ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมสัตว์โลก และสัตว์ในตำนาน

    ลำดับตอนที่ #32 : สุนัขจิ้งจอก (Fox,Jackal)

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ย. 51






    ..สุนัขจิ้งจอก..
    (Fox)




    (http://www.naturephoto-cz.com/wallpapers.html)



    สุนัขจิ้งจอก (Fox) หรือ สุนัขจิ้งจอก จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีกระดูกสันหลัง   ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม วงศ์ Canidae



    สุนัขจิ้งจอกในไทยจะเรียกว่า  Jackal (บ้านเราเรียกหมาในค่ะ)  ซึ่งแตกต่างกับ Fox  (จิ้งจอกของสายพันธ์ฝั่งตะวันตก)   ตรงที่สุนัขจิ้งจอกไทยนี้จะมีหางที่สั้นกว่า fox      โดยปกติแล้วพวก Fox จะมีหางยาวมาก  บางครั้งอาจเกินครึ่งหนึ่งของลำตัวของมันเอง   และหางก็จะเป็นพวงมากกว่าจิ้งจอกพัน์ไทย     แต่ความดุร้ายนี้ เจ้า Jackal มีมากกว่า Fox ค่ะ



    (http://www.care2.com/c2c/groups/disc.html?gpp=12404&pst=863944)
    หน้าตาของ Jackal ค่ะ



    (http://www.allposters.co.jp/-sp/-Posters_i411235_.htm)

    หน้าตาของ Fox  ฝั่งตะวันตกนะคะ







    ลักษณะทั่วไปของสุนัขจิ้งจอก
      
     


     



    มีขนาดลำตัวที่เล็ก จมูกแหลมยาว  หางยาวเป็นพวง
        ขนสีน้ำตาลเทา มีขนคล้ายอานม้าบริเวณไหล่ ปากแหลม หูตั้งแหลมตรง  เขี้ยวฟันคมมาก      มีทั้งหมด 27 ชนิด พบได้ทั่วโลก สามารถปรับตัวให้เข้ากับทุกสภาพแวดล้อมได้





    (http://www.denverzoo.org/kids/wallpaper.asp)






    โดยปกติจิ้งจอกจะหากินกันเป็นฝูง (2-4 ตัว)   ต่างกับหมาป่าที่จะอยู่ตัวเดียวเดี่ยวๆซะเป็นส่วนมากนะคะ     พวกสุนัขจิ้งจอกมักหากินเวลากลางคืน     กินได้ทั้งพืชและสัตว์ค่ะ  (แต่ปกติเราจะเห็นจิ้งจอกกินสัตว์มากกว่า   ....ไม่รู้ทำไม)    ซึ่งจะหากินตามพื้นป่า    มักจะกินพวกสัตว์เลื้อยคลานจำพวก....แย้   กิ้งก่า   จิ้งเหลน  เป็นต้น





    เวลากลางวันสุนัขจิ้งจอกก็มักนอนตามโพรงต้นไม้บ้าง   หรือตามโพรงถ้ำที่มืดครึ้ม








    การสืบพันธุ์







    สุนัขจิ้งจอกตัวเมียมีเต้านม10เต้า ออกลูกครั้งละ4-5ตัว 


    ซึ่งสุนัขจิ้งจอกสามารถผสมข้ามสายพันธ์กันกับ Wolf (หมาป่า) แล้วก็หมาบ้านได้  โดยลูกไม่เป็นหมันนะคะ     เพียงแต่ต้องเป็นสุนัขจิ้งจอกไทย (
    Jackal)  เท่านั้น  แต่ Fox นั้นผสมกับหมาบ้านไม่ได้ค่ะ  เพราะคนละสกุลกันค่ะ ^____^









    ความเชื่อเกี่ยวกับสุนัขจิ้งจอก





    สุนัขจิ้งจอก มักถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของความเจ้าเล่ห์ ในความเชื่อของชาวเอเชียตะวันออกจิ้งจอกที่มีอายุมาก ๆ จะเป็นปีศาจสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้   (ปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง  นั้นเองค่ะ)


    ธรรมชาติของสุนัขจิ้งจอกนั้นไม่ทำร้ายคนอย่างที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ












    สุนัขจิ้งจอกทอง






    (http://www.pbase.com/hcarlsen/image/26503401)




    จิ้งจอกทอง หรือ จิ้งจอกเอเชีย จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง   ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม    อันดับสัตว์กินเนื้อ วงศ์สุนัข   มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Canis aureus ในวงศ์สุนัข    (Canidae) เป็นหมาป่าที่มีขนาดเล็กกว่าหมาใน (Cuon alpinus) หูโตและตั้งตรง ขนตามลำตัวค่อนข้างยาวมีสีเทาปนน้ำตาล       ลักษณะเด่นคือ หางสั้นเป็นพวง ปลายหางมีสีดำ ขนบริเวณหลังมีสีดำ จิ้งจอกทองตัวเมียมีเต้านม 5 คู่







    มีความยาวลำตัวและหัว 60-75 cm ความยาวหาง 20-25 เซนติเมตร น้ำหนัก 8-9 kg กระจายพันธุ์อย่างกว้างขวาง จึงทำให้มีพันธ์ย่อย(Subspecies) ถึง 13 ชนิด พบตั้งแต่ในยุโรปเหนือ   แอฟริกาเหนือ     แอฟริกาเหนือตะวันออก      ตะวันออกกลาง   ปากีสถาน  อัฟกานิสถาน  อินเดีย   เนปาล    สิกขิม    ภูฏาน   พม่า   ไทย   ภาคเหนือของกัมพูชา   ลาว    และภาคกลางของเวียดนาม




    (http://www.sa-venues.com/wildlife/wildlife_jackal.htm)






    จิ้งจอกทองหรือจิ้งจอกเอเชีย สามารถปรับตัวให้อาศัยอยู่ในภูมิประเทศที่หลากหลายได้ ทั้ง ป่าเต็งรัง     ป่าเบญจพรรณ    หรือพื้นที่เสื่อมโทรมตามหมู่บ้าน กินอาหารได้หลากหลาย ทั้งพืชและสัตว์      เช่น   นก  สัตว์เลื้อยคลาน   สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ     ซากพืช ซากสัตว์ บางครั้งอาจขโมยอาหารหรือสัตว์เลี้ยงจากมนุษย์










    จิ้งจอกทองมีระบบประสาทตา หู จมูก ดีเยี่ยม ในช่วงผสมพันธุ์อาจพบเห็นอยู่ด้วยกันเป็นคู่ ออกล่าเหยื่อในเวลากลางคืนและพักผ่อนในเวลากลางวัน     แต่บางครั้งอาจพบเห็นได้ช่วงพลบค่ำหรือเช้าตรู่ชอบส่งเสียงหอน "ว้อ" เป็นระยะ ๆ ตลอดทั้งคู่





    (http://www.dkimages.com/discover/Home/Animals/Mammals/Carnivores/Families/Dogs-and-Relatives/Jackals/Golden-Jackal/Golden-Jackal-2.html)




    มีพฤติกรรมจับคู่อยู่เป็นผัวเดียวเมียเดียวตลอดชีวิต ตัวผู้มีหน้าที่เลี้ยงดูครอบครัว สามารถผสมพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี ออกลูกครั้งละ 3-5 ตัว มีระยะเวลาการให้นมลูก 60-63 วัน เมื่อตัวแม่ออกไปหาอาหารมักทิ้งลูกในอยู่ตามลำพัง มีอายุยืนประมาณ 12 ปี ปัจจุบันจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าพ.ศ.2535







    สุนัขจิ้งจอกทองแบ่งย่อยได้อีกดังนี้





    1. Canis Aureus   หมาจิ้งจอกทอง    มีลักษณะ คล้ายหมาป่าวูลฟ์ขนาดเล็กมีอยู่อย่างกระจัดกระจายตั้งแต่แอฟริกาใต้ไปจนถึงแอฟริกาเหนือ มีขนสีนำตาลปนเหลืองส่วนหลังและหางจะแซมด้วยขนสีดำ


    (http://photo.net/photodb/photo?photo_id=5750501)

    หมาจิ้งจอกทอง





    2.
    Black-backed หมาจิ้งจอกหลังดำ มีลักษณะที่หลังมีขนยาวสีดำปนขาวแผ่กระจายเต้มหลังไปจนถึงบริเวณหางคล้ายกับอานม้า และใบหูใหญ่



    (http://www.wildlife-pictures-online.com/200511.html)

    หมาจิ้งจอกหลังดำ







    3.
    Canis Adustus   หมาจิ้งจอกข้างลาย มีขนสีเทาและมีขนสีดำพาดเป็นทางด้านข้างของลำตัวที่ปลายหางจะมีสีขาว


    (http://www.vadasz.info.hu/afrika/kisemlos/kisemlosok.html)

    หมาจิ้งจอกข้างลาย






    4.
    Simian jackal  หมาจิ้งจอก ไซเมี่ยน แจ๊คกัล มีลักษณะเด่นคือ หูตั้ง ใบหูใหญ่ ปลายหูแหลม ลำตัวค่อนข้างยาวขนตามลำตัวสีแดง ส่วนขนที่ใต้คอสีขาว ขายาวขนที่บริเวณปลายขาจะมีสีขาวหางเป็นพวง โคนหางขาวปลายโคนหางยาวประมาณ 100 ซม.



    (http://animalpicturesarchive.com/view.php?tid=6&did=59195&lang=kr)

    หมาจิ้งจอก ไซเมี่ยน แจ๊คกัล










    สุนัขจิ้งจอกแดง






    (http://www.hernandezphotography.net/html/gallery/00010im.asp)







    จิ้งจอกแดง จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง   ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม    อันดับสัตว์กินเนื้อ วงศ์สุนัข   มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า    Vulpes vulpes ซึ่งอยู่ในวงศ์สุนัข    (Canidae)






    มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับสุนัขทั่วไป แต่มีขนาดเล็กกว่า ขนตามลำตัว มีสีเทาแดงหรือสีน้ำตาลแดง บางตัวอาจมีสีน้ำตาลส้ม     สีขนบริเวณปลายหูและขามีสีดำ สีขนอาจมีเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศ กล่าวคือ สีขนจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงในช่วงที่มีอากาศมีความชื่้นสูง





    มีความยาวลำตัวและหัว 49-65 cm ความยาวหาง 20-40 cm   การกระจายพันธุ์อย่างกว้างขวาง จึงทำให้มีพันธ์ย่อย(Subspecies) ถึง 50 ชนิด พบตั้งแต่ในทวีปอเมริกาเหนือ   ยุโรป ตะวันออกกลาง   ปากีสถาน    ภาคเหนือของอินเดีย   เนปาล        ภูฏาน   พม่า  จีน      ภาคเหนือของลาว    และเวียดนาม




    (http://weblogs.elearning.ubc.ca/watercarrier/archives/2006_01.html)






    จิ้งจอกแดง สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ทำให้อาศัยอยู่ในภูมิประเทศที่หลากหลายได้ ป่าสนหรือป่าเบญจพรรณ  พื้นที่แห้งแล้งแบบทะเลทราย และพื้นที่เกษตรกรรม กินอาหารได้หลากหลายประเภทตั้งแต่สิ่งมีชีวิต เช่น หนู   กระต่าย นกแมลง และพยาธิต่าง ๆ






    ในบางครั้งอาจกินผักและผลไม้ด้วย เช่น  กะหล่ำปลี เป็นต้น มักอาศัยและหากินอยู่เป็นคู่ จิ้งจอกแดงที่อาศัยอยู่ในทวีปเอเชียสามารถ ผสมพันธุ์ได้เกือบตลอดทั้งปี ใช้เวลาตั้งท้อง 49-55 วัน โดยที่ตัวพ่อและแม่จะช่วยกันเลี้ยงดูลูกในรังช่วง 3 เดือนแรก เมื่อลูกมีอายุครบปีแล้ว ก็จะแยกตัวออกไปสร้างครอบครัวของตัวเอง













    ที่มาของข้อมูล 



    :  http://wordbook.rackhub.com/สุนัขจิ้งจอก
    :  http://th.wikipedia.org/wiki/สุนัขจิ้งจอก
    BackHand @  http://www.dek-d.com/board/view.php?id=788925
    :  ทรงกลด สุวานิช  @  http://www.bangkaew.com/elearning/mod/forum/user.php?course=1&id=198&mode=discussions
    :  Sillero-Zubiri & Hoffmann (พ.ศ. 2547). Canis aureus. 2006 IUCN Red List of Threatened Species. IUCN 2006. Retrieved on 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2549. Database entry includes justification for why this species is of least concern
    :  http://th.wikipedia.org/wiki/จิ้งจอกทอง
    http://th.wikipedia.org/wiki/จิ้งจอกแดง
    :  Macdonald, D.W. & Reynolds, J.C. (2004). Vulpes vulpes. 2006 IUCN Red List of Threatened Species. IUCN 2006. Retrieved on 2006-08-09. Database entry includes justification for why this species is of least concern
    :  http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2006/02/W4073377/W4073377.html

    :   http://www.geocities.com/laksika111/information.htm


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×