คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : [SF] Say hi my dog - Krisyeol (2)
SAY HI MY DOG
author : @__Jyjcy
tag on twt : #ซฮมด
“ ไอ้นี่มันใส่ยังไงวะ อ้อ ใส่ได้และ ” ร่างสูงง่วนอยู่กับการใส่เสื้อผ้าในห้องน้ำนานสองนาน พูดเองเออเอง บ่นอุบอิบกับเสื้อผ้าอาภรณ์ที่ถูกเสนอให้สวมใส่ โดยมีปาร์คชานยอลยืนกอดอกพิงผนังรออยู่หน้าห้องน้ำ คิ้วสีน้ำตาลเข้มขมวดเข้าหากันพลันเหลือบสายตามองไปยังนาฬิกาเรือนใหญ่ที่แขวนอยู่ไม่ไกลนัก ดีนะที่วันนี้เป็นวันเสาร์ ไม่มีเรียน ไม่งั้นชีวิตได้วุ่นวายไปกว่านี้แน่ๆ กว่าจะคุยกับชายแปลกหน้ารู้เรื่องก็ปาเข้าไปเป็นชั่วโมง เท่าที่สื่อสารกันก็ประมาณว่าหมอนี่เป็นสุนัขที่กลายร่างเป็นคน นึกแล้วอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงหมดปาก คิดว่าตัวเองหลุดมาจากนิทานหลอกเด็กหรือไงกัน หน้าตาก็ดีไม่น่าเป็นคนบ้าเลย ชานยอลกอดอกส่ายหัวไปมาอย่างนึกเสียดาย
“ คริส ”
นึกขึ้นได้ว่าเขาได้พาเพื่อนใหม่สี่ขาเข้ามาพักอาศัยด้วยเมื่อคืนนี้ มัววุ่นวายกับคนในห้องน้ำจนลืมไปเสียสนิท สองขายาวสาวตรงไปยังห้องนอนแต่พบกับความว่างเปล่า เสียงทุ้มตะโกนเรียกชื่อสุนัขดังลั่นห้อง เขามุดเตียงเปิดตู้ตามหาทุกซอกมุมกลับไม่พบ เขาวางก้นลงบนโซฟายาวก่อนจะกุมขมับตัวเองอย่างกลุ้มใจ สุนัขหายไป แต่กลับมีใครบางคนโผล่มา
“ จริงๆ นะครับ ผมเป็นสุนัขพันธุ์โกลเด้น อายุ 6 ปี โดนเจ้าของมาปล่อยไว้ที่ริมแม่น้ำฮันสามวันแล้ว ”
“ ผมชื่อคริส เจ้านายตั้งให้ผมเองไง เมื่อคืนนี้ จำไม่ได้เหรอ ”
“ เมื่อวานนี้ที่เจ้านายให้ผมกินไอศกรีมไง ”
คำพูดเหล่านี้คือคำพูดของชายแปลกหน้าที่พูดกับเขาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วแต่ชานยอลกลับไม่นึกใส่ใจเท่าไหร่นักจนถึงวินาทีนี้ที่พบว่าคริสหายตัวไป ถ้าผู้ชายคนนี้ไม่ได้โกหก นั่นก็แปลว่าคริสกลายร่างเป็นมนุษย์อย่างนั้นสิ บ้าไปแล้ว ชานยอลขยี้หัวตัวเองจนฟู ในหัวของเขาสับสนไปหมด นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเขากันแน่
“ เสร็จแล้ว ”
เสียงใหญ่ดังขึ้นจากด้านหลัง ชานยอลหันไปก็พบกับบุรุษรูปหล่อในชุดเสื้อยืดสีเทาแสนธรรมดาบวกกับกางเกงเดปสีน้ำตาลแต่ทว่ากลับดูดีมากอย่างบอกไม่ถูก คริสเดินตรงมาหาคนที่นั่งอยู่พลางลูบคลำกางเกงที่รัดรูปอย่างเงอะๆ เงิ่นๆ เสื้อผ้ามนุษย์พวกนี้แปลกดีพิลึก รัดแน่นซะจนไม่มีอากาศให้ถ่ายเท
“ นาย … คือคริส สุนัขที่นอนกับฉันเมื่อคืนจริงๆ เหรอ ” ชานยอลถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงย้ำหนักแน่น อีกฝ่ายไม่ตอบอะไรได้แต่เพียงพยักหน้าด้วยแววตาที่จริงจังอย่างเห็นได้ชัด คนทั้งคู่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา แต่สิ่งที่ควรจะทำตอนนี้คือให้คริสได้ใช้ชีวิตแบบที่มนุษย์ทั่วไปจะทำกัน ชานยอลเองก็ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น หากเขาอยู่ในความฝัน เขาก็ต้องดูแลคริส ทำความฝันอันแสนมหัศจรรย์นี้ให้กลายเป็นฝันดีเพื่อตื่นขึ้นมาจะเป็นความทรงจำที่มีความสุข เขาเริ่มต้นสอนให้คริสใช้ห้องน้ำและเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ภายในหอ พาเดินไปรอบๆ สวนหย่อมที่ห้อมล้อมอาคารสูง ขากลับขึ้นห้องเกิดเรื่องให้ลุ้นระทึกนิดหน่อยเพราะคริสเข้าลิฟต์คนเดียว ชานยอลพยายามวิ่งตามแล้วแต่ประตูลิฟต์กลับปิดลงเสียก่อน อย่างน้อยเจ้าหมากลายพันธุ์ตัวนี้ก็ไม่โง่เท่าไหร่ เขาไปโผล่ยังชั้น 5 ซึ่งห้องของชานยอลอยู่ชั้น 4 กว่าจะตามหาตัวเจอก็เล่นเอาเหงื่อตกเหมือนกัน จะว่าไปคริสก็เป็นคนที่ซนเอามากๆ เหมือนเด็กผู้ชายที่ชอบวิ่งไปทั่วและพร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา
“ จะไปไหนมาไหนก็รอฉันด้วย ” แขนสองข้างหยัดที่ต้นขาพร้อมเสียงหายใจถี่ด้วยความเหนื่อยหอบ
“ ขอโทษครับเจ้านาย ”
“ เรียกฉันว่าชานยอลดีกว่า ”
“ ชานยอล ” เสียงใหญ่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มทำเอาน้ำของชื่อรู้สึกผิดปกติกับการเต้นของหัวใจเข้าไปอีก ใบหน้าคมของคนตัวสูงกว่าช่างเป็นอะไรที่น่าหลงใหล มองนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักเบื่อ เช่นเดียวกันคริส ที่คิดว่าชานยอลคือมนุษย์เพศชายที่มีใบหน้าหวานปานสตรีไม่มีผิดเพี้ยน หากไม่มีลูกกระเดือก เสียงไม่ใหญ่ รูปร่างไม่สูงขนาดนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งเลยจริงๆ
.
.
.
เวลาทั้งวันของชานยอลหมดไปกับการสอนการใช้ชีวิตในแบบที่มนุษย์ทำ คริสเองก็เป็นคนที่หัวไวพอสมควร ติดอยู่ตรงที่สัญชาติญาณซึ่งติดตัวมาตั้งแต่เกิด คริสเผลอยกแขนขึ้นเลียหรือแลบลิ้นระบายความร้อนในร่างกายอยู่บ่อยครั้งและชานยอลก็ห้ามปรามเขาในทุกๆ ครั้ง ตกเย็นชานยอลก็พาคริสไปเดินเล่นริมแม่น้ำฮัน เผื่อจะได้พบกับเจ้าของที่ทิ้งคริสเอาไว้
“ ทำไมมนุษย์ถึงชอบทิ้งขว้างนักนะ ” อยู่ๆ คนที่เป็นฝ่ายฟังมานานก็เอ่ยปากพูดขึ้นบ้าง ชานยอลที่เดินอยู่ข้างๆ เลิกคิ้วหันไปมองรอประโยคถัดไปของอีกคน
“ ตอนที่พวกเรายังตัวเล็ก พวกมนุษย์เลี้ยงพวกเราอย่างดี แต่พอตัวโตขึ้น พวกเรากลับเหมือนอากาศ ไร้ตัวตนในสายของพวกเขา ทำไมเหรอชานยอล ”
นั่นสินะ สิ่งที่คริสพูดคือความจริง ชานยอลไม่คิดปฏิเสธได้แต่เม้มปากบางๆ ทำท่าครุ่นคิด ขายาวสองคู่เดินไปพร้อมๆ กันบนอิฐสีน้ำตาลที่ถูกเรียงต่อเป็นทางยาวอย่างสวยงามท่ามกลางต้นไม้สูงที่ตั้งสง่าร่มรื่นอยู่สองข้างทาง ลมต้นฤดูหนาวพัดพาความชื้นของแม่น้ำฮันมาผ่านร่างสูงของคนทั้งคู่ ชานยอลยกมือไขว่กันลูบต้นแขนตัวเองไปมา
“ ไม่มีขนแล้วหนาวแห่ะ เข้าใจแล้วว่าทำไมมนุษย์ต้องใส่เสื้อผ้าพวกนี้ ” คริสพูดพลางมองเหม่อลอยไปยังสายลมที่ไม่สามารถมองเห็นและจับต้องได้
“ อื้ม หนาวเนอะ ” ร่างบางพูดพลางกอดอกก้มหน้า หายใจออกทีก็แทบจะเป็นควัน นี่เข้าใกล้ฤดูหนาวแล้วจริงๆ สินะ
“ คุณหนาวเหรอ ”
ไม่พูดเปล่า คริสหยุดเดินหันไปสวมกอดคนข้างๆ อย่างอ่อนโยน ชานยอลเบิกตาโตด้วยความตกใจ ปากอวบอิ่มอ้าเล็กน้อย เพราะเขาเองก็ไม่ทันตั้งตัว ไออุ่นจากร่างสูงถูกส่งมายังเขาทะลุผ่านเสื้อผ้าหนาของคนทั้งคู่ ลมหายใจออกอุ่นๆ ของคริสพ่นใส่หน้าผากชานยอลจนใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด
“ เจ้านายของผมจะหนาวไม่ได้ ”
“ ……. ”
มันดูไม่ดีเท่าไหร่นักหรอกที่ผู้ชายสองคนมากอดกันกลางทางเดินในสวนสาธารณะแบบนี้ ถึงอย่างนั้นชานยอลก็รู้สึกอบอุ่นและอยากอยู่ในอ้อมกอดของอีกคนอยู่ดี คริสเองก็เช่นกัน เขาไม่เคยกอดใครมาก่อน บ่อยครั้งที่เห็นมนุษย์ทำอะไรแบบนี้ ไม่คิดว่ามันจะรู้สึกอบอุ่นขนาดนี้ เขาอยากกอดคนตัวเล็กกว่าไว้นานๆ ชายวัยกลางคนที่วิ่งเหยาะๆ มองพลางส่งสายตาไม่สู้ดีนัก ชานยอลจึงค่อยๆ ผละแผ่นอกกว้างของอีกคนออกด้วยท่าทางขัดเขิน
“ มนุษย์เค้ากอดกันต่อหน้าคนเยอะๆ ไม่ได้ ”
“ ทำไมหละครับ ”
“ ไว้จะบอกทีหลังนะ ” ชานยอลยิ้มบางๆ ให้คนตรงหน้าก่อนจะจูงมือใหญ่นั้นไว้ คริสพยักหน้ารับแล้วปล่อยมือจากชานยอลก่อนจะประสานมือเข้ากันอีกครั้งให้ทุกนิ้วได้สัมผัสกัน สองขายาวสาวตรงมาสุดทางจนมายืนอยู่หน้าร้านไอศกรีมเจ้าอร่อยที่มีบรรดาวัยรุ่นมากมายยืนต่อแถวรอซื้อ ชานยอลบอกให้คริสยืนรอ ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมโอศกรีมโคนในมือสองโคน ยื่นอันหนึ่งให้กับคริส อีกอันหนึ่งยกขึ้นเลียอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งสองคนเดินมานั่งพักที่ม้านั่งสีขาวตัวยาวซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านไอศกรีม ขณะที่ในมือของคริสว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว ชานยอลยังคงเพลิดเพลินไปกับการเลียไอศกรีมในมือช้าๆ ท่าทางของชานยอลทำให้คริสหลุดยิ้มออกมา ร่างสูงสะดุดตากับไอศกรีมวนิลาสีขาวเปื้อนเลอะริมฝีปากของชานยอลโดยที่เจ้าตัวยังคงเลียไอศกรีมในมืออย่างไม่สนใจ คริสค่อยๆ ยื่นหน้าไปใกล้ชานยอล ก่อนจะหลับตาพริ้ม แล้วแลบลิ้นเลียไอศกรีมที่ติดออกอย่างนุ่มนวล
หวานจัง …
เลือดในร่างกายของชานยอลถูกสูบฉีดอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะบริเวณหัวใจ
ตึก ตึก … ตึก ตึก
ขณะที่ระบบทางเดินหายใจของเขากลับติดขัด เหมือนร่างกายส่งความร้อนในร่างกายทั้งหมดไปยังใบหน้า ถ้าเขาได้เห็นตัวเองตอนนี้คงต้องคิดว่ากำลังจะกลายร่างเป็นแอปเปิ้ลสีแดงสดแล้วแหงๆ คนรอบข้างมองมาเป็นตาเดียวกัน เสียงซุบซิบของกลุ่มวัยรุ่นผู้หญิงดังขึ้น ชานยอลค่อยๆ เขยิบหน้าออกห่างจากคนข้างๆ คริสจ้องมายังใบหน้าหวานอย่างไม่ละสายตา เปลือกตากระพริบอย่างไม่รู้สึกอะไร แต่ทว่าตัวชานยอลเองกลับแสดงสีหน้าไม่ถูก มือข้างหนึ่งกำไอศกรีมที่เหลือครึ่งโคนแน่น แข็งทื่อไปทุกสัดส่วน คริสเลิกคิ้วสงสัยกับปฏิกิริยาของอีกคนก่อนจะเลื่อนหน้ามากัดแป้งกรอบที่ห่อหุ้มไอศกรีมในมือของชานยอลไว้
“ อ…เอาไปเลยก็ได้ ” จบประโยคคนตัวใหญ่กว่าก็คว้าไอศกรีมจากมืออีกฝ่ายไปกินจนหมด ให้ตายเถอะ ตอนนี้รู้สึกอยากระเบิดตัวเองให้กระจายเป็นเสี่ยงๆ ชานยอลหายใจออกแรงๆ ด้วยความประหม่า เขาเข้าใจดีว่ามันเป็นนิสัยของสุนัขที่ชอบเลียนู่นเลียนี่ไปเรื่อย แต่ยังไงซะร่างกายของคริสเป็นมนุษย์ จะให้แสดงอาการแบบนี้มันคงไม่ถูกต้อง
“ ห้ามทำแบบนี้อีกนะ ”
“ หืม ” หน้าคมขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันด้วยความสงสัย เขาทำอะไรผิดไปหรือเปล่า หรือชานยอลจะไม่ชอบที่เขาแย่งกินไอศกรีม
“ ห้ามเลียคนอื่นแบบนี้ ”
“ มนุษย์เลียกันไม่ได้เหรอ ” ชานยอลแทบจะสำลักกับคำถามของอีกฝ่าย อะไรคือเลียกันไม่ได้ ใครไม่คิดชานยอลคิดไปแล้ว ไม่ได้ทะลึ่งนะแต่เล่นถามอะไรแบบนี้ก็ไปต่อไม่ถูกกันพอดี ชานยอลฉุดแขนคริสขึ้นยืนตั้งท่าจะกลับหอเพราะนี่ก็เย็นมากแล้ว แถมยังรู้สึกเหมือนมีคนจับตามองดูเขาอยู่ตลอดเวลา ขณะเดินกลับคริสได้สวนทางกับสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ตัวหนึ่งซึ่งมีเจ้าของเป็นหญิงวัยกลางคนจูงเชือกไว้ มันกระดิกหางไปมาราวกับจำร่างสูงได้
“ เฮ้ย ! ฮารัง ! นายนี่เอง เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม ”
ทั้งชานยอลและหญิงผู้เป็นเจ้าของสุนัขต่างประหลาดใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า มันไม่แปลกเท่าไหร่ที่จะเห็นคนคุยกับสุนัขแต่ไม่ใช่แบบนี้ คริสนั่งยองๆ ลงคุยกับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน
“ จริงดิ โชคดีชะมัดเลย เอ้อ นี่เจ้านายใหม่ฉัน ชื่อชานยอล ”
คนบ้าแน่ๆ …
หญิงวัยกลางคนกระตุกเชือกที่ติดกับปลอกคอสุนัขของตนแล้วเดินไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ คริสที่กำลังคุยกับสุนัขอย่างออกรสถึงกับหน้าเหวอพยายามวิ่งตาม ขวักมือเรียกให้คุณป้าหยุดวิ่ง “ คุณป้าครับ อย่าเพิ่งไปสิ ฮารัง ฮารัง ! ”
ชานยอลที่ยืนมองอยู่หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง นึกแล้วตลกสิ้นดี เขาก้มหน้ากุมท้องหัวเราะอย่างไม่มีสติ หน้าคริสตอนเหวอนี่มันตลกชะมัดเลย คริสหันหลังเดินกลับมาด้วยหน้าตาไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก มนุษย์นี่เป็นสัตว์ที่ไร้มารยาทสิ้นดี ไม่เห็นหรือไงว่ากำลังคุยกันอยู่
“ ขำอะไรครับ ”
“ ……….”
ฟันที่เผยให้เห็นทุกซี่กลับต้องหุบลงอย่างรวดเร็ว บอกเลยว่าตามอารมณ์เจ้าหมาบ้าตัวนี้ไม่ทันจริงๆ ขณะเดินกลับหอคริสก็เล่าเรื่องของไซบีเรียนตัวนั้นให้ฟัง จับใจความได้ว่ามันมีชื่อว่าฮารัง เป็นเพื่อนเล่นกับคริสมาตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข เติบโตในฟาร์มเพาะสุนัขมาด้วยกันแต่ต้องแยกจากกันเมื่อมีคนมาซื้อตัวเขาไปเลี้ยง ช่วงเวลาแสนมหัศจรรย์ของวันนี้ได้หมดไป เมื่อรับประทานอาหารค่ำเสร็จก็อาบน้ำเข้านอน บนเตียงกว้างมีพื้นที่พอสำหรับคนสองคน ชานยอลเอาหมอนข้างคั่นไว้แต่ก็ถูกอีกคนยกออกแล้วเสนอตัวเป็นหมอนข้างให้ชานยอลกอดแทน
“ อะไรของนาย เขยิบไปเลย ” ไม่พูดเปล่าร่างบางใช้เท้าถีบต้นขาคริสให้ถอยห่างจากตัวเอง
“ ไม่เอาอ่ะ ผมจะกอดชานยอล ” สงครามขนาดย่อมเกิดขึ้นก่อนที่ทั้งคู่จะหลับลง สุดท้ายชานยอลผู้อ่อนแอกว่าก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับหมาบ้าพลังอย่างคริสในที่สุด ท่อนแขนหนาของเขาถูกทับด้วยหัวกลมที่ปกคลุมด้วยผมสีโก้โก้ ดวงตาคู่สวยหลับอยู่ภายใต้อ้อมกอดของสัตว์เลี้ยงผู้ซื่อสัตย์ คริสจุมพิตหน้าผากมนเบาๆ ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราแสนอบอุ่นไปพร้อมๆ กัน
ไม่อยากให้รอนานจนรีดเดอร์จะลืมกันไปซะก่อน เป็นยังไงบ้างคะหมาพี่คริส น่ารักขัดคาแรกเตอร์ตัวจริงมาก กร้าก ที่จริงมันคือช็อตฟิค อีกไม่กี่ตอนก็จบแล้ว แต่ไปๆมาๆท่าจะยาวค่ะ T _ T ไรเตอร์ไม่ได้ตั้งใจน้า แต่งแล้วเพลิน หลายตอนแน่ๆ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ อย่าซุ่มๆๆ เม้นว่า “…” ก็ยังดีนะจะได้รู้ว่ามีคนติดตาม 555555555555555 รอตอนต่อไปด้วยนะคะ ขอบคุณค่า
ความคิดเห็น