ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FanFic Princess Ver.Buddyfight] blood love - เรื่องราวเจ้าหญิงกับรักไม่เป็นจริง

    ลำดับตอนที่ #3 : Story 3

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 64


    Story: <Dream>
    Original Story: Aurora's Sweet Dream
    Part:จบในตอนเดียว
    ECT:เรื่องนี้มิได้ให้ตัวละครเสียหายแต่อย่างใดหรือไม่มากก็น้อยได้ และอาจมีการปรับเปลี่ยนเรื่องของตัวละคร และทำให้ผู้อ่านรู้สึกหดหู่ใจไม่มากก็น้อย เพราะนิยายจัดทำขึ้นเพราะนีตของผู้เขียน จึงขอโทษมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ









         กาลครั้งหนึ่ง...เมื่อนานมาแล้ว ณ อาณาจักรแห่งความสงบสุขและรื่นรมย์ ปราสาทใจกลางตัวเมืองที่เด่นสง่างาม ได้มีการจัดงานเฉลิมฉลองการถือกำเนิดของทารกสาวน้อยคนหนึ่งที่ลืมตาดูโลก นามของเธอคือ'ริวเอ็นจิ ทาสุคุ' ในโถงกลางขนาดใหญ่รอบผนังและสิ่งของสีทองอร่าม พระราชาองค์หนึ่งเรียกเหล่าตัวแทนนางฟ้าแสนใจดีทั้งสามมาร่วมงานและอวยพรกับการเกิดของทารกน้อย เหล่านางฟ้าจึงอวยพรแสดงความยินดีโดยการร่ายเวทย์ให้ทั้งสติปัญญาและความงดงาม มอบเป็นของขวัญแก่ทารกน้อย ท่ามกลางความยินดีและสนุกสนานของเหล่านางฟ้าและผู้คนที่มาร่วมงาน และนางฟ้าแสนใจดีคนสุดท้ายจะร่ายเวทย์อวยพรนั้น...
         นางฟ้าแสนใจร้าย'มารีพรีเซนต์' [ชื่อผุดขึ้นมาอย่างง่ายค่ะท่านผู้อ่าน] ผู้ไม่ได้รับเชิญจากพระราชาปรากฎขึ้นตัวขึ้นมาในงานแห่งนี้ด้วย พระราชาเห็นเช่นนั้นก็เกิดความตกใจและโกรธในเวลาเดียวกันจึงสั่งให้นางออกจากงานนี้ แต่นางฟ้าแสนใจร้ายไม่ออกไปตามคำสั่งนั่นเพราะตนรู้สึกโกรธที่ไม่ได้มาร่วมงาน 

    “เด็กคนนี้น่ารักดีนิ...ผมสีฟ้าดั่งท้องฟ้า ดวงตาสีชาดกลมโตและใบหน้าน่ารักด้วย”ริมฝีปากทมิฬเหยียดยิ้ม
    “ถ้างั้นข้าขออวยพร...เมื่อเด็กคนนี้อายุครบ16ปี นางจะถูกเข็มปั่นด้ายทิ่มนิ้วและหลับไหลไปตลอดกาล” นั่นคือคำอวยพรของนางฟ้าแสนใจร้ายก่อนจะหายตัวไปพร้อมกับอีกาสีดำ เหล่านางฟ้าและผู้ร่วมงานต่างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นรวมถึงพระราชาอีกด้วย กระทั่งนางฟ้าตนสุดท้ายขึงตัดสินใจร่ายเวทย์คาฑาหนึ่งขึ้น
    “ถ้าเช่นนั้น...หากเด็กคนนี้อายุครบ16ปี นางจะถูกเข็มปั่นด้ายทิ่มนิ่วและหลับนิทรา...แต่จะตื่นขึ้นเมื่อได้รับจุมพิฆจากคนที่รักแท้...เมื่อนั้นนางจะตื่นจากนิทรา” แม้จะแก้คำสาปได้ แต่ก็ไม่ทั้งหมด...แต่ก็พอที่จะช่วยได้
         หลังจากงานในวันนั้น พระราชาจึงสั่งให้นางฟ้าทั้งสามดูแลทารกสาวตัวน้อย รวมทั้งสั่งทหารองครักษ์ทำลายเครื่องปั่นด้ายทุกเครื่องทั่วแห่งด้วยเพราะหากนางโตขึ้นอายุครบ16ปีจะไม่ได้โดนคำสาปร้าย กาลเวลาผ่านไป16ปีที่เจ้าหญิง'ริวเอ็นจิ ทาสุคุ' เติบโตขึ้นอย่างงดงามและสติปัญญาเฉียบแหลมดั่งคำอวยพรของนางฟ้าใจดี และคำสาปของนางฟ้าใจร้ายเช่นกัน...เมื่ออยู่มาวันหนึ่ง ที่เจ้าหญิง'ทาสุคุ'เดินเข้ามาในห้องปั่นด้ายจากคำสาปและเข็มใบแหลมคมทิ่มที่นิ้วและทุกอย่างก็มืดดับหายไปจนหลับนิทรา










    นั่นคือเรื่องราวของเจ้าหญิงนิทรา...ผู้เพ้อฝัน...และเส้นทางแห่งจุดจบ




         ความเหน็บหนาวเยือกเย็นรอบกาย ลมหายใจเข้าออกกที่รวยรินและเปลือกตากลมโตที่มิอาจลืมตาขึ้นสู่โลกความเป็นจริง ภายนอกอาจดูเหมือนไร้สติแต่จิตวิญญาณนั้นอยู่ในโลกแห่งความฝันที่เป็นโลกขาวและดำที่ไม่มีเส้นทางใดที่จะหลุดพ้นจากคำสาปนี้ไปได้ ในใจมีแต่คำอ้อนวอนให้ใครบางคนมาที่ตนรักมาช่วย

    “นานแล้วซินะที่มาติดอยู่ที่นี่...ถ้ามีคนมาช่วยแล้วจะเป็นใคร...แล้วเมื่อไรจะมาช่วยฉันล่ะ?”

         ทาสุคุได้แต่พึมพำแผ่วเบา ทว่าเธอคิดได้ว่าที่นี่คือโลกแห่งความฝันที่สามารถจินตนาการและบรรจงสิ่งที่ต้องการออกมาได้ ถึงอย่างนั้นโลกแห่งความฝันแห่งนี้ก็ไม่มีใครอยู่ที่นี่ มีเพียงสตรีสาวเรือนผมสีฟ้ายาวเท่านั้นที่เดินเล่นไปมาเพียงลำพัง---
    “ที่นี่คือที่ใดกัน?ช่างดูงดงามเหลือเกิน”
    “เอ๊ะ?ใครกันน่ะ!?”ดวงตาสีชาดมรกตหันไปมองตามต้นเสียงของบุรุษหนุ่มปริศนาเพียงหนึ่งที่เดินมองรอบๆก่อนจะหยุดมาตรงหน้า ความคิดหนึ่งที่ผุดขึ้นคือบุรุษคนนี้คือใคร และเข้ามาได้อย่างไร หรือเป็นสิ่งที่จินตนาการขึ้นมา...ล่ะมั้ง
    “ก่อนจะรู้จักนามของข้า...เจ้าควรเอ่ยนามเสียก่อนนะ”บุรุษตรงหน้าถามด้วยน้ำเสียงเข้มทว่าอ่อนโยน
    “จ...จริงด้วย! ฉันชื่อริวเอ็นจิ ทาสุคุน่ะ”น้ำเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อยเอ่ยนามตนเองออกไป
    “เป็นชื่อที่เพราะดีนะ แต่เหตุใดถึงอยู่ที่นี่ล่ะ?”
    “...ฉันเป็นเจ้าหญิงถูกสาปให้อยู่โลกนี้จากนางฟ้าคนหนี่งให้ติดโลกนี้น่ะ”
    “ถูกสาป?แล้วทำเช่นไรถึงจะออกจากที่นี่ล่ะ”
    “คิดว่าน่าจะต้องให้คนที่รักอย่างแท้จริงมาจุมพิตน---ด...เดี๋ยว!จะทำอะไรน่ะ!?”มือบางคู่รีบยกขึ้นผลักร่างบุรุษออกห่าง พลันใบหน้าขึ้นสีเรือนแดงขึ้นมา...เพราะเมื่อครู่เธอเกือบโดนจุมพิตจากบุรุษตรงหน้าเสียแล้ว
    “ก็อยู่ตรงนี้นี่ไง...ก็ข้าเป็นเจ้าชายนิ จะได้ช่วยถอนคำสาปให้ด้วยมิใช่รึ?”บุรุษตรงหน้าคิ้วขมวดลงเล็กน้อยพร้อมเอ่ยว่าตนเป็นเจ้าชายจริงๆเพราะการแต่งกายที่หรูหราและออร่าที่ออกมาบ่งบอกแบบนั้น...แต่ว่า...
    “แต่จะจุมพิตแบบนี้ไม่ได้ คนที่รักอย่างแท้จริงต้องจุมพิตที่โลกความจริงเท่านั้น...แต่คงริบรี่แล้วล่ะ”ทาสุคุเอ่ยน้ำเสียงเศร้าพร้อมใบหน้าหม่นลงเล็กน้อย เพราะเอาจริงๆในใจก็คาดหวังอยู่ว่าจะหลุดพ้นที่แห่งนี้ แต่รู้ตัวอีกทีที่กาลเวลาล่วงเลยจนไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรไม่มากก็น้อย ที่ติดอยู่โลกแห่งจินตนาการเพียงลำพัง
    “...ถ้าเช่นนั้นก็ช่วยมิได้...เช่นนั้นจะอยู่กับเจ้าที่นี่ได้รึไม่?”มือหนาที่หยาบกร้านทว่าอ่อนโยนและอบอุ่นทั้งสองข้างจับมือบางทั้งสองกุมมือประสานแนบเหมือนดวงตาคู่ของทาสุคุและบุรุษตรงหน้ามองด้วยความหนักแน่น
    “เจ้าอยู่ที่นี่นานแล้วมิใช่รึ?อยู่คนเดียวคงเหงาสิท่า...”รอยยิ้มและดวงตาของบุรุษตรงหน้า ทำให้ทาสุคุพยักหน้าตอบและยิ้มให้เช่นกัน รอยยิ้มของบุรุษผู้นี้เจิดจ้าราวดวงตะวันจริงๆ ความรู้สึกโดดเดี่ยวก็เช่นกัน...
    “งื้ม!บีบแก้มฉันทำไมกันล่ะเนี่ย!?”ทาสุคุร้องโอดโอย เมื่อจู่ๆบุรุษตรงหน้าจับหยิกแก้มด้วยความหมั่นเขี้ยว
    “ก็เจ้าทำหน้าอย่างกับจะเป็นดอกไม้เฉาตายอยู่เลยนิ...ยิ้มเสียเถิด ข้าบอกเจ้าแล้วนิว่าจะอยู่ที่นี่ด้วยน่ะ”
    “เข้าใจแล้วล่ะ...แล้ว...จะไม่ทิ้งให้อยู่คนเดียวใช่มั้ย?”ดวงตาสีชาดมรกตมองดวงตาของบุรุษตรงหน้าด้วยความวูบไหวพร้อมกับดวงใจดวงน้อยที่สั่นเช่นเดียวกัน แต่ภาพหวานดันหายไปชั่วพริบตาเพราะคำพูดต่อมา
    “บุรุษอย่างข้าพูดแล้วมิคืนคำ ข้าพูดจริงทำจริงแน่นอน...ถึงข้าปล่อยให้เจ้าอยู่คนเดียวก็เป็นเด็กขี้แยเสียหมดน่ะซิ”
    “ห...หาว่าฉันเป็นเด็กขี้แยเหรอ!?”
    “...เห็นหน้าแล้วอดน่าแกล้งเจ้าไม่ได้เลย...ข้าเป็นกับเจ้าคนแรกเลยนะ...ถ้าเช่นนั้น...”มือหนาแสนอ่อนโยนเอื้อมมาจับแก้มข้างหนึ่งและขยับหน้าผากแนบหน้าผากชนกันเบาๆ
    “ข้าขอสัญญา...ว่าจะอยู่กับเจ้าตลอดไปนะ”
    “ก...ใกล้เกินไปแล้วนะ นี่จงใจแกล้งรึเปล่าเนี่ย!”ทาสุคุเอ่ยพลางแก้มแดงระเรือนด้วยความเขินอาย ยิ่งจมูกตอนนี้เกือบแตะกันก็หายใจไม่ทั่วท้องราวกับมีผีเสื้อบินรอบท้อง
    “เปล่าเสียหน่อย...เอาล่ะ!พวกเราไปหาอะไรเล่นด้วยกันเถอะ!”





    หลังจากนั้นทาสุคุและเจ้าชายปริศนาก็ต่างมอบความสุขให้กันแม้ที่นี่จะเป็นดินแดนแห่งจินตนาการก็ตาม ทั้งสองต่างเล่นทั้งซ่อนหา ปาหิมะ ร้องเพลงและอีกหลายๆอย่างมากมาย หญิงสาวผู้โดดเดี่ยวมาแสนนานก็ไม่เหงาอีกต่อไป ณ ดินแดนที่เคยเป็นสีขาวดำถูกแต่งแต้มเป็นหลกสีสันสวยงาม รวมทั้งความรู้สึกของคำว่า'รัก'ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีสักวันที่ต้องจากไป แต่ภายในความรู้สึกลึกๆก็ไม่อยากไปจากที่แห่งนี้...ภายในใจลึกๆภาวนาเช่นนั้น...
    “ถ้าเวลานี้ผ่านไปช้าก็ดีซินะ...”แม้จะเป็นคำพูดที่เหมือนจะพูดเพียงคนเดียว แต่ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆได้ยินคำพูดนั้นและมองด้วยสีหน้าที่คิ้วขมวดกันเล็กน้อย
    “ทำไมเอ่ยเช่นนั้น...จะได้เจอคนที่รักแท้จริงมาถอนคำสาปและออกจากที่นี่มิใช่รึ?”บุรุษหนุ่มยกขึ้นมือหนาขึ้นลูบศรีษะสาวน้อยที่จะทำหน้าเหมือนคนขี้แยข้างๆด้วยความอ่อนโยน
    “ตอนนี้ไม่อยากจะออกไปจากโลกนี้แล้วล่ะ...โลกนี้สามารถเนรมิตสิ่งที่คิดได้...รวมทั้งได้อยู่กับนาย”มือเรียวบางทั้งสองขึ้นมากุมแนบอกตัวเอง ดวงตาสีแดงเริ่มสั่นไหวคล้ายจะร้องไห้ มือหนาของคนข้างๆเช็ดน้ำตาออกเบาๆ
    “คิดมากแล้วน่ะ...แต่ถ้าคิดว่า...คนที่มาช่วยเจ้าคือข้าในโลกความเป็นจริงล่ะ?”
    “...”เมื่อได้ยินแบบนั้นทาสุคุสงสัย ทั้งยังกระพริบตามองด้วยความมึนงงเล็กน้อย
    “ก็...ข้าอาจมีสองร่างเหมือนกับเจ้าแบบนี้ไง ข้าคิดถูกมั้ย?”รอยยิ้มบางเบาปรากฎบนใบหน้าทั้งสอง หน้าผากของทั้งสองชนกันเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้น...หัวใจดวงน้อยกลับวูบลงอย่างแปลกประหลาด
    “นั่นซินะ...ถ้าเช่นนั้น...จะอยู่ด้วยกันใช่มั้ย?”
    “ข้าเอ่ยคำสัญญาตั้งแต่วันนั้นแล้วนิ...ว่าข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้า ทาสุคุ...เพราะข้าก็รักเจ้า”เอ่ยจบริมฝีปากหนาประทับริมฝีปากบางด้วยความอ่อนโยน แม้ตอนแรกจะตกใจถึงอย่างนั้นหญิงสาวผมฟ้าตรงหน้าเลือกไม่ผลักไส ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ...แต่ตอนนี้กลับเริ่มหายไป ดวงตาที่เริ่มหนักอึ้งมันเบา การสัมผัสจากคนตรงหน้าก็เริ่มหายไปเรื่อยๆ ไม่ซิ!ภาพของคนตรงหน้าและรอบข้างมันเริ่มจางหายไป
    ไม่!ตอนนี้ไม่อยากตื่นมาเจอกับฝันร้าย!! ยังไม่ได้พูดคำว่า'รัก'เลยด้วยซ้ำ อยากอยู่ที่นี่...อยากอยู่กับคนรัก อยากบอกความรู้สึกนั้นออกไป...แค่เพียงซักเล็กน้อย...ก่อนจะหายไปก็ยังดี...ส่งมันให้ที...


    ความรู้สึกและคำพูดของข้ากับชายคนนั้น...


    “ข้า...รั...ท่...น”














    เปลือกตาบางลืมตาขึ้นกระพริบเบาๆ ดวงตาสีแดงมรกตมองรอบๆ ทาสุคุตื่นจากโลกความฝันมาสู่โลกแห่งความจริงแล้ว...และคำภาวนาที่คนที่ช่วยคงจะเป็นเจ้าชายคนนั้นที่เจอในโลกความฝันตามสัญญา
    “ตื่นขึ้นแล้วซินะ”เสียงทุ้มของชายหนุ่มที่ไม่คุ้นเคย รวมทั้งใบหน้าของคนตรงหน้าด้วย
    “นาย...เป็นใคร?”
    “ฉันชื่อกาเอ็น เคียวยะ เป็นเจ้าชายที่มาช่วยเธอ แล้วก็...พ่อของเธอจัดงานพิธีอภิเสกสมรถของเธอกับฉันถ้าสามารถจุมพิตให้ฟื้นขึ้นมาไง เจ้าหญิงของฉัน”...กาเอ็น เคียวยะ ชายคนนี้น่ะเหรอที่ช่วยตน...คือเจ้าชายแห่งโชคชะตา...เป็นคนละคนกับคนที่เจอไหนฝัน!!?
    “...ไม่จริงใช่มั้ย...ความจริงต้องเป็นนายซิ...มันไม่ใช่แบบนี้...สัญญาแล้วไม่ใช่เหรอไง!!คนโกหก!!”เสียงหวีดร้องเสียงดังของหญิงสาวและน้ำตาใสที่ไหลออกมา คนรอบๆชะงักตกใจกับท่าทางรวมทั้งคำพูดของนาง

    'ทั้งที่สัญญากันแล้วแท้ๆ...ว่าจะเจอกันถ้าตื่นขึ้นมาจากคำสาปจะเจอกับท่าน และจะอยู่ด้วยกันตลอดไป'

    “เธอร้องไห้นะ เจ้าหญิงของฉ---”
    “ฉันไม่ใช่เจ้าหญิงของนาย!!”มือถูกสบัดออกอย่างแรง ใต้ดวงตาขอบแดงก่ำจากการร้องไห้และมองด้วยสายตาที่ดุดันและความโกรธมองมาที่ชายตรงหน้าและผลักร่างของเขาลงอย่างแรงจนก้นกระแทกกับพื้น ความรู้สึกเหมือนเข็มหลายเล่มแทงหัวใจที่คนที่ช่วยไม่ใช่ชายในความฝันแต่เป็นชายแปลกหน้าที่บอกว่าจะแต่งงานด้วย การแต่งงานกับคนที่พึ่งเจอครั้งแรก...และคนที่ไม่ได้รักอีก น่าขำสิ้นดี น่าสมเพชซะจริง...
    ถ้าหากนี่เป็นโชคชะตาสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ขอไม่รับมันซะดีกว่า!เพราะเธอไม่ได้รักชายคนนั้น แต่รักชายคนนั้น...เจ้าชายแสนอบอุ่นดั่งพระอาทิตย์ที่เจออยู่ในโลกแห่งความฝัน ชื่อของเขาก็ยังไม่ได้ถามออกไป ชายที่สัญญากับเธอว่าจะอยู่ด้วยกัน แต่สุดท้ายคำสัญญานั้นก็เป็นคำโกหกหลอกลวง อยากอยู่กับเจ้าชายที่ตนรัก แล้วจะไปตามหาเขาได้อย่าง...ความคิดครุ่มเครือจนแทบมืดดำ แต่ความคิดหนึ่งฝุดขึ้น
    'ถ้าเจอเจ้าชายคนนั้น...ก็ต้องอยู่ในโลกความฝันอีกครั้ง แต่ว่าหากเป็นเช่นนั้นกาเอ็น เคียวยะถอนคำสาปอีก'

    ควรทำยังไงดีล่ะ...

    'ถ้าหากจะหลับไหลไปตลอดกาลโดยไม่ฟื้นขึ้นมาล่ะ หากเป็นเช่นนั้นคงจะดีซะยิ่งกว่าอีก...ซินะ'

    “จ...เจ้าหญิง...จะไปไหนรึขอรับ!?...เจ้าหญิง!!”ฝีเท้าทั้งสองของหญิงสาวผมฟ้ารีบวิ่งออกจากห้องโดยไม่สนใจเสียงหรือท่าทางของคนรอบข้าง โดยจุดมุ่งหมายที่จะไปนั้นคือห้องที่เกิดจุดเริ่มต้นที่ไปโลกแห่งความฝันได้...'ห้องเย็บผ้าเก่าแก่'...ทันทีที่ประตูห้องถูกล็อคจากภายในห้อง ร่างของทาสุคุเดินตรงมาที่เครื่องปั่นด้าย เข็มปั่นด้ายนั้นยังคงตั้งตระหง่าอยู่ตรงหน้า...ตอนนี้เปรียบเสมือนดาบปลายแหลม ดวงตาสีแดงมรกตที่บัดนี้กลายเป็นแววตาว่างเปล่า ก่อนจะพาร่างของตนให้ทับกับเข็มตรงหน้า ก่อนที่จะจบชีวิตลงคำพูดหนึ่งเอ่ยออกมาแผ่วเบาพร้อมรอยยิ้มอันบางเบา

    “ฉันจะตามนายไปที่นั่นแล้วนะ...แล้วจากนี้...เราสองคนจะมีความสุขที่นั่นกัน...”





    สิ่งที่เรียกว่าโลกแห่งความฝันอันนิรันดร์




















    “...”ความเงียบเริ่มเข้าปกคลุมเมื่อหญิงสาวเล่าเรื่องจบ หนังสือเล่มหนาปิดลงเบาๆพร้อมกับเสียงถอนหายใจของเธอตรงหน้า
    “เป็นเรื่องราวที่มืดมนดีนะครับ...ตอนสุดท้ายน่ะ”มิเซเรียยิ้มเจือนๆเมื่อได้ฟัง'เรื่องเล่านิทาน'จบลง
    “เรื่องเล่านี้ของมนุษย์มันจบอย่างสวยงามแท้ๆ แต่กลับท้ายที่สุด...มันก็มีความมืดมนอยู่ซินะครับ”
    “ถูกต้องแล้วค่ะ มิเซเรียซัง...”มือเรียวบางยกแก้วโกโก้ร้อนที่ตั้งบนโต๊ะขึ้นมาเป่าให้อุ่นๆก่อนจะยกดื่มจนหมดและวางไว้ดั่งเดิม
    “วาดฝันสวยหรู...แต่ความจริงนั้นมืดมน”มิเซเรียรู้ว่าสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าสื่อนั้นคืออะไร เขารู้อย่างดี...แม้จินตนาการเป็นภาพวาดงดงามเท่าไหร่ แต่ความจริงมันอาจแตกต่างจากที่คิด...และบางทีมันอาจทำให้เกิดจุดจบแสนเศร้าได้
    “...”มิเซเรียพยักหน้าเบาๆแทนการตอบ และหยิบถ้วยน้ำชาอุ่นๆขึ้นมาดื่มกับขนมปัง
    “เอาล่ะๆ ตอนนี้เรื่องเล่าก็มาถึงสามเรื่องแล้วซินะคะ~เรื่องเล่าต่อไปคงจะเป็นเรื่องนั้นซินะ...แต่ว่าเรื่องเล่าอีกเรื่องนี้ฉันชอบมากเลยล่ะนะ”หญิงสาวยิ้มบางเบาก่อนจะหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา แวปหนึ่งที่มิเซเรียเห็นหนังสือเล่มหนาแสดงภาพหนึ่งขึ้นมา รูปหน้าปกที่เป็นรูป'รองเท้าแก้วที่เปื้อนเลือด'
    “เห~เป็นเรื่องเล่าที่คุณชอบเหรอครับ?ว่าแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรเหรอครับ”
    “นั่นซินะคะ...เอาเป็นว่า...










    คงต้องรอตอนต่อไปแล้วล่ะค่ะ”







































         อา...รู้สึกถึงความสั้นของตอนนี้จัง~ หรือว่าสั้นอยู่แล้วนะ//ครุ่นคิด...ช่างเถอะ!เอาเป็นว่าเรื่องราวที่สามก็จบไปแล้ว~ โดยตัวละครที่ดำเนินเรื่องนี้คือริวเอ็นจิ ทาสุคุ นั่นเองค่ะและแน่นอนก็ดัดแปลงจากเพลงAurora's Sweet Dreamของพี่Bookiezzเช่นเดิม แต่ว่านะ...เจ้าชายในโลกความฝันตอนนั้นคือใครกันนะ? แต่กลับมาที่โลกความจริงคือกาเอ็น เคียวยะซะงั้น...เฮ้อ//ถอนหายใจและหน่วงใจแปลกๆ
         และก็...หากนิยายตอนนี้เป็นอย่างไร คอมเมนท์แสดงความคิดเห็นหรือกดปุ่มหัวใจด้านล่างได้เลย เพื่อให้อัพนิยายเรื่องนี้และเรื่องต่อไปได้...สำหรับตอนนี้ก็...ขอตัวไปทำการบ้านส่งอาจารณ์ก่อนล่ะนะ//หัวเราะแห้ง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×