ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love of Paradise... ไอ้คุณชายกับยัยคุณหนู [CinTeuk&WonHyuk]

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 3 : The Banquet (งานเลี้ยงสุด...!!!).......100%

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.พ. 53


    Love of  Paradise

     

    Couple ::: CinTeuk X WonHyuk

     

     

    ………………………………………

     

    Chapter 3

     

    The Banquet : งานเลี้ยงสุด…!!! 

     

     

    รุ่งเช้า 

     

    อีทึกขยับตัวนิดหน่อย  เพราะแสงแดดเริ่มส่องแดงตา 

     

    “อื้อ”  อีทึกลืมตามองรอบกาย ก่อนจะเหลือบไปเหฝ้นแฟ้มงานวางอยู่  แล้วพาลในนึกถึงคนตัวสูง อีทึกขำเล็กๆเมื่อนึกถึงหน้าของฮีชอลเมื่อวาน

     

    -ตลกชะมัด-

     

    อีทึกเปิดแฟ้มตารางงานดูปรากฎว่าวันนี้ก็มีประชุมตอนเช้าเช่นกัน  อีทึกค่อยๆลุกขึ้นไปอาบน้ำทำภารกิจจนเสร็จแล้วค่อยออกไปตามที่นัดเอาไว้

     

     

     

    อีทึกเดินออกมาจากห้องก็เจอฮยอกแจที่กำลังออกมาจากห้แงเช่นกัน

     

    “อ้าว  อีทึกนายหายแล้วหรอ”ฮยอกแจเดินเข้ามายกมือสัมผัสที่หน้าผากมน ปรากฎว่าไม่มีไข้แล้ว

     

    ันหายแล้วน่า ฮยอกแจ”  อีทึกดึงมือฮยอกแจออก

     

     

    “สวัสดีตอนเช้าครับ  ภรรยา”  ชเวซีวอนวิ่งออกมาจากวิ่งด้วยสีหน้ายิ้มแย้มต่างจากฮยอกแจที่ยืนหน้าบอกบุญไม่รับ

     

    “หมาที่บ้านตายหรอไง  อารมณดีแต่เช้า”  ดอกแรกชเวซีวอนก็โดนด่าแต่เช้า โทษฐานพูดจาไม่เข้าหูปาร์คจองซู

     

    “นี่  ยัยคุณหนูเงียบไปเลย  ฉันพูดกับภรรยาฉัน”  ซีวอนเดินไปโอบเอวฮยอกแจ  แต่ฮยอกแจก็ใช้ศอกกะทุ้งท้องจนซีวอนต้องปล่อยออก

     

    ซีวอนหันไปมองการแต่งตัวของอีทึก  เสื้อเปิดไหล่แขนยาวสีขาว กับกางเกงรัดรูปสีดำ ทำให้อีทึกสวยขึ้นจนเค้าเองก็ไม่จะยอมรับ 

     

    “นี่  จะแต่งตัวไปล่อผู้ชายที่ไหน” 

     

    อีทึกหันไปมองค้อน  “แถวนี้แหละ กะจะชวนฮยอกแจไปด้วย” อีทึกจะคว้ามือฮยอกแจแต่ซีวอนไวกว่า คว้าเอาไว้ก่อน

     

    แล้วหันมาแลบลิ้นให้อีทึกแล้วดึงฮยอกแจออกไป

     

    “น่ารักตายแหละ”  อีทึกแลบลิ้นใส่ 

     

     

     

    ฮีชอลเดินออกมาเจออีทึกยืนพึมพำอยู่คนเดียว

     

    “ละเมอหรอไง”  เช้ามาก็พาหมาออกวิ่งออกกำลังกายซักหน่อย

     

    “นี่  หมาจากปากนายน่ะ วิ่งกันให้วุ่นแล้ว  เลิกพูดซะห้านาทีเถอะ  ตลอดชีวิตก็ได้นะ” 

     

    “บอกตัวเองเถอะ”  ฮีชอลเอามือล้วงกระเป๋าแล้วเดินนำออกไป 

     

    “ไอ้…!!!”  อีทึกจะด่า แต่ก็ด่าไม่ออก  ได้แต่ยืนกระฟัดกระเฟียดแล้วเดินตามออกไป

     

     

     

    “นั่นคือจองซูใช่มั๊ย”  ชินดงถามขึ้น  อีทึกพยักหน้าไม่สนใจมัวแต่เปิดตารางดู

     

    “เดี่ยวพี่ดงฮี” ไอ้นี่ก็อีกคนบอกให้เรียกชินดง  มันก็เรียกดงฮี  “ทำไมมันมีไปบ้านอุปถัมภ์ด้วยหล่ะ”  อีทึกถามขึ้น เพราะเห็นตารางการทำงานมีการไปสำรวจบ้านอุปถัมภ์

     

    “เด็กก็เป็นสิ่งสำคัญนะจองซู  รีสอร์ทน่าจะมีในส่วนของเด็กๆด้วย”  ชินดงอธิบาย “ต่อไปนี้ทุกคนเรียกฉันดงฮีก็ได้”

     

    “อ่าว พี่ชินดง” สมองมันกลับป่ะวะเนี่ย  “ทำไมมีไปสวนสัตว์ด้วยแหละ”  อีทึกถามขึ้นอีก

     

    “เราต้องการรีสอร์ทที่เป็นศูนย์รวม  เฉพาะเรื่องเล็กๆน้อยๆเราก็ต้องศึกษาให้หมด  เข้าใจรึยัง”  ชินดงอธิบายอีกรอบ  อีทึกพยักหน้า ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบของหวาน  มีสิ่งเดียวที่เบี่ยงเบนความสนใจอีทึกได้ ก็คือขนมหวานนี่แหละ

     

    เค้กช็อกโกแลตก้อนโตที่วางไว้กลางโต๊ะ  ตกมาอยู่ที่มือของอีทึกเรียบร้อย  พร้อมน้ำผลไม้ก็จัดแจงมาครอบครองแล้วหล่ะ  กินไปยิ้มไป  บ่งบอกว่าคนตัวเล็กอารมณ์ดีแค่ไหน 

     

    ชินดงก็เริ่มอธิบายตารางงานไปเรื่อยๆ  แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีคนฟัง 

     

    อีทึกก็เอาแต่กิน  เค้กของฮยอกแจ ฮีชอลแล้วก็ซีวอน อีทึกก็ดึงเข้ามากินเรียบร้อย  ยกเว้นของชินดง  เพราะชินดงขอกินนอกรอบ ไม่งั้นก็อดเหมือนกัน  ของหวานยังคงเข้ามาเสริฟเรื่อยๆ  เหมือนอีทึกที่กินเรื่อยๆ

     

    ส่วนฮีชอลก็เหมือนจะอารมณ์ค้างจากเหมือนคืน  เล่นน้องชายเค้าแบบกู่ไม่กลับ  แถมยังนี้อีทึกยังแต่งตัววาบหวิวซะเหลือเกิน  ต้นคอสวยระหงส์  ไม่สามารถทำให้ฮีชอลละสายตาออกไปได้จริงๆ  จ้องแล้วจ้องอีกจนตาจะเป็นมัน 

     

    ส่วนฮยอกแจกับซีวอนก็นั่งทะเลาะกัน เพราะซีวอนกวนประสาทเค้าไม่เลิก  บางทีก็แกล้งมาเหยียบเท้าเค้าบ้างหล่ะ แกล้งเลียนแบบท่าทางเค้าบ้างหล่ะ  นี่เห็นว่ากำลังประชุมอยู่นะ  ถ้าไม่งั้นฮยอกแจได้ยืนขึ้นมาโวยวายเป็นแน่ 

     

     

    การประชุมวันนี้จบลง  ปรากฎว่าไม่มีใครรู้เรื่องสักคน  จนชินดงขี้เกียจจะพูดแล้ว  ช่างเถอะ ถึงเวลาก็รู้เองแหละ

     

     

    หลังการประชุมวันนี้มีการทานอาหารกลางวันพร้อมกัน  พอออกมาจากห้องประชุมต่างคนก็ต่างมุ่งหน้าไปห้องอาหาร  เว้นแต่ซีวอนที่อยู่ดีก็ดึงอีทึกเข้ามา

     

    “อะไรของนาย”  มาถึงอีทึกก็จะโวยวาย ซีวอนทำสัญญาณให้เงียบ  อีทึกถึงเงียบ  “อะไร”

     

    “นี่  ถามจริงเหอะ  เมื่อคืนนายทำอะไรไอ้ฮีชอล มันป่าววะ  เห็นมันลอยๆตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว  แถมวันนี้มันยังนั่งจ้องคอนายไม่หยุดเลย”  ซีวอนถามเรื่องที่ตัวเองสงสัยออกไป

     

    “ฉันทำอะไร  บ้าหรอไง  ปล่อยฉันได้แล้วฉันหิว”  อีทึกสะบัดมือซีวอนออกก่อนจะเดินนำออกไป 

     

     

     

    ฮยอกแจเดินไปข้างๆฮีชอล เพื่อคุยด้วย

     

    “เป็นอะไรรึป่าว  ฮีชอลวันนี้นายดูลอยๆนะ” ฮยอกแจเอียงหน้าถาม  “ติดไข้อีทึกมาหรอ” มือบางวางทาบที่หน้าผากของฮีชอล

     

    “ป่าว…ฉันสบายดี”  ฮีชอลโบกมือประมาณว่าไม่เป็นอะไร “แค่นอนไม่พอ”

     

    “แน่ใจนะ” ฮยอกแจถามย้ำอีกครั้ง  แต่ฮีชอลก็ปฏิเสธบอกว่าตัวเองสบายดี  “ถ้ามีอะไรก็บอกฉันแล้วกัน”

     

    พูดจบ  ฮยอกแจกับฮีชอลก็เดินไปห้องอาหาร

     

     

     

    ที่ห้องอาหาร

     

    ชินดงนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ  ส่วนอีทึกนั่งข้างฮยอกแจ  ติดกับชิงดงและก็…ตรงข้ามกับฮีชอล  ส่วนฮยอกแจก็ต้องนั่งตรงข้ามกับซีวอนไปโดยปริยาย พอนาฬิกาเริ่มบ่งบอกว่าเที่ยง  อาหารหลากชนิด ของแต่ละหลากหลายชาติก็เริ่มทยอยเข้ามาวางที่โต๊ะอาหาร เรื่อยๆ 

     

    ที่ดูตื่นเต้นก็น่าจะเป็นชินดงที่ยังมีอาการสงบแต่แววตาสุกใสบ่งบอกว่าตื่นเต้นกับอาหารตรงหน้ามากเท่าไหร่  ผิดกับอีทึกที่จะดูตื่นเต้นกับอาหารอย่างออกหน้าออกตา

     

    “ฮยอกแจ  ดูสิพาสต้าชีทมาแล้ว”  อีทึกกระตุกชายเสื้อฮยอกแจชี้ให้ดูอาหารจานโปรดที่วางลงตรงหน้าราวกับกำลังยั่วเค้า  ตอนนี้ทุกคนก็เริ่มให้ความสนใจกับอาหารตรงหน้าแล้ว  เพราะน้ำย่อยเริ่มทำงาน  แต่ละคนจ้องมองอาหารอย่างใจจดใจจ่อ

     

    “เย้ๆ  ชีทมาอีกแล้ว  มาเยอะๆนะลูก”  อีทึกตบมือเหมือนเด็กๆ  แววตาที่สื่ออกมาว่ามีความสุขกับการมองชีทมากเท่าไหร่

     

    เมื่ออาหารทุกอย่างวางครบลงบนโต๊ะ  ต่างคนก็ตั้งหน้าตั้งตาลงมือทานอย่างเอร็ดอร่อย

     

    “ชีทๆๆๆ”  อีทึกตักพาสต้าชีทที่ตัวเองเล็งไว้ตั้งแต่แรกมาใส่จานตัวเอง  แล้วก็ตักแต่อาหารอิตาเลียนที่ดูตัวเองจะถูกใจเป็นพิเศษ  ตักอะไรๆก็ชีทๆๆ  ชีทเต็มจานไปหมดแล้ว

     

    “ไม่กลัวอ้วนหรอไงอีทึก”  ฮยอกแจถามเมื่อภายในอาหารมีแต่ชีท

     

    “ไม่กลัวหรอ  นี่ๆ  มีซูชิด้วยน้า”  อีทึกยิ้มแฉ่งเมื่อนึกถึงของโปรดตัวเองอีกอย่างนึง

     

    “ทานให้หมดก่อนเถอะ  อีทึก” ฮยอกแจยิ้มขำๆกับท่าทางของอีทึก 

     

     

     

    “ตะกละ”  ฮีชอลพูดขึ้นมาลอยๆ แต่กลับมีคนได้ยินซะนี่

     

    อีทึกที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาทานอาหารต้องเงยหน้าขึ้นมามอง  ช้อนสายตาค้อนร่างสูง

     

    “นายว่าฉันหรอไง ไอ้คุณชายสมองกลับ” อีทึกว่ากลับไปทีนึงแล้วก้มลงไปสนใจอาหารต่อ

     

    “นี่  วันหลังก็อย่ารับสิ  ยัยคุณหนู” ฮีชอลกระตุกยิ้ม  เมื่อคนตัวเล็กเริ่มชักสีหน้า

     

    “ไอ้คุณชายกวนประสาท”  อีทึกค้อนแล้วก้มหน้าก้มตากินต่อ

     

    “ยัยคุณหนูขี้ตะกละ”  ฮีชอลยังแขวะอีทึกไม่เลิก

     

    “ลุกขึ้นมาต่อยกันเลยดีกว่า” อีทึกจ้องหน้าฮีชอล

     

    “อะไรของนาย  ทานอยู่ก็ทานไปสิ  รึไม่ทาน  ฉันทานให้ก็ได้นะ”  ฮีชอลจะยกจานอีทึกมา  แต่คนตัวเล็กก็หยิบจานให้ห่างจากร่างสูง

     

    “ยุ่ง!!”  อีทึกทำหน้ายู่ใส่ฮีชอล  ก่อนจะรีบอาหารต่อ  ฮีชอลกระตุกยิ้มเล็กๆกับความน่ารักเหมือนเด็กๆของอีทึก

     

     

     

     

    พอทานอาหารเสร็จ  ทุกคนก็ย้ายมาที่โซฟาห้องนั่งเล่นวีไอพี โดยมีฮีชอลกับซีวอนนั่งขนาบข้าง  อีทึกนั่งข้างฮีชอล  ส่วนฮยอกแจก็นั่งข้างซีวอน  ส่วนชินดงก็นั่งตรงข้าม

     

    จากนั้น ชินดงก็แจงตารางนัดหมาย ที่แรกที่จะไปในวันพรุ่งนี้

     

    “พรุ่งนี้ เจอกันที่ ล็อบบี้ห้องวีไอพี ตอน สิบโมงนะ”  ชินดงบอก  ทุกคนพยักหน้าเข้าใจ  ตอนนี้เริ่มอิ่มแล้ว  “คืนนี้มีงานเลี้ยงด้วยนะ  อย่าลืมลงมาหล่ะ  มีแขกสำคัญมากมายที่พวกนายจะต้องทำความรู้จัก” 

     

    “ครับพี่”  ซีวอนรับคำแล้วจะเดินไป

     

    “อ้อ  งานเลี้ยงคืนนี้  เป็นงานเลี้ยงสวมหน้ากากนะ  อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมด้วยหล่ะ งานนี้ต้องมาเป็นคู่ด้วยนะ ส่วนงานจะเริ่มตอน สองทุ่มนะ จะมีคนไปตามพวกนายตอน หนึ่งทุ่มนะ”  ชินดงอธิบาย  ตอนนี้อีทึกเริ่มสะลืมสะลือ  ฮีชอลหันไปมองอย่าง งงๆ  ก่อนจะดึงอีทึกมาซบไหล่ตัวเอง  อีทึกเงยหน้ามองแต่ก็ไม่ไดว่าอะไร  นอนซบไหล่ฮีชอลต่อไป  เพราะเหนื่อยเกินกว่าจะเถียง

     

    “เอ้าละ  ฉันก็หมดเรื่องพูดแล้ว  อย่าลืมนัดของเราหล่ะ”  ชินดงย้ำแล้วเดินออกไป 

     

    “ว้าว  ฮยอกแจ  คืนนี้ฉันกับนาย  เราคู่กันนะ”  ซีวอนพูดแล้วรีบจับมือฮยอกแจไว้  ฮยอกแจทำตาเขียวไส่แล้วรีบดึงมือตัวเองออก

     

    “ทะลึ่ง ใครจะไปกับนาย  ฉันจะไปกับอีทึก”  ฮยอกแจจะพันไปหาเพื่อน  แต่อีทึกก็หลับคาไหล่ฮีชอลเรียบร้อย  “อีทึก  อีทึก”  ฮยอกแจเขย่าแขนเพื่อน  แต่ก็ไม่มีท่าทางว่าคนตัวเล็กจะตื่น

     

    “นี่  เพื่อนนายเค้าหลับไปแล้วจะไปปลุกทำไม  เดี๋ยวให้ฮีชอลไปส่งที่ห้องก็ได้ ส่วนนายไปกับดีฉันดีกว่า  ไปซื้อเสื้อผ้ากัน”  ซีวอนรีบดึงมือฮยอกแจออกไปนอกห้อง

     

    “ไอ้บ้า  ไอ้หื่น  ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”  ตามมาด้วยเสียงโวยวาย  ฮีชอลส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ

     

    “ผู้หญิงเป็นแบบนี้กันทุกคนรึป่าว”  ฮีชอลก้มลงมองคนตัวเล็ก  ก่อนจะสำรวจใบหน้าสวยอย่างวิสาสะ 

     

    -เวลายัยนี่เงียบๆก็ดูน่ารักดีนะ  แต่เสียที่เอาแต่ใจ  ปากร้ายไปหน่อย- 

     

    “อื้อ”  คนตัวเล็กขยับนิดหน่อย  ก่อนจะเบียดตัวไปใกล้ร่างสูง

     

    “นี่  ยัยคุณหนู ตื่นได้แล้ว ประชุมเสร็จแล้ว” ฮีชอลสะกิดคนตัวเล็ก  แต่ก็ไม่มีท่าทางว่าจะตื่น 

     

    สุดท้ายฮีชอลก็ต้องยอมแพ้กับความขี้เซ้าของอีทึก  ฮีชอลค่อยๆช้อนตัวร่างเล็กขึ้น  แล้วอุ้มกับห้องไป

     

     

    พอวางคนตัวเล็กลงบนเตียง  คนตัวเล็ก็เริ่มเพ้อ

     

    “คุณพ่อ  จองซูอยากไปอีตาลี”  สองมือเล็กโอบรอบแขนร่างสูง  แล้วดึงลงมาใกล้  ใกล้จนปลายจมูกแตะกัน  แต่อีทึกก็ยังไม่ลืมตาขึ้น  แต่ฮีชอลนี่หล่ะสิ  หน้าแดงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว 

     

    “นี่ยัยคุณหนู”  ฮีชอลพยายามดันร่างเล็กออก  แต่คนตัวเล็กก็ไม่ยอมปล่อย

     

    “ยูชอน  นาย…” 

     

    จุ๊ฟ  ริมฝีปากเล็กทาบกับริมฝีหนาเบาๆแล้วผละออก  ทำฮีชอลตาค้างไปชั่วครู่ 

     

    จากนั้นคนตัวเล็กก็หมดแรง  หลับคาเตียงอีกครั้ง  ฮีชอลจึงดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้  ฮีชอลยืนพิจารณาใบหน้าสวยอีกครั้ง  ก่อนจะทาบริมฝีปากลงกับกลีบปากบางเบาๆ  แล้วเดินออกไป

     

     

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------[50%] 

     

                

     

     

     

    “ปล่อยยยย!!!!~” มือเล็กกระชากข้อมือตัวเองให้หลุดจากมือหนา  “เลิกยุ่งกับฉันสักที”

     

    “ฉันกำลังจะพานายไปซื้อชุดกันนะ  รีบไปเถอะ”  ว่าแล้วซีวอนก็คว้าข้อมือเล็กให้เดินตามอีก

     

    “หยุด! ฉันเดินเองได้  มีสองขาเท่านั้น ฉันไม่ได้พิการ เพราะฉะนั้นเลิกจับมือฉันสักที” ฮยอกแจเชิดหน้าหนี

     

    “งั้นก็รีบหน่อยสิ  ฉันไม่ชอบคนชักช้า อืดอาด น่ารำคาญ” ซีวอนแอบหลอกด่าคนตัวเล็กก่อนจะแลบลิ้นให้อย่างทะเล้น

     

    “เชอะ แล้วใครอยากให้นายมาชอบฉันหล่ะ”  ฮยอกแจเดินหนีไปอีกทาง  จึงถูกซีวอนดึงให้เดินตามไป 

     

     

    ซีอวนพาอยอกแจออกมาจากรีสอร์ทไปที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ

     

    “อย่าโวยวายนะครับที่รัก  ผมอายคนอื่นเค้า”  ซีวอนหอมแก้มฮยอกแจเร็วก่นอจะเดินลงไปจากรถ

     

    ฮยอกแจรีบเช็ดออก ก่อนจะนั่งหน้าบูด ไม่วายหันไปค้อนคนตัวสูงที่ยืนยิ้มแฉ่ง  ฮยอกจลงรถไป หันมาค้อนร่างสูงอีกหลายที 

     

     

     

    “นี่ ค้อนผมมากระวังตาหลุดออกมานะที่รัก”  ซีวอนแซวคนตัวเล็กที่ยังค้อนเค้าไม่หยุด

     

    “ตาของฉัน”  ฮยอกแจสะบัดหน้าหนี

     

    “ถ้าคุณไม่มีตา  แล้วคุณจะใช้อะไรมองผมหล่ะ”  คำหวานเลี่ยนถูกถ่ายทอดออกมาจากปากของร่างสูงไม่หยุด  ให้ตายสิ ฮยอกแจอยากจะอ้วกตรงนี้จริงๆ

     

    “ฉันก็จะใช้ใจมองนายไงหล่ะ”  เจอมุขฮยอกแจกลับเข้าไป  ซีวอนถึงกลับอึ้งไปไม่น้อย  ก่นอจะเปลี่ยนเป็นคลี่ยิ้ม

     

    “งั้นเรามาเป็นแฟนกันดีมั๊ย”  ซีวอนยื่นหน้าเข้ามาใกล้

     

    -ได้คืบจะเอาศอก- 

     

    ฮยอกแจใช้มือดันหน้าซีวอนออกไป  “ออกไปห่างฉันเลยนะ” 

     

    ซีวอนหัวเราะนิดหน่อยก่อนจะรีบดึงมือฮยอกแจเข้าไปร้านเสื้อผ้าใกล้ๆ 

     

     

     

     

    5         โมงเย็น 

     

    ฮยอกแจกับซีวอนกลับมาถึงรีสอร์ท  เจอฮีชอลก็กำลังขับรถเข้ามาพอดี 

     

    “ไปไหนมาวะ”  ซีวอนเปิดประเด็นถาม

     

    “ไปซื้อชุดมา”  ฮีชอลตอบสั้นๆ  แล้วมองไปที่มือ ซีวอนที่กำลังจับมือกับฮยอกแจ ก่อนจะหรี่ตาแบบช่างใจ “พวกนาย…ไปเดทกันมาหรอ” 

     

    “จะบ้าหรอไง!!”ฮยอกแจโวยวายทันที  แต่ก็เหมือนจะยังไม่รู้ตัวว่าซีวอนกำลังจับมือตัวเองอยู่  “ใครอยากจะไปเดทกับไอ้นี่หล่ะ”

     

    “หรอ…แล้วทำไมพวกนายจับมือกันหล่ะ”  ฮีชอลชี้ไป 

     

    ฮยอกจรีบสะบัดออกแต่มือปลาหมึกอย่างซีวอนไม่มีทางปล่อยให้หลุดไปหรอก

     

    “จะจับก็จับไปเถอะ  ฉันไม่ว่านายหรอก”  ว่าแล้วฮีชอลก็เดินไป  ปล่อยทิ้งให้ทั้งคู่ยืนเถียงกันต่อไป 

     

     

     

     

    “อื้อ” คนตัวเล็กบิดตัวนิดหน่อยก่อนจะลืมตามองรอบตัว  มือเล็กคว้านาฬิกาที่หัวเตียงมาดู  6 โมงกว่าแล้วหรอเนี่ย  เค้าหลับไปนานเหมือนกัน  

     

    อีทึกลุกขึ้นจะไปอาบน้ำแต่ก็เจอกล่องสีขาววางอยู่ปลายเตียง  อีทึกค่อยๆแกะมันออก  มีโพสอิทเล็กๆแปะอยู่

     

     

     

     

    ชุดงานเลี้ยงคืนนี้ของนาย   ฉันได้ส่วนลดมา เลยซื้อเผื่อ  ใส่ด้วยหล่ะ

                                                                                    สุดหล่อ…ฮีชอล

     

     

    อีทึกทำท่าจะอ้วกเหมือนเห็นประโยคสุดท้ายก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าคืนนี้เค้ามีงานเลี้ยง  อีทึกค้นชุดออกมาจากกล่อง  เป็นชุดทักซิโด้สีขาว  ปล่อยชายยาว

     

    -สวยแฮะ-  อีทึกคิดในใจ  ก่นอจะเบ้หน้าเล็กเมื่อคิดอะไรออก

     

    ใครจะไปใส่หล่ะ  อีทึกเก็บชุดลงไปที่เดิม  แล้วไปค้นตู้เสื้อผ้าตัวเอง  หยิบสารพัดชุดวางกองบนเตียงแล้วค่อยๆเลือกเสื้อขึ้นมาทาบทีละตัว  อีทึกไม่พอใจครั้งแล้วครั้งเล่า  ก่อจะไปสะดุดกับชุดสีขาวชุดนึง  เป็นเสื้อขาวครีมยาวปิดสะโพก  เสื้อแขนกุดคอย้วยตามแฟชั่น ที่แขนเสื้อถูกผ่าให้จนเกือบถึงเอว เผยผิวขาวให้ดูผ่องขึ้น  ก่อนจะหยิบกางเกงขายาวสีขาวตัวสวยขึ้นมาแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

     

     

    พอดี 1 ทุ่มที่อีทึกเดินออกมา  พร้อมเครื่องแต่งกายครบชุดที่ถูกเสิรมด้วยสารพัดเครื่องเงินที่ตนชอบ ทั้งสร้อยเงิน สร้อยข้อมือแหวน  ยิ่งขลับให้ผิวขาวกระจ่างมากขึ้น

     

    อีทึกกำลังยืนส่องกระจก ก่อนจะคว้าขวดน้ำหอมสุดโปรดที่อุตส่าห์ซื้อมาจากฝรั่งเศส ฉีกตามซอกคอและข้อมือ 

     

    ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น  อีทึกยืนให้ตัวเองให้กระจกครั้งนึงแล้วเดินออกไปเปิดประตูให้  ปรากฎว่าเป็นพนักงาน  ที่มาตามเค้านั่นเอง  ก่อนจะออกจากห้อง  พนักงานไปยื่นหน้ากากขนนกสีเงินสวยให้อีทึก อีทึกค่อยๆสวมมันลงไป  ยิ่งทำให้คนตัวเล็กยิ่งดุค้นหาขึ้นไปอีก

     

     

     

    อีทึกถูกพามาที่ห้องนึง  เจอซีวอนกับฮยอกแจนั่งอยู่ก่อนแล้ว  แต่ละคนสวมหน้ากากนั่งอยุ่ที่โซฟา   ฮยอกแจอยู่ในชุด เสื้อกั๊กสีดำลายหนัง ด้านในก็เป็นเสื้อแขนกุดสีขาว  ขลับผิวขาวให้ดูขาวขึ้นอีก  หน้ากากเป็นสีขาว ทำให้ฮยอกแจยิ่งน่ามองขึ้น  ส่วนซีวอนอยู่ในชุดสูทสีกรมท่าตัวสวย  เสื้อเชิ้ตด้านในเป็นสีขาว  และกางเกงสแลคสีดำ  มีหน้ากากสีน้ำเงินเข้มทำให้ซีวอนที่ดูมีเสน่ห์อยู่แล้วทำให้น่าจับตามองขึ้นไปอีก

     

    “ฮยอกแจ”  อีทึกเรียก  ฮยอกแจหันมายิ้มแฉ่งแล้วเรียกอีทึกไปนั่งข้างๆ

     

    ไม่นานคนสุดท้ายที่มาถึงคือฮีชอล  ฮีชอลอยู่ในชุดคล้ายกับซีวอนแต่สูทเป็นสีดำสนิท  พร้อมหน้ากากสีดำ  ทำให้ฮีชอลดูคมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

     

    อีทึกหันไปจ้องฮีชอลที่ทำเค้าแทบจะละสายตาออกไม่ได้  เหมือนกันกับฮีชอลที่ยืนจ้องอีทึกราวกับมีมนต์สะกด

     

    “พวกนายสองคนจะจ้องหน้ากันอีกนานมั๊ย ?” ซีวอนถามขึ้น  อีทึกกับฮีชอลก็รีบหันไปคนละทาง

     

     

     

     

    “ทำไมนายไม่ใส่ชุดที่ฉันเตรียมไว้ใจ”  ฮีชอลกระซิบถามขณะเดินไปที่งาน  อีทึกต้องคู่กับฮีชอล  และฮยอกแจต้องคู่กับซีวอนตามคำสั่งชินดง

     

    “ฉันไม่อยากใส่  ฉันอยากใส่ชุดนี้”  อีทึกตอบ พร้อมเชิดหน้าใส่ร่างสูงอย่างท้าทาย

     

    “ยัยคุณหนูเอาแต่ใจ”  ฮีชอลพูดเสียงลอดไรฟัน

     

    “ไอ้คุณชายขี้เก๊ก” 

     

    “ยัยคุณหนูขี้เซา” 

     

    “ไอ้คุณชายปัญญาอ่อน”

     

    “นี่ๆ  ให้มันน้อยๆหน่อยยัยคุณหนู  นอนขี้เซา แถมยังนอนน้ำลายยืดเลอะเสื้อฉันอีก” ฮีชอลแลบลิ้นใส่อีทึก  “แถมยังละเมออีก”

     

    ประโยคสุดท้ายทำอีทึกหันขวับ

     

    “ละเมอ ?  ละเมออะไร”

     

    “ไม่บอก”  ฮีชอลลอยหน้าลอยตา  ไม่ตอบ  อีทึกคว้าเสื้อฮีชอลให้หันมาตอบ 

     

    “พูดมา”

     

    “อยากรู้หรอ”   ฮีชอลเลิกคิ้วถามอย่างกวนประสาท

     

    “เออ”  อีทึกกระแทกเสียง

     

    “จุ๊ๆๆ  ไม่น่ารักเลยนะ อ้อนฉันดีๆสิ  แล้วฉันจะบอก”  ฮีชอลยกยิ้มเจ้าเล่ห์

     

    “ได้ !!” อีทึกสูดลมหายใจเข้าลึกๆ  ก่อนจะยิ้มอย่างนางฟ้า  “ฮีชอล…บอกฉันหน่อยสิ  ฉันอยากรู้น้า”  อีทึกใช้นิ้วจี้ไหล่ฮีชอลก่อนจะเอนหัวซบลงไป

     

    ฮีชอลยังคงเฉย  แต่อีทึกก็ยังอ้อนไม่เลิก 

     

    “น้า…บอกหน่อยสิ”  อีทึกเอียงหน้าอย่างน่ารัก  ฮีชอลเหล่ตามองแต่ก็ยังเฉย

     

    อีทึกเริ่มเปลี่ยนสีหน้าเป็นบูดบึ้ง  “นี่  จะบอกไม่บอก…เริ่มรำคาญแล้วนะเว้ย” อีทึกทุบอกฮีชอลทีหนึ่ง

     

    “เจ็บนะ…ยัยนี่หนิ”  ฮีชอลสะบัดอีทึกออก

     

    “เมื่อไหร่จะบอกสักที”  อีทึกเปลี่ยนเป็นท้าวสะเอว

     

    “เออ…บอกก็ได้  นายละเมอ…ละเมอถึงไอ้หมูค้อน  แล้วนายก็…จูบไอ้หมูค้อน”  ฮีชอลหันไปทางอื่น 

     

    “หมูค้อน?”  อีทึกทำหน้างง  “หมูค้อนไหน”

     

    “จะรู้หรอไง  นายมีแฟนชื่ออะไรบ้างหล่ะ”  ฮีชอลใช้นิ้งจิ้มนายผากอีทึก

     

    “ฉันไมมีแฟน  แต่เอ…หมูค้อน” 

     

    “เออ  ไอ้หมูค้อน นายจูบกับใครบ้างหล่พ” 

     

    อีทึกเงียบไป  แล้วค่อยนึก  “จูบหรอ  คุณพ่อ  คุณแม่  ยูชอน…เอ๊ะ  ยูชอนรึป่าว” 

     

    “เออนั่นแหละ  ไอ้หมูค้อน”

     

    “ไอ้บ้า  หมูค้อนที่ไหนหล่ะยูชอนเว้ย”  อีทึกแก้ให้  “ฉันจูบยูชอนด้วยหรอ”

     

    “ใช่” 

     

    “ยูชอนมานี่หรอ”  อีทึกถามขึ้นอีก

     

    “ป่าว…”  อีทึกทำหน้างงกับคำตอบของฮีชอล  “แต่นายจูบฉันต่างหาก”


    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ [80]% 

                  

    คำตอบของคนตัวสูงกว่าทำอีทึกเบิกตากว้าง

     

    “หา!!!  นายว่ายังไงนะ”  อีทึกคว้าคอเสื้อฮีชอลไว้

     

    “ฉันจูบนาย”  ฮีชอลยิ้มกริ่มจ้องคนตัวเล็กตาเป็นมัน  ยิ่งเห็นอีทึกทำท่าฉุนมากเท่าไหร่  มันก็ยิ่งทำให้เค้ารู้สึกสนุก  อยากแกล้งคนตรงหน้าขึ้นไปอีก  “ปากนายนิ่มมากเลยนะ”  ฮีชอลทำท่าจะจูบอีทึกอีก  แต่คนตัวเล็กเลื่อนหน้าออก  พร้อมทำหน้าเหยเก

     

    “ยี้  แล้วต้องให้อะไรล้างเนี่ย  ถึงจะหายสกปรก”  ว่าแล้วอีทึกก็ยกมือเช็ดริมฝีปากตัวเอง

     

    “นี่  ปากฉันไม่ใช่ขยะเปียกนะ  ไม่ต้องทำท่ารังเกียจขนาดนั้นก็ได้”  ฮีชอลผลักหัวอีทึกออกด้วยความหมั่นไส้

     

    “ปากนายน่ะ  ที่เก็บขยะสารเคมีชัดๆ”  อีทึกแลบลิ้ใส่คนตัวสูงอย่างไม่เกรงกลัว

     

    “มาให้จูบอีกทีมั๊ย  รู้สึกพูดมากเหลือเกิน”  ฮีชอลมองอีทึกตาขวางๆ 

     

    “ไม่อ่ะ  ครั้งเดียวก็เกินทน”  อีทึกทำหน้าตาราวกับขยะแขยงสัมผัสร่างสูงซะเต็มประดา

     

    “นี่  ถ้าติดใจจูบฉันขึ้นมา  ขอก็ไม่ให้นะ” 

     

    “ไม่ต้องกลัวหรอก  เพราะมันไม่มีวัน”  อีทึกรีบเดินหนี  แต่ฮีชอลก็คว้าแขนเอาไว้

     

    “เราต้องไปด้วยกันสิ” มือหนาคว้าเข้าที่แขนเล็ก  ก่อนจะดึงให้ไปด้วยกัน 

     

    อีทึกทำเสียงจิ๊ที่ปากแล้วเดินตามร่างสูงไปอย่างว่าง่าย

     

     

     

    ปล่อยมือฉันได้แล้ว  จับอยู่ได้  ฮยอกแจสะบัดมืออกจากซีวอน  ก่อนจะมองหน้าร่างสูงอย่างหงุดหงิด

     

    อะไรอ่ะ  ฮยอกแจ  เราต้องเข้าไปในงานพร้อมกันสิ  ซีวอนจะจับมือฮยอกแจอีกครั้ง  แต่คนตัวเล็กรู้ทันก่อนจะเบี่ยงตัวหลบ

     

    ไม่  ฉันเดินเองได้  แค่นี้ไม่หลงด้วย  ไม่ต้องมาจับมือฉัน ฮยอกแจเอามือกอดอก แล้วหันหลังใส่คนตัวสูง  ซีวอนยิ้มกริ่มก่อนจะโอบฮยอกแจจากด้านหลัง  โดยไม่ให้อยอกแจทันรู้ตัว

     

    คนตัวเล็กสะดุ้งโหยงก่อนจะหันมาเปิดปากด่าร่างสูง

     

    มากอดฉันทำไม!!”ฮยอกแจดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมกอดร่างสูง  ก่อนจะตีที่แขนหนาไปทีหนึ่ง 

     

    “ก็…ก็ฮยอกแจงอนเค้าหนิ  เค้าก็แค่อยากง้อ”  ซีวอนเอาหัวกลมๆวางบนไหล่ฮยอกแจ

     

    “นี่ๆ  อย่าปากว่ามือถึงได้มั๊ย”  ฮยอกจแผลักซีวอนออก

     

    “เค้าป่าว ปากว่ามือถึงน้า”  ซีวอนส่ายหน้าเป็นพัลวัน

     

     

     

    “ฮยอกแจ  ซีวอน  เข้าไปในงานได้แล้ว”ชินดงเดินออกมาตามทั้งคู่  “แล้วฮีชอลกับอีทึกหล่ะ” 

     

    “ไม่ทราบครับ  พี่เข้าไปก่นอเถอะ เดี๋ยวสองคนนั้นก็มาเองแหละ”  ซีวอนบอกก่อนจะหันหน้าไปหาฮยอกแจ แล้วยื่นแขนตัวเองให้  เพื่อให้ฮยอกแจคล้องแขน

     

    ฮยอกแจเหล่ตามองก่อนจะหันหน้าหนีอย่างไม่สนใจ

     

     “ฮยอกแจคร้าบ…ควงแขนกันเข้าไปในงานสิ  นะ…นะครับ”  ซีวอนยืนอ้อนฮยอกแจอยู่นานสองนาน  แล้วฮยอกแจก็หันกลับมา  ทำเอาคนตัวสูงยิ้มกว้างจนลักยิ้มข้างแก้มบุ๋มลึกลงไป 

     

    “ทำไมต้องเป็นนายด้วยเนี่ย” ฮยอกแจบ่นนิดหน่อย ก่อนจะค่อยๆวางมือลงบนท่อนแขนซีวอน  ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในงาน  แต่มิวายคนตัวสูงก็พูดอะไรบางที่ทำให้  หัวใจของฮยอกแจยิ้ม  ยิ้มกว้างจนหุบยิ้มไม่ได้แล้ว

     

    “ที่ต้องเป็นผม  เพราะเป็นฮยอกแจไงหล่ะครับ” 

     

     

     

    ตอนนี้ทั้งสี่คนก็เข้าสู่งานเรียบร้อยแล้ว  ต่างคนก็ต่างต้องมีแขกให้ดูแล  แต่ละคนจึงต้องแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง 

     

     

    “อ่าว  หนูจองซู”  คุณชิน  เจ้าของโรงงาน  ที่เป็นเพื่อนสนิทของคุณปาร์คเอ่ยทัก  ลูกชายของเพื่อน  ก่อนจะยิ้มอย่างอ่อยโยน  คนตัวเล็กเงยหน้าตามเสียงเรียก  แล้วยิ้มกลับตามมารยทา

     

    “สวัสดีครับ  คุณอา”  อีทึกโค้งตัวเล็กน้อย 

     

    “เป็นไงบ้างจองซู  สบายดีรึป่าว”  คุณโจวถามขึ้นก่อนจะแตะบ่าอีทึกเบาๆ

     

    “ผมสบายดีครับ  แล้วคุณอาหล่ะ สบายดีมั๊ยครับ”  อีทึกถามกลับ  คุณชินพยักหน้าแล้วถามถึงสารทุกข์สุขดิบของเพื่อนตัวเอง  ซึ่งคนตัวเล็กก็ปกติมักจะเป็นคนช่างพูดช่างเจรจา  จึงพูดออกไปยาวเหยียด  แถมยังเล่าถึงตอนที่คุณปาร์คทิ้งตนไว้ที่นี่อีก  จนคนฟังอดยิ้มกับความเหมือนเด็กของคนตรงหน้าไม่ได้ 

     

    “แล้วคุณอาทานอะไรรึยังหล่ะฮะ” เล่าซะยืดยาว  ก่อนจะนึกขึ้นได้  ว่าเค้าเองกำลังหิว  จึงเอ่ยถามคนตรงหน้าอย่างคนมารยาทดี

     

    “อายังไม่หิวหรอก  หนูจองซูไปทานก่อนเถอะ”  คุณชินพูดพร้อมหยิบแก้วไวท์สีสวยจากถาดบริการของพนักงาน

     

    “งั้นผมขอตัวนะครับ  คุณอาก็เชิญตามสบายนะครับ”  อีทึกโค้งตัวอีกครั้งแล้วเดินเลี่ยงมาตรงโซนอาหาร

     

    ก่อนจะเลือกหยิบนู่น หยิบนี่อย่างพอใจ 

     

     

     

    ฮีชอลที่กำลังคุยงานกับผู้จัดการคนใหม่  ก็เหลือบมาเห็นอีทึกที่เลือกทานนู่นทานนี่อย่างน่ารัก  จนฮีชอลลืมไปเลยว่ากำลังทำงานอยู่

     

    “ฮีชอล  ฮีชอล”  ผู้จัดการคิม  เรียกร่างสูง 

     

    ฮีชอลสะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะหันไปมอง  “ครับ  ขอโทษนะครับที่เสียมารมาท”

     

    “ท่าทางฮีชอลจะหิวแล้วหล่ะ  งั้นลุงก็หมดธุระที่จะคุยแล้ว  ฮีชอลไปทานอาหารเถอะ”  คุณคิมเก็บเอกสารเข้าแฟ้ม

     

    “งั้นคุณลุงก็เชิญไปทานด้วยกันเถอะครับ”  ฮีชอลพยายามยื้อแฟ้มงานมาถือไว้

     

    “ลุงทานเรียบร้อยแล้วหล่ะ  ตามสบายเลยนะ  ไม่ต้องห่วงลุง”  ว่าแล้วคุณคิมก็เดินจากไปพร้อมแฟ้มงาน 

     

    ฮีชอลมองตามจนสุดสายตาก่อนจะหันมามองคนตัวเล็ก  แล้วรีบเดินไปยังจุดหมายทันที

     

     

     

     

    “นี่  ยัยคุณหนู ไม่มีงานทำรึยังไง มายืนทานอยูตรงนี้  น่าเกลียดจริงๆ”  ว่าแล้วคนตัวสูงก็เดินมาแหนแนมคนตัวเล็ก  อีทึกมองค้อนแต่ก็ยังไม่พูดอะไร  แล้วรีบเดินหนีไปทางมุมเครื่องดื่ม

     

    มือเล็อคว้าแก้วน้ำส้มขึ้นมาดื่มอย่างรวดเร็วแล้ววางแก้วลงที่เดิม

     

    “ขนาดดื่มน้ำยังน่าเกลียดเลย  คนอะไร  น่าเกลียดชะมัด” ฮีชอลยังแกล้งคนตัวเล็กมเลิก  เห็นอีทึกทำหน้าบึ้งทีไร  มันก็ยิ่งน่าแกล้ง

     

    อีทึกมองขนมปังก้อนโตในมืออย่างเสียดาย  แต่ก็เอาขนมปังยัดเข้าปากฮีชอลจนได้  จนฮีชอลต้องรีบคายทิ้ง

     

    “ทำอะไรของนายเนี่ย  ยัยคุณหนู”  ฮีชอลเช็ดปากขณะมองอีทึกที่กำลังเดินหนีไป  ฮีชอลรีบคว้าข้อมือบางให้กลับมา

     

    “ปล่อยฉันนะ  ไอ้ทะลึ่ง”  อีทึกพยายามสะบัดข้อมือออกจากมือหนา 

     

    “ไม่ปล่อย  แกล้งฉันก่อนทำไมหล่ะ”  ฮีชอลตอบพร้อมกระตุกยิ้มที่มุมปาก

     

    “นายมาว่าฉันก่อน”  อีทึกเชิดหน้าใส่ร่างสูง

     

    “หึ  ปากดีจริงๆนะคุณหนู  ขอลงโทษหน่อยได้มั๊ย”  พูดจบฮีชอลก็ดึงอีทึกเข้าไปที่สวนข้างล็อบบี้ของโรงแรมที่อยู่ไม่ไกลจากงานเท่าไหร่

     

     

     

     

    “ฉันเจ็บนะ”  อีทึกโวยวายยกใหญ่พร้อมกลับพยายามจิกเท้าลงกับพื้นและดึงตัวเองไว้  แต่ก็ไม่เป็นผล  แค่ฮีชอลดึงทีเดียวอีทึกก็แทบปลิวแล้ว

     

    อีทึกยังคงง่วนอยู่กับการสะบัดข้อมือฮีชอลออก  แต่ฮีชอลก็เอามือมาปิดปากอีทึกไว้ 

     

    “ชุ่ว  เงียบๆก่อน  รู้สึกเหมือนมีคนมาทำอะไรแถวนี้ไม่รู้”  ฮชอลกระซิบบอก  ได้ผลอีทึกเงียบฟังทันที  ฮีชอลค่อยๆพาอีทึกเดินมาที่  หลังต้นไม้ต้นหนึ่ง  มองไปเจอคนสองคนกำลังยืนอยู่ด้วยกัน  อีทึกกับฮีชอลเพ่งมองดีๆ  ปรากฎว่าเป็น

     

    “ซีวอน/ฮยอกแจ!!!”  ทั้งคู่เอ่ยขึ้นพร้อมกันอย่างตกใจ

     

    ก่อนจะรีบก้มหัวลงไป  หลบหลังต้นไม้

     

    “ฮยอกแจมาทำอะไรกับซีวอนหล่ะ”  อีทึกถาม  ก่อนจะพยายามเบียดตัวเข้าไปใกล้ฮีชอล  เพราะรู้สึกว่าต้นไม่เล็กไปอาจจะบังไม่พอสำหรับสองคน

     

    “ฉันจะไปรู้หรอ  มาพร้อมนายนะ”  ฮีชอลบอกแล้วดึงอีทึกเข้ามาชิดตัว 

     

    ทั้งคู่มองหน้ากัน  ก่อนจะค่อยๆยืนขึ้น  แอบยืนมองเหตุการ์ณทั้งหมด

     

    “ฮยอกแจอ่ะ  ไอ้หน้าตี๋มันเป็นใคร”  ซีวอนจับมือฮยอกแจไว้ทั้งสองข้างก่อนจะถามแล้วทำท่างองแงเหมือนเด็กๆ 

     

    “เค้ามาปรึกษางานกับฉันเฉยๆ  นายอย่ามากเรื่องได้มั๊ย”  ฮยอกแจเบือนหน้าไปทางอื่น  ก่อนจะเอามือ แล้วหันหลังให้ซีวอน


    “ง่ะ  ไม่เอาอ่ะ  หวง”  ซีวอนโอบฮยอกแจจากด้านหลัง

     

    ทำเอาคนตัวเล้กซับสีหน้าขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ 

     

    “แก้มแดงๆ  น่ารักจัง”  ซีวอนแซวก่อนจะเอานิ้วเขี่ยแก้มเนียนใสเบาๆ 

     

     

    ฮีชอลหันมามองทางอีทึกบ้าง   ที่กำลังยืนจ้องเหตุการ์ณตรงหน้าไม่กระพริบ

     

    -จะอยากรู้อะไรขนาดนั้น-

     

    ฮีชอลแอบใช้นิ้วเขี่ยแก้มนิ่มเบาๆบ้าง  ก่อนจะรีบเอาออกก่อนที่เจ้าตัวจะรู้ตัว  ฮีชอลกระตุกยิ้มเล็กๆแล้วหันไปใส่ใจกับเหตุการ์ณข้างหน้าต่อ

     

     

     

    “ฉันจะไปนอนแล้ว”  ฮยอกแจบอกซีวอน

     

    “งั้นฉันไปส่ง  พรุ่งนี้เรามีงานต้องไปทำแต่เช้า”  ซีวอนบอกพร้อมดึงมือฮยอกแจให้เดินตาม  “อ้อ  ลืม จุ๊บแก้มก่อนนอนนะ”  ว่าแล้วคนตัวสูงก็รีบหอมแก้มเนียนเร็ว  แต่ก้ยังไม่วิ่งไปไหน  ปล่อยให้คนตัวเล็กตีไหล่ตัวเองด้วยความเขิน

     

    “ไม่ต้องเดินตามมานะ”  มิวายฮยอกแจก็หันไปว่าร่างสูงกลบเกลือนความเขิน  ก่อนจะรีบเดินหนี 

     

     

     

    “แหวะ  สองคนนั้นทำอะไร ไม่อายฟ้าดินบ้างหรอไง”  อีทึกบ่นออกมา

     

    “อะไร  จะอายทำไมก็แค่หอมแก้ม  นายก็เคยหอมแก้มฉัน  ฉันก็เคยหอมแก้มนาย  แล้วอีกอย่างนายก็เคยจูบก่อนด้วยนะ  ฉันเลยจูบนายกลับ”  ฮีชอลเอามือกอดอก ก่อนจะยักคิ้วให้คนตัวเล็กที่ตอนนี้ได้แต่อ้าปากพง้าบพง้าบ  พูดอะไรไม่ออก 

     

    “ไอ้…ไอ้…”  อีทึกชี้หน้า 

     

    “นี่  อย่าด่าฉันเลย  ฉันแค่อยากจะเรียกร้องความยุติธรรม”  ฮีชอลคว้าอีทึกเข้ามาใกล้   “ขอจูบก่อนนอนแล้วกันนะ” 

     

    ว่าแล้วฮีชอลก็ประจบริมฝีปากตัวเองกับกลีบปากบางทันที 

     

    ก่อนจะผลักออก  ด้วยแก้มที่แดงขึ้น 

     

    “หวังว่านายจะไม่ฝันถึงหมูค้อนอีกแล้วนะ”  ฮีชอลยิ้มยียวนแล้วรีบเดินหนีไป 

     

    ปล่อยให้อีทึกอึ้งกับจุบที่ไม่ทันตั้งตัวเมื่อกี้ก่อนจะเรียกสติสตังกลับมาได้

     

    -ฮีชอล  ฝากไว้ก่นอเถอะ พรุ่งนี้นายไม่สงบแน่-

     

     

     

    …การแก้แค้นของปาร์คจองซู ?  ฮีชอลก็คงต้องหาทางรับมืออย่างไม่จบไม่สิ้น…

    …ซีวอนกับฮยอกแจจะลงเอยอย่างไร …

    …ฟ้าต่างลิขิต  ให้คนสองคนมาพบกัน…

     

    ………………………………..

     

    Story by ::: viOlin viOla


    J

     

    ขอบคุณสำหรับคอมเม้นมากๆนะคะ

    ^^

     

    รีดเดอร์น่ารัก  จุ๊บๆ

    จะหาความน่ารักของฮีชอลและอีทึกมาใส่เรื่อยนะคะ

     

    มีรีดเดอร์รีเควสอยากให้ซินหื่น 

    ฮ่าๆๆๆ  ไรท์เตอร์ก็ว๊อนค่า

     

    ฟิคพระเอกไม่หื่น นางเอกไม่เปลืองตัวก็ไม่ใช่ฟิคเรา  เนอะๆ

     

    ฮ่าๆๆ

    เวลายังมีอีกเยอะ  ความหื่นของฮีชอลก็ไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกัน

     

     

    ^^

    ยังไงก็อย่าลืมคอมเม้นด้วยนะคะ 

     

    แต่ว่าเราอยากให้วิจาร์ณให้หน่อยอ่ะค่ะ

    ว่าเป็นยังไงบ้าง  เราอยากรู้

     

     

    ขอบคุณสำหรับคอมเม้น น่ารักๆนะคะ

     

     

    รักรีดเดอร์เช่นเคยค่า

    ^^




    nu eng
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×