คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เมียรับจ้าง :: II (rewrite)
“วันนี้รถไม่ค่อยติดเนอะอี้ชิง”
“อี้ชิง นายดูแม่น้ำฮันดิ สวยเหมือนเดิมทุกวันเลยเนอะ”
“อี้ชิง ผู้หญิงคนนั้นโคตรเซ็กซี่เลยอ่ะ นายเห็นมั้ย?”
“อี้ชิง ดูเด็กพวกนั้นดิ น่ารักเนอะ”
“อี้ชิง...จางอี้ชิง...เมียคนสวยจ๋า”
“เลิกเรียกผมว่าเมียสักทีเถอะคุณคริส ได้ยินแล้วมันขนลุก” หลังจากที่อี้ชิงนั่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน ก็เอ่ยปากพูดโต้ตอบกับคริสในที่สุด เพราะคำว่า’เมีย’นี่แหละที่ทำเอาร่างบางของขึ้น
“ก็ฉันเรียกทำไมนายไม่ตอบล่ะ” ร่างสูงเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน ก็ตลอดทางเขาพยายามชวนคนร่างบางคุย แต่เจ้าตัวก็เอาแต่หันหน้าหนีมองออกไปข้างนอก แถมไม่ตอบอะไรสักคำ ไม่รู้เป็นอะไรของเขากัน
“ก็ผมไม่อยากตอบ” ยังคงเชิดหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนเคย
“แล้วทำไมฉันจะเรียกนายว่าเมียไม่ได้ ก็นายเป็นเมียฉันจริงนี่นา”
“เป็นแค่เมียรับจ้างต่างหากเล่า!! แล้วใบกฎอยู่ไหน? เอามาให้ผมด้วย” ตะคอกตอบกลับอย่างโมโหก่อนจะถามถึงสัญญาของพวกเขาสองคน
“นายจะเอาไปทำไม?”
“ผมจะมาเขียนเพิ่มว่า คุณห้ามแตะเนื้อต้องตัวผม เหมือนอย่างตอนวัดเอวบ้าบออะไรนั่นอีก” คิดเรื่องนี้ขึ้นได้ร่างบางก็อารมณ์เสียขึ้นมาทันที ที่ทำแบบนั้นก็แค่วัดเอวสินะ...
“อ๋อ ที่นายไม่ยอมคุยกับฉันเพราะโกรธเรื่องนั้นด้วยใช่มั้ย?”
“ผมไม่ได้โกรธ ก็แค่ไม่ชอบ เพราะมันทำให้ผมเขิน” ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงพร้อมกับมือที่ถูกยกขึ้นมาปิดปากทันทีหลังจากที่พูดจบ อี้ชิงทั้งตกใจและไม่เข้าใจตัวเองจริงๆว่าทำไมเขาถึงเผลอหลุดพูดคำนี้ออกไปได้ เขิน... แบบนี้คริสก็รู้หมดนะสิ
“เขิน” หัวเราะเสียงหึอย่างชอบใจในลำคอ “นายจะเขินทำไมเราเป็นผู้ชายเหมือนกัน โดนตัวกันไม่เห็นจะแปลก ที่ไหนๆผู้ชายเขาก็ถูกเนื้อต้องตัวกันทั้งนั้น ยกเว้นแต่ว่า...” ลากเสียงยาวในตอนท้าย ก่อนจะหันหน้ามามองร่างบาง ส่งยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วพูดขึ้นว่า “นายจะแอบคิดอะไรกับฉัน”
“บ้า! ไม่มีทาง” อี้ชิงปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ช่างขัดกับใบหน้าที่เริ่มร้อนผ่าวขึ้น
“แต่ฉันทั้งหล่อทั้งรวย นายอาจจะหวั่นไหวก็ได้”
“ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย”
“หรอออ อย่าเผลอแอบชอบฉันแล้วกัน แต่ขอเตือนไว้ก่อนนะ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นจริง สุดท้ายนายอาจจะต้องเจ็บ” คนพูดคงไม่ได้คิดอะไร แต่คนฟังที่กำลังหัวใจเต้นแรงผิดปกติอยู่นั่นกลับกระตุกใจหายวาบ
อี้ชิงเมินหน้ากลับไปมองที่หน้าต่างรถอีกครั้ง บรรยากาศในรถจึงกลับมาสู่ความเงียบตลอดทาง
“อี้ฟาน แกออกไปไหนมาแต่เช้า” เสียงคุณนายอู๋เจ้าของบ้านหรูหลังใหญ่โตเอ่ยทักลูกชายทันทีที่เห็นเขาเดินเข้าห้องโถงมา แต่ยังไม่ทันที่คนถูกทักจะได้อ้าปากตอบ เธอก็พูดขัดขึ้นเมื่อมองเลยไปเห็นผู้หญิงที่เดินตามหลังลูกชายของเธอมา
“แล้วผู้หญิงคนนั้นใคร? หนอยยยย เดี๋ยวนี้แกกล้ามากนะเอาผู้หญิงเข้ามากกในบ้านฉัน มานี่เลยไอ้ลูกตัวดี” เธอรีบลุกขึ้นวิ่งตรงเข้าไปฟาดคริสที่ต้นแขนอย่างโมโห แค่พาไปกกที่โรงแรมยังไม่พอ วันนี้ช่างกล้าพามาถึงบ้าน แบบนี้ต้องตีให้ตาย
“โอ๊ย! ม๊าครับ มันไม่ใช่แบบที่ม๊าคิดนะ เธอคือเมียผมต่างหาก” ร่างสูงยกมือขึ้นจับเข้าที่แขนมารดาของตน ก่อนจะอธิบายอย่างหัวเสีย
“เมีย! เมียคนที่เท่าไหร่ของแกล่ะ” ร่างบางของอี้ชิงที่ได้ฟังประโยคนี้ถึงกับสะอึก นั่นสิ เขากลายเป็นเมียคนที่เท่าไหร่ของคริสแล้วนะ
“นี่เมียผมจริงๆครับม๊า” คริสรีบสวนตอบกลับทันที ม๊าของเขาคงคิดว่าผู้หญิงทุกคนที่เขามีเซ็กซ์ นับรวมเป็นเมียของเขาหมดสินะ แต่ความจริงมันไม่เคยเป็นแบบนั้น เพราะสาวๆทุกคนสำหรับคริสเป็นแค่แบบวันไนท์สแตนด์เท่านั้น คืนเดียวจบกัน อาจจะมีบ้างบางครั้งที่ถูกใจแล้วยังติดต่อกันอยู่ แต่บอกได้เลยว่าเขาไม่เคยรักสาวๆพวกนั้น
“แกอย่ามาโกหกฉันนะอี้ฟาน เอ๊ะ! หรือแกทำเขาท้อง จนต้องรับเขามาเป็นเมีย อี้ฟาน ม๊าบอกแล้วใช่ไหมให้ใส่ถุงยางทุกครั้ง ทำไมแกไม่เชื่อม๊า ห๊ะ!” กำลังจะพุ่งตัวเข้าไปตีอีกครั้ง แต่ต้องหยุดชะงักค้างมือไว้กลางอากาศเพราะเสียงหวานของอีกคนที่ดังแทรกขึ้นมา
“ไม่ใช่นะคะ หนูไม่ได้ท้อง แถมเรายังไม่เคยมีอะไรกันเลยด้วยซ้ำ” ร่างบางพูดขึ้นเพราะอยากช่วยหยุดสงครามตรงหน้า และยังไม่ลืมที่จะดัดเสียงนิดๆให้ดูเป็นผู้หญิงขึ้น พร้อมกับพูดคำลงท้ายว่า’คะ’
“จริงเหรอ?” หันไปถามร่างบาง ก่อนจะหันกลับมามองลูกชายของตนและพูดขึ้นว่า “เป็นไปได้ไงที่แกยังไม่มีอะไรกับผู้หญิงคนนี้ ม๊าไม่อยากเชื่อ”
“โธ่ม๊าครับ เชื่อเถอะครับ เธอไม่ได้พูดโกหกจริงๆ ผมว่าเรามานั่งคุยกันดีๆดีกว่าเนอะ” ร่างสูงเข้ามาประคองมารดาพาไปนั่งยังโซฟา ทั้งๆที่เธอยังแสดงสีหน้าที่บ่งบอกได้ชัดว่ายังคงไม่เชื่อว่าลูกชายตัวดีจะยังไม่มีอะไรกับผู้หญิงคนนี้ได้ เธอรู้จักลูกชายจอมเจ้าชู้ของเธอดี เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเป็นไปได้
“นี่เมียผมครับ เธอชื่อจางอี้ชิง” ทันทีที่ทุกคนนั่งลง คริสก็กล่าวแนะนำอี้ชิงให้รู้จัก
“จะเป็นเมียได้ยังไง ในเมื่อยังไม่มีอะไรกัน แกเอาผู้หญิงที่ไหนมาย้อมแมวหลอกฉันหรือป่าวอี้ฟาน”
“ผมไม่ได้หลอกนะครับม๊า เธอเป็นเมีย เอ้ย!เป็นแฟนผมจริงๆ”
“แล้วไปเจอกันได้ยังไง ชอบกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่” เพราะเห็นแววตาจริงจังของลูกชายที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จึงทำให้เธอคิดว่าสิ่งที่คริสพูดออกมาอาจไม่ได้โกหกจริงๆ แต่ก็จำเป็นที่จะต้องซักไซ้ถามเพื่อความแน่ใจ
“เจอกันเมื่อวาน ที่ร้านกาแฟแถวคังนัมครับ” ชายหนุ่มตอบและยิ้มด้วยท่าทางเขินอายนิดหน่อย แต่มารดาของเขาคงดูไม่ออกว่ามันคือการเล่นละครล้วนๆ
“ห๊ะ?! เจอกันเมื่อวาน แล้วจะเป็นแฟนกันได้ยังไง” เจอกันวันเดียวแล้วเป็นแฟนกันมันไม่ใช่แล้ว มันต้องรอดูท่าทีของกันและกันก่อนสิ
“ม๊าไม่รู้จักคำว่า ‘รักแรกพบ’ เหรอครับ?”
“หึ อย่างแกรู้จักรักแรกพบกับเขาด้วยเหรออี้ฟาน” พูดออกไปอย่างไม่เชื่อหู คาสโนวาตัวร้ายที่ใครๆต่างก็เรียกลูกชายเธอแบบนี้เนี่ยนะ จะมีรักแรกพบกับเขาด้วย
“ก็อี้ชิงนี่แหละครับ ที่ทำให้ผมได้รู้จักกับคำนี้” ร่างสูงเอื้อมมือไปจับมือของร่างบางขึ้นมากุมไว้ พร้อมทั้งส่งสายตาหวานชื่นให้ เพื่อหวังตบตามารดาของตน แต่กลับทำให้แก้มเนียนที่เคยเป็นสีขาวของอี้ชิงกลายเป็นสีแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“คุณนายอู๋ได้เวลาทานข้าวแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่ขึ้นไปเรียกผมล่ะ อ้าว! อี้ฟานกลับมาแล้วเหรอลูก แล้วผู้หญิงคนนั้นใครน่ะ?” เสียงคุณอู๋นายใหญ่ของบ้านที่กำลังเดินลงบันไดมาดังขึ้นขัดบทสนทนา ทำให้ทุกสายตาต้องหันขึ้นไปมอง รวมทั้งอี้ชิงที่เผลอสบสายตาคมนั่นด้วยเช่นกัน ถ้าจะถามว่าคริสได้ดวงตาคมที่น่าดึงดูดใจนั่นมาจากไหน คำตอบก็คงเป็นมาจากคุณอู๋นั่นเอง
“แฟนผมเองครับป๊า” ร่างสูงเอ่ยตอบ
“แฟน! ที่รัก คุณได้ยินไหมลูกเราบอกว่าเธอคือแฟน” แม้แต่คนเป็นพ่อก็ตกใจไม่แพ้กัน ลูกของเขาโตมาจนจะเข้าสู่วัยเบญจเพสแล้ว อู๋อี้ฟานเพิ่งพาผู้หญิงมาบ้านและแนะนำตัวว่าเป็นแฟนครั้งแรกก็คราวนี้แหละ
“ค่ะ ฉันทราบแล้ว เราไปทานข้าวกันดีกว่าค่ะคุณ แล้วค่อยคุยกันเรื่องนี้ต่อที่โต๊ะ” คุณนายอู๋ตัดบทแล้วลุกขึ้นเดินตรงไปยังห้องอาหาร แต่ก็หันกลับมามองไปทางอี้ชิงและกล่าวว่า “เชิญหนูด้วยนะอี้ชิง”
“ผมว่าแม่คงเชื่อแล้วล่ะ” คริสกระซิบบอกร่างบางเบาๆเพื่อให้ได้ยินกันสองคน ก่อนจะลุกขึ้นและตั้งท่าจะเดินไปที่ห้องอาหารแต่มือหนาก็ยังคงกอบกุมมือเล็กไว้อยู่ อี้ชิงไล่มองจากใบหน้าหล่อจนมาหยุดที่มือของตนที่ถูกจับไว้ไม่ปล่อยก่อนจะสะบัดออก
“ปล่อยมือผมได้แล้ว ลืมไปแล้วหรือไงว่าห้ามโดนตัวผม”
“ฉันไม่ลืม แต่สัญญายังไม่ได้ถูกเขียน เพราะฉะนั้นฉันมีสิทธิ์ รีบไปกันได้แล้วเดี๋ยวป๊ากับม๊ารอนาน” ในเมื่อยังมีสิทธิ์อยู่ เขาจึงคว้าจับไปที่มือเล็กอีกครั้งก่อนจะเดินจูงนำหน้าไป
“เชิญนั่งสิจ๊ะ หนู...”
“อี้ชิงค่ะ จางอี้ชิง” อี้ชิงเอ่ยตอบคุณอู๋
“อ้าว เป็นคนจีนหรอกเหรอเนี่ย ถึงว่าดูจากหน้าไม่เหมือนคนเกาหลีเลย แล้วไปไงมาไงทำไมถึงมาเป็นแฟนกับพ่อคาสโนวาตัวพ่อของป๊าได้ล่ะ”
“ตัวลูกต่างหากครับ ส่วนตัวพ่อก็ป๊านั่นแหละ” คริสพูดแก้ประโยคของบิดาตน ทำให้คนทั้งโต๊ะหัวเราะออกมา
“ผมเจอเธอที่ร้านกาแฟแถวคังนัมเมื่อวาน มันเป็นแรกรักพบครับป๊า วันนี้เลยพามาทำความรู้จักกันซะหน่อย” เมื่อเห็นเสียงหัวเราะเงียบลง คริสก็อธิบายให้ฟังอีกครั้ง
“ตายแล้ว คริสอู๋มีรักแรกพบ เหมือนป๊ากับม๊าเลย รักแรกพบเหมือนกันเลยเนอะที่รัก” นายใหญ่ของบ้านหันหน้าไปทางภรรยาเพื่อถามความเห็น แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาถึงกลับทำให้หน้าเสีย
“หึ รักแรกพบ พบมากี่ครั้งแล้วคะคุณ?”
“โธ่! ก็ต้องครั้งเดียวสิจ๊ะที่รัก ไม่งั้นมันจะเรียกว่ารักแรกได้ยังไง จริงไหมหนูอี้ชิง” เปลี่ยนมาถามความเห็นจากร่างบางที่กำลังยิ้มจนขึ้นรอยบุ๋มที่แก้มขาวให้กับความน่ารักของคู่สามีภรรยานี้
“คะ...ค่ะคุณอา”
“แหม คุณอาอะไร เรียกคุณพี่ เอ้ย! คุณพ่อก็ได้” มุขตลกของคุณอู๋เรียกเสียงหัวเราะให้กับคนทั้งโต๊ะ
“ว่าแต่หนูอี้ชิงทำไมถึงมาอยู่ที่เกาหลีล่ะจ๊ะ” ทั้งสามคนบนโต๊ะอาหารหันมามองที่ใบหน้าของคุณนายอู๋ ทุกคนแปลกใจกับคำถามแรกเกี่ยวกับอี้ชิงที่หลุดออกจากปากสวยได้รูปนั้น และที่สำคัญน้ำเสียงที่ใช้ออกแนวเอ็นดูเสียด้วย
“คะ...คือหนูได้ทุนมาเรียนต่อมหาลัยที่นี่ค่ะ พอเรียนใกล้จบก็เปิดกิจการร้านกาแฟของตัวเองน่ะค่ะ”
“โอ้โห! ทั้งสวยและเก่งแบบนี้ สนใจมาเป็นเมียน้อยป๊าไหมจ๊ะหนูอี้ชิง”
“ป๊าครับ !/ คุณคะ !” ทั้งสองแม่ลูกร้องออกมาเสียงดังก่อนจะตวัดส่งตาเขียวไปยังนายใหญ่ของบ้าน
“แหมๆ ป๊าแค่ล้อเล่นเอง” หัวเราะแห้งๆตอบกลับคนทั้งคู่
“ล้อเล่นแรงไปหน่อยนะครับ นั่นเมียผมนะ”
“หยาบคาย! แกยังไม่มีสิทธิ์เรียกหนูอี้ชิงว่าเมียนะอี้ฟาน” กลายเป็นว่าคุณนายของบ้านหันมาตวาดใส่ลูกชายแทน
“อย่าบอกนะว่าหนูอี้ชิงยังไม่เสร็จแก”
“คุณก็หยาบคาย พูดอะไรให้เกียรติหนูอิ้ชิงบ้าง”
“ก็ผมคิดว่าคนอย่างลูกเราไม่น่าปล่อยให้มันผ่านไปแบบนี้นี่คุณ” พูดเสียงอ่อนใส่ภรรยาของตน ก่อนจะลงมือตักอาหารเข้าปากต่อ
อาหารกลางวันมื้อนี้เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ เจ้าของบ้านทั้งสองดูจะให้ความสนใจและชื่นชอบอี้ชิงเป็นพิเศษ อาจจะด้วยเหตุผลเพราะเป็นคนจีนเหมือนกัน จนบางครั้งคุยไปคุยมาก็เปลี่ยนเป็นพูดภาษาบ้านเกิดกันไปเลย และอี้ชิงที่ฉลาดในการตอบคำถาม น่ารัก และเอาใจผู้ใหญ่เก่ง จนทำให้คริสนั้นโล่งใจที่ป๊ากับม๊ายอมรับและแอบยิ้มที่เห็นว่าอี้ชิงดูสนิทสนมและเข้ากันได้ดีกับครอบครัวตนเป็นอย่างดี ไม่เว้นแม้แต่พวกแม่บ้าน
เมื่อของคาวหมดไป ก็ได้เวลาของของหวานเข้ามาแทนที่ เต้าฮวยฟรุตสลัดเย็นๆก็ถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะอาหาร ทั้งสี่คนลงมือตักกินคำโต เพราะคำโอ้อวดของคุณนายอู๋ว่านี่เป็นฝีมือของตน
“ม๊าครับพรุ่งนี้ผมจะย้ายเข้าไปอยู่คอนโดที่จองไว้กับอี้ชิงนะครับ” คริสพูดขึ้นหลังจากที่ทานของหวานหมดค่อนไปเกือบครึ่ง
“ใครอนุญาตแกไม่ทราบ”
“ก็ม๊าบอกว่าถ้าผมมีเมียจะให้อยู่ไง” ร่างสูงเถียงกลับ พูดแล้วคืนคำแบบนี้หมายความว่าอย่างไรกัน เขาอุตส่าห์เสียเงินหลายวอนจ้างอี้ชิงมา แต่สุดท้ายจะไม่ได้ผลหรือนี่
“แต่หนูอี้ชิงยังไม่ใช่เมีย เป็นแค่แฟน”
“แต่...”
“ไม่มีแต่นะอี้ฟาน”
“ไม่เห็นยาก แกก็ทำให้น้องเป็นเมียซะสิจะได้ย้ายไปได้” นายใหญ่ของบ้านเสนอขึ้น เล่นเอาทั้งสามคนตาเบิกโตด้วยความตกใจกันหมด แต่คนที่อาการหนักสุดดูท่าจะเป็นร่างบางที่อยู่ๆหน้าก็ถูกสีแดงฉีดกระจายทั่วใบหน้าสวย
“ทำที่นี่ไม่ได้หรอกครับป๊า เดี๋ยวรบกวนป๊าม๊าไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันพอดี ฮ่าๆๆๆ” คริสตอบอย่างเข้าขาได้ดีกับบิดา แต่เล่นเอาคนที่หน้าแดงอยู่แล้วกลับร้อนผ่าวหนักขึ้นมากกว่าเดิม ไม่รู้ว่าเขินอายหรือโกรธกับคำพูดเหล่านั้นของสองพ่อลูกกันแน่
“สองพ่อลูกนี่หื่นกามกันจริงๆ เห็นไหมหนูอี้ชิงอายหน้าแดงไปหมดแล้ว” คุณนายอู๋ห้ามปรามเล็กน้อย แต่ก็ไม่แคล้วหัวเราะตามไปด้วย
“ถ้าม๊าอยากได้อี้ชิงเป็นลูกสะใภ้ ม๊าต้องอนุญาตผมนะครับ แล้วผมจะจัดหนักที่คอนโดทุกวัน เอาให้เดินไปไหนไม่ได้เลย”
“ฮ่าๆๆๆ คนตระกูลอู๋มันต้องแบบนี้” ดูเหมือนจะมีแค่คนเดียวจริงๆที่เห็นดีเห็นงามกับคริส คงเป็นใครไม่ได้นอกจากคาสโนวาตัวพ่อ
“ไม่ แกทำแบบนั้นกับหนูอี้ชิงไม่ได้ ม๊าไม่ยอม คนนี้ม๊าหวง” และก็ยังคงเป็นคุณนายอู๋เช่นเดิมที่คัดค้าน
“อี้ฟาน ถ้าแกคิดว่าจะหยุดที่คนนี้จริงๆ แกก็แต่งงานกับหนูอี้ชิงไปเลยสิ” จากน้ำเสียงที่เคยล้อเล่นของคุณอู๋ เริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที ในเมื่อคริสกล้าที่จะพาอี้ชิงมาแนะนำให้พวกเขารู้จัก อย่างน้อยเขาก็เชื่อว่าคริสคงจะจริงจังกับเรื่องนี้ และทั้งเขากับภรรยาต่างก็รู้สึกเอ็นดูอี้ชิงมากทั้งที่เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก เพราะฉะนั้นการแต่งงานจึงถือเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด
“ไม่ได้ครับ อี้ชิงเป็นคนขี้อายไม่ชอบเข้าสังคม ผมเลยคิดว่าอยู่ด้วยกันไปเลยไม่จำเป็นต้องแต่งงานดีกว่ามั้งครับ” คริสรีบตอบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว จะให้เขาแต่งงานกับผู้ชายได้อย่างไร เขาไม่ยอมหรอก จ้างให้มาเป็นเมียหลอกๆเฉยๆ ไม่ได้จ้างให้มาแต่งงานจริงจังด้วยซะหน่อย และถ้าแต่งจริงทุกคนก็ต้องรู้ว่าอี้ชิงไม่ใช่ผู้หญิงแน่ๆ
“หนูอี้ชิงเข้ากับผู้ใหญ่ได้ดีจะตาย แถมแกยังเป็นถึงลูกชายคนเดียวของตระกูลอู๋นะ แต่งงานมีเมียทั้งทีไม่ประกาศให้รู้ได้ยังไง” คุณนายเจ้าของบ้านก็ไม่ยอมรับข้อแก้ตัวของร่างสูงเช่นกัน
“แต่พ่อแม่ของอี้ชิงอยู่จีนคงไม่สะดวกมามั้งครับม๊า” ร่างสูงยังคงสู้ปฏิเสธต่อไป
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจ่ายค่าเครื่องบินเชิญญาติหนูอี้ชิงมาให้เอง”
“แต่ตอนนี้คุณย่าอี้ชิงไม่สบายอยู่”
“งั้นเราก็ไปจัดงานแต่งที่จีนเลยดีมั้ย?”
“ความจริงอี้ชิงสวยมาก ผมเลยไม่อยากให้ใครเห็นหน้าหรือรู้จักทั้งนั้น ผมหวงมากนะครับม๊า”
“รู้จักสิดี พวกสาวๆที่แกควงอยู่จะได้รู้ไปเลยว่าแกมีแฟนแล้ว แบบนี้จะได้หยุดเจ้าชู้สักที อี้ฟานหยุดหาคำแก้ตัวกับม๊าซะถ้ายังไม่อยากแต่งงาน เพราะฉะนั้นก็ล้มเลิกความคิดเรื่องที่จะออกไปอยู่คอนโดคนเดียวได้เลย” คุณนายอู๋พูดอย่างเหนื่อยใจเล็กน้อยในตอนท้าย เพราะมันทำให้เธอเริ่มไม่มั่นใจว่าลูกชายของเธอจะจริงจังกับรักครั้งนี้จริงไหม หรือที่ทำแบบนี้ก็เพราะอยากจะออกไปอยู่คอนโดกันแน่
“เออ...ความจริงหนูว่าการแต่งงานมันยังเป็นเรื่องที่ไกลไปสำหรับตอนนี้นะคะ แต่ถ้าคุณคริสยังต้องกลับมานอนที่บ้านแบบนี้ทุกคืน หนูว่าเขาอาจจะต้องเหนื่อยมาก ยิ่งตอนนี้ที่ดูเหมือนจะมีภาระต้องดูแลหนูเพิ่มขึ้นด้วย และยังต้องทำงานจนดึกดื่นที่บริษัท หนูกลัวว่าขับรถไปกลับแบบนี้มันคงไม่ปลอดภัย จะเป็นการดีกว่ามั้ยคะถ้าคุณคริสจะย้ายไปอยู่ที่คอนโด และถ้าหนูจะขออนุญาตเข้าไปอยู่กับคุณคริสด้วย มีหนูอยู่ใกล้ตัวคุณอาทั้งสองจะได้วางใจไงคะ” หลังจากนั่งครุ่นคิดถึงเหตุผลที่จะช่วยคริสอยู่นาน ร่างบางก็ได้ให้เหตุผลที่เขาคิดว่าดีที่สุดออกไป จนทำให้เจ้าของบ้านทั้งสองคนเริ่มคิดตามอย่างกังวลใจนิดๆ
“แต่ถ้าหนูอยู่กับลูกชายม๊า ม๊ากลัวว่าหนูจะไม่ปลอดภัยนะ” พูดเสียงอ่อนในตอนท้าย เพราะเขาไม่มั่นใจจริงๆว่าลูกชายของตัวเองจะห้ามใจไหว ก็อี้ชิงทั้งสวย น่ารัก อ่อนโยน และแสนดีขนาดนี้
“ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ คุณคริสจะไม่ได้แตะแม้แต่ปลายเล็บของหนูแน่นอน หนูจะหวงตัวจนถึงวันแต่งงานเลยค่ะคุณอา” ประโยคแรกหันไปพูดพร้อมส่งสายตาดุๆใส่คริส ก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มหวานให้คุณนายอู๋ได้อุ่นใจ
“ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะจ๊ะ”
“ม๊ายอมตกลงแล้วใช่มั้ยครับ?” เมื่อได้ยินประโยคที่เหมือนจะคล้อยตามร่างบางของมารดา คริสจึงตัดสินใจถามออกมาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“แต่แกต้องสัญญากับม๊า ห้ามรังแกหรือลวนลามหนูอี้ชิงเป็นอันขาด ตกลงมั้ย” คนเป็นแม่ยื่นข้อเสนออีกครั้ง เมื่อได้ยินอย่างนั้น ชายหนุ่มก็พยักหน้าตอบรับรัวๆ
“ถ้าไอ้คาสโนวาคนนี้ทำอะไรหนู โทรฟ้องป๊าได้ตลอดเลยนะลูก”
“ตลอด24ชั่วโมงเลยใช่มั้ยคะคุณอา” ร่างบางก็เล่นมุขตอบ จนทำให้ทุกคนจะหัวเราะออกมาเพราะมุขตลกน่ารักๆของอี้ชิง
“ผมไปส่งอี้ชิงก่อนนะครับป๊าม๊า” หลังจากที่ได้จิบน้ำชายามบ่ายเสร็จ คริสก็เห็นว่าถึงเวลาที่ควรจะไปส่งอี้ชิงกลับสักที จึงกล่าวขออนุญาตจากผู้ปกครองทั้งสองของตน
“น่าจะอยู่ทานข้าวเย็นอีกสักมื้อนะจ๊ะหนูอี้ชิง”
“นั่นสิ ป๊าเห็นด้วย” ดูเหมือนทั้งสองคนจะไม่อยากแยกจากหนูอี้ชิงคนดีของพวกเขาสักเท่าไหร่
“ไม่ดีกว่าค่ะ หนูจะได้รีบกลับไปเก็บของเตรียมตัวย้ายด้วย แถมถ้าหนูอยู่ต่อคุณคริสก็ต้องไปส่งอีก ต้องกลับมาบ้านดึกๆ คงจะเหนื่อยแย่”
“ไม่ต้องไปห่วงตาอี้ฟานหรอกจ๊ะลูก รายนี้กลับเกือบสว่างทุกวันเป็นปกติ แต่หวังว่านับจากวันพรุ่งนี้ไปจะไม่มีอีก” คุณนายอู๋เอ่ยอย่างประชดประชัน พร้อมกับส่งสายตาดุใส่ลูกชายตัวดี
“ไปกันเถอะอี้ชิง เดี๋ยวผมจะแวะพาลูกสะใภ้สุดที่รักของทั้งคู่ทานข้าวเย็นเองนะครับ ไม่ต้องห่วง” พูดจบก็วาดมือไปโอบไว้ที่เอวบาง ก่อนจะหมุนตัวพาร่างบางเดินไปยังรถเฟอรารี่สีดำทึบสุดเท่ของตน และขับออกจากบ้านไป
“ฉันอยากให้ลูกของเราได้แต่งงานกับหนูอี้ชิงจริงๆเลยค่ะคุณ” คุณนายอู๋มองรถยนต์ที่เคลี่อนตัวออกไปแล้วยิ้มอย่างปลาบปลื้มใจ
“ผมก็อยากให้เป็นแบบนั้นเหมือนกันที่รัก”
“นายเล่นละครเก่งเหมือนกันนะอี้ชิง ทำเอาป๊ากับม๊าฉันชอบซะขนาดนี้” เมื่อรถแล่นออกมาจากบ้านได้สักระยะหนึ่ง ร่างสูงก็เอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบ
“คุณก็โกหกหน้าตายเก่งเหมือนกันนั่นแหละ”
“แต่ฉันว่าก็ยังไม่เนียนเท่านายหรอก คุณอาคะ คุณอาขา” คริสดัดเสียงล้อเลียนคำพูดของร่างบาง แต่กลับทำให้อี้ชิงหลุดหัวเราะออกมาเสียยกใหญ่
“ฮ่าๆๆ หยุดทำเถอะครับคุณคริส ได้ยินแล้วมันทุเรศ เสียงเหมือนกระเทยควายเลย”
“ทำอย่างกับนายไม่เหมือน”
“เหมือนไม่เหมือนแต่พ่อแม่ของคุณก็เชื่อว่าผมเป็นผู้หญิงแล้วกัน” ทั้งสองคนยังคงเถียงกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่สุดท้ายก็เป็นอี้ชิงที่เป็นฝ่ายชนะ
“คุณไม่ต้องพาผมไปกินข้าวหรอกนะ เดี๋ยวผมหากินของผมเอง”
“แล้วนายคิดว่าฉันจะพานายไปจริงๆหรือไง” ร่างสูงไม่ได้ตั้งใจอย่างที่พูด แต่เขาแกล้งเล่นเพื่อทำให้อี้ชิงรู้สึกเสียหน้าเหมือนเขาบ้าง และมันก็ดูเหมือนจะได้ผล เมื่อหน้าที่เคยยิ้มนั่นเจื่อนลงทันที แต่คริสก็ไม่ได้เอ่ยแก้ตัวอะไร เพราะเขาวางแผนไว้แล้วว่า ถ้าถึงร้านของอี้ชิงเมื่อไหร่ เขาจะแกล้งทำเป็นหิวและลากร่างบางออกมากินข้าวด้วยกันอยู่ดี
เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงรถเฟอรารี่สีดำทึบคันหรูของคริสก็จอดเทียบเข้าที่ฟุตบาทหน้าร้านของอี้ชิง คนร่างบางปลดเข็มขัดออกและเปิดประตูลงไป ก่อนจะหันมาค้อมเพื่อจะกล่าวขอบคุณ จังหวะนั้นคริสก็กำลังจะเอ่ยชวนอี้ชิงไปกินข้าวเหมือนกัน แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรก็มีเสียงหนึ่งตะโกนแทรกขึ้นมา
“อี้ชิง นั่นอี้ชิงใช่มั้ย?”
* xing ที่แปลว่าดาวในภาษาจีนคือคำนี้ 星 แต่ว่าชื่อของอี้ชิงในภาษาจีนใช้คำนี้ 兴 มันเป็นคำที่เสียงเหมือนกันนะคะ
ดังนั้นเลยกลายเป็น 繁星 ที่มีความหมายแปลว่า 'กลุ่มดวงดาวมากมายที่อยู่บนท้องฟ้า'
ความคิดเห็น