คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 03 | TO HAVE A HAIRY HEART
RED SNITCH
(AU!HOGWARTS)
OSH | KJI | PCY
( 3 )
‘TO HAVE A HAIRY HEART’
คิมจงอินเดินผ่านกลุ่มนักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์ที่ออกันอยู่หน้าร้านซองโก้ หลายๆคนต่างส่งเสียงเรียกทักทายเขาโดยไม่ทันได้เห็นริ้วแดงๆบนใบหน้าที่คล้ายจะร้องไห้อยู่รอมร่อ โอ... ปีศาจเป็นพยาน จะมีใครเห็นภาพเมื่อครู่จงอินก็คิดว่าไม่เป็นไร ถ้าไม่เพียงแต่คนๆนั้นคือโอเซฮุน คู่อริแห่งบ้านสลิธีรินที่เขาค่อนข้างแน่ใจทีเดียวว่าคงไม่ได้เผาผีกันและกันตลอดชีวิต ยิ่งมีภาพนิมิตการมาดร้ายมาเป็นตัวช่วยด้านการหวาดระแวงด้วยแล้ว การจูบกับชานยอลเต็มสองตาหมอนั่นคงไม่ใช่เรื่องดีแน่
ชายหนุ่มปัดเอาปลายผ้าพันคอถักสีแดงคาดเหลืองขึ้นพาดบ่าหลังจากมันตกลงมา ใจของเขาวุ่นวายเหมือนมีไข่มังกรในครอบครองไม่มีผิด ไม่รู้ว่าควรจะเครียดกับชานยอลหรือไอ้คนจอมจุ้นอย่างนั้นก่อนดี ไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ ต้นแขนก็ถูกรั้งไว้ด้วยเจ้าของเรือนผมสีทองหน้าตาคุ้นเคย ลูคัส ทิลทำตาโตที่ได้เจอเขา
“จะไปไหน -- เฮ้ นี่นายกำลังจะร้องไห้หรือจงอิน” ลูคัสถามพาซื่อ ซึ่งขอด่าในใจทีเถอะว่ามันจะไม่ผิดวิสัยคนฉลาดอย่างผู้ชายคนนี้ไปหน่อยหรือ
“เปล่า” จงอินถูจมูกฟึดฟัด พลางรักษาระดับเสียงให้เป็นปกติเพื่อปฏิเสธ
หนุ่มผมทองมาฮอกส์มี้ดกับเด็กผู้หญิงบ้านกริฟฟินดอร์อีกคนหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิด เธอคือไอรีน เบ-- อะไรสักอย่าง เป็นนักเรียนชั้นปีที่เจ็ด ซึ่งอันที่จริงจงอินไม่เห็นความจำเป็นว่าลูคัสจะต้องมากระอักกระอ่วนกับเขา แค่คิดว่าการขอตัวจากนี้ไม่เสียมารยาทก็เกินพอ
“ฉันไปก่อนนะ” จงอินบอกปัดอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ พอไม่มีชานยอลอยู่ ลูคัสก็ไม่รู้ว่าการรั้งอีกฝ่ายไว้แล้วเขาจะทำอะไรได้ จึงพยักหน้าลาจงอินพร้อมทิ้งท้ายว่าไว้เจอกันที่ห้องนั่งเล่นกริฟฟินดอร์
อย่างน้อยจงอินก็ขอบคุณลูคัส ทิล เพราะน้ำตาเขาเหือดกลับลงไปทันทีเลยเมื่อเจอคนอื่น ซีกเกอร์บ้านสีแดงยังก้าวขาฉับๆผ่านฝูงคนไปโดยไม่ยอมหยุด สายตาก็กวาดมองรอบๆทั้งที่ไม่แน่ใจว่าถ้าเจอชานยอลแล้วตัวเองจะทำสีหน้าอย่างไร โชคร้ายว่าเดินมาถึงประตูทางเข้าโรงเรียนแล้วเขาก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของกัปตันทีมตัวสูง
มันทำให้จงอินนึกกลัวจริงๆว่าหากความสัมพันธ์ระหว่างเขาและชานยอลต่อไม่ติดแล้ว เราจะเป็นอย่างไรต่อไป
เย็นวันต่อมา คิมจงอินกินมื้อเย็นกับเพื่อนสนิทในโถงอาหาร โดยที่สอดส่องสายตาไม่เจอปาร์คชานยอลแม้แต่เงา ในห้องนั่งเล่นของบ้านก็ไม่เจอ คราวนี้แม้แต่ลูคัส ทิลก็ยังหายไปจากกรอบการมองเห็นของเขาด้วย ให้ตายเถอะเคราเมอร์ลิน จะว่าอย่างไรดีล่ะ จงอินไม่ได้นึกรังเกียจสัมผัสอุ่นๆที่ยังติดอยู่ตรงปาก แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่ตกใจ อยากให้มันเกิดขึ้น หรือนึกภาพตัวเองจูบกับชานยอลใต้ต้นมิสเซิลโทเป็นรอบที่สอง แต่สิ่งเดียวที่คิดก็คือชายหนุ่มยังไม่พร้อมเสียหนุ่มรุ่นพี่ไปตอนนี้
อีกไม่นานชานยอลก็จะเรียนจบจากฮอกวอตส์อยู่แล้ว ถ้าถึงตอนนั้นแล้วเรายังคาใจ มึนตึงใส่กัน จงอินคงนึกเสียใจกับความผูกพันตลอดหลายปีนี้น่าดู มือสีแทนป้อนน่องไก่เข้าปาก กัดกินด้วยความหิวแทนที่จะอยากเปิดปากร่วมวงเรื่องชวนหัวของเพื่อนๆ เขาอารมณ์ไม่ดีเท่าไร และยิ่งแย่ขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่าถัดจากโต๊ะเรเวนคลอไป โอเซฮุนกำลังหย่อนตัวลงนั่งบนโต๊ะอาหารขณะหัวเราะคิกคักกับเซเลน่า โกเมซไปด้วย
แหงสิ หมอนั่นคงมีความสุขน่าดู ลำพังเจอแค่คาถาหยุดนิ่งเข้าไปคงจิ๊บจ๊อยมากล่ะซี ไม่ใช่ว่าป่านนี้เรื่องกัปตันทีมกับซีกเกอร์บ้านกริฟฟินดอร์จูบกันจะรู้ทั่วสลิธีรินแล้วหรอกนะ
“นายเตรียมชุดใส่ไปงานพร็อมแล้วหรือยัง” แทมถามเขาที่มีเนื้อไก่เต็มปาก จงอินรีบเคี้ยวตุ้ยๆแล้วกลืนลงคอก่อนจะว่า
“ยัง”
“เอ้า ใกล้วันแล้วนะนั่น ขืนคริสตัลรู้เข้าคงโกรธอีกแหง”
มีเรื่องเครียดกว่านั้นมากมายนัก จงอินอยากบ่น แต่เขาก็ทำได้แค่กลบเกลื่อนความสนใจของตนที่พุ่งไปยังคนในชุดเสื้อคอเต่าสีดำบนโต๊ะบ้านสลิธีริน โอเซฮุนไม่แม้แต่จะชายตามาทางนี้ ไม่ยียวนกวนประสาท แต่ทำเหมือนไม่เห็นเขาเลยต่างหาก ทั้งหมดนี้จงอินค่อนข้างแน่ใจว่าเป็นการจงใจ
เมื่อสบโอกาสหลังจากนั้นสิบนาที เจ้าของผิวขาวซีดก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินแยกจากกลุ่มเพื่อนที่ยังกินมื้อเย็นออกจากโถงอาหารโดยมีจงอินที่กระวีกระวาดรีบใช้ผ้าเช็ดคราบมันบนปากแล้วลอบตามไปติดๆ
เซฮุนเดินขึ้นบันไดไปจนถึงชั้นหก ผ่านรูปภาพเซอร์ออสตินและประติมากรรมขนาดเล็กริมทางเดินหลายอัน กระทั่งแผ่นหลังกว้างนั้นลับหายเข้าไปในห้องน้ำชาย ช่วงเวลาเช่นนี้ ส่วนอื่นๆในฮอกวอตส์ค่อนข้างเงียบและไร้ผู้คน เพราะนักเรียนส่วนใหญ่ถ้าไม่อยู่ในโถงอาหารก็จะเป็นห้องนั่งเล่นประจำบ้านของตัวเอง เช่นนั้นแล้วการที่อีกฝ่ายจงใจแยกตัวออกมาเช่นนี้ ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่
ความกล้าหาญเป็นคุณสมบัติประจำบ้านกริฟฟินดอร์ เช่นนั้นแล้วคิมจงอินจึงไม่ลังเลที่จะโผล่หน้าไปมองตรงประตู สอดส่องสายตาหาคนที่น่าจะอยู่ข้างใน แล้วเขาก็ต้องแปลกใจที่ห้องน้ำชายตอนนี้ช่างว่างเปล่า ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตและการเคลื่อนไหวเช่นที่ควรจะเป็น
“โอ๊ยตัวประหลาดตะลุย!” จงอินอุทานลอดไรฟัน หลังหันไปตามแสงเรืองๆที่หางตาจนเห็นพีฟส์ตัวหนึ่งกำลังลอยละล่องมาทางนี้ โชคดีที่มันอาจจะยังไม่เห็นเขา เชื่อเถอะว่าหนึ่งในอันดับสุดท้ายที่นักเรียนฮอกวอตส์อยากเจอ ภารโรงอาร์กัส ฟิลช์กับพวกพีฟส์คงแข่งกันกอดเก้าประจำตำแหน่งนั้นน่าดู จนถึงขั้นที่มีคนบัญญัติสุภาษิตใหม่ขึ้นมาว่า หนีพีฟส์มาเจอฟิลช์!
ชายหนุ่มในชุดผ้าคลุมสีดำตัดสินใจหลบหลีกเจ้าโพลเตอร์ไกสต์จอมป่วนเข้ามาภายในห้องน้ำ ตาก็ปราดมองไปตามบานประจกเหนืออ่างล้างมือเผื่อจะเห็นโอเซฮุนปรากฏอยู่ตรงไหนสักแห่ง ฝีเท้าค่อยๆก้าวไปข้างหน้าอย่างเงียบเชียบ จับจ้องจนทั่วด้วยสายตาของซีกเกอร์ แต่แล้วทั้งร่างก็พลันถูกดึงเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กหลังเดินผ่านห้องสุขาแรกของแถว
“อะ!”
โอเซฮุนยกมือปิดปากของเขาเอาไว้ก่อนที่จะตะโกนเสียงดังแล้วเชิญชวนให้พีฟส์ตัวนั้นเข้ามา
“ถ้าไม่อยากให้มีใครรู้ว่าเราอยู่กันสองต่อสอง ก็อย่าหาเรื่องกระจายข่าวดีกว่าจงอิน” เจ้าของเนกไทสีเขียวสลับเงินยอมปล่อยมือออกจากตัวเขา คิมจงอินรีบดีดตัวเองออกไปยืนหลังชิดผนังนอกห้องสุขา สัมผัสเย็นเยียบและกลิ่นอับชื้นทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ในถ้ำงูไม่มีผิด “ก่อนจะเปิดปากด่าว่าอะไรฉัน รู้ตัวเอาไว้ว่าครั้งนี้นายเป็นฝ่ายตามมาเองนะ”
เซฮุนยียวน จริงแท้แน่นอนเลยว่านั่นกวนประสาทเขาได้ชะงัดนัก “มาทำอะไรลับๆล่อๆที่นี่ล่ะ ถ้าจะมีคนรู้ ก็เพราะสลิธีรินอย่างนายคงกำลังคิดจะทำอะไรไม่ดี”
“อะไรไม่ดี?” คนถูกกล่าวหาหัวเราะร่วน “แค่เพราะฉันอยากหาที่เงียบๆให้เราอย่างนั้นหรือ”
ขายาวสาวออกจากห้องสุขาจนเข้ามาใกล้เขา ริมฝีปากบางฉาบรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจขณะยกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้ากับผนังข้างตัวจงอิน
“มีอะไรก็ว่ามาสิ เห็นมองฉันไม่ละสายตาตั้งแต่ในโถงใหญ่แล้ว”
จงอินสะอึก นึกเก้อเขินอยู่นิดหน่อยที่เผลอแสดงออกชัดเจนไปถึงเพียงนั้น และใช่ เขามีปัญหาคาใจกับหมอนี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้านั้นเป็นเรื่องที่ทำให้ทีมควิดดิชของกริฟฟินดอร์สามารถกลายเป็นตัวตลกของคนทั้งโรงเรียนได้ภายในชั่วข้ามคืน
“เรื่องเมื่อวาน” เซฮุนเลิกคิ้ว “ฉันมาต่อรองกับนายดีๆ เรื่องเมื่อวานไม่ควรจะมีคนรู้”
“แย่จริง ฉันดันบังเอิญไปเห็นเสียด้วยสิ”
“นั่นแหละ!” คนพูดเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ฉันถึงได้บอกว่าจะมาต่อรองกับนายดีๆไงเล่าโอเซฮุน -- โธ่เว้ยเมอร์ลิน!”
จงอินไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี เขาก็แค่กังวล โกรธแค้น และไม่มีแม้แต่ข้อเสนอเพื่อต่อรองดังเช่นปากว่า ถึงโอเซฮุนจะฉลาดเป็นกรด แต่หมอนี่ก็ชั่วร้ายด้วยเช่นกัน แบบนี้สู้ให้คนมาเห็นเป็นเด็กบ้านฮัฟเฟิลพัฟที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่สักคนยังดีเสียกว่า
“ท่าทางจะเป็นเรื่องสำคัญนะนี่” หนุ่มบ้านสลิธีรินหัวเราะหยันในลำคอ สายตาดูแคลนนั้นทำราวกับสุขใจเสียเต็มประดาที่ได้หยอกล้อเขาให้อับอายเช่นนี้ “นายคบหากับปาร์คชานยอลหรือ”
“ไม่ใช่”
ถึงจะไม่อยากเสียเวลาเสวนาด้วยสักเท่าไร หากตอนนี้โอเซฮุนกำลังกำความลับของเขาและชานยอลเอาไว้จนจงอินต้องบากหน้าตามมาถึงนี่ ปล่อยให้อีกฝ่ายเล่นสนุก พูดจากำกวม แล้วก็กวนประสาทอย่างหาที่สุดไม่ได้ ดวงตาสีเข้มของเซฮุนเหมือนเมทัลลิค สะท้อนทุกสิ่งที่เขาแสดงออกไปผ่านรอยยิ้มสงบนิ่งและท่าทีฉาบฉวย
“แล้ว?” คนสูงกว่าแสดงความอยากรู้อย่างสัตย์จริง แต่เชื่อเถอะว่าต่อให้เซฮุนซื่อตรงแค่ไหน คิมจงอินก็ไม่มีทางเข้าใจหรอก
“อะไร” หนุ่มผิวแทนเค้นเสียงตอบเบาหวิว นัยน์ตาเคลือบไปด้วยโทสะไม่ต่างจากชนวนระเบิด “อย่ามากวนประสาทฉันนักเลย”
“ฉันเป็นคนเริ่มหรือไงจงอิน” เซฮุนสวนกลับเสียงเรียบ “ให้เวลาคิดทบทวนอีกที ว่าเราจะพูดกันดีๆบ้างไม่ได้เลยหรือ”
ไม่ได้แน่นอน! จงอินสบถอย่างก้าวร้าวในใจ แต่ก็เท่านั้น เขาไม่ได้อีคิวต่ำถึงขั้นจะไม่รู้ว่าในสถานการณ์ที่ตัวเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบเช่นนี้ การหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาสร้างสนามต่อสู้ซ้ำสองไม่ใช่เรื่องที่เข้าท่านัก นั่นรวมถึงการที่โอเซฮุนอาจจะยังโกรธเคืองที่ถูกเขาเสกคาถาหยุดนิ่งใส่ที่ฮอกส์มี้ดด้วย
“แล้วนายจะเอายังไง” เขาจำต้องยอมเป็นฝ่ายโอนอ่อนในที่สุด มองความสมบูรณ์แบบบนกรอบหน้าได้รูปที่รับกับผมสีดำเหลือบน้ำตาล ทว่าความหล่อเหลาของผู้ชายคนนี้ช่างตรงกันข้ามกับจิตใจสิ้นดี พนันโดยฮิปโปกริฟฟ์ตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลกเวทมนตร์เลย
“เอายังไงอย่างนั้นหรือ” เซฮุนทำสายตาวิบวาว ไม่รู้ว่ากำลังครุ่นคิดจริงๆจังๆเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ “ให้เวลาฉันคิดสักหน่อยเป็นไง”
“...”
“ระหว่างนั้น ขอเหตุผลเล็กๆน้อยๆมาประกอบการตัดสินใจหน่อยสิว่า ถ้าหากนายกับปาร์คชานยอลไม่ได้คบกัน แล้วจูบคือความเป็นเพื่อนระดับไหน”
“...”
“หรือว่าจูบกับใครก็ได้?”
จงอินโกรธจนตัวสั่น โอเซฮุนชักจะหมิ่นเขามากไปแล้ว ซ้ำยังด้วยถ้อยคำทุเรศๆที่ไม่น่าใช้กับผู้ชายเหมือนกันเสียด้วย แบบนี้เรียกว่าคุยกันดีๆอย่างนั้นหรือ หากเป็นเช่นนั้นสู้สาดคาถาลบความทรงจำใส่กันให้ตายไปข้างยังดีเสียกว่า มือสีแทนยกขึ้นผลักคนตรงหน้าออกไปจากระยะหายใจ ปากก็สบถคำหยาบคายเสียงสั่น คงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว ถ้าเรื่องของเขากับชานยอลจะแดงออกไป นั่นก็คงเป็นบทลงโทษของเราทั้งคู่
“คิมจงอิน”
เซฮุนส่งเสียงเรียกทันทีที่เขาหันหลังเดินหนี จงอินสูดลมหายใจลึกหลังจากหยุดฝีเท้า เอี้ยวตัวหันกลับไปมองคนที่กำลังใช้มือเสยเรือนผมอย่างลวกๆ ริมฝีปากนั้นขยับวาดเป็นรอยยิ้ม
“จูบฉันใต้ช่อมิสเซิลโทสิ”
-- ที่น่ารังเกียจที่สุด!
“นี่แหละข้อแลกเปลี่ยน”
จงอินไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือพูดเล่นกันแน่ หากมันไม่ตลกสักนิด แย่ยิ่งกว่าการเต้นระบำลามกห่วยๆจากพีฟส์หรือภารโรงฟิลช์ร้องเพลงกล่อมคุณนายนอริสเสียอีก
“ต่อให้มีไม้กวาดยาวสิบฟุตอยู่ในมือ ฉันก็ไม่มีวันเข้าใกล้นาย”
นักเรียนปีห้าแห่งบ้านกริฟฟินดอร์สะบัดชุดคลุมสีดำแดงแล้วเดินออกไปจากห้องน้ำชั้นหก ทิ้งให้เจ้าของข้อเสนอทุเรศๆเมื่อครู่แค่นยิ้มอยู่กับตัวเองด้วยอารมณ์สับสนปนเป โอ ครั้งนี้เซฮุนจำได้ดีเชียวล่ะว่าเขาเพิ่งพูดอะไรออกไป ถึงกับคิดว่ามันเข้าท่ายิ่งกว่าเหตุการณ์ที่ท้ายหมู่บ้านฮอกส์มี้ดเมื่อวานด้วยซ้ำ เขาหัวเราะ มองตัวเองในกระจก ก่อนจะพบว่าบนใบหน้าขาวซีดปรากฏสีแดงระเรื่อไปจนถึงใบหูเสียแล้ว
แค่ไม้กวาดสิบฟุตเท่านั้นเองหรือ -- ต่อให้เป็นคนละซีกโลก โอเซฮุนก็ยังคิดว่ามันไม่เกินความสามารถของเขาเลย
โอเซฮุนกำลังล้อเลียนเขา! นั่นคือสิ่งที่แน่นอนและน่าโมโห
หมอนั่นมันหัวใจขึ้นขนของแท้เลย แล้วคิมจงอินยังโง่กว่าเสียอีกที่เอาแต่ด้อมๆมองๆแล้วเดินตามมาเพียงเพราะหวังว่าจะเจรจากันได้ ซึ่งสิ่งที่เขาได้รับก็มีแต่การดูแคลน ล้อเลียนและเย้ยหยัน ไม่เห็นจะแปลกอะไรถ้าเด็กบ้านสลิธีรินสักคนจะอยากทำให้กริฟฟินดอร์อับอายไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม นิ้วสีแทนยกขึ้นถูจมูก ขนาดแค่หายใจใกล้กันก็ยังคันขึ้นมาเสียแล้ว
“คริสมาสต์นี้นายจะไปเที่ยวไหน”
จงอินลืมตอบคีย์ อันที่จริงเขาแทบไม่ได้ฟังบทสนทนาก่อนหน้านี้เลยด้วยซ้ำ ช่วงคริสมาสต์ยาวถึงปีใหม่จะเป็นวันหยุดยาวประมาณสองสัปดาห์ นักเรียนได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่บางคนก็เลือกจะอยู่ฮอกวอตส์ต่อเพราะ -- นั่นแหละ ฤดูการสอบว.พ.ร.ส.หฤโหด ตามตรงก็คือจงอินแทบจะเลิกคิดเรื่องมือปราบมารแล้วด้วยซ้ำ ถึงนั่นจะเป็นความฝันเด็กผู้ชาย แต่ก็ยิ่งใหญ่มากเกินไปสำหรับเขา
ส่วนชานยอลบอกไว้ว่าอย่างไรก็ต้องทำงานในสำนักมือปราบมารให้ได้ กลับกันถ้าให้นึกภาพตัวเอง เขาดันเห็นคิมจงอินทำงานเก็บตกอย่างวิ่งไล่ลบความทรงจำให้มักเกิ้ลด้วยบุคลิกเหมือนพนักงานเสียบบิลค่าไฟไม่มีผิด คงจะเช้าชามเย็นชามน่าดู
“ไม่รู้ซี ก็คงจะกลับ -- บ้าน”
จงอินลุกพรวดเมื่อเห็นใครบางคนลอดเข้ามาในห้องนั่งเล่นสีแดง ขาทำท่าจะก้าวตรงไปหาคนที่เพิ่งป่วนความคิดไปหยกๆแต่ก็ชะงักแทบไม่ทัน ปาร์คชานยอลกำลังเดินคุยกับใครบางคน จงอินคิดว่าจำไม่ผิดถ้านั่นคือไอรีน เบ เพื่อนร่วมรุ่นของชานยอลกับลูคัส ในมือของหล่อนมีกล่องพัสดุสีฟ้าถือติดมาด้วย ทั้งคู่ไม่ทันได้มองมาทางนี้ -- ซึ่งผิดปกติ จงอินเคยชินกับการเป็นคนแรกที่ชานยอลมองเห็นเสมอ
“คัตติ้งของมิสเกรนส์น่ะไม่ค่อยเนี้ยบสักเท่าไรหรอก โธ่ ถ้าบอกเร็วกว่านี้ฉันคงแนะนำช่างให้เธอไปแล้วชานยอล” ไอรีนตบต้นแขนคนข้างตัวอย่างสนิทสนม ทั้งคู่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาเดี่ยวในดงนักเรียนปีเจ็ด โดยที่กัปตันทีมควิดดิชคนดังเสียสละนั่งบนพนักเก้าอี้แข็งๆ ไอรีน เบเป็นคนสวย ผิวขาวตัดกับผมสีเข้มยาวของเธอโดดเด่นเป็นพิเศษเมื่อต้องรวมกลุ่มกับคนจำนวนมาก จงอินคิดว่าเธอช่างให้อารมณ์คล้ายคริสตัล จอง ยิ่งตอนที่หยิบชุดเดรสสีชมพูออกจากกล่องและกางออกทาบลำตัว เขาก็รู้ได้เลยว่านางฟ้าวันคริสต์มาสจะหน้าตาเป็นอย่างไร
‘จูบฉันใต้ช่อมิสเซิลโทสิ’
“โอ๊ยเมอร์ลิน!” เขาสบถเบาๆเมื่อโดนขัดอารมณ์เจ้าชู้เพราะใบหน้าของใครบางคนผุดขึ้นมาในห้วงคิด จงอินเห็นโอเซฮุนในชุดคลุมสีเขียวแบบสลิธีรินอยู่ในงานเลี้ยง ริมฝีปากยิ้มเยาะพลางตะโกนว่า ‘ฟังทางนี้ ดูทางนั้น กัปตันกับซีกเกอร์ทีมกริฟฟินดอร์มีจูบหวานดูดดื่มด้วยกันที่ท้ายฮอกมี้ดส์ เราไปดูภาพช้ากันอีกครั้ง’
ภาพช้าอะไรกันเล่าไอ้หนวดปลาหมึกยักษ์!
ถ้าข่าวลือเก่าแก่ที่ว่าปลาหมึกยักษ์ในทะเลสาบคือก็อดดริก กริฟฟินดอร์เป็นเรื่องจริง ก็ได้โปรดช่วยลูกศิษย์ตาดำๆคนนี้ฆ่าปิดปากโอเซฮุนทีเถอะ จงอินชักจะไม่รู้แล้วว่าไอ้คำดูแคลนแสนละลาบละล้วงว่าให้จูบกันนั้นเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งไม่มีเหตุผลใดเลยให้คิดได้ว่าหมอนั่นพิศวาสอยากแทะโลมเขา
แต่แทะโลมบ้าบออะไรกัน ในเมื่อเราต่างเป็นผู้ชายทั้งคู่ ส่วนคนตรงหน้าเขาก็ผู้ชายเหมือนกัน
เดี๋ยว
คนตรงหน้า? ปาร์คชานยอลที่กำลังยืนจังก้าน่ะหรือ
“นาย... จ้องจนพวกเขาให้ความสนใจกันหมดแล้ว”
คิมจงอินกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก หันไปเจอกลุ่มนักเรียนปีเจ็ดที่หันมามองเป้าสายตาอย่างเขาเป็นตาเดียว ไม่เพียงเท่านั้น แม้แต่แทมและคีย์ก็ยังอ้าปากค้าง งุนงงที่ซีกเกอร์มือฉมังของบ้านลุกพรวดพราดขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
เขาเกิดอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะแก้ตัวให้ความประเจิดประเจ้อของตนอย่างไรดี ชานยอลเองก็คงลำบากใจไม่น้อย เพราะทั้งที่ยืนอยู่ใกล้กัน แต่อีกฝ่ายกลับเลือกที่จะไม่สบตาเขาแล้วมองเฉือนไปหาเตาผิงด้านหลังแทน ผ้าพันคอไหมพรมถักสีแดงสลับเหลืองถูกดึงขึ้นปิดถึงครึ่งหน้า ทั้งปลายจมูกก็ยังแดงเหมือนคนจะร้องไห้ตลอดเวลา
“คือ...” จงอินรู้ตัวเลยว่าใบหน้าของเขากำลังเห่อร้อน และบนคอก็ไม่มีผืนไหมพรมที่ไหนมาช่วยอำพรางมันอย่างที่ชานยอลทำด้วย
“เราจะซ้อมกันอีกทีปีหน้า”
“หา?” เขางุนงง รู้ตัวว่าโดนเปลี่ยนเรื่องแบบดื้อๆ
“ควิดดิชไง ฉันจะนัดซ้อมอีกทีหลังวันหยุดยาวช่วงคริสมาสต์” ชานยอลพูดทั้งที่ยังหลบสายตา นาทีนั้นจงอินรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอะไรสักอย่าง อยู่ดีๆก็หนีหายไป อยู่ดีๆก็มาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่เขาคิดมากแทบบ้าจนยอมไปเจรจากับวายร้ายบ้านสลิธีรินแท้ๆ
“เอ้อ... จงแดบอกฉันแล้ว”
ยิ่งใกล้ช่วงสอบว.พ.ร.ส.เข้ามามากเท่าไร นอกจากควิดดิชกับชั้นเรียนแล้ว คิมจงแดกับกลุ่มเพื่อนของหมอนั่นก็มักจะขลุกอยู่ในห้องสมุดหรือว่าสนามหญ้าเพื่ออ่านหนังสือ จงอินรู้ว่าตัวเขาเองไม่ใช่คนขยัน หนำซ้ำคำตอบส่งๆที่มอบให้ศาสตราจารย์มักกอนนากัลป์เมื่อสัปดาหก่อนก็ขันแบบน่าดูชมเสียด้วย ใช่ เขาดันตอบตามชานยอลไปว่ามือปราบมาร
“ดี” ชานยอลรับคำ ทำท่าจะเดินกลับไปนั่งรวมกับกลุ่มปีเจ็ดเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าเพียงแต่จงอินดันไม่ใจกล้าบ้าบิ่นเอ่ยรั้งอีกฝ่ายออกไปเสียก่อน
“ฉันไม่ค่อยเจอนายเลย... ในช่วงสองสามวันมานี้”
“ฉันอยู่กับลูคัส” กัปตันทีมว่า “เตรียมสอบส.พ.บ.ส.”
ถ้าเป็นปกติ ปาร์คชานยอลจะต้องพูดต่ออีกยาวเรื่องที่ยังเห็นคิมจงอินนั่งแกร่วแบบคนไม่มีจุดหมาย เรื่องใหญ่ที่สุดในหัวก็อย่างเช่นชุดสูทสีแดงจะดูดีและดูเป็นกริฟฟินดอร์พอหรือเปล่า แต่ชานยอลก็ไม่ได้พูดมัน จบบทสนทนาอย่างจริงจังด้วยการหันกลับไปอีกครั้ง ต่อให้คิมจงอินกล้าพอจะรั้งเอาไว้เป็นรอบที่สอง แต่รู้ดีว่าการกระทำแบบนั้นต่างหากที่จะฆ่าตัวเอง
ในเมื่อคำตอบดีๆสักอย่างที่จะมอบให้อีกฝ่ายได้ -- เขาไม่มีมัน
แทนที่ปาร์คชานยอลจะช่วยให้จงอินสบายใจขึ้นบ้างเมื่อต้องเจอการคุกคามครั้งใหญ่ เหตุการณ์ในห้องนั่งเล่นของบ้านกริฟฟินดอร์ก็ดันทำให้มันตาลปัตรเป็นอีกอย่าง ยิ่งตอนที่ต้องเรียนร่วมชั้นในวิชาเวทมนตร์คาถาเพื่อร่ายไม้กายสิทธิ์ในบทเรียนที่ทำได้ตั้งแต่ปีสี่ วิชานี้คิมจงอินได้คะแนนไม่ขี้เหร่นัก และมันก็เป็นหนึ่งในวิชาโปรดของเขารองจากวิชาการบินเลยทีเดียว
“แอ๊กซีโอ” เขาว่า จากนั้นก็จำต้องเอี้ยวตัวหลบด้วยหูตาอันเป็นคุณลักษณะพิเศษของซีกเกอร์ รอดพ้นจากแรงกระแทกของแจกันที่พุ่งเข้าใส่แทมอย่างเฉียดฉิว “เฮ้ นายควรจะระวังมากนี้นะ”
“ขอโทษที แบบว่า... ฉันยังกะจังหวะไม่ค่อยจะถูก”
ประโยคหลังเหมือนแทมจะบ่นอุบอิบมากกว่าพูดแก้ตัวกับเขา แต่จงอินไม่ค่อยใส่ใจนัก ในสนามควิดดิชนั้นลูกบลัดเจอร์น่ากลัวกว่านี้เป็นสิบเท่า เขาคิดไปพลางๆ มองปากกาขนนกที่เคยอยู่ที่อีกฝั่งของโต๊ะเมื่อไม่ถึงนาทีที่ผ่านมาสลับกับศาสตราจารย์ฟิลียส ฟลิตวิกที่ตัวสูงไม่ถึงเอว เจ้าของหนวดเคราขาวๆนั่นมองไปรอบห้องราวกับพอใจในความวุ่นวายของคาถาเรียกของเสียเต็มประดา
“แอ๊กซีโอ”
แล้วเขาก็รู้สึกเหมือนถูกกระตุกอย่างแรง ชายเสื้อสเวตเตอร์สีเทาเลิกขึ้น ทำท่าจะหนีออกจากร่างกายของเขาอย่างไรอย่างนั้น และไม่นานนักร่างกายของจงอินกลับเซถลาไปด้านหลัง คล้ายจะลอยละลิ่ว สาบานได้เลยว่าในชีวิตของการเป็นคนเด่นคนดังที่ถูกจ้องมอง ไม่มีสักครั้งที่จะน่าอับอายเท่าชั้นเรียนเวทมนตร์คาถาในวันนี้
คิมจงอินล้มฮวบใส่อ้อมแขนของใครบางคน นาฬิกาข้อมือสีเงินยี่ห้อดังของมักเกิ้ลบนข้อมือซ้ายนั้นคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก
“ได้ผลด้วยแฮะ” เสียงทุ้มกระซิบพร่า ส่งลมหายใจอุ่นๆลอยผ่านใบหูจนนักควิดดิชบ้านกริฟฟินดอร์สะดุ้งจนตัวโยนรอบที่สอง จงอินดีดตัวขึ้นยืนเต็มความสูง เกือบเสียหลักล้มหน้าคะมำลงพื้นไปอีกรอบเพราะตั้งหลักทรงตัวได้ไม่ดีนัก แต่ช่างปะไรเล่า ในเมื่อคนตรงหน้าเขาตอนนี้ -- ตัวการของการใช้แอ๊กซีโอแบบผิดๆเมื่อครู่กำลังยืนยิ้มแป้น
“ทำอะไรของเธอน่ะคุณโอ”
ศาสตราจารย์ฟลิตวิกถาม แต่คิมจงอินกำลังโกรธจนหน้าแดง มือที่ถือไม้กายสิทธิ์สั่นระริกอยากร่ายคาถาสาปแช่งเต็มแก่ ถึงจะต้องแลกด้วยการถูกกักบริเวณจนถึงวันหยุดคริสต์มาสก็ตามที
“ผมแค่อยากทดสอบน่ะครับ” โอเซฮุนตอบหน้าตาย “ว่าคาถานี้ใช้เรียกคนเป็นๆได้ไหม แล้วก็เหมือนจะได้เสียด้วย”
ทั้งห้องหัวเราะครืน แต่คิมจงอินสาวเท้าเข้าไปหา แสดงความโกรธขึ้งผ่านสายตาและริมฝีปากที่บิดเบี้ยว
“อันที่จริง หมายถึงผมเรียกเสื้อของเขาต่างหาก”
ไม้กายสิทธิ์ฮอว์ทอร์นยาวสิบเอ็ดนิ้วครึ่ง แกนกลางเป็นขนยูนิคอร์นเหวี่ยงไปมาเบาๆภายในมือขาวซีดของเจ้าชายแห่งบ้านสลิธีริน เสื้อสเวทเตอร์แขนยาวสีเทาดูมีราคาเมื่ออยู่คู่กับร่างกายสูงโปร่งและใบหน้าหล่อเหลาปานเดวิดของมิเกลันเจโล (ประวัติศาสตร์ศิลป์มักเกิ้ล) แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายน่ามองแต่อย่างใด ยิ่งเมื่อนัยน์ตาสีเข้มคู่นั้นพราวระยับอย่างท้าทาย ริมฝีปากขยับพูดเสียงเบาหวิว
เขาลืมคาถาฟันหน้างอกยาวไปอย่างสิ้นเชิง แต่กลับโมโหยิ่งกว่าเดิมจนทำอะไรไม่ถูก โอเซฮุนกำลังขู่ ทำในสิ่งน่ารังเกียจอย่างที่หมอนี่ควรจะถนัดมากกว่าใครในโลก เป็นการเร่งรัดให้รีบคิดคำตอบเมื่อใกล้ถึงวันงานคริสต์มาสเข้าไปทุกที เขาเคยคิดเล่นๆอยู่คืนหนึ่งว่าต่อให้พูดไปอย่างไรก็คงไม่มีใครเชื่อเรื่องเหลวไหลของนายคนนี้หรอก แล้วเป็นอย่างไรเล่า วันต่อมาเฮนรี่ กิลเดอมองส์ เจ้าของจดหมายกัมปนาทจากคุณแม่กลายเป็นเรื่องน่าขันประจำวัน สังเวยคำว่าขี้ปากเสียจนเขากลัวตัวสั่น
ถ้าเปลี่ยนเรื่องฉาวไปเป็นสองหนุ่มนักควิดดิชบ้านกริฟฟินดอร์ เรื่องคงไม่จบง่ายๆแน่
มีทางที่ง่ายกว่านั้น
“ฮอกส์มี้ด” คือคำที่เซฮุนพูด
ใช้จูบแลกจูบสิ
-------------------------------------------
ชื่อตอน 'To have a hairy heart' เป็นสำนวนหมายถึง มีหัวใจขึ้นขนค่ะ
ปรากฏในนิทานของบีเดิลยอดกวี อันกล่าวถึงพ่อมดแม่มดที่หัวใจกระด้าง เย็นชา ไร้ความรู้สึก
ซึ่งสำหรับจงอินแล้ว เซฮุนนี่เข้าข่ายพ่อมดที่หัวใจขึ้นขนชัดๆเลย!
ชอบไม่ชอบยังไง คอมเมนท์หรือติดแท็กเป็นกำลังใจให้กันได้ที่ #เรดสนิช นะคะ
เสิร์ฟคุณลูคัส ทิล เพื่อนสนิทกัปตันปาร์ค
ความคิดเห็น