คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : น้อยใจ
Chapter03- น้อยใจ
TAO’s part
ฟรุ่บ!!
“2-1 แล้วไงมึง ระวังหน่อยสิวะ” เสียงตะโกนดังข้ามฟากจากข้างสนามบอกผม ท่ามกลางลานสนามหญ้ากว้างที่เต็มไปด้วยเด็กวัยรุ่นกลุ่มใหญ่กำลังรุมล้อมแย่งชิงลูกขาวดำกลมๆกันอย่างอุตลุด
“โทดทีว่ะๆ” ผมพูดขอโทษกลับก่อนจะวิ่งไปรับลูกบอลที่เพื่อนในทีมกำลังจะเตะส่งมา
ผมมาเล่นเตะบอลได้ตั้งแต่บ่ายสามโมงแล้วครับจนตอนนี้ก็จวบประมาณ 5 โมงเย็นแล้วเห็นจะได้ ผมจะมาเล่นที่นี่อย่างนี้ทุกวันตั้งแต่ตอนผมอยู่ปีหนึ่ง ยกเว้นเมื่อวานเป็นกรณีพิเศษ โชคดีอพาร์ทเม้นท์ที่ผมเพิ่งจะย้ายมาใหม่อยู่ใกล้กับสนามบอลมากกว่าที่เดิมซะอีก ช่วยย่นระยะเดินทางไปได้หลายกิโล เจ้าเฟรมมันก็มาเล่นด้วยครับ แต่อยู่คนละทีมกับผม เมื้อกี้มันเพิ่งจะทำแต้มประตูให้ทีมมันนี่เอง นี่ผมก็ชวนคชาออกมาเล่นด้วยนะแต่โดนปฏิเสธแทบทันทีบอกว่าไว้วันหลัง แอบนึกเสียใจเบาๆ
พูดทำร้ายน้ำใจกันอ่ะ คนเค้าอุตส่าห์หวังดี.. เศรษฐพงศ์ก็เสียใจเป็นเหมือนกันนะเฟ้ย
ปิ๊ดดดด
พรุ่บ!!
ผมเตะบอลเข้าโกลอย่างสวยงามไปไม่กี่วินาทีหลังเสียงนกหวีดแหลมจากเพื่อนอีกคนที่เป็นคนจับเวลาเป่าเตือนเป็นสัญญาณให้รู้ว่าหมดเวลาแล้ว ทุกคนยืนหอบเหนื่อยกัน กลิ่นกายชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อที่เพิ่งได้มาจากการออกกำลังกายยามบ่ายไปหมาดๆ ต่างคนเดินกอดคอกันอย่างครื้นเครงถือขวดน้ำเอามาราดหัวราดหน้าให้เย็นชื่นใจ แล้วเริ่มบอกลาแยกย้ายกันออกจากสนามฟุตบอล ผมโบกมือลาให้เพื่อนคนหนึ่งที่กำลังจะกลับก่อน
“ครั้งนี้ผมชนะพี่ว่ะ 55+” เฟรมมันเดินเข้ามาหาผมที่นั่งอยู่แล้วยักคิ้วข้างหนึ่งแบบกวนๆ
“เสมอเหอะ เดี๋ยวกูเตะให้หงายหลังซะเลยนี่ไอ้สัส” ผมพูดแซวพลางโยนขวดน้ำให้
“ก็เสมอแหละ ถ้าพี่เต๋าเตะเข้าโกลก่อนนกหวีดดังนะ” จิ๊ดเลยครับทางนี้ ทำไมมันชอบตอกย้ำกูกันอยู่เรื่อยจังวะ เจ้าเฟรมหัวเราะลั่นจนเห็นเหล็กดัดฟันสีเงินแล้วมาตบไหล่ผม
“ป่ะ พี่กลับบ้านกัน”
.
.
.
.
ระหว่างทางเดินกลับบ้าน เฟรมมันเดินแหกปากร้องเพลงโวกเวกอย่างอารมณ์ดีจัดที่มันแข่งชนะ ส่วนผมก็คิดเล่นไปพลางๆว่าจะทำอะไรต่อดีหลังกลับอพาร์ทเม้นท์แล้ว จู่ๆใจนึกแว่บไปถึงเจ้าเพื่อนร่างเล็กคนใหม่ซะเฉยๆ ขอพูดตรงๆ ตอนเจอกับคชาครั้งแรกเขาก็สะดุดใจแล้ว ผู้ชายอะไรวะแม่งหน้าหวานชิบ ไม่นึกว่าคนที่พี่ต้นจะให้เขามาอยู่ด้วยจะเป็นคนประเภทนี้ คิดว่าเป็นตาลุงแก่ๆซะอีก ไม่แน่ใจด้วยว่าที่เขาไปพังๆประตูห้องมันยังจะโกรธอยู่รึเปล่า ใจอยากนึกให้สนิทสนมกันมากกว่านี้ถ้าเป็นไปได้เพราะสนใจในนิสัยความเป็นอยู่ของเพื่อนใหม่ ถ้ามาเป็นเพื่อนสนิทกันได้คงจะดีไม่น้อย
ระหว่างที่กำลังคิดเพลินๆ จู่ๆเฟรมมันก็ดันชะงักหยุดเดินแล้วกระตุกปลายแขนเสื้อผมเบาๆ ผมหันหัวเหลียวหลังไปมอง
“พี่เต๋าๆ ซื้อเบียร์กลับบ้านไปกินกัน” มันชี้ไปยังตู้เครื่องกดน้ำอัตโนมัติใกล้ๆร้านเซเว่นที่เราเพิ่งเดินผ่านไปเมื่อกี้
“ซื้อไปกินที่อพาร์ทเม้นท์ เดี๋ยวได้เจอคชามันสวดยับหรอกมึง ถ้าจะกินก็รีบไปซื้อมา เดี๋ยวกูรอเป็นเพื่อน”
ผมบอกแต่เฟรมมันสั่นหัว
“พี่คชาไม่ว่าหรอกเชื่อสิ นะพี่ วันนี้ผมยิ่งอยากดื่มเยอะอยู่” ว่าแล้วมันก็เถียงกลับทันใด ผมก็ได้แต่ยืนเอือมระอาอยู่สักพักแล้วก็บอกไอ้เฟรมให้รีบๆไปซื้อ พูดจริงๆนะครับเฟรมน่ะมันเถียงผมชนะขาดตลอด ไม่เคยมีหรอกที่แพ้ ผมต้องยอมให้มันอยู่ร่ำไป เห็นเฟรมมันเป็นเหมือนน้องชายแท้ๆครับ เจอมันครั้งแรกก็ถูกชะตาคุยกันถูกปากแล้ว ใจก็นึกอยากให้ใครบางคนได้คุยกันถูกคออย่างนี้บ้าง
เฮ้ย เยอะขนาดนี้ มึงจะเอาไปมอมเหล้าใครวะ
.
.
.
ตอนนี้ผมกับเฟรมยืนอยู่ที่หน้าห้องพักแล้ว ผมเคาะประตูเรียกคชาให้ออกมาเปิดประตูให้
“รอเดี๋ยว แป๊ปนึงนะ” เสียงเล็กตะโกนออกมาจากในห้องตามมาด้วยเสียงกุกๆกักๆ สักพักหนึ่งประตูก็เปิดออก
“ทำไมกลับมากันเร็วจังวะ มากินข้าวกันก่อนมา” คชาโผล่หน้าออกมาจากบานประตู กลิ่นกับข้าวมื้อเย็นลอยโชยมาจากในห้องครัวเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมกับเฟรมรีบพากันเข้าห้อง
ผมขำสีหน้าคชาที่มีท่าทีตกใจเล็กน้อยตอนที่เฟรมมันเอาถุงใส่เบียร์มาวางไว้บนโต๊ะ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่มีแอบแซวเล่นๆ
“เยอะขนาดนี้ แกจะเอาไปมอมเหล้าใครวะเฟรม” นั่นไง คิดเหมือนกันเดี๊ยะ
“เอาไว้กินตอนดูบอลไงอ่ะพี่ คืนนี้แมนยูมีแข่ง” พอได้ยินอย่างนั้นผมแทบอยากจะตีหัวตัวเองแรงๆ นึกโกรธตัวเองที่ลืมนัดแข่งสำคัญของทีมโปรด จริงของมันว่ะ กูลืมไปได้ยังไงว้า!!
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารครื้นเครงเหมือนอย่างเมื่อเช้าที่ผ่านมาเหมือนเดิม ไม่อยากจะพูดเลยครับว่าคชามันทำอาหารอร่อยจริงๆเหมือนที่เฟรมบอก ผมนั่งมองฟังไอ้เฟรมมันกำลังเล่าเรื่องที่ไปเตะฟุตบอลอย่างคึกครื้น ไปๆมาๆมีเสือกแถมเล่าเรื่องผมเตะฟุตบอลหลังเป่านกหวีดอย่างสะใจด้วยเว้ย พร้อมด้วยลีลาท่าทางประกอบเห็นภาพพจน์อย่างชัดเจน โดยไม่สนอกสนใจกับบุคคลที่มันเอ่ยพาดพิงถึงนั่งหัวโด่อยู่เนี่ย ถ้าจะนินทากูก็เห็นใจกันบ้างเหอะ
“พี่เต๋าอ่ะนะพี่คชา ตอนนั้นที่เตะบอลเข้าโกล โคตรเทพ! ผมยังจำได้ติดตาเลย เสี้ยววินาทีตอนที่เตะลูกเนี่ยแบบเมสซี่เรียกพี่อ่ะ! ลูกนี่นะเตะเข้ามุมประตูเฉียดคานเด๊ะๆ แต่ไอ้คนรับลูกแม่งมันหันไปดูเสียงนกหวีดก่อนดิ พี่เต๋าเลยเตะประตูฟรี! ทุเร้ศทุเรศ” พูดจบไอ้เฟรมกับคชาก็ขำกันก๊ากใหญ่ ไอ้คชาแม่งก็เสือกเชื่อด้วย เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกันเข้าไป!
“เต๋า ถ้ามึงจะเตะดับอนาถขนาดนี้ โอ้ยขำ” คชานอนหัวเราะท้องแข็งฮาน้ำตาเล็ดกับโต๊ะแล้วมือก็ทุบรัว
มันตลกตรงไหนกันวะ เขาอยากรู้นักเชียว
“เล่าเว่อร์ไปและมึงอ่ะ” ผมแขวะใส่เฟรม แต่มันไม่มีวี่แววจะสนใจผมเลย ว่าแล้วมันก็หันไปเล่าเรื่องอื่นให้คนร่างบางฟังต่ออย่างสนุกสนาน ส่วนไอ้คนฟังที่ว่าก็สนใจตั้งหน้าตั้งตาฟังใหญ่
เหี้ย! น้อยใจนะครับเฮ้ย!
ตัวผมเองที่หมดอารมณ์กินข้าวไปเรียบร้อยแล้ว ลุกขึ้นยืนเก็บจานไปล้างที่อ่างแล้วเดินไปห้องนั่งเล่น กระแทกก้นนั่งบนโซฟาประชดชีวิตหยิบรีโมทเปิดทีวีดูคนเดียว เสียงหัวเราะจากโต๊ะกินข้าวลอยมาเป็นระยะๆ เหมือนสวรรค์ตั้งใจแกล้งเขา ยิ่งตัดโสตประสาทไม่ฟังมากเท่าไหร่ เสียงก็ยิ่งดังเข้าหูมากเท่านั้น เวรเอ้ย ไม่มีใครมาสนใจเหลียวมองแม้แต่คนเดียว เออ ยอมรับก็ได้! ผมมันพวกขี้เหงาขี้น้อยใจตั้งแต่เกิดแล้ว ใครเขาเมินนิดเมินหน่อยก็งอนตุ๊บป่องเดินหนีไปอยู่คนเดียว แต่นี่ไปก็เกินไปนะ! เขาเดินออกมาให้เห็นกันจะๆขนาดนี้ทั้งที พวกมึงก็สนใจกูบ้างสิฟะ! เห็นใจคนหล่อเหงาหน่อยเด้!!
.
.
.
.
.
เสียงหัวเราะที่ดังอยู่เงียบหายไปแล้ว แต่เขาก็อยู่ในอารมณ์เซ็งจิตเกินกว่าจะรับรู้ได้ ทั้งที่กำลังดูทีวีอยู่แต่หัวสมองไม่ได้สั่งการให้ใส่ใจสิ่งใดๆเลยแม้แต่นิดเดียว
กึก!
รู้สึกได้ถึงความเย็นเยือกมาสัมผัสแนบตรงแก้มขึ้นมา ผมเหลียวหลังไปมองต้นเหตุ เห็นคชายืนอยู่ข้างหลังผมกำลังยื่นแขนถือกระป๋องเบียร์แนบที่ลำข้างใบหน้า ผมมองร่างบางอย่างอ้ำอึ้งๆก่อนที่จะรับกระป๋องเบียร์ที่ส่งมา
“ขี้น้อยใจกว่าที่คิดอีกว่ะ” คชาพูดยิ้มขำๆไม่ได้สนใจอะไรก่อนจะนั่งลงข้างๆผม แล้วเปิดกระป๋องเบียร์อีกใบกระดกขึ้นดื่ม
“เออ..คือ....” ไม่รู้ยังไง จู่ๆผมรู้สึกประหม่ากับคนข้างๆตรงนี้ขึ้นมาเสียดื้อๆ ไม่รู้ว่าตอนนี้ควรทำตัวยังไงดีถึงจะถูก ได้แต่พูดตะกุกตะกัก
ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรออกไป เจ้าเฟรมก็โผล่มาแทรกพร้อมกับถุงใส่เบียร์ของมัน
“อ้าว พี่คชาแอบหยิบของผมกินตอนไหนเนี่ย ไม่ยักรู้ว่าดื่มเป็นด้วย” คชาหันไปยิ้มร่าให้เด็กหนุ่ม
“อย่าดูถูกพี่นะเว่ย ขอแข็งนาจะบอกให้”
เวร กูอุตส่าห์หนีย้ายที่มา ก็ยังจะตามมาอีกนะพวกมึงอ่ะ
ผมอยากจะเอาหมอนที่กอดอยู่มาปิดหูโคตรๆ ถ้าไม่ติดตรงที่เกรงใจไอ้เจ้าบ้าสองคนเนี่ย
“อ่าว ทำหน้านิ่วเยอะๆระวังหน้าเหี่ยวเร็วนา” เสียงบ่นพึมพำเบาๆแต่ดังพอให้ผมได้ยินจากคนนั่งข้าง ผมหันไปมองเคืองๆแล้วตอบกลับแบบโกรธๆ
“แล้วมันน่าทำหน้านิ่วมั้ยล่ะ” คชาหัวเราะเบาๆ
“กูเชื่อและว่ามึงขี้น้อยใจโคตร” ผมไม่เข้าใจว่าคนตัวเล็กมันต้องการจะสื่ออะไร
“แล้วจะมาทำไมเนี่ย..”
“เห็นเด็กเอ๋อนั่งขี้น้อยใจอยู่คนเดียว กลัวเป็นโรคเหงาตาย” พูดแค่นั้นเจ้าตัวก็หันกลับไปซดเบียร์ต่อ
ให้ตายเหอะ ผมสบถเบาๆ ร่างบางพูดเหมือนรู้จักกับผมมาเป็นปีทั้งๆที่เพิ่งจะรู้จักกันแค่วันเดียวแท้ๆ ผมเป็นพวกมองง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง
“
” ผมยกกระป๋องเบียร์ดื่มขึ้นบ้างพอเริ่มรู้สึกหายจากอารมณ์ขุ่นเคืองขึ้นเล็กน้อย
ตั้งแต่นั้นมาก็มีแต่เสียงทีวีกับเสียงหัวเราะของไอ้เฟรมอยู่เนืองๆท่ามกลางความเงียบเชียบ
.
.
.
.
“เน่พี่ต๋าววๆ พี่ว่าการมีแฟนเนี่ยมันดีจริงรึป่าวว้าาา”
หลังจากนั้นไปสักชั่วโมงผมชักจะเริ่มสังเกตเห็นไอ้เฟรมที่กำลังเริ่มเมาแอ๋นิดหน่อย มันเอาแต่พูดถามวนเวียนเกี่ยวกับคำถามอะไรทำนองตลอด
ทำไมคนเราต้องแฟนเป็นกันวะ แฟนกันต้องทะเลาะกันจริงเหรอ หรือไม่ก็ ถ้าแฟนเลิกกันใครเป็นฝ่ายผิด ถามเหมือนพวกคนอกหักอย่างไงอย่างงั้น
ผมกับคชามองเฟรมอย่างอึ้งๆ ตอนที่เฟรมเปิดกระป๋องเบียร์ยกดื่มรวดเป็นรอบที่ 7 ขณะที่ผมเพิ่งจะดื่มไปแค่ 2-3 กระป๋อง ไม่รู้ว่าจะห้ามมันดีมั้ย แต่ถึงห้ามตอนนี้ก็คงจะไม่ทันการ
“กูผิดมากเลยเหรออ ทำไมต้องเลิกกานด้วยยวะ” เฟรมมันเริ่มร้องไห้สะอื้น
ผมเพิ่งตระหนักว่าตอนเฟรมเมาแม่งเหมือนคนบ้าเป๊ะ
“ทำมายอ่ะ มาบอกเลิกกานทำม้ายยยอ้ะแพรว้าาาาา~” คราวนี้เฟรมมันปล่อยโฮหนักเลยครับ ผมชักหวั่นๆกลัวมันจะคว้ามีดเอามาแทงผม
คชาที่มองเฟรมมันมานานทำหน้าประหลาดใจอย่างหนัก ผมก็นั่งรอแต่ให้คนร่างบางถามขึ้น
“แพรวานี่ใครวะ”
“แฟนเก่ามัน.. วันนี้เป็นวันครบรอบที่เลิกกันด้วยล่ะ” ผมอย่างเซ็งๆ แต่ดูเหมือนเฟรมมันจะไม่ได้ยินสิ่งที่ผมพูดไปกระทบจิตใจของมัน
คชาทำหน้านิ่งๆเหมือนนั่งนึกอะไรอยู่
“อะไรวะ”
“ไม่แน่ใจว่าใช่คนเดียวกันที่รู้จักมั้ย”
“บังเอิญมั้ง”
“ขอให้เป็นอย่างนั้นแหละ กูไม่อยากมีเฟรมเป็นน้องเขย”
“น้องสาวมึงเหรอ”
“ป่าว เหมือนมึงกับพี่ต้นนั่นแหละ แต่กูว่าคนละคนกันอ่ะ” ร่างบางพูดขึ้นเฉยๆแล้วมองไอ้เฟรมที่กำลังจะลงแดงตายต่อ
กูจะสงสารหรือสมเพชมึงดีวะไอ้เด็กเมื่อวานซืนถูกสาวทิ้ง..
ผมยังไม่หายโกรธร่างบางจากตอนนั้นหรอก แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงผมก็ควรโกรธเฟรมมันด้วยไม่ใช่เหรอวะ
“อื้อ....”
ตอนที่ผมกำลังนั่งคิดค้อนใครบางคน ก็รู้สึกว่ามีก้อนน้ำหนักทิ้งลงมาที่ไหล่บ่าเพิ่มมากขึ้น หันไปดูก็เห็นหัวทุยๆทรงเห็ดกลมเอนตัวมานอนซบไหล่ผมอยู่ก่อนแล้ว
อือหือ สงสัยคงเมาได้ที่
ผมจับจ้องใบหน้าหวานของคนตัวเล็กที่กำลังหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่อง กลุ่มผมซอยที่ไม่ได้จัดเป็นทรงดูยุ่งเหยิงปรกหน้าลงมา ริมฝีปากแดงเรื่อที่เผยอออกเล็กน้อย พร้อมกับแผ่นอกบางที่ขยับเคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างช้าๆตามจังหวะการหายใจ มันเป็นภาพที่เขาสามารถมองได้โดยแทบไม่กระพริบตาเลยแม้แต่วินาทีเดียว
นอนอย่างนี้เดี๋ยวกูจับกดมึงซะเลยดีมั้ยเนี่ย..ไอ้คชา
เห็นอย่างนั้นแล้วก็ยิ่งไม่กล้าขยับตัว กลัวคนที่หลับอยู่จะตื่นขึ้นมาซะก่อน ส่วนเจ้าตัวการก็ขยับซุกหัวกลมเข้าหาร่างเขาตามใจตัวเองเหมือนเด็กต้องการหาความอบอุ่นอย่างนั้น ความรู้สึกหลากหลายอย่างมันอัดรวมตัวแน่นในอกเขา คู่กับตอนนี้หัวใจกำลังเต้นไม่เป็นส่ำ เลยได้แต่นั่งนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งอยู่นั่น บอลเบิลอะไรนั่นไม่มีกะจิตกะใจมาดูแล้วเว้ยไอ้ห่า
ผมยกเบียร์ดื่มเป็นกระป๋องสุดท้ายแล้วโยนทิ้งลงบนพื้น หัวผมเริ่มโยกไปมาด้วยความมึนเมา หลังจากมองคนข้างนอนหลับตาพริ้มมานานหลายนาน เขาเองก็ชักจะง่วงตามบ้าง เปลือกตาหนาค่อยๆหลับลงอย่างช้าๆเหมือนมีอะไรมาหน่วงเอาไว้ พลางเอนหัวพึงลงกับหัวเห็ดเล็กแล้วขยับปรับมุมองศาที่น่าจะนอนสบายที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มมืดมัวลง และสติก็ค่อยๆจมหายไปในห้วงนิทรา
-------------------------->[WRITER TALK]< --------------------------
ตอนนี้ลองพยายามมีแนวหวานๆเหมือนกับชาวบ้านเข้าดู ไม่น่ารอด 555+ รู้สึกตอนนี้แต่งไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ แก้ลบๆหลายครั้งมาก ไม่รู้ว่าแต่งสื่อถึงอารมณ์ได้มากน้อยขนาดไหนด้วย แต่งด้านเต๋ายากกว่าของคชาซะอีกอ่ะ ตอนนี้เบียร์กับบอลช่วยชีวิตไรเตอร์ไว้แท้ๆ ;[]; /ร้องไห้
ตอนนี้แอบมีคู่ใหม่โผล่มาแล้วค่ะ คู่ใหม่ที่ดูไม่ใหม่ (ฮา)
หลังจากแต่งจบแล้วกลับมาอ่านใหม่ทำไมมีความรู้สึกเหมือนกับว่าเต๋าคชาเป็นแม่ลูกกันเลยหว่า 55+
ยังไงช่วยวิจารณ์ด้วยนะคะถ้าเป็นไปได้ เราอยากจะอ่านแล้วไปปรับปรุง เก็บเป็นประสบการณ์สำหรับแต่งเรื่องต่อๆไปอีกด้วยน่ะค่ะ =3=
ปล.ตอนนี้เรามีแบนเนอร์แล้วนะคะใครสนใจจะมาแลกเชิญตามสบายเลยค่า ฟินๆ ^^
ความคิดเห็น