คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER 1 : เรื่องของเรา
ในยามที่อากาศอบอุ่นฤดูที่แสนสวยงามและโรแมนติก...ฤดูใบไม้ผลิ ต้นไม้เริ่มผลิดอกออกใบและกลางวันเริ่มอลวนอุ่น ร่างบางและร่างสูงสองคนยืน ณ ริมระเบียงแสงแดดอ่อนๆไม่ได้ทำให้ทั้งคู่เกิดปัญหาแต่อย่างใด บรรยากาศนิ่งเงียบสงบราวกับป่าช้า กลิ่นไอกับบรรยากาศที่น่าอึดอัดแผ่ฟุ้งกระจายรอบข้าง
“รุ่นพี่ ผมรักพี่นะ...ผมตามจีบพี่มาสี่ปีแล้วนะ ทำไม...พี่ไม่รู้สึกหวั่นไหวหรือชอบผมบ้างเลยหรอ?” น้ำเสียงทุ้มนุ่มฟังดูรื่นหูชวนให้เคลิ้มไปกับน้ำเสียงหากแต่ไม่ใช่กับเขาแน่ๆ ร่างสูงยืนนิ่งจ้องตาอีกฝ่ายเจ้าของใบหน้าสวยหวานอย่างไม่ลดละ ราวกับกดดันให้อีกฝ่ายตอบไม่ใช่การนิ่งและเดินผ่านอย่างเมินเฉยทิ้งให้เขาต้องเจ็บสุดใจ
ร่างบางจ้องตาอีกฝ่ายอย่างค้นหา แววตาที่สื่อถึงความจริงใจทำเอาเขารู้สึกผิด แต่จะให้ทำยังไงละ? ในเมื่อไม่รักก็คือไม่ได้รัก...
“ขอโทษนะ” กว่าจะหาเสียงเจอแล้วเอ่ยคำพูดที่อาจจะทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดอย่างทรมาณ ที่ผ่านมาเขาเอาแต่คิดว่าเดี๋ยวก็คงตัดใจแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นไปอย่างที่เขาคิดเสียแล้ว...
“ร...รุ่นพี่ไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ...” ร่างสูงเอ่ยเสียงสั่นกำหมัดแน่น เอ่ยถามย้ำกับรุ่นพี่หน้าสวยอีกครั้งว่าเขาไม่ได้หูฝาด...หากแต่ร่างบางก็ส่ายหัวเป็นคำตอบ
“ทะ...ทำไมละ? ผมไม่ดีตรงไหน? ผมมีอะไรที่ดูไม่ดีหรอ? ผมเรียนไม่เก่งหรอ? ผม...” ร่างสูงเอ่ยถามลิ้นรัวอย่างกระวนกระวายหากยังถามไม่ทันจบร่างบางก็พูดขัดคำถามเอาไว้เสียก่อน
“หยุด! พอ...พอแล้ว...นายไม่ได้ไม่ดีตรงไหนดงฮยอน นายมีดีเพรียบพร้อมทุกๆอย่าง” ร่างบางเอ่ยอธิบายให้รุ่นน้องสุดหล่อคณะเดียวกันเข้าใจ
“แล้วทำไม...” เมื่อเห็นรุ่นน้องกำลังจะเอ่ยถามเขาเลยจำเป็นต้องพูดเบรกเอาไว้อีกครั้ง
“หยุด! ฟังพี่พูดให้จบก่อน” ถึงจะหงุดหงิดไปบ้างแต่เพื่อคนที่รุ่นน้องสุดหล่อชอบเลยต้องตัดอารมณ์ขุดมัวออกไป “นายเรียนเก่ง นิสัยก็ดี กีฬาก็เด่น หน้าตาก็ใช้ได้...แต่...”
“...”
“มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อ...พี่ไม่ได้รักนาย”
“...”
“...”
ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง ร่างสูงหาเสียงอยู่นานและกว่าจะพูดออกมาได้เป็นประโยค
“ทำไมละ? รุ่นพี่ดงเฮ มีคนที่ชอบอยู่แล้วหรอ?” หากเป็นประโยคที่ร่างบางฟังแล้วต้องมีอันชะงัก
กึก!
“...”
“ใช่จริงๆด้วยรุ่นพี่มีคนที่ชอบอยู่แล้ว...” น้ำเสียงตัดพ้อยังดัง ต่อมาเรื่อยๆ หากแต่มันไม่ได้เข้าหัวร่างบางเลยสักนิด ร่างบางยืนนิ่งแข็งทื่อไม่ขยับตัวมาตั้งแต่ไม่กี่สามสี่นาทีที่แล้ว ดวงตามีเคยสดใสกลับมีประกายของความมัวหมอง
ร่างบางก้าวเดินออกไปอย่างไร้จุดหมายโดยไม่ฟังเสียงรุ่นน้องที่โวยวายเรียกชื่อเขาอยู่ข้างหลังเลยแม้แต่น้อยและในที่สุดเรียวขาสวยก็มาหยุดอยู่สถานที่แห่งหนึ่ง...สวนหลังมหาลัย
หลังบางยืนพิงต้นไม้อย่างเหนื่อยอ่อน นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนหลับตาลงเพื่อพักสายตา ก่อนจะเหม่อมองไปยังที่ที่ไกลแสนไกลพลางขบคิดไปถึงคำพูดของรุ่นน้องที่เขาเพิ่งเดินหนีมา
คนที่ชอบอย่างงั้นหรอ...
ถ้าเขาบอกว่าใช่ล่ะ...ถ้าเขามีคนที่ชอบอยู่แล้วล่ะ เพียงแต่ตัวเขาเองกับ “เขา” ไม่ได้รักกัน ไม่สิถ้าพูดให้ถูกเขารักผู้ชายคนนั้นอยู่ฝ่ายเดียวเสียมากกว่า...เขากับผู้ชายคนนั้นอยู่ห่างกันมากเสียเหลือเกิน
เพื่อนเขาชอบบอกว่าเขาบ้าที่เขาปิดกั้นตนเองจากผู้คนมากมายที่เขามาจีบด้วยการสร้างกำแพงรอบกายซะสูงเสียดฟ้า...จะให้เขาทำไงละ?
ในเมื่อเขาหลงตัวไปรักเขาเข้าเสียแล้ว...
ผิดมั้ย?ที่เขายังรออยู่...
ยังรอการกลับมาของผู้ชายคนนั้น...
ผิดมั้ย?ที่เขายังจมอยู่กับอดีต...
อดีตที่ลืมไม่ลดเสียที...
พอคิดมาถึงตรงนี้แล้วก็พาลให้น้ำตาที่เก็บอั้นมานานไหลลงมาเสียแล้ว...ลีดงเฮยังเป็นคนโง่ เป็นคนโง่ที่ร้องไห้...ร้องไห้ให้กับเรื่องเดิมๆ
ร่างบางปาดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ยอมหยุดเสียทีพลางหลับตาลงนึกไปถึงคนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้...คนที่ทำให้รอ
แม้จะไม่มีหวังเลยก็ตาม...
Happy Birthday Eunhyun Oppa :')))
ขอให้มีอยู่กับเราไปนานๆนะ ^^
เมื่อหลายปีก่อน...
“ฮึก! แง~~ แง~~ ฮื่อๆๆๆ” เสียงร้องไห้ของร่างบางดังไปทั่วสวนหลังบ้านตระกูลคิม หากแต่ไม่มีใครได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กคนนี้เลยสักคน เนื่องจากพวกผู้ใหญ่กำลังปรึกษาหารือกันเรื่องธุรกิจทำให้เด็กน้อยอย่างเขาที่ไม่รู้ว่ากำลังคุยกันเรื่องอะไรอยู่เบื่อจนต้องเดินหนีออกมาที่สวนและด้วยความที่ยังเป็นเด็กทำให้ร่างบางเผลอสะดุดก้อนดินล้มลงจนเลือดออก
“จะ...เจ็บ”
อาการเจ็บแสบที่แผลทำให้ร่างบางก้าวขาไม่ออกเลยได้แต่ล้มลงอยู่ที่เดิมและร้องไห้ครํ่าครวญอย่างน่าสงสาร...
“ฮึก! ฮื่ออ มะ...หม๊า... คายู๊...ย๊อก ฮื่อ! ชะ...ช่วยด๊องด้วย ด๊องเจ็บ ฮื่ออ~” เสียงเรียกชื่อร้องเรียกให้คนมาช่วยออกมาจากริมฝีปากเล็กเรื่อยๆเพียงแต่ไม่มีใครได้ยินเสียงของเด็กคนนี้เลย...เด็กน้อยที่ร้องไห้และร้องเรียกให้คนมาช่วยมาเป็นเวลานานทำให้เริ่มแสบๆที่คอนิดๆเลยจำใจทำได้เพียงร้องไห้ในลำคอเท่านั้น มือเล็กกำแน่นราวกับภาวนาให้มีคนมาช่วยตนเร็วๆ
และดูเหมือนจะโชคดีของเด็กน้อยที่ลูกชายคนกลางของตระกูลคิมที่เพิ่งกลับมาจากการซ้อมบาสบังเอิญเดินมาได้ยินเสียงเข้าเสียด้วย เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนร่างสูงก้าวไปตามเสียงที่ตนได้ยิน นัยน์ตาคมกวาดสายตาไปทั่วบริเวณเพื่อมองหาที่มาของเสียงและสายตาก็ไปหยุดอยู่กับร่างร่างหนึ่ง
ใบหน้าหวาน นัยน์ตากลมใสคลอไปด้วยหยาดน้ำตา จมูกได้รูป ริมฝีปากอวบอิ่ม บอกได้คำเดียวว่า...สวย
ตุบๆตุบๆ ตุบๆตุบๆ
หัวใจเด็กหนุ่มเต้นกระตุกรัวอย่างไม่เป็นมาก่อน... ร่างเด็กน้อยตรงหน้าทำให้เขาละสายตาไปไหนไม่ได้จริงๆ!
“ฮึก! ฮื่อออ” เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของร่างบางทำให้เขาตั้งสติได้ ก้าวขายาวๆไปหาเด็กน้อยตรงหน้า
ให้ตายสิ! เขาเอาแต่เคลิ้มไปกับใบหน้าหวานๆนั้นจนลืมจุดประสงค์ที่ทำให้เขามายืนอยู่ที่นี้จนได้!
“นี่...เป็นอะไรหรือป่าว?”
ด้วยความที่พูดไม่เก่งหนักทำให้เขานึกคำพูดอื่นไม่ออกแล้วจริงๆ!
“ฮึก! ฮือๆ ดะ...ด๊องเจ็บ ฮึก!”
“ไหน...เจ็บตรงไหน ขอพี่ดูหน่อยสิ” ท่าทางใจดีของคนตรงหน้าทำให้เด็กน้อยยอมยื่นขาข้างที่มีแผลออกไปอย่างกล้าๆกลัว
ท่าทีที่ทำเหมือนขาจะขาดของร่างตรงหน้าทำให้ริมฝีปากของเขาคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่อยู่ตัว
“หืม...หกล้มหรือครับ มาเดี๋ยวพี่พาไปทำแผลนะ” ไม่ว่าเปล่าก็ช้อนตัวร่างบางเข้าสู่อ้อมแขนแกร่ง ความอบอุ่นและความรู้สึกปลอดภัยทำให้เด็กน้อยซุกตัวเข้าหาอย่างออดอ้อน
ยิ้ม...
ไม่รู้ว่าทำไมเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาถึงทำให้เขายิ้มบ่อยเหลือเกิน...
“ฮื่ออ ”
“ไม่เอาๆ ไม่ร้องนะ” ณ จุดๆนี้ เด็กหนุ่มร่างสูงพยายามปลอบเด็กน้อยให้หยุดร้องแทบตาย เลยต้องคิดหาวิธีต่างๆนานาสารพัด แต่ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะวิธีไหนๆเด็กน้อยก็ไม่หยุดร้องไห้เสียที
ถ้าไม่หยุดร้องก็ทำแผลให้ไม่ได้...
เอาวะ วิธีสุดท้ายแล้ว!
ชวนคุยนั้นเอง...
“ไหน หนูชื่ออะไร...บอกพี่ได้มั้ย? หืม?”
“ฮึก! ฮึก! ดะ...ด๊องชื่อ ดงเฮ ฮึก! ลีดงเฮ”
“หรอครับ...พี่ชื่อคิมคิบอม นะ”
แล้วก็ได้ผล...
เด็กน้อยยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกแล้วเริ่มที่จะตอบคำถามของร่างสูง จนลืมว่าตนเองนั้นเจ็บแค่ไหน ร่างสูงเลยได้โอกาสทำแผลให้ร่างบางซะเลย แต่ปากก็ยังคงถามต่อไปเรื่อยๆ
.
.
.
.
.
จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็น...เด็กน้อยและร่างสูงก็เอาแต่ขลุกตัวอยู่แต่ในห้องทำให้สนิทกันยิ่งขึ้น ก่อเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นในใจของทั้งสองฝ่ายโดยไม่รู้ตัว ฝ่ายผู้ปกครองพอได้เวลากลับแล้วก็ตามหาเด็กน้อยให้วุ่นและที่ที่จะหาที่สุดท้าย...
ห้องของลูกชายตนกลาง...คิมคิบอม
แอ๊ด...
เสียงเปิดประตูทำให้ทั้งสองที่เล่นกันอยู่หันหน้ามามองและก็พบกับผู้ปกครองของทั้งสองมายืนอยู่ที่หน้าประตูทำเอาเด็กน้อยทั้งสองงงเป็บแทบๆและก่อนที่คิบอมกับดงเฮจะงงไปมากกว่านี้ คุณนายลีมารดาของดงเฮก็ร้องเสียงหลงเข้าเสียมาก่อนวิ่งเข้ามากอดลูกรักเข้าสู่อ้อมอก
“ตายแล้ว! ลูกด๊องไปทำอะไรมา! ทำไมเป็นแผลอย่างนี้ล่ะ?!” ลีดาเฮหันไปมองเด็กหนุ่มร่างสูงหมายจะเชิงถาม แต่ดูเหมือนเด็กน้อยจะเข้าใจผิดไปเต็มๆ
“ม่ายผิดน้า”
“หืม? ลูกด๊องว่าไงนะค่ะ?”
“บอม...พี่บอมม่ายผิดน้า ด๊องล้มเอง พี่บอมม่ายผิดน้า” เสียงใสเอ่ยขึ้นมาคำพูดออกมาในเชิงปกป้องราวกับจะบอกว่า คิบอมไม่ใช่คนที่ผิด ทำให้ผู้ปกครองของทั้งสองฝ่ายตระกูลคิมและตระกูลลีต้องมองหน้ากัน
“บอมม่ายผิด มะหม๊าอย่าว่าพี่บอม”
“อ่าจ้ะๆ แต่ว่านี่ได้เวลากลับมาแล้วนะ เรากลับบ้านเรานะค่ะ” คุณนายลีกล่าวเตือนร่างบางที่อยู่ทำอ้อมกอด เด็กน้อยที่ได้ฟังก็เบ้ปากอย่างขัดใจ
“ม่าย ดะ...ด๊องจะอยู่กับพี่บอม” คำกล่าวที่คุณนายลีและคุณนายคิมต้องมองหน้ากันอีกครั้ง คุณนายลีส่งสายตาช่วยเหลือไปให้คุณนายคิม มีโซที่เป็นเพื่อนรักของดาเฮมานานก็พอจะอ่านสายตานั้นออก
“เอาอย่างนี้ดีกว่า เดี๋ยวแม่ให้คิบอมไปส่งดงเฮดีมั้ย?” เด็กน้อยไม่พูดอะไรเพียงแค่พยักหน้า ไม่รอช้ากระโดดออกจากอ้อมกอดดาเฮ วิ่งดุ๊กดิ๊กไปจับมือพี่บอม เด็กน้อยส่งยิ้มหวานๆไปให้ร่างสูงแล้วจัดการลากออกมาจากห้องทันที
ทิ้งผู้ปกครองทั้งสองคนไว้ภายในห้องได้มองตากันปริบๆอย่างไม่ทันตั้งตัว
.
.
.
.
.
“ฮือ พี่บอม ด๊องต้องกลับแย้ว” พอถึงรั้วบ้านจากเด็กน้อยช่างเจรจาก็กลายเป็นเด็กน้อยขี้แยเหมือนเดิม อาการแปรปรวนของร่างบางทำเอาคิบอมงงพอตัวอยู่เหมือนกัน
“ไม่เอานะครับ น้องด๊องต้องไม่ร้องนะครับ” ร่างสูงลูบศีรษะเด็กน้อยอย่างเบามือ นัยน์ตาที่ปกติแข็งกร่าวกลับอ่อนลงอย่างประหลาด
“ฮึก! ฮึก!”
“น้องด๊องครับ...” ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียกร่างบางทำให้เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาสบตา ร่างสูงมองตาใสแจ๋วนิ่งๆก่อนจะตัดสินใจเลื่อนหน้าใบหน้าลงมาประกบริมฝีปากอวบอิ่มอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนใบหน้าออกมาอย่างเชื่องช้า ร่างสูงสวมสร้อยให้ที่คอขาวระหงส์พร้อมกับกระซิบที่ริมหูเล็ก
“คนนี้...พี่จองแล้วนะครับ”
“ด๊อง! ไอด๊อง! ลีดงเฮ!!!”
“อ๊ะ!!!” เสียงเรียกชื่อทำให้ร่างบางสะดุ้งก่อนจะมามองที่มาของเสียง
ลีฮยอกแจเพื่อนสนิทของเขา...
“แกเหม่ออะไร ห้ะ!!! ฉันเรียกเป็นสิบๆรอบแล้วนะ!”
เหม่ออะไรงั้นหรอ...
พอนึกไปถึงเหตุการณ์นั้น ไม่รู้ว่าเมื่อไร...ไม่รู้ว่าตอนไหนเหมือนกันที่มือเรียวยกขึ้นสัมผัสที่ริมฝีปาก
ฮยอกแจที่เห็นประติกริยาแห่งความเหม่อลอยอีกครั้งเตรียมตัวจะแหกปากวีน แต่ยังไม่ทันที่จะอ้าปากด่าอะไรก็มีเสียงสวรรค์พูดขัดขึ้นเสียก่อน
“พอเถอะ ไอฮยอก...”
ขวับ!
ร่างบางหันไปตามทิศทางของเสียงทันที แม้จะรู้ว่าไอคนที่พูดประโยคเมื่อกี้น่ะเป็นใคร...มันก็มีอยู่คนเดียวในมหาลัยนี้แหละที่กล้าเรียกชื่อเขาห้วนๆแบบนั้น...โจวคยูฮยอน!!!
“ไอด๊องมันคงคิดถึงอดีต”
“ใช่สิ๊~ ไปหักอกดงฮยอนเสร็จก็มายืนเหม่อหาไอบวมที่ทิ้งระเบิดเอาไว้แล้วไปลั้ลล้าถึงอเมริกา” ฮยอกแจเบ้ปากอย่างหงุดหงิด
เขาไม่ชอบเลยจริงๆ ไอคิมคิบอมเนี่ย!!! ไม่ใช่ว่ามันไม่หล่อหรือนิสัยไม่ดีหรอกนะ แต่มันทำให้ดงเฮต้องรอ มันไม่ให้เพื่อนเขาเสียใจ...มันทำให้เพื่อนเขาต้องร้องไห้!
“แล้วแกคิดว่าด๊องมันอยากทำแบบนั้นหรือไง...ส่วนเรื่องคิบอมเนี่ยแกไม่ต้องไปยุ่งเรื่องของมันดีกว่า”
“แกจะหาว่าฉันเสือกงั้นสิ?” ฮยอกแจพูดอย่างไม่ใส่ใจ ร่างสูงเองก็รู้ว่าร่างบางพูดไปงั้นๆแหละแต่ก็ยอมอธิบายออกไป
“ป่าว...ฉันกำลังจะบอกว่าเพื่อนชอบใครเราก็ต้องชอบตามสิ”
“ก็มัน...เฮ้อ~”
เพราะมีกฎข้อนี้อยู่นี้แหละที่ฝั่งอยู่ในหัวพวกเขาสามคน เขาถึงต้องยอมรับในตัวคิบอมและคอยให้กำลังใจดงเฮเวลาเสียใจ...
“ด๊อง แกไม่เป็นไรนะ...” คยูฮยอนหันมาพูดกับร่างบาง ฮยอกแจก็หันมามองตาม แต่หารู้ไม่ว่าดงเฮนั้นไม่ได้ยินเสียงของทั้งสองมาตั้งนานแล้ว ร่างบางยังคงจมอยู่กับความคิดของตนเอง ทำให้ฮยอกแจและ คยูฮยอนได้แต่ถอนหายใจ
ขณะเดียวกันมือเรียวยกขึ้นมากุมจี้ที่ห้อยอยู่ตรงกลางระหว่างอก...
สร้อยคอ...สิ่งๆหนึ่งที่ร่างบางพกติดตัวตลอดและไม่เคยถอดออกสักครั้ง...
สร้อยคอ...ที่ร่างบางให้ความสำคัญมาก...พอๆกับชื่อเจ้าของตัวอักษรตัวKที่อยู่ในจี้...
คิมคิบอม...
สิบหกปีมาแล้วนะ...ที่เราไม่ได้เจอกัน
นายจะเปลี่ยนไปบ้างหรือป่าวนะ?
นายคงจะลืม ลีดงเฮ ไปแล้วสินะ...
ดงเฮก็ยังคงรักเขาข้างเดียว...
กว่าครบจะ 100% เล่นเอาเหนื่อยแทบตาย =___=
ความคิดเห็น