คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : คำสอนข้อที่ 2 การทำตัวให้น่าสงสารเพื่อประโยชน์อันยิ่งใหญ่...ไม่ใช่สิ่งที่ผิด (ถึงแม้คนอื่นจะเดือดร้อนก็ตาม!?)
คำสอนข้อที่ 2 การทำตัวให้น่าสงสารเพื่อประโยชน์อันยิ่งใหญ่...ไม่ใช่สิ่งที่ผิด (ถึงแม้คนอื่นจะเดือดร้อนก็ตาม!?)
‘แล้วถ้าปฏิบัติเช่นนั้นผู้อื่นจะไม่คิดว่าเราหน้าไหว้หลังหลอกหรือขอรับ?’
‘การทำตัวให้น่าสงสารในที่นี้นั้น อาจจะเปลี่ยนใหม่ได้ว่า ใครมีแอ็คติ้งดีกว่าก็คือผู้ชนะ ผู้ที่จะทำได้นั้นต้องฝึกฝนอย่างหนัก! ไม่มีใครจะมาว่าผู้ที่ฝึกฝนอย่างหนักได้หรอก จริงไหมล่ะ”
‘อ๋อ...ถ้าเราตั้งใจฝึกฝนก็จะไม่มีใครว่าเราได้ใช่ไหมขอรับ’
‘เจ้าเข้าใจถูกแล้ว จงฝึกฝนจนชำนาญ’ เพราะถ้าเจ้าฝึกฝนมาพอก็จะไม่มีใครจับได้ยังไงล่ะ หึๆๆ
เมื่อคืน...ข้าเข้านอนตอนตี 3
เช้านี้...ข้าตื่นตอนตี 4
ตอนนี้...ข้าจึงกลายร่างเป็น แพนด้า โดยปริยาย...
“เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า ไอดีล?” อีลูหันมาถามข้า แต่นางยังคงสาวเท้าไปข้างหน้าไม่หยุด
“ไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ เมื่อคืนข้านอนไม่ค่อยหลับ...เท่าไหร่” ข้าอ้าปากหาววอดใหญ่ พร้อมกับวิ่งช้าๆ ตามนางต่อไป
นางพยักหน้าอย่างรับรู้ (แต่ที่นางไม่รู้คือข้าแทบจะไม่ได้นอนนั่นแหละ) “วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปดูอาการเจ้าม้าน้อยหน่อยน่ะ...มันดูไม่ร่าเริงเอาซะเลย” ปรายประโยคนางพูดเสียงแผ่ว
เจ้าม้าน้อย?
“มันไม่ยอมกินอะไรเลย ข้าคิดว่ามันอาจคิดถึงเจ้า เลยพาเจ้าไปดูมันหน่อยน่ะ” อีลูทำหน้าเศร้า
อ๋อ...นางคงหมายถึงเจ้าโนฮีโร่ แน่ๆ
ข้าทำโต “ข้าหวังว่ามันคงไม่เป็นอะไรมากนะเจ้าคะ!” สีหน้าตื่นตกใจเหมือนคนรู้ว่าบ้านตัวเองโดนทอนาโดซัดหายไปต่อหน้าต่อตา
พอเจ้าม้า (น้อย) เห็นข้า มันก็ทำประกายตาแวววาว ร้องฮี่ๆ พร้อมกับเดินออกมาจากหลังต้นไม้แล้วตรงมาหาข้า ก่อนจะเอาหน้าดันตัวข้าเบาๆ อย่างรักใคร่
“มันเพียงแค่คิดถึงข้าแน่ๆ ท่านไม่ต้องห่วง” เมื่อเห็นท่าทางของเจ้าคู่ชีวิตของข้า ข้าก็พอจะรู้แล้วว่า มันต้องกการอะไรจากข้ากันแน่ “เดี๋ยวข้าจะขออยู่เล่นกับมันสักพัก แล้วจะกลับไปให้ทันข้าวเช้านะเจ้าคะ” ส่งยิ้มให้นาง ส่วนมือก็ลูบหัวเจ้าคู่ชีวิตปลกๆ
นางพยักหน้า สีหน้าดูดีกว่าตอนแรกมากเมื่อเห็นเจ้าม้าดูท่าจะไม่เป็นอะไร “อืม เดี๋ยวข้าจะกลับบ้านไปปลุกน้องๆ กับเตรียมอาหารเช้า เจ้าก็กลับไปให้ทันก่อนอาหารจะเย็นนะไอดีล”
“เจ้าค่ะ” ข้ายิ้มรับ
อีลูเดินกลับบ้านไป พอข้าเห็นนางลับสายตา ข้าจึงหันหน้ากลับมาดูเจ้าคู่ชีวิตนี่อีกครั้ง
“หิวล่ะสิท่า เอ้านี่! ข้ามีติดตัวอยู่นิดหน่อย” ข้าพูดกับมันก่อนจะหยิบห่อกระดาษออกมาจากอกเสื้อ แล้วแกะส่งให้มัน
มันค่อยๆ คาบชิ้นเนื้อสีน้ำตาลอ่อนๆ ท่าทางเหนียวนุ่มหวานฉ่ำเข้าปาก แล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
“ข้าคิดว่าเราคงอยู่ที่นี่กันอีกไม่นาน เราคงต้องรีบไปหาวัตถุดิบต่อ คราวนี้ถ้าแวะเที่ยว...ท่านอาจารย์จะต้องจัดการข้าหนักกว่าครั้งที่แล้วแน่”
เจ้าม้าหยุดเคี้ยว ก่อนจะกลืนน้ำลายดัง เอื๊อก อย่างชัดเจน...
“เจ้าไม่ได้โดนด้วยซะหน่อย อย่ามาแย่งซีนข้าสิ!” ข้าพูด ก่อนจะส่งเนื้อย่างให้มันอีกชิ้น “ท่านอาจารย์ไปหาเจ้ามาจากไหนกันนะ!...กินเปลืองชะมัดเลย” ปรายประโยคข้าลดเสียงให้เบา แต่เจ้าม้ามันคงได้ยินเพราะมันค้อนตาใส่ข้า แต่พอส่งเนื้อให้อีกชิ้น มันก็กลับไปกินต่อ อย่างไม่ใส่ใจ “ม้าของอัศวินแห่งความตาย เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันนะ...ตะกละชะมัด!”
“ข้าต้องขอขอบคุณท่านน้าที่ช่วยดูแลข้ามากนะเจ้าคะ” ข้าส่งยิ้มให้อีลู ขณะอยู่บนหลังของเจ้า
โนฮีโร่
“เจ้าจะไปจริงๆ หรือไอดีล เจ้าเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แท้ๆ เดินทางคนเดียวมันอันตรายมากนะ” อีลูกล่าวน้ำตาคลอเบ้า เหมือนไม่อยากให้ข้าไป
“เจ้าค่ะ แต่ข้าจำเป็นต้องทำตามประสงขององค์มหาเทพ ซึ่งข้ามั่นใจว่าองค์มหาเทพท่านคงไม่ใจจืดใจดำกับข้านัก” ข้ากล่าวด้วยสีหน้าสำนึก (?) ในบุญคุณของนาง “ข้าจะดูแลตัวเองให้ดีเจ้าค่ะ...ลาก่อน”
เมื่อคำล่ำลาจบลง ข้าก็หันหลัง แล้วรีบควบเจ้าคู่ชีวิตของข้าออกจากหมู่บ้านอย่างเร่งรีบ (ขอย้ำ...รีบจริงๆ) เมื่อข้ารีบควบม้าออกมาจนหมู่บ้านของอีลูจนลับตา ข้าก็หยิบของฝากเล็กๆ น้อยๆ ที่หยิบติดไม้ติดมือมาจากหมู่บ้าน ออกมาเชยชม
ทั้งเสบียงของข้า ของเจ้าม้า แล้วก็...แก้วแหวนเงินทองของประดับบ้านประดับกายเศรษฐี จำนวนมากมายจนกระเป๋าย่ามของข้าแทบทะลุ
ทีแรกข้าก็ไม่ได้กะจะเอาอะไรมากมายหรอก แต่พอข้าเดินผ่านบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านที่วิบวับจนแสบตา ก็เลยแวะเข้าไปดูแล้วก็เอาของฝากออกมานิดๆ หน่อยๆ แล้วข้าก็เอาของพวกนั้นไปฝากไว้ใต้เตียงที่ข้านอนอีกสี่ห้าชิ้น อย่างเช่นเพรชเม็ดเบ้งหรือพวกไหทองคำแล้วก็กระบุงทองคำอะไรพวกนี้ เผื่ออีลูจะได้หาซื้อเตียงที่มันนิ่มกว่านั้นเข้าบ้านบ้าง
เป็นไงล่ะ! ข้าน่ะ คนดีขนานแท้เลยทีเดียวใช่ม้า...เอิ๊กๆๆ
ข้าเก็บของพวกนั้นลงไป ก่อนจะหยิบแผนที่ออกมากาง
วงกลมสีแดงมากมายเกือบสิบจุดกระพริบเป็นจังหวะอย่างกระจัดกระจายบนแผนที่ แต่ก็ไม่เท่าวงกลมสีน้ำเงินที่วงอยู่หลายต่อหลายร้อยที่ แถมบางวงก็มีดาวติดอยู่ด้วย
นิ้วเรียวไล่ไปตามแผนที่ก่อนจะหยุดอยู่ที่วงกลมสีแดงที่ซ้อนกับวงกลมสีน้ำเงินที่มีดาวติดอยู่
“หือ? นครจันทร์เสี้ยว! ใกล้ๆ นี่เองด้วย ท่านอาจารย์...ข้ารักท่าน!” จูบแผนที่ฟอดใหญ่ แล้วเก็บลงกระเป๋า “นครจันทร์เสี่ยวจ๋า ท่านไอซีผู้นี้กำลังจะไปหาเจ้าแล้ว...ควบเลยเจ้าโนฮีโร่! รีบไปหาความสุขกันเถอะ!”
“ว๊าว...ไหนได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ตื่นกลางคืนไงล่ะ ขนาดนี่เพิ่งจะบ่ายสี่เองนะ คนเยอะจริงๆ เลย!” ตาโตวิบวับ ถ้าไม่ติดว่าฝึกฝนมาอย่างดีคงได้มีเอฟเฟคประกอบมากกว่านี้เป็นแน่
เจ้าไม่ต้องมาหาว่าข้าเป็นเด็กๆ ที่เห็นอะไรก็ตื่นตาตื่นใจหรอก ถ้าเจ้าเห็นแบบข้า เจ้าก็คงตะลึงไม่แพ้ข้า!
ร้านรวงมากมายเปิดแน่นเต็มสองข้างทาง แต่ก็ไม่เท่ากับจำนวนผู้คนที่เดินขวักไขว่จนเต็มถนน ของที่ประดับตามเสาไฟ ตามร้านค้า หรือแม้กระทั่งตามหลังคาบ้านเรือนล้วนเป็นสีสันที่สุดแสนจะแสบตา จนน่าปวดหัว
ไม่มีคำว่าเรียบง่ายสำหรับที่นี่โดยแท้! อย่าว่าแต่แค่ของตกแต่งเลยแม้แต่ผู้คนที่เดินตามข้างทางก็แต่งตัวได้สุดยอดไม่แพ้กัน ทั้งสีสันและความแปลกตา จนน่าจะให้รางวัล ‘แปลกระดับเมพ’ เลยจริงๆ
ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองตื่นกลางคืนและเป็นที่รวมสุดยอดแห่งมหรสพนานัปการ ทุกๆ ค่ำคืนของที่นี่จะเหมือนกับเป็นโลกของเด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นสุดระทึกมากมายหรือว่าจะเป็นโชว์ที่หาดูได้ยากที่สุดก็รวมอยู่ที่นี่...เขตแดนมหรสพที่ใหญ่ที่สุดในโลก! ภายใต้เขตแดนของมนุษย์!
ข้าเหลือบมองเห็นกระดานป้ายประกาศที่มีคนยืนมุงอยู่ข้าก็เดินแวะเข้าไปดู
เป็นโปสเตอร์รายการเครื่องเล่นที่มีในคืนนี้ รวมทั้งการแสดงที่จัดขึ้นด้วย...มีทั้งชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในโลก...รถไฟเหาะตีลังกาที่มีข้อเสนอว่า ’ถ้าไม่อ้วกไม่คิดตัง’...การแข่งปามีดที่ใหญ่ที่สุด...แข่งยิงธนูใส่เป้าที่ไกลที่สุด...ละครใบ้ฮาค้าง...คณะละครสัตว์ของโจ๊กเกอร์...มายากลฆ่าตัดตอน...แข่งยิงปืน(ใหญ่)...สาวน้อยตกน้ำโหด...บ้านผีสิง(ของจริง)...บลาๆๆๆๆ
“น่าสนุกจังเลย” ข้าลงจากหลังม้า แล้วเดินไปซื้อตั๋ว (แทบจะทุกอย่าง)
ตั๋วส่วนมากจะเต็มหมดแล้ว ข้าก็เลยโวยวายยกใหญ่ พนักงานเลยบอกว่าบอกว่าจะมีบัตรยืนดูขายหน้างาน
แต่มันก็น่าหงุดหงิดนะเจ้าว่าไหม! นี่ข้าต่อแถวตอนบ่ายสี่ กว่าจะเสร็จตั้งหกโมงแน่ะ แถมได้บัตรมานิดเดียวเองด้วย ชิ!
แต่อย่างน้อยข้าก็ได้ตั๋วชิงช้าสวรรค์กับตั๋วดูละครสัตว์มาตั้งสองใบแน่ะ! วะฮ่า! แล้วเดี๋ยวข้าจะไปเล่นรถไฟเหาะที่บอกว่าไม่อวกไม่คิดตังด้วย เย่!ๆๆ
ข้าเดินจูงเจ้ามาไปผูกไว้ “ตอนข้าไปเล่นเจ้าอยู่ตรงนี้นะ เอ้านี่” ข้ายื่นเนื้อย่างก้อนใหญ่ให้มัน จากตอนแรกสีหน้าที่มันทำเป็นไม่พอใจก็หายไปทันตา...(- -*) “ข้าไปล่ะนะ” ข้าบอกลาเจ้าม้าก่อนจะเดินหายเข้าไปในฝูงคน
พอฟ้าเริ่มมืด เมืองแห่งนี้ก็ตื่นขึ้นอีกครั้ง แสงไฟหลากสีสันมากมายถูกเปิดขึ้น จนทั้งเมืองเต็มไปด้วยสีสันหลากหลาย
สมกับได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ตื่นกลางคืนจริงๆ
“ต่อไปจะเป็นการแข่งปามีดที่ใหญ่ที่สุดค่ะ! ใครสนใจที่จะลงแข่งเชิญมาที่ลานกว้างได้เลยค่ะ รางวัลในค่ำคืนนี้คือพลอยสีรัตติกาลของเจ้าหญิงเอสน่าค่ะ ค่าลงทะเบียนเพียงเหรียญทองแดงหนึ่งเหรียญเท่านั้นค่ะ” เสียงเล็กแหลมดังขึ้นจากลำโพงตามข้างทาง
“แข่งปามีดงั้นหรอ...ว๊าว! น่าสนุกจัง! พลอยสีรัตติกาล...คราวนี้หาง่ายกว่าเดิมเยอะเลย”
ในที่สุดข้าก็เจอแล้ว พลอยสีรัตติกาล หนึ่งในวัตถุดิบที่จำเป็นต่อภารกิจในครั้งนี้ของข้า ภารกิจชุบชีวิตท่านอาจารย์ครั้งที่ 4 เริ่มได้!
แข่งปามีดงั้นหรอ! โอ้ย...ชิวมากมาย
ข้าไม่ได้โม้นะ! ข้าปามีดเก่งที่สุดในหมู่บ้านเชียวนะจะบอกให้! เฮอะ!
“ในที่สุดเราก็เหลือผู้แข่งขันเพียง 4 ท่านเท่านั้นค่ะ! ท่านแรกชายหนุ่มแชมป์เก่าของเดือนที่แล้วค่ะแล้วยังเป็นผู้ทำสถิติเดิมแตกด้วยค่ะ! ด้านซ้ายสุด ซาคัล ซีเร็ท! ถัดมาคือหญิงสาวท่าทางสง่างามผมทองในชุดราตรีสีเงินยาว เมริน เชส! ต่อไปก็หนุ่มน้อยผู้น่าหลงใหลที่สุดและมีอัธยาศัยยอดเยี่ยม! เด็กหนุ่มผมทองยาวสลวย ไอซี เมอร์ริส! และท่านสุดท้าย ชายหนุ่มหน้าขาว ผมสองสี ในมือถือสำรับไพ่ ผู้ที่ผู้หญิงคนไหนเห็นก็อยากได้เป็นสามี ดาเกอร์ เมทัล!” โคศกสาวท่าทางช่างจ้อเป็นคนถือไมทำให้เสียงของหล่อนกระจายไปตามลำโพงจนดังทั่วงาน
กรี๊ด!!!
เสียงกรี๊ดตอบรับเป็นแถบๆ ตั้งแต่คำว่าหนุ่มน้อยที่น่าหลงใหลที่สุด และถึงแม้ว่าคนต่อจากข้าจะได้รับเสียงกรี๊ดเพิ่มขึ้นสองเสียง...แต่ข้าก็จะไม่ถือสาเขา เนื่องจากสองเสียงที่ว่านั่นมาจากสองแฝดสาว (?) กล้ามเป็นมัดแถมเสียงที่ทุ้มต่ำจนน่าหวั่น ด้วยประการฉะนี้
ไม่ต้องรอคนฟังหายใจ ผู้ประกาศสาวก็ฝอยต่อ “การแข่งครั้งนี้จะเป็นรอบชิงชนะเลิศเลยนะคะ! ผู้แข่งขันจะเลือกปาเป้าใดก็ได้ ถ้าปาโดนเป้าใดก็จะถือเป็นคะแนนตามนั้นค่ะ” หล่อนวาดมือไปข้างหลัง
จุดสีแดงๆ เรืองแสง มากมายที่ตั้งแต่ห่างแค่
“เริ่มจากคนทางซ้ายมือก่อนเลยนะคะ เชิญคุณซาคัลเลยค่ะ”
ฟิ้ว~ ฉึก!
“58 เมตรค่ะ!! ทำลายสถิติเก่าค่ะ สุดยอดจริงๆ! ผู้เข้าแข่งหน้าใหม่ทั้ง 3 จะล้มแชมป์เก่าได้รึเปล่าคะเนี่ย! น่าลุ้นจริงๆ! ผู้แข่งขันคนต่อไปสาวน้อยเพียงคนเดียวค่ะ! เธอจะได้เท่าไหร่กันคะเนี่ย! เชิญคุณเมรินเลยค่ะ”
ฟิ้ว~ ฉึก!
“ไม่น่าเชื่อค่ะ! สาวน้อยผู้นี้ช่างแม่นยำและกำลังดีเหลือเกิน! 52 เมตรค่ะ! ถึงแม้เธอไม่อาจเป็นที่ 1 แต่จะได้ที่เท่าไหร่คงต้องดูอีกสองหนุ่มผู้เข้าแข่งค่ะ! ต่อไปเป็นขวัญใจของพวกเราค่ะ หนุ่มน้อยน่ารักนามไอซี! มาดูกันค่ะว่าเด็กน้อยผู้น่ารักคนนี้ จะแม่นยำและกำลังดีแค่ไหน!”
ฟิ้ว~ ฉึก!
“...อะ เอ่อ” พิธีกรสาวอ้ำอึ้ง “118 เมตรค่ะ!!! ไม่น่าเชื่อมาก่อน! หนุ่มน้อยไอซีทำลายทุกสถิติค่ะ! ถือว่าหลุดโผไปเลยนะคะเนี่ย! ถ้าคุณดาเกอร์ปาไม่ถึง
ฉึก!
รอยยิ้มเหมือนได้ใจปรากฏบนใบหน้าของผู้ปามีดคนสุดท้าย ดาเกอร์ เมทัล... ผู้ที่กำลังสับไพ่ในมือเล่น ด้วยมือสองข้างที่ข้างหนึ่งเหมือนกับโครงกระดูกที่ไม่มีหนังหุ้ม อย่างสบายใจ
...ไม่ใช่มนุษย์
“ว๊าว...120 เมตร เก่งจังนะพี่ชาย” รอยยิ้มหวานเยิ้มเคลือบเต็มใบหน้า
ข้าหลังจากจบการแข่งปามีด ข้าก็เดินตามติดดาเกอร์อย่างกับหมาเดินตามเจ้าของ แต่คงไม่มีหมาที่ไหนสูงแบบข้า คงเป็นเหมือนพ่อกับลูกซะมากกว่า (ข้าสูงเพียงแค่ระดับอกของดาเกอร์ - -)
“เจ้าก็ไม่ใช่ย่อยนี่...” เขาเหลือบตามอง มือสับไพ่ไปมา เท้ายังคงสาวไปข้างหน้า
ไม่น่าออมมือเลย หลุดมือไปซะได้
“เจ้าอยากได้พลอยเม็ดนี้งั้นหรือ” ดาเกอร์เอ่ยพลางแกว่งสร้อยที่มีพลอยติดอยู่ไปมา
“ใช่ขอรับ มันจำเป็นมากเลย” ข้าตีหน้าเศร้า
“ที่จริงข้าก็ไม่ได้อยากได้...”
“หมายความว่าท่านจะให้ข้าหรือขอรับ!” ข้าตาวาว มือทั้งสองคว้าไปหมายจะจับพลอยในมือของคู่สนทนา แต่ทว่า...คว้าอากาศ
“เปล่า...ไม่ให้...” เขาชักมือหนี! เป็นเหตุให้ข้าคว้าอากาศ! เขาส่งยิ้มให้ข้าอย่างมีชัย “ของของข้า ข้าชนะเจ้า ทำไมข้าจะต้องให้เจ้าด้วย” เขาส่ายสร้อยในมือไปมา ก่อนจะแลบลิ้นใส่ข้า!
“ไอ้!...”
“มาอ้งมาไอ้อะไรกัน...เป็นเด็กพูดจาไม่สุภาพมันไม่ดีนะรู้ไหม” ดาเกอร์ลากเสียงยาว พรางส่งยิ้มยียวนใส่ข้าอย่างสะใจ!
“ไอ้บ้า! ไอ้ไม่รู้สำนึก! ไอ้ผู้ใหญ่แกล้งเด็ก! ฮึก!” ข้าสะอื้น น้ำตาเม็ดโตผุดพรายออกจากดวงตาคู่สวยก่อนจะร่วงดังแผละลงสู่พื้นโลก ส่งผลให้คนที่อยู่รอบๆ ตัวส่งสายตาไม่พอใจให้ดาเกอร์
“เฮ้ย! แค่นี้ร้องไห้เลยหรอ!” ดาเกอร์หยุดเดินแล้วหันมามองข้าที่หยุดเดินไปก่อนแล้ว “เปล่านะครับ! ผมยังไม่ได้ทำอะไรเขาเลย!” เขาโบกมือพัลวัน แก้ตัวกับชาวบ้านที่ผ่านไปมา พยายามปฏิเสธสายตาด่าทอที่ส่งมาให้ตลอดเวลา “หยุดร้องไห้ได้แล้วเจ้าเด็กสตอเบอร์รี่! เจ้าจะแกล้งข้าใช่มั้ย!”
ข้ายิ้มบางๆ ที่มีแต่ดาเกอร์เท่านั้นที่เห็นได้ในมุมที่ข้าก้มหน้าอยู่แบบนี้ “ฮือ...”
“เหมือนกันไม่มีผิด!” ดาเกอร์สบถพึมพำ
“ท่านพ่อท่านว่าข้าเหมือนใครกัน...ฮึกๆ” ยังไงๆ ข้ากับดาเกอร์ก็เหมือนกับพ่อลูกมากกว่าจะเป็นเพื่อนอยู่แล้ว...เสริมนิดหน่อยใครจะว่าปะไร
“ใครเป็นพ่อเจ้ากัน!” ผู้ถูกกล่าวหาโวย
“แค่ข้าอยากได้ของเล่น...ท่านจะตัดพ่อตัดลูกกับข้าเลยหรือ ท่านพ่อ...ฮือ”
โอ๊ะโอ! ข้าได้ยินเสียงแว่วๆ จากคนที่เดินผ่านไปผ่านมาประมาณว่า ‘คนอะไรใจร้ายจริง ลูกของตัวเองแท้ๆ’ หรือไม่ก็ ‘ว้า เสียดายจัง รูปหล่อขนาดนั้นดันมีลูกแล้วซะได้’ วะฮ่า! สะใจ!
“เจ้า!...” ดาเกอร์ขู่เสียงต่ำ
“เฮอๆๆ...” !?
“ท่านหัวเราะแปลกจังเลย” ข้าเงยหน้าขึ้นทั้งน้ำตา
“ข้าไม่ได้หัวเราะซะหน่อย” ดาเกอร์พูดงงๆ หันซ้ายหันขวาเพื่อหมายจะหาเสียงหัวเราะปริศนา
“ถ้าไม่ใช่เจ้า...แล้วใครกัน” ข้าลุกพรวด เช็ดน้ำตา ก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ จนเจอร่างเล็กคุ้นตา...อยู่บนกิ่งไม้
ร่างนั้นแย้มรอยยิ้ม “บังเอิญจังเลย...”
“เวลเดย์!!” ข้าร้องเสียงหลงอย่างรับไม่ได้
ข้าต้องเจอเขาอีกแล้ว อ๊ากกก!
“โลกนี้ไม่มีพื้นที่สำหรับคำว่าบังเอิญ...” ดาเกอร์พึมพำ
“เจอกันอีกแล้วนะ...นัก โอ๊ะ...ไอซี” เวลเดย์เปลี่ยนสรรพนามของไอซี เมื่อเห็นว่าตอนนี้ตนอยู่ท่ามกลางหมู่คน “สวัสดีเจ้าด้วย ดาเกอร์” เขาหันไปมองดาร์เกอร์แล้วยิ้มให้
“พวกเจ้ารู้จักกัน?” ข้าหันไปมองเวลเดย์กับดาเกอร์สลับกันคนละที
“ไม่นี่...ข้าไม่รู้จักเขา เขาชื่อดาเกอร์จริงๆ หรอ” เวลเดย์ถามด้วยสีหน้าประหลาดใจอย่างที่สุด
เวรกรรม...
“อะ...เอ่อ สวัสดี ข้าดาเกอร์” ดาเกอร์ยิ้มแหย พลางโบกมือเป็นเชิงทักทาย
“เจ้าเป็นพ่อที่ใจร้ายจังเลยนะ” เด็กชายบนกิ่งไม้หยอก
“ข้าไม่ใช่...ซะหน่อย” เขาตอบเสียงแผ่ว
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่อีกล่ะ เวลเดย์” ข้าถามขึ้นบ้าง
”ข้าเห็นเจ้าแกล้งไอซี...”
เวลเดย์ไม่สนใจข้า!
เขาพูดเสียงเย็นไม่มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเหมือนเคย “อย่าให้ข้าเห็นเจ้าทำแบบนั้นอีก...เพราะมัน” เขาเอามือปิดปากน้ำเสียงเปลี่ยนจากเย็นเป็นสั่นเพราะขำ “น่ารักมากเลย! ฮ่าๆๆ!!”
หา! เจ้านี่มัน...โรคจิตรึเปล่าเนี่ย เห็นข้าเหวอก็บอกน่ารัก เห็นข้าโดนแกล้งก็บอกน่ารัก เห็นข้าร้องไห้ก็บอกน่ารัก บ้า! บ้ากันไปใหญ่แล้ว!!
ตุบ!
ระหว่างที่ข้ากำลังคิดเพลินๆ เหมือนกับภาพในอดีตจะย้อนกลับมาอีกครั้งเมื่อเวลเดย์ขำจนร่วงลงมาจากฐานที่มั่นของตัวเอง แต่ที่แปลกคือ เจ้าหน้าวอกดาเกอร์กลับวิ่งไปรับก่อนที่ร่างเล็กนั่นจะตกถึงพื้น
“ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม” คนวิ่งไปรับกล่าวพลางวางผู้ประสบภัยลงกับพื้น ด้วยสีหน้าเป็นกังวล?
“อืม...ไม่เป็นอะไรหรอก ฮ่าๆ ไอซีเจ้าทำหน้าเหวออีกแล้ว...ที่จริง ข้ามาที่นี่ก็แค่จะมาเสนอข้อเสนอให้เจ้าก็เท่านั้น ดาเกอร์” เด็กชายกล่าวทีเล่นทีจริง
“ข้อเสนอ?” ผู้ถูกยื่นข้อเสนอให้ทวนคำ พรางเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
“ข้อเสนอเกี่ยวกับพลอยเม็ดนั้น” เด็กชายชี้ไปที่สร้อยรางวัลจากการปามีด “ในเมื่อเจ้าไม่ได้ต้องการมันขนาดไอซี...ข้ารู้มาว่าตอนนี้นักแสดงในทีมของเจ้ากำลังขาด เจ้าอาจให้ไอซีไปทำงานเพื่อแลกกับพลอยนั่น”
“ก็ได้...ในเมื่อท่านพูดอย่างนั้น ข้าก็ยินดี แต่ ‘เจ้านี่’ ท่านแน่ใจหรือว่าเขาจะไม่ทำให้คณะละครสัตว์ของข้าต้องเสียชื่อเสียงเพราะไปยืนนิ่งๆ ทำอะไรไม่เป็นเลย” ดาเกอร์ชี้มาที่ ‘เจ้านี่’ ที่กำลังนั่งฟังบทสนทนาอย่างตั้งใจ
“ข้าว่าเขาทำได้นะ อย่างน้อยก็น่าจะให้เขาปามีดก็ได้” เด็กชายยกมือทั้งสองขึ้นกอดอก
“ไม่ได้หรอก!” ดาร์เกอร์ค้อนใส่ข้าวงใหญ่
“ไหงงั้น...” ข้าร้องเสียงหลง ด้วยความงง ในเมื่อข้าไม่ได้เป็นคนเรียกร้องอะไรเลยแต่ทำไมเจ้านั่นมองอย่างกับข้าไปฉกลูกชิ้นในชามก๋วยเตี๋ยวของเขาซะอย่างนั้น
“นั่นหน้าที่ข้า! ข้าไม่ให้เจ้าเด็กสตอเบอร์รี่นี่หรอก!...แต่ถ้าให้เป็นเป้าล่ะก็ได้” ปรายประโยคถูกกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูคล้ายคลึงกับพวกฆาตกรโรคจิตที่กำลังจะลงมือกับเหยื่อ
“ตกลง คืนนี้ไอซีจะเป็นเป้าของเจ้า” เวลเดย์รับคำ ท่าทางเหมือนคนได้รางวัลชิ้นโตจากการชิงโชค
เฮือก!
คนที่อยู่ในข้อตกลงคือข้าไม่ใช่หรือนั่น! แถมดูแววตาของเจ้านั่นสิ! มันต้องปามีดมาเจาะกบาลข้าแน่ๆ!
ตอนนี้ข้าเปลี่ยนชุดเป็นชุดที่ดูแปลกตา...และลายตาด้วย ในเมื่อมันสีแสบตาไปหมด แต่ข้าก็ยังดูดีนะ! ถ้าได้แว่นเรแบนอีกสักอัน...ข้าจะโคตรมหาเท่เลย!
มีทั้งเสื้อแปลกๆ ถุงน่องสีๆ กางเกงขาสั้นที่ไม่รู้จะสั้นไปไหน กับรองเท้ามีส้นที่มียาวเกินความจำเป็น...
ที่จริง ตอนแรกเจ้าดาเกอร์นั่น จะจับข้าแต่งหน้า แต่พอข้าปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่า ข้าแพ้เครื่องสำอาง...เจ้านั่นก็เลยเดินวนไปวนมา ก่อนจะเอาหน้ากากแปลกๆ อันหนึ่งให้ข้า ข้าก็เลยอดใส่แว่นเท่ๆ ซะได้
“โอ้...ไอซี ชุดนั่นเหมาะกับเจ้าดีนะ” เจ้าผู้จัดการส่วนตัวของข้าทัก
ผู้จัดการส่วนตัวของข้าคือใครน่ะหรือ...ไม่เห็นต้องถามเลย ใครกันล่ะที่จัดหางานจนข้ากลายมาเป็นเป้านิ่งให้เจ้ามือกระดูกนั่น เฉาะเล่น!
“ขอบใจ...แต่คำชมของเจ้าข้าไม่คิดจะปลื้มแล้วล่ะ” ข้าเอ่ยอย่างหน่ายๆ ปนหวาดผวา (ว่าเวลเดย์จะชอบเขาแบบลึกๆ/บุคคลนิรนาม...)
หุบปากไปเลย!
“แล้วมาแซลล่ะว่ายังไง...ไอซีดูเป็นยังไงในสายตาของเจ้า” เวลเดย์เกาคอของมาแซลเล่น
“ก็ดีนะ...น่ากินชะมัด” เสียงแหลมเล็กดังขึ้น
เสียงแหลมเล็ก!?
ข้ามองไปรอบๆ \
“โง่จัง...ข้าอยู่นี่” เสียงแหลมเล็กร้องเรียก
“แมว? แมวของเจ้าพูดได้!” ข้าตาโต ทันทีที่เห็นเจ้าแมวบนไหล่ของคู่สนทนากำลังแสยะยิ้มให้ข้า ดวงตาสีอำพันของมันเป็นประกาย พอข้าพูดออกไปมันก็โดดลงจากไหล่ของเวลเดย์มายืนอยู่บนโต๊ะน้ำชาตรงหน้า
จะไม่ให้ข้าตกใจได้ยังไง! ข้าไม่เคยเห็นสัตว์ที่ร่างกายเป็นสัตว์เดียรัชฉานพูดได้! มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งในตำนาน...อย่าว่าแต่ตำนานของมนุษย์แต่แม้กระทั่งตำนานของพวกเราก็ด้วยซ้ำ!
“เสียมารยาท! ข้าไม่ใช่แมวนะ! ข้าเป็นถึง...!!” มาแซลโวยวาย สีหน้าโกรธเกรี้ยว แต่เสียงของมันก็เงียบหายไปเมื่อเวลเดย์จุ๊ปากห้าม
“มาแซล...เด็กดีของข้า เจ้าไม่ควรโมโหนะ ไม่อย่างนั้นเจ้าอาจต้องโดนลงโทษก็ได้...ไว้จบการทดสอบแรกก็ยังไม่สาย จริงมั้ย แมวน้อยของข้า...” เวลเดย์กล่าวด้วยท่วงทำนองนุ่มนวล...แต่ชวนขนลุก คำพูดที่เหมือนไม่ยี่หระ แต่มาแซลกลับปิดปากเงียบตัวสั่นงก
“ขอรับ...ข้าจะไมดื้อไม่ซน นายท่าน” มาเซลกล่าวเสียงเบาก่อนจะโดดขึ้นไปบนไหล่ของเวลเดย์อีกครั้ง...แววตาของมันช่างหวาดกลัว
“เอ่อ...แมวของเจ้าเป็นอะไรไปเวลเดย์” ข้าถามทำให้เวลเดย์หัวเราะเสียงดัง
“มาแซลไม่ได้เป็นอะไรหรอก เจ้าใจดีจังนะ แต่อย่าเป็นห่วงไปเลย...จริงไหม มาแซล”
“ขอรับ...ตามที่นายท่านกล่าว” มาแซลตอบเสียงสั่น
“เวลเดย์...ดาเกอร์ไม่ใช่มนุษย์ใช่ไหม” ข้าถามเสียงสั่นตามเจ้าแมวนั่นอย่างอดไม่ได้ เพราะถ้าเขาเป็นมนุษย์มีโอกาสสูงมากที่เขาจะพลาดเป้า
“เสียใจด้วย เขาเป็นมนุษย์ธรรมดา...ไอซี” เวลเดย์ยิ้ม
แล้วอยู่ดีๆ ดาเกอร์ก็วิ่งเข้ามาในเต้นเตรียมตัวด้วยท่าที...ร่าเริง?
“มาเร็วเจ้าเป้า! ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องพรุนแล้ว! วะฮ่าๆๆ!!”
นั่นมันเสียงหัวเราะแสนสะใจของข้านะ! เอาคืนมา อุแง๊!!!
“ว๊ากกก!! อย่าลากข้าๆ ข้าเจ็บนะ! โอ้ย! อย่าจับขาแล้วลาก! จับแขนไปดีกว่า! เดี๋ยวหน้าข้าเป็นแผล!!”
“หนังหน้าเจ้าหนาจะตาย! เชื่อข้าสิ...ต่อให้ข้าเอาสปาต้ามาฟันหน้าเจ้า ผิวหน้าของเจ้าก็ไม่มีแม้แต่รอยแมวข่วน!”
อืม...เข้าท่า
แต่ เอ๊ะ! คิดไปคิดมา...เจ้ากล้าว่าข้าหน้าด้านเราะ! ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ! เจ้ามือกระดูกหน้าหม้อหัวหงอก!
มือเย็นเฉียบ ตัวสั่นงก ขาสั่นพับๆ น้ำตาคลอเบ้า สะอื้นฮักๆ
แต่ก็ไม่มีใครสนใจข้า...
มันแน่อยู่แล้ว ในเมื่อพวกเขา...ไม่ (สังเกต) เห็น
แขนขาของข้าถูกตรึงกับป้ายวงกลมอันใหญ่ที่หมุนไปมาได้เพื่อเป็น...เป้า เพราะอย่างนั้นไม่ว่าตัวข้าจะสั่นขนาดไหนก็ไม่มีใครรู้ พอข้าจะงัดน้ำตาขึ้นมาใช้หน้ากากที่ใส่ก็ทำให้เคล็ดวิชาของข้าไม่เป็นผล! แถมเสียงเฮของท่านผู้ชมทั้งหลายก็กลบเสียงสะอื้นสุดแสนจะน่าสงสารของข้าเสียจนมิดอีกด้วย...
ข้ายังไม่อยากตาย! ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย!~
“ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย...การแสดงในค่ำคืนนี้ถือว่าเป็นพิเศษ เพราะข้าได้แขกรับเชิญพิเศษมาเป็นเป้าในการปามีดครั้งนี้ด้วย” ชายหนุ่มดวงตาสีรัตติกาลผมสองสี กล่าวเปิดการแสดงซึ่งเขาไม่ใช่คนอื่นคนไกล...ดาเกอร์ เมทัล คือเจ้าของเสียงพูดนั้น “เด็กหนุ่มใจกล้าผู้นี้จะรอดน้ำมือของผมไปได้หรือไม่...เรามาดูกัน!” พอจบคำเสียงของผู้ชมก็เฮลั่น
มนุษย์ชอบดูการเชือดสดหรือนี่...ไม่อ๊าว~ไม่เอา ข้ายังไม่อยากโดนเชือดตั้งแต่ยังอยู่ในวัยน่ารักน่าชังแบบนี้!
ข้าส่งสายตาอ้อนวอนให้เวลเดย์ที่นั่งอยู่ท่ามกลางผู้ชม...ตรงที่เขานั่ง เดิมน่าจะเป็นที่ ที่ข้าได้นั่งอย่างสบายใจ ไม่ใช่หรือนั่น! ตั๋วข้า... เงินข้า... ฮือ...
เวลเดย์ยิ้มรับ แต่ก็แค่ยิ้มรับเท่านั้น
ช่วยข้าหน่อยไม่ได้หรือไงกัน!
ตอนนี้ดาเกอร์ยืนประจำที่ของเขาเรียบร้อยแล้ว
เขาขยิบตาให้ข้า ก่อนจะหยิบ...
ไม่นะไม่! ข้าจะต้องตายตั้งแต่ยังเด็กยังเล็กหรือนี่ ไม่น้า~!!!
...ไพ่ เอ๋? เขาหยิบไพ่ขึ้นมา...
ดาเกอร์หยิบไพ่ขึ้นมาสับไปมาพลางกล่าว “ข้าบอกแล้วว่าพอดีวันนี้ค่อนข้างออกจะพิเศษสักนิด...ข้าจะลองใช้ของที่เบากว่ามีดที่รักของข้าดู แต่เรื่องความคม พวกท่านไม่ต้องห่วงอย่างแน่นอน” ดาเกอร์อวดสรรพคุณของไพ่เสร็จก็ลองสาธิตวิธีการใช้ ซึ่งทำให้เสียงเฮ...ดังขึ้นกว่าเดิม
เขานำไพมาบิดไปมาเพื่อโชว์ว่าไพ่นี่เป็นเพียงกระดาษบางๆ ธรรมดา แล้วชี้ไปที่กระป๋องน้ำอัดลมที่ตั้งอยู่ข้างๆ ข้า...เพียงเขาสะบัดมือเบาๆ ไพ่นั่นก็พุ่งทะยานสู่กระป๋องอัดลมนั่น...จนขาดเป็นสองท่อนในทันทีที่สัมผัสกับตัวกระป๋อง
ข้ากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เมื่อมองชตากรรมของขวดน้ำข้างๆ ตัว ก่อนจะพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“เวลเดย์ เขาเป็นมนุษย์ก็จริง...แต่คำว่า ‘ธรรมดา’ คงไม่เหมาะกับเขาเท่าไหร่นะ” ข้ามองบุรุษหนุ่มเบื้องหน้า
เขาส่งยิ้มให้ข้า...ข้าอยากจะพูดว่าอบอุ่นอยู่หรอก แต่พูดไม่ได้จริงๆ ในเมื่อรอยยิ้มของเขามันช่างน่าสยองยิ่งกว่าอะไรดี
“ฟากชีวิตไว้กับไพ่ได้เลย...เจ้าเด็กสตอเอ๋ย” ข้าอ่านปากของเขาจนได้เป็นประโยคที่แสนจะหวังดีนี้มา
เขาบิดไพ่ในมือก่อนจะสะบัดมือส่งผลให้ไพ่ตรงดิ่งมาหาข้า!
“ว๊ากกกกก!”
ฉึก!
“โอ้ย! ข้าตายแล้วๆ ข้าตายซะแล้ว! ท่านอาจารย์! ข้าคงทำภารกิจต่อไม่สำเร็จแล้ว ขะ...ข้า เอ่อ...ไม่ตาย แฮะ” ข้าลืมตาก่อนจะมองซ้ายมองขวาก่อนจะพบไพ่อยู่ระหว่างร่องนิ้วชี้กับนิ้วกลางมือขวาของข้า
อ๋อย...นึกว่าจะไปเจอพวกคนที่หมู่บ้านซะแล้ว เฮอ...รอดไปที
หรือว่าไม่กันนะ...
มาอีกแล้ว! ว๊าก!!! ตรงมาที่คอ! ไม่เอาๆๆ!
ฉึก!
อ๊ากกก! เฉียดใบหูของข้าไปแค่มิลเดียวเท่านั้น...เฮอ
“คราวนี้ล่ะ จุดสำคัญ!” ดาเกอร์พูดทำให้คนดูที่ปกติจะเฮตอนที่ผ่านพ้นนาทีชีวิตของข้าแล้ว แต่ตอนนี้กลับเฮดังกว่าเก่าพร้อมกับเสียงเชีย
เอาเลยๆๆๆ!!!
“อ๊าก! อย่าไปเชื่อเจ้านั่น! ว๊าก!! มาแล้ว! ไม่! ไอซีน้อยของข้า! ไม่เอา! อย่าพรากไอซีน้อยไปจากข้า! ว๊ากกกก!!”
................................................................................................................................................
นี่น่าจะถือเป็นแค่การแก้แค้นเล็กๆ น้อยๆ ของดาเกอร์...แต่รู้สึกว่าไอซีจะคงเสียวไม่ใช่เล่นนะครับเนี่ย ถูกจับตรึงแล้วก็เอาไพ่ปาเฉียดไปเฉียดมาซะขนาดนั้น (= =’’) ผมว่าน่าเห็นใจเล็กๆ (ล่ะมั้ง) นะ แล้วไอ้ ฉึก สุดท้ายนี่ไอซีน้อยจะยังคงได้ลืมตาดูโลกต่อหรือไม่...โปรดติดตามตอนต่อไป 555+
(ช่วงแนะนำไร้ประโยชน์) คราวนี้ผมปิดตายห้องเรียนร้อยแล้ว...ไอซีจะได้ไม่รู้ว่าเรานินทาอะไรเขาบ้าง เฮอๆ
ชื่อ: ไอซี เมอร์ริส
ประวัติ: อาศัยอยู่กับอาจารย์ตั้งแต่เด็ก...ก็เลยเกิดมาไม่ค่อยเป็นผู้เป็นคนนัก ไอซีจึงไม่ใช่คนของหุบเขาต้นสนโดยกำเนิด แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าเขามาจากไหน เพราะพอถามทีไรเขาจะนิ่งเงียบไปเหมือนโดนรีเซ็ทเครื่องใหม่แล้วก็จะลืมคำถามทันที...เป็นคนกินจุกจิก และเรื่องมากเรื่องกินเพราะเขาแพ้อะไรได้ง่าย อย่างเช่น นม ของหมักดองและเขาบอกว่าตัวเองแพ้เครื่องสำอางด้วย...ซึ่งเรื่องเครื่องสำอางข้าว่าเขาโม้มากกว่านะ หน้าอย่างเขาไม่มีทางแพ้เครื่องสำอางหรอกผมว่า...
อายุ: 14 (?)
ลักษณะ: เด็กชายหน้าหวานผมสีทองสว่างยาวเกือบถึงแอวกับดวงตาสีเขียวมรกตที่ดูสดใสตลอดเวลา บุคลิกร่าเริงแจ่มใส ชอบทำตัวเป็นเด็กน่าสงสาร บีบน้ำตา ถ้ารู้จักเผินๆ จะเหมือนคนชอบเสแสร้งแต่ถ้ารู่จักเขาจริงๆก็จะรู้ว่าเขา...มารยาสาไถ (- -) เจ้าเล่ห์เป็นที่สุดและหลงตัวเองแบบขั้นเทพสุดๆ ด้วย...
ส่วนสูง: 154 cm.
ความชอบ: คำชมทุกชนิด(ยกเว้นของเวลเดย์ที่ทำให้รู้สึกขนลุกมากกว่าดีใจ) น้ำหอม อาหารและขนมไขมันสูงทุกชนิด*
ไม่ชอบ: ดาเกอร์ (สามารถระบุตัวตนได้ทันที - -*) นม ของหมักดอง อาหารและขนมที่ทำให้อ้วนทุกชนิด*
ความพิเศษ: หน้าด้านจนสปาต้าฟันไม่เข้า...(ดาเกอร์บอกมา -3)
เพิ่มเติม: ผมแอบยืมตังเขาไปยังไม่ได้คืน...อย่าไปบอกเขาล่ะ (^”^)Y ฮ่าๆ
ชื่อ: ดาเกอร์ เมทัล
ประวัติ: เป็นมนุษย์(ที่ไม่)ธรรมดา ทำงานอยู่ที่คณะละครสัตว์ในนครจันทร์เสี้ยว จบข่าว...
อายุ: 25 ปี
ลักษณะ: สุภาพบุรุษ(สำหรับคนที่ไม่ใช่ไอซี)ผมสีดำแซมขาว ดวงตาสีดำ แขนขวาของเขามีลักษณะเป็นเหมือนโครงกระดูกซึ่งอันที่จริงนั่นเป็นแขนเทียม...เป็นคนค่อนข้างมีเสน่ห์ สาวกรี๊ด(ชายก็กรี๊ด)
ส่วนสูง: 187
ความชอบ: ทรมานไอซีทุกวิถีทาง ทำเรื่องสนุกๆ การเดินทาง การทำให้คนอื่นสนุกสนาน และเสียงกรี๊ดของสาวๆ
ความพิเศษ: สามารถสั่งสอนไอซีได้ และสามารถทำให้ไอซีร้องขอจากใจจริงได้(ถึงแม้ว่าไอซีจะไม่ปฏิบัติ แต่กลัวจริง) ทำให้ไอซีสลบเหมือนเนื่องจากความดันขึ้นสูงเพราะความตื่นเต้น...
เพิ่มเติม: เขาชอบมีปัญหากับไอซีบ่อยๆ ให้ความนับถือเวลเดย์เป็นพิเศษ และกลัวเอลซ่าแบบสุดขั้ว!
ขอบคุณภาพจากท่าน ANWA ครับ อุวะฮ่ะฮ่าๆๆ!
ความคิดเห็น