คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่2
ตอนที่ 2
‘ป้าขอบใจหนูมากนะลูกที่หนูไม่รังเกียจพี่เขา ป้าหวังว่าความรักของหนูจะช่วยเยียวยายงฮวาของป้าได้ ป้าไม่รู้จะขอบคุณหนูยังไงดีแล้วลูก ฮือๆๆ’
‘คุณพี่ก็อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ ฉันเองก็สงสารยงฮวาเหมือนกัน ฉันก็มองเขาเป็นลูกเป็นหลานมาตั้งแต่เด็กๆ อีกอย่างถ้าไม่มีคุณพี่ฉันก็ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาก่อร่างสร้างตัวแบบนี้ ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณพี่น่ะค่ะ’
‘เธอมีลูกสาวที่ดีมากนะ ฉันขอบใจเธอมากๆนะ ฮือๆ’
‘เอ่อ คือหนู
’
‘ขอบใจหนูมากจริงๆนะจูฮยอน ถ้าไม่มีหนูป้าก็คงจะตรอมใจอยู่กับอาการของยงฮวาแน่ๆเลยล่ะลูก’
‘จริงๆแล้วหนูไม่ได้จะ
’
‘จะให้ป้าทำอะไรบอกมาเลยนะลูก ป้ายอมทุกอย่างจริงๆ ขอบใจหนูมากนะลูก ฮือๆ’
‘
..’
หลังจากได้ฟังคุณป้าพูดขอบคุณฉันกับแม่เป็นร้อยๆรอบ ฉันก็พูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว ความรักของคุณป้าที่มีต่อพี่ยงฮวามันช่างยิ่งใหญ่นัก
พี่ยงฮวาเขียนไดอารี่ถึงฉันมาเกือบ3ปีแล้วสินะ สามปีที่คุณป้าไม่ยอมพูดอะไรกับฉันเพียงเพราะท่านอาจจะยังไม่คิดว่ามันคือทางเดียวที่จะช่วยเหลือลูกชายของท่านได้ก็เป็นได้ แต่พอท่านได้รับรู้จากมินฮยอกว่าพี่ยงฮวาไม่เคยหยุดฝันถึงฉันเลย ท่านคงเห็นว่าถึงเวลาที่จะต้องทำอะไรสักอย่างเสียที และเพราะถ้าหากท่านไม่รักฉันด้วย ท่านก็คงรีบมาขอให้ฉันแต่งงานกับพี่ยงฮวาตั้งแต่ที่เขาฟื้นแรกๆแล้วล่ะมั้ง นี่คงเป็นเพราะท่านเองก็รู้สึกแย่ที่ต้องมาขอให้ฉันทำเรื่องแบบนั้นด้วยเหมือนกัน ท่านจึงเพิ่งจะมาหาฉันในสามปีให้หลังนี้ และที่สำคัญคือบุญคุณของคุณป้าที่มีต่อครอบครัวของฉัน แม่พูดอยู่เสมอว่าถ้าแม่ไม่มีคุณป้า แม่ก็คงไม่มีทางสร้างเนื้อสร้างตัวได้ขนาดนี้ การแต่งงานของแม่กับพ่อไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับจากคุณตาคุณยายของฉัน แต่พอแม่แสดงให้ท่านเห็นว่าการแต่งงานกับพ่อของฉันไม่ใช่เรื่องเสียหายเพราะแม่ของฉันยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้ คุณตากับคุณยายก็ค่อยยอมรับพ่อของฉันในที่สุด
ฉันคงทำถูกแล้วสินะที่ตอบออกไปแบบนั้น แม้มันจะเป็นคำตอบที่ตอบออกไปแบบไม่มีสติก็ตาม แต่ฉันเชื่อว่าถ้าหากฉันได้เก็บไปคิดดีๆ ยังไงฉันก็ต้องตอบตกลงแน่ๆ พี่ยงฮวาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ที่สำคัญฉันกับพี่เขาก็เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เล็กๆ การช่วยเหลือพี่ยงฮวาในครั้งนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ฉันควรทำที่สุดในตอนนี้ก็เป็นได้
หลังจากที่ฉันวิ่งร้องไห้ออกมาจากบ้านของพี่ยงฮวา ฉันก็เดินไปตามถนนอย่างคนไม่มีสติ ฉันหวนคิดถึงเหตุการณ์ที่เป็นที่มาที่ทำให้ฉันได้มาแต่งงานกับเขาแล้วน้ำตาของฉันก็พาลหยุดไหลในทันที นี่ฉันเป็นอะไรไป แค่พี่เขายอมพูดออกมาก็ดีแค่ไหนแล้ว ดีกว่าที่เขาไม่ยอมพูดอะไรไม่ใช่หรือไง นั่นแสดงว่าเขาเปิดใจให้เธอแล้วนะจูฮยอน แต่เธอกลับทำแบบนั้นกับเขาได้ยังไงนะ คิดดูสิว่าเขาแอบไปร้องเพลงๆนั้นเพื่อเธอ เขายอมพูดรั้งไม่ให้เธอจากเขาไปไหน เขาพูดกับเธอแค่คนเดียว แล้วเธอโมโหใส่เขาแบบนั้นได้ยังไงกันนะซอจูฮยอน! เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เธอต้องอดทนให้มากกว่านี้สิ เธอต้องทำให้เขากลับมาพูดให้ได้อีกครั้ง เธอเป็นคนเดียวที่ทำได้
เธอต้องทำให้ได้!
ฉันปาดน้ำตา ก่อนจะตัดสินใจเดินย้อนกลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกครั้ง แต่ทว่ามีรถยนต์รูปทรงสวยสีขาวคันคุ้นตาเคลื่อนมาจอดตรงหน้าฉันซะก่อน ผู้ที่เป็นคนขับรถสวมแว่นตาสีดำก้าวลงมาจากรถก่อนจะเดินเข้ามาหาฉัน แม้จะมีแว่นดำปกปิดบางส่วนของใบหน้า แต่ฉันก็รับรู้ได้จากน้ำหอมกลิ่นประจำของเขาว่าเขาคือใคร เขาเอื้อมมือมาปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มของฉันอย่างเบามือ สัมผัสที่คุ้นเคยของเขามันทำให้ฉันหยุดคิดถึงเรื่องของเขาอีกคนไปเสียสนิท ฉันพุ่งตัวเข้าสู่อ้อมกอดนั้นของเขาอย่างไม่ลังเล ก่อนน้ำตาอีกระลอกจะไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ฉันได้ยินเขาหัวเราะออกมาเบาๆก่อนเขาจะเอื้อมมือขึ้นมากอดตอบแล้วลูบไปบนเรือนผมยาวสลวยของฉัน ฉันสัมผัสได้ว่าเขาจูบลงไปบนเรือนผมของฉันอย่างเคยเพื่อปลอบประโลมฉัน นั่นยิ่งทำให้ฉันกอดเขาแน่นยิ่งขึ้น
แค่นี้ก็พอ แค่ให้ได้กอดเขาอีกสักครั้ง แล้วจากนี้ไปหัวใจของเธอจะเป็นของจองยงฮวาอย่างแท้จริง
“กินอะไรหน่อยสิ นี่ไงลาเต้รสมันเทศของโปรดเธอน่ะ” เขาสั่งกาแฟรสโปรดของฉันมาให้ก่อนจะเลื่อนมันมาวางไว้ตรงหน้าของฉัน
”ฉันไม่อยากกินอะไรทั้งนั้นแหละตอนนี้”
”งั้นบอกฉันมาหน่อยได้มั๊ยว่า คุณเจ้าสาวที่เพิ่งแต่งงานไปเมื่อคืนวิ่งร้องไห้ออกมาจากบ้านของคุณเจ้าบ่าวทำไม” เขาถามฉันติดตลก แต่ในอารมณ์แบบนี้ฉันไม่ตลกด้วยหรอกนะ ที่สำคัญก็คือไม่มีใครรู้ว่าพี่ยงฮวาไม่ยอมพูดหลังจากเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น ผู้คนรอบข้างต่างก็คิดว่าพี่ยงฮวาหายมาเป็นปกติแล้ว จะมีก็เพียงคนที่สนิทจริงๆเท่านั้นที่รู้ว่าพี่ยงฮวาไม่ยอมพูดอะไรมาเป็นเวลา3ปีแล้ว
”
”
”เห็นน้ำตาเธอแล้วหัวใจฉันมันจะแตกสลายทุกทีเลยซอฮยอน อย่าทำร้ายฉันมากไปกว่านี้อีกเลยเถอะ แค่บอกมาว่าเธอเป็นอะไร อย่าให้หัวใจของฉันต้องเจ็บมากไปกว่านี้อีกเลย” ชื่อซอฮยอนที่เขาเอ่ยออกมา ยิ่งทำให้น้ำตาที่หยุดไหลของฉันไปแล้วพาลจะไหลออกมาอีกครั้ง น้อยคนมากที่ฉันจะยอมให้เรียกว่าซอฮยอน
”คิมแจฮัน อย่าเรียกชื่อนั้นของฉันอีกเลย ฉันแต่งงานแล้ว ฉันขอสงวนเอาไว้ให้สามีของฉันเรียกคนเดียวจะได้ไหม”
”เธอใจร้ายจังนะ
” เขาตัดพ้อออกมา แต่ก็ยังมีรอยยิ้มให้แก่ฉันเสมอ นี่แหละข้อดีของเขาหล่ะ ไม่ว่าฉันจะต้องเจอกับเรื่องน่าลำบากใจแค่ไหน แต่เขาก็จะยิ้มอยู่ข้างๆ แลมีรอยยิ้มที่อบอุ่นส่งมาให้ฉันเสมอ
”ฉันหวังว่าเราจะเป็นเพื่อนกันได้นะแจฮัน” ฉันพูดออกไปแล้ว ฉันพูดมันออกไปแล้ว
”
” เขาเงียบไปสักพักเหมือนกำลังใช้ความคิด
”ฉันไม่สามารถนั่งคุยกับเธอนานกว่านี้ได้อีกแล้ว เพราะตั้งแต่ก้าวขึ้นรถของเธอในหัวของฉันก็มีแต่เรื่องของยงฮวา แม้แต่ตอนที่พูดกับเธอฉันก็มองเห็นแต่หน้าของเขา ฉันขอโทษนะแจฮัน ฉันดีใจที่เจอเธอวันนี้ แต่ฉันคงต้องขอตัวจริงๆ ฉันไม่สามารถทิ้งสามีตัวเองออกมานั่งกับผู้ชายอื่นได้อีกแล้ว” ฉันพูดในสิ่งที่ฉันรู้สึกออกไปแล้ว ให้ตายสิไม่อยากเชื่อเลยว่าแต่ก่อนฉันเคยแคร์ความรู้สึกของเขามากแค่ไหน แต่เขาอีกคนในตอนนี้กลับได้เข้ามาครอบครองความรู้สึกทั้งหมดของฉันไปเสียแล้ว
”เธอเปลี่ยนไปมากเลยจูฮยอน ฉันเคยคิดว่าฉันเป็นคนเดียวที่จะทำให้เธอได้รู้จักความรักอย่างแท้จริงแต่ตอนนี้คงต้องยอมปล่อยเธอไปจริงๆแล้วสินะ”
”
” ฉันไม่รู้จะพูดอะไรกับเขาจึงนั่งเงียบแล้วเสมองออกไปนอกกระจกแทน ฉันกลัว
ก็แค่กลัวว่าถ้าหันไปเจอความวูบไหวของเขาในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นแล้วฉันจะตัดใจจากเขาไม่ได้น่ะสิ
”ขอบคุณนะที่อย่างน้อยก็ยังให้ฉันเป็นเพื่อนกับเธอได้” เขายิ้มออกมาในที่สุดก่อนจะยื่นมือออกมาให้ฉันจับเพื่อยอมรับการเปลี่ยนสถานะของเราอย่างเป็นทางการณ์
”ฉันจะคิดถึงเธอนะแจฮัน
” ฉันเอื้อมมืออกไปจับแล้วปล่อยมือออกมาอย่างรวดเร็ว สัมผัสอุ่นๆจากฝ่ามือของเขายังติดอยู่ที่หลังมือของฉัน ฉันแอบลูบมันเบาๆอยู่บนตัก ฉันจะไม่ได้จับมือเธออีกแล้วสินะ ฉันจะจดจำวันนี้ของเราไว้อย่างดีเลยล่ะแจฮัน
ฉันจะไม่ลืมเธอเลย
ฉันยิ้มให้เขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะลุกออกจากโต๊ะแล้วเดินไปจากร้านโดยไม่หันกลับมามองเขาอีกเลย โอ้พระผู้เป็นเจ้า! วันนี้จูฮยอนเดินหันหลังให้ผู้ชายถึง2คนด้วยกัน ลูกคงไม่บาปหรอกใช่มั๊ยคะที่ทำร้ายจิตใจเขาทั้งสองลงไป ฉันรีบโบกเรียกแท็กซี่ทันทีที่เห็นคันว่างวิ่งใกล้เข้ามา แต่ทว่าก่อนฉันจะก้าวขึ้นไปก็มีข้อมือแข็งแรงของใครบางคนดึงให้ฉันออกมาก่อน เขาจูงมือฉันอย่างแรงไปที่ฝั่งตรงข้าม ไปยังรถปอร์เช่รูปทรงสุดโฉบเฉี่ยวใหม่ล่าสุดจอดอยู่ ตัวรถเป็นสีดำขลับที่เหมือนเพิ่งหลุดออกมาจากนิตยสารรถเลยทีเดียว เขาให้ฉันเข้าไปนั่งในรถก่อนเขาจะขึ้นมานั่งยังเบาะคนขับแล้วจัดการออกรถในทันที และวินาทีที่ได้นั่งบนรถนั่นเองที่ฉันรู้ว่าเขาเป็นใคร
”พี่ยงฮวา
”
”
” ใช่แล้ว พี่ยงฮวานั่นเองที่เป็นคนขับรถอยู่ตอนนี้
”พี่ออกมาตามหาฉันหรอคะ” ฉันถามออกไปทั้งๆที่รู้ว่าสิ่งที่จะได้มาคือความเงียบแน่นอน
”
”
”พี่สอบใบขับขี่มาได้แน่หรอ ทำไมไม่ยอมรัดเข็มขัดนิรภัยเนี่ย” ฉันจึงเปลี่ยนเรื่องโดยการเอื้อมมือไปรัดเข็มขัดนิรภัยให้เขา ก่อนจะมารัดให้ตัวเองบ้าง
”พี่แอบตามฉันมาใช่มั๊ยเนี่ย พี่อยากง้อฉันใช่มั๊ยคะ ฉันรู้อยู่แล้วว่าพี่ต้องรู้สึกแย่ที่เห็นน้ำตาของฉันแน่ๆเลย” ฉันพูดอย่างร่าเริง แม้ว่าอยากจะร้องไห้มากแค่ไหน ทั้งๆที่เขาเอาเพลงมาให้ฟังขอร้องไม่ให้ฉันจากเขาไป แต่ฉันก็ยังหันหลังให้เขา แล้วจากเขามา ทั้งๆที่เขาตามมาเพื่อง้อฉัน เพราะเขาเป็นห่วงฉัน แต่ฉันกลับไปกับผู้ชายอีกคน วันนี้เธอทำตัวแย่ไปแล้วนะซอจูฮยอน
”พี่คะ ฉันขอโทษนะ
”
”
”
”ฉันเป็นภรรยาที่ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ฉันจะพยายามนะคะ ฉันขอโทษนะที่หันหลังให้พี่อย่างนั้น พี่ไม่ต้องห่วง
มันจะไม่มีครั้งที่สองแน่นอน พี่เชื่อใจฉันนะคะ” ฉันพูดพลางเอื้อมมือไปกุมมือของพี่ยงฮวาเอาไว้ เขาละสายตาจากถนนมามองการกระทำของฉัน ก่อนจะหันหน้าไปขับรถตามเดิมโดยไม่แสดงอาการใดๆออกมาเหมือนเคย
”เราไม่ได้จะกลับบ้านพี่หรอกเหรอ ?” ฉันถามขึ้นเพราะเห็นว่าเขาพาฉันมายังคอนโดสุดหรูใจกลางเมือง
”
” และเขาก็ไม่ตอบอย่างเคย = =
”จองยงฮวา~ ตอบฉันหน่อยสิคะ” ฉันพูดรบเร้าพลางเขย่าแขนเขาเหมือนเด็กๆ ให้รู้กันไปเลยว่าลูกอ้อนของจูฮยอนจะไม่ได้ผลน่ะนะ > <
”
” แล้วเขาก็เปิดประตูลงจากรถไปเลยน่ะสิ ใช่เลยมันไม่ได้ผลกับเขาน่ะสิ!
”คนบ้า!” ฉันบ่นให้เขาน้อยๆก่อนจะตกใจที่จู่ๆเขาก็เดินมาเปิดประตูให้ฉัน แล้วจัดการปลดเข็มขัดนิรภัยให้ฉันทันที แล้วก็จูงมือฉันให้เดินตามเข้าไปในล็อบบี้ของคอนโดนั้นโดยไม่มองหน้าฉันสักนิด
”สวัสดีค่ะ ใช่คุณจองยงฮวาและคุณซอจูฮยอนที่จะมาดูห้องรึเปล่าคะ” พนักงานคนหนึ่งที่เห็นเราเดินเข้ามาก็เข้ามาต้อนรับเราก่อนจะถามว่าเรามาดูห้องกันใช่รึเปล่า
ว่าแต่ เราจะดูห้องไปทำไมนะ ?
”
” พี่ยงฮวาไม่ตอบแต่พยักหน้าเป็นนัยๆว่า ‘ใช่’ พนักงานคนนั้นเลยพาเราสองคนขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นเจ็ด ก่อนจะพาเข้าไปชมห้องทันที
”ห้องในชั้นนี้จัดว่าเป็นระดับชั้นที่วิวสวยมากเลยนะคะ ห้องกว้างขวางเหมาะแก่การเริ่มต้นชีวิตคู่ มีห้องครัวเล็กๆแต่ตกแต่งอย่างหรูหราให้คุณภรรยาได้ทำอาหารให้สามีทาน และทางนี้คือห้องนอนค่ะ ห้องนอนก็กว้างและยังมีกระจกที่เปิดให้ออกไปชมวิวที่ระเบียงยามค่ำคืนได้อีกด้วยนะคะ ถ้ามองจากระเบียงนี้ไปจะเห็นโซลทาวเวอร์ด้วยค่ะ และตรงนี้คือห้องน้ำค่ะ
” พี่พนักงานพาฉันเดินดูจนทั่วพลางอธิบายคุณสมบัติของห้องพักอย่างละเอียด แต่ฉันนี่นะจะมาเริ่มต้นชีวิตคู่กับพี่ยงฮวาที่คอนโดนี้ ก็เรามีบ้านอยู่แล้วนี่นา จะต้องออกมาซื้อห้องทำไม = = ?
”เอ่อ ขอตัวเดินดูกับสามีสักครู่นะคะ เดี๋ยวจะให้คำตอบนะคะ” ฉันถือโอกาสที่พี่พนักงานพาเดินจนทั่วแล้วแยกตัวออกมาหาพี่ยงฮวาที่ไม่ยอมเดินไปด้วย แต่มายืมฟังเพลงอยู่ที่ระเบียง
”พี่ชอบที่นี่หรอ
” ฉันถามออกไปแต่เหมือนคนข้างๆจะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆทั้งสิ้น
”พี่รู้ว่าฉันชอบมองพระอาทิตย์ขึ้น พี่รู้ว่าฉันชอบแสงไฟยามค่ำคืน พี่รู้ว่าฉันไม่ชอบความวุ่นวาย พี่รู้ว่าฉันยังไม่พร้อมจะเป็นลูกสะใภ้ให้ใครสินะคะ พี่ถึงพาฉันแยกมาอยู่เองแบบนี้” ฉันพูดเจื้อยแจ้วไปคนเดียวเพราะรู้ดีว่าเขาไม่ตอบอะไรอยู่แล้ว
”
”
”แต่ฉันไม่รู้เลยว่าพี่คิดอะไรอยู่
” ฉันพูดค้างไว้ก่อนจะหันหน้าไปมองเขาตรงๆ ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว สายลมอ่อนๆพัดผ่านฉันกับเขาไปเบาๆ เขาเอื้อมมือมาเก็บผมที่ปลิวไม่เป็นทรงบางส่วนมาทัดหูของฉันก่อนจะหันมาจ้องตาฉันตอบ
”
”
”ถ้าพี่ไม่พูดมันออกมาฉันไม่รู้เลยจริงๆว่าพี่คิดอะไรอยู่ แต่ฉันจะไม่บังคับพี่หรอกนะ ฉันจะรอจนกว่าพี่จะยอมเปิดใจพูดกับฉันอีกครั้ง พี่ได้ยินใช่มั๊ยคะว่าฉันจะรอวันนั้น
” ตอนนี้ฉันพูดในสิ่งที่อยู่ในใจของฉันออกไปให้เขาได้รับรู้แล้ว และฉันจะต้องทำให้มันสำเร็จให้ได้
”
” ฉันรู้ว่าเขาก็คงจะยังไม่พร้อมที่จะพูดอะไรอีกในตอนนี้ เราสบตากันสักพักก่อน ฉันจะทำในสิ่งที่ไม่มีใครคิดมาก่อนว่า คนอย่างซอจูฮยอนจะกล้าทำได้ยังไง
”
” ฉันค่อยๆสอดแขนของฉันเข้าไปคล้องในแขนเสื้อของเขาช้าๆก่อนจะล็อกไว้แน่น ให้ตายสิเขินชะมัดเลย ฉันทำลงไปได้ยังไงนะ >///<
”เราออกไปดูพี่พนักงานกันดีกว่า พี่คงไม่เปลี่ยนใจแน่แล้วใช่มั๊ยที่จะย้ายออกมาอยู่บ้านหลังนี้” ฉันเอ่ยถามเขาอย่างร่าเริง ก็ฉันกำลังจะมีบ้านเป็นของตัวเองแล้วนี่นะ บ้านของการเริ่มต้นชีวิตคู่ของเรา ฉันคล้องแขนเขาไว้ก่อนเราจะเดินออกมาจากห้องนอนด้วยกันเพื่อเดินไปเซ็นสัญญากับพี่พนักงาน แต่พอเดินออกมาจากห้องเท่านั้นแหละฉันก็ได้เจอกับมินฮยอกและรุ่นน้องของพี่ยงฮวาอีกสองคนแทน
”เฮ้!มากันได้ไงน่ะมินฮยอก”
”พี่สะใภ้ ~ ~ ” มินฮยอกวิ่งเข้ามาหาฉันอย่างกับเด็กๆ
”พี่สะใภ้อะไรเล่า ว่าแต่พวกนายมาที่นี่กันได้ไงน่ะ”
”อ้อ จริงๆแล้วผมแนะนำที่นี่ให้พี่ยงฮวาเองแหละ ผมเป็นคนติดต่อกับพี่พนักงานคนนั้นไว้เอง” มินฮยอกพูดก่อนจะเดินไปหยิบแฟ้มเอกสารที่วางบนเคาท์เตอร์ครัวมายื่นให้ฉันกับพี่ยงฮวา
”อะไรเนี่ย” ฉันรับแฟ้มมาเปิดดูก่อนจะพบว่ามันคือเอกสารเกี่ยวกับห้องพักนั่นเอง
“ว้าววว นี่นายซื้อบ้านให้เรางั้นหรอ”
”ก็นะ” มินฮยอกตอบอย่างเขินๆก่อนจะเกาท้ายทอยตัวเองเป็นการแก้เก้อ ฉันคิดว่าเขาน่ารักจริงๆนะ > <
”ผมกับเพื่อนออกเงินกันซื้อให้เป็นของขวัญแต่งงานของพี่ยงฮวากับพี่สะใภ้น่ะ อ้า~ยังไม่แนะนำเลยสินะ คนนี้ตัวสูงๆชื่อจองชิน อีจองชิน เขาเป็นมือเบสให้วงเรา” ฉันมองตามไปยังคนที่มินฮยอกผายมือไปให้ดู
”ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ฉันหันไปโค้งให้เขา แล้วเขาก็โค้งให้ฉัน แล้วเราก็โค้งให้กันอยู่อย่างนั้นประมาณสามรอบ =____=
”ผมเกิดปีเดียวกับคุณนะจูฮยอน เลิกโค้งให้ผมเถอะ” จองชินพูดกับฉันอย่างเขินๆก่อนจะเลี่ยงไปยืนหลบอยู่หลังผู้ชายอีกคน
”ส่วนคนนี้ชื่อจงฮยอน อีจงฮยอน เป็นมือกีต้าร์แล้วก็ร้องนำ ตอนแรกก็ร้องด้วยกันกับพี่ยงฮวา แต่พอพี่เขาเกิดอุบัติเหตุตอนนี้จงฮยอนก็เลยร้องคนเดียว”
”อ๋อ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ คุณคงทำงานหนักมาก ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณที่ดูแลพี่ยงฮวาด้วยนะคะ” ฉันหันไปโค้งให้ผู้ชายอีกคนที่ดูภายนอกแล้วออกจะขรึมๆสักหน่อย แต่พอเขากับฉันเงยหน้ามาสบตากันเท่านั้น เขาก็ยิ้มกว้างไม่ยอมหุบเลยหล่ะ ทำไมนะ หน้าฉันมีอะไรติดงั้นหรอ ?
”>_______<”
”พี่จงฮยอน เป็นอะไรไปน่ะ อย่ายิ้มแบบนั้นให้พี่สะใภ้สิครับ ฮ่าๆ” มินฮยอกเดินเข้าไปจ้องหน้าจงฮยอนก่อนจะเริ่มแซว
”จงฮยอนเขาเขินเธอน่ะจูฮยอน” จองชินเดินมาบอกฉันอย่างกล้าๆกลัวๆ เฮ้!นายบอกว่าเรารุ่นเดียวกันนี่นา นายเองก็ไม่เห็นต้องเขินฉันเลยนะ จองชินชินกู~
”เขินฉันอะไรกันเนี่ย ฉันสิต้องเขินพวกนายน่ะ -///-” ฉันพูดออกไปอย่างเขินๆเช่นกัน ก็แทนที่ฝ่ายหญิงจะเป็นคนเขิน นี่อะไรกันผู้ชายเหล่านั้นกลับเขินฉันกันหมดเลยหรอเนี่ย
”อื้ออ ผมหิวแล้วอ่ะ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า!” มินฮยอกเสนอความคิดขึ้นมาก่อนจะเอามือลูบท้องแล้วทำหน้าตาน่ารัก(?) ก็ฉันคิดว่าเขาน่ารักนี่นา > <
”เราจะไปกินอะไรกันดีล่ะ ฉันอยากกินข้าวต้มหมูอ่ะ” จงฮยอนเสนอความคิดขึ้นมา ว่าไงนะ ข้าวต้มหมูในเวลาทุ่มสองทุ่มนี่นะ ฉันว่ารสนิยมในการกินของเขาออกจะแปลกอยู่สักหน่อย ถ้าเป็นรามยอนหรือว่าหมูย่างก็ว่าไปอย่าง พูดแล้วก็หิวแฮะ
”พี่คะ พี่อยากกินอะไรดี เดี๋ยวฉันทำให้กินนะ” ฉันเดินคล้องแขนพี่ยงฮวาก่อนจะเอ่ยถามความเห็นในการไปกินข้าวร่วมกับน้องๆในวงของเขา
”
”
”
” ใช่แล้วฉันคิดผิดไปหน่อยที่ไปถามพี่ยงฮวา = =
”เอางี้ดีกว่า เราไปซื้อของแล้วมาทำที่ห้องพวกเราดีกว่า” จองชินเสนอความคิดขึ้นมาให้เราไปซุปเปอร์เพื่อซื้อของมาทำอาหารเย็น
”ว่าแต่ เราจะกินอะไรกันหล่ะ ถ้าไม่มีใครเสนออะไรฉันอยากกินข้าวต้มหมูจริงๆนะ” จงฮยอนยังคงยืนยันความคิดเดิมว่าจะต้องกินข้าวต้มหมูให้ได้
”โธ่~ จะกินอะไรกันก็แล้วแต่เถอะ ผมหิวแล้วจริงๆนะ TT^TT” แล้วมินฮยอกก็เดินเข้ามากอดแขนจงฮยอนแล้วลากออกจากห้องเพื่อไม่ให้พวกเราใช้เวลาอยู่ในห้องนี้นานมากมากไปกว่านี้
เมื่อเราเดินลงมาจากคอนโด ไม่ไกลนักก็มีซุปเปอร์มาเก็ตเปิดอยู่ พวกเราจึงลิสต์รายการอาหารออกมาคือ สปาเก็ตตี้ครีมซอส ข้าวกับกิมจิ และต็อกโบกี ฉันเดินไปเลือกซื้อของอย่างชำนาญ ก็ฉันน่ะเป็นลูกมือให้คุณแม่บ่อยๆนี่นา พอเราเลือกซื้อของกันเสร็จฉันก็คิดว่าเราจะไปทำกินที่บ้านของใครสักคน แต่แล้วมินฮยอกก็พาเราเดินกลับขึ้นมาชั้นเดิมของคอนโดที่เราเพิ่งลงไป แต่ห้องที่พวกเขาพาเราเข้าไปนั้นอยู่ถัดไปจากห้องของฉันกับพี่ยงฮวาประมาณสามสี่ห้อง นี่อย่าบอกนะว่าพวกเขาอยู่ห้องถัดไปไม่ใกล้ไม่ไกลนี่จริงๆน่ะ = =
”นี่มินฮยอก~ นายซื้อห้องนั้นให้เราเพราะนายอยากให้เราอยู่ในสายตาของนายงั้นหรอ” ฉันถามเขาติดตลกเมื่อเราช่วยกันขนของเข้าไปไว้ที่เคาท์เตอร์ครัว
”เปล่าซะหน่อย พี่สะใภ้ก็ ฮ่าๆ” มินฮยอกจึงเลี่ยงคำถามแล้วเดินไปหาพี่ยงฮวากับจงฮยอนแทน
”มีอะไรให้ฉันช่วยมั๊ย” จองชินเดินเข้ามาถามฉัน
”อ๋อ นายไปแกะกุ้งก็ได้นะ แล้วก็ลวกเส้นละกัน”
”รับทราบครับคุณนายจอง ~”
”คุณนายจองอะไรกันเนี่ย บ้าหรอ” อะไรกันนะคนพวกนี้ เขาคิดว่าฉันจะเขินไม่เป็นรึยังไงถึงมาเรียกคุณนายจองแบบนี้ -///-
”จูฮยอน พี่ว่าเราแบ่งกันทำดีกว่า” จงฮยอนที่เดินถือถุงพวกอุปกรณ์ทำต็อกโบกีมาหาฉันที่ครัวก่อนจะเรียกฉัน แต่ว่าไงนะ? เขาแทนตัวเองว่าพี่งั้นหรอ อะไรกันอีกเนี่ยพวกผู้ชายมิติที่สี่พวกนี้ - -
”เฮ้! นายไม่ต้องอยากตีซี้กับฉันด้วยการแทนตัวเองว่าพี่เลยนะจงฮยอน ฉันเป็นพี่สะใภ้นายฉันยังไม่พูดว่าฉันเป็นพี่เลยนะ ฮ่าๆ” ฉันเดินเจ้าไปทำหน้ากวนเขาก่อนจะเดินกลับมาหั่นผักต่ออย่างไม่สนใจจงฮยอน คล้ายๆกับฉันเป็นผู้ชนะในการโต้วาทียังไงยังงั้นเลยหล่ะ
”อะ อะไรนะ ตีซี้หรอเนี่ย ฮ่าๆๆ เชื่อเธอเลยจริงๆสิจูฮยอน” จงฮยอนถึงกับปล่อยก๊ากออกมาตรงนั้น ก่อนเขาจะไม่สนใจฉันแล้วเดินไปหยิบเตาไฟฟ้ากับหม้อต็อกโบกีไปที่ห้องนั่งเล่นแทน
”พี่ยงฮวา พี่บอกเธอหน่อยสิว่าผมตีซี้เธอจริงรึเปล่าน่ะ ฮ่าๆ”
”
” เมื่อมินฮยอกกับจองชินเดาเหตุการณ์ออก ทุกคนก็หัวเราะขึ้นมาอย่างพร้อมใจกัน
”ฮ่าๆ พี่สะใภ้ ผมว่านั่นเป็นความผิดผมล่ะ” มินฮยอกเดินขำเข้ามาหาฉันก่อนทำท่าคุกเข่าแล้วชูกำปั้นขึ้นมาชนฝ่ามือเหมือนในหนังจีน
”ข้าน้อยมิยังอาจทูลองค์หญิงว่า ชายผู้มีนามว่าจงฮยอนนั้น แท้จริงแล้วเกิดก่อนองค์หญิง1ปีขอรับ” ฮะ! เขาว่ายังไงนะ O__o!!
”อย่า อย่าบอกฉันนะว่า
.” ฉันพูดอะไรไม่ออกก่อนจะชี้ไปที่จงฮยอนที่แอบนั่งขำอยู่ตรงโซฟา
”ข้าน้อยสมควรตายขอรับ” มินฮยอกยังคงไม่เลิกเล่นตลก เขาสารภาพบาปอย่างติดตลก ก่อนจะก้มหัวให้ต่ำลงไปอีก
”มินฮยอก นายบอกฉันมาตรงๆซิ ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นรุ่นพี่ฉันจริงหรอเนี่ย”
”ถูกต้องนะคร้าบบบบ!” มินฮยอกกับจองชินเฉลยออกมาพร้อมกันก่อนจะเดินเข้าไปกอดคอกันแล้วหัวเราะฉันอย่างพร้อมเพรียง ฉันที่ยืนค้างทำอะไรไม่ถูกจึงหันไปหั่นผักต่ออย่างไม่สนใจเหตุการณ์ข้างหลัง แต่ทว่า
”โอ๊ยย!” ฉันเขินจนทำมีดบาดตัวเองงั้นหรอเนี่ย เธอไม่เคยเป็นแบบนี้นี่นาจูฮยอน TT___TT
”เฮ้! เป็นอะไรมั๊ยจูฮยอน” จองชินที่อยู่ใกล้ที่สุดรีบหันมาถามอาการฉัน
”แค่บาดนิดหน่อยน่ะ” ในขณะที่จองชินกำลังจะเอื้อมมือมาจับมือฉันไปดู ผู้ชายคนหนึ่งที่ได้แต่นั่งเงียบมาตั้งนานแล้วกลับวิ่งมาเร็วกว่าแล้วจัดการยื่นนิ้วของฉันไปล้างน้ำทันที
”พี่ยงฮวา
” ฉันที่ตอนนั้นก็ตกใจที่มีดบาดอยู่นะ แต่ตกใจกว่าที่เขาเอาชายเสื้อตัวเองมาเช็ดนิ้วให้ฉันน่ะสิ เขาเป่าไปเบาๆที่แผลของฉัน ก่อนจะจ้องมองแผลบนนิ้วของฉันอย่างจริงจัง
”ผมเอายามาให้แล้วๆ” มินฮยอกวิ่งออกมาหาฉันพร้อมกล่องปฐมพยาบาล และจงฮยอนเองก็เดินมาหาพร้อมกับปาสเตอร์ใส่ยา
”นี่พี่ เอาไปพันให้เธอสิ” จงฮยอนยื่นปาสเตอร์ใส่ยามาให้ยงฮวา ก่อนพวกเขาสามคนจะค่อยๆย่องออกไปจากครัวทีละนิดๆ แล้วไปแอบมองฉันกับพี่ยงฮวาอยู่อีกฝั่งของเคาท์เตอร์ครัว
”ถ้าพวกนาย
และก็พี่จงฮยอน จะไปหลบอยู่แบบนั้น ก็มายืนดูเลยดีกว่านะ” ฉันไม่ลืมที่จะใส่คำว่าพี่ลงไปแล้วล่ะคราวนี้ ก็ฉันเป็นพวกถือเรื่องลำดับอายุมากเลยน่ะสิ
”ฮ่าๆ เธอว่าอะไรนะ ‘พวกนายและพี่จงฮยอน’ งั้นหรอ ว้าวว~ เธอต้องจริงจังกับมันมากเลยนะเนี่ย” จองชินพูดล้อเลียนฉันอย่างสนุกสนานก่อนพวกเขาจะย้ายก้นตัวเองไปนั่งบนโซฟาแล้วทำต็อกโบกีต่อไปอย่างแกล้งทำเป็นไม่สนใจฉันกับพี่ยงฮวา
”
” พี่ยงฮวาพันปาสเตอร์ยาให้ฉันอย่างเบามือแล้วเป่าเบาๆหลังพันเสร็จ
”
” ในช่วงเวลานั้นฉันหาโอกาสที่จะมองหน้าพี่เขาให้ชัดๆ แต่พอเขาเงยหน้าขึ้นมาจากแผลของฉันเท่านั้นแหละฉันก็ต้องผิดหวังเพราะว่า เขาก็ยังคงไม่แสดงอาการอะไรออกมาทั้งนั้น
”
” แต่ทว่าวูบหนึ่งที่เขามองตาฉันก่อนละจูงมือให้ฉันไปนั่งพักที่โซฟา หัวใจของฉันก็กระตุกวูบอีกครั้ง เพราะมันเป็นสายตาที่แสดงถึงความห่วงใจที่เขามีต่อฉันยังไงล่ะ
”พี่คะ เดี๋ยวมันไม่เสร็จ ฉันจะไปทำต่อให้เสร็จค่ะ”
”ไม่ได้ๆ เธอนั่งพักเลยเดี๋ยวพวกเราทำต่อเอง” จองชินที่เดินไปแกะกุ้งต่อหันมาสั่งฉันด้วยน้ำเสียงเย็นๆ
”แค่พี่สะใภ้บอกมาก็พอครับ” ตอนนี้มินฮยอกเองก็เดินไปแทนที่ตำแหน่งของฉันแล้วเหมือนกัน
”ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่นิดเดียวเองฉันทำต่อได้” ฉันพูดอย่างหนักแน่นก่อนจะบีบมือพี่ยงฮวาแล้วเดินไปทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จ เหมือนพี่ยงฮวาจะรั้งฉันไว้นิดๆ แต่ฉันก็ฝืนตัวออกไปแล้ว ทำไงได้ล่ะ ถ้าปล่อยให้พวกเขาทำฉันว่าวันนี้เราคงไม่ได้กินแน่เลย
”พี่จงฮยอนคะ ในฐานะที่พี่อยากกินข้าว งั้นพี่หุงข้าวหน่อยสิ”
”เธอใช้ฉันเพราะฉันอยากกินข้างงั้นหรอ งั้นจองชินกับมินฮยอกก็ต้องทำสปาเกตตี้เองสิ”
”เอ่อ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ”
”นี่ฉันเป็นรุ่นพี่นะ ฉันควรจะถูกกระทำงั้นหรอ” จงฮยอนที่ได้ทีก็ยกเอาประเด็นเดิมมาแกล้งซอฮยอนทันที
”ไม่นะคะ พี่ไม่ต้องทำแล้วค่ะๆ เดี๋ยวฉันทำเองนะคะ ขอโทษนะคะพี่ T^T” ฉันรีบหันไปโค้งให้พี่จงฮยอนอย่างรู้สึกผิด
”ฮ่าๆ ไม่เลยครับๆ ขอโทษครับพี่สะใภ้ ผมจะทำตัวให้ดีกว่านี้คร้าบบบ” พี่จงฮยอนพูดติดตลกกับฉันก่อนจะเดินไปหยิบหม้อแล้วไปหุงข้าวทันที อะไรกันเนี่ย แกล้งฉันหรอกเหรอ!
และแล้วอาหารก็เสร็จ หน้าตามันน่ากินมากๆเลย บังเอิญว่ามินฮยอกชอบกินชีสเขาเลยเทมันลงไปอย่างไม่ยั้งเลยน่ะสิ ตอนนี้สปาเกตตี้ครีมของเราก็เลยมีหน้าเป็นชีสเหมือนหน้าพิซซ่าเลย ส่วนต็อกโบกีก็มีสีน่ากินมากเลยหล่ะ พี่จงฮยอนบอกว่าพี่ยงฮวาเป็นคนปรุงด้วยการใส่ซอสมะเขือเทศลงไปด้วย ทุกคนยังการันตีอีกว่าฝีมือในการทำต็อกโบกีของพี่ยงฮวาน่ะสุดยอดจริงๆ จากนั้นเราก็รอข้าวสุก ระหว่างนั้นฉันก็เดินไปหั่นกิมจิใส่จานไว้รอ ส่วนสามหนุ่มก็ไปนั่งจับกลุ่มอยู่ใกล้ๆพี่ยงฮวา เหมือนทุกคนจะพยายามชวนพี่ยงฮวาคุยอย่างเต็มที่ แต่ทว่าสิ่งที่พวกเขาได้รับกลับมาก็คือ ความว่างเปล่าน่ะสิ = =
พออาหารทั้งหมดพร้อมเราก็เริ่มลงมือจัดการส่วนของตัวเองโดยไม่มีใครปริปากพูดอะไรทั้งนั้น ต็อกโบกีฝีมือพี่ยงฮวาอร่อยจริงๆด้วย > <
”อือ ผมว่าเรามาช่วยกันแต่งเนื้อเพลงเพลงนั้นกันดีกว่าไหม” จู่ๆมินฮยอกที่ก้มหน้าก้มตากินอยู่นานก็พูดขึ้นมาทำลายความเงียบ
”เพลงไหนอ่ะ” จองชินถามกลับทั้งๆที่ในปากก็เต็มไปด้วยเส้นสปาเก็ตตี้ = =
”ก็เพลงที่พี่ยงฮวาแต่งทำนองไว้ไง เพลงนั้นน่ะๆๆๆ ที่เราเคยเล่นด้วยกันแบบไม่มีคำร้องน่ะ”
”
” ทั้งห้องพร้อมใจกันเงียบเพราะคิดไม่ออกว่ามินฮยอกหมายถึงเพลงอะไร
”เฮ้! พวกพี่ลืมหรอ ผมจำได้นะว่าพี่ยงฮวาแต่งเพลงนี้แล้วก็เอามาให้เราซ้อมจังหวะกันน่ะ แต่มันยังไม่มีเนื้อร้องเพราะพี่ยงฮวาเกิดอุบัติเหตุน่ะสิ” หรือว่าจะเป็นเพลงที่พี่ยงฮวาเปิดให้ฉันฟังนะ ?
”ใช่เพลงนั้นแน่เลย!” ฉันคิดว่าใช่นะ ฉันเลยโพล่งออกไปอย่างลืมตัว
”หืมม ? เพลงไหนหรอพี่สะใภ้”
”ก็เพลงนั้นไงที่นายเคยเอามาให้ฉันฟังน่ะมินฮยอก”
”ใช่เพลงเดียวกันหรอพี่สะใภ้ ผมเคยเอาให้ฟังหลายเพลงอยู่นะ” มินฮยอกที่ไม่ค่อยมั่นใจในเซ้นต์เรื่องเพลงของฉันเอียงคอถามฉันอย่างไม่มั่นใจ
”ที่ทำนองว่า โว้โฮ~
ดือ ดือดือ ดือ ดือ ดือ ดือดือ ดือ ดือดือ ดือ” ฉันพยายามใส่ทำนองลงไปเท่าที่ฉันจะสามารถจำได้
”ผมก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดี” มินฮยอกก็ยังคงเอียงคอมองฉันอย่างงุนงง
”อ๊ะ! ที่มันจะร้องว่า โว้โฮ~ ด้วยใช่มั๊ยพี่สะใภ้” พี่จงฮยอนลุกขึ้นยืนแล้วชี้มาที่ฉันอย่างตื่นเต้น
”พี่เรียกฉันว่าพี่สะใภ้หรอคะ ฮ่าๆ ขอบคุณมากค่ะ”
”เฮ้! ขอบคุณอะไรกันเนี่ย ฉันก็เขินเป็นนะ -///-” แล้วประเด็นเพลงก็ถูกเปลี่ยนไปเพราะทุกคนต่างพุ่งความสนใจไปที่จงฮยอน ให้ตายสิ
เขาเขินจนแก้มแดงเลยหรอเนี่ย
”อืมมม
เธอลองร้องมาสักท่อนได้มั๊ยจูฮยอน” จองชินที่เงียบเพื่อใช้ความคิดอยู่นานเอ่ยขึ้น
”อ๋อ เนื้อร้องน่ะหรอ ได้ๆๆ” ฉันตั้งหน้าร้องอย่างเต็มที่ ก็มันเป็นเพลงที่พี่ยงฮวาร้องให้ฉันนี่นา(?) ไม่รู้ล่ะก็เขาเปิดให้ฉันฟังนี่ ว่าแต่
ไหนมินฮยอกบอกว่ายังไม่มีเนื้อหล่ะ
”มันก็จะทำนองว่า Please don’t go go go เชบัล ตอนาคาจีมา
ฮันบอนมัน อีราโด นัล โทรา บวาชุลเร
”
”ใช่เลย!” ทั้งสามหนุ่มประสานเสียงขึ้นมาก่อนมินฮยอกจะลุกขึ้นกระโดดอย่างมีความสุขที่ฉันคิดเพลงนั้นออก
”ว่าแต่พี่สะใภ้ไปเอาเนื้อเพลงมาจากไหนน่ะ เรายังไม่แต่งกันเลยนะ”
”อ๋อ ก็พี่ยงฮวาเขา
” ฉันพูดได้แค่นั้นก็ถูกพี่ยงฮวาดึงมือให้ลุกขึ้นตามน่ะสิ
”พี่คะมีอะไรรึเปล่า?” ฉันถามพี่ยงฮวาอย่างเป็นห่วง เผื่อพี่เขาไม่สบายตรงไหนฉันจะได้ดูแลถูก
”
” แต่พี่ยงฮวาก็ไม่ยอมพูดอะไร กลับถือจานที่พวกเรากินเสร็จแล้วไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนจะใช้มืออีกข้างหนึ่งจูงมือฉันไปที่เคาท์เตอร์ล้างจาน
”
” ทุกคนมองตามการกระทำของพี่ยงฮวาอย่างสงสัย ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่เขาเป็นอะไรไป
”เอ่อ งั้นพี่สะใภ้กับพี่ยงฮวาล้างจานกันไปนะ พวกเราจะเก็บกวาดโต๊ะนี้เอง”
”
” และแล้วห้องทั้งห้องก็กลับมาตกอยู่ในความเงียบและความน่าอึดอัดอีกครั้ง
”พี่ไม่อยากให้ฉันบอกพวกเขาใช่มั๊ยว่าพี่แต่งเนื้อเพลงแล้วน่ะ” ระหว่างที่เราล้างจานกันเงียบๆอยู่สองคนฉันก็เลยกระซิบถามพี่ยงฮวาเบาๆ
”
” พี่ยงฮวาไม่ตอบฉันแต่กลับล้างจานต่อไปอย่างไม่มีอาการใดๆ
”ถ้าพี่ไม่พูด ฉันบอกพวกเขาจริงๆนะ” ฉันว่าถ้ายื่นคำขาดออกไปแบบนี้พี่ยงฮวาต้องยอมพูดออกมาแน่เลย > <
”
”
”นับ 1 แล้วนะ”
”
” พี่ยงฮวาก็ยังคงล้างจานไปอย่างสบายใจ
”นับ 2 แล้วจริงๆนะคะ” พี่คะ พี่ต้องพูดห้ามฉันสิ ถ้าพี่ไม่อยากให้พวกเขารู้ก็แค่พูดกับฉันมาไง > <
”
”
”นับ 3!” ฉันเดินออกจากเคาท์เตอร์ล้างจานไปหาพวกเขาสามคนที่ทำความสะอาดโต๊ะรับแขกอยู่
”นี่พวกนายฉันมีอะไรจะบอกเกี่ยวกับเพลงนั้นน่ะ จริงๆแล้วพี่ยงฮวาเขา
”
”หืออ ? พี่ยงฮวาทำไมหรอ” จองชินมองฉันอย่างสนอกสนใจในสิ่งที่ฉันจะพูด
”เอ่อ พี่ยงฮวาเขา
กับเพลงนั้น
คือ
” ฉันยังคาดหวังให้พี่เขาพูดห้ามฉันออกมาสักนิด แต่พอฉันหันหลังกลับไปดูพี่ยงฮวาก็ยังคงล้างจานต่อไปอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร = =
”ว่าไงครับพี่สะใภ้ พวกเราตื่นเต้นนะเนี่ย~” มินฮยอกเข้ามาเกาะแขนฉันพลางสั่นเบาๆเป็นการกระตุ้นให้ฉันรีบเฉลย ไม่ใช่แค่พวกนายที่ตื่นเต้นหรอกนะ ฉันก็ตื่นเต้นเหมือนกันนั่นแหละ = =
”คือเพลงนั้นจริงๆแล้ว
ฉันใส่เนื้อร้องเองมั่วๆอ่ะ พี่ยงฮวาเขาแค่เอาทำนองมาให้ฉันฟังตอนที่ฉันไปบ้านเขา เท่านั้นเอง”
”โหยย อะไรเนี่ย พวกเราก็คิดว่าพี่ยงฮวาแต่งเนื้อเพลงนั้นได้แล้วซะอีก” จองชินบ่นออกมาอย่างเสียดาย ก่อนสามหนุ่มสามสไตล์จะนั่งทรุดฮวบลงไปกองกันอยู่ที่โซฟาอย่างหมดอาลัยตายอยาก ราวกับว่าฉันได้ขโมยแสงสว่างไปจากพวกเขาแล้วอะไรอย่างนั้นเลยหล่ะ
”เฮ้อออ จูฮยอน เธอใจอ่อนอีกแล้ว T^T” แล้วฉันก็เลยยอมเดินกลับมาล้างจานต่ออย่างยอมจำนน ฉันมองไปที่พี่ยงฮวาด้วยสายตาสงสัย แต่สิ่งที่ฉันเห็นคือพี่เขาอมยิ้มน้อยๆแล้วหันหน้ามาหาฉันตรงๆเหมือนจะเยาะเย้ยที่ฉันไม่กล้าพูดออกไป
”เชอะ!” ฉันสะบัดหน้าหนีไปล้างอีกทางหนึ่ง ไม่ใช่อะไรหรอกเพราะฉันเขินสายตาเขาน่ะสิ
”
” พี่ยงฮวาเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะเอาถุงมือเปื้อนฟองมาจิ้มแก้มฉัน
”พี่คะอะไรเนี่ย > <” ฉันปัดฟองออกโดยเร็วก่อนจะหันไปทำหน้าตาเอาเรื่องกับพี่ยงฮวา พี่แกล้งฉันใช่มั๊ย! ได้เลย พี่รู้จักซอจูฮยอนน้อยไปแล้วนะคะ ฉันหันไปหยิบฟองมาแปะป้ายไปตามเสื้อผ้าและแก้มของพี่ยงฮวาบ้าง เขาเบี่ยงตัวหลบได้อย่างว่องไว แล้วเราก็เล่นกันแบบนั้นสักพัก จนกระทั่งสามหนุ่มเดินเข้ามาอีกฝั่งแล้วจ้องมาที่ฉันกับพี่ยงฮวาก่อนจะทำหน้าตายแล้วพูดว่า
”พี่!!!....ผมอิจฉาอ่ะ T^T” แล้วสามหนุ่มผู้อาภัพรักก็ได้แต่ยืนมองพี่ชายและพี่สะใภ้หยอกกันอย่างน่าสงสาร
"-------------------------------------------------------------
Talk with writer :
ไม่รู้อ่ะว่าจะน่าเบื่อรึเปล่า TT______TT
แต่ก็ขอบคุณที่ยังเข้ามาอ่านนะคะ
ช่วงนี้ว่าง จะอัพให้เยอะๆเลย เดี๋ยวนานไปหวานจะงานเยอะกว่านี้มากกก
หวังว่าจะไม่น่าเบื่อเกินไปนะคะ
คอมเม้นท์เป็นกำลังใจได้นะ หวานชอบอ่านนนน >w<
เพราะหวานบอกแล้วว่าแต่งเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะหวานคิดถึงยงซอ จากใจจริง :)
เจอกันตอนหน้านะคะรีดเดอร์ รักคุณตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า จุ๊บๆ -3-
ไอแอมพีเอสสึ
ความคิดเห็น