คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : ANEMOIA CHAPTER 5: Between The White Key And The Black Room (I)
“เธอเป็นผู้หญิงที่ประหลาด
ฉันอยากจะอยู่กับเธอ”
– เดอะ เพอร์เฟกต์ เกิร์ล, มาโรซ์
มีบรรยากาศผิดแผกแปลกประหลาดนับตั้งแต่วันเริ่มต้นการศึกษาใหม่ที่โคโค่ คุโรดะได้ขึ้นเกรดสิบสอง
โคโค่เจาะจงไปยังเด็กหนุ่มเพื่อนร่วมชั้นปีเดียวกันที่มีชื่อว่าเลโอ นากาโอกะ ไม่ใช่นับตั้งแต่วินาทีแรกที่เขากับน้องสาวย้ายจากแมสซาชูเซตต์มาร่ำเรียนที่วอยด์ไฮสคูลในนิวเจอร์ซีย์เพราะครอบครัวล้มละลายเมื่อหนึ่งปีก่อน แต่เป็นนับตั้งแต่ตอนที่ผู้ชายหน้าตาบ้านๆ ท่าทางหงอๆ วันๆ เอาแต่ยิ้มโง่ๆ จนทำให้โคโค่นึกรำคาญใจ พยายามตามเธอต้อยๆ หลังจากได้จับคู่ทำรายงานด้วยกันในคาบวรรณกรรมแค่ครั้งเดียว ไม่เอะใจเลยสักนิดว่าเหตุผลที่โคโค่ทำดีด้วยเป็นเพราะความสมเพชเวทนาเท่านั้น ขนาดตัวเองก็ยังนึกทึ่งใจว่าอดทนกับเรื่องบ้าบอพรรค์นั้นมาได้ยังไงตั้งเป็นเดือน กว่าที่เธอจะกล้าตะคอกใส่หน้าเขากลางโรงอาหารเพราะโดนโห่แซวไม่ได้หยุดสักทีว่า
“ไม่มีศักดิ์ศรีบ้างหรือไงถึงได้เอาแต่ตามฉันอยู่ได้! ฉันไม่มีวันชอบคนน่าสมเพชอย่างนายลงหรอก! จากนี้เลิกมายุ่งวุ่นวายกับฉันสักที!”
พร้อมกับปัดถาดอาหารที่เขาถือมาด้วยจนล้มคว่ำ สำทับด้วยกล่องนมที่น้องชายเธอปาใส่หน้าจนมันหยดติ๋งลงมาจากเส้นผม และเสียงหัวเราะดังลั่นของพวกเด็กนิสัยเสียหลายต่อหลายคน (แน่ล่ะว่านำโดยน้องชายของเธอ) ถึงหนึ่งในนั้นจะไม่รวมเธอที่ตอกส้นรองเท้าบู๊ตจากไปแรงๆ ด้วยความหัวเสียเต็มทีแล้วก็ตาม
แล้วนับตั้งแต่วันนั้น เลโอก็เลิกยุ่งเกี่ยวกับเธออย่างที่ขอ เหมือนกับที่ก็เลิกมีรอยยิ้มโง่ๆ บนใบหน้าอีกต่อไป แล้วกลับไปเกาะกลุ่มอยู่กับพวกเด็กเนิร์ดในชมรมภาพยนตร์ของตัวเอง เขาไม่แม้แต่จะสนใจให้ค่าหรือจ้องตอบกลับมาทั้งที่ก็รู้ตัวเลยสักครั้ง และนั่นก็ยิ่งทำให้โคโค่รู้สึกหงุดหงิด เพราะคนที่มีสิทธิ์ปฏิบัติต่ออีกฝ่ายเหมือนเป็นอากาศธาตุควรเป็นเธอต่างหากไม่ใช่หรือไง
โคโค่เชื่อว่าแบบนั้น
ก่อนความเชื่อของเธอจะคลอนแคลนลงไปในช่วงปิดเทอมที่เพื่อนสนิทอย่างแคนดิซ ลี ผู้รอบรู้ดูออกทุกสิ่งอย่าง เว้นก็แต่เรื่องในตำรา ซึ่งหายหน้าหายตาจากชีวิตของโคโค่ไปพักใหญ่มากเพราะกำลังคั่วอยู่กับหนุ่มนักว่ายน้ำจะแวะมาหาที่บ้าน บอกว่า “เพราะเลโอเป็นผู้ชายคนแรกที่กล้าเมินเธอ เธอก็เลยปิ๊งเขาเข้าแล้วน่ะสิ!” ให้โคโค่ได้เบ้หน้าเบะปาก แทบอยากขย้อนแท่งช็อกโกแลตที่ยัดเข้าปากออกมาเสียให้รู้แล้วรู้รอด
“เงียบไปเลย แคนดี้! เธอก็รู้ว่าฉันชอบใครอยู่ แถมเขายังเพอร์เฟกต์กว่าคนพรรค์นั้นทุกด้านอย่างเทียบกันไม่ติดเลยด้วยซ้ำเหอะ!”
“อยากพิสูจน์ก็ลองไปจูบกับนาโอะของเธอดูสิจ๊ะ ดูว่าเพอร์เฟกต์บอยอย่างเขาจะยังทำให้เธอใจเต้นได้อยู่ไหม”
จนโคโค่ต้องถองไหล่ใส่ยัยเพื่อนตัวดีไปหนึ่งดอก
“ฉันไม่อยากเป็นมือที่สามของใครย่ะ!”
“อ๊ะๆ ตกข่าวจ้ะ” แคนดิซท้วงด้วยรอยยิ้ม “นาโอะเพิ่งเลิกกับเมโลดี้เมื่อวานนี้เอง ฉันถึงได้รีบแจ้นมาหาเธอยังไงล่ะ โอกาสมาถึงเธอแล้วนะโคโค่ รู้จากน้องชายแล้วใช่ไหมว่าพรุ่งนี้ริวเซย์ของฉันจะจัดปาร์ตี้สระว่ายน้ำที่บ้าน เพราะงั้นก็โดดขึ้นรถมากับโคกิได้เลยจ้ะ”
ด้วยเหตุฉะนี้ โคโค่จึงได้มาร่วมงานปาร์ตี้ของกลุ่มเด็กนักเรียนที่เรียกได้ว่าไม่สนิทสนมเลยแม้แต่น้อย นอกจากแค่พอคุ้นหน้าคุ้นตากันบ้าง ในเมื่อโคโค่ไม่ใช่สัตว์สังคมเหมือนอย่างน้องชายเธอที่พอมาถึงปุ๊บก็โดนกอดคอลากตัวไปที่สระปั๊บ ทิ้งให้เธอได้แต่ยืนเคว้งคว้างอยู่คนเดียว ครั้นชะเง้อชะแง้มองหาก็ไม่เห็นทั้งแคนดิซหรือริวเซย์อยู่ที่ไหน เช่นนั้นจึงตัดสินใจหลบลี้หนีผู้คนเข้าไปในบ้านเป็นการชั่วคราวแทน
“ในตู้เย็นไม่มีเหล้านะ”
เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทางด้านหลังทำให้แมวขโมยอย่างโคโค่สะดุ้งโหยง รีบลุกขึ้นมาจากตู้เย็นแน่นขนัดที่กำลังคุ้ยหาน้ำอัดลมเย็นๆ เผื่อว่าจะมีอยู่ในครัว เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะขบขันจากเด็กหนุ่มคนเดียวที่ทำให้หัวใจของโคโค่สั่นไหวได้เสมอ เพราะโอริยามะ นาโอะเป็นแบบนั้นสำหรับเธอเสมอ
“โคกิล่ะ?”
“อยู่กับเพื่อนและคนที่กำลังจะเป็นเพื่อนใหม่อีกโขยงอยู่ที่สระโน่นแหละ” โคโค่ไหวไหล่ ทำเนียนโยนคำถามกลับไปทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แก่ใจว่า “แล้วเมลล่ะ ไม่ได้มาด้วยกันเหรอ?”
“เลิกกันแล้ว” เขาตอบแค่นั้น แล้วเดินแทรกตัวผ่านมาเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบขวดน้ำอัดลมที่ซุกอยู่ในซอกหลืบให้เธอโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ย “แย่หน่อยนะที่ต้องโดนลากตัวมาอยู่ในดงคนแปลกหน้าแบบนี้ โคกิมันชอบทำอะไรตามใจตัวเองอยู่เรื่อยเลย” และโคโค่ก็ไม่คิดหาข้อแก้ตัวให้น้องชายที่วันอื่นอาจเป็นแบบนั้นจริง แต่ไม่ใช่กับวันนี้ที่เจ้าตัวไม่ได้รู้เห็นอะไรด้วยเลยสักอย่าง นอกจากพยักหน้ารับด้วยสีหน้าที่แสร้งทำเป็นเงื่องหงอย ขณะยกขวดแก้วที่เปิดฝาแล้วขึ้นแตะขอบปาก
“ที่จริงนะ วันนี้ฉันเองก็ไม่อยากสมาคมกับใครเหมือนกัน ถ้ายังไงเธออยากขึ้นไปดูหนังข้างบนด้วยกันไหม?”
ทีแรกโคโค่คิดว่านาโอะอาจมีเจตนาแอบแฝง...เหมือนอย่างที่เธอก็แอบหวังให้มี แต่พอได้เห็นเขาตั้งใจดูหนังที่เธอไม่เคยได้ยินชื่อเลยด้วยซ้ำอย่าง ‘บลัดดี้ เบิร์ธเดย์’ อยู่บนเตียงข้างกันด้วยใบหน้าที่ไม่ว่อกแว่กก็เลยเลิกจินตนาการเข้าข้างตัวเองไปอีกคน นอกจากคิดว่าถ้าโคกิระยำตำบอนได้ถึงขนาดนั้นเธออาจเป็นคนจับเขายัดตู้เย็นเก่าแล้วขังลืมเอง น่าขอบคุณที่สุริยุปราคาไม่ได้เกิดขึ้นในวันเกิดของน้องชายเธอที่ก็สันดานเสียอยู่แล้ว แน่นอนว่าหนังไล่เชือดแบบนี้ย่อมต้องมีฉากโป๊เปลือยที่ทำให้เธอกระอักกระอ่วนจนได้แต่นั่งนิ่ง ขนาดว่าไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออกมาดังๆ ด้วยซ้ำ กว่าจะพ้นฉากคู่รักนัวเนียกันในรถตู้อยู่ตั้งนานสองนานแล้วถูกฆ่าตายได้สักทีก็ทำเอาลมหายใจของโคโค่แทบจะหมด
แต่ก่อนที่โคโค่จะได้รู้ว่ามียาพิษในเค้กวันเกิดของเด็กๆ จริงหรือเปล่า ปุบปับนั้นเอง นาโอะที่ไม่รู้ว่าขยับมาอยู่ข้างกันเมื่อไหร่ก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นพาดคอ โน้มใบหน้าเข้าหาแล้วกระทำในสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่า นั่นคือการจูบเธอ
ชายที่เธอตกหลุมรักพร้อมกับวาดหวังถึงช่วงเวลานี้มาตลอดก็ยังคงทำให้หัวใจและร่างกายของเธอไหวสั่น และอีกไม่ช้าก็คงจะระเบิดแตกเหมือนกับลูกโป่งที่ถูกสูบลมเข้าไปมากเกิน แม้ว่าในตอนนี้จะมาจากแรงกดบนริมฝีปากที่ทำให้เธอยิ่งกว่ายินดี หากปลายลิ้นของเขามียาพิษอยู่จริง โคโค่ก็พร้อมยอมตายไปกับจูบของเขาได้เลย
กระทั่งแผ่นหลังของเธอทาบลงไปกับที่นอนและชายกระโปรงของเดรสตัวสั้นก็ถูกเลิกขึ้น โคโค่ถึงได้ประท้วงเสียงแผ่วว่า “เอ่อ เดี๋ยว แต่นี่มันห้องของริวเซย์นะ”
แต่นาโอะก็เพียงปิดปากเธอด้วยจูบอีกครั้ง
โคโค่ไม่รู้ว่าเพราะมันเป็นการร่วมรัก...ในห้องนอนของคนอื่น เพราะมันเป็นการร่วมรัก...ที่ไม่มีทั้งคำพูดหรือคำปลอบประโลม หรือเพราะมันเป็นการร่วมรัก...หากจะใช้คำนั้นได้...ที่อาจไร้รัก ทว่าหัวใจที่เคยเต้นรัวแรงเพียงแค่ได้เห็นใบหน้าของนาโอะในที่ไกลๆ ก็กลับลดน้อยถอยลงไป และการที่เขาจะกลับไปคืนดีกับอดีตคนรักก็ไม่ได้ทำให้ข้างในอกของเธอปวดแปลบอีกต่อไป
ไม่เหมือนอย่างผู้ชายอีกคนที่เพิ่งจะได้กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้งในตอนเปิดเทอม ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเลโอ นากาโอกะดูผิดแผกไปจากเดิม ทั้งบุคลิก ท่วงท่า รอยยิ้ม ราวกับว่าเขาได้เปลี่ยนกลายเป็นคนใหม่อย่างสิ้นเชิง แคนดิซบอกว่าเขาอาจโดนมนุษย์ต่างดาวจับตัวไปแล้วส่งร่างก๊อปปี้มาอยู่บนโลกแทน “เพื่อเป็นเพอร์เฟกต์บอยให้เธอรักเธอหลงยิ่งกว่านาโอะ” พร้อมกับแผ่นหลังที่โดนทุบไปหนึ่งอั้ก หากโคโค่ก็ต้องยอมรับว่าเลโอในตอนนี้ ใกล้เคียงกับคำคำนั้น — เพอร์เฟกต์ — แทบจะทุกกระเบียด
ทั้งที่ใบหน้าของเลโอก็ยังคงเดิมไม่มีอะไรที่เพี้ยนผิด แต่ในตอนนี้มันกลับดูดีขึ้นมาก เปลี่ยนแปลงไปมาก จนเหมือนไม่ใช่คนเดิมที่ทุกคนในวีเอชเอสเคยรู้จัก บางทีอาจเป็นเพราะความมั่นอกมั่นใจที่แสดงออกมาให้ได้ประจักษ์ เลโอไม่ใช่เด็กหนุ่มหงอๆ ท่าทางโง่ๆ เป็นได้แค่ตัวตลกให้คนอื่นได้หัวเราะเยาะไม่ก็เหยียดหยามกันสนุกปากอีกแล้ว พวกเด็กผู้ชายเริ่มคบค้าสมาคมกับเขาที่เฮฮาร่าเริง ส่วนพวกเด็กผู้หญิงก็เริ่มเข้าหาเขาที่หล่อเหลาดูดี อย่างกับลืมเลือนเรื่องในอดีตกันไปหมดแล้ว
แต่สำหรับโคโค่ เลโอเวอร์ชั่นใหม่นี้ได้ทำให้ความเชื่อตลอดมาของเธอพังครืนลงไปในทุกคราวที่ได้บังเอิญสบตากันและเธอต้องรีบหลุบหลบมันทุกครั้งไป เขาทำให้ชีวิตของเธอกลายเป็นเรื่องยาก เมื่อโคโค่ต้องเจอหน้าเขาในทุกวิชาที่ลงเรียนเหมือนกันอย่างน่าเหลือเชื่อ และโคโค่ก็ไม่สามารถแสดงออกในสิ่งที่รู้สึกไปตรงๆ ได้ หรือแม้แต่จะหลงคิดเข้าข้างตัวเองอีกครั้งได้ หลังจากเหตุการณ์ที่ได้เคยกระทำต่อเขา ซึ่งเธอยังคงจดจำทุกเรื่องราวได้เป็นอย่างดี
ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีชมพูม่วงเหมือนกับขนมสายไหมในเวลาเย็นย่ำ เพราะอย่างนั้นโคโค่ถึงได้หยุดยืนบนโถงทางเดินระหว่างทางเชื่อมอาคาร เหม่อมองออกไปนอกบานหน้าต่าง แล้วนิ่งงันอยู่อย่างนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร แต่จู่ๆ เธอก็คิดขึ้นถึงหนังเรื่องบลัดดี้ เบิร์ธเดย์ขึ้นมาซะได้ ว่าแต่มันจบยังไงนะ เด็กทั้งสามคนถูกจับได้ ตาย หรือว่าหนีรอดไปทำความชั่วกันต่อ นาโอะไม่ได้ปิดเสียงทีวีเลยตลอดเวลาที่เคลื่อนไหวอยู่บนตัวเธอ แต่ความคิดของโคโค่ก็มัวพร่าเกินกว่าจะจำจดสิ่งอื่นที่รายล้อมรอบตัวได้ น่าตลกดีที่ตอนนี้เธอกลับคิดถึงหนังเลื่อนเปื้อนไร้สาระพรรค์นั้นมากกว่าเด็กผู้ชายที่เคยอยู่ในทุกความนึกคิด เอาไว้เธอจะไปขอให้แคนดิซยืมม้วนวิดีโอจากริวเซย์มาให้ใหม่
“มีแค่เด็บบี้ที่หนีรอดนะ”
โคโค่ตกใจกับสุ้มเสียงที่ดังทะลุความเงียบจนเผลอตัวถอยเท้าไปก้าวหนึ่ง และการได้เห็นว่าเป็นใครจะทำให้เธอตกใจยิ่งกว่า เลโอที่ไม่รู้ว่ามายืนข้างเธอเมื่อไหร่หันมายิ้มให้ และโคโค่ก็หมายถึงรอยยิ้มแบบที่ทำให้สติของเธอหมุนติ้วราวกับลูกข่าง จนไม่ทันได้สงสัยเลยว่าเขาอ่านความคิดของเธอได้อย่างไร
“แค่สัญญาว่าต่อไปนี้จะเป็นเด็กดีแม่ก็เชื่อแล้ว คนเราไม่มีทางเปลี่ยนสันดานได้ในชั่วข้ามคืนหรอก หนังอะไรจบได้โง่งี่เง่าเป็นบ้าเลยเนอะ” เลโอหัวเราะ “คนบางคนมันก็เกินเยียวยาแล้ว เธอว่างั้นไหม โคโค่?” จากนั้นก็เดินมากดไหล่ทั้งสองข้างของเธอไว้แล้วจ้องเข้ามาในดวงตาที่ไหววูบ โคโค่ไม่รู้ว่าเธอกำลังมองสบตากับอะไรอยู่ ความสาแก่ใจ ความเจ็บปวด ความแค้นเคือง หรือความปีติยินดี หากในประโยคคำพูดทั้งก่อนและหลังของเขามีแววเยาะหยันที่โคโค่สามารถเข้าใจได้ในทันที
“อ้อ ตอนดูพลาดฉากนี้ไปพอดีสินะ แต่ในเค้กน่ะไม่มียาพิษหรอก จูบของนาโอะก็ไม่มียาพิษเหมือนกัน เพราะมันไม่ได้ทำให้โคโค่ถึงตายสักหน่อย จริงไหม?”
คำพูดไม่ทันได้หลุดรอดพ้นลำคอของโคโค่ เมื่อเลโอจะก้มหน้าลงมาประทับริมฝีปาก เธอพยายามเม้มมันเอาไว้แน่นเพราะคำพูดที่ฟังดูไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย แต่ความเจ็บทั้งที่แผ่นหลังซึ่งถูกเขาดันไปกระแทกเข้ากับผนังและที่ริมฝีปากล่างจากแรงกัด ก็ทำให้ทำให้โคโค่ต้องเปิดปากออกเพื่อรับการรุกล้ำที่เขาสอดแทรกมันเข้ามา ไม่มีทางเลยที่เด็กเนิร์ดไม่มีใครเอาคนนั้นจะเก่งเรื่องแบบนี้ได้ มันเกิดอะไรขึ้นกับเขาในช่วงปิดเทอมกันแน่ ทว่าความสงสัยก็เกาะติดกับโคโค่ได้เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น หลังจากเสียงหัวเราะของริมฝีปากที่แนบติดอยู่กับเธอราวกับอีกครั้งที่เขาอ่านความคิดของเธอออก ด้วยจังหวะที่ล่วงล้ำและรุนแรงมาก มือของเธอได้แต่ขยุ้มกระโปรงนักเรียนเอาไว้แน่นจนมันยับย่น รสชาติของสนิมถูกกวนอยู่ในโพรงปากของเธอด้วยลิ้นของเขาที่ช่ำชองเอามากจนโคโค่ที่ก็ไม่ได้อ่อนหัดยังตอบรับไม่ถูก หากนี่เป็นรสชาติของยาพิษมันก็ไม่ได้หวานหอม กระนั้นก็ล่อหลอกให้เธอมัวเมา ก่อนที่จะต้องพบกับจุดจบ นั่นคือความตาย
เนื้อตัวของโคโค่ที่ทรุดฮวบลงไปกับพื้นชาวาบ ไม่แม้แต่จะกระดิกนิ้วทำอะไรได้นอกจากกลอกนัยน์ตาที่ฉ่ำปรือมองดูมองดูเลโอที่นั่งยองๆ อยู่ข้างหน้า แล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากซึ่งเปื้อนเปรอะไปด้วยเลือดสีแดง...ของเธอ
“เด็กไม่ดีต้องโดนลงโทษให้สาสมกับความผิดของตัวเองต่างหากถึงจะถูก”
โคโค่รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก
ก่อนที่โคโค่จะลืมตาโพลงขึ้นมาภายในห้องเรียน ที่ซึ่งครูไพรมส์กำลังจ้องสบกับเธอซึ่งนอนหนุนแขนข้างหนึ่งอยู่ที่โต๊ะเรียนหลังสุดกลางห้อง
“ไม่เป็นไร คุโรดะ ถ้าง่วงมากก็หลับต่อเถอะ”
เพื่อนในห้องพากันหันมองมาทางเธอแล้วระเบิดเสียงหัวเราะขบขันจนทำให้โคโค่ต้องรีบเด้งตัวขึ้น ผงกศีรษะแทนคำขอโทษให้ครูไพรมส์อย่างขวยเขิน จำไม่ได้เลยสักนิดว่าผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ และไม่มีทางที่เธอจะทำแบบนั้นในคาบเรียนวิชาภาษาอังกฤษที่ชอบด้วย โคโค่ส่ายหัวน้อยๆ เพื่อขับไล่ความรู้สึกอันน่าหวาดหวั่นของความฝันพิลึกพิลั่นดั่งทัณฑ์ทรมานนั้นออกไป และเมื่อทำท่าว่าจะอ้าปาก เธอก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บที่ริมฝีปากล่างของตัวเองจนต้องยกนิ้วขึ้นแตะ
ไม่มีทั้งสีแดงบนปลายนิ้ว หรือรสชาติฝาดเฝื่อนบนปลายลิ้น แต่ความเจ็บเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงแท้จนเธอต้องนิ่วหน้า สัญชาตญาณทำให้โคโค่เงยหน้าไปยังเจ้าของที่นั่งเยื้องไปด้านหน้าเธอสองแถว เพื่อที่จะได้เห็นเลโอกำลังเท้าคางหันมองมาทางเธอ
พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
“เธอจูบปากฉันจนมันเย็นชืด
คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายควบคุม”
– ลิฟวิ่ง เฮลล์, เบลล่า พอร์ช
มีบรรยากาศผิดแผกแปลกประหลาดนับตั้งแต่วันเริ่มต้นการศึกษาใหม่ที่โคกิ คุโรดะได้ขึ้นเกรดสิบเอ็ด
โคกิเจาะจงไปยังเด็กสาวเพื่อนร่วมชั้นปีเดียวกันที่มีชื่อว่าลินนา ลินน์ นากาโอกะ เด็กสาวชาวไทยที่แม่แต่งงานกับนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น-อเมริกันและอาศัยอยู่ที่แมสซาชูเซตต์มาตั้งแต่อายุได้ห้าขวบ พอครอบครัวล้มละลายก็ถูกส่งมาอยู่ที่นิวเจอร์ซีย์กับคุณย่าจอมจู้จี้พร้อมพี่ชายไม่แท้อายุมากกว่าหนึ่งปี นั่นคือประวัติครอบครัวฉบับย่อที่เธอเล่าให้ฟังหลังจบคาบภาษาฝรั่งเศสที่เขาตั้งใจไปนั่งข้างๆ แล้วทำทีเป็นพาเดินชมรอบโรงเรียนรวดเลยจนถึงมื้อเย็นในร้านเบอร์เกอร์ และสุดสัปดาห์ที่บอร์ดวอล์กในอีกสามวันต่อมา เพราะใบหน้าโฉบเฉี่ยวใต้เครื่องสำอางของเธอสวยสะดุดตาเขามากนับแต่วินาทีแรกที่ได้เห็น แต่ในเวลาที่ยิ้ม หัวเราะ หรือเปิดปากสนทนาเรื่อยเจื้อยได้อย่างไม่รู้เบื่อกลับสดใสร่าเริงเหมือนกับเด็กน้อย ขนาดทำให้หัวใจของโคกิที่เข้าหาอย่างมีเจตนากับเธอแอบแกว่งไปไม่น้อย
แต่เพราะโคกิก็คือโคกิ และการทำทีเป็นเอาอกเอาใจ เออออรับฟังเรื่องราวทุกอย่างด้วยรอยยิ้มทั้งที่ข้างในใจรำคาญจะตายชักก็เป็นเรื่องปกติ เหมือนอย่างที่พวกหล่อนก็หลงเชื่อฉากหน้าที่เขาแสดงออกแล้วโอนอ่อนยอมให้เขาเป็นปกติ โคกิจะเริ่มต้นด้วยจูบที่แสร้งทำเป็นเผลอตัวเวลาที่เธอนั่งกินไอศกรีมโคนบนม้านั่งแล้วอ้างว่า “โทษที เพราะเธอน่ารักมาก” ที่ได้ผลมาแล้วนักต่อนัก แน่นอนว่าลินนาที่ตกหลุมพรางเขาตั้งแต่วันแรกสุดก็ไม่มีข้อยกเว้น และเมื่อเธอไม่ได้ผลักไสหรือปฏิเสธคำชวนให้ไปที่บ้านต่อด้วยกัน มันก็คือไฟเขียวให้เขาทำอะไรๆ ต่อหลังจากนั้น
เพราะพ่อที่ยุ่งเรื่องงานตลอด และแม่ที่ชอบออกไปหากิจกรรมข้างนอกทำกับพวกแม่บ้านด้วยกันตลอด บ้านหลังใหญ่ของคุโรดะจึงเงียบเหงาแทบทั้งวันจนกว่าจะถึงตอนดึกที่ทุกคนกลับบ้านมาอยู่กันพร้อมหน้า ขณะพี่สาวที่มักจะอยู่ติดบ้านตลอดก็โดนเขาอ้อนวอนขอให้ออกไปที่อื่นตั้งแต่เช้าแล้วเช่นกัน ยอมเสียเงินค่าขนมครึ่งหนึ่งให้หล่อนได้เอาไปเที่ยวเล่นนอกเมืองพร้อมกับคำด่าอีกนิดหน่อยก็ถือว่าคุ้มค่า
หรืออาจมากกว่าคุ้มค่าเมื่อโคกิสานต่อจูบที่เป็นแค่การแตะปากในทีแรก แต่ที่นี่...ภายในห้องนอนทึบทึมที่ม่านสีดำสนิทไม่ได้ถูกรูดเปิดนี้มีเพียงแค่พวกเขาสองคน โคกิได้ลิ้มรสชาติของไอศกรีมวานิลลาและเซเว่นอัพที่เธอดื่มกลั้วปากหลังจากนั้นชัดเจนกว่าเดิมเมื่อเขากวาดลิ้นเข้าไปสำรวจจนทั่วภายในนั้น ทั้งที่เขาไม่ได้ตั้งใจว่าจะรีบร้อน แต่เพราะเนื้อตัวที่สั่นเทามากเกินไปและอ้อมแขนที่กอดรัดเขาไว้แน่นเกินไปจากแค่จูบ ทำให้โคกิต้องหยุดเพื่อถามว่า
“ครั้งแรกเหรอ?”
ใบหน้าขาวของลินนาที่เขามองเห็นผ่านเงาสลัวกลายเป็นสีแดงก่ำในตอนที่เธอกัดริมฝีปากล่างแล้วพยักหน้าเบาๆ โคกิไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปกับคำถามอะไรให้มากความอีก นอกจากก้มลงไปประกบปากกับเธออีกหน ด้วยความร้อนรนที่ร้อนเร่ายิ่งกว่าอุณหภูมิรอบด้านจนเธอได้แต่ดิ้นเร่าอยู่ใต้ร่างเมื่อรู้สึกถึงอากาศที่ขาดหาย และความทรมานที่เบื้องล่างในตอนที่นิ้วมือของเขาสอดใส่เข้าไป แต่เพราะปฏิกิริยาตอบรับที่ดีเกินไปอย่างปลายเล็บยาวที่เลื่อนขึ้นมาจิกลงบนท่อนแขนเปลือยเปล่า ความเจ็บปวดนั้นเองที่กระตุ้นเร้าเขาได้ดีเกินพอ...หรืออาจต้องบอกว่ามากเกินพอ โคกิถึงไม่อาจอดทนรอคอยได้อีกต่อไป ปฏิกิริยาตอบรับจากเธอทั้งเนื้อตัวที่สั่นสะท้าน มือที่เกาะเกี่ยว ปลายเล็บที่กดลงบนแผ่นหลัง ความอ่อนนุ่มของช่องทางคับแคบที่บีบรัดให้เขารู้สึกเหมือนกับจะระเบิดพร่างออกมา เขากอบโกยทุกอย่างจากครั้งแรกของเด็กสาวได้อย่างคุ้มค่า แม้แต่การฝากฝังร่องรอยสีแดงช้ำจนทั่วเนื้อตัวสีขาวผ่อง เช่นเดียวกับของเหลวสีแดงสดตรงหว่างขาจากการรุกล้ำที่ไม่ปรานี
ความไม่ประสาของลินนาที่ปลุกเร้าให้เขาตื่นตัวและกระหายหิวได้เสมอทำให้โคกิพอใจอยู่ได้สักพัก ถึงระยะเวลาหนึ่งเดือนจะนานกว่าที่เขาตั้งใจไว้ไปสักหน่อย แต่หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา ลินนาที่พยายามตามติดเขาต้อยๆ ทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ และไม่พอใจที่เขาจะคบหากับเด็กผู้หญิงคนไหน ก็ได้กลายเป็นแค่อีกความน่าเบื่อหน่ายโดยไม่มีข้อยกเว้น
กระทั่งโคกิได้รู้จักกับเด็กสาวต่างโรงเรียนที่ชื่อมิริ-แอนน์ ควินน์ ตอนที่พี่สาวลากตัวเขาไปช่วยเป็นสารถีและคนถือของให้ที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ในตัวเมือง ทั้งท่วงท่าและหน้าตาของหล่อนอย่างกับหลุดออกมาจากเจ้าหญิงในเทพนิยาย กระนั้นการเป็นเจ้าชายที่ควรคู่ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อหล่อนไม่ได้ให้ค่าความสนใจเขามากไปกว่าคนแปลกหน้าที่พยายามเข้ามาตีสนิทด้วยอย่างที่คงเคยเจอมานับครั้งไม่ถ้วน ถ้าไม่ใช่เพราะโคโค่ที่เป็นฝ่ายถูกเขาลากตัวมาให้ช่วยบ้าง หล่อนก็คงเผ่นหนีไปนานแล้ว
ความยากลำบากเป็นสิ่งที่ทำให้โคกิหงุดหงิดใจ ขนาดเบอร์โทรศัพท์บ้านแค่ไม่กี่หลักหล่อนก็ยังไม่ยอมให้โคโค่ด้วยซ้ำ ทั้งที่เขาเคยได้ทุกอย่างมาง่ายดายแท้ๆ และการได้เห็นความน่าสมเพชของผู้หญิงที่ช่างง่ายดายสำหรับเขาก็จะทำให้โคกิยิ่งหงุดหงิดใจ เขาตัดสินใจบอกเลิกกับลินนาตอนเย็นหลังเลิกเรียนในวันถัดมา โดยไม่สนใจต่อเสียงกรีดร้องร่ำไห้และฟูมฟายเหมือนกับจะขาดใจตาย หากเธอก็ยังเอาแต่ตามตื๊อถามหาเหตุผลที่ตัวเองต้องถูกบอกเลิกเหมือนกับผู้หญิงไร้ค่าจนทำให้โคกิรู้สึกสังเวช ถึงขนาดไม่อยากเปลืองน้ำลายพูดอะไรกับเธอต่อไปอีกสักคำ
ทว่าฟางเส้นสุดท้ายที่แท้จริงคือตอนที่เขาจะถูกหมัดลุ่นๆ ซัดเข้าใบหน้า หลังจากที่ออกแรงสะบัดท่อนแขนของเธอที่เกาะแกะเขาไม่ยอมปล่อยสักทีจนร่างปวกเปียกนั้นล้มลงไป และเหตุผลที่ทำให้โคกิหัวร้อนเป็นฟืนเป็นไฟ ก็เพราะเจ้าของหมัดที่ทำเอาเขาหน้าหันไปเลยคือไอ้เด็กเนิร์ดตัวเตี้ยหน้าตาโง่เง่าจากชมรมภาพยนตร์กะหลั่วๆ ที่ตรงตามนิยามของคำว่า ‘โคตรกระจอกเป็นบ้า’ ที่มีชื่อว่าทาเกยูกิ มายูมิ
“ทำอะไรผู้หญิงวะ!”
โคกิไม่อยากยอมรับกับการที่ต้องมาถูกไอ้พวกต่างระดับพรรค์นี้มาทำให้เสียหน้า เขาถึงได้ตะโกนท้าทายไปว่า
“แล้วแกมาเสือกอะไรด้วยวะ! ถ้าอยากได้ลินนานักก็เอาไปเลย! แต่แกก็ได้แค่ของเหลือจากฉันเท่านั้นแหละวะ ไอ้ห่าเอ๊ย!”
แต่ก่อนที่หมัดอีกลูกจะพุ่งตามมา ลินนาก็จะรีบลุกเข้าไปขวางระหว่างกลาง แล้วผลักอกของทาเกยูกิที่ก็หาได้ทำให้เขาระคายจากเรี่ยวแรงเท่านี้ แต่คงเป็นความขุ่นเคืองข้างในอกมากกว่าที่ได้เห็นว่าเธอหน้ามืดตามัวเพราะความหลงตั้งขนาดนี้
“มันไม่ได้รักเธอแล้วนะ ลินนา ยอมรับความจริงได้แล้ว!”
“ไม่ใช่เรื่องของนาย ทาเกะ!” เธอกรีดเสียงตะโกนใส่หน้าเขาอย่างนั้น “แล้วก็ไม่ใช่เรื่องของเลโอที่บอกให้นายมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของฉันด้วย!”
แต่กลับเป็นโคกิที่โพล่งแทรกขึ้นก่อนใครได้เอ่ยว่า “ฉันก็ไม่อยากให้เธอมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของฉันเหมือนกันเว้ย ลินนา!” ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ปิดบังความไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย “ฟังนะ ฉันมีคนที่ชอบแล้ว คนที่ไม่ได้น่าเบื่อ น่ารำคาญ และไม่ได้ง่ายเหมือนเธอ! รู้แล้วก็ไปให้พ้นๆ ชีวิตของฉันสักที! อย่าทำให้ฉันต้องเกลียดเธอไปมากกว่านี้เลยเหอะว่ะ!”
โดยไม่รอฟังทั้งเสียงร้องไห้หรือเสียงด่าทอที่ผสมปนเปกันไปในตอนที่กระแทกส้นรองเท้าหนังจากมา ก่อนหยุดมองดูเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่บนบานหน้าต่างใสแจ๋วตรงโถงทางเดิน แก้มของเขาทั้งเจ็บทั้งปวดแถมยังมีรอยช้ำจากแค่หมัดเดียวที่หนักเป็นบ้า ระยำเอ๊ย! เฮงซวยฉิบหาย! เขาสบถก่นด่าทั้งไอ้ทาเกยูกิที่สันดานชั่ว ลินนาที่เกาะติดอย่างกับปลิง เหมือนกับพี่ชายของเธอที่ก็ไม่เจียมกะลาหัวมาชอบพี่สาวของเขา เขาเกลียดแม่งหมดทุกตัว
และการคบควงผู้หญิงคนอื่นเพื่อเป็นไม้กันหมาของแฟนเก่าที่เอาแต่มองตามเขาด้วยความอาลัยอาวรณ์ แต่ไม่กล้าเข้าหาแล้วอยู่ได้ ก็พอจะเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยระงับอารมณ์ขุ่นมัวให้โคกิไปได้จนกว่าจะถึงช่วงปิดเทอม
แต่เมื่อเทอมใหม่เริ่มต้นขึ้น รอยยิ้มก็กลับมาประดาประดับบนใบหน้าที่เคยเซื่องซึมของลินนาอีกครั้ง สายตาที่เคยทอดมองเขาด้วยความละห้อยบัดนี้เต็มไปด้วยประกายเจิดจ้าที่แพรวพราวสดใส ความมีชีวิตชีวาอาบล้อมอยู่ทั่วตัวเธอเหมือนกาลครั้งหนึ่งก่อนที่จะถูกเขาพรากมันไป ทว่าทั้งหมดเหล่านั้นไม่ได้มีไว้เพื่อเขาอีกต่อไป และการได้สำเหนียกว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสายตาของเธออีกแล้วก็จะยิ่งทำให้โคกิขุ่นเคืองใจ
แต่ไม่ใช่กับสายตาของพี่ชายเธอที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทุกครั้งที่เขาบังเอิญสบตา โคกิก็เกือบจะแน่ใจว่ามันจดจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว เหมือนกับที่เขาก็เกือบจะรู้สึกได้ถึงเวิ้งมืดมิดผ่านดวงตาสีดำสนิทที่ราวกับมองทะลุเข้าไปภายในใจและอ่านทุกอย่างที่เขาเก็บซ่อนไว้ได้ปรุโปร่ง เป็นความรู้สึกยะเยือกเย็นไปถึงไขสันหลังที่ทำให้เขาขนลุกชันได้เสมอจนต้องเป็นฝ่ายเบือนหลบไปเอง ไม่ใช่อย่างไอ้กระจอกทาเกยูกิที่ตัวติดกับสองพี่น้องซึ่งไม่เคยทำให้โคกิรู้สึกอะไรนอกจากรกหูรกตา
กระทั่งมาถึงวันที่โคกิอดรนทนไม่ไหวกับสายตาคู่นั้นของเลโออีกต่อไป แต่เขาก็หวาดหวั่นเกินกว่าจะไปพูดกับคู่กรณีด้วยตัวเอง กระทั่งลินนาขอตัวไปเข้าห้องน้ำระหว่างคาบเรียน เขาเลยมองเห็นเป็นโอกาสขณะประวิงเวลาอยู่อีกพักแล้วถึงขอตัวลุกตามไป ทันได้มองเห็นแผ่นหลังของเธอที่เดินเอ้อระเหยอยู่บนโถงทางเดิน ก่อนผลักบานประตูแล้วหายลับเข้าไปในห้องน้ำหญิง
เกิดความลังเลอยู่ชั่วอึดใจ แต่สุดท้ายโคกิก็ตัดสินใจตามเธอเข้าไปในนั้นด้วย
“ลินนา”
เมื่อนั้น เด็กสาวที่ยืนอยู่หน้าอ่างล้างหน้าจึงค่อยๆ ขยับใบหน้ามาตามเสียงเรียก วันนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มมาตั้งแต่เช้า มีแสงสว่างส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างบานเดียวน้อยเกินไป ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเธอจึงถูกพาดผ่านด้วยเงามืดจนเขามองเห็นได้ไม่ชัดเจน กระนั้นก็ช่วยขับเส้นผมที่เป็นสีดำขลับเหมือนกับชุดกระโปรงและรองเท้าส้นสูงบนผิวสีขาวจนเกือบจะซีด ครั้นแล้วริมฝีปากสีแดงสดที่เปื้อนเปรอะลงมาจนถึงคางของเธอก็แยกออกเป็นรอยยิ้ม ก่อนที่โคกิจะชะงักงันไปเมื่อได้เห็นว่ามันไม่ใช่สีของลิปสติกอย่างที่เข้าใจในทีแรก
และสิ่งที่เต้นตุบอยู่ในอุ้งมือของเธอก็คือ...หัวใจที่มีเส้นเลือด
ฉับพลันนั้นเองที่ความพรั่นพรึงแล่นปราดเข้ามา เขาอยากวิ่งหนีออกไปจากที่ตรงนี้ให้ไกลที่สุด แต่ราวกับมีเวทมนตร์มาตอกตรึงร่างกายเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหน แม้แต่สรรพเสียงใดก็ไม่เล็ดลอดออกจากลำคอ มีเพียงลูกนัยน์ตากลอกเกลือกที่มองเห็นลินนาก้าวย่างเข้ามา
พร้อมกับรูกลวงที่หน้าอกข้างซ้าย
“คนเดียวที่ฉันมอบหัวใจให้ก็คือนายนะ โคกิ”
เธอกัดกินเศษเสี้ยวหนึ่งของหัวใจตัวเองแล้วโยนมันทิ้งไป ก่อนที่จะเอื้อมมือมาประคองใบหน้าทั้งสองข้างของเขาไว้ โคกิรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นจึงพยายามเม้มริมฝีปากปิดสนิท หากการกระทำขืนขัดใดล้วนไม่เป็นผล ปากของเขาเผยออ้าเพราะเธอต้องการให้มันเปิดรับ มันเป็นจูบที่ทั้งน่าขยะแขยงและน่าสะอิดสะเอียน ไม่เพียงแต่รสชาติคาวของเลือดที่ทะลักทะลายเข้ามา หากยังรวมถึงชิ้นเนื้อทำให้โคกิอยากอ้วกออกมา แต่เธอก็ยังคงปิดกั้นเส้นทางนั้นไว้ด้วยจูบที่กลืนกินโดยไม่ยอมผละจาก และเมื่อโคกิรู้สึกได้ถึงอวัยวะภายในที่บิดไปมาเหมือนกับว่ามันกำลังถูกกัดกิน ร่างกายของเขาก็คลายเป็นอิสระ เมื่อได้แต่ดิ้นพราดลงไปบนพื้นด้วยความทรมาน
ก่อนที่เขาจะสำรอกเอาของเหลวสีแดงออกมาเปรอะกระจายไปทั่วพื้นกระเบื้องสีขาวหม่น
แต่เป็นแฮมเบอร์เกอร์มื้อค่ำที่เขาลุกขึ้นปิดปากตัวเองก่อนเข้าไปอาเจียนลงชักโครกได้ทันท่วงที
ไม่มีสีแดงฉานของเลือด ไม่มีเศษชิ้นส่วนของอวัยวะภายใน ไม่มีอาการเจ็บปวดอะไรนอกจากลำคอที่ปวดแสบปวดร้อนจากน้ำย่อยสุดท้าย
โคกิรู้ว่ามันคือความฝัน ทว่าทุกความรู้สึกกลับชัดเจนแจ่มชัดราวกับว่ามันได้เคยเกิดขึ้นจริง
_______________
_______________
_______________
_______________
ความคิดเห็น