ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Future Love Onmyouji(Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #3 : Charpter.2 ผนึกวิญญาณ

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ย. 51


    Charpter.2
    ผนึกวิญญาณ
                          วันนี้เป็นวันเผาศพมาซาฮิโระ กุเรนบอกว่ามาซาฮิโระชอบที่ๆมีหิ่งห้อย เซย์เมย์จึงไปจัดเตรียมที่แถวทะเลสาบโอกุระ ซึ่งเป็นอีกที่นึงที่มีหิ่งห้อยมากกว่าตีนเขาคิฟุเนะ จัดงานง่ายกว่า และมีความหมายมาก เป็นครั้งแรกที่กุเรนเอ่ยปากหลังจากการตายของมาซาฮิโระ
                           “ เซย์เมย์… ข้าขอเผามาซาฮิโระเอง เจ้าช่วยตั้งท่าร่ายเวททีได้มั้ย? ข้าไม่อยากให้คนอื่นๆตกใจ ” กุเรนพูดด้วยแหบแห้งและโศกเศร้า เซย์เมย์พยักหน้า พร้อมกับตั้งท่าร่ายเวทโดยไม่พูดอะไร
                            กุเรนวาดมือขึ้นเหนือโลงศพของมาซาฮิโระ พร้อมกับปล่อยไฟแห่งเพลิงกาฬซึ่งเป็นของตนออกมา แต่เพลิงคราวนี้กลับใสพิสุทธิ์ จนแทบมองไม่เห็นแม้แต่น้อย มันเกิดจากจิตใจอันว่างเปล่าและโศกเศร้า ที่กุเรนแบกรับอยู่ตอนนี้ และเป็นเช่นนี้อยู่ตลอดตั้งแต่มาซาฮิโระจากไป
                             กำลังโทษตัวเองอยู่สินะ กุเรน
                             เซย์เมย์รู้ดีถึงจิตใจอันรวดร้าวของเทพหนุ่ม ความห่วงใยของมาซาฮิโระจึงสำคัญสำหรับเทพตนนี้ แต่นั่นจะไม่มีอีกแล้ว ทั้งความเจ็บช้ำนั้น จะไม่มีผู้ใดสามารถลบเลือนออกไปจากใจของโทดะผู้นี้ได้ ไม่มีทางเลยจริงๆ
                             หลังจบงานศพของมาซาฮิโระ กุเรนก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นหนึ่งวันเต็ม เทพหนุ่มรอให้ร่างของมาซาฮิโระมอดไหม้จนไม่เหลืออะไรอยู่ตรงนั้น มันเป็นเรื่องยากจะทำใจว่า ‘ มาซาฮิโระตายแล้ว ’ เขาเฝ้ารอดูมาซาฮิโระมาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่สิ ตั้งแต่เกิดเลยด้วยซ้ำ เด็กคนนี้ให้ความอบอุ่นกับเขา แก่จิตใจอันด้านชาไร้ความรู้สึกของเขา รอยยิ้มที่แสนอบอุ่นของมาซาฮิโระที่ให้เขาตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ เข้าถึงจิตใจของเขาได้มากที่สุด เขารักมาซาฮิโระ รักมากยิ่งกว่าชีวิตตัวเองและสิ่งใดๆในโลก แต่ตอนนี้เขากลับเสียมันไปแล้ว ต่อหน้าต่อตาตัวเอง
                             โทดะ หนึ่งในสิบสองเทพนักรบ ผู้เย็นชาและไร้ความปรานีอย่างที่ใครๆว่า กลับยอมแพ้ให้แก่เด็กน้อยเพียงคนเดียว ใครรู้เข้าคงขำตาย แต่ตอนนี้ไม่แล้ว ไม่มีความอบอุ่นนั่นแล้ว มีเพียงความเงียบเหงาเข้ามาแทนที่เท่านั้น
                             “ โทดะ…กลับเถอะ ” เสียงของริคุโกเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง กุเรนหันหลังเดินตามริคุโกไป แต่ก็ยังไม่วายหันไปมองที่ๆมาซาฮิโระหลับใหลไปตลอดกาล
     
              คฤหาสน์อาเบะ
                            หลังจากจบพิธีส่งวิญญาณมาซาฮิโระ ก็มีแต่ความเงียบเหงา โศกเศร้าเข้าปกคลุมคฤหาสน์อาเบะอย่างสิ้นเชิง ไม่มีเสียงทะเลาะกันระหว่างสัตว์อสูรและเด็กหนุ่ม ไม่มีเสียงหัวเราะโฮ่ๆของเซย์เมย์ที่อารมณ์ดีเวลาได้ปั่นหัวมาซาฮิโระเล่น ไม่มีเสียงตึงตังเวลาที่มาซาฮิโระอารมณ์เสียจากการถูกยั่วของเซย์เมย์จนต้องถล่มห้อง และ
                            ไม่มี มาซาฮิโระอีกต่อไป…
                             แน่นอนว่าทุกคนเสียใจต่อการตายของมาซาฮิโระ แต่นั่นยังไม่เท่าซึยุกิผู้เป็นแม่ และกุเรน เทพหนุ่มตนนี้มีชีวิตอยู่มาได้เพราะมาซาฮิโระ เขามองแต่มาซาฮิโระมาตลอด กุเรนไม่พูดแต่ทุกคน(ในกลุ่มสิบสองเทพนักรบ)ต่างก็รู้ดีว่า กุเรนกำลังพร่ำโทษตัวเองอยู่ ทั้งเรื่องในสมัยก่อน และยังมีเรื่องของมาซาฮิโระอีก นั่นก็รวมไปถึงเซย์เมย์ด้วย ชายชรารู้ดีว่ากุเรนเศร้าใจมากเพียงใด
                            หลายวันมานี้ กุเรนเฝ้าแต่เก็บตัวอยู่ในห้องของมาซาฮิโระ ดวงตาที่มีรอยยิ้มอยู่เสมอเมื่อมีมาซาฮิโระ บัดนี้กลับว่างเปล่าและหม่นหมอง แต่ตอนนี้คงทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
                            สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ มีเพียงการนิ่งเงียบ และมองดูอยู่เฉยๆเท่านั้น เพราะต่างก็รู้ดีว่าไม่ควรยุ่งเกี่ยวอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว ไม่งั้นอาจเกิดเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก
               ห้องของมาซาฮิโระ
                            ร่างสูงของกุเรน ยืนอยู่กลางห้อง เทพหนุ่มมองสิ่งรอบข้างตัวเองอย่างช้าๆและเศร้าสร้อย ไร้เงา ไร้เสียงที่สดใส ไร้ร่างของมาซาฮิโระ แววตาสีทองที่เคยสุกใสยามเมื่อมีเด็กหนุ่ม บัดนี้ขุ่นเคืองด้วยความโกรธตัวเอง หม่นหมองด้วยความเศร้าโศกจากการสูญเสียสิ่งที่รักยิ่ง แค่เพียงแรงจะยกมือยังแทบไม่มี มันหนัก ราวกับมีลูกตุ้มมาถ่วงไว้ มือใหญ่ที่สั่นเทาเอื้อมไปลูบไล้สิ่งของในห้อง เขาจะจดจำสัมผัสนี้ ทุกสิ่งที่เด็กคนนั้นเคยสัมผัส ทุกสิ่งที่เคยเก็บไว้ และในที่สุด สายตาก็มาสะดุดหยุดตรงชุดคาริกินุที่พับอยู่บนหีบเก็บผ้า เขาจำมันได้ นี่คิอ ชุดสุดท้ายที่มาซาฮิโระใส่ แม้จะซักแล้วแต่รอยเลือดก็ยังมีให้เห็นจางๆ ทุกอย่างที่มาซาฮิโระใส่ในวันนั้น ดูเหมือนว่า สึยุกิผู้เป็นมารดา จะรักษาไว้อย่างภายในห้องนี้ ราวกับว่ามาซาฮิโระยังอยู่ กุเรนรู้ว่านางเข้ามาทำความสะอาดตลอดหลังจากมาซาฮิโระตาย เขาเข้าใจความรู้สึกนั้นดี
                            เทพหนุ่มคุกเข่าลงที่หน้าหีบ พร้อมกับหยิบถุงมือของมาซาฮิโระขึ้นมา แล้วดึงแหวนทั้งสองที่ขลิบอยู่กับถุงมือออก เชือกหนังเส้นหนึ่งถูกดึงออกมาจากผ้าคาดเอวของกุเรน เขาค่อยๆร้อยแหวนทั้งสองลงไป แล้วนำเชือกหนังนั้นมาผูกคล้องคอ กุเรนลูบไล้มันเบาๆแล้วกุมมันไว้ราวกับเป็นสิ่งล้ำค่า
                            “ โทดะ… ” เสียงของริคุโกดังขึ้นเบาจากด้านหลังของกุเรน ไร้ซึ่งเสียงกลับใดๆ นั่นแสดงให้เห็นว่ากุเรนเศร้าแค่ไหนและเลื่อนลอยแค่ไหนที่ขนาดริคุโกเข้ามายังแทบไม่รู้สึก
                             “ ถ้ามาซาฮิโระมาเห็นเจ้าเป็นแบบนี้ คงเสียใจ ” ริคุโกยังพูดต่อไป
                             “ โทดะ…เด็กคนนั้นตาย เพราะชะตากำหนด มันไม่เกี่ยวกับท่าน อย่าได้… ” คราวนี้เป็นเสียงของเทนอิทสึที่ส่งมา และเป็นครั้งที่สองที่กุเรนยอมเปิดปากพูด
                             “ ข้ารู้…ข้ารู้ว่าพวกเจ้าห่วงข้ามากแค่ไหน แต่ที่มาซาฮิโระต้องตายก็เพราะข้า ถ้าข้าไปถึงที่นั่นเร็วกว่านี้ มาซาฮิโระก็คงไม่…แล้วยังเซย์เมย์อีก! ” คำพูดของกุเรนที่พร่ำโทษนี้ ทำให้ริคุโกโกรธมากเป็นครั้งแรก
                             “ โทดะ! มาซาฮิโระตายเพราะชะตากำหนดไม่เกี่ยวกับเจ้า ส่วนเรื่องเซย์เมย์ แม้พวกเราจะเคยโกรธเจ้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าเป็นคนผิด แค่ความพยายามที่จะช่วยแต่มันเกินไปเท่านั้น เจ้าไม่ได้เป็นคนผิด! ” ริคุโกขึ้นเสียงอย่างกราดเกรี้ยว ทำให้เทนอิทสึและกุเรนถึงกับอึ้งไปชั่วครู่
                             “ แต่ถ้าข้าไป… ”
                             ผัวะ!!!!!
                             หมัดลุ่นๆซัดเข้าที่ข้างแก้มของกุเรนอย่างแรงจนปากแตก ไม่ใช่ริคุโก แต่เป็นเซย์ริวที่เข้ามาตอนไหนก็ไม่รู้ นั่นเป็นหมัดที่ทำให้กุเรนได้สติ แต่เซย์ริวก็คือเซย์ริว เมื่อเริ่มแล้วก็ต้องเอาให้จบ
                             “ ข้ายืนฟังเจ้ามานานแล้ว เด็กคนนั้นตายเพราะความผิดเจ้าหรือโชคชะตากำหนดข้าไม่สน แต่ข้าทนฟังคำพูดของคนน่าสมเพชอย่างเจ้าไม่ได้ คนที่เจ้าช่วยแล้วกลับช่วยไม่ได้ มันก็คือช่วยไม่ได้ แล้วมานั่งพร่ำโทษตัวเองว่าผิดงั้นเหรอ ฮึ!คนอย่างเจ้าน่ะ มันสมควรจะตายไปพร้อมกับความมืดมิด โทดะ! ”
                              “ เซย์ริว!กรุณาสำรวมวาจาด้วย ” เทนอิทสึปราม แค่นี้โทดะก็อยากตายอยู่แล้ว ยิ่งเจอคำพูดแบบนี้ คงแทบอยากจะยื่นคอให้เซย์ริวตัดเลยเสียด้วยซ้ำ เซย์ริวพอถูกปรามจึงค่อยๆคลายโทสะลง แล้วเริ่มพูดอีกครั้ง
                              “ เซย์เมย์เรียกแน่ะ รีบไป ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทนแล้วซัดหน้าเจ้าอีกครั้ง ” เซย์ริวพูด พลางกำบังกายหายไปจากที่นั่นทันที
                               “ งั้นข้าขอตัวก่อน ” ริคุโกพูดเป็นเชิงขออนุญาตแล้วจากไปอีกคน
                               “ ข้าด้วย หวังว่าท่านคงจะสงบใจแล้วคิดอะไรได้บ้างนะ โทดะ ” เทนอิทสึพูดพร้อมกับจากไปเช่นสองคนแรก
                               กุเรนนั่งอยู่ตรงนั้นนานทีเดียว เขาพยายามสงบใจ และคิดตามที่เทนอิทสึได้ทิ้งท้าย แล้วไม่นานเขาลุกเดินไปที่ห้องของเซย์เมย์ทันที
       ห้องของเซย์เมย์
                         
                           “ มาแล้วรึ? กุเรน ” เซย์เมย์พูดโดยยังไม่เงนยหน้าออกจากระดานทำนาย
                           “ อืม… มาแล้ว เรียกข้ามามีอะไรงั้นรึ? ” กุเรนเริ่มเข้าประเด็นทันที แค่เซย์เมย์นั้นยังคงรั้งไว้นอกเรื่องอยู่
                           “ ดูท่าจะสงบใจได้แล้วสินะ… ” เซย์เมย์พูด พลางละสายตาจากกระดานไปทางกุเรน
                           “ ได้คนช่วยดีน่ะ เลยพอสงบใจได้บ้าง ว่าคุยกับเจ้าเสร็จแล้ว จะออกไปขอบใจให้สาสมเสียหน่อย ” กุเรนพูดพร้อมกับรอยยิ้มเหี้ยมปรากฏขึ้นที่มุมปาก แล้วหายไปอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นเซย์เมย์ก็ยังสังเกตเห็น ทำให้รู้ว่าใครที่จะโดนกุเรนขอบใจ
                           “ เข้าเรื่องเลยดีกว่าเซย์เมย์ เจ้าเรียกข้ามามีเรื่องอะไรอย่างนั้นรึ? ” ในที่สุดกุเรนก็ดึงเข้าเรื่องมาจนได้
                           “ ข้ายังไม่ได้บอกเจ้าเรื่องนึง ” เซย์เมย์เกริ่น เพิ่มความสงสัยให้เทพหนุ่มผู้ฟังมากขึ้น “ เรื่องอะไรงั้นรึ? ”
                            “ ตอนที่ตั้งท่าร่ายเวทเผาศพมาซาฮิโระ ข้าแอบร่ายเวทผนึกวิญญาณของมาซาฮิโระไว้… ” เซย์เมย์พูด แต่ยังไม่ทันจบประโยคกุเรนก็ถามขึ้นอย่างตกใจ
                            “ ผนึกวิญญาณ? นี่ เจ้าจะไม่ให้มาซาฮิโระ…! ” แต่ก็ยังไม่ทันจบประโยคเช่นกันชายชราก็แทรกขึ้น ก่อนที่จะเข้าใจผิดกันไปใหญ่
                            “ ข้ายังพูดไม่จบกุเรน ฟังให้จบก่อน ข้าผนึกวิญญาณไว้ก็จริง แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่ให้มาซาฮิโระไปเกิดเสียหน่อย แค่ให้มาซาฮิโระกลับมาเกิดเป็นคนในตระกูลทุกชาติก็เท่านั้น ” เซย์เมย์พูด พร้อมกับกางพัดดังพั่บ ปิดใบหน้าด้านล่างจนเหลือให้เห็นแต่ตา แต่กระนั้นความรู้สึกก็ยังปิดไม่มิด เพราะนัยน์ตาของเซย์เมย์ส่องประกายระริก อย่างสนุกสนานกับเรื่องที่ได้พูด กุเรนรู้ได้ทันทีว่าเพราะอะไร พอรู้เหตุผลใบหน้าคมของเทพหนุ่ม ก็กลายเป็นใบหน้าเซ็งอนาคตทันที
                             “ นี่ เจ้าคิดจะแกล้งมาซาฮิโระ ให้ปวดหัวเล่นอีกสินะ ” พอกุเรนพูดจบ เซย์เมย์ก็ตบเก็บพัดทันที พร้อมกับเสียงหัวเราะโฮ่ๆ อย่างถูกใจที่ได้รับคำตอบที่ตรงใจจากเทพหนุ่ม
                             “ ก็…นะ เด็กคนนั้นปั่นหัวง่ายดีออก แถมสนุกกว่าแกล้งคนอื่นๆเป็นร้อยเท่า ข้าก็เลยนึกสนุก อยากแกล้งไปทุกชาติๆ ก็เท่านั้นเอง ไม่งั้นคงเบื่อแย่ ” ชายชราพูดพลางยิ้มอย่างสนุก ทำเอากุเรนถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วก็ต้องปาดเหงื่อเมื่อคิดว่าถ้าตอนนี้มาซาฮิโระยังอยู่ แล้วได้ยินผู้เป็นปู่พูดเช่นนี้ จะเป็นยังไงกันนะ? คำตอบก็ผุดขึ้นมาให้เห็นทันที
                             เด็กหนุ่มคงจะอาละวาดพังห้อง พร้อมกับพูดด้วยความโมโหว่า ‘ ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ คิดจะทำให้ข้าปวดหัวไปทุกชาติเลยรึไงกัน?! ’ พร้อมกับฟาดหนังสือที่ม้วนไว้ด้วยความโกรธแค้นหลังจากได้ยิน ตีลงที่ที่เท้าแขนดังปั่บๆ แล้วโยนมาเฉี่ยวหัวเขาตอนเป็นสัตว์อสูรเป็นแน่ แล้วเขาก็ต้องมานั่งคอยเก็บกวาดหลังจากห้องพังพินาศ ด้วยเงื้อมมือของผู้เป็นเจ้าของห้อง คิดมาได้แค่นี้ กุเรนก็ถึงกับปล่อยคิกออกมา สร้างความแปลกใจให้เซย์เมย์ตั้งแต่ระดับปานกลางจนถึงมาก
                             “ เป็นอะไรมากรึเปล่า? กุเรน ” เซย์เมย์ถามด้วยความแปลกใจ “ ไม่มีอะไรหรอกแค่คิดอะไรเพลินๆน่ะ ” เทพหนุ่มตอบไปตามความจริงแต่ไม่ทั้งหมด เซย์เมย์เรียกเขามาบอกแค่เรื่องผนึกวิญญาณ แต่มีบางอย่างที่กุเรนเพิ่งนึกได้ จึงได้อยู่คุยกับเซย์เมย์ นานกว่าที่คิดเสียหน่อย
                             ไม่นาน เขาก็ตกลงกับเซย์เมย์เรื่องที่ได้ขอไปได้ ซึ่งเซย์เมย์เอง ก็คงรู้อยู่แก่ใจดีว่าเขาเป็นคน(เทพ)ยังไง จึงไม่มีข้อโต้แย้งใดๆในเรื่องที่เขาได้ขอไปนี้
                              ครืดดดด!!!~
                              “ จะไปแล้วรึ?กุเรน ” เซย์เมย์ถามขึ้นเมื่อกุเรนลุกไปเปิดประตูห้อง
                              “ อือ ว่าจะไปขอบใจคนที่ช่วยให้ข้า ได้สติซักหน่อยน่ะ ” กุเรนพูดพลางโค้งให้เซย์เมย์แล้วเดินออกไป
                              ร่างสูงของเซย์ริวยืนอยู่บนหลังคาคฤหาสน์อาเบะ แล้วจู่ๆก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจกับอะไรบางอย่าง
                              “ ชกหน้าข้าแล้วยังมาทำหน้าเหนื่อยใจอีกนะ! ” น้ำเสียงไม่พอใจที่คุ้นเคยดังขึ้นด้านข้าง ทำเอาเซย์ริวถึงกับสะดุ้งโหยงอย่างตกใจ
                               “ ทะ…โทดะ!เจ้าขึ้นมาทำไม? ” เซย์ริวละล่ำละลักถามด้วยความตกใจ
                               “ ขึ้นมาขอบใจเจ้าไง เซย์ริว… ” กุเรนพูดพร้อมกับปล่อยไอเย็นออกมาจากน้ำเสียง ซึ่งเซย์ริวถึงกับเกิดอาการอึ้งค้าง ใบ้(แด๊ก)กินทันที พลางหันไปมองหน้ากุเรนคู่ปรับอย่างงงๆ
                               “ รับคำขอบใจของข้าไปซะ!!! ”
                               ผัวะ!!!!!!!~
                               หมัดหนักๆลุ่นๆเพียวๆ ซัดเข้าที่ข้างแก้มของเซย์ริวอย่างแรง ทำเอาเทพหนุ่มถึงกับกระเด็นหงายหลังล้มตึงลงไปกับพื้นหลังคาอย่างแรงทีเดียว โชคดีที่หลังคาคฤหาสน์ยังอยู่ในสภาพดี ไม่งั้นคงพังครืนลงมาหลังจากเขาล้มลงไปเป็นแน่
                                “ แล้วข้าก็อยากจะบอกว่า มันก็เจ็บเหมือนกันนะโว้ย!!!! ”
            พอหลังจากมอบคำคำขอบใจที่เจ็บจี๊ดถึงทรวงแล้ว กุเรนก็กระโดดลงจากหลังคาคฤหาสน์ เข้าไปอยู่ในห้องของมาซาฮิโระทันที โดยไม่แม้แต่จะเหลียวมองคนที่ตัวเองขอบใจ จนล้มตึงไปเลยซักนิดเดียว เซย์ริวคงอึ้งที่จู่ๆตัวเองก็ถูกซัดแบบไม่ทันตั้งตัว พลางคิดในใจว่า ‘ นี่รึคำขอบใจของโทดะ? เจ็บเป็นบ้าเลยเว้ย!!!! ’
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×