คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : The Demon king
Application
" หากยิ่งมีความรู้สึกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งอ่อนแอ...ใช่มั้ย อิล?"
ชื่อ-นามสกุล : ซิลมาริล ลาพิส อลาเกียร์ (Sillmarill Lapis Alagear)
อายุ : 16
รูปร่าง : เด็กหนุ่มรูปร่างเล็กผอมบางดูอ่อนแอขี้โรค แต่เรือนร่างนั้นก็ถูกสวมทับด้วยเสื้อผ้าสีทึบๆหลากหลายชั้นดูสูงศักดิ์และน่าเกรงขาม ส่วนสูง169เซนฯ(แต่ก็บวกส้นสูงไปอีก3เซนฯ)และน้ำหนักเพียง47 ผิวกายขาวซีดเหมือนกระดาษ ไร้รอยตำหนิ แห้งกร้านเล็กน้อยเนื่องจากไม่ค่อยได้ใส่ใจดูแล ใบหน้าเรียวมีแก้มน้อยๆพอประมาณสมวัย ริมฝีปากบางซีด เรือนผมสีเงินเทายาวประบ่าถูกจัดทรงดูเป็นระเบียบ(แต่ก็มีเสาอากาศ เอ้ย! หงอน2กระจุกชี้เด่ออกมา) ดวงตาข้างซ้ายสีเทาหม่นหมองชวนหดหู่และไร้ชีวิต ประดับแพขนตายาวสีเทาเสริมความโดดเด่นทั้งเย็นชาและน่าสะพรึงกลัว ดวงเนตรข้างขวาที่ถูกปิดด้วยที่คาดสีดำสนิทเป็นดวงตาสีทองอำพันเรืองรองงดงาม ไม่ใช่แค่นั้น ตาสีทองนั้นยังกลืนกินพื้นที่นัยน์ตาขาวจนไม่เหลือ และตราอักขระดาวห้าแฉกสีขาวทองที่ประทับอยู่ภายใน เพียงได้เห็นก็แทบลืมหายใจ ความสวยงามจนยากละสายตา อาจก่อให้เกิดความประมาทที่จุดจบนั้นคือความตาย...โดยรวมแล้วเขาก็คือเด็กหนุ่มที่มีความงดงามเกินพรรณนา จะหล่อเหลาชวนเคลิ้มก็ไม่ใช่จะสวยสง่าเย้ายวนก็ไม่เชิง แต่ที่แน่ๆคือความไร้จิตใจ และโหดเหี้ยมที่แพร่ออกมาจากตัวของเขา ต่อให้งดงามเพียงใดก็ดูไร้สีสัน...เหมือนกับภาพจิตกรรมที่มีเพียงสีขาวและดำ
อุปนิสัย : (ตอนนี้)ตายด้าน ไร้ความรู้สึก ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา ไม่แม่แต่จะอยากปรายตามองใครให้เสียเวลาต่อให้มีคนเรียกหรือรั้งไว้ก็เพียงปรายตาแล้วไม่สนใจอีก เมินเฉยต่อทุกสิ่ง ไม่ว่าใครกำลังเดือดร้อนหรือตกอยู่ในอันตรายก็ไม่สนใจ เผลอๆอาจเข้าไปซ้ำเติมเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง(อย่างสาปให้กลายเป็นกำลังของตัวเอง)
เป็นเหมือนภาชนะกลวงๆที่เก็บไว้แต่ความรู้สึก ความคิดอันดำมืด และความโสมม ถึงกระนั้นก็ปฏิเสญไม่ได้ว่าแข็งแกร่งจนไม่อยากแม้เพียงเฉียดใกล้ แต่ก็เพราะเป็นเพียงภาชนะกลวงๆนั้นแหละ เขาจึงเป็นประเภทที่ไม่รู้ว่าต้องดำเนินชีวิตยังไง ต้องทำอะไร อะไรควรทำไม่ควรทำ อะไรที่ทำให้เกิดปะโยชน์กับตัวเอง ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างเชื่อฟังภูติของเขามาก เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นสิ่งที่ไม่แตกสลายไปยามอยู่กับเขา
มีความคิดที่แปลกประหลาดและแปลกใหม่ จะเรียกว่ามีความคิดสร้างสรรค์ก็ได้ โดยเฉพาะกลยุทธ์ในการต่อสู้ อีกทั้งยังช่างสังเกต ดังนั้นรูปแบบการต่อสู้เขาจึงพลิกแพลงตลอดเวลา เพื่อให้ทันเล่ห์เลี่ยมทุกรูปแบบ
ในเวลาปกติที่ไม่มีอันตรายจะค่อนข้างเอื่อยเฉื่อย ไม่รีบร้อน มักจะทำอะไรซ้ำๆซากๆจำเจเป็นประจำ อย่างการมองออกไปนอกหน้าต่าง หรือนั่งจ้องอะไรบางอย่างนานๆ แต่เพราะมีสัญชาตญาณที่ดีและไหวพริบ หากมีอันตรายจะรับรู้ได้ทันทีและปรับเปลี่ยนเป็นโหมดเตรียม(นั้นคนรึอะไร?)
ขี้เซา เนื่องจากร่างกายที่อ่อนแอ และการฝึกพลังมารที่รุนแรง ดังนั้นจึงง่วงหงาวหาวนอนตลอดเวลา แต่ถึงจะง่วงยังไงใบหน้าก็ยังนิ่งเรียบเป็นรูปสลักตามเดิม
(เมื่อก่อน//และอาจจะมีหลุดมาบ้างเล็กน้อย)เป็นคนที่มีเสน่ห์มากชวนเข้าใกล้ ใบหน้ามักประดับไปด้วยรอยยิ้มมุมปากดูลึกลับน่าค้นหา ค่อนข้างซน และขี้สงสัยจนบางครั้งก็ทำคนอื่นปวดหัวกันสุดๆเพราะเจ้าตัวช่างถามเสียเหลือเกิน ถึงจะชอบทำให้คนอื่นเดือดร้อนแต่อย่าไปพูดจี้จุดหรือทำอะไรให้เจ้าตัวตกใจล่ะ เพราะเขาน่ะหน้าบางสุดๆ เพียงแค่พูดหยอกล้อเล็กน้อยหรือเอาหน้าเข้าไปใกล้ๆให้ตกใจเล่นก็หน้าแดงแปร๊ด และแน่นอนว่าถึงจะล้อเขายังไงเขาก็ไม่มีทางยอมรับหรอก(ซึนเล็กๆ) เพราะเขาแสดงความรู้สึกไม่เก่งบางครั้งจึงบ่ายเบี่ยงเพื่อไม่ให้ตัวเองเขินอายมากกว่าเดิม ขี้เป็นห่วงและใจอ่อนถึงจะไม่แสดงออก(เพราะอาย)แต่การกระทำก็บ่งบอกสุดๆ หากเจอคนที่กำลังเสียใจอยู่จะอดไม่ได้ที่จะเข้าไปปลอบแต่เป็นการปลอบที่ดูเก้ๆกังๆมาก เพราะทั้งทีอยากเข้าไปปลอบแท้ๆแต่ปากดันบอกแค่ว่า ไม่ได้ห่วงสักหน่อยแค่หนวกหู...(ซึนจริมๆ) ชอบทำอาหารมากและทำมันได้ดีมากด้วยทั้งที่คนส่วนใหญ่แล้วไม่คิดว่าอย่างเขาจะทำได้ เขาไม่ค่อยชอบให้ใครมายุ่งกับเสาอากาศ—เอ้ย กระจุกผม2กระจุกบนหัวเขานัก เพราะเขาเซนซิทีฟกับมันมาก จะสะดุ้งหน้าแดงทุกครั้งที่โดนสัมผัส จนเคยมีบางครั้งที่ถึงกับใส่หมวกทับไว้เพื่อไม่ให้โดนแกล้ง
การพูดจา : น้ำเสียงเรียบเฉยให้ความรู้สึกเย็นชาและไร้ชีวิต แถมยังทำให้คนอื่นรู้สึกกดดันและอึดอัดราวกับมีอะไรมากดทับที่กลางอก แต่ถึงกระนั้นมันก็น่าฟังราวกับต้องมนต์สะกด ดุจเสียงของระฆังแก้วทุ้มนุ่มนวลชวนเคลิ้ม ก่อนที่ความรู้สึกจุกคับแน่นในอกจะตามมาแล้วยิ่งบวกกับสายตาเฉียบคมที่ชวนให้รู้สึกเสียวสันหลัง เพราะมันช่างไม่เหมือนกับมนุษย์ซักนิดไม่สิ ไม่มีชีวิตเลยมากกว่า
ตัวอย่าง: “...อิล พวกคนอ่อนแอไร้ค่าเกินกว่าจะมีชีวิตอยู่ใช่มั้ย?”
“หากปากของนายมีไว้เพื่อพูดแต่เรื่องไร้สาระ...ก็ไม่จำเป็นต้องมี”
“อิล หากเราไม่พอใจใครแล้วก็ต้องกำจัดทิ้งสินะ”
“...ความรู้สึกน่ะ...ไม่จำเป็นหรอก”
“อิล มีคนเอาดอกไม้ให้เรา แล้วหัวใจเต้นแรงขึ้นมา...มันเป็นความรู้สึกที่ต้องกำจัดทิ้งรึเปล่า?”
“หากยิ่งมีสิ่งสำคัญ ก็เหมือนกับมีบ่วงคล้องคอ เพราะงั้น...ไม่มีน่ะดี”
อาวุธ : ปกติเป็นสายบุ๋นถนัดชี้นิ้วสั่ง แต่ถ้าให้สู้ก็เป็นพลังมารแต่ถ้าอาวุธนานๆทีจะใช้ เป็นดาบโครงกระดูกเล่มบางแผ่รังสีอันตรายออกมาตลอดเวลา บางทีอาจได้ยินเสียงกรีดร้องออกมาจากตัวดาบด้วย
พลังมาร : การดับสูญ และพังทลาย พลังอันน่ากลัวที่ทำให้สิ่งมีชีวิตต่างกรีดร้องและค่อยๆแตกสลายลงเพียงเข้าใกล้ กลิ่นอายความมืดที่ปกคลุมรอบๆตัวทั้งหอมหวานเย้ายวนและน่าหวาดผวา เขาจึงปิดผนึกมันไปบางส่วนโดยการใช้ที่คาดตาอาบโลหิตและมนต์ดำคาดไว้ที่นัยน์ตาสีทองงดงาม ดังนั้นพลังมารติดตัวเขาอันนี้จึงลดเหลือเพียงแค่ทำให้สิ่งมีชีวิตเปราะบางอย่างดอกไม้น้อยๆเหี่ยวเฉา เท่านั้น แต่หากเขาสัมผัสร่างกายผู้อื่นมากๆ อายุไขของคนๆนั้นจะลดลง
การรักษาสภาพร่างกายตัวเอง โดยการกลืนกินพลังชีวิตหลังจากที่มันแตกสลาย ถือเป็นพลังที่โหดร้ายเพราะชีวิตที่ถูกเขากลืนกินเข้าไปจะทรมานและส่งเสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนา//ซึ่งซิลไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ไม่รู้ทำไม ทั้งที่ภูติของเขาบอกว่าไม่ต้องสนใจแท้ๆ
การสร้างกำลังของตัวเองโดนการสาปสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะตาย พลังของมันจะยื้อให้วิญญาณยังคงอยู่ในร่างแต่ขณะเดียวกันก็ค่อยๆแผดเผามันจนกระทั้งแตกสลาย แต่ก่อนจะถึงตอนนั้นมันจะทำหน้าที่เป็นดั่งองครักษ์ของเขา โดยรูปลักษณ์ของมันอาจเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
เพราะเขาร่างกายค่อนข้างอ่อนแอจึงจำเป็นต้องนอนพักบ่อยๆ ในขณะที่เขานอนเขาจะสร้างอาณาเขต โล่มายาหรืออาณาเขตกระจกลวงตา ที่หากคนนอกเหยียบย่างเข้ามาแล้วจะพบเจอกับภาพหลอนหรือเหตุการณ์ซ้ำไปซ้ำมาจนกว่าซิลจะตื่น แถมภายในนั้นยังช่วยส่งเสริมการรักษาสภาพร่างกายให้เขาด้วย//ในเวลาปกติก็มีโล่โปร่งแสงหลายชั้นคุมตัวเขาตลอดเวลาเช่นกันเป็นแบบเดียวกับอาณาเขตแต่ไม่มีภาพหลอน
ความสามารถพิเศษ : ถึงตัวจะเบามากเหมือนกับจะปลิวไปตามลมได้ง่ายๆ แต่ก็สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างมั่นคงและคล่องแคล่ว ความสามารถในการต่อสู้สูงมากโดยเฉพาะดาบ ถึงแม้ว่าเขาจะแรงน้อย แต่ก็มีความเร็ว ไหวพริบ และชั้นเชิงในการต่อสู้ในระดับสูง เพียงแค่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของลมเพียงนิด คอของคนๆนั้นก็อาจหลุดจากบ่าแล้วก็เป็นได้ ถนัดวางแผนหลากหลายทั้งเชิงรุกและรับ แผนซ้อนแผน หรืออะไรที่เหนือความคาดหมาย มีประสาทการรับรู้ที่ดีมาก ถึงแม้ทัศนียภาพในการมองจะแคบลงเพราะมองได้แค่ข้างเดียว แต่ก็สามารถมองได้กว้างไกลกว่าปกติหลายเท่า แต่หากเป็นตาข้างขวาจะทำให้มองได้ไกลถึงขนาดที่ถ้าเพ่งไปจะที่ได้ก็เห็น หรือใช้มันตรวจจับพลังของคนอื่นๆ แต่หากใช้มากจะต้องแลกกับสภาพร่างกายที่ทรุดลง(จนต้องเข้าไปกกในอาณาเขต) เขามีเสียงร้องเพลงที่ไพเราะมากเสียงนุ่มนวลชวนคล้อยตาม ถ้าเป็นเมื่อก่อนน่ะนะ...เพราะเสียงร้องเพลงของเขาในตอนนี้ถึงแม้มันจะยังคงไพเราะดังเดิมแต่มันก็ไม่ต่างอะไรกับเสียงของบทสวด คำสาปแช่งที่ทำให้ผู้คนหลงมัวเมากับความสิ้นหวัง...>>> กล้ามเนื้อผม(?)หงอน2กระจุกที่ชี้โด่อยู่บนหัวความจริงแล้วมันสามารถขยับได้ เมื่อก่อนมันจะขยับเพื่อใช้ในการถือของ(?) จับ(?)อะไรไว้บนหัว หรือไม่ก็แสดงอารมณ์ของเจ้าตัวในขณะนั้น แต่เพราะตอนนี้เขาเป็นพวกไร้ความรู้สึกมันจึงตั้งชี้ไว้อย่างนั้นไม่ขยับ(แต่เขาค่อนข้างจะไม่ชอบให้ใครยุ่งกับมันซะเท่าไหร่)
ภูติ : อิล(ill) ภูติตัวเล็กใบหน้ากลมเหมือนเด็กเรือนผมสีขาวเรียบลื่นดุจขนนก ดวงตากลมโตสีฟ้าครามมืดมน มีตัวตนเหมือนกับภาพมายาที่จะหายลับไปได้เพียงละสายตา ไม่มีเพศหากใครที่อยากเห็นเป็นหญิงก็จะเห็นเป็นหญิงหากต้องการเห็นเป็นชายก็จะเห็นเป็นชาย มีน้ำเสียงที่ก้ำกึ่งระหว่างทั้งสอง มีนิสัยที่โหดเหี้ยม อำมหิตมากต่างจากหน้าตาที่น่ารัก เย็นชาเหมือนเจ้านาย แต่พูดเยอะกว่า หวงซิลมาริลที่สุด ขนาดแค่มีใครเข้าใกล้ซิลก็พร้อมจะยุแยงให้เชือดทิ้งหรือไม่ก็ปักธงตายDeath flagไว้ในใจก่อน
“ซิล ความรู้สึกแบบนั่นจะทำให้เจ้าอ่อนแอ...ตัดมันทิ้งซะ”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจพวกมัน ไปกันเถอะ”
“ดอกไม้? เหี่ยวหมดแล้วไม่ใช่หรอ...เปราะบางขนาดนั้น ไม่เหมาะสมกับเจ้าซักนิด”
“สิ่งที่เจ้าทำไม่ผิดซิล...เพราะเป็นเจ้าไงล่ะ เจ้านายของข้า”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องสนใจพวกมัน รูปลักษณ์อันงดงามอะไรกัน พวกมันก็แค่อยากให้ตัวเองดูสูงส่งเท่านั้น จริงๆแล้วก็เป็นได้แค่ขยะ”
“ถึงแม้จะเพื่อช่วยข้า แต่...ถ้ามันจะทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตรายล่ะก็ จงทิ้งข้าไว้”
“...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าซิล ...”
สัญลักษณ์มาร : อักขระดาวห้าแฉก
จุดตำหนิ : ดวงตาข้างขวา
สิ่งที่ชื่นชอบ :การไร้ความรู้สึก ควบคุมพลังมาร คำสอนของอิล ไม่มีใครเข้ามาใกล้
สิ่งที่เกลียด :ความรู้สึกที่ไม่จำเป็น ความอ่อนแอ
ประวัติ :ซิลมาริลเป็นบุตรคนที่2ของตระกูลขุนนางที่โด่งดังและร่ำรวยมาก ในตอนที่เขายังเด็กเขาถูกเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจากคุณแม่ผู้อ่อนโยนและงดงาม แม่ของเขาเป็นผู้หญิงที่งดงามที่สุดที่เขาเคยได้พบมา ไม่ว่าเมื่อไหร่ท่านก็ยังคงดูอ่อนเยาว์ แต่พ่อของเขาไม่ใช่ พ่อของเขามีรอยเหี่ยวย่นตามร่างกายอย่างเห็นได้ชัดสมกับอายุที่ล่วงเลยไปในแต่ละปี พวกเขาอายุ68ปีแล้ว ดังนั้นไม่ว่าใครก็บอกว่าแม่ของเขานั้นประหลาด พวกที่อยู่ข้างตระกูลเราบอกว่ามันเป็นพรจากสวรรค์ที่มอบให้กับแม่ แต่พวกที่ดูเหมือนจะไม่ชอบตระกูลของเขาต่างบอกว่าแม่ขายวิญญาณลูกชายคนแรกเพื่อให้ได้ความอ่อนเยาว์งดงามและพลังที่เหนือธรรมชาติ เพราะก่อนที่จะแต่งงานเข้าตระกูลของพ่อครอบครัวของแม่เคยเป็นครอบครัวที่นับถือซาตาน ปีศาจ และความชั่วร้ายมาก่อน ...บุตรคนแรก เป็นผู้ชาย พี่ชายของเขา เขารู้มาจากพี่เลี้ยงว่าเสียไปเพราะร่างกายที่อ่อนแอในวัยเพียง8ปีในวันเกิด เมื่อได้ฟังเขาก็ไม่คิดจะเชื่อพวกที่ใส่ร้ายแม่ของเขาเด็ดขาด แม่ที่เอ็นดูเขา และให้ความรักเขาเสมอมา ...จนกระทั้ง วันหนึ่ง มันเป็นวันเกิดอายุ10ปีของเขา ที่บ้านจัดงานวันเกิดครึกครื้นเหมือนเคย แม้ว่าท้องฟ้าจะแปรปรวนอย่างน่าประหลาด แต่มีอย่างหนึ่งที่แปลกยิ่งกว่า แม่ของเขาไม่ยอมลงมาร่วมงาน เขาขึ้นไปเพื่อที่จะตาม ในระหว่างที่ก้าวตรงไปยังห้องของแม่ ความรู้สึกของเขาดันกรีดร้องออกมาราวกับมีอันตราย แต่ขาทั้งสองข้างของเขาก็ยังคงก้าวต่อไปแม้จะสั่นเทา มันคงไม่มีอะไรหรอก เขาได้แต่คิด แต่เมื่อเข้าไปในห้องกลับต้องประหลาดใจ แม่ของเขากำลังนั่งร้องไห้ เอ่ยพร่ำออกมาไม่ได้ศัพท์ พอเดินเข้าไปเพื่อที่จะทักก็ต้องตกตะลึงจนเผลอก้าวถอย แม่ของเขาเปลี่ยนไป ใบหน้าที่เคยงดงามกลายเป็นหมองคล้ำและบิดเบี้ยวเรือนร่างอรชรกับมีบางอย่างงอกเงยน่าขนลุก เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขาก่อนจะค่อยๆฉีกรอยยิ้มออกมาทีละนิด และเข้ามาประชิดตัวเขาทันที เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง แววตาดุร้ายของเธอทำให้เขาทำไม่ได้แม้แต่จะขยับ แล้วเขาก็ได้รู้บางอย่างจากปากของผู้เป็นแม่ที่เขารักสุดหัวใจ ...พี่ชายของเขาไม่ได้ป่วยตาย แต่...ใช่แล้วมันเป็นไปตามที่พวกนั้นบอกแทบทุกอย่าง แลกชีวิตบุตรของตัวเองเพื่อตัวเอง...และในตอนนี้เขากำลังเป็นรายต่อไป พลังที่ได้มาย่อมมีผลกระทบหากประมาทและมันก็ทำร้ายเธอ ถ้าหากต้องการให้กลับไปเป็นดังเดิมก็ต้องแลกกับอะไรบางอย่าง...
พบปีศาจ(เจ้าของพลังมาร)ได้ยังไง :หลังจากที่ถูกแม่ของตัวเองจับมัดเอาไว้เพื่อทำพิธีใช้เขาเป็นเครื่องสังเวยเพื่อเรียกปีศาจความรู้สึกที่รุนแรงของเขาก็มากขึ้นเรื่อยๆ ความสับสนและเสียใจปนเปกันไปหมด ในหัวของเขามีแต่คำถาม ว่าทำไม อะไรที่ทำให้แม่ที่แสนใจดีคนนั้นแปรเปลี่ยน แต่ที่เขาไม่รู้คือ ลึกๆแล้วในใจเขากำลังเกิดความแค้นและความผิดหวัง รอยมีดที่กรีดเนื้อของช่างเจ็บปวดแต่คงไม่เท่าหัวใจที่บอบช่ำนี้ แต่ในขณะที่การเตรียมพิธีกรรมเสร็จสิ้น คราบเลือดอาบร่างกายเขาค่อยๆเกิดวงเวทประหลาดและมีอายมืดพวยพุ่งออกมาครอบคลุมตัวเขาไว้ มันไม่ได้ปรากฏให้แม่เห็น เพราะเธอดูงงงวยราวกับไม่เห็นอะไรเกิดขึ้น
เสียงดังในหัวเอื้อนเอ่ยราวกับหยอกล้อ ‘อา มนุษย์ช่างน่าสมเพศเสียจริงนะ หึหึ’ ความอยากรู้เข้าเกาะกุมจิตใจของเขาแต่บาดแผลตามตัวทำให้เขาทำไม่ได้แม้แต่เปล่งเสียง จึงได้แต่ถามกลับในใจ
‘คุณ...เป็นใคร หรือว่า...ปีศาจ...คุณจะเอาชีวิตเราไปหรอ เอาไป เหมือนกับพี่’ เสียงหัวเราะดังก้องในหัวเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆเงียบลง
‘ข้าเป็นปีศาจน่ะถูกแล้ว แต่ปีศาจที่แม่เจ้าเรียกว่าคราวก่อนไม่ใช่ข้าหรอกนะ แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะ’ มันเงียบลงไปครู่หนึ่ง ‘เด็กน้อย เจ้าน่ะ ปรารถนาสิ่งใดกัน?’
เขาเงียบในใจตอบกลับไปว่าไม่รู้ ก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจ
‘ความรู้สึกของเจ้าในตอนนี้เล่า ต้องการอะไร โศกเศร้าเสียใจ ผิดหวัง โกรธ แค้น อะไรที่จะทำให้ความรู้สึกพวกนี้หมดไปล่ะ หืม ...อำนาจหรอ’
‘เราไม่รู้’
‘พลังล่ะ ความแข็งแกร่ง’
‘…เราไม่รู้’
‘ชีวิต? ชีวิตอันเป็นนิรันดร์’
‘ไม่...เราไม่รู้ พอเถอะ...เราไม่รู้อะไรทั้งนั้น ไม่รู้เลยว่าทำไม...สิ่งเหล่านั้นมีไปเพื่ออะไรกัน หากว่า...มันเป็นสิ่งที่ทำให้แม่ของเราถึงกับต้องฆ่าเราเพื่อให้ได้มา...ไม่รู้’
เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้งและเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ
‘ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็ลองใช้มัน เพื่อหาคำตอบดูสิ ...หากมีสิ่งเหล่านี้อยู่ในมือแล้ว ตัวเจ้านั่นต้องการอะไร’
‘...สิ่งที่ต้องการ?’
‘ใช่!สิ่งที่เจ้าต้องการ เอาล่ะเด็กน้อย...นามของข้าคือเซย์เฮล จงเอ่ยนามของเจ้ามา’
ริมฝีปากไร้เรี่ยวแรงพลันเผยอเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่ดังกังวาน‘นามของเรา...ซิลมาริล ลาพิส อลาเกียร์’
อายมืดค่อยๆซึบซับไหลทะลักเข้าสู่ร่างกายจนเหมือนกับว่ามันกำลังปริแตก บาดแผลที่เคยชโลมไปด้วยเลือดพลันสมานลงเป็นปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งไว้เพียงคราบเลือดที่แห้งกรัง ความแสบร้อนที่ดวงตาข้างขวาทำให้เขากรีดร้องอย่างเจ็บปวด กลายเป็นดวงเนตรสีทองงดงามที่มีตราอักขระดาวห้าแฉกชวนพิศวง และแล้วพื้นที่โดยรอบคฤหาสน์ของเขาก็เต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่ลุกโชน กลิ่นคาวเลือด และความตาย
ลักษณะคร่าวๆของปีศาจ : กลุ่มอายมืดขมุกขมัวไร้รูปร่างแน่นอน ให้ความรู้สึกคลื่นไส้ชวนอาเจียน เพียงมันปรากฏตัว ทุกสรรพสิ่งล้วนกลายเป็นสีดำ โอบล้อมด้วยความตายที่ไร้หนทางหลบหนี เสียงของมันดังกึกก้องภายในหัวของซิลจนไม่อาจรับรู้ได้ว่าต้นเสียงของมันมาจากที่ใด แต่สิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นคืออายมืดที่รวมตัวกันเป็นปีศาจที่มีเขายาวสองข้างน่าเกรงขาม
เพิ่มเติม : - ซิลมองเห็นอิลเป็นภูติไม่มีเพศ
- พลังมารทำให้ร่างกายซิลอ่อนแอลง
-แม่ของซิลโดนซิลใช้คำสาปใส่...
- ชื่อของอิลมาจาก illision
- ถ้าจะตายขออย่าเร็วT T***
ความคิดเห็น