ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #211 : The First Time (Is The Last Time)

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 67


    The First Time (Is The Last Time)
    Playlist: ame_no_parade – March












    .

    เป็นคำพูดที่ไม่เกินจริงเลยถ้าจะบอกว่าฮาราดะ ชิซึกิเป็นเด็กผู้หญิงที่อยู่กับคำชมมาตลอดทั้งชีวิตนับตั้งแต่จำความได้ จริงอยู่ที่เธอไม่ใช่คนหัวดีหรือมีความสามารถด้านใดก็ตามอยู่ในระดับแนวหน้า หากแต่มีหน้าตาที่สะสวยมากและเป็นของแท้แบบที่หาได้อย่างยากยิ่ง พอขึ้นชั้นมัธยมต้นก็ได้รับนามบัตรจากแมวมองระหว่างไปเดินเล่นตามย่านการค้าบ่อยมากจนแทบจะกลายเป็นเรื่องน่ารำคาญ ถึงจะไม่ได้อวดโอ่ แต่ลึกๆ ชิซึกิก็ไม่ปฏิเสธว่าภูมิใจกับพรจากพระเจ้าที่สรรสร้างเธอออกมาให้สมบูรณ์แบบเช่นนี้ ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนล้วนแล้วแต่อิจฉา เมื่อการได้รับความรักจากคนอื่นเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก แต่กระนั้น เพื่อนผู้หญิงรอบข้างก็ยังนิยมชมชอบเธอที่ไม่ได้ทำตัวเหมือนกับว่าเหนือกว่าคนอื่นๆ ชิซึกิเคยเป็นเด็กสาวที่มีความสุขอยู่กับครอบครัว เพื่อนฝูง ดนตรี และพอใจกับชีวิตเช่นนี้ดี กระทั่งเด็กผู้ชายจากลอนดอนได้ย้ายเข้ามาในช่วงเปิดภาคเรียนของชั้นไฮสคูลปีที่สอง ห้องสอง ในโลกใบที่สองที่ชิซึกิแสนรักเป็นนักหนาซึ่งถูกเรียกขานว่าโรงเรียน

    เด็กผู้ชายคนนั้นมีชื่อว่าทานากะ ฮินาริ ไม่ว่าใครต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหน้าตาดี นิสัยหรือก็น่าคบหา ที่นั่งในห้องเรียนของเขาอยู่หลังสุดข้างกับเด็กผู้หญิงที่ไม่มีใครในห้องแม้แต่คนเดียวสนิทสนมด้วย สถานที่หลบลี้หนีผู้คนของเด็กสาวมาฟุเนะ ยูเมริคนนั้นก็คือห้องสมุดในตึกเก่าอันแสนเงียบงัน นั่นดูเหมือนจะเป็นเรื่องเดียวที่เพื่อนร่วมห้องรับรู้กันเป็นอย่างดีเกี่ยวกับตัวหล่อน และไม่ใช่เป็นเพราะว่าหล่อนทำตัวหยิ่งไม่สุงสิงกับใครจนทุกคนในห้องพากันรวมหัวแบนราวกับเป็นส่วนเกิน ในความเป็นจริงคือใครๆ ก็สามารถพูดคุยกับหล่อนได้ และหล่อนเองก็พูดจากับคนอื่นในเรื่องการเรียนหรือเรื่องสัพเพเหระทั่วไปบ้างนานๆ ที แต่ดูเหมือนว่าความสนใจของหล่อนจะอยู่ในจินตนาการกับหน้ากระดาษเปื้อนหมึกเหล่านั้นมากกว่าคนตัวเป็นๆ ขนาดที่ชิซึกิเองยังเคยถกกับหล่อนอย่างออกรสเรื่องนิยายหรือมังงะที่นำไปทำเป็นภาพยนตร์อยู่บ่อยครั้ง ท่าทางในตอนนั้นของยูเมริช่างเป็นธรรมชาติมากจนชิซึกิเองก็ยังรู้สึกวางใจ

    ชิซึกิแสดงความจริงใจออกมาจากแก่นแท้ในก้นบึ้งอย่างที่สามารถมองหาได้จากมนุษย์คนหนึ่ง และเธอเองก็เคยเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น ก่อนทุกอย่างจะสั่นคลอนลงไป เมื่อความสัมพันธ์ของยูเมริและฮินาริได้พัฒนาไปเป็นเพื่อนคนสนิทอย่างรวดเร็วหลังจากเขาย้ายมาไม่กี่สัปดาห์ โดยที่ไม่ว่าใครต่อใครก็พากันคาดไม่ถึง ภาพที่ทุกคนเห็นจนชินตาคือทั้งคู่มักจะพูดคุยกันอย่างเริงร่าแล้วส่งยิ้มไม่ก็หัวเราะให้แก่กัน ไม่ใช่แค่ในห้องเรียนหรือห้องสมุด แต่ยังเป็นอัฒจรรย์ซึ่งเขามักจะไปเตะบอลกับเพื่อนผู้ชายคนอื่น ไหนจะบนดาดฟ้า และเส้นทางเดินเชื่อมระหว่างตึกเก่ากับตึกใหม่นั้นด้วย อาจพูดได้ว่าไม่เคยมีใครทำให้หญิงสาวผู้รักสันโดษแสดงความสุขผ่านทางใบหน้าออกมาได้มากถึงเพียงนี้

    และนั่นอาจเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ชิซึกิรู้สึก...อิจฉา

    แน่นอนว่าชิซึกิเองก็แสดงออกว่าชอบฮินาริโดยไม่ปิดบัง คำเปรียบเปรยที่ได้ยินจนชาชินสำหรับตัวเธอคือเจ้าหญิงผู้เลอโฉม ขณะที่ฮินาริก็ได้ถือครองตำแหน่งเจ้าชายไปโดยปริยาย ทั้งเธอกับเขาต่างก็ดูเหมาะสมกันมากขนาดชิซึกิที่ไม่ใช่คนหลงตัวเองก็ยังคิดแบบนั้น

    ตลอดชีวิตสิบเจ็ดปี เธอไม่เคยได้รู้จักกับคำว่า ผิดหวัง จากสิ่งที่เรียกว่าความรักมาก่อน ดังนั้นเมื่อเธอสารภาพรักกับฮินาริแล้วถูกปฏิเสธด้วยคำตอบที่ว่า “ฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ขอโทษด้วยนะ” แล้วจะให้ชิซึกิทำใจเชื่อได้อย่างไร ว่าเจ้าชายในชุดขาวคนนั้นจะเลือกหญิงชาวบ้านที่ไม่มีสิ่งใดทัดเทียมเธอเพียงน้อยกัน

    ทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว เธอก็ยังถามกลับไปว่า “นายหมายถึงยูเมริเหรอ?” และเมื่อรอยยิ้มสดใสที่สุดแตะลงบนริมฝีปากคู่นั้น ชิซึกิก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้พังทลายลงไป

    “อย่างนั้นก็ขอให้โชคดีนะ ฉันจะเป็นกำลังใจให้”

    ชิซึกิแสร้งแสดงความเข้มแข็งออกมาและทำเหมือนว่าไม่เป็นไรแม้จะรู้สึกกล้ำกลืน ไม่มีครั้งไหนที่ได้เห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันแล้วหัวใจเธอจะไม่ร่ำร้องไห้ ทุกคนต่างพากันพร่ำปลอบเธอ แต่ไม่มีใครสักคนที่จะมาเข้าใจคนที่อยู่ในจุดสูงสุดมาตลอดชีวิตอย่างเธอได้เลย

     

    ครั้งหนึ่ง เพื่อนในกลุ่มของเธอคนหนึ่งอดปากไม่ไหวจนต้องถามฮินาริไปตรงๆ ว่า “นายชอบคุณมาฟุเนะที่ตรงไหนเหรอ?” และคำตอบที่ได้รับก็ช่างน้ำเน่ายิ่งกว่าหนังรักที่เธอชอบดูซะอีก

    “ฉันชอบทุกอย่างที่เป็นเขา”

    “พูดก็พูดเถอะนะ ฉันคิดว่านายหาได้ดีกว่าคุณมาฟุเนะตั้งเยอะ”

    “แต่ยูเมริดีพอสำหรับฉันแล้ว” ฮินาริตอบด้วยท่าทีเบาสบายแล้วหัวเราะน้อยๆ อย่างไม่ถือสา

     แต่หลังจากวันนั้น เพื่อนในกลุ่มของเธอทุกคนก็แสดงท่าทีปั้นปึ่งต่อยูเมริทั้งที่เจ้าตัวก็ไม่ได้ทำผิดอะไร นอกจากเป็นหญิงสาวผู้โชคดีที่มีเจ้าชายมาตกหลุมรักเท่านั้น หากชิซึกิก็ยังคงเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ปฏิบัติต่อหล่อนเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน และไม่ได้เป็นเพราะว่าเธอสูงส่งกว่าใครๆ ชิซึกิก็แค่อยากแสดงให้ฮินาริและคนอื่นๆ เห็นว่าเธอเป็นเด็กสาวที่แสนดีจากเนื้อใน แม้จะผิดหวังจากความรักก็ยังคงยิ้มให้พวกเขาทั้งคู่ที่ต่างทำร้ายจิตใจของเธอได้ แม้ว่าหัวใจของเธอจะบอบช้ำจนเกินเยียวยา

    ก่อนที่ความอดทนตลอดมาของเธอจะหมดลงในช่วงเตรียมงานวัฒนธรรม ห้องของพวกเธอตกลงทำคาเฟ่ของหวานในธีมเทพนิยายซึ่งมีทั้งเจ้าชายและเจ้าหญิงประจำโรงเรียนเป็นตัวยืนพื้น และคนรักของเจ้าชายก็ไม่ได้แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยอะไร ซ้ำยังให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีแม้จะเป็นฝ่ายเบื้องหลังเสียอีก

    กว่าครึ่งหนึ่งของเด็กในห้องอยู่จนถึงดึกดื่นที่โรงเรียนเพื่อจะได้ช่วยกันเตรียมงานตกแต่งสถานที่ให้เสร็จทันเวลา การได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ แบบนี้ทำให้ชิซึกิมีความสุขมาก...เสียจนคิดว่าต่อให้ไม่ได้ครองรักกับเจ้าชายก็ไม่เห็นจะเป็นไร

    แต่ตอนที่เธอบังเอิญได้เห็นฮินาริกับยูเมริจูบกันบนดาดฟ้าระหว่างที่ออกตามหา ชิซึกิถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วไม่ใช่เลย

    ทั้งๆ ที่เธอรักฮินาริมากขนาดนั้น

    ทั้งๆ ที่เธอมีดีกว่ายูเมริมากขนาดนั้น

    ชิซึกิเข้าไปยืนร้องไห้ปล่อยความคับข้องอย่างสุดจะกลั้นอยู่ในห้องน้ำลำพัง จนเมื่อได้ยินเสียงบานประตูเปิดอ้าแล้วเงยใบหน้าขึ้นมองผ่านบานกระจก ก็ได้พบเด็กผู้หญิงที่ไม่อยากเจอหน้ามากที่สุดในโลกปรากฏตัวอยู่ตรงนั้น ยูเมริไม่ได้เดินเข้ามา แค่ส่งเสียงแผ่วออกมาว่า “ฉันขอโทษ” แล้ววิ่งหนีไปโดยไม่รอให้เธอได้เปิดปาก

    แต่ชิซึกิก็ไม่ได้คิดว่าอยากจะพูดอะไรอยู่แล้ว











    2024年09月12日
    _______________
     ในฟิคอิหยังวะ เราก็ยังสามารถเจอชิ้นส่วนของฟิคที่ดี (เหรอวะ) อยู่ท่อนสองท่อน เช่นเรื่องนี้ ที่บอกไปก็คงไม่เชื่อว่ามันมาจากเรื่อง She is insideฯ ฉบับเต็ม ที่ไม่มีใครได้อ่านหรอกนอกจากกู เพราะที่ดีสุดก็มีแค่ท่อนของอุมิ(+อาเบะโฮคุโตะ)นั่นแหละ แรกสุดกูให้มีนางเอกสองคน จริงๆ สามคนด้วยซ้ำ สมัยก่อนกูแต่งคนเดียวไง อยากยัดกี่คนกี่คู่ก็ยัดไป ต้องแคร์ไรนิ (พระเอกสิบ) / มึงดูดิ สมัยก่อนกูแต่งแบบไม่มุ้ปอร มันมาทรงเดียวกับพล็อตอุตะกาตะเลยไหมวะ ซีนงานวัฒนธรรมบนดาดฟ้าก็คู่คุโระ ซีนเด็กย้ายมาใหม่กับเด็กอึมครึมก็โคตะ อยากจะบ้า (แต่ฮินาริชอบเตะบอลจริงนะ จูเนียร์แชมป์ก็ไปเตะบอล...จ้ะ) แต่สมัยนี้กูก็เพลาๆ ละนะ อะไรที่แต่งแล้วคอมพลีตก็มุ้ปอรแล้ว ชีวิตกูไม่ได้ย่ำอยู่กับที่ ไม่ได้ก๊อปแต่ฟิคเก่าๆ ของตัวเองและคนอื่นน่ะนะ :p
     เป็นฟิคที่คิดว่าจะเอามาลงนานแล้วแต่ไม่เปิงใจใครสักคน ตอนที่ดูโปเกม่อนพี่ฟุกกะคัพกูก็เคยคิดว่าจะเป็นเรโอะ เพราะชื่อมีคำว่าเจ้าชาย แค่นั้นแหละ 55555 แต่ก็คิดว่ายังบ่ ไม่ได้หล่อจัดหล่อเว่อร์อะไรเบอร์นั้น ชื่อฮินาริก็เคยเขียนแล้วแต่ก็แปลงทิ้งไว้ แล้ววันนี้ครึ้มใจอะไรไม่รู้เอามานั่งแปลง เพราะนี่แหละคือคนที่มึงชอบก่อนแล้วโดนกูปาดของจริง มึงยังเคืองอยู่ แต่ถ้าคันต้องทาคาโมมายล์นะ >_< ที่ก็ต้องยอมรับว่าหล่อมาก หล่อจริง ถามร้อยคน 99 คนจะตอบว่าใช่พี่ หล่อมาก ส่วนอีกหนึ่งคนก็แล้วแต่มึงเลย ออร่าสุดในพี่ฟุกกะคัพยิ่งกว่าวงที่เดแล้ว ขนาดตอนเด็กยังหล่อขนาดนี้ เดมาจะขนาดไหน เสียแต่ว่าเต้นเพลงเกาหมีในต่อกๆ...แอมบิก็ด้วย...จ้ะ / กูนะกรี๊ดมาก เพราะไปเจอคันจิชื่อชิซึกิแบบใช้ตัวฮิเมะ (เจ้าหงิญ) ก็คิดว่าหรือเปลี่ยนมาเป็นเจ้าชายเรโอะดีวะ บังเอิญขนาดนี้ แต่สุดท้ายก็เอาเถอะ ปีหน้าฟ้าใหม่ ใช่ว่าจะแต่งเป็นเรื่องสุดท้ายเสียที่ไหน / อีดอก มึง เยี่ยวมาก กูไปเสิร์ชมาถึงรู้ว่าคันจิของฮินาริใช้ตัวเดียวกับของจักรพรรดิโยเซ ขึ้นครองราชบัลลังก์ดอกเบญจมาศ O_O
     จะเล่าพล็อตเต็มให้ฟังว่าจริงๆ สองคนนี้จะได้กลับมาเจอกันตอนโต แล้วประวัติศาสตร์ก็จะซ้ำรอยเพราะนางเอกกูได้คบกับคนที่นางเอกมึงชอบ! ก็คืออุมิในเวอร์ที่กูลงนั่นแหละ (ป๊าด มึงด่าว่าเอาไรมาชอบเอ่ย) ถ้าจำไม่ผิดพระเอกสองจะเป็นคนที่เช่าห้องข้างๆ กับสองนางเอก แล้วก็เป็นนายแบบด้วย เพราะลักมาจากเคนทาโร่ในเรื่องอะไรวะ ลืม อ๋อ นึกออกละ ทาราเรบะมุสุเมะ แต่เจ้าหญิงก็แพ้ชาวบ้านได้ ยูเมริจะเป็นนายหญิงเอง / เลือกให้มาจากลอนดอนเพราะเพื่อนในวงมีคนที่เคยเป็นเด็กลอนดอนจ้ะ พอพิมพ์แล้วก็รู้สึกว่าเข้ากับเบ้าหน้าฮินาริ มีความเป็นผู้ดีอังกฤษแบบบอกไม่ถูก เพราะกูนี่แหละพี่แพรมน เห้ออ จิบชา
     ขอบคุณชื่อเรื่องจาก For Tracy Hyde อะเกนนน ชื่อเรื่องไม่ได้จะสื่อว่าให้พระเอกคนนี้จ้าา ชั้นก็รักแก๊งโปเกม่อนฟุกกะคัพของชั้น (ส่วนมึงรักคนจัดงานแจกการ์ดไป) / และเพลงที่กูรักมากกกกกก ซึ่งวนมาในเพลย์ลิสต์ตอนกูออกนอกบ้านเมื่อวาน ไม่ได้ลูปด้วยนะ แต่ดันสลัดไม่ออกจากหัว ก็เลยมั่นใจว่าพระเจ้าน่าจะดลใจ ไม่มีโอกาสได้ใช้สักที งั้นก็ประเดิมที่เรื่องนี้เลยแล้วกัน เห้อออ กูบอกเลยนะว่าอาเมะพาเระคือวงที่หล่อหลอมความเป็นอินดี้ในตัวกู จริง
     ปล. สีส้มค่ะ
    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×