คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : (past)เจ้าหมาน้อยในตรอกมืด
ก่อนหน้าเหตุการณ์ในเนื้อเรื่องหลักสักพัก
บางครั้งสึรุกิ เคียวสุเกะก็สงสัยเหลือเกิน ว่าทำไมคนอย่างเขาถึงได้มาอยู่ในสภาพนี้กันนะ
ถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะรู้สึกเหมือนโชคชะตาเข้าข้าง ที่อยู่ๆมีพวกชนชั้นสูงมาเอาใจใส่อย่างดี แต่บางทีเขาก็แอบรู้สึกว่าไอหมอนี่มันโครตน่ารำคาญเลย
“ฮาคุ”
“ค้าบ ว่าไงครับที่รัก?”พ่อหนุ่มผมสีแพลตตินั่มยาว มีหางม้าสีเงินยวงขานรับคนที่เขากอดไว้
“ข้อแรก ใครที่รักนายกัน ข้อสอง ฉันอึดอัด เลิกกอดฉันสักที”
“นับจากวันนั้นมันก็เกือบสามปีแล้วนะ แล้วเราก็อยู่ด้วยกันมาจะปีนึงแล้วด้วย เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันอีกหรอ?”
“อย่าสำคัญตัวนักเลย นายก็แค่คนที่ต้องรับผิดชอบฉันเท่านั้นแหละ”
“ไอหยา ใจร้ายจังนะ ทำไมที่รักเย็นชากับฉันจังล่ะ”
“หยุดเรียกฉันแบบนี้ได้แล้ว”บุคคลในอ้อมกอดเริ่มหงุดหงิด ชักดาบอัศวินมาจ่อคออีกฝ่ายไว้
“อะ โอเคๆ ยอมแล้วครับยอมแล้ว เคียวนี่รุนแรงตลอดเลยนะ”ฮาคุที่เหงื่อตกค่อยๆปล่อยมือออกจากอีกฝ่าย แล้วไปนั่งเงียบๆที่อีกฝั่งนึงของโซฟา
“ก็พูดรู้เรื่องนิ่”เคียวสุเกะเก็บอาวุธประจำตัวกลับเข้าที่โดยการเปลี่ยนมันเป็นรอยสัก ชำเรืองมองคู่พันธะของตัวเองที่ตอนนี้นั่งซึมเหมือนสุนัขที่โดนเจ้าของดุ
.
.
.
“…เฮ้อ ก็ได้ มานี่มา แค่แปปเดียวนะ”แต่สุดท้ายก็เป็นเคียวสะเองที่ทนมองอีกฝ่ายนั่งจ๋องไม่ไหว ตบที่ตักของตัวเองสองสามทีเป็นการบอกว่าเขาอนุญาณให้หนุนตัก
ซึ่งฮาคุก็เหมือนจะรอเวลานี้มานาน เอนตัวลงนอนหนุนตักอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
“เฮ้อ”เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งมีผมสั้นชี้แหลมสีกรมท่าเข้ม ดวงตาคมกับนัยน์ตาสีส้มได้แต่ถอนหายใจอีกครั้ง
และตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมถึงได้ใจอ่อนกับอีกฝ่ายง่ายดายขนาดนี้กัน
“นายนี่เหมือนแมวดีนะ”คนที่นอนหนุนตักอยู่เปิดประเด็น
“ตรงไหนกัน”
“ตรงที่เดาใจยาก เดี๋ยวดุเดี๋ยวใจดี ตอนอ้อนก็น่ารัก”
“ฉันไปอ้อนนายตอนไหนกัน ไม่เห็นจะจำได้”
“เห ก็วันนั้นไง ลืมแล้วเหรอ? วันนั้นน่ะนะ…”
.
.
.
ประมาณสามปีที่แล้ว
ณ เขตZ ฮาคุริวในวัย14ปีได้กลับมาเหยียบที่นี่อีกครั้ง หลังจากครั้งล่าสุดคือตอนที่เขาเกิดมา เด็กหนุ่มจากชนชั้นสูงคนนี้ไม่เคยลืมชาติกำเนิดที่แท้จริงของตัวเอง ว่าเขานั้นควรเป็นอะไรกันแน่
‘ถ้าคุณแม่ยังอยู่ที่นี่คงมีความหมายมากกว่านี้…’เขาได้แต่คิด ขณะที่เดินไปตามทางเท้าโดยมีบอดี้การ์ดสองคนประกบซ้ายขวา
ความกลัว คือสิ่งที่ตระกูลชิโรอิ ผู้ก่อตั้งแก๊ง“White Dragon”ใช้ปกครองคนอื่น และคนในตระกูลรึแม้แต่เหล่าสมาชิกต่างก็ถูกฝึกมาให้ไร้ซึ่งความกลัว
แน่นอนว่าผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวอย่างชิโรอิ ฮาคุริวจะต้องฝึกหนักกว่าคนอื่น
ในเอนโจลิโก้ ความกลัวที่ได้พบมักจะมีแต่ความกลัวของชนชั้นสูงหรือกลาง แต่ที่นี่ มีความกลัวที่หลากหลายกว่า
ผู้คนที่มากไปด้วยอำนาจก็กลัวที่จะสูญเสียอำนาจ ผู้คนที่มีความรักก็กลัวจะเสียสิ่งที่รักไป แต่ไม่ว่าจะเป็นใครลึกๆแล้วต่างก็มีความกลัวที่เหมือนกันคือ กลัวเจ็บ กลัวอดอยาก กลัวป่วย และกลัวตาย
การที่จะไร้ซึ่งความกลัวทั้งๆที่ยังมีความคิดความรู้สึกเนี้ย มันยากจริงๆนะ
“หือ?”ฮาคุริวเลิกคิ้วขึ้นเมื่ออยู่ๆมีกลิ่นบางอย่างลอยมา เป็นกลิ่นประหลาดที่หอมหวานกว่าดอกไม้หรือน้ำหอมทุกชนิดที่เคยพบเจอ
เป็นกลิ่นชวนฝันที่เหมือนสร้างขึ้นมาเพื่อเขา น่าหลงใหล และน่าครอบครอง
“พวกนายได้กลิ่นอะไรรึเปล่า”นายน้อยของตระกูลหันไปถามบอดี้การ์ดของตัวเอง พวกเขาทั้งคู่ส่ายหน้า ทำเอาคนถามแปลกใจ ก่อนจะนึกอะไรออก
บอดี้การ์ดของเขาทั้งคู่เป็นเบต้า ส่วนตัวเขาเองเป็นอัลฟ่า ถ้านี่เป็นกลิ่นฟีโรโมนมันก็พอจะอธิบายได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
แต่ว่า มันมาจากใครหรือมาจากไหนล่ะ?
“จะทำ…อะไรน่ะ”อีกอย่างที่ลอยตามมา คือเสียงสั่นเครืออันแผ่วเบา ที่ฮาคุริวเดาไว้ว่าน่าจะเป็นเสียงของเจ้าของกลิ่น
และถ้าการเดาครั้งนี้ถูกต้อง ก็แปลว่าอาจมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นในตรอกข้างๆเขา มันเป็นตรอกที่มืดแม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลากลางวัน แถมยังสกปรกและเต็มไปด้วยขยะ เรียกได้ว่าเป็นฝันร้ายของคนรักความสะอาดเลย
หากว่าเป็นเด็กเล็กหรือพวกโอเมก้าคงกลัวที่จะเดินเข้าไปเพราะอาจจะเจอกับเรื่องร้าย แต่สำหรับฮาคุริวผู้อยากรู้อยากเห็น การเข้าไปในตรอกนี้ง่ายกว่าการแกะฝาพุดดิ้งสะอีก
.
.
.
“ป-ปล่อยฉันนะ…”ต้นตอของเสียงคือเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งผมสั้นชี้แหลมสีกรมท่าเข้มอยู่ในสภาพที่เสื้อผ้าถูกฉีกออกจนไม่เหลือชิ้นดี แขนที่ถูกผู้ชายวัยกลางคนสองคนกดไว้กับกำแพงคนละข้างพยายามต่อต้านแต่ก็ไร้ผล
“แหมๆจะรีบไปไหนล่ะ ให้พวกเราได้เล่นสนุกกับแกก่อนสิ”หนึ่งในชายโรคจิตจับคางของเด็กหนุ่มเงยขึ้นเพื่อยลโฉม แก้มของเขาที่เคยขาวเนียนตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำและอาบไปด้วยน้ำตาของความกลัว
“ช่าย ไหนๆแกก็อยากงั้นก็มาปลดปล่อยความอยากให้พวกเราสะ”ชายอีกคนพูดขณะที่มืออีกข้างลูบไล้ตามลำตัวของเหยื่อที่กำลังสั่นไปทั่วทั้งร่าง ก่อนจะย่อตัวลงหวังจะลิ้มรสเนินเนื้อของเด็กวัยรุ่นที่ไม่เคยได้ลิ้มลอง
แต่ก็ ไปชิมในชาติหน้าเถอะนะ
“อั่ก!”ทั้งคู่ถูกชายสองคนในชุดสูทดำติดเข็มกลัดลายมังกรของแก๊งมาเฟียชื่อดังล็อกคอเข้าให้
“นี่พวกมึงเป็นใครกันหะ!?”พวกมันทั้งโวยวายและดิ้นรน แต่ก็ไม่สามารถต่อกรกำลังแขนของทหารรับจ้างได้เลยแม้แต่น้อย
ส่วนเด็กชายผู้เคราะห์ร้ายหลังหลุดพ้นจากเงื้อมมือของพวกโรคจิตติดสัดมาได้ก็ได้แต่นั่งกอดตัวเองอยู่อย่างงั้น ไม่ใช่แค่เพราะสภาพที่ดูไม่ค่อยดี แต่สองขาของเขานั้นอ่อนแรงเกินกว่าจะลุกขึ้นยืน
ดวงตาคมที่เต็มไปด้วยน้ำตาเริ่มพร่ามัวพร้อมๆกับอุณหภูมิร่างกายที่สูงเกินร่างกายมนุษย์ปกติ ตัวเขาทำได้เพียงหอบหวังให้ไอร้อนจากร่างกายออกไปบ้าง ก่อนที่หางตาจะเห็นเท้าของใครสักคนเดินใกล้เข้ามา
พึ่บ
ผู้มาใหม่ถอดแจ็กเก็ตสีขาวของตนมาคลุมเรือนร่างของลูกหมาที่กำลังสั่นกลัวไว้ นั่งคุกเข่าข้างเดียวต่อหน้าอีกฝ่ายแล้วค่อยๆลูบไล้ตามไรผมสีกรมท่าอย่างแผ่วเบาเพื่อปลอบขวัญ
“นายน้อยครับ จะเอาอย่างไงกับพวกมันดีครับ”หนึ่งในบอดี้การ์ดถามผู้เป็นนายของตนในตอนนี้ว่าจะให้ทำอย่างไงกับคนในอ้อมแขนพวกเขา ฝ่ายถูกถามครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะถามบางอย่าง
“หน่วยเก็บกวาดที่อยู่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างไปเท่าไหร่”
“ประมาณห้าถึงสิบนาทีครับ”
“อืม งั้นก็ตามนั้น”ชายหนุ่มดีดนิ้วข้างขวาดังเป๊าะ
“เฮ้ย! จะทำอะไรพวกกูน่ะ!? ปล่อย-”
กร็อบ
.
.
.
“ไหนดูสิ๊”ฮาคุริวเปิดมือถือฝาพับสีแดงที่ตกอยู่ข้างๆเด็กหนุ่มในขณะที่บอดี้การ์ดของเขากำลัง‘เก็บกวาด’ จากรูปหน้าจอที่เป็นรูปถ่ายรวมครอบครัวก็พอจะทำให้เขาเดาเจ้าของมือถือเครื่องนี้ได้
“นี่ นายชื่ออะไรเหรอ”
“ค-เคียว เคียวสุเกะ”เจ้าของมือถือตอบด้วยเสียงกระเส่า แววตาสีส้มคู่นั้นไม่ได้มีกามารมณ์แฝงอยู่เหมือนโอเมก้าส่วนใหญ่ ในยามที่จ้องไปในตาของเขา มันมีแต่ความทรมานที่มากล้น มากเกินกว่าที่ตัวเขาคนเดียวจะรับมือไหว
“ไหวรึเปล่า?”ฮาคุริวละสายตาจากมือถือมาสนใจอีกฝ่ายที่ยังสั่นอยู่
“ไม่…”เคียวเริ่มหน้ามืด วินเวียนจนแทบจะฟุบลงไปนอนกับพื้น เมื่อเห็นว่าท่าจะไม่ดี ฮาคุริวดึงอีกฝ่ายให้มาพิงตัวเองไว้ก่อนจะถาม
“งั้น พอจะบอกทางไปบ้านได้มั้ย?”
“อ-อือ…”เคียวพยักหน้าพร้อมตอบรับด้วยแรงที่เหลือน้อยนิด
“ถ้างั้น เราไปกันเถอะนะ เผื่อแอร์ในรถจะพอบรรเทานายได้บ้าง”ฮาคุริวอุ้มอีกฝ่ายขึ้น ถึงจะปิดบังได้ไม่หมดแต่อย่างน้อยแจ็กเก็ตสีขาวตัวนี้ก็คลุมส่วนสำคัญของเคียวได้มิดชิด
แต่ในระหว่างกำลังเดินไปที่รถ ฮาคุริวก็เกิดความคิดแปลกๆที่ไม่ควรคิดขึ้นมา
‘นอกจากยาและก็เรื่องอย่างว่า อีกอย่างที่พอจะบรรเทาความทรมานจากการฮีทได้คือกลิ่นของคู่พันธะนิ่หน่า แต่ว่าก็ได้ผลแค่บางคู่นิ่ แถมเราก็พึ่งจะเจอกัน จะทำแบบนั้นมันก็…’
“เฮ้ย เคียว เคียวสุเกะ!”ฮาคุริวพยายามปลุกคนในอ้อมแขนที่หมดสติไปสะแล้ว เกิดมาก็พึ่งเคยเจอคนที่สลบเพราะอาการฮีทนี่แหละ
‘ช่วยไม่ได้… ขอทดลองหน่อยละกันนะ’
.
.
.
“อือ…”ลมเย็นจากแอร์ของรถสุดหรูและกลิ่นบางอย่างปลุกเคียวขึ้นมา ถึงจะยังรู้สึกร้อนวูบวาบอยู่บ้างแต่อาการก็ทุเลาแล้ว และพอดวงตาเปิดกว้างชัดเจน ก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนตักใครบางคน!?
“ตื่นสักทีนะ ดีขึ้นรึยัง?”ฮาคุริวถามคนที่นั่งตักเขาอยู่พลางลูบหัวอีกฝ่ายไปด้วย ตอนแรกก็กะจะให้ซบอกเขาไว้แต่ด้วยขนาดตัวกลายเป็นว่าตอนนี้เคียวกำลังซุกซอกคอเขาอยู่
“อ-อืม”เคียวผู้เลิกลั่กใช้แรงที่เหลือดึงตัวเองมานั่งข้างๆอีกฝ่ายแทน ก่อนจะรู้สึกเจ็บแปลบที่หลังคอ พอคลำดูก็รู้สึกเหมือนมีรอยบางอย่างอยู่ตรงบริเวณนั้น“นี่มัน เกิดอะไรขึ้นน่ะ..?”
“…แหะๆๆๆ”ฮาคุริวได้แต่ขำแห้งอยู่อย่างงั้น แต่แค่นั้นก็พอจะทำให้อีกฝ่ายเดาออกแล้วล่ะ
“นี่นาย ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกันฮะ!?”เคียวกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายที่นั่งข้างๆอย่างโกรธเคือง ทำเอาบอดี้การ์ดชุดดำสองคนที่นั่งเบาะหน้าหันขวับมามองทั้งคู่ แต่ฮาคุริวรีบเบรคสองคนนั้นไว้ก่อน
“ก็ฉันไม่รู้จะต้องทำไงนี่หน่า ยาแก้ก็ไม่มี รึว่าอยากให้ฉันทำเรื่องอย่างว่าให้แทนเล่า”
“แต่ว่า แบบนี้ฉันก็…”
“เอาน่าๆ ตอนนี้ก็ช่วยบอกที่อยู่นายมาก่อนนะ จะได้ออกรถกันสักที”ฮาคุริวยื่นมือถือฝาพับสีแดงให้เจ้าของ พอเห็นมือถือของตัวเองเคียวก็รีบคว้ามันมาทันที
“อะ ไปตามนี้”หลังจากกดอะไรสักพักเขาก็ยื่นมือถือให้ดู เป็นแผนที่ของเขตZที่มีจุดสีแดงระบุตำแหน่งไว้
“อืม งั้นก็ไปกันเถอะเนาะ”
.
.
.
“นี่ โกรธหรอ?”ฮาคุริวทักเคียวที่กำลังนั่งไขว่ห้างพลางเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ดูเหมือนคุณหนูมากกว่าคุณหนูตัวจริงอีก
“ก็ต้องโกรธดิ นายเป็นใครก็ไม่รู้อยู่ๆมาทำพันธะกันงี้ฉันไม่เชือดคอก็ดีแค่ไหนแล้ว แต่ก็…ขอบคุณที่ช่วยไว้ละกัน”
“นี่นาย… เป็นพวกซึนเดเระเหรอ?”
“ไม่ใช่”
“เอ แต่ไอการพูดแนวๆนี้มัน-”
“ไม่ใช่”
“ม-ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ว่าแต่พูดคล่องขนาดนี้หายฮีทแล้วเหรอ?”
“ไม่แน่ใจเหมือนกั- อะ”พูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างกายของเคียวก็เริ่มร้อนขึ้นเหมือนมีไฟสุมในอก สองแก้มขาวเนียนเริ่มเปลี่ยนสีอีกรอบ ทำเอาคนที่นั่งข้างๆสะดุ้งโหยง
“เฮ้ยเคียว นายโอเคมั้ย? เหวอ!?”ฮาคุริวหันมากะจะดึงอีกฝ่ายมาดูอาการ แต่รอบนี้เขากลับเป็นฝ่ายโดนดึงสะเอง เคียวขึ้นนั่งตักและโอบคอผู้ที่ตอนนี้เป็นคู่พันธะของเขาไว้ ซุกเข้าที่ซอกคออีกฝ่ายอย่างโหยหาย“ท-ทำอะไรน่ะ!?”
“หอมจัง…”เด็กหนุ่มสูดดมกลิ่นกายอีกฝ่ายจนเต็มปอดราวกับว่าเสพติดมันเข้า ทำเอาคนที่โดนซุกเลิกลั่กแต่ก็ปล่อยไว้อย่างงั้น พลางลูบแผ่นหลังเรียบเนียนและไร้สิ่งปกปิดอย่างแผ่วเบาที่สุด เหมือนกำลังลูบไล้สมบัติที่ตนหวงแหน
“นาย…ชอบเหรอ?”ฮาคุริวถามคนที่กำลังกอดคอเขาไว้ซึ่งก็ได้คำตอบเป็นการพยักหน้า ตัวเขาเองก็ไม่นึกว่ามันจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้น แต่อย่างน้อยสุนัขดุร้ายที่เอาแต่ขู่เมื่อกี้ก็กลายร่างเป็นลูกแมวจอมอ้อนแล้ว ปล่อยไว้แบบงี้ละกัน
‘น่ารักจัง น่าเอากลับบ้านชะมัด’
.
.
.
ในที่สุดรถสุดหรูหราของลูกเจ้าพ่อก็มาถึงจุดหมาย เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นหลังเล็กๆ จากการคาดคะเนน่าจะมีสองห้องข้างล่างและสองห้องข้างบน แต่พอเอาจริงๆสำหรับชนชั้นต่ำนี่ถือว่าหรูเลย
“บ้านนายอยู่กันหลายคนเหรอ?”ฮาคุริวถามเคียวที่ถูกเขาอุ้มท่าเจ้าสาวลงจากรถ
“ก็แค่เคย… ตอนนี้เหลือแค่ฉันกับน้องสาว”หลังจากผ่านการซุกไซ้กันมาสักพักอาการฮีทของเคียวก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง นับว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ของวันนี้เลย
“ง-งั้นหรอ”พอรู้สึกว่าจะเผลอจี้จุดอีกฝ่ายเข้าเขาก็ไม่ถามอะไรเพิ่ม พาคนในอ้อมแขนมากดออดหน้าบ้าน
ปิ๊งปอง
“หวัดดี นั่นใคร”เด็กสาวรูปร่างสูงโปร่ง มีผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตและดวงตาสีแดงกลมโตสดใสเปิดประตูออกมาดูผู้มาเยือน ก่อนที่จะหน้าซีดเมื่อได้เห็นสภาพของ‘พี่ชาย’ที่ตอนนี้ดูไม่ได้สุดๆ“พี่เคียว!? มันเกิดอะไรขึ้นกันน่ะ? บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“ใจเย็นๆก่อนนะริ พี่ไม่เป็นอะไรหรอก ไปหยิบยาแก้ฮีทมาให้พี่ก่อนไป”
“รับทราบค่ะ… ส่วนแก เข้ามาสะ”ฮาริหรือริเดินกลับเข้าไปค้นของในบ้าน ในขณะที่ฮาคุริวอุ้มพี่ชายของเธอเข้าบ้านมา แล้วค่อยๆวางเคียวลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น
“ขอบคุณ ว่าแต่ทำไมต้องช่วยฉันขนาดนี้ด้วย?”เคียวตัดสินใจถามคำถามที่เขาสงสัยมาสักพักแล้ว
“ก็…ไม่รู้เหมือนกัน แต่นายไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ จริงสิ ฉันยังไม่เคยพูดชื่อตัวเองเลยนิ่หน่า ฉันชื่อฮาคุริวนะ”
“อืม จะจำไว้ก็แล้วกันนะ ฮาคุริว”
“พี่เคียวคะ ยากับเสื้อผ้าค่ะ”ในขณะเดียวกัน ริเดินมาหาทั้งคู่พร้อมทุกอย่างที่เคียวต้องใช้ในตอนนี้ เธอจ้องเขม็งมาที่คนแปลกหน้าอย่างไม่ไว้ใจ ทำเอาฮาคุริวเริ่มเหงื่อตก
“ถ-ถ้างั้น ฉันไปก่อนนะ”ฮาคุริวอำลา แต่ยังไม่ทันได้ออกจากห้อง ก็ถูกเรียกไว้ก่อน
“เดี๋ยว! ฮาคุริว!”เคียวเรียกคนที่กำลังจะเดินออกไปพลางโยนเสื้อแจ็กเก็ตสีขาวซึ่งเป็นของอีกฝ่ายคืนไป
“อะ”ฮาคุริวหันกลับมารับเสื้อของตัวเอง เขาลืมมันไปสนิทเลย“ข-ขอบใจ งั้นฉันไปจริงๆแล้วนะ”
.
.
.
“…เฮ้อ”หลังจากขึ้นรถมา ฮาคุริวก็ถอนหายใจตลอดการเดินทางกลับเอนโจลิโก้
“นายน้อยคิดถึงเขาสินะครับ”หนึ่งในบอดี้การ์ดเปิดบทสนทนา ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะมองว่าเป็นการล้ำเส้น แต่เขารู้ดีว่าถ้าเขาไม่พูดก่อนอย่างไงนายน้อยของพวกเขาก็ต้องพูด
“อืม ใช่ แบบนี้เขาเรียกว่าคลั่งรักรึเปล่านะ…”
“ถึงโอกาสมันจะน้อย แต่ก็มีคนที่คลั่งรักใครสักคนตั้งแต่แรกเห็นอยู่เหมือนกันนะครับ ผมว่าหนึ่งในนั้นมีนายน้อยอยู่ด้วยล่ะ ฮ่าๆๆๆ”บอดี้การ์ดอีกคนผสมโรง
“แหม ได้ทีแล้วเอาใหญ่เลยนะ อยากให้ฉันฟ้องเรื่องที่นายโดดงานมั้ย?”นายน้อยขู่อีกฝ่ายแบบที่เขาถนัด
“ม-ไม่กล้าหรอกครับ…”
“เฮ้อ จะมีโอกาสได้มาที่นี่อีกมั้ยนะ…”
อยากเจอทุกวันเลยล่ะ…
.
.
.
“อีกห้าวันการแข่งขันแรกของพวกเราก็จะเริ่มสินะคะ?”
“อืม หลังจากนี้ ผู้คนจะรู้จักพี่ในฐานะกัปตันของทีมเล็กๆที่ไม่น่าจดจำล่ะ”
“เพราะงั้นวันนั้นพี่ก็ต้องลุยให้เต็มที่สิคะ! เอาให้ทั้งโลกจดจำพี่เลย!”
“ฮะๆ เธอก็พูดเกินไปนะริ”
อ่ย ในที่สุดก็เป็นไทแล้วโว้ยยยยย ตอนท้ายๆสำนวนจะเริ่มแปลกๆหน่อยนะครับเนื่องจากว่าผมเขียนจนเช้าติดต่อกันหลายวันพอมาช่วงท้ายๆสมองเริ่มรับไม่ไหวสะได้ อย่างไงก็ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะครับ
ในตอนนี้ นอกจากเปิดเผยการเจอกันครั้งแรกของฮาคุกับพี่น้องบ้านสึรุกิแล้ว ยังเปิดเผยอาการฮีทของเคียวที่ไม่ค่อยเหมือนใครด้วยครับ โดยเขาจะมีอาการเหมือนโอเมก้าคนอื่น แต่ที่หายไปคือความต้องการทางเพศที่ไม่มีเลยสักนิด แถมบางครั้งเขาก็ทรมานสะจนสลบไปเลยล่ะครับ แต่หลังจากนี้จะมีคนดูแลแล้วน้าาา หุๆๆๆ
ความคิดเห็น