NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC ALL] ALPHATOPIA

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 1 : One night stand

    • อัปเดตล่าสุด 1 ต.ค. 65


     

    บทที่ 1 : ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน

     

     

    ชาร์ล เฟาสต์ เป็นประธานาธิบดีคนล่าสุดของประเทศอัลฟ่าโทเปีย เขารับเลี้ยงบุตรชายบุญธรรมชาวเกาหลีใต้เอาไว้คนหนึ่ง เนื่องจากต้องการทายาทไว้สืบสกุลและสร้างบารมีให้กับตระกูล แน่นอนว่าชาร์ลอบรม เลี้ยงดู และสั่งสอนเด็กคนนั้นเป็นอย่างดี ส่งเขาเข้าเรียนในที่ดีๆ ให้เงินทองและทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการ

    ดีหมดแทบทุกอย่าง

    ยกเว้นแค่เรื่องเดียว

    เรื่องที่เขามัวแต่ยุ่งกับงาน จนไม่ค่อยมีเวลาให้กับเด็กคนนั้น…

    ณ ศูนย์ฝึกซ้อมกีฬาเทควันโดแห่งหนึ่งในเมืองเอนโจลิโก้ ในเวลาปัจจุบัน

    ผัวะ!!

    "ย้ากกก!!!"เด็กหนุ่มนักสู้เทควันโดสายดำ เจ้าของเรือนผมและนัยน์ตาสีน้ำตาลอมทองดูยุ่งเหยิงสวมเฮดการ์ดสีแดงและเกราะไฟฟ้าพยายามเหวี่ยงเท้าเตะนักสู้เทควันโดสายดำตรงหน้าที่ไม่ได้สวมอุปกรณ์ป้องกันอะไรเลยอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ทว่าก็ไม่โดนอีกฝ่ายซะที

    "สูงกว่านี้หน่อยสิ เพอร์"

    "นี่ยังไม่สูงพออีกหรอ พี่!!"เด็กหนุ่มวัยรุ่นบ่นรุ่นพี่หนุ่มชาวเกาหลีใต้ ร่างสูง หน้าคมหล่อตาตี๋ ผิวขาว จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากมีน้ำมีนวลไม่แห้งแตก คิ้วสวยเข้มได้รูป ร่างกายดูแข็งแรงสมชายชาตรี มีกล้ามเนื้อแน่น บ่งบอกถึงผลจากการที่เจ้าตัวออกกำลังกายเป็นประจำที่เตือนเขาด้วยความหวังดี

    "นี่เรียกว่าสูงแล้วหรอ อาทิตย์หน้าก็จะถึงวันแข่งแล้วนะ ตั้งใจหน่อย!!"

    "ครับผม!!!"

    ป้าบ!!

    "เฮ้อ.."

    โรเซ่ แอคเคอร์มัน เด็กหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาและเส้นผมตรงเรียบตัดสั้นระต้นคอสีน้ำตาลแดง สวมเสื้อคอเต่าแขนกุดสีดำ กางเกงยีนส์สีขาวกับรองเท้าบูธครึ่งแข้ง คลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีขาว นั่งเท้าคางมองเพื่อนหนุ่มคนสนิทที่อยู่รุ่นเดียวกันอย่าง เพอร์เลย์ วีเรนโค กำลังฝึกซ้อมเทควันโดกับรุ่นพี่หนุ่มคนสนิท ผู้เป็นถึงนักกีฬาเทควันโดระดับทีมชาติ และยอมอุตส่าห์สละเวลามาติวเข้มให้เป็นพิเศษ ตามคำขอร้องของเพอร์ที่ต้องการจะคว้าเหรียญทองในรายการการแข่งขันกีฬาเทควันโดรุ่นเยาวชนระดับประเทศนั่นเอง

    แต่การติวนี้ช่างโหดเอาเสียเหลือเกิน

    "อ๋อย.."

    ตุ้บ ไม่กี่นาทีต่อมาเพอร์ก็ลงไปนอนแผ่บนพื้นอย่างหมดแรง

    "ลุกขึ้น"

    "เฮ้อ ขอร้องล่ะพี่ ขอพักห้านาที.."

    เพอร์ขอร้องอีกฝ่าย อ้าปากลิ้นห้อยอย่างเหน็ดเหนื่อย เหมือนลูกหมากำลังขาดน้ำ

    "นี่ ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมากนะ เพอร์ ถ้าแค่นี้เหนื่อยแล้วนายจะไปสู้กับคู่แข่งในวันจริงได้ไง?"

    "แต่ผมว่าผมคงจะตายเพราะพี่ก่อนซะมากกว่า"

    เพอร์บ่นก่อนจะยันตัวลุกขึ้น ก่อนที่โรจะเดินมาหาและส่งขวดน้ำเย็นๆให้ดื่ม

    "ขอบคุณ"

    อึกๆๆ แล้วเพอร์ก็กรอกน้ำเข้าปากอึกใหญ่ ก่อนจะหันไปหารุ่นพี่หนุ่มหลังจากดื่มน้ำเสร็จ

    "พี่ฮะ"

    "หือ?"

    "สุขสันต์วันเกิดนะ"

    ฉับพลัน ชายหนุ่มก็หันมามองเพอร์ ด้วยความประหลาดใจ

    "นี่นายจำได้ด้วยเหรอ?"

    "ผมไม่เคยลืมหรอก และจะไม่มีวันลืมด้วย"เพอร์กล่าวด้วยรอยยิ้มเพราะแต่ไหนแต่ไร เขาก็เป็นคนที่แทคแคร์คนรอบข้างก่อนอยู่เสมอ ดังนั้นมันจึงไม่แปลกที่เขาจะจำวันเกิดของรุ่นพี่หนุ่มคนสนิทได้

    "ขอบคุณที่ยังจำได้อยู่"

    "แต่ขอโทษนะ ผมไม่ได้เตรียมของขวัญให้พี่เลย.."

    "ไม่เป็นไร "ชายหนุ่มกล่าว ก่อนจะหยิบโทรศัพท์โฮโลแกรมขึ้นมาดูเวลา"เอ้า ห้านาทีแล้ว ซ้อมต่อ"

    "หา!!เร็วจัง!!"

    "อยากแพ้ไหมล่ะ ฉันจะได้กลับ.."

    "ซ้อมคร้าบบบบบบ แฮ่ๆ"

    หลังจากนั้น เพอร์ก็ซ้อมเทควันโดกับรุ่นพี่หนุ่มต่อ จนถึงตอนเที่ยง ก่อนจะแยกย้ายกัน

    "ว่าแต่พี่จะไปไหนต่อเหรอ?"เพอร์ถาม

    "ไปเยี่ยม คู่หมั้น ของฉันน่ะ เธอไม่สบาย ตอนนี้พักผ่อนอยู่ที่บ้าน"

    "ว้าาา แย่จัง"เพอร์กล่าว ขณะที่เขากับโรเดินมาส่งรุ่นพี่หนุ่มที่รถแลมโบกินี่สีดำที่จอดอยู่ตรงลานจอดรถนอกอาคาร

    "ไปล่ะนะ"

    "โชคดีครับ พี่มินโฮ "

    เพอร์บอกลารุ่นพี่หนุ่ม ก่อนที่เขาจะขับรถออกไป

    มินโฮ เฟาสต์ บุตรชายบุญธรรมของประธานาธิบดีคนปัจจุบันแห่งประเทศอัลฟ่าโทเปีย เขาคือชายหนุ่มผู้มากพรสวรรค์ ทั้งด้านกีฬา การเรียน และหน้าตา

    เป็นนักกีฬาเทควันโดระดับทีมชาติที่ใครหลายคนต่างก็จับตามอง

    เป็นคนเนื้อหอม และสเน่ห์แรงจนใครหลายคนหวังอยากได้เป็นคู่ครอง

     

    และวันนี้ก็เป็นวันเกิดครบรอบอายุ 22 ปีของเขาพอดี

     

    ณ 'THAi GO' ร้านอาหารไทยเล็กๆแห่งหนึ่งในใจกลางเมืองเขต Z

    "แอน มีข่าวมาบอก"เด็กสาววัยรุ่นชาวญี่ปุ่นอายุ 16 เจ้าของร่างสูงโปร่ง ผู้มีนัยน์ตาสีแดงทับทิมกลมโตภายใต้ตาขวางอันดุร้ายที่ทำให้หลายคนไม่กล้าเข้าใกล้นอกจากคนที่รู้จักและเรือนผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตที่ถูกย้อมเป็นน้ำตาลม่วงหม่นอันยาวสลวยซึ่งมัดเป็นทรงแกละผูกโบว์สีแดงสองเส้นเหนือศีรษะ แต่งกายในชุดเสื้อยืดสีขาวแขนสั้นทับด้วยเสื้อฮู้ดสีเขียว สวมถุงมือครึ่งนิ้วสีดำ กางเกงขายาวดำล้วนและรองเท้าผ้าใบสีขาว ได้วิ่งมาหา แอน บุญช่วย เด็กสาวชาวไทยผู้มีผมฟูฟ่อง ตัวผอม แต่มีผิวสีแทนเนียนนุ่ม สวมชุดไทยห่มผ้าสไบคงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ลูกสาวเจ้าของร้านอาหารไทย 'THAi GO'

    "ข่าวอะไรเหรอ ริ?"แอนถาม

    "จำไอ้แก๊งยากูซ่าฮิกังบานะ ที่เคยมาก่อกวนร้านแกได้รึเปล่า?"

    "จำได้สิ ช่วงนั้นพวกเขามาอาละวาดใส่แก๊งของพี่แชงค์ที่คุมถิ่นที่นี่ คนที่อยู่ในเขต Z ตอนนั้นก็เลยพลอยซวยไปด้วย..แล้วทำไมล่ะ?"

    "พวกมันตายแล้ว ทั้งแก๊งเลย"แอนทำหน้าตกตะลึงหลังจากได้รู้ข่าว

    "ต-ตายหมดเลยเหรอ? แล้วตายยังไงล่ะ?"

    "ถามได้ ก็ถูกฆ่าน่ะสิ"

    "แล้วใครเป็นคนฆ่าล่ะ?"

    "อ๋ออออออออ ฮาเดส น่ะ"ฉับพลันทุกคนในร้านก็เงียบกริบทันทีที่ริเอ่ยชื่อของคนคนนั้นออกมา ดูเหมือนบางคนจะไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่ที่ได้ยินชื่อนี้

    กริ๊ง แต่ในขณะที่บรรยากาศกำลังตรึงเครียดนั้น จู่ๆเสียงกระดิ่งหน้าร้านก็ดังขึ้น พร้อมกับประตูที่เปิดออก

    "อ๊ะ สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับ"แอนรีบเข้าไปตอนรับกลุ่มลูกค้าผู้มาใหม่ แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเจอกับคนรู้จัก พวกเขาเหล่านั้นมีทั้งหมดประมาณห้าคน แต่ละคนล้วนใส่ชุดแบบสิงห์นักบิด กางเกงยีนส์ขาดๆ เสื้อกล้าม เสื้อยืด ชุดแนวพังค์ สักรอยสัก เจาะหูแต่คนที่ดูดีสุดคงหนีไม่พ้นแม่สาวนักซึ่งสุดเซ็กซี่ ที่มีเรือนผมสีน้ำตาลเข้ม สวมแจ็คเก็ตหนังมีฮู้ดอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ใครๆต่างก็จดจำได้ ยามเมื่อเห็นเธอ

    "พี่แชงค์"

    "ไง ทุกคน สบายดีกันรึเปล่า?"

    แชงค์ หัวหน้าแก๊งนักซิ่ง 'Slaughter' ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเขต Z ทักทายทุกคนในร้าน ก่อนจะเดินตรงไปจับจ้องโต๊ะที่นั่งว่างริมหน้าต่างในทันที อย่างใจเย็น และไม่แคร์สายตาของหนุ่มๆและสาวๆที่หันมามองเธอกับลูกน้องสักเท่าไหร่

    "ตามสบายน่า ชั้นไม่กัดพวกคุณหรอก เพราะชั้นก็เป็นคนปกติที่มาทานอาหารกลางวันกับเพื่อนๆเหมือนพวกคุณแหละ"พอแชงค์พูดเท่านั้นแหละ ผู้คนก็เริ่มคล้อยตาม บรรยากาศตึงเครียดในร้านก็หายไปในชั่วพริบตาเพราะรอยยิ้มและท่าทางที่ดูเป็นมิตรเป็นกันเองของแชงค์ที่ขัดกับบุคลิกภายนอกที่ทุกคนเห็น ซึ่งแน่นอนว่า นิสัยที่เป็นมิตรของหล่อน ผู้คนในเขต Z ต่างก็รู้ดี และพวกเขาก็ไม่เคยเกลียดชังเธอกับพรรคพวกแม้แต่น้อย เพราะแชงค์นั้นคือผู้พระคุณของพวกเขาในยามที่พวกเขาเดือดร้อน แชงค์กับพรรคพ้องคอยปกป้องและช่วยเหลือพวกเขาจากการถูกแก๊งอันธพาลจากเขตอื่นๆที่ชอบมารังควานและก่อกวนชาวบ้านในเขตนี้เสมอ

    "แอนนี่"

    "วันนี้ก็เอาเหมือนเดิมใช่มั้ยคะ?"

    "อือ"แชงค์ดีดนิ้วดังเป๊าะ"จริงสิ เมนูพิเศษวันนี้คืออะไรเหรอ?"

    "ผัดไทยค่ะ"

    "อือ งั้นขอผัดไทยจานนึง สำหรับ 'ยัยนั่น'"

    เอี๊ยดดดดดดดดดดดดด

    "นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำ"แชงค์พูดอย่างรู้ทัน เมื่อได้ยินเสียงเบรกมอเตอร์ไซค์ดังขึ้น ก่อนจะมีรถมอเตอร์ไซค์สีดำเพ้นท์ลายเปลวเพลิงสีส้มอมแดงคันงามมาจอดหน้าร้าน จากนั้นนักบิดสาวในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวถกแขนเสื้อขึ้นถึงศอก ทับด้วยเสื้อกั๊กหนังสีดำมีฮู้ด กางเกงหนังขายาวสีดำ คาดเข็มขัดปกปิดใบหน้าด้วยหน้ากากนกฟินิกส์ครึ่งหน้าสีส้มอมทองประดับขนนกปลอมสีส้ม ผู้เป็นเจ้าของรถก็ก้าวลงมาจากมอเตอร์ไซค์ และเดินเข้ามาในร้านอาหาร ตรงไปหาแชงค์กับพวกพ้องของเธอที่กำลังรออยู่

    แอ๊ดดด

    "กว่าจะมาได้นะ แม่คุณ"

    "โทษที ไปต่อยกับพวกกุ๊ยข้างถนนที่หน้าเซเว่นมาน่ะ"หน้ากากฟินิกส์บ่น ก่อนจะโยนเป้ลงบนเบาะนั่ง แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆกับเพื่อนหนุ่มผมบลอนส์ ร่างผอมที่ชื่อ ไพโร กับแม่สาวผิวสี ยัย ลิตเติ้ล แด็บบี้

    "ให้เดานะ พวก Mad Dogs อีกแล้วล่ะสิ"

    "อือ"หญิงสาวพยักหน้าตอบแชงค์

    "อาหารได้แล้วค่า"แอนก็ยกอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะของเหล่าแก๊งนักบิดพอดี

    "ขอบคุณนะ บุญช่วย"

    "ด้วยความยินดีค่ะ"

     

    ณ คฤหาสน์ตระกูลแอนเดอร์สัน ในเมืองเอนโจลิโก้

    "เป็นไงบ้าง เบอร์ลิน ลูกสาวของฉันอาการดีขึ้นบ้างรึยัง?"ชายวัยกลางคนในชุดสูท ท่าทางดูมีภูมิฐาน ถามไถ่อาการของลูกสาวสุดที่รักที่นอนซมอยู่บนเตียงในห้องนอนสไตล์คลาสสิกของเธอจากเลขาสาวร่างสูงของเธอ ผู้มีเรือนผมและนัยน์ตาสีเงิน ผิวขาวซีด สวมเสื้อเชิ้ตสีดำทับด้วยเสื้อโค้ทสีขาว กางเกงขาสั้น รองเท้าบูธสั้นหุ้มข้อ ดูองอาจและสง่างาม มีความเป็นผู้ใหญ่

    "เธอดีขึ้นแล้วค่ะ คุณท่าน "

    "เฮ้อ ค่อยยังชั่ว ลำบากเธอจริงๆเบอร์ลิน"

    "แมรี่"เสียงหวานของหญิงสาวผมบลอนส์ที่นอนอยู่บนเตียงเอ่ยเรียกชื่อต้นของเลขาคนสนิทอย่างสนิทสนม ก่อนที่ฝ่ายถูกเรียกจะเดินเข้าไปหา

    "มีอะไรเหรอคะ คุณหนู?"

    "ฉันอยากกินแอปเปิ้ล ไปปลอกให้ฉันหน่อยสิ"

    "ได้ค่ะ คุณหนูอลิซ"

    "ขอบคุณนะ"

    อลิซาเบธ สกาย แอนเดอร์สัน คือลูกสาวของนักธุรกิจและอดีตนักการเมืองชื่อดังจากตระกูลแอนเดอร์สัน ตระกูลที่ร่ำรวยเงินทองและอำนาจมหาศาล พวกเขารับใช้ประเทศอัลฟ่าโทเปียมานับรุ่นต่อรุ่น และอลิซนั้นก็เป็นทายาทคนล่าสุดของตระกูล อีกทั้งยังเป็นนักการเมืองหญิงเพียงหนึ่งเดียวในประเทศอัลฟ่าโทเปียที่เข้ามาทำงานในรัฐสภาของเมืองเอนโจลิโก้ตั้งแต่อายุ 18 ถือว่าเป็นนักการเมืองหญิงที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของอัลฟ่าโทเปียเลยก็ว่าได้ แต่เมื่อไม่นานมานี่ เธอเพิ่งจะเป็นลมกลางสภา เนื่องจากทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ เลยถูกคุณพ่อสั่งห้ามไม่ให้ออกไปไหน ต้องนอนซมอยู่กับบ้านอย่างที่เห็นเนี่ยแหละ

    "ให้ตายสิ ลูกนี่ก็นะ ไม่รู้จักดูแลสุขภาพของตัวเองเลย"คนเป็นพ่อบ่น

    "หนูจะทำอะไร มันก็เรื่องของหนู พ่อไม่ต้องมายุ่ง"หญิงสาวบ่น

    "แต่พ่อเป็นห่วงลูกนะ"

    "หนูไม่เป็นไรแล้วน่า พักผ่อนอีกสองสามวัน เดี๋ยวก็หาย"

    แอ๊ดดดด แต่ในขณะที่กำลังเถียงกับพ่อนั้น เบอร์ลินก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง โดยในมือถือจานใส่แอปเปิ้ลที่ปลอกเป็นรูปกระต่ายตัวเล็กน่ารักหลายๆชิ้นดูน่ากิน

    "คุณหนูคะ มีแขกมาเยี่ยม"เลขาสาวกล่าว ก่อนจะหลีกทางให้กับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอซึ่งมาพร้อมกับช่อดอกไม้ที่อยู่ในมือของเขา

    "สวัสดีครับ มิสเตอร์แอนเดอร์สัน"

    "ไม่ได้เจอกันนาน ดูหล่อขึ้นเยอะเลยนะ มินโฮ"ชายวัยกลางคนลุกขึ้นไปทักทาย ว่าที่ 'ลูกเขย' ในอนาคตของเขา ด้วยรอยยิ้ม

    "มาเยี่ยมอลิซใช่มั้ย?"

    "ครับ"

    "ดีเลย อลิซจะได้ไม่เหงา ฮ่าๆๆ"ชายวัยกลางคนหัวเราะ ก่อนจะตบไหล่ชายหนุ่มตรงหน้าเบาๆ

    "ยังไงก็ฝากดูแลลูกสาวแทนฉันด้วยนะ"พอพูดเสร็จ คนเป็นพ่อก็เดินออกไปข้างนอกห้อง ทิ้งให้ลูกสาวกับคู่หมั้นหนุ่มเธอได้อยู่กันตามลำพัง โดยมีเลขาสาวยืนเฝ้าอยู่นอกห้อง แล้วสักพักมินโฮก็ลากเก้าอี้กำมะหยี่สีแดงตรงโต๊ะเครื่องแป้งมานั่งข้างๆเตียงของคู่หมั้นสาว ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทสมัยเด็ก ที่ถูกจับหมั้นหมายกันมาตั้งแต่เด็ก

    "ไง เบื่อรึเปล่า?"

    "อือ เบื่อสุดๆ"อลิซตอบอย่างตรงไปตรงมา

    "แล้วเป็นไงบ้าง?"

    "พักฟื้นอีกสองสามวันเดี๋ยวก็หาย"หญิงสาวกล่าวก่อนจะหยิบจานแอปเปิ้ลที่เลขาเอามาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมา ก่อนจะชวนเพื่อนหนุ่มกิน

    "สักชิ้นไหม?"

    "ไม่อ่ะ ขอบใจ"

    "ปัดโธ่ แมรี่อุตส่าห์ปลอกเองเลยนะ จะไม่กินจริงๆเหรอ?"

    มินโฮส่ายหัว

    "ตามใจ"อลิซยักไหล่ ก่อนจะกินแอปเปิ้ลที่เบอร์ลินปลอกให้อย่างเอร็ดอร่อย

    "เออ นี่ อลิซ"

    "หือ?"

    อลิซมองมินโฮทันทีที่ถูกเขาเรียก

    "เธอบอก 'เรื่องนั้น' กับพ่อของเธอรึยัง?"

    อลิซขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

    "เรื่องอะไรเหรอ?"

    มินโฮถอนหายใจ

    "ก็เรื่องที่เธอกับเบอร์ลินเป็น คู่แห่งโชคชะตา ไง"

    พอได้ยินคำคำนั้น อลิซก็นิ่งเงียบไปในทันที 

    "ฉันว่าเธอรีบบอกก่อนที่มันจะสายเกินไปดีกว่านะ เพราะพอถึงวันนั้น..วันที่เราแต่งงานกัน เธออาจจะกลับไปแก้ไขไม่ได้อีก.."

    มินโฮเตือนอลิซด้วยความหวังดี เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าอลิซนั้นแอบรักเลขาสาวของเธอมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าตัวเบอร์ลินและอลิซนั้นจะเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน แต่กระนั้น เบอร์ลินก็เป็นเด็กกำพร้าที่พ่ออลิซเป็นคนอุปถัมภ์มาเลี้ยง ดังนั้นทั้งสองจึงไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น อลิซก็มีสิทธิ์ที่จะรักเบอร์ลินมากกว่าคำว่าพี่น้องได้ และยิ่งเป็นคู่แห่งโชคชะตาแล้ว ก็ยิ่งมีสิทธิ์ที่จะสมหวังในความรักกันทั้งสองฝ่าย

    แต่อุปสรรคอย่างเดียวสำหรับพวกเธอทั้งสองคนก็คือ เรื่องการหมั้นหมายระหว่างมินโฮกับอลิซ นั่นเอง

    "เรื่องนี้ฉันจัดการได้น่า"อลิซพูดอย่างใจเย็น"ว่าแต่ ผลตรวจเพศรองของนายออกมายัง?"

    มินโฮถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ

    "ทำหน้าแบบนี้ แสดงว่ายังไม่ได้ผลเหมือนเดิมสินะ"

    "นี่อ่านใจฉันอีกแล้วหรอ?"

    "เปล่า ก็หน้านายมันฟ้องซะชัดขนาดนี้ ต่อให้เป็นคนที่ไม่มีพลังอ่านใจแบบฉันก็ยังเดาออกเลยว่านายกำลังคิดอะไรอยู่"อลิซบอก ก่อนที่มินโฮจะพูดมองโลกในแง่ดีกับเธอว่า

    "บางทีฉันอาจจะเป็นเบต้าก็ได้นะ.."

     

    ตัดมาที่ช่วงเย็น ณ อพาร์ทเมนแห่งหนึ่งใน เขต Z

    "เจอกันพรุ่งนี้"หลังจากที่บอกลากับแชงค์และพรรคพวกแล้ว หน้ากากฟินิกส์ก็จอดรถมอเตอร์ไซค์ที่ลานจอดรถหน้าอพาร์ทเมนต์ของเธอ จากนั้นก็เดินเข้าไปในอาคาร ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นบน ตรงไปที่ห้องพักของตัวเอง แต่แล้วในตอนนั้นเอง..

    "เฮลโล่"เธอก็เจอเข้ากับสาวไทยวัย 20 เอวคอด ตัวเล็ก หน้าอกคัพ D ผิวสีน้ำผึ้ง ไว้ผมบ๊อบสีดำ ติดกิ๊ปสีขาว สวมเฮดโฟนไร้สายคล้องคอสีเงิน แว่นตากรอบกลม ปิดพลาสเตอร์ตรงบริเวณดั้งจมูกสีขาว สวมเสื้อสายเดี่ยวสีดำกับชุดกางเกงเอี้ยมสีขาว และรองเท้าผ้าใบ พอดิบพอดี

    และทันทีที่มองหน้าอีกฝ่าย เท่านั้นแหละ หน้ากากฟินิกส์ก็ถอนหายใจดังเฮ้อออกมาอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก เพราะคนที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่ใช่ใครอื่นไกลที่ไหนหรอก แต่เป็นยัยเพื่อนบ้านตัวร้ายหน้าหวานจิ้มลิ้มจอมก่อกวนที่เธอไม่ค่อยชอบขี้หน้าเอาซะเลยนั่นเอง

    "เป็น'ไรไป ไม่ดีใจที่เจอฉันเหรอ?"

    "ใครอยากเจอเธอกัน ยัยเตี้ย"

    "นี่ ฉันชื่อ พิณ ย่ะ!!แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ได้เตี้ยด้วย!!!"

    "พูดมาก น่ารำคาญ"

    "นี่หล่อน"พิณโวยพลางทำท่ากอดอก"คนอุตส่าห์ชวนคุยทั้งที จะเมินกันแบบนี้ไม่ได้นะ"

    "แล้วถ้าฉันอยากเมิน มีปัญหาไหม?"

    "อะไรกัน ฉันออกจะน่ารักคิขุ เฟรนลี่ซะขนาดนี้ ใครๆก็อยากเป็นเพื่อนฉันทั้งนั้น"พิณโม้

    "ก็คงมีแต่หล่อนเท่านั้นแหละที่ไม่สนใจฉัน.."

    ปัง!!

    "เดี๋ยวเซ่!!ฉันยังพูดไม่จบเลยนะ!!"กว่าจะโม้เสร็จ อีกฝ่ายก็เข้าไปในห้องพักเรียบร้อย และปิดประตูดังปังโดยไม่แยแสคนที่กำลังโม้อยู่ข้างนอกแต่อย่างไร

    "ชิ วันนี้ฉันจะยอมให้หล่อนสักวันหนึ่งก็แล้วกัน"พอพิณพูดจบ นางก็สะบัดบ๊อบ เดินจากไปอย่างไม่แยแส ขณะเดียวกันหน้ากากฟินิกส์ที่อยู่ในห้องพักของตัวเอง ก็เดินเข้าไปในห้องนอนที่รก ดูไม่เรียบร้อย ตามประสาสาวสายลุย

    "…."

    เธอก้มล้มไปที่ใต้เตียง และลากหีบใบใหญ่สีดำที่ซ่อนอยู่ออกมา พร้อมกับเปิดล็อกออก

    แอ๊ด ซึ่งหีบข้างในนั้น เป็นที่ใส่หน้ากากนั่นเอง และในนั้นก็มีหน้ากากอยู่สองอัน โดยอันหนึ่งเป็นหน้ากากหมาป่าครึ่งหน้าสีเงิน ส่วนอีกอันหนึ่ง..

    เป็นหน้ากาก'ปีศาจสีดำ'

     

    ณ Naga Paradise Club สถานบันเทิงชื่อดังในเมืองเอนโจลิโก้ในเย็นวันนั้น

    บรื้นนนนนนนน

    หลังจากไปเยี่ยมอลิซเสร็จแล้ว มินโฮก็ขับแลมโบกินี่ไปที่ผับหรู ตามคำชักชวนของแก๊งเพื่อนสนิทที่ต้องการจะจัดปาร์ตี้วันเกิดให้เขา

    เขาเอารถไปจอดที่ลานจอดรถใกล้ๆผับ แล้วเดินตรงเข้าไปในผับ

    เอี๊ยดดดดด

    แต่ยังไม่ทันได้เข้าไป อยู่ๆก็มีรถเฟอรารี่สีแดงมาจอดตรงใกล้ๆกับผับ ก่อนที่ชายหนุ่มลูกครึ่งอเมริกัน-ญี่ปุ่น ในชุดสูทสีดำ ตัดผมดำสั้นรับเข้ากับใบหน้า ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของรถจะเดินลงมา พร้อมกับโยนกุญแจรถให้ลูกน้องแอนดรอยด์หนุ่มรุ่น RK1000 ที่ออกมาต้อนรับเจ้านายของตน

    "เอาไปจอดหลังผับให้ทีนะ ฮาเวิร์ด"

    "ได้ครับ บอส"

    "รุ่นพี่นากะ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ"มินโฮเดินตรงเข้าไปทักทายชายหนุ่มผู้มาใหม่

    "โอ้ มินโฮ"

    ว่าแล้ว นากะ ไคชิโตะ หัวหน้าแก๊งมาเฟียบูชิโดและเจ้าของ Naga Paradise Club ก็เดินตรงเข้าไปจับมือทักทายและสวมกอดรุ่นน้องคนรู้จักของเขาในทันที

    "สุขสันต์วันเกิดนะ ไอ้น้องชาย"นากะอวยพรวันเกิดให้กับมินโฮ

    "ขอบคุณครับ"

    "เอาล่ะ อย่ามัวเสียเวลา เข้าไปข้างในกันดีกว่า"พอพูดจบสองหนุ่มก็เดินเข้าไปในผับ ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศความครึกครื้น มีทั้งแสงสีเสียง และดนตรีที่เปิดกระหน่ำไปทั้งผับ โดยตรงโซนเวที มีนักท่องราตรีหนุ่มสาวมากมายออกมาโยกย้ายส่ายสะโพกกันอย่างสนุกสนานไปตามจังหวะเสียงเพลงที่เปิดขึ้นโดยดีเจหนุ่มผิวสีประจำผับแห่งนี้ และเขาก็กำลังควบคุมดีเจคอนโทรลเลอร์บนบูธดีเจผ่านจอโฮโลแกรมระบบสัมผัส

    ซึ่งในตอนนั้นเอง พอพวกสาวๆในผับเห็นนากะมา พวกเธอก็กรี๊ดกร๊าดกันยกใหญ่ 

    "กรี๊ด คุณนากะมาแล้ว.."

    "อร๊ายยยย พ่อเทพบุตร"นากะโบกมือและขยิบตาให้กับเหล่าสาวน้อยใหญ่มากมายที่มาติดพัน ตามประสาหนุ่มเจ้าสำราญ จนพวกเธอบางคนแทบจะเป็นลมเพราะแพ้สเน่ห์ของเขา

    "ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะ"

    "อือ ขอให้สนุกกับงานปาร์ตี้ล่ะ"นากะพูดกับมินโฮ ก่อนที่ทั้งสองจะแยกย้ายกันไปคนล่ะทาง

    "เฮ้ เพี๊ยก!!"

    และพอแยกกับนากะไปได้สักพัก ชายหนุ่มผมบลอนส์ ดวงตาสีน้ำข้าว โบกมือเรียกมินโฮทันทีหลังจากที่เห็นเขา

    "ทางนี้ๆ!!"

    "ไม่ต้องตะโกนก็ได้ นิวท์"มินโฮบอกเพื่อนหนุ่ม

    "แล้วคนอื่นล่ะ?"

    "ไปรอมึงที่โซน VIP แล้ว"จากนั้นนิวท์ก็พามินโฮไปหาเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ในโซน VIP

    "เอ้า เจ้าของวันเกิดมาแล้ว พวก"

    กัลลี่ ไอ้หนุ่มผมทองสกินเฮดหน้าขึ้นกระเอ่ยปากพูดกับกลุ่มเพื่อนหนุ่มประมาณสิบๆกว่าคนที่นั่งอยู่ด้วยกันทันที เมื่อเห็นมินโฮ

    "มาสายนะ"

    อัลบี หนุ่มผิวสี ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งบ่นเล็กน้อย โดยมี ฟรายแพน เพื่อนนิโกรตัวอวบกับคู่หูของเขาซึ่งมีชื่อว่า วิลสตัน นั่งเล่นเกมส์ตีป้อมอย่างเมามันส์ ก่อนที่เพื่อนนิโกรตัวผอมอย่าง เจฟฟ์ จะพูดขึ้นว่า

    "ไหนๆก็มากันพร้อมหน้าแล้ว มาเริ่มปาร์ตี้กัน"

    "เดี๋ยว ไอ้โอ๊คมันยังอยู่ข้างล่างอยู่เลย"

    โทมัส ผู้ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของนิวท์และมินโฮกล่าวบอกกับทุกคน

    "งั้นลงไปตามหมอนั่นกัน" นิวท์กล่าวก่อนจะพาเพื่อนๆคนอื่น ยกเว้นอัลบี ฟรายแพนและวิลสตันที่ขออยู่เฝ้าโต๊ะ ลงไปที่ชั้นชั้นใต้ดินของผับ พวกเขาเดินลงบันไดโลหะลงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าบานประตูเหล็กซึ่งมีเสียงอื้ออึงตลอดทาง และแทบจะแยกไม่ออกเลยว่าเป็นเสียงจากด้านบนหรือด้านล่างกันแน่

    แอ๊ดดด แต่เมื่อเปิดประตูออกก็แทบจะเข้าใจได้ในทันทีว่าเสียงดังสนั่นจากด้านหลังผนังนั้นเป็นเสียงอะไร

    "เฮ้!!"ใช่แล้ว เสียงเชียร์ของผู้คน เสียงของผู้คนมากมายที่กำลังโห่ร้องลงไปยังสังเวียนมวยขนาดใหญ่ตามมาตรฐาน ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางห้องโถงขนาดใหญ่ในชั้นใต้ดิน

    ผัวะ!

    "อั่ก!"และในจังหวะนั้นเอง ร่างของนักสู้ตัวบึกบึน หุ่นล่ำสัน ตัวใหญ่เท่ากับซูโม่ ก็ลอยกระเด็นกระแทกเข้ากับเชือกกั้นสังเวียนเข้าพอดิบพอดี ก่อนจะถูกเชือกกั้นสังเวียนดีดกลับไปในทิศทางที่ถูกเหวี่ยงมา

    เปรี้ยง!ทำให้เขาถูกหมัด ของชายหนุ่มชาวกรีกหน้าหวาน ผิวขาวอมชมพู เจ้าของเรือนผมสีดำ ดวงตาสีเฮเซลนัท เสยเข้าที่หน้าอย่างจังๆจนล้มลงไปกองกับพื้น พร้อมกับฟันที่กระเด็นหลุดออกจากปากไปห้าหกซี่ แต่นักสู้ร่างใหญ่ กลับยังไม่ยอมแพ้ สองมือพยายามดันตัวขึ้น แต่ก็ไม่อาจต้านทานความเจ็บปวดที่มีมากล้นได้

    ตุ้บ และในท้ายที่สุด เขาก็ฟุ้บลงไปนอนแน่นิ่งอย่างอ่อนแรง จนเสียงนับของกรรมการสิ้นสุดลง พร้อมกับเสียงระฆังที่ดังไปทั่ว เพื่อเป็นการประกาศชัยชนะให้กับชายหนุ่ม ผู้สวมเสื้อคลุมมีฮู้ดยาวสีดำแบบรูดซิปพอดีตัว ปักผ้าใยสีทองเป็นสัญลักษณ์รูปหมาป่าแวววาวกลางหลังและกางเกงขาเดฟ สวมกำไลโซ่สีดำกับสร้อยเงินรูปหมาป่าคู่พระจันทร์เสี้ยวคล้องคอ

    ซึ่งถ้าสังเกตดีๆก็จะพบว่านิ้วกลางข้างซ้ายของชายหนุ่มนั้นสวมแหวนสีเงินอันมีลวดลายงดงามและเป็นเอกลักษณ์ ยากเกินกว่าที่ใครจะเลียนแบบได้

    เพราะมันคือแหวนประจำตระกูล'เอสเทเปียร์' โดยมีเพียงแค่ผู้นำกับทายาทของตระกูลนี้เท่านั้นที่จะครอบครองมันได้

    และผู้ครอบครองแหวนทั้งสองวงในปัจจุบันนี้ก็คือ เฮนีออส เอสเทเปียร์ ผู้นำตระกูลเอสเทเปียร์คนปัจจุบันกับ โอเคนอส เอสเทเปียร์ น้องชายของเฮนีออส นั่นเอง..

    และทุกคนต่างก็รู้ดีว่า ตระกูลเอสเทเปียร์ นั่นเป็นตระกูลมาเฟียที่เก่าแก่และทรงอิทธิพลมากที่สุดในอัลฟ่าโทเปีย ว่ากันว่าพวกเขานั้นมีอำนาจเทียบเท่ากับรัฐบาลในประเทศอัลฟ่าโทเปียเลยด้วยซ้ำ

    แต่กระนั้น คนในตระกูลเอสเทเปียร์กลับเลือกที่จะวางตัวเป็นกลางไม่เข้าข้างหรือร่วมมือกับฝ่ายใดเป็นพิเศษ ทั้งนี้เป็นเพราะพวกเขาไม่ต้องการที่จะมีเรื่องกับใคร โดยเฉพาะกับฝั่งรัฐบาล

    อย่างไรก็ตาม โอ๊ค หรือ โอเคนอส ทายาทคนปัจจุบันของตระกูลเอสเทเปียร์นั้นก็ยังคงคบมินโฮเป็นเพื่อนอยู่ดี..แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นถึงลูกชายบุญธรรมของประธานาธิบดีก็เถอะ แต่พวกเขาทั้งสองก็ไม่เคยเอาการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยวกับมิตรภาพระหว่างพวกเขาทั้งสองเลย

    "โห เทพเจ้าที่แท้ทรู ขนาดไอ้กัลลี่ก็ยังสู้ไม่ได้"นิวท์จงใจเยาะเย้ยกัลลี่ ก่อนที่เจ้าของชื่อจะหันมามองค้อน

    "อยากโดนอัดมั้ย?"

    "ก็มาดิคร้าบบบบบ~"

    "ชู่ พวกนาย เงียบก่อน"มินโฮสั่งเพื่อนๆของเขา ก่อนจะได้ยินเสียงประกาศของพิธีกรดังผ่านไมค์

    "ยกต่อไป โอเคนอส เอสเทเปียร์ ปะทะ...เฟนริล!!!"

    ครืดดด เมื่อสิ้นเสียงประกาศ ประตูเหล็กในสังเวียนก็เลื่อนขึ้น พร้อมกับการปรากฎตัวของบุคคลปริศนาในชุดเสื้อกันหนาวมีฮู้ดและกางเกงวอร์มขายาวสีดำ มือของเขาพันผ้าพันแผลไว้แน่นแทนการใส่นวม ใบหน้านั้นถูกปกปิดด้วยหน้ากากหมาป่าสีเงินและผ้าปิดปากลายหัวกระโหลกสีดำปิดมิดชิด ยากที่จะมองออกว่าเป็นใคร

    "ให้ตายสิ สู้กับใครไม่สู้ ดันไปสู้กับโอเคนอส"โทมัสบ่น

    "เฮ!!!"

    เสียงโห่ร้องของผู้คนดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนาม โดยที่นักสู้สองคนในสังเวียนนั้นเดินวนไปมาเพื่อหยั่งเชิงคู่ต่อสู้ และทันทีที่กรรมการให้สัญญาณ..

    "เริ่ม!!"ทั้งคู่ก็พุ่งโจมตีเข้าใส่กันในทันที

    ผัวะ!!ตุ้บตั้บ!!ปั้ก!!

    ต่างฝ่ายต่างเตะต่อยกันไปมา เต้นฟุตเวิร์ก หลบหลีกการโจมตีของอีกฝ่าย ซึ่งโอ๊คดูเหมือนจะเป็นฝ่ายได้เปรียบกว่า ทั้งเรื่องความสูงและประสบการณ์

    วืด..ควับ!!แต่ว่าทุกครั้งที่โอ๊คปล่อยหมัดหรือหลอกล่อให้อีกฝ่ายหลงกลแล้วโจมตีกลับด้วยความเร็ว อีกฝ่ายกลับสามารถหลบหมัดกับลูกเตะของเขาได้ทุกครั้งราวกับอ่านใจออก

    แปลกมาก โอ๊คไม่สามารถวิเคราะห์การต่อสู้ที่อีกฝ่ายถนัดได้เลย..

    เพราะอีกฝ่ายนั้นไม่มีท่าทีจะตั้งการ์ดหรือแม้แต่จะตั้งท่าป้องกันใดๆทั้งสิ้น เหมือนกับนักสู้คนอื่น

    เฟี้ยว!!!แต่แล้วโอ๊คก็ต้องจบการวิเคราะห์ของเขาในทันที เมื่อเฟนริลกระโดดเตะเขา โชคดีที่โอ๊คเบี่ยงตัวหลบและก้มเตะต่ำเข้าที่สีข้างของเฟนริลในจังหวะที่เขาไม่ทันระวัง

    หมับ!ทว่า เฟนริลกลับไม่เปิดช่องว่างให้อีกฝ่ายได้โจมตีกลับเลย เขาจับขาโอ๊คไว้จนขยับไปไหนไม่ได้ แล้วจากนั้นก็พุ่งเข้าไปจับอีกฝ่ายทุ่มลงบนสังเวียนดังโครม ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน แต่โอ๊คก็ยังอุตส่าห์ลุกขึ้นมายืนได้อีก

    ตึก!!โอ๊คพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้ของเขา แต่แล้วก็ถูกอีกฝ่ายขัดขา จนเซเสียหลัก และโดนอีกฝ่ายแย็ปหมัดแปลกๆต่อยหน้าเข้าให้จังๆ

    ผัวะๆ!กระนั้น โอ๊คก็ยังคงพยายามสู้ให้ถึงที่สุด ต่างฝ่ายต่างซัดกันอย่างอุตลุด พลัดกันต่อยพลัดกันเตะ

    เปรี้ยง!จนกระทั่ง เมื่อเฟนริลแทงศอกใส่โอ๊ค แต่โอ๊คถอยฉากหลบ ชกสีข้างของอีกฝ่ายกลับและต่อยร่างอีกฝ่ายจนกระเด็นไปชนเชือกกั้นสังเวียน

    "เห็นมั้ย สุดท้ายก็สู้ไอ้โอ๊คไม่ได้อยู่ดี.."

    ตุ้บ แต่ดูเหมือนว่าเจฟฟ์จะพูดผิด เพราะทันทีที่ตัวกระแทกกับเชือกกั้นสังเวียน เฟนริลก็ได้อาศัยแรงดีดของเชือกเสริมแรงหนักหน่วงพุ่งเข้าใส่โอ๊ค พร้อมกับกระโดดเข้าไปล็อคตัวเขาด้วยท่ากิโยตินโช๊คในทันที!!

    "โอ๊ค!!!"

    ควับ แต่แล้วจู่ๆ เฟนริลก็ลุกขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พร้อมกับยกมือขอยอมแพ้เอาอย่างดื้อๆ ทำให้ผู้ชมที่ดูอยู่รอบๆสังเวียนต่างไม่พออกพอใจ และส่งเสียงโห่คว่ำนิ้วโป้งให้เขา

    "ไอ้บ้า เอาเงินคืนมานะ!!!"ผู้คนเริ่มด่าทอเฟนริลและสบถกันยกใหญ่ บางคนก็ชูนิ้วกลางใส่เขาอย่างเกรี้ยวกราด จะมีก็แต่โอ๊ค มินโฮ และเพื่อนๆของพวกเขานี่แหละที่ไม่ได้ต่อว่าอะไร

    "โอ๊ค!"และทันทีที่การแข่งจบ นิวท์ก็วิ่งลงมาหาโอ๊ค พอดีกับที่โอ๊คกระโดดลงมาจากสังเวียน

    "เป็นไรรึเปล่าว่ะ เจ็บตรงไหนมั้ย?"

    "ไม่ต้องห่วงหรอก นิวท์ ฉันไม่เป็นไร"

    "เจ้าบ้าเอ้ย!!ยังจะมาพูดแบบนี้อีก ถ้าเกิดแกเป็นอะไรขึ้นมา พี่แกได้ฆ่าพวกฉันตายแน่!!"นิวท์โวยลั่น ก่อนจะเขย่าตัวโอ๊คไปมาอย่างโมโหจนเพื่อนๆต้องเข้ามาห้าม

    "มันจะตายก็เพราะมึงนั่นแหละ นิวท์!!"

    ส่วนมินโฮนั้น เขาได้ชำเลืองมองเฟนริลที่เดินลงจากสนามไปด้วยความรู้สึกสนใจ จนไม่ทันได้ระวัง เผลอไปสบตากับอีกฝ่ายที่แหงนหน้าขึ้นกวาดตามองผู้ชมที่ยืนเชียร์อยู่เหนือสนามเข้าพอดี

    "…."

    "…."

    มินโฮถึงกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ สองตาประสานกันเล็กน้อย ก่อนที่โทมัสจะเข้ามาขัดจังหวะเพื่อบอกให้มินโฮกลับขึ้นไปร่วมงานปาร์ตี้วันเกิดของเขาที่ชั้นบน

    "ไปกันเถอะ อัลบีคงนั่งรอพวกเราจนเหน็บกินขาแล้วล่ะมั้ง"

     

    หลังจากนั้น

    "สุขสันต์วันเกิดนะ มินโฮ!!!"

    "Cheer!!"

    เคร้ง!!พลันทุกคนก็ชนแก้วเบียร์เฉลิมฉลอง พร้อมกับซดเบียร์จนหมดแก้ว เริ่มงานเลี้ยงสังสรรค์ทั้งเต้นและชวนพูดคุยถึงเรื่องตลกๆ ในตอนสมัยที่พวกเขายังเป็นเด็กนักเรียน

    "เฮ้ พวกมึง จำสูตรลับที่กูทำให้พวกมึงดื่มกันตอนฉลองจบเกรด 12 ที่โรงเรียนเก่า ด้วยกันได้รึเปล่า?"กัลลี่ถาม

    "เออ จำได้ว่ะ แม่งแรงจริง"อัลบีพูด

    "ตอนนั้นไอ้นิวท์โคตรอนาถสุดๆ กูยังถ่ายรูปเก็บไว้ด้วยนะ"ว่าแล้ว วิลสตันก็โชว์ภาพตอนนิวท์เต้นแร้งเต้นกานอนหลับน้ำลายยืดทันที

    "กร๊ากๆตลกวุ้ย!!"ฟรายแพนหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ

    ป้าบ!ก่อนที่เขากับวิลสตันจะถูกเจ้าของชื่อเบิร์ดกระโหลกไปหนึ่งทีท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ

    "แต่ในบรรดาพวกเราทั้งหมด คนที่คอแข็งที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นโอ๊คล่ะนะ"โทมัสว่า

    "เฮ้ยๆ ไอ้โอ๊คไม่นับ มันเป็นเทพ ต่อให้มอมมันด้วยสูตรลับของไอ้กัลลี่สักห้าสิบแก้วก็โค่นมันไม่ได้หรอก"เจฟฟ์บ่น

    "ไม่มีทาง เดี๋ยววันนี้กูจะโค่นมันให้ดู"กัลลี่ประกาศกร้าวให้ชาวแก๊งได้รับรู้

    "เอาจริงเหรอว่ะ?"โอ๊คถามเพื่อความแน่ใจ

    "เออ สิว่ะ ไม่เมาไม่เลิก"ก่อนที่จะยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์หลังจากที่กัลลี่ให้คำตอบ

    "ก็ได้ อย่ามาเปลี่ยนใจทีหลังก็แล้วกันนะ~"

    และแล้วการแข่งดื่มเหล้าระหว่างกัลลี่กับโอ๊คก็ได้เริ่มขึ้น

     

    ณ เคาน์เตอร์บาร์

    "โย่ว เฟนริล"หนุ่มผมขาวในชุดแนวฮิปฮอปสีเขียวฟ้าเรืองแสงและกางเกงวอร์มสีขาว เดินเข้ามาทักทายเฟนริลที่นั่งพักอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ทันทีด้วยท่าทางที่ดูประหลาดใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่เขาฟังมาจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์พูดอีกที

    "ได้ข่าวว่า นักสู้จอมโหดอย่างแกขอยอมแพ้คุณชายรองแห่งตระกูลเอสเทเปียร์อย่างงั้นเหรอ?ปกติแกไม่เคยยอมแพ้ให้ใครง่ายๆนี่นา"

    "....."

    "ทำไมล่ะ?"แต่ถึงจะถามไป เฟนริลก็ไม่ยอมบอกเหตุผลตามเดิม จนอีกฝ่ายต้องเปลี่ยนเรื่องไปคุยอย่างอื่นแทน

    กึก

    "เอ้า นี่ของแก"พูดจบก็วางกระป๋องน้ำอัดลมทรงปรึซิมสีชมพูแปร๋น ยี่ห้อ'ndorfin'ลงข้างๆโต๊ะเคาน์เตอร์บาร์ที่เฟนริลนั่งอยู่ พร้อมกับแบมือทวงอะไรบางอย่างจากเขา

    "ฉันไม่ทำให้ฟรีๆหรอกนะ"เฟนริลรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร เขาหยิบเงินที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขาออกมาจ่ายให้กับชายหนุ่มตรงหน้าทันทีอย่างไม่ลังเล

    "ขอบใจ"

    ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่มินโฮและเพื่อนๆ กำลังเริ่มแข่งดื่มโซจูบอม เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ของชาวเกาหลีที่มีส่วนผสมของเบียร์และโซจู ขั้นตอนการดื่มก็คือ โยนแก้วช็อตที่ใส่โซจูลงไปในแก้วเบียร์ พอดื่มเสร็จก็อาจเมาจนหมดสติเพราะรุนแรงเหมือนระเบิด แต่ก็นับว่าเป็นกิจกรรมที่สนุกที่สุดสำหรับพวกหนุ่มๆอย่างมินโฮ ที่ชื่นชอบการดื่มเหล้าในงานปาร์ตี้เลยล่ะ

    จ๋อม

    อัลบีดีดแก้วช็อตโซจูซึ่งวางเรียงกันอยู่เหนือปากขอบแก้วเบียร์ที่ต่อแถวกันเป็นโดมิโน่ ทำให้แก้วช็อตทั้งหมดล้มระเนระนาดล่วงจมลงไปในแก้วเบียร์สีทองอร่ามในทันที

    "เอ้า เริ่ม!!"และทันทีที่อัลบีให้สัญญาณ โอ๊คและกัลลี่ก็เริ่มคว้าแก้วเบียร์ตรงหน้ามายกซดกันอย่างเมามันส์ ท่ามกลางเสียงกองเชียร์ของเหล่าเดอะแก๊งค์

    "สู้ๆ!!"บรรยากาศการแข่งขันเป็นไปอย่างดุเดือด ไม่มีใครยอมใคร

    เอื้อก..ปัง!

    พอดื่มแก้วนึงเสร็จ ก็ดื่มอีกแก้วต่อ

    "เอิ่กกกกก"

    โครม!และกัลลี่ผู้โม้แหลกกว่าชาวบ้าน ก็เริ่มมีอาการแฮงค์ก่อนชาวบ้านเป็นคนแรก

    "อะไรแว๊~โม้ซะแหลกว่าจะโค่นไอ้โอ๊คให้ได้ แล้วไหงเมาแอ๋ก่อนเพื่อนซะได้ล่ะ"เจฟฟ์เย้ยหยันกัลลี่

    "ไม่ไหวก็เลิกเถอะ"อัลบีเตือนกัลลี่ด้วยความหวังดี

    "หุบปากไปเล้ยยย กู-ยัง-หวาย-คร่อก..."พอพูดจบเท่านั้นแหละ กัลลี่ก็สลบเหมือดคาโต๊ะ พอดีกับที่เสียงโทรศัพท์ของนิวท์ดังขึ้น

    ตรู้ดดดดดด

    "เชี่ย!"นิวท์สบถดังลั่น เบิกตากว้าง พอเห็นชื่อของคนที่โทร

    "ใครโทรมาหรอ?"โอ๊คถาม

    "ฟ-แฟนกูโทรตาม"พูดจบนิวท์ก็รีบดัดเสียงหล่อ กระแอมเล็กน้อย แล้วกดรับสายคนที่โทรมาด้วยใบหน้าเก๊กขรึม

    "ไงจ๊ะ เทเรซ่า..."

    "รีบกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!!!!!"ไม่ทันได้พูดจบ เสียงปลายสายก็ตะคอกอัดหูนิวท์ จนหูชาในทันที และเสียงของเจ้าหล่อนก็ดังลั่นเสียจนทำพวกชาวแก๊งที่อยู่ใกล้ๆกับนิวท์ถึงกับสะดุ้งโหยงด้วย..เนื่องจากพี่นิวท์แกเล่นเปิดลำโพงมือถือด้วยแหละ คนรอบๆเลยได้ยินกันทั้งบางด้วยประการฉะนี้

    "ค-ครับผม ทูลหัว~"นิวท์รับคำอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มแห้งๆ 

    "สี่ทุ่มต้องถึงบ้าน ไม่งั้นได้เห็นดีกัน!"

    และพอพูดเสร็จ เมียของนิวท์ก็วางสายไป

    "สี่ทุ่มใช่ไหม?ตอนนี้สามทุ่มห้าสิบแล้วนะ"โทมัสบอกกับนิวท์ด้วยความหวังดี ซึ่งดูไม่เหมือนกดดันเล้ยยยยยย ทำให้นิวท์ผู้กลัวเมีย ผู้เพิ่งถูกเมียด่าไปเมื่อกี้อยู่หยกๆ จึงทำได้เพียงแต่หัวเราะแห้งๆกลบเกลื่อนเรื่องที่เกิดขึ้น

    "จบสิ้นแล้ว ชีวิตกู.."

    "ฉันว่าเรากลับกันเถอะ"มินโฮกล่าว แล้วก็ให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านทันที จนเหลือเขาเพียงคนเดียว และหลังจากที่ปาร์ตี้จบลง ชายหนุ่มก็เดินไปทำธุระที่ห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาให้สะอาด ก่อนจะเดินออกมาเพื่อมุ่งตรงไปที่ลานจอดรถ โดยในระหว่างทางเขาก็ได้เดินผ่านห้อง VIP ห้องหนึ่ง ซึ่งมีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นจนทำให้เขาถึงกับต้องชะงัก…

    "ใครก็ได้..อื้อ!!"

    "หือ?"เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้นก่อนจะหายไป ทำให้มินโฮเกิดความรู้สึกฉงนและสงสัยจนต้องแง้มประตูเข้าไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในนั้น

    !!!

    ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาถึงกับตกตะลึงไปในทันที หลังจากพบว่า..

    "อยู่นิ่งๆสิ สาวน้อย"มีไอ้โรคจิตหื่นกามซึ่งทำตัวราวกับสัตว์เพศผู้ที่กำลังติดสัดกระโจนเข้าใส่สาวเสิร์ฟผู้ไร้ทางสู้ซึ่งอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยสู้ดีนักและพยายามลวนลามเธอโดยที่เธอนั้นไม่สมยอมต่อหน้าต่อตาเขา!!

    กร๊อบ มินโฮถึงกับกำหมัดแน่นด้วยความโมโห

    "หยุดนะ!"โดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ใจ ชายหนุ่มได้พุ่งตัวเข้าไปกระชากร่างของไอ้โรคจิตโยนลงพื้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้ารอดพ้นจากเงื้อมมือของชายตรงหน้าไปได้อย่างหวุดหวิด

    "รีบหนีไป!!"มินโฮตะโกน"เร็วเข้า!!"

    และทันทีที่ได้สติ เด็กสาวก็รวบแรงทั้งหมดที่มีอยู่น้อยนิด วิ่งหนีออกไปจากห้องทันทีอย่างไม่คิดชีวิต

    "ฟู่…"

    มินโฮถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากเห็นว่าคนที่เขาช่วยเอาไว้นั้นปลอดภัย..โดยที่ไม่รู้เลยว่ากำลังมีภัยบางอย่างคลืบคลานเข้ามาหาเขา

    "หนอย แกนะแก"

    ไอ้โรคจิตสบถและถลึงตาใส่มินโฮทันทีพอลุกขึ้นมา

    "กล้าดีนักนะ รู้รึเปล่าว่าพ่อกูเป็นใคร?"

    แต่มินโฮก็ไม่ได้กลัวมันเลยแม้แต่น้อย แถมยังโต้ตอบมันกลับไปอีก ทว่า..

    "จะเป็นใครก็ช่าง ผมไม่สน…"

    ฉับพลัน เพียงแค่ช่วงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้นหลังจากที่พูดออกไป จู่ๆมินโฮก็เริ่มมีอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะขึ้นมาทันทีอย่างไม่ทราบสาเหตุ หลังจากได้กลิ่นหอมอะไรบางอย่างที่โชยออกมาจากตัวของอีกคน

    "อ้าว เป็นอะไรไปล่ะ?"

    กลิ่นประหลาดอันน่าพิศวงที่ทำให้สองขาของเขาไร้เรี่ยวแรง ร่างกายเริ่มหนักอึ้งจนเซล้มลง

    ตุ้บ

    ราวกับคนโดนของเข้า สติเริ่มพร่ามัว สองแก้มค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำตามอุณหภูมิในร่างกายที่เพิ่มสูงขึ้นจนทำให้ใบหน้าหล่อๆของเขาร้อนวูบวาบดั่งเปลวไฟ

    "เมื่อกี้ยังปากเก่งอยู่เลยไม่ใช่หรอ?"ไอ้โรคจิตถึงกับหัวเราะออกมาทันทีด้วยความสะใจหลังจากได้เห็นสภาพของมินโฮในตอนนี้ที่ดูอ่อนแอเกินกว่าจะสู้เขาได้

    "อึ่ก.."

    มินโฮพยายามยันตัวลุกขึ้นมาตั้งหลัก แต่ก็ถูกไอ้โรคจิตบันดาลโทสะ ต่อยเปรี้ยงเข้าที่หน้าท้องอย่างจังๆจนต้องล้มลงไปกองกับพื้นอีกรอบ

    ผัวะ!!

    "โอ๊ย!!" ชายหนุ่มกู่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดในขณะโดนอีกฝ่ายกระทืบอย่างบ้าคลั่ง

    "ทั้งๆที่กลิ่นแรงขนาดนั้นแท้ๆ แต่กลับไม่มีปฎิกิริยา ที่แท้แกเองก็เป็นพวกเดียวกับยัยเด็กนั่นสินะ"

    ถึงกับงุนงงและพูดไม่ออกยามเมื่อได้ยินคำพูดที่ฟังดูแปลกๆจากปากของไอ้โรคจิตซึ่งกำลังกระชากหัวบังคับเขาให้แหงนหน้าขึ้นมาสบตากับมัน

    "ค-คุณพูดเรื่องอะไร?"

    เพี๊ยะ! แค่ถามเพียงเท่านั้น ไอ้โรคจิตก็ตบฉาดเข้าที่หน้าของชายหนุ่มทันทีด้วยความหมั่นไส้

    "ค่อก!!"สีหน้าของมินโฮนั้นดูเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง ความร้อนรุ่มแล่นพล่านทั่วร่างซึ่งบิดเร้าไปมาด้วยความอึดอัดจนทำให้ไอ้คนที่อยู่ตรงหน้าถึงกับอารมณ์ขึ้นทันทีที่ได้เห็น

    "แหม่ ยั่วเก่งจังนะ"มันเลียริมฝีปากดังแผล็บขณะใช้สายตาไล่สำรวจมองร่างกายอันน่าเย้ายวนใจของมินโฮซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อแน่นๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นก็เลื่อนมือลงไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ปกคลุมผิวกายของชายหนุ่มก่อนจะจับมันแยกออกจากกันโดยที่มินโฮนั้นไม่มีแม้แต่แรงจะดิ้นรนขัดขืน

    "ย-อย่า"ชายหนุ่มร้องห้ามด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าจนแทบจะไม่ได้ยิน

    "สายไปแล้วล่ะ!"

    สิ้นเสียงพูด ไอ้โรคจิตก็จับมินโฮตรึงกับพื้นและเริ่มลงมือบังคับขืนใจเขาทันที!!

    "ไม่!!"

    ทว่าในวินาทีเป็นตายนั้นเอง

    กึก กลับได้มีพลังงานลึกลับบางอย่างที่ทำให้ร่างของไอ้โรคจิตถึงกับแข็งทื่อไป

    "อะไรว่ะเนี่ย?"ก่อนที่ในไม่กี่อึดใจต่อมา ร่างของมันจะถูกโยนขึ้นไปกระแทกเข้ากับฝาเพดานเต็มๆด้วยฝีมือของใครบางคนที่เดินเข้ามาในห้อง…

    ตุ้บ!! มินโฮปรือตาขึ้นมาด้วยท่าทางที่ดูเหนื่อยล้า ก่อนจะได้พบกับคนแปลกหน้าลึกลับที่กำลังกางมือใช้พลังบังคับร่างของไอ้โรคจิตตรงหน้าให้ลอยละลิ่วกระเด็นกระดอนไปมาราวกับลูกวอลเลย์บอลที่เด้งอยู่ในสนามแข่งอย่างเลือดเย็น มันลอยไปชนข้าวของในห้องจนพังกระจัดกระจาย กระแทกกำแพงฝั่งนู้นทีฝั่งนั้นทีไปตามทิศทางแรงมือที่เจ้าของพลังสะบัดใส่

    "…."

    ซึ่งเป็นคนเดียวกับคนที่สวมหน้ากากหมาป่าสีเงินบนสังเวียนที่มินโฮเห็นในตอนนั้น

    "โอ๊ยๆ เจ็บ!!"

    เจ้าของนัยน์ตาสีนิลอันน่าหลงใหลที่ทำให้เขาถึงกับตกอยู่ในภวังค์ทันทีที่ได้มองเข้าไป

    "เฟนริล…"

    แปร๊บ!!

    "อ๊ากกกกกกกกกกกกกก!!!"ทว่าทันทีที่มินโฮเอ่ยปากพูด ความเจ็บปวดอันแสนสาหัสจากการถูกทำร้ายก็ได้เข้าจู่โจมเล่นงานเขาทันที จนทำให้คนที่กำลังบีบคอไอ้โรคจิตอยู่ ถึงกับต้องหันขวับมามองทันทีหลังจากที่ได้ยินเสียงกรีดร้องของเขา

    "….."หยาดน้ำตาที่หลั่งออกมาจนชุ่มแพขนตาจากความเจ็บปวดทรมาน ลำคอแกร่งที่เกร็งจนเห็นเส้นเลือด ร่างกายกำยำที่สั่นเทิ้มจากความร้อนผ่าวที่ล่ลามเลียไปทั่วทั้งร่างของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เฟนริลถึงกับนิ่งไป จนเผลอเปิดช่องโหว่ให้ไอ้โรคจิตแอบลอบโจมตีจากด้านหลัง

    "ย้ากกก!!"มันคว้าขวดแก้วที่กลิ้งตกอยู่บนพื้นเตรียมง้างขึ้นมาหมายจะฟาดหัวเฟนริลให้ตาย

    แต่ด้วยความที่มีประสาทสัมผัสที่ไวกว่ามนุษย์ทั่วไป เลยทำให้เพียงแค่อีกคนขยับ เฟนริลก็รู้ตัวทันที เขาเบี่ยงหัวหลบขวดแก้วที่อีกฝ่ายทุ่มลงมาพร้อมๆกับหมุนตัวเตะมันจนลอยละลิ่วกระเด็นกระแทกกับจอทีวีจนพังเป็นสองท่อน

    "โอย…"มันร้องโอดโอยก่อนจะเงยหน้ามองร่างที่อยู่เบื้องบนซึ่งได้หยิบขวดเหล้าที่แย่งมาจากอีกคนชูขึ้นฟาดลงบนหัวของมันด้วยความโหดเหี้ยมจนมันล้มลงนอนแน่นิ่งไป…ในสภาพที่เศษแก้วอาบเลือดเสียบปักคาหัว ดูอนาถตาสุดๆ

    เพล้ง! เฟนริลมองอีกฝ่ายที่ถูกของแข็งตีเข้าที่หัวอย่างรุนแรงเพียงแค่ครั้งเดียวจนสลบเหมือดคามือเขาด้วยสายตาอันเลือดเย็นพลางใช้เท้าเขี่ยร่างที่ล้มลงออกไป เป็นเวลาเดียวกับที่นากะซึ่งได้รู้เรื่องราวทั้งหมดจากปากของสาวเสิร์ฟที่ฮาเวิร์ดไปพบเข้าโดยบังเอิญและได้ช่วยเธอเอาไว้กำลังเดินมายังที่ห้องที่เกิดเหตุทันทีด้วยความฉุนเฉียว

    "ฮึ่ม!!อยากรู้จริงๆว่าไอ้สวะไหนมันกล้ามายุ่งกับคนในถิ่นฉัน"

    !? เสียงของนากะดังขึ้น ทำให้เฟนริลรู้ตัว รีบใช้พลังเปลี่ยนห้องให้กลับคลื่นสู่สภาพเดิมทันทีราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ทีวีที่หักเป็นสองท่อนได้เชื่อมต่อเข้าหากันเหมือนดั้งเดิม ยกเว้นเพียงร่างของมินโฮกับร่างของไอ้โรคจิตที่ไม่ได้ย้อนสภาพกลับไปเฉกเช่นเดียวกับสิ่งของอื่นๆ

    พรึ่บ!! เขาคลายม่านบาเรียเก็บเสียงที่กางเขตแดนเอาไว้ก่อนจะเข้ามาในห้องลงเนื่องจากไม่อยากให้คนภายนอกล่วงรู้สิ่งที่เกิดขึ้น ในขณะที่นากะกับลูกน้องของเขาเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

    เฟนริลกางมือเหนือศีรษะของไอ้โรคจิตเพื่อทำการอะไรบางอย่าง เสร็จแล้วก็ย่อตัวลงไปประคองร่างของมินโฮขึ้นมาอุ้มในท่าเจ้าหญิงก่อนจะหลับตาลงใช้พลังอีกครั้ง ในจังหวะที่นากะพังประตูเข้ามา..

    ปัง!! พอดิบพอดี แต่กลับพบเพียงแค่ห้องอันว่างเปล่าซึ่งมีสภาพใหม่เอี่ยมอ่องราวกับไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน

    "…."นากะกวาดตามองไปรอบๆห้องด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะสะดุดตาเข้ากับร่างของไอ้โรคจิตที่นอนแผ่หลาอยู่ตรงหน้าในสภาพที่หัวอาบโชกไปด้วยเลือด

    หัวหน้าบอสมาเฟียถึงกับของขึ้นทันทีหลังได้เห็นโฉมหน้าของไอ้คนที่ก่อเรื่องในผับของเขา แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความขุ่นเคือง เดือดจนต้องสั่งลูกน้องที่อยู่ด้านนอกให้เข้ามาจัดการกันเลยทีเดียว

    "มีอะไรให้รับใช้ครับบอส?"

    "จับมันไปขังเอาไว้ ที่เหลือค่อยว่ากัน!"

    ตัดมาทางฝั่งของเฟนริล

    แว้บ!! เขากระโดดลงจอดบนพื้นทันทีด้วยความนุ่มนวลและเบากริบดุจอุ้งตีนแมว หลังใช้พลังเทเลพอร์ตเคลื่อนย้ายตัวเองกับมินโฮมาที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลกับผับของนากะมากนักในจุดที่ลับตาผู้คน หลบหนีออกมาได้อย่างหวุดหวิด โดยต้องแลกกับ..

    กึก เลือดที่พยายามกลั้นไว้ไม่ให้พุ่งกระอักออกมาเพราะผลข้างเคียงจากการใช้พลังมากเกินไปจนเกินขีดจำกัดของร่างกายที่มีอยู่

    "….."เฟนริลรีบวางร่างของมินโฮที่หอบหายใจรวยรินทันทีด้วยความระมัดระวัง มือที่สวมถุงมือหนังปิดปากของตัวเองเอาไว้หลังจากที่เกือบจะไอออกมาเป็นเลือดต่อหน้าอีกคนที่สลบไปเพราะความเจ็บปวดก่อนที่จะใช้พลังเทเลพอร์ตมาที่นี่

    ต้องรอจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้ พลังถึงจะฟื้นฟูกลับคืนมาเหมือนเดิม

    เจ้าของหน้ากากหมาป่าเงินยกนิ้วชี้กับนิ้วกลางข้างซ้ายจ่อไปตรงขมับของตัวเองก่อนจะกดมันลงไปเพื่อยับยั้งความเจ็บปวดเอาไว้ชั่วคราว

    จนกว่าจะถึงตอนนั้น คงต้องอยู่ดูอาการหมอนี่ไปก่อน..

    "อึ่ก!!แค่กๆ" คิดไม่ทันเสร็จก็ต้องชะงักไป เมื่ออีกฝ่ายได้สติและร้องโอดโอยดังลั่นจนต้องรีบเข้าไปดูร่างแกร่งในอ้อมแขนที่เนื้อตัวสั่นระริกๆราวกับลูกนก ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายคว้าหมับเข้าที่เสื้อของเธอด้วยท่าทางที่ดูหวาดกลัวราวกับยังมีอาการช็อคจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่

    "ช-ช่วยผมที"เขาเอ่ยเสียงสั่น"ได้โปรด.."

    ปนหอบกระเส่า จนทำให้คนตรงหน้าเริ่มทำตัวไม่ถูก

    "…."และยิ่งทำตัวไม่ถูกกว่าเดิมเมื่อเผลอก้มลงไปมองเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่มตรงหน้าซึ่งถูกปลดกระดุมออก เผยให้เห็นแผ่นอกแกร่งและมัดกล้ามกำยำที่ดูอีโรติคเสียจนทำเจ้าหมาป่าตรงหน้าถึงกับหลบหน้าแทบไม่ทัน

    ให้ตายสิ กลิ่นตัวของเขาหอมเป็นบ้า

    อยากกัดเหลือเกิน…

    โป๊ก เฟนริลยกกำปั้นขึ้นเคาะหัวตัวเองหนึ่งโป๊กเพื่อเตือนสติหลังจากที่ชำเลืองมองไปที่ลำคอของชายหนุ่ม

    ไม่ได้นะ ห้ามหลงเด็ดขาด เราไม่ใช่คนพวกนั้นซะหน่อย

    "เหวอ!?"แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อจู่ๆอีกฝ่ายพุ่งเข้าเกาะไหล่เขาไว้ด้วยความตกใจกลัว น้ำหนักของอีกคนที่มากกว่าได้ทิ้งลงบนร่างของเขาจนเกือบจะเซล้มทับกันไปแล้ว หากเจ้าหมาป่านัยน์ตาสีนิลไม่ได้เอามือยันพื้นไว้พร้อมกับคว้าเอวอีกฝ่ายก่อนจะล่วงลงไป

    หมับ

    "ม-มีบางอย่าง…"มินโฮกระซิบบอกข้างๆหูเฟนริล"อยู่ด้าน ล-หลังผม"

    พลางชี้นิ้วที่สั่นไปที่ต้นตอของเสียงซึ่งดังออกมาจากพุ่มไม้ด้านหลังเขา

    "…."เฟนริลหลี่ตามองไปที่พุ่มไม้ที่สั่นขยุกขยิก ก่อนที่จะมีกระรอกตัวหนึ่งกระโดดออกมาและวิ่งหายขึ้นไปบนต้นไม้ทันทีที่เห็นพวกเขาสองคน

    "แค่กระรอกน่ะ"คนตรงหน้าบอกกับมินโฮที่ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจหลังจากได้ยินน้ำเสียงที่แท้จริงของเจ้าของหน้ากากที่ฟังดูคล้ายกับ..เสียงของเด็กสาววัยรุ่น

    "ไม่มีอะไรหรอก"

    ซึ่งผิดกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเหมือนกับผู้ชายแต่กลับเก็บซ่อนความลับที่ปกปิดเอาไว้ได้มิดชิดสุดๆจนทำมินโฮถึงกับมองเธอด้วยความอึ้งยามเมื่อได้รู้ความจริง

    "เฟน.."ฉับพลันที่เอ่ย อาการของชายหนุ่มในอ้อมกอดก็ทรุดหนักลงทันทีต่อหน้าต่อตาของคนเบื้องหน้าที่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ เผลอกอดร่างของอีกฝ่ายไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว

    "เฮ้ นี่.."ใบหน้าที่ซีดเซียวเช่นเดียวกับสีริมฝีปากที่ขาวโพลนดุจหิมะของชายหนุ่มซบลงบนบ่าของเฟนริล ทำให้เธอสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวจากร่างสูงผ่านฝ่ามือที่โอบแผ่นหลังเขาเอาไว้ ซึ่งร้อนยิ่งกว่าอุณหภูมิในห้องอบซาวน่าเสียอีก!!

    "ร้อน.."มินโฮหอบหายใจ แม้แต่หายใจก็ยังทำได้ไม่ทั่วท้อง รู้สึกปั่นป่วนไปทั่วทั้งตัว โดยเฉพาะกับบริเวณช่วงล่างของร่างกายเขา ซึ่งตอนนี้กำลัง…

    "ตัวร้อนจี๋เลย…"เฟนริลพูดขณะยกมือขึ้น เลื่อนมาสัมผัสกับหน้าผากของมินโฮ

    เหมือนกับอาการของแม่ไม่มีผิด

    "จ-เจ็บ.."ที่มองมาที่เธอด้วยสายตายั่วยวน

    "ห๊ะ?"

    หมับ

    "ต-ตรงนั้น.."พูดจบก็ดึงมือของเด็กสาวให้เลื่อนลงมาสัมผัสกับบั้นท้ายของตนที่ถูกสวมทับด้วยกางเกงซึ่งตอนนี้เปียกชุ่มของเหลวสีน้ำนมขาวขุ่นที่ไหลซึมออกมาดั่งสายน้ำไหล

    !?

    ตึกตัก เสียงหัวใจกระหน่ำเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอก ที่ไม่รู้ว่าเป็นเสียงหัวใจของใครกันแน่ที่ดังหรือบางทีอาจจะเป็นของพวกเขาทั้งคู่ได้ดังขึ้น…เฟนริลรีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว ด้วยสายตาที่ดูประหม่าและรู้สึกผิด ต่างจากอีกฝ่ายที่มองเธอด้วยสายตาอ้อนวอน ราวกับต้องการจะให้เธอช่วย

    "ไม่ได้เด็ดขาดนะ!"เฟนริลพูดโดยเลี่ยงไม่สบตากับคนตรงหน้าตรงๆ

    "นี่มันไม่ถูกต้อง เราแทบจะไม่รู้จักกันเลย ทำแบบนี้มัน.."

    ทว่าโดยไม่พูดพล้ำทำเพลงอะไรทั้งนั้น มินโฮกลับเลือกที่จะปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือความถูกต้อง ถึงแม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเรื่องที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้นั้นเป็นสิ่งที่ผิดก็ตาม

    หมับ มินโฮขยับตัวขึ้นไปนั่งบนตักของเฟนริล ใช้แรงที่มีอยู่น้อยนิดยกแขนทั้งสองตวัดโอบรอบลำคอของเด็กสาวตรงหน้าเอาไว้โดยไม่ยอมให้เธอได้มีโอกาสที่จะผลักเขาออกไป

    "ไม่ได้ฟังที่พูดเลยรึไง?"

    "…."

    "ให้ตายเถอะ คนอะไรเนี่ย…"ทว่าพออีกฝ่ายจะอ้าปากพูด เท่านั้นแหละ มินโฮก็รีบยกมือหนาขึ้นทาบแก้มของอีกฝ่ายและฉวยโอกาสดึงหน้าเธอเข้ามาชิงประกบจูบปิดปากทันที…โดยไม่คิดจะขออนุญาตจากคนตรงหน้าเลยสักคำ

    "!!!"เฟนริลถึงกับช็อค อึ้งค้างไปหลายวิ คำพูดติดอยู่ในลำคอ จะพ่นออกมาก็ไม่ได้เพราะโดยร่างสูงตรงหน้าปิดปากเธอซะสนิทยิ่งกว่าปิดปากซิปบนกระเป๋า..สงสัยคงจะรำคาญที่เธอพูดมากด้วยแหละ

    "เงียบ..ไปเลย"มินโฮพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูยียวนกวนประสาทใส่เฟนริลทันที หลังจากที่ถอนจูบออก ราวกับจงใจจะด่าอีกฝ่ายอ้อมๆว่า 'ถึงไม่พูดออกมา ก็ไม่มีใครหาว่าคุณเป็นใบ้หรอกนะ'

    "นี่คุณบ้าไปแล้วหรอ?"

    "เหอะ ดูตัวเองก่อนดี-กว่า-มั้ง"มินโฮพูดพลางก้มลงมองที่ด้านล่างขาของเฟนริล

    "โกหกได้ไม่เนียนเลย…"

    เงียบกริบ

    "นั่นก้อนหิน"แต่ก็ยังหน้าด้านแถ

    "ยังไม่ได้ถามซะหน่อย อย่าร้อนตัวสิ"

    มินโฮจงใจแหย่เฟนริลเล่นให้เธอทำตัวไม่ถูก

    "เอาเถอะ ไม่แกล้งแล้ว แค่ช่วยจับผมไว้ก็พอ"ก่อนจะเลื่อนมือลงไปจัดการช่วงล่างของเขาด้วยตัวเอง โดยที่ไม่รู้เลยว่าภาพของเขานั้นได้ทำให้เฟนริลนึกถึงใครบางคนในความทรงจำของเธอ

    "พี่รักเธอนะ"

    ใครบางคนที่เธอจำต้องฝืนใจตีตัวออกห่าง

    ตุ้บ!!

    เพื่อปกป้องเขา

    "ออกไปให้พ้นจากชีวิตลูกชายฉันซะ!!!"

    จากเรื่องอันตรายที่เธอทำลงไป

    หมับ

    "อ๊ะ?"สองมือของเด็กสาวได้คว้าเอวของชายหนุ่มตรงหน้าไว้แน่น เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขาโดยไม่พูดอะไรด้วยแววตาที่ดูเปลี่ยนไป เต็มเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวดและสับสนจนทำให้คนตรงหน้าถึงกับชะงักไปและเผลอใจอ่อนไปชั่วขณะ

    "ม-มีอะไร…"

    จูบอันเร่าร้อนถูกมอบให้กับมินโฮทันทีที่เขาเอ่ยปากพูด แค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ชายหนุ่มร่างสูงถึงกับตัวแข็งทื่อเป็นหินไปเลยยามเมื่อโดนเด็กตรงหน้าจู่โจมรุกเข้าใส่ เสียงอื้ออึงในลำคอดังขึ้นเมื่อสาวน้อยหมาป่าสอดลิ้นแทรกเข้าไปในโพรงปากอุ่นๆและช่วงชิงลมหายใจเขาไป จนทำให้ร่างกายที่ถูกกระทำถึงกับอ่อนยวบราวกับไอติมที่กำลังถูกละลาย

    ราวกับหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ เฟนริลถอนจูบออกจากริมฝีปากของมินโฮเพื่อปล่อยให้เขาได้พักหายใจเพียงแค่ครู่เดียว ก่อนจะเผยสัญชาตญานดิบของนักล่าออกมา บดจูบประกบริมฝีปากของมินโฮในตอนที่เขาเผลอ ลิ้มรสความหวานจากริมฝีปากของชายหนุ่มอย่างตะกละตะกลามดั่งหมาป่าร้ายที่ได้ลิ้มรสชาติของเนื้ออันโอชะซึ่งเสิร์ฟมาให้ถึงที่โดยที่ไม่ต้องออกไปตามล่าหาเหยื่อเองให้เสียเวลาแต่อย่างไร

    "ย-หยุดก่อน เฟน แฮ่ก ผม..อื้อ!!"มินโฮที่เริ่มอารมณ์ตามการกระทำของอีกฝ่ายไม่ทัน พูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักซึ่งเคล้ากับเสียงครวญครางที่หลุดออกมาด้วยความรู้สึกที่ดีมากจนแทบจะเป็นบ้าเพราะสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้

    สองแก้มแดงก่ำ เหงื่อไหลซึมตามกรอบใบหน้าของหนุ่มตี๋หน้าหล่อที่ถูกมอมเมาด้วยกามรมณ์ ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดลงมาด้วยความพึงพอใจ ในขณะที่เฟนริลเลื่อนลงไปพรมจูบไปตามลำคอ เล้าโลมคนบนตักให้เคลิบเคลิ้ม ก่อนจะคำรามออกมาเบาๆ พร้อมกับอุ้มตัวของอีกฝ่ายขึ้นโดยที่เขาไม่ทันได้ระวังอย่างง่ายดายราวกับยกปุยนุ่น

    "เฮือก!?"ทำให้มินโฮที่ตกใจกับแรงอันมหาศาลของเฟนริลถึงกับเผลอเอาขาเกี่ยวเอวของเด็กสาวไว้แน่นเพราะกลัวที่จะตกลงไปด้านล่างกันเลยทีเดียว

    "กลัวหรอ?"พอเห็นดังนั้น เฟนริลก็เลยเป็นฝ่ายแกล้งคืนบ้าง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฎขึ้นบนใบหน้า ก่อนจะแกล้งทำทีเป็นมือลื่น ให้อีกฝ่ายรนรานจนต้องรีบเกาะเธอเอาไว้ด้วยความตกใจ

    "ป-เปล่า!"มินโฮบอกด้วยสีหน้าที่ดูอายจัดจนแก้มแดงหลังโดนอีกฝ่ายทำให้เขาหน้าแตก ทำได้เพียงแค่ซบบ่าของอีกคนเพื่อหลบหน้า แลดูน่ารัก น่าทะนุถนอมราวกับกำลังอุ้มหมาไซบีเรียนฮัสกี้อยู่เลยก็มิปาน

    "งั้นก็ดี"เฟนริลพูด"เกาะแน่นๆล่ะ"

    จากนั้นก็ย่อตัวลง ใช้พลังจากรองเท้าส่งแรงดันร่างที่กำลังอุ้มเจ้าหมาน้อยตัวโตอยู่กระโดดขึ้นฟ้าไป

    .

    .

    .

    ตึง!! ก่อนที่ในครู่ต่อมา จะแลนดิ้งจอดลงบนชั้นตึกร้างแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับแถวนั้นซึ่งปราศจากสายตาของผู้คนและถูกปกคลุมไปด้วยความมืด เฟนริลวางร่างของมินโฮลง ก่อนจะขึ้นคร่อมตัวเขา โน้มตัวลงจูบร่างที่สั่นเทา ซึ่งจูบเธอตอบอย่างเต็มใจ ขณะรูดซิปถอดเสื้อฮู้ดที่สวมใส่และถุงมือที่ปกปิดผิวกายลงบนพื้น

    เผยให้เห็นเส้นผมสีดำอันยาวสลวยที่พริ้วไหวไปตามลมกับร่างแกร่งของเด็กสาวภายใต้แสงจันทร์ซึ่งเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย อันเปรียบเสมือนดั่งสัญลักษณ์ประจำตัวของเหล่านักสู้ที่ผ่านสังเวียนและสมรภูมิมาอย่างโชกโชนที่ทำให้มินโฮถึงกับเผลอมองด้วยความหลงใหล

    "…."เด็กสาวก้มลงปลดอาภรณ์ที่บดบังเรือนร่างของชายหนุ่มออกจนเกือบหมด ให้เหลือเพียงแค่เสื้อเชิ้ตท่อนบนที่ถูกปลดกระดุมออกเพื่อระบายความร้อนจากร่างกายของชายหนุ่มให้เย็นลง พลางก้มลง เลื่อนหน้าลงไปอยู่ในระดับเดียวกับหน้าอกของเขา

    เสียงครางของคนใต้ร่างดังขึ้น ยามเมื่อปลายลิ้นของเด็กสาวตรงหน้าตวัดเลียเม็ดทัมทิมสีชมพูอันบอบบางบนเนินอกของเขาซึ่งเชิดแอ่นรับปลายลิ้นอันเปียกชื้นที่สัมผัสลงบนผิวกาย ก่อนจะเลื่อนลงไปสัมผัสกล้ามท้องที่เรียงตัวอย่างดี ราวกับกำลังลิ้มรสหวานของน้ำผึ้งที่หวานหยาดเยิ้มชวนหลงใหล

    หมับ ชายหนุ่มกัดฟันแน่น เผลอเอามือขยุ่มกลุ่มผมของอีกคนโดยไม่รู้ตัว หลังจากโดนเขี้ยวขบกัดฝังลงบนต้นขาและนิ้วที่ซุกซุนของอีกคนลูบไล้ไปมาอย่างแผ่วเบา

    "อึ่ก!!"มินโฮถึงกับหลับตาปี๋ สะบัดหน้าหนีทันที เมื่อสัมผัสของอีกฝ่ายกระตุ้นอารมณ์ที่ฝังลึกของเขาให้พุ่งปะทุออกมา ทำให้ต้องรีบยกแขนขึ้นมาเพื่อปิดปาก ไม่ให้เสียงครางหลุดเล็ดลอดออกไป

    นัยน์ตาสีนิลภายใต้หน้ากากเลื่อนลงมามองร่างแกร่งที่ถูกโอบกอดอยู่ใต้ร่าง ด้วยความรู้สึกที่ยากจะคาดเดา ไม่มีคำพูดใดๆเอ่ยออกมานอกจากการกระทำและความรู้สึกที่แสดงออกผ่านท่วงท่าและสายตา จนทำให้มินโฮอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเอื้อมไปเกาะเชือกที่อยู่ด้านหลังศีรษะเพื่อปลดหน้ากากของเธอลง..

    "…." ทว่ากลับถูกมือของอีกคนนั้นจับไว้ได้ทันก่อนจะได้เอื้อมไป..ราวกับไม่ต้องการชายหนุ่มล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอซึ่งอยู่หลังหน้ากากนั้น

    ริมฝีปากประทับลงบนฝ่ามือของมินโฮอย่างอ่อนโยนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยสเน่ห์อันน่าหลงใหล จนมินโฮใจอ่อน ยอมล้มเลิกความพยายามที่จะเปิดดูโฉมหน้าของอีกคน เลื่อนมือลงมาเกลี่ยปอยผมของเธอแทน

    "…."

    สองตาสอดประสานกันอยู่นาน ก่อนที่มินโฮจะเป็นฝ่ายยกแขนทั้งสองข้างขึ้นตวัดโอบรอบลำคอของฝ่ายหญิงและดึงเธอเข้ามาจูบแลกลิ้นอย่างดูดดื่ม พลางหลับตาลงเพื่อสัมผัสกับรสจูบอันเร่าร้อนที่หลงมัวเมาจนถอนตัวไม่ขึ้น

    "ฟ-เฟนริล…"พลันในวินาทีต่อมา ขาของมินโฮก็ถูกจับแยกออก ยกขึ้นตั้งฉากด้วยแรงทั้งหมดของคนที่อยู่ตรงหน้า เด็กสาวจับเอวของชายหนุ่มเข้าหาตัว ท่ามกลางสายตาของอีกคนที่มองมาที่เธอด้วยความสงสัย ปนความตกใจเล็กน้อยเจือในแววตา

    "เจ็บหน่อยนะ"เฟนริลกล่าว พลางยกมือขึ้นจับแขนทั้งสองข้างของมินโฮกดลงบนพื้น โดยไม่ปล่อยให้อีกคนได้เตรียมตัวเตรียมใจ..

    "ด-เดี๋ยว.."

    สวบ!

    "อ๊า!!!!!"แรงกระแทกอันรุนแรงดั่งพายุคลั่งก็ได้ถาโถมเข้าใส่ร่างกายของมินโฮทันทีหลังจากเฟนริลเริ่มขยับตัว ทำให้ร่างกายของเขาถึงกับแอ่นโค้ง เผลอสะบัดหน้าแหงนขึ้นฟ้าไปจนศีรษะกระแทกกับพื้นเสื้อที่กองวางรับร่างเอาไว้แทนผ้าปูบนเตียงคอนกรีตผิวสัมผัสกระด่างที่อยู่ตรงหน้า

    ชายหนุ่มพร่ำเรียกชื่อของคนตรงหน้าซ้ำไปซ้ำมาด้วยความรู้สึกเจ็บปวดที่ดีมากเหลือเกินจนทำเขาลุ่มหลง สองมือกระชากร่างของอีกคนดึงเข้ามาสวมกอดทันทีที่เป็นอิสระ ในขณะที่ขาอีกสองข้างที่สั่นระริกๆจากแรงกระแทกนั้นได้ยกขึ้นเกี่ยวเอวของเฟนริลให้ร่างเข้ามาแนบชิดจนตัวแทบจะติดกัน

    มือแกร่งของเฟนริลคว้าหมับเข้าที่เอวของมินโฮ ดึงรั้งสะโพกของชายหนุ่มตรงหน้าให้ยกขึ้น พลางโน้มตัวลงซุกไซร้ซอกคอของเขา บรรเลงบทรักอันเร่าร้อนท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องแสงลงมาอาบร่างสลัวๆในยามราตรีที่ทำให้นิ้วทั้งสิบของชายหนุ่มจิกเกร็งด้วยความเสียวซ่าน จนต้องจิกเล็บลงบนหลังของอีกคนเพื่อข่วนระบายออก

    ปึ่กๆ ปลายเท้าของคนใต้ร่างจิกงอเข้าหากันแน่น เสียงครางหวานหูปนเสียงหอบที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขสมชวนจักจี้ที่ข้างหูดังระงมขึ้นทั่วชั้น เคล้าเสียงกายซึ่งโยกคลอนไปตามแรงกระแทก ที่กระทั้นเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน ก่อนที่ช่วงจังหวะสุดท้ายจะดำเนินมาถึง

    "..ฟู่"เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ราวกับเปลวไฟที่มอดดับ รู้สึกเหมือนเห็นปลายทางอยู่ตรงหน้า เฟนริลคำรามในลำคอ พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ พลางก้มลงมองคนใต้ล่างด้วยสมองที่มึนงงเป็นสีขาวโพลนเกินกว่าจะรับรู้ความเป็นไปที่เกิดขึ้น

    ตุ้บ มินโฮชำเลืองมองร่างของเด็กสาวที่ซบลงบนแผ่นอกของเขาก่อนจะหลับปุ๋ยไปด้วยสายตาที่มองมาที่เจ้าหมาป่าน้อยด้วยความเอ็นดู โดยที่ตัวของเขาเองก็รู้สึกเปลือกตาหนักอึ้ง เหนื่อยอ่อนจนแทบหมดแรงเช่นเดียวกัน

    "….."

    มินโฮคลี่ยิ้มบางๆ รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากร่างของอีกคนที่แผ่ซาบซ่านเข้าไปในหัวใจ

    อยากทำความรู้จัก..ให้มากกว่านี้

    ก่อนที่ในวินาทีต่อมา มินโฮจะผลอยหลับไป…เช่นเดียวกับอีกคน

     

     

    รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

     

    ในส่วนนี้ไรต์ได้ใส่ศัพท์เกี่ยวกับ โอเมก้าเวิร์ส เข้าไป เช่นฮีท รัท คู่แห่งโชคชะตา อะไรประมาณนี้ ซึ่งหากใครสงสัยว่า เอ๋ ผู้ชายในเรื่องนี้ท้องได้ไง คำตอบ ให้ไปอ่านในลิ้งค์นี้ เค้ามีอธิบายเรื่องราวของโอเมก้าเวิร์สทุกอย่าง

    https://aboth-info.wixsite.com/whatisabo

    [09/01/2022]

    เหมือนกับระเบิดเวลาอันละเอียดอ่อนที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อหากพลาดพลั้ง เฮ้อ ให้ตาย แค่เขียนฟิคแท้ๆ ทำไมเปลืองพลังงานขนาดนี้ ฉันอุตส่าห์ใช้คำที่ซอฟต์แบบสุดๆแล้วนะ(?) ซอฟต์จนเลือดจะหมดตัวแล้ว

    ช่างเถอะ ตั้งใจแล้วว่าหลังจากเขียนฉากนี้ ก็จะทิ้งห่างเลิฟซีนไปยาวๆเลย ไปเอามันส์ที่ฉากแอ็คชั่นบู๊เดือดเลือดพล่าน โหดเรียกป๋าแบบ Kingman ดีกว่า…โอ้ เกือบลืม เดี๋ยวจะเอาเรื่องนี้ไปลง รีดอะไรต์นะ

    หมายเหตุ ตอนหน้า จะถูกปิดการเข้าถึงก่อน เพราะน่าจะมีเรื่องที่ต้องแก้เยอะอยู่พอสมควร แต่คงต้องรอนานหน่อย เพราะพอมหาลัยเปิดเมื่อไหร่ ผมก็จะงานยุ่งกับทางนั้นทันทีครับ ยุ่งจนแทบจะปลีกมาแต่งไม่ได้เลย ขนาดนิยายออริจินัลตอนล่าสุดก็ยังแต่งได้แค่ครึ่งตอน ขอประทานโทษนักอ่านทุกท่านด้วยครับ
     

     

     

     


     

     

     


     

     

       


     


     


     


     


     


     


     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×