คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 : ภาคีนกฟินิกซ์ (Re.03)
UP : 14/07/60
Re-write : 16/08/60
Re-write 2 : 22/06/61
Re-write 3 : 09/06/64
บทที่ 2 : ภาคีนกฟินิกซ์
สักพักเจ้านกฮูกตัวจ้อยไม่ต่างจากพิกวิดเจียนเท่าไหร่ก็บินลงมาเกาะไหล่ของเธอ
มันใช้จะงอยปากเล็กๆ งับใบหูของเธออย่างรักใคร่ในขณะที่เฮเลนรู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อย
เธอเอื้อมมือไปลูบขนของมันเบาๆ
รอนบ่นเรื่องเฮ็ดวิกที่เหมือนจะคุ้มคลั่งเพราะต้องการกลับไปหาเจ้าของพร้อมจดหมายแต่ทั้งสองคนไม่ยอมให้มันกลับไป
“แล้วที่นี่มันคืออะไร”
แฮร์รี่ถาม น้ำเสียงกึ่งไม่พอใจเล็กๆ
“กองบัญชาการใหญ่ของภาคีนกฟินิกซ์”
รอนตอบ ในขณะที่จินนี่ วีสลีย์เปิดประตูเข้ามาในห้องและพบกับบรรยากาศไม่สู้ดี
เธอจึงปลีกตัวไปนั่งอยู่กับแท็คเงียบๆ
“เป็นสมาคมลับ”
เฮอร์ไมโอนี่พูด “ดัมเบิลดอร์เป็นคนควบคุม เขาเป็นคนก่อตั้ง เป็นพวกที่เคยสู้กับคนที่คุณก็รู้ว่าใคร เมื่อครั้งที่แล้ว”
เสียงเปรี้ยงดังลั่นขึ้นสองหน
เฟร็ดกับจอร์จ พี่ชายฝาแฝดของรอนปรากฏตัวขึ้นจากอากาศกลางห้อง
พิกวิดเจียนร้องลั่นและบินหวือไปอยู่หลังตู้เสื้อผ้า เฮ็ดวิกและเฮนรี่ก็เช่นกัน
“จริงๆ
บิลช่วยสอนภาษาให้เราเป็นการส่วนตัวเพียบเลยนะ” เฟร็ดหัวเราะร่วน
“ชาลีก็อยู่ในภาคีนะ”
จอร์จพูดพลางยิ้มแป้น “แต่เขายังอยู่ที่โรมาเนีย
ดัมเบิลดอร์อยากให้มีพ่อมดต่างชาติมาร่วมภาคีมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพราะฉะนั้นชาลีก็เลยพยายามติดต่อสร้างสัมพันธ์เยอะๆ ช่วงวันหยุด”
“เพอร์ซี่ละ” เฮเลนเอ่ยถามเมื่อลองนึกว่าครอบครัววีสลีย์มีพี่น้องกี่คน
สมาชิกครอบครัววีสลีย์ทุกคนและเฮอร์ไมโอนี่รวมไปถึงแท็คเองก็เงยหน้าขึ้นจากหนังสือเพื่อมาสบตากันอย่างกระอักกระอ่วนใจ
“ไม่ว่าพวกเธอจะทำอะไร
อย่าเอ่ยชื่อเพอร์ซี่ต่อหน้าแม่กับพ่อล่ะ” รอนบอกเสียเครียด
“เพราะว่าทุกครั้งที่มีคนเอ่ยชื่อเพอร์ซี่
พ่อจะทำอะไรก็ตามที่ถืออยู่ในมือแตก” เฟร็ดตอบ “แล้วแม่ก็เริ่มร้องไห้”
“มันแย่มากๆ”
จินนี่พูดเสียงเศร้า
“ฉันว่าเราขาดไปคนหนึ่งดีแล้วล่ะ”
จอร์จว่า ทำสีหน้าน่าเกลียด
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
แฮร์รี่ถาม
“เพอร์ซี่กับคุณวีสลีย์ทะเลาะกันครับ”
แท็คตอบ ดวงตามองจ้องมายังฝาแฝดพอตเตอร์
“ฉันไม่เคยเห็นพ่อเถียงใครเสียงดังแบบนั้นเลย”
เฟร็ดตอบ “ปกติคนตะโกนน่ะจะเป็นแม่”
“เกิดเรื่องขึ้นอาทิตย์แรกหลังจากที่เรากลับบ้านช่วงปิดเทอม”
รอนเล่า “เรากำลังจะออกมาสมทบกับภาคี
เพอร์ซี่กลับมาบ้านแล้วบอกเราว่าเขาได้เลื่อนตำแหน่งงานใหม่ของเขาในกระทรวง"
“ล้อเล่นรึเปล่า”
แฮร์รี่พูด เฮเลนมองฝาแฝดวีสลีย์ด้วยสายตาตกใจ
เนื่องจากทั้งสองคนดูดีกว่าที่เธอคิดเยอะ
“แล้วทำไมพวกนั้นถึงเลื่อนตำแหน่งให้เขาล่ะ”
“นี่แหละที่เราสงสัย”
รอนว่า
เขาดูกระตือรือร้นที่จะให้การสนทนาแบบปกติดำเนินต่อไปเพราะดูท่าแฮร์รี่คงอยากตะโกนออกมาเต็มแก่แล้ว
“เขากลับมาบ้าน ท่าทางพออกพอใจตัวเองมากเลย – มากกว่าปกติอีกน่ะ ถ้านายนึกภาพออก –
และบอกพ่อว่าเขาได้รับข้อเสนอให้ไปรับตำแหน่งในออฟฟิศของฟัดจ์เองเลยล่ะ เป็นตำแหน่งที่ดีมากๆ
สำหรับคนที่เพิ่งจบฮอกวอตส์ได้แค่ปีเดียว – เป็นรองผู้ช่วยรัฐมนตรี
เขาคาดว่าพ่อคงจะประทับใจ”
“แต่พ่อไม่พอใจเลย”
เฟร็ดบอกซึมๆ
“เพราะฟัดจ์ไม่อยากให้ใครติดต่อดัมเบิลดอร์ใช่ไหม”
เฮเลนพูดพร้อมกับยกนิ้วขึ้นถูคางไปมา
“เขาคงคิดว่าดัมเบิลดอร์อยากจะก่อความวุ่นวายด้วยเรื่องคนที่คุณก็รู้ว่าใคร
แล้วเขาก็เตรียมไล่คนที่เป็นพันธมิตรกับดัมเบิลดอร์ออกไปเลยใช่ไหมล่ะ”
“คุณทำนายเรื่องนี้ได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วงั้นเหรอครับ”
แท็คเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
เฮเลนสะดุ้งเล็กน้อยและทำท่ายักไหล่เป็นเชิงเพื่อกลบเกลื่อน
“ก็ตามที่เฮเลนบอก”
จอร์จพูดต่อ “แต่เรื่องวุ่นก็คือ
เขารู้ว่าพ่อกับดัมเบิลดอร์สนิทกันแล้วพ่อก็ชอบดัมเบิลดอร์มาก เขาน่ะคิดเสมอว่าพ่อเป็นพวกประหลาด
เพราะพ่อคลั่งไคล้พวกมักเกิ้ล – ”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเพอร์ซี่”
แฮร์รี่ถามพร้อมขมวดคิ้ว
“ก็กำลังจะเล่าถึงแล้วล่ะ”
เฟร็ดว่า
“พ่อคำนวณว่าฟัดจ์น่ะต้องการให้เพอร์ซี่อยู่ข้างๆ
เขาเพราะ – ” จอร์จกระแอมเล็กน้อย “เพราะต้องการใช้เพอร์ซี่เป็นสายสืบความลับของครอบครัว
– และดัมเบิลดอร์ด้วย”
“แล้วเพอร์ซี่ก็โกรธมากแล้วก็หยาบคายใส่คุณวีสลีย์”
เฮเลนพึมพำ “เขาว่าดัมเบิลดอร์กำลังไปเจอเรื่องลำบากเรื่องใหญ่
และเขาจะพาพวกเราจมไปด้วย ส่วนเขา – เพอร์ซี่ –
รู้ดีว่าความจงรักภักดีของเขาอยู่ที่ไหน อย่างนั้นใช่ไหม”
“ถูก”
เฟร็ดรับและพูดต่อ “เขารู้ว่าเขาจงรักภักดีต่อกระทรวงมากแค่ไหน
แล้วถ้าพวกเรายังทำตัวทรยศต่อกระทรวง
เขาก็จะทำให้แน่ใจว่าทุกคนคิดว่าเขาไม่ได้เป็นสมาชิกในครอบครัวนี้อีกต่อไป
เขาเก็บข้าวเก็บของออกไปคืนนั้นเลย ตอนนี้เขาก็อยู่ในลอนดอนนี่แหละ”
“อ้อ
ใช่ ชื่อพวกคุณก็ถูกลากมาเอี่ยวด้วยนะครับ” แท็คพูด ยังไม่ละสายตาไปจากฝาแฝด
“เพอร์ซี่บอกว่าหลักฐานเดียวคือคำพูดของ แฮร์รี่ พอตเตอร์
แล้วเขาไม่คิดว่านั่นดีพอที่จะรับฟัง”
“เพอร์ซี่เชื่อหนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ตจริงจังมากๆ”
เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างหมั่นไส้และทุกคนเห็นด้วย
“พวกเขาเอ่ยถึงพวกเธออาทิตย์ละหนสองหนเลย –
เธอต้องอ่านมันตั้งแต่หน้าแรกจนหน้าสุดท้าย พวกเธอถึงจะจับได้ –
ฉันไม่ได้พูดถึงบทความใหญ่ๆ แต่พวกเขาแค่สอดแทรกชื่อของพวกเธอเอาไว้
เหมือนว่าเป็นเรื่องตลก”
“อะไรนะ
– ”
“มันร้ายกาจมาก”
เฮอร์ไมโอนี่พูดต่อพยายามข่มเสียงให้สงบ
“พวกนั้นจะเขียนถึงพวกเธอว่าพวกเธอมันเป็นคนลวงโลก
ชอบตบตาคนและพวกเขาเน้นที่เธอเป็นพิเศษเลยแฮร์รี่ --
พวกเขาแทรกคำวิจารณ์กล่าวหาว่าเธอแบบเสียๆ หายๆ อยู่เรื่อย
สมมุติว่ามีเรื่องอะไรเหลือเชื่อเกิดขึ้นก็จะเขียนว่า ‘เรื่องเล่าที่เหมาะสมกับพวกพอตเตอร์!’ แล้วถ้ามีใครประสบอุบัติเหตุ ก็จะเขียนว่า ‘หวังว่าเขาคงไม่มีแผลเป็นที่หน้าผากไม่งั้นเราจะถูกขอให้บูชาเขาเป็นคนต่อไป’ แบบนี้!”
เฮอร์ไมโอนี่หยุดพัก
เฮเลนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เธอรู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเกิดเรื่องนี้ขึ้น
แต่ว่าทำไมในใจลึกๆ เธอถึงได้รู้โมโหและอยากชกหน้าใครสักคนเพื่อระบายอารมณ์จริงๆ
มือเล็กเลื่อนขึ้นไปลูบรอยแผลเป็นบนหน้าผาก
เธอพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวว่าตัวเองกำลังฝันถึงช่วงเวลาไหนของแฮร์รี่
พอตเตอร์และถ้าหากถูกต้อง เธอมาอยู่ในช่วงที่โวลเดอมอร์เพิ่งจะฟื้นคืนชีพ
และนอกจากนั้นเธอจะมาเป็นตัวละครสำคัญในเรื่องอีกต่างหาก –
“ฉันรู้ว่าเขาต้องการเปลี่ยนให้พวกเธอกลายเป็นคนที่ไม่น่าเชื่อถือ
ฟัดจ์ต้องอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่นอน ฉันพนันเอาอะไรเป็นประกันเลยก็ได้
ว่าเขาต้องการให้ทุกคนมองพวกเธอเป็นตัวตลก”
“เขาฆ่าพ่อแม่ฉันนะ! ถามจริงๆ ว่าใครต้องการมีชื่อเสียงแบบนี้บ้างเฮอร์ไมโอนี่!!” แฮร์รี่พูดอย่างเดือดดาล
“เรารู้แฮร์รี่”
จินนี่พูดหนักแน่น "เพราะเรารู้ เราถึงพยายามที่จะช่วยพวกเธออยู่นี่ไง"
“แน่นอนว่าพวกนั้นไม่ได้รายงานสักคำเรื่องผู้คุมวิญญาณโจมตีพวกเธอ”
เฮอร์ไมโอนี่พูดต่อ “พวกเขาไม่ได้รายงานอะไรเลยด้วยซ้ำไปเกี่ยวกับเรื่องนี้
เราคิดว่าเขารอโอกาสให้เหมาะเพื่อทุ่มเขียนข่าวกันเต็มที่เพื่อทำลายพวกเธอ!”
ทั้งห้องเงียบเสียงลงไปราวกับกำลังใช้ความคิดแต่เสียงฝีเท้าที่บันไดก็เรียกให้พวกเขาต้องหันไปมองที่ประตู
“เอ้อ
โอ้” เฟร็ดกระตุกหูของเล่นของเขาขึ้นมา เสียงเปรี้ยงดังขึ้นอีกครั้งและเขากับจอร์จก็หายตัวไป
วินาทีต่อมา
นางวีสลีย์ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ห้องนอนเพื่อเรียกให้ทุกคนลงไปทานอาหารเย็น
ขณะเดินผ่านหัวเอลฟ์ประจำบ้านที่ติดอยู่ตามผนัง พวกเขาเห็น ลูปิน
นางวีสลีย์และท็องส์อยู่ที่ประตูหน้า กำลังใช้เวทมนตร์ใส่กุญแจหลายต่อหลายอัน
“เราจะกินในครัวข้างล่าง”
นางวีสลีย์กระซิบ เดินมาพบพวกเด็กๆ ที่เชิงบันได
“พวกเธอเดินย่องข้ามห้องไปเข้าประตูนั้นนะ”
พวกเขาเดินตามซีเรียสเข้าไปในห้องครัวใต้ดิน
มันเป็นห้องกว้างเหมือนถ้ำใหญ่
มีผนังเป็นหินขรุขระแสงส่วนใหญ่ส่องมาจากเตาไฟขนาดใหญ่ที่ปลายสุดห้อง เก้าอี้หลายตัวเบียดกันในห้องเพื่อใช้ในการประชุมและโต๊ะไม้ตัวยาวที่ตั้งอยู่กลางหมู่เก้าอี้นั้นเกลื่อนไปด้วยม้วนกระดาษ
ถ้วยมีเชิงและขวดเหล้าไวน์เปล่าๆ
นายวีสลีย์กับคนที่เฮเลนมองปราดเดียวก็มั่นใจได้ในทันทีว่านั่นคือ บิล วีสลีย์ กำลังคุยกันอยู่ที่ปลายสุดของโต๊ะ
นางวีสลีย์ถลาไปยังตู้โบราณและเริ่มหยิบอาหารเย็นออกมา
ในขณะที่บิลและนายวีสลีย์รีบเร่งเก็บม้วนกระดาษไปให้พ้นจากสายตา
“นั่งสิ
พวกเธอ” ซีเรียสบอก “เธอได้เจอมันดังกัสกันรึยัง”
เสียงกรนครอกยาวยืดดังขึ้นในกองผ้าขี้ริ้วใกล้ๆ
กับโต๊ะทานอาหาร เฮเลนสะดุ้งและถลาไปเกาะแขนแฮร์รี่เอาไว้มั่น
ดวงตามองจ้องกองผ้านั้นที่เธอเพิ่งจะสังเกตเห็นว่ากองนั้นไม่ใช่ผ้าขี้ริ้ว
“ครายพูดชื่อฉัน...”
มันดังกัสพึมพำงัวเงีย
“การประชุมเลิกแล้ว
ดัง” ซีเรียสบอก พลางดันหลังเฮเลนให้นั่งลงข้างๆ กับแฮร์รี่ “ฝาแฝดมาถึงแล้ว”
“อ้อ”
เขาลากเสียง “เป็นงายยย สบายดีไหมพวกเธอ”
“ครับ”
แฮร์รี่ตอบ ในขณะที่เฮเลนได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก
ไม่นานต่อมา
มีดเล่มใหญ่ก็หั่นเนื้อและผักต่างๆ กันเอง มีนายวีสลีย์คอยควบคุมดูแล
ระหว่างที่นางวีสลีย์กำลังคนอาหารในหม้อใหญ่ที่ลอยแกว่งอยู่เหนือกองไฟ คนอื่นๆ
กำลังลำเลียงจาน ถ้วยมีเชิงอีกหลายใบและอาหารต่างๆ ออกมาจากห้องเก็บอาหาร แฮร์รี่
เฮเลนถูกทิ้งเอาไว้ที่โต๊ะกับซีเรียสและมันดังกัส
แมวเหมียวตัวส้ม
ขนฟูหน้าตาไม่เป็นมิตรกระโดดขึ้นมานนอนบนตักของเฮเลน
เธอตกใจนิดหน่อยแต่ก็ลูบขนมันเบาๆ พลางมองซีเรียสและมันดังกัสสลับกันไปมา
พวกเขาช่างดูเหมือนจริงราวกับว่าจับต้องได้ จะว่าไปเธอก็สัมผัสตัวแฮร์รี่มาแล้ว
มันอุ่นและเหมือนจริงอย่างไม่น่าเชื่อ
บางทีมันคงเป็นความฝันที่เหมือนจริงและเธอคงหลับลึกเอามากๆ
“เฟร็ด
– จอร์จ – อย่า แค่ใช้มือยกก็พอแล้ว!” นางวีสลีย์ร้องเสียงแหลม
ไม่ถึงเสี้ยววินาทีที่หันไปมอง
พวกเขาพุ่งหลบไปจากโต๊ะ เฟร็ดกับจอร์จเสกคาถาใส่หม้อใหญ่บรรจุสตูว์
เหยือกเหล็กใส่บัตเตอร์เบียร์ และเขียงไม้หนักอึ้งสำหรับหั่นขนมปัง
พร้อมมีดให้ลอยโครมครามตรงมาทางพวกเขา
หม้อสตูว์ลื่นไถลมาตลอดความยาวและหยุดที่ขอบโต๊ะพอดี ทิ้งรอยไหม้ดำยาวไปตลอด
เหยือกบัตเตอร์เบียร์หล่นลงมาเสียงดังโครมและสาดกระเซ็นไปทั่ว
นางวีสลีย์ตะโกนและกรีดร้องต่อว่าเฟร็ดกับจอร์จมากมายจนแทบนับไม่ถ้วนจนเฮเลนฟังแทบไม่ทัน
แต่เธอก็ต้องหยุดเมื่อหลุดปากเอ่ยถึงเพอร์ซี่ ทั้งห้องเงียบกริบลงไปในทันที
เป็นช่วงเวลาทานอาหารที่มีแต่ความเงียบ ยกเว้นแต่เสียงจานและส้อมกระทบกัน
เฮเลนยิ่งรู้สึกว่าความฝันนี้สมจริงมากขึ้นอีกเมื่อเธอได้สัมผัสกับอาหารของนางวีสลีย์ที่อร่อยจนไม่อาจบรรยายได้
หลายครั้งที่เฮเลนเผลอคิดว่าตัวเองเป็นน้องสาวจริงๆ ของแฮร์รี่
แต่เมื่อฉุกคิดได้ว่านี่เป็นความฝันก็แอบรู้สึกเศร้าขึ้นมาเล็กๆ
ฝั่งตรงข้าม
ท็องส์กำลังทำให้เฮอร์ไมโอนี่กับจินนี่สนุกสนานด้วยการเปลี่ยนจมูกไปมาระหว่างกินอาหารแต่ละคำ
ทุกครั้งที่เธอหรี่ตาลงทำสีหน้าเจ็บปวด
จมูกของเธอก็ขยายขึ้นเป็นโหนกงองุ้มคล้ายจมูกสเนป
เห็นได้ชัดว่าเป็นการเล่นบันเทิงระหว่างทานอาหาร
นายวีสลีย์
บิล และลูปินกำลังคุยกันอย่างคร่ำเคร่งเรื่องของก๊อบลิน
หลังจากทานอาหารเสร็จเกิดการถกเถียงกันเรื่องของอายุสำหรับพวกเด็กๆ
ที่อยากเข้าร่วมภาคี และความจำเป็นของเรื่องแต่ละเรื่องที่พวกเขาสมควรจะรู้
นางวีสลีย์บอกว่าพวกเขายังไม่โตพอที่จะรู้เพราะอาจทำให้เกิดอันตราย
จนในที่สุดมติก็เป็นเอกฉันท์ พวกเขาเล่ารายละเอียดบางอย่างให้แฮร์รี่ รอน
เฮอร์ไมโอนี่ เฮเลนและเฟร็ดกับจอร์จฟัง
สำหรับผู้ที่ไม่สามารถอยู่ในห้องครัวได้นั่นก็คือจินนี่และแท็ค
พวกเขาบ่นเล็กน้อยแต่ว่าก็ยอมกลับขึ้นห้องนอนแต่โดยดี
หลังจากพวกเขาคุยกันเสร็จเรียบร้อย
นางวีสลีย์ก็เดินพาพวกเขาขึ้นบันได สีหน้าถมึงทึง
“ขึ้นห้องนอนกันเดี๋ยวนี้! ห้ามคุยกันอีก”
นางวีสลีย์ปิดประตูไล่หลังเด็กๆ
เฟร็ดกับจอร์จทำท่าล้อเลียนก่อนจะกระโดดขึ้นเตียงของแต่ละคน
เฮเลนไม่เข้าใจว่าทำไมต้องนอนรวมกันหมดแบบนี้ทั้งที่ที่นี่มีห้องอีกเยอะแยะ
เธอเดินไปนั่งนิ่งๆ
อยู่ที่ขอบเตียงมองรอนโยนอาหารว่างนกฮูกขึ้นไปบนหลังตู้เสื้อผ้าเพื่อให้กับเฮ็ดวิก
พิกวิดเจียนและเฮนรี่ สงบเสียงเพราะพวกมันอยู่ไม่ค่อยเป็นสุข
“เราปล่อยมันออกล่าไม่ได้”
รอนอธิบายทั้งที่นั่งอยู่บนเตียง “ดัมเบิลดอร์ไม่อยากให้มีนกฮูกบินโฉบไปโฉบมาอยู่แถวนี้มากเกินไป
มันจะทำให้ดูน่าสงสัย เออใช่...”
รอนชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่ประตูและลั่นกลอนปิด
“ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วย?” เด็กสาวถามพลางเอียงคอสงสัย
ทุกคนในห้องยกเว้นแฮร์รี่ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ครีเชอร์น่ะ”
เขาตอบ “เอลฟ์ประจำบ้านตระกูลแบล็ก คืนแรกที่ฉันมาที่นี่ มันเดินเข้ามาตอนตีสาม! เชื่อเถอะว่าพวกเธอคงไม่อยากเจอมันอยู่ที่ปลายเตียงตอนดึกๆ
หรอก” เขาทำท่าขนลุก
เฮอร์ไมโอนี่เดินไปปิดไฟเหลือเพียงไฟหรี่สองดวงที่ยังคงสว่างอยู่ภายในห้องก่อนที่ทุกคนจะข่มตาให้หลับโดยไม่พูดอะไรกันต่อ
และเฮเลนหวังว่าตัวเองจะตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้นโดยไม่มีอาการงัวเงีย
จะได้ไม่ไปเปิดห้องสมุดสายและต้องนั่งฟังเสียงบ่นของอาจารย์บรรณารักษ์คนใหม่อีก
ซึ่งเธอไม่ได้คิดเลยว่าจะไม่สามารถกลับไปยังห้องสมุดเพื่อเปิดห้องให้อาจารย์หรือกลับไปนั่งอ่านหนังสืออย่างสงบสุขได้อีกต่อไปแล้ว...
ติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น