ก
ฝ่ามือหนากุมมือของฮยอกแจเอาไว้
แลกเปลี่ยนความอบอุ่นเพียงเล็กน้อยผ่านร่างกายแต่ภายในใจมันก็ทำให้ฮยอกแจรู้สึกอบอุ่นจนแทบกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่
“อยากจับมือครับแด๊ดดี้”
“หนูรู้ใช่ไหม ว่าถ้าหนูเรียกแด๊ดดี้ แด๊ดดี้จะรู้สึกยังไง”
“รู้ครับ ก็เมื่อกี้แด๊ดดี้ยอมให้หนูกินข้าว แล้วก็ยอมให้หนูป้อนข้าวแล้ว
หลังจากนี้หนูจะตามใจแด๊ดดี้แล้วครับ”เด็กน้อยพูดจาเอาอกเอาใจอีกฝ่ายแม้ว่าเจ้าตัวจะรู้สึกร้อนไปทั่วใบหน้า
ฮยอกแจกระดากอายกับคำพูดเชิญชวนของตัวเอง แต่เขารู้ดีว่าทงเฮชอบให้เขาพูดแบบนี้
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้แด๊ดดี้ขอเอาแต่ใจหน่อยนะครับ”
“ครับ แด๊ด”
ทั้งสองเดินกันจนมาถึงห้องพัก
เมื่อทงเฮปิดประตูห้องลง ร่างโปร่งก็จัดการดันร่างบางเข้าชิดกับผนังห้อง
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลาร่างหนาขยับกายเข้าทาบทับก่อนจะกดริมฝีปากบดเบียดเข้าหาเรียวปากสีเชอร์รี่
มือบางของฮยอกแจเลื่อนขึ้นโอบลำคอขอแกร่งอย่างรู้งาน
ขณะที่เรียวปากทั้งสองบดเบียดแลกลิ้นเกี่ยวกระหวัดชิมรสชาติของกันและกัน
มือหนาก็จัดการกระตุกสายรัดเอวที่พันธนาการชุดยูคาตะตัวหลวมออก
ทงเฮลากปลายนิ้วไปตามแผ่นอกขาวที่โผล่พ้นมาจากสาบเสื้อตัวโต
เขาถอนริมฝีปากออกเพื่อหันมาจ้องมองผิวขาวลื่นมือที่ปรากฎตรงหน้า
ร่างบางที่ถูกยูคาตะตัวใหญ่ห่อหุ้มเอาไว้ดูน่าทะนุถนอมเหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ
ทงเฮค่อยๆจับสาบเสื้อยูคาตะออกจากไหล่เล็กลงไปกองที่เรียวแขนทั้งสอง
ริมฝีปากเลื่อนไปพรมจูบซ้ำๆ สัมผัสกับกลิ่นสบู่อ่อนๆที่ยังติดอยู่บนผิวกายนุ่ม
แม้อากาศภายในห้องจะถูกทำให้อุ่นขึ้น
แต่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีตยังคงมีไอเย็นจากด้านนอกทำเอาร่างบางสะดุ้งเมื่อแผ่นหลังแตะสัมผัส
“อ๊ะ”
“เย็นเหรอ”ทงเฮเอ่ยพลางใช้ฝ่ามือรั้งร่างบางเข้ามากอดแนบอก
ร่างโปร่งพรมจูบไปทั่วแก้มนิ่ม ปลายจมูกโด่งคลอเคลียเล่นกับปลายจมูกรั้น
“อื้อ แด๊ดดี้ พาฮยอกแจไปที่เตียงได้ไหมครับ”ฮยอกแจช้อนตามองอ้อน
“อ้อนกันจังเลยนะครับเด็กดี”
“ฮื้ออ แด๊ดดี้ให้หนูใส่ชุดได้ไหม หนูหนาว”ฮยอกแจว่าพลางดึงยูคาตะขึ้นคลุมไหล่
สองมือเล็กกระชับเสื้อเข้าหากันพลางเบียดกายเข้าหาอีกร่าง “กอดหนูนะ”
“แด๊ดดี้กอดหนูอยู่แล้วไงครับคนเก่ง”
“กอดหนูบนเตียงนะครับแด๊ดดี้”ฮยอกแจกระซิบข้างใบหูร่างโปร่งก่อนจะแตะริมฝีปากจูบเข้าที่ปลายคางอย่างออดอ้อน
มือเล็กเลื่อนไปลูบบนแผ่นอกแกร่งช้าๆก่อนจะลากลงไปกระตุกปมสายรัดยูคาตะที่เอวอีกฝ่ายออก
“อย่างนั้นเราเปลี่ยนจากเตียงเป็นในออนเซ็นไหม
ตั้งแต่หนูมายังไม่ได้แช่เลยนี่”
“แต่ในน้ำมันร้อนนะครับ”
“แต่คงไม่มีอะไรร้อนเท่าตอนที่เรามีอะไรกันแล้วมั้งครับคนดี”
“ฮื้ออ แด๊ดดี้~”
“ถ้าหนูไม่ลองก็ไม่รู้นะ”
“อื้อ หนูตามใจแด๊ด”เด็กชายอ้อมแอ้มตอบ
ได้ยินดังนั้นร่างโปร่งจึงจัดการถอดยูคาตะที่ยังเกี่ยวอยู่ที่เรียวแขนเล็กออกจากร่างขาวเนียน
ก่อนจะจัดการช้อนอุ้มเด็กน้อยเดินไปที่ห้องอาบน้ำ
ความเย็นที่พัดผ่านหน้าต่างเข้ามาในส่วนของบ่อออนเซ็นส่วนตัวทำให้ร่างเปลือยเปล่ากระชับแขนกอดร่างแกร่งแน่นขึ้น
“หนูหนาว”
“แด๊ดดี้ถอดเสื้อแปปนึงนะครับคนดี”ทงเฮเอ่ยก่อนจะจัดการวางฮยอกแจลง
แต่ไม่ทันที่เขาจะเป็นฝ่ายถอดยูคาตะสีดำออกจากร่าง
คนตัวเล็กก็ขยับเข้ามาช่วยปลดเปลื้องอาภรณ์ให้อย่างรู้งาน
“ค่อยๆลงนะ น้ำมันร้อนถ้าลงไปทีเดียวทั้งตัวร่างกายอาจจะไม่ไหว”ทงเฮว่าขณะพาเด็กน้อยลงไปในบ่อน้ำร้อนที่ถูกจัดตกแต่งสวยงาม
ปลายเท้าค่อยๆแตะลงบนผิวน้ำช้าๆก่อนจะจุ่มลงไป อุณหภูมิร้อนที่ตัดกับอากาศหนาวเย็นทำให้ฮยอกแจสะดุ้ง
“ค่อยๆนะ”
“อื้ออ”เมื่อปรับตัวได้ฮยอกแจก็ค่อยๆหย่อนกายลงนั่งลงในบ่อน้ำร้อนช้าๆ
อุณหภูมิของน้ำในบ่อทำให้ร่างกายที่หนาวสั่นอบอุ่นขึ้น
มือเล็กๆที่เกาะเกี่ยวกับมือหนากระตุกเบาๆให้อีกร่างนั่งลงตาม
ทงเฮเห็นดังนั้นจึงขยับกายนั่งลงข้างๆคนตัวเล็กแล้ววาดแขนแกร่งโอบเอวบางรั้งอีกฝ่ายเข้าหา
“ชอบหรือเปล่า”
“ชอบครับ ตอนแรกรู้สึกว่าร้อนไป แต่ตอนนี้อุ่นแล้วครับ
ชอบมากกว่าอากาศหนาวๆเยอะเลย”ฮยอกแจว่าพลางเอียงใบหน้าเข้าซบไหล่แกร่ง
“ดีใจนะที่เธอชอบ”
“แล้วแด๊ดดี้ชอบไหมครับ”
“ชอบสิ ฉันชอบที่ได้อยู่กับหนูนะ เด็กดี”ทงเฮเอ่ยบอกก่อนจะเชยคางเล็กขึ้นสบตา
คำพูดของร่างโปร่งทำให้เด็กชายยิ้มกว้าง
เขาดีใจทุกครั้งที่เจ้านายของเขาบอกว่าชอบการที่มีเขาอยู่ในชีวิต
“หนูก็ชอบอยู่กับแด๊ดดี้ที่สุดครับ หนูอยากอยู่กับแด๊ดไปนานๆนะ”สิ้นคำพูดของร่างบาง ฮยอกแจก็ขยับใบหน้าเข้าหาใบหน้าคมช้าๆ สายตาสอดประสาน
ขณะที่ปลายจมูกทั้งสองค่อยๆแตะสัมผัสกัน
ทั้งสองแย้มยิ้มให้กันและกันก่อนที่เรียวปากทั้งสองจะประกบเข้าหากันอย่างอ้อยอิ่ง
จุมพิตที่แสนอ่อนโยนแต่จังหวะและสัมผัสของทงเฮทำให้ร่างบางรู้สึกวาบหวามในช่องท้อง
“อ้อนเก่ง”ทงเฮยกยิ้มก่อนจูบหน้าผากมนเบาๆ
“แล้วแด๊ดดี้ชอบเวลาฮยอกแจอ้อนไหม”เด็กน้อยเอ่ยถามพลางช้อนตาอ้อน
มือเล็กวักน้ำร้อนจากบ่อค่อยๆราดลงบนไหล่แกร่งก่อนที่นิ้วเรียวจะลากวนลูบไล้ช้าๆลงมาถึงแผ่นอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม
แล้วขยับริมฝีปากแตะเบาๆที่อกด้านซ้ายของร่างโปร่ง
กริยาอ้อยอิ่งแสนเย้ายวนของเด็กน้อยทำให้ทงเฮไม่อาจละสายตาไปได้แม้แต่น้อย
“ฉันชอบเวลาเธอยั่วมากกว่านะ”
“แบบนี้เหรอครับ?”ฮยอกแจเลิกคิ้วถามพลางแตะจูบขึ้นมาที่ลำคอแกร่ง
ก่อนจะค่อยๆขบเม้มแผ่วเบาช้าๆเลียนแบบสัมผัสที่เคยได้รับจากอีกฝ่าย
เรียวลิ้นเล็กไล่ลงมาตามแผ่นอกแกร่งพรมจูบไปทั่วจนพอใจก่อนจะละออกช้อนตามองใบหน้าคมที่กำลังกัดกรามแน่น
“รู้งานเกินไปแล้ว ขี้ยั่ว”
“อยากให้แด๊ดดี้ชอบนะครับ”
“ฉันชอบมาก มากที่สุด เด็กดี”
ทงเฮจัดการหยิบคว้าผ้าเช็ดตัวมาคลุมฮยอกแจก่อนที่จะพาฮยอกแจเข้ามาในส่วนของห้องนอน
ร่างบางถูกวางลงก่อนที่มือหนาจะค่อยๆใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดกายบางเพื่อซับเอาคราบเปียกชื้นออกจากผิว
เมื่อเด็กชายตัวแห้ง ร่างบางก็เป็นฝ่ายคว้าผ้าเช็ดตัวกลับมาเช็ดให้ทงเฮบ้าง
“สอนให้ผมเล่นกล้ามบ้างสิครับ”
“เอาไว้เดี๋ยวโตกว่านี้หน่อยนะ”
“จริงนะครับ?”
“จริงสิ”
“ดีใจจัง แด๊ดดี้ใจดีกับผมอีกแล้ว
ขอบคุณนะครับ”ฮยอกแจยิ้มหวานก่อนจะมอบจุมพิตลงที่ปลายคางที่มีไรหนวดขึ้นเบาๆ
“ยังอยากอยู่รึเปล่า?”ทงเฮเอ่ยถามพลางใช้ฝ่ามือลูบกลุ่มผมนิ่มเบาๆ
เขาเคยใช้ยาปลุกเซ็กส์นี้กับเด็กคนเก่า
เขารู้ดีว่าปลดปล่อยเพียงสองครั้งคงไม่อาจจะดับฤทธิ์ยาขนิดนี้ได้
ฮยอกแจเม้มปากเขินๆก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
แม้ร่างกายจะรู้สึกอ่อนเพลียจนแทบไม่มีแรง
แต่ความร้อนในร่าง
และอารมณ์ที่มันพุ่งสูงก็ทำให้ส่วนอ่อนไหวของเขาชูชันขึ้นอย่างห้ามไม่ได้
ทงเฮเห็นดังนั้นจึงยกยิ้มแล้วกดจุมพิตลงบนหน้าผากมน
“คืนนี้คงอีกยาว อยากจะลองอะไรที่มันเร้าใจขึ้นไหมล่ะ”
“ครับ? ยังมีอะไรมาแกล้งผมอีกเหรอเนี่ย
แด๊ดดี้”ฮยอกแจเริ่มเบะปากหน้างออีกครั้ง ตั้งแต่เดินทางมาญี่ปุ่นทงเฮก็ดูจะชอบแกล้งเขา
หาอะไรต่อมิอะไรมาทำให้เขาทรมานตั้งแต่บนเครื่องบิน
เขาชักจะน้อยใจเจ้านายของเขาจริงๆจังๆแล้วนะ
“ลองเดินไปหยิบถุงกระดาษที่อยู่ตรงนู้นมาดูสิ”ทงเฮว่าพลางชี้ไปที่ถุงกระดาษสีชมพูที่มีโบเล็กๆผูกอยู่
มันถูกวางเด่นอยู่กลางโต๊ะ
ฮยอกแจเดินไปหยิบเปิดดูก่อนที่แก้มนิ่มๆจะขึ้นสีระเรื่อเมื่อสายตาเห็นกับข้าวของที่อยู่ในนั้น
“แด๊ดดี้~”
“หมดนี่ ฉันมีเอาไว้เล่นสนุกกับเธอนะคนเก่ง”ทงเฮเอ่ยพลางขยับกายเข้าทาบทับแผ่นหลังบาง
ปลายคางวางเกยบนไหล่เล็ก
สายตามองไปในถุงที่ตอนนี้มือเล็กๆของฮยอกแจกำลังหยิบข้าวของในนั้นออกมาดู
“นะ...นี่อะไรครับ”ฮยอกแจเอ่ยถามพลางหยิบพวงหางขนนุ่มสีชมพูอ่อนขึ้นมาชูให้ทงเฮดู
ตอนแรกเขาก็คิดว่ามันน่ารัก แต่เมื่อเห็นแท่งเหล็กขนาดเล็กที่ติดอยู่ตรงส่วนปลายเด็กชายก็กลืนน้ำลาย
ขอให้ไม่เป็นอย่างที่เดาเอาไว้เลยนะ
“ลองเดาดูสิครับ เหมียวน้อยของแด๊ดดี้”
“ฮื้อออ~~แด๊ดดี้ทงเฮทะลึ่งที่สุดเลย”
“คืนนี้มาต่อกันเลยนะ เด็กน้อยของฉัน”
“แด๊ด~~”
(พร้อมๆกับที่ทงเฮฮยอกแจตัวจริงก็ไปออนเซนกันมาเมื่อคืน T^T)
เดือนหน้าตุลาคมก็เป็นเดือนเกิดของแด๊ดดี้แล้ว จะเป็นตอนสุดท้ายของโปรเจคนี้แล้วนะคะ
สำหรับใครที่ติดตามอ่านกันมาตั้งแต่เดือนเมษา มาอ่านต่อจนตุลาเลยน้า รัก
#daddyproject #รักหลากรสเฮอึน
ความคิดเห็น