คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 1 INNOCENT (การพบกันครั้งแรก) {{ Rewrite}}
Chapter 1 INNOCENT (การพบกันครั้งแรก)
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ 2009
วันนี้ฉันเจอเรื่องน่าดีใจตั้งสองเรื่อง ข้อแรกฉันดีใจที่แม่กลับมาบ้าน ข้อสอง
ฉันหาที่ทำงานพิเศษช่วงปิดเทอมกับยูริได้แล้ว ทว่าการกลับมาในครั้งนี้ทำเอา
ฉันรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ แม่จ๋า แม่เป็นอะไรไป ” ฉันเปิดประตูเดินตรงไปที่เตียงคนไข้ พอแม่เห็นว่า
ฉันมา แม่ค่อยๆยิ้มน้อยแล้วขยับลุกมานั่งบนเตียง
“ ไม่ได้เจอกันนาน ลูกของแม่โตเป็นสาวขึ้นมากเลย ”
“ หนูก็ดีใจที่ได้เจอแม่ แต่มาคราวนี้หนูกลับพูดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ ” ร่างกาย
ของแม่ซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ฉันไม่ได้เจอแม่มานานมากแล้ว กลัวเหลือเกิน
ว่าสักวันถ้าฉันต้องสูญเสียคนสำคัญไป ตอนนั้นฉันจะทำใจยอมรับกับความเจ็บ
ปวดเอาไว้ได้แน่หรือ
“ คีซุนแม่แกน่ะ..ป่วยเป็นมะเร็ง “
“วะว่าไงนะ มะเร็งเหรอ ” พ่อหน้าตาเคร่งเครียด พูดอะไรพึมพำขณะเขียน
อะไรบางอย่างลงในแฟ้มสีขาว ให้ตาย ฉันไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เอาซะเลย
“ มะเร็งนะจะรักษาหายได้จริงงั้นเหรอ ”
“ คีซุนแกอย่ากังวลไปหน่อยเลยน่า แม่จะอยู่กับพวกเราตลอดไป เข้าใจมั้ย ” พี่
ยกฝ่ามือตีหัวไหล่ก่อนจะหันไปมองหน้าแม่บนเตียงคนไข้ หลังจากเห็นว่าพ่อตรวจ
อาการของแม่ให้เสร็จเรียบร้อย พ่อก็เดินเปิดประตูออกไปจากห้องโดยไม่กลับเข้ามา
อีก จะเหลือแค่ฉันและก็พี่ที่นั่งกันอยู่คนละฝั่ง
“ แม่จ๋า แม่จะกลับไปทำงานที่นั้นอีกรึเปล่า ”
“ แม่ว่า แม่จะกลับมาอยู่ที่บ้านเราแล้วล่ะ ”
“ อ้าว . ไหนแม่บอกจะอยู่ดูแลลูกชายเขา ไม่ใช่เหรอ ” พี่ชายเอ่ย วางแตงโม
ลงทั้งๆที่ยังกินไม่หมด
“ จะให้แม่ไปอยู่กินเงินเดือนเขาฟรีๆ โดยที่ไม่อยู่ดูแลลูกชายเขา แม่ทำไม่ได้หรอก
คีซุน แม่อยากให้ลูกไปทำงานที่นั่นนะ ”
“ อะไรนะคะ!! แล้ว .ทำไมต้องเป็นหนูด้วย ทางนั้นเขาก็น่าจะหาคนมาทำงานแทน
แม่ได้แล้วไม่ใช่รึไง”
“ไม่หรอก..แม่รู้จักลูกชายเขาดี แต่แม่อยากให้หนูไปนะ คุณหนูน่ะเขาน่าสงสารมาก แม่
เชื่อว่าลูกสาวของแม่จะสามารถมอบมิตรภาพที่ดีให้แก่คนอื่นได้ แม่อยากให้ลูกช่วยไป
ดูแลเขาแทนแม่จะได้รึเปล่า ”
“แม่คะแต่หนูไม่ ” แม่มองฉันอย่างคาดหวัง ในใจฉันไม่อยากให้แม่คาดหวังอะไรใน
ตัวฉันมาก เพราะฉันมักจะทำอะไรผิดพลาดเสมอและการที่ต้องมาดูแลใครสักคน
ฉันทำไม่ได้และก็ไม่คิดที่จะทำด้วย และในวันนั้นฉันก็ได้ตัดสินใจออกไปว่าจะไป
ทำงานที่นั่น โดยที่ยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า
“ เธอจะไปจริงๆงั้นเหรอ ”
“ พอดีว่าแม่ฉันเป็นมะเร็งน่ะสิ ฉันถึงต้องไป ” ยูรินั่งซักผ้าอยู่หลังบ้าน และพี่อนยูที่
กำลังซ้อมเครื่องซักผ้าอันเก่าให้ ทั้งสองต่างเงยหน้ามอง เมื่อฉันมาบอกลาพวกเขา
“ ถ้าเธอไปแล้ว พวกเราคงคิดถึงเธอมาก ” พี่อนยูเอ่ยทั้งๆที่สายตาของเขาจดจ่ออยู่กับ
เครื่องซักผ้าอันเก่านั่น ฉันรู้สึกเจ็บแปลบๆที่พี่เขาใช้คำว่าพวกเรามากกว่าจะเป็นเรา
สองคน พอนึกถึงช่วงเวลาที่เราเคยอยู่ด้วยกัน น้ำตาของฉันมันพาลจะไหลออกมาทุกที
“ ไปแล้วก็อย่าลืมมาเยี่ยมพวกเราบ้างนะ ” ยูริว่าขณะที่เธอบิดผ้าใส่ตะกร้าก่อนนำไปตาก
ไว้บนราวสูง ฉันตั้งใจจะมาหายัยควอนยูริ แต่ใครจะไปคิดกันล่ะ พี่อนยู แฟนเก่าที่ฉัน
คบหากันมา 3 ปี จะมาซ้อมเครื่องซักผ้าที่บ้านยัยควอนยูริวันนี้ ยูริเดินมาส่งฉันหลังจาก
ซักผ้าเสร็จ เราสามคนคุยกันไปตลอดทางที่เดินออกมาจากบ้านของเธอ จู่ๆพี่อนยูค่อยๆ
จูงจักรยานของเขามาตรงหน้าฉัน
“ ขึ้นมานั่งสิคีซุน วันนี้พี่จะขับไปส่งเธอที่บ้านนะ ”
“ จะดีเหรอ ”
“ นี่ บอกให้ขึ้นมานั่ง!!เร็วเข้าเถอะน่า ” พี่อนยูพูดรบเร้าให้ฉันขึ้นไปนั่ง ฉันรีบๆ
เดินก้าวยาวๆหนีเขา เพราะฉันกลัวว่าถ้าใครเห็นเข้าพวกเขาจะไปฟ้องพี่ และ
ทันทีที่พวกเขาบอก พี่ก็ต้องเล่นงานฉันที่ตัดใจจากเขาไม่ขาดสักที
“ ไม่เอาเราไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว ฉันไม่ให้พี่ปั่นจักรยานไปส่งฉันที่บ้านหรอก
มีหวังพี่ชายฉันคงได้ด่าฉันตายแน่ๆ ”
“ ไอ้เจ้าคิมคีย์บอมมันคงไม่ว่าอะไรหรอก ถ้าเธอไม่บอกเขา” พี่อนยูยิ้ม ดวงตา
รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวฉายแววเด่นชัดบนใบหน้า ความจริงฉันน่าจะตัดใจจาก
เขาไปเสียตั้งนานแล้ว แต่ทำไมฉันถึงได้รอให้เขากลับมาหาฉันทั้งที่เขาไม่ได้รักฉัน
แล้วเย็นวันนั้นฉันยอมให้พี่อนยูมาส่งฉันหน้าบ้าน
พี่ซึ่งกลับมาบ้านก่อนหน้าเอาแต่ถามฉันไม่ยอมหยุด แต่ฉันก็ไม่ได้บอกพี่ว่า
ฉันไปไหนเหมือนกัน อย่างไรเสียพี่ก็ต้องคิดว่าฉันไปหายัยควอนยูริที่พี่ฉันแอบ
ชอบเธออยู่
“ คีซุน!!!นี่เธอยังไม่นอนอีกเหรอ ”
“ ฉันก็แค่นอนไม่หลับน่ะพี่ ”
“ แล้วเรื่องเบอร์ที่ให้ไปขอได้หรือยัง ”
“ อะไรกันเนี่ยมาถึงก็ถามเลยนะ น้องสาวของพี่กำลังตกที่นั่งลำบาก ไม่เห็นใจกัน
บ้างเลยรึไง” ฉันว่าพลางโยนหมอนปาใส่หน้าพี่ ขณะที่พี่กำลังเล่นเกมในคอมฯ
ปากก็พูดกวนประสาทฉัน
“ ฉันล้อเล่นน่ะ ไม่รู้ว่าแม่เขาคิดอะไรถึงให้แกปลอมตัวเป็นฉันไปได้ ”
“ ฉันไม่รู้..”
“ แต่แกก็อย่าทำให้เขาจับได้นะ หน้าแกก็หน้าเหมือนฉัน ส่วนสูงนี่คงไม่ต้องพูดถึง
ไงซะแกก็เหมือนกับเด็กผู้ชายอยู่วันยังค่ำนั้นแหละน่า ”
“ ฉันทำได้อยู่หรอกแต่ไม่รู้ว่าจะทำได้ดีหรือเปล่านั่นสิ คนอย่างฉันยิ่งซุ่มซามอยู่ด้วย ”
“ รีบเข้านอนซะและก็ปิดไฟด้วย พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าล่ะฉันจะพาแกไปตัดผม”
“ ต้อง .ตัดผมด้วยเหรอ ไม่เอาฉันไม่อยากตัด !!!”
“ แกจะให้ฉันไป ทั้งๆที่ฉันทำงานบ้านก็ไม่ค่อยจะเป็นเนี่ยนะ หึ! ฉันคงได้โดนหัวเราะ
เยาะตาย ”
“ อุตสาห์ได้ไว้ผมยาวๆกับเขาบ้าง เรื่องอะไรฉันจะยอมให้เขาทักฉันเป็นพี่ไปได้ล่ะ ”
ฉันมองพี่ที่หันหลังกลับไปเล่นเกมต่อ ด้วยสายตาตัดพ้อ พรุ่งนี้แล้วสิ T_T
รถไฟกำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงของเกาหลี ฉันเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง
นึกไว้อาลัยให้กับผมยาวสลวยที่ฉันไว้มาตั้งแต่ ม.ต้น ถูกซอยสั้นเป็นพี่ไปในที่สุด
ขณะที่เด็กอนุบาลเกาะกุมเดินเข้ามายังตู้สุดท้าย
ฉันอดยิ้มไม่ได้กับความน่ารักของเด็กตัวน้อยๆที่ทำให้ฉันอยากย้อนกลับไปยังช่วง
เวลานั้นมากที่สุด ฉันกับพี่เราสองคนหน้าตาคล้ายกันมาก คนข้างบ้านมักจำฉัน
กับพี่แบบผิดๆถูกๆ
“ อับกูจง ซอย 4 บ้านเลขที่ 14/26 ก็ถูกนี่ ”
ฉันก้มมองกระดาษสี่เหลี่ยมเล็กๆสลับกับป้ายที่เขียนตัวอักษรเอาไว้บนนั้นซ้ำ หลังจาก
นั่งรถมาถึงที่นี่ราวๆห้า ชั่วโมงจนตอนนี้ก็เวลาประมาณ 1 ทุ่ม ฉันทึ่งในความใหญ่
ของบ้านแต่ละหลัง ตรอกซอกซอยเบื้องหน้าคลาคล่ำไปด้วยบ้านหลังใหญ่
“ต้องใช้ที่นี้แน่ๆ ”
กำแพงบ้านทำจากอิฐแดงสูงเลยเหนือศรีษะ เดินถัดมาอีกหน่อยประตูลูกกรงขนาด
ใหญ่ซึ่งมองเห็นตัวอาคารทางด้านนอกอย่างเห็นได้ชัด ต้นไม้ใหญ่ปลูกล้อมรอบบ้าน
ทางเข้าเต็มไปด้วยเสาไฟเล็กๆซึ่งตั้งอยู่ริมสวนสองฝั่งดูสวยงามกว่าบ้านหลังอื่น
“ มีใครอยู่มั้ยฮะ ”
ฉันตะโกนออกไปพร้อมกับกดออดหน้าประตู และแล้วชายชราซึ่งคาดว่าน่าจะอายุ สี่สิบ
กว่าๆแต่ไหงกับเป็นหนุ่มหน้าสวยไปได้ล่ะเนี่ย
“เข้ามาสิ ” เขาสวมชุดสูธสีน้ำตาลอ่อนผูคเนคไทสีเขียวเข้ม เดินย่างกายออกมาจากตัว
อาคารหลังใหญ่นั่น พระเจ้า!! เดินอย่างกับนายแบบเลยแฮะ
“ ฉันลีจองชิน ยินดีที่ได้รู้จัก...เธอคงจะเป็นลูกชายของหัวหน้าแม่บ้านคิมแทยอนใช่มั้ย”
หนุ่มรูปหล่อคนนั้นเอ่ยทัก ก่อนจะเปิดประตูให้ฉันได้เข้าไปข้างใน อย่างไม่เอะใจเลยสักนิด
“คุณเป็นพ่อบ้านของที่นี้ใช่มั้ยฮะ” เขาส่ายหน้าปฏิเสธ พ่อบ้านต้องอายุยี่สิบขึ้นไปนี่เนอะ
ผู้ชายอะไรหน้าสวยชะมัด >///<
“เปล่า ฉันเป็นเลขาส่วนตัวของคุณหนูน่ะ นายจะเรียกฉันว่าพี่จองชินก็ได้ ฉันไม่ว่าอะไร
หรอก ” พี่จองชินยิ้มอย่างสดใส
“ทราบฮะ ตอนแรกผมคิดว่าพี่เป็นเจ้าของบ้านซะอีก ” คุณหนูของพี่จองชินจะหน้าตา
เป็นแบบไหนกันนะ หรือว่าจะเป็นคุณหนูในการตูน์เกย์ที่ฉันมักขอเงินพี่ไปซื้อการตูน์มา
อ่าน ต้องเป็นหนุ่มน้อยน่ารัก ท่าทางอ้อนแอ้นแน่ๆนอนชัวร์!! ^^
“ทำไมไม่เห็นมีใครอยู่ที่นี้เลยล่ะฮะ เขาหายไปไหนกันหมด”
“บ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่ นอกเหนือจากนี้นะ ”
“หมายความว่าในบ้านหลังนี้มีคุณกับคุณหนูแค่สองคนเหรอฮะ แล้วสาวใช้ในบ้านล่ะ”
“พวกเธอทำงานไปกลับน่ะ แต่สำหรับแม่บ้านคิม เธอทำงานประจำดูแลคนในบ้าน
ตอนนี้ท่านประธานย้ายไปทำงานต่างประเทศแล้ว เหลือแต่คุณหนูที่ยังเรียนมหาลัยอยู่ ”
“งั้นก็แสดงว่า ผมต้องรับหน้าที่ดูแลคุณหนูใช่มั้ยฮะ ” พี่จองชินพยักหน้า ก่อนจะพาฉัน
เดินขึ้นบันไดไปยังห้องพัก ฉันเดินตามเลขาหน้าสวยอย่างพี่จองชินไปติดๆ รู้สึกหวั่นใจนิดๆ
ที่พี่จองชินไม่สงสัยอะไรในตัวฉัน
“ อย่างกับบ้านจำลองที่เคยเห็นในทีวีเลยอะ โอโฮ้ น่ารักจัง ” ‘ ระวังหน่อยนะ ของในบ้าน
แพงจนชนิดที่ว่าลูกไม่มีปัญญาซื้อมาใช้คืนเขาได้เลยล่ะ’ ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้แล้ววางแจกัน
ดอกไม้ลายสวยลงอย่างรวดเร็ว
บ้านหลังนี้ใหญ่โตกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก ของสวยๆงามๆพวกนี้ราคาแพงไม่ใช้น้อย
เลยถ้าเทียบกับโทรศัพท์รุ่นดีๆสมัยนี้ แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าจะเป็นอะไรไปไม่ได้
นอกจากเสียงเปียโนที่ดังออกมาจากตึกตรงข้าม
“ อ๊ะ!! ”
ฉันก้าวขาไม่ออกรู้สึกว่าตัวเองกำลังยืนในป่าทึบ ขณะก้าวข้ามเดินไปยังอีกฝั่งอย่าง
ลืมตัว แสงสีเงินส่องกระทบระหว่างทางเชื่อมนำพาหัวใจดึงเข้าสู่อีกโลกที่ฉันไม่เคย
สัมผัส บทเพลงนั้นดังกังวานแทรกซึมเข้ามาในหัวใจของฉัน
“ เพลงนี้รู้สึกคุ้นๆนะ Susumuu e..da ” ฉันจำไม่ได้ จำไม่ได้แล้วว่าเคยได้ยิน
เพลงนี้ที่ไหนมาก่อนรึเปล่า แต่มันทำให้ฉันรู้สึกเศร้าใจทุกครั้งที่ฟังมัน
“ นายเป็นใคร!!! ” น้ำเสียงแข็งกร้าวปลุกฉันตื่นขึ้นจากภวังค์ เสียงเปียโนได้หยุดลง
ไปแล้ว
“ ที่นี่ไม่เหมาะที่คนแปลกหน้าอย่างนายจะมาเดินเผ่นผลานแถวนี้ ไสหัวออกไปจาก
บ้านฉันซะ!!” ชายหนุ่มปริศนาเจ้าของบทเพลงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน ลั่นวาจาจน
คนฟังตะเพิดหนี จิตใต้สำนึกจึงสั่งการให้ฉันก้าวเท้าถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้ววิ่งหนี
“ นั่นนายจะไปไหนคิมคีย์บอม ” พี่จองชินที่ฉันไม่รู้ว่าเขาแอบตามฉันมาเมื่อไหร่ เดิน
มาประกบข้าง ฉันเลยหนีไปไหนไม่รอด
“ประธานโทษครับคุณหนู นี่คิมคีย์บอมลูกชายแม่บ้านคิมแทยอน เห็นว่าแม่ของเขาให้มา
รับใช้คุณหนู ในระหว่างที่เธอพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแดฮันน่ะครับ นี่แนะนำตัวสิ ”
เขาหรี่ตาเล็กลงขณะมองฉัน ดวงตาคู่นั้นแข็งกร้าวมองมาอย่างไม่เป็นมิตร
“สวัสดีฮะผมคิมคีย์บอม ถึงผมจะยังไม่รู้กฏของที่นี้แต่ผมจะทำงานให้เต็มสุดความสามารถ
กรุณาแนะนำผมด้วยนะฮะ” ฉันทำความเคารพ ที่แท้เขาก็เป็นคนที่แม่พูดถึงอยู่บ่อยๆนั่นเอง
เขาดูสงบเสงี่ยมและไม่ค่อยพูด เขาไม่ใช่คุณหนูอย่างที่ฉันนึกฝันเอาๆไว้แต่ต้น ไม่รู้เป็นเพราะ
อะไร ต่อให้ใบหน้าเขาจะหล่อสักแค่ไหนฉันถึงรู้สึกกลัวกับการเผชิญหน้ากับเขาได้ก็ไม่รู้
“ ฉันต้องไปทำงานแล้วล่ะ”
“อ๊ะเดี๋ยวก่อนสิ” จู่ๆพี่จองชินก็ปล่อยให้ฉันเผชิญหน้ากับเขาตามลำพังเสียแล้ว
“ ไม่รอกันเลย ..” ฉันรู้สึกว่ากำลังมีสายตาของใครบางคนกำลังจ้องฉัน ฉันรู้สึก
หายใจไม่ออกจึงตัดสินใจเดินตามพี่จองชินแต่แล้วฉันก็เงยหน้าขึ้น เมื่อมีมือข้างหนึ่ง
ยื่นมาเกี่ยวแขนฉันไว้เสียก่อน
“ ไหนว่าจะมาดูแลรับใช้ฉันไม่ใช่รึไง จะไปไหนล่ะอยู่ด้วยกันก่อนสิ ”
“ พอดีว่าผมทำงานค้างไว้ ก็เลยจะลงไปทำงานต่อให้เสร็จนะฮะ” ฉันแสร้งทำเป็นโกหก
เม็ดเหงื่อเริ่มไหลชุ่มตามฝ่ามือ
“งานเหรอ งานอะไร ” ให้ตาย!! นั่นสีหน้าเขากำลังกวนประสาทฉันอยู่ใช่มั้ยนั่น ( _ _'')
ไม่ค่อยพูดก็ดีอยู่แล้วแต่ทำไมต้องทำให้ตัวเองดูน่าสมเพศก็ไม่รู้
“ฉันไม่ได้เป็นคนสั่งนิ อืมมมแต่ฉันว่า หน้าตาอย่างนายไม่เหมาะที่จะมาเป็นคนรับใช้
ฉันเลย แทยอนคิดถูกหรือคิดผิดที่ส่งเธอมากันแน่ ” วินาทีนั้น เขาพลิกตัวฉันให้หันไป
เผชิญหน้ากับเขา ดวงตาข้างซ้ายฉันเริ่มกระตุก สายตาคมกริบที่จ้องตาฉันไม่กระพริบ
เล่นเอาฉันยืนนิ่งอย่างกับลูกแมวน้อยต้องมนต์สะกดจากเจ้าชายรูปงาม
“ อย่าทำอะไรผมเลยนะฮะคุณหนู! ” ฉันว่าพลางหลบสายตาเขา หลังจากนั้นเขาค่อยๆ
คลายมือลงโดยอัตโนมัติ
“ ฮ่าๆๆ น่าขำชะมัด ไม่คิดเลยว่าเด็กผู้ชายจะทำงานเป็นด้วย แต่ทำงานกับฉันแล้วจะทน
ไปได้สักกี่น้ำกันนะ.. อยากรู้จัง ” ดวงตาที่ใช้มองฉันแบบศัตรูเลื่อนหายไปสนิท เขาส่ง
เสียงหัวเราะเยาะดังลั่น จนฉันต้องหรี่ตาเล็กลงว่าคุณหนูสติเพี้ยนหรือปัญญาอ่อน
“ ถึงผมจะเป็นไอ้หนูอย่างที่คุณว่า แต่เรื่องงานบ้านผมก็เก่งอย่าบอกใครเชียวละ ”
“ นี่นายกล้าต่อล้อต่อเถียงกับฉันงั้นหรือ!!! ”
“ คุณจงฮยอน!!! ผมมาที่นี้ก็เพื่อมารับใช้ดูแลคุณ ถ้าแม่ผมไม่ป่วยล่ะก็ ” พูดไม่ทันจบ
เรี่ยวแรงมากมายมหาศาลจากข้อมือแกร่งคว้าตัวฉันเข้าไปอยู่ในวงแขนกว้างโดยที่
ฉันไม่ทันตั้งตัว
“อะไรพูดมาสิ ”
“เอ่อ..อย่ามาทำละลาบละล้วงกับผมแบบนี้นะฮะ ปล่อยผมนะ ไม่งั้นผมจะร้องให้คนช่วย
เดี๋ยวนี้เลยคอยดู ” ฉันประกาศเสียงกร้าว เขาแสยะยิ้มใช้สองมือโอบกอดฉันแน่นขึ้น
“ คนโรคจิต!!! ” ฉันผลักเขาออกอย่างโมโห จนตาคุณหนูไม่สิ อีตาคุณชายโรคจิตนี่เกือบ
หงายหลัง ตาข้างซ้ายเริ่มกระตุก คราวนี้ฉันต้องเจอเรื่องไม่ดีแน่ๆเลย
“ ผมเองก็ไม่ได้อยากมาทำงานที่นี่นักหรอกรู้ไว้ซะด้วย เอาแต่ใจตัวเองมิน่าถึงไม่มีเขา
อยากจะอยู่ด้วย ” ฉันหยุดคำพูดของตัวเองเอาไว้แค่นั้น ดวงตาแพรวพราว มอง
ลึกเข้ามาในดวงตาฉันราวกับหมาป่าที่คอยล่าเหยื่อ
“ นี่ ถ้านายอยากทำงานที่นี่ได้อย่างสบายใจล่ะก็...อย่ามาทำเป็นอวดดีกับฉันเข้าใจมั้ย!! ”
เขาผลักฉันติดกับเสาอาคาร สายตาของเขาเลื่อนลงต่ำ ปลายนิ้วจับปลายคางฉันยกขึ้น
โอ้ O_O ไม่.....มันต้องไม่ใช่อย่างงี้สิ ไม่มีทางอื่นเลยหรือเขาคงจะไม่คิดจูบฉันจริงๆหรอก
นะได้โปรดเถอะ ..TToTT
“ พี่ชาย~รับสายหน่อยสิ ~ พี่ชาย~ รับสายหน่อยสิ ~”
เสียงสายเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้น มือนั้นล้วงหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง กดรับไม่แม้แต่
จะก้มหน้ามองดูเจ้าของปลายสายเลยสักนิด ฉันวิ่งหนี ก่อนที่จะโดนเจ้าของโทรศัพท์หัน
มาเล่นงานฉันอีกระลอก
ความคิดเห็น