ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Strange Tales Of Panorama Island

    ลำดับตอนที่ #200 : Theatre of Tragedy - Mad Songstress:狂気の歌姫 -

    • อัปเดตล่าสุด 6 มิ.ย. 67


    Theatre of Tragedy - Mad Songstress:狂気の歌姫 -
    Inspiration: NieR:Automata (Video Game, 2017)
    Playlist: Keigo Hoashi – Amusement Park 遊園施設」 (NieR:Automata Original Soundtrack)

     
     
     
     











    .

    ตลอดสิบเก้าปีที่ผ่านมา อิโซซากิ อาริเอย์ แน่ใจว่าเธอไม่เคยเหยียบย่างออกจากบ้านเกิดเมืองนอนที่โตเกียวมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว แต่ในวินาทีที่หยุดยืนแหงนเงยมองป้ายทางเข้าสวนสนุกของเมืองเล็กที่แปลกประหลาด กับกลิ่นอายแบบยุโรปยุควิคตอเรียนอันเต็มเปี่ยมที่มีชื่อว่าอุสึกุระ ในจังหวัดมิยางิ อาริเอย์ก็กลับรู้สึกได้ถึงความ...คุ้นเคย

     

    หญิงสาวติดรถมากับเพื่อนร่วมคณะซึ่งชักชวนมาเที่ยวที่บ้านเกิดของหล่อนด้วยกันในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน เริ่มต้นจากนางาเสะ มาริ เพื่อนคนแรกที่เข้ามาทำความรู้จักกับเธอตั้งแต่คาบเรียนแรก พลอยให้อาริเอย์ได้สนิทสนมกับโอกาซากิ โคทาโร่ เพื่อนรักที่มาจากบ้านเกิดเดียวกันของหล่อน และนิชิมูระ ทาคุยะ คนที่เธอเฝ้าฝันว่าอยากจะเป็นคนรักของเขา แม้ว่าเรื่องนั้นดูจะเป็นไปไม่ได้แล้วเมื่อรุ่นน้องอย่างไซโจ คามิ เพิ่งจะปาดหน้าคว้าตำแหน่งนั้นไปเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน และการเดินทางที่อาริเอย์อุตส่าห์คิดว่าความสัมพันธ์ของเธอกับทาคุยะจะคืบหน้าขึ้นมาบ้าง ก็กลับทำให้เธอได้แต่ห่อเหี่ยวมาตลอดการนั่งรถไปกับมาริและโคทาโร่เกือบๆ สี่ชั่วโมง ขณะที่ต้องข่มอกข่มใจไม่หันไปมองรถคันที่ขับตามหลังมาให้ได้แสลงใจ

    แต่สุดท้ายเมื่อพวกเขาลงจากรถมายังโรงแรมสูงตระหง่านอย่างกับปราสาทยุคเก่าซึ่งมาริเจ้ากี้เจ้าการจัดหาให้ เพราะอพาร์ตเมนต์ที่แม่ของหล่อนอยู่อาศัยไม่มีห้องหับมากพอจะต้อนรับพวกเขาทั้งห้าคน ภาพที่ได้เห็นก็ยังชวนให้แสลงตาอยู่ดี

     

    “อาริเอย์ชอบทาคุยะใช่ไหม?”

    นอกจากการที่ปุบปับเพื่อนร่วมห้องจะกระโจนลงมานั่งข้างกันบนเตียงเดี่ยวของเธอหลังจัดเก็บข้าวของใส่ตู้เสื้อผ้าแล้ว ยังมาจากคำถามที่โยนเข้าใส่ไม่ให้ทันได้ตั้งตัวจนอาริเอย์สะดุ้งเฮือกขึ้นมาสุดตัว ละล่ำละลักพลางยกมือขึ้นโบกปัดเสียเร็วรี่ ดูอย่างไรก็ไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลยจนมาริเปล่งเสียงหัวเราะออกมา

    “อาริเอย์ไม่จำเป็นต้องปิดบังฉันหรอก เพราะถึงยังไงฉันก็ดูออกตั้งแต่วินาทีแรกแล้วจ้ะ อ้อ! แล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าคนอื่นจะรู้ด้วยหรอกนะ อย่างกับอีตาทาคุยะเคยสนใจอะไรนอกจากเรื่องของตัวเอง ส่วนคุณหนูคามิก็หลงผู้ชายน่ารังเกียจที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตาดีอย่างอีตาทาคุยะจนหน้ามืดตามัว”

    มาริยังคงไม่หยุดหัวเราะตลอดเวลาที่เอ่ยคำพูดเย้ยหยันเหล่านั้น ใช่ว่าอาริเอย์ไม่รู้จักฝีปากตะไกรหรือนิสัยตรงไปตรงมาของหล่อน หากนี่เป็นครั้งแรกเลยที่หล่อนพูดจาว่าร้ายคนใกล้ตัวที่อย่างน้อยๆ ก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยไฮสคูล — คนที่รู้อยู่แล้วว่าเธอชอบ — ให้ได้ยินชัดเจนขนาดนี้ เพราะอย่างนั้นสิ่งที่อาริเอย์ทันได้รู้สึกก็เห็นจะมีแต่ความงุนงงมากกว่าขึ้งโกรธ

    “อ๊ะ! แต่ฉันไม่กีดกันหรอกนะถ้าเธอจะชอบทาคุยะ ถึงฉันจะคิดว่าคนดีๆ อย่างอาริเอย์หาได้ดีกว่านั้นเยอะเลยก็เถอะ แต่ฉันเข้าใจนะ ในเมื่อเรื่องความรักมันห้ามกันไม่ได้สักหน่อย ขอแค่ได้คบสักวัน ได้กอดจูบสักครั้งก็พอแล้ว จริงไหม?”

    อาริเอย์ที่ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่แม้แต่จะได้พยักหน้าหงึกให้กับคำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบของหล่อนเลยด้วยซ้ำ

    “แต่ถ้าเป็นฉันนะ ฉันจะกำจัดเสี้ยนหนามที่ขวางทางออกไปแล้วทำให้คนที่รักเป็นของฉันคนเดียว ต่อให้เขาจะเป็นแค่เพื่อนรักก็เถอะ” เหมือนกับที่หล่อนก็ยังคงพูดประโยคน่ากลัวแบบนั้นออกมาได้บนใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง ทว่าเย็นเยือกจนทำให้ขนที่หลังคอของเธอลุกชัน เมื่ออาริเอย์แน่ใจว่าเพื่อนรักคนที่มาริว่านั้นหมายถึงใคร ถึงในอีกวินาทีต่อมาหล่อนจะเปลี่ยนมือไปผลักไหล่เธอ หัวเราะขบขันเพราะมองเห็นใบหน้าขาวซีดที่ใกล้เคียงกับคำว่า กลัวของคนข้างตัวแล้วว่า “ล้อเล่นหรอกน่า!” ก็ไม่ช่วยทำให้อาริเอย์คล้อยตามได้เลยสักนิด

     

    อาจเป็นเพราะว่าเมื่อคำพูดถูกฝังหัวลงไปครั้งหนึ่งแล้วก็ยากที่จะลบเลือนได้ง่ายๆ อย่างเช่นเรื่องของมาริกับเพื่อนรักของหล่อนที่ต่างก็ทำตัวเป็นปกติ ไม่มีอะไรผิดแผกไปจากความสัมพันธ์ของพวกเขาตลอดหนึ่งปีที่อาริเอย์ได้เคยทำความรู้จัก หากความปกตินี้เองที่ทำให้อาริเอย์เกิดความเคลือบแคลงสงสัยขึ้นมาเป็นครั้งแรกว่าแท้จริงแล้ว...มีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรซ่อนอยู่ใต้รอยยิ้มสดใสของมาริหรือเปล่า?

    รวมถึงตอนที่หล่อนกระตือรือร้นให้ทุกคนไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกันตั้งแต่ค่ำวันแรกที่มาถึง เพราะอยากให้ได้รับชมการแสดงโอเปร่าเรื่องดังประจำเมืองซึ่งแม่ของหล่อนเป็นนักแสดงนำ เมื่อสองหนุ่มที่รับหน้าที่เป็นสารถีขับรถพาสาวๆ มาส่งโดยสวัสดิภาพตลอดทั้งเช้าไม่ปฏิเสธความเห็นนั้นหลังจากใช้เวลาพักผ่อนกันตลอดทั้งบ่ายแล้ว มาริเลยรีบต่อสายโทรศัพท์ไปหาคนที่หล่อนเรียกว่า พี่ชายด้วยน้ำเสียงแจ่มใส ให้อาริเอย์อดถามถึง พี่ชายคนนั้นระหว่างโดยสารรถบัสไปด้วยกันหมดอย่างที่มาริแนะนำว่าเป็นวิธีที่สะดวกกว่าการขับรถไปเองไม่ได้ ทว่าคำตอบของหล่อนก็จะมีเพียงแค่

    “ไว้เจอเดี๋ยวอาริเอย์ก็ได้รู้จักเองนั่นแหละ” พร้อมกับ...รอยยิ้ม

    ที่อาริเอย์ได้เข้าใจว่ามันแฝงไปด้วยเลศนัยบางอย่างจริงๆ นับตั้งแต่วินาทีที่เธอละสายตาจากป้ายทางเข้าสวนสนุกกับความรู้สึกแปลกประหลาดที่แล่นวาบเข้ามาตามเสียงตะโกนเรียก “ทางนี้ค่ะ พี่ชาย!” ของมาริที่ยกมือขึ้นโบกให้กับชายหนุ่มตัวสูงผิวคล้ำเหมือนกันทั้งสองคนที่เดินเคียงคู่กันมา ขณะที่ชายผมสีทองหม่นซึ่งมาริแนะนำว่า “นี่พี่ชายของฉันเอง นางาเสะ เร็น” กำลังแสดงสีหน้าบอกบุญไม่รับเมื่อจ้องสบตากับหล่อน ชายผมสีดำที่เป็น “ส่วนนี่ลูกพี่ลูกน้องของฉัน ทากาฮาชิ ไคโตะ” ก็กำลังส่งยิ้มกว้างทั้งจากริมฝีปากและดวงตามาให้เธอ

    “ฉันเรียกไคโตะว่าพี่เพราะเขาเป็นเหมือนพี่ชายแท้ๆ ของฉัน ในเมื่อเราสองคนคอยช่วยเหลือกันและกันตลอดเลย จริงไหมคะ พี่ไคโตะ!” ให้ชายหนุ่มเจ้าของชื่อหันไปตอบรับด้วยรอยยิ้ม “เพราะว่าพี่ชายแท้ๆ ของฉันดันรักคนอื่นมากกว่าน้องสาวของตัวเอง น่าเศร้าจัง แต่เพราะอย่างนั้นฉันถึงต้องแย่งความรักมาจากคนที่พี่ชายตัวเองรักมากกว่า ทีนี้ใครต่างหากที่เศร้า เพราะโคทาโร่รักฉันมากกว่าเร็นตั้งเยอะ เนอะ!”

    ว่าจบ หล่อนก็ดึงแขนของโคทาโร่ที่ยืนอยู่ข้างๆ พาลากเข้าไปในสวนสนุกด้วยกัน โดยมีเสียงหัวเราะรวนร่าของอีกฝ่ายที่ดูจะไม่ได้ถือสาหาความอะไรกับนิสัยเอาแต่ใจของเพื่อนสนิทเหมือนอย่างที่เป็น ทาคุยะกับคามิเองก็ดูร่าเริงเบิกบานดีขณะเดินควงแขนตามเจ้าบ้านทั้งสองเข้าไป โชคดีที่เจ้าของใบหน้าไม่รับแขกตอกส้นรองเท้าตามหลังไปด้วยอีกรายแล้ว อาริเอย์ถึงค่อยหายใจหายคอขึ้นมาได้

    มีแค่ไคโตะที่เหลืออยู่รั้งท้ายซึ่งหันมาหัวเราะ พูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่นอ่อนโยนมากจนราวกับคุ้นเคยว่า “เราเองก็เข้าไปด้วยกันเถอะนะ อาริเอย์” ด้วยเสียงเรียกชื่อต้นของเธอที่เป็นธรรมชาติมาก เหมือนหนึ่งว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเคยได้ยินมัน มากเสียจนอาริเอย์ไม่คิดว่าอยากจะแก้ไขความสนิทสนมนี้

    แต่มีอะไรที่ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยได้กัน?

     

     

    เนื่องจากว่าเป็นเวลาค่ำมากแล้ว และการแสดงโอเปร่ารอบสุดท้ายจะมีขึ้นในอีกใม่ถึงหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า ทุกคนเลยตกลงใจไม่เสียเวลาต่อแถวเพื่อเล่นเครื่องเล่น นอกจากแวะซื้อของกินเล่นและหยุดดูขบวนพาเหรดที่เต็มไปด้วยหุ่นยนต์ไม่ก็องค์ประกอบของเหล็กและสังกะสีระหว่างทางแทน ความสนุกสนานเหล่านี้ช่วยทำให้อาริเอย์ไม่ได้เอาแต่จดจ่ออยู่กับคู่รักที่ทำให้เธอชอกช้ำระกำใจ หากก็มากพอที่จะเรียกความตื่นเต้น ก่อนแปรเปลี่ยนไปเป็นความตื่นตาเมื่อเดินข้ามสะพานมายังอาคารก่ออิฐสีน้ำตาล ที่ส่องสว่างเรืองรองจากดวงไฟติดเพดานและผนังที่ขับแสง ภายในก็โอ่อ่าหรูหราด้วยการตกแต่งในโทนสีทองและแดง ขนาดทำให้อาริเอย์ซึ่งเคยเยี่ยมชมโรงละครมาแล้วมากมายเอ่ยปากว่า “โอ้โห ไม่คิดเลยว่าจะมีโรงละครที่สวยขนาดนี้อยู่ในสวนสนุกของเมืองเล็กๆ แบบนี้ด้วย” เมื่อนั่งลงไปข้างกันกับมาริที่ดึงมือเธอตั้งแต่ผ่านบานประตูเข้ามา ให้ได้เหลียวซ้ายแลขวาหันมองไปรอบๆ ด้วยดวงตาที่เป็นประกายวาววับ

    “แล้วอาริเอย์ก็จะได้ตื่นเต้นด้วยว่ามีละครที่สนุกขนาดนี้อยู่ในสวนสนุกของเมืองเล็กๆ แบบนี้ได้ยังไงกันนะ!” หญิงสาวที่เอนหลังพิงพนักด้วยท่าทางปล่อยตัวตามสบายแล้วเสริมต่อคำพูดของเพื่อนสนิทด้วยรอยยิ้มกว้าง ให้อาริเอย์อดไม่ได้ที่จะเย้า

    “คุณแม่จะสวยเหมือนมาริไหมนะ?”

    ทว่านั่นจะเรียกเสียงหัวเราะดังลั่น ตามมาด้วยน้ำเสียงเยาะหยันของเร็นซึ่งเอ่ยขึ้นด้วยระดับเสียงที่ดังมากพอให้คนที่นั่งอยู่ถัดจากโคทาโร่อีกต่อหนึ่งได้รับรู้ โดยไม่แม้แต่จะหันมองใบหน้าของหล่อนให้เสียสายตาด้วยซ้ำว่า

    “สวยเหรอ? คนอย่างเธอมันอัปลักษณ์ทั้งภายนอกและภายในนั่นแหละ”

    น่าแปลกที่มาริไม่ได้สวนย้อนถ้อยคำรุนแรงขนาดทำให้อาริเอย์ถึงกับนิ่งอึ้งกลับไป ใบหน้าด้านข้างของหล่อนที่อาริเอย์กำลังมองดูด้วยความเป็นห่วงเฉกเช่นเดียวกับโคทาโร่ที่เอื้อมมาแตะท่อนแขนของหล่อนเบาๆ ยังคงมีรอยยิ้มค้างอยู่เช่นเดิมนั้น

    กระทั่งเสี้ยววินาทีหนึ่งที่อาริเอย์รู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบบนริมฝีปาก หรือไม่...เธอก็อาจแค่ตาฝาดไปเองเมื่ออีกเสี้ยววินาทีถัดมา มาริจะเปล่งน้ำเสียงเริงร่า วาดรอยยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม ขณะหันมาเอ่ยตอบคำถามของเธอราวกับไม่ได้ถูกขัดจังหวะอะไรทั้งนั้นว่า

    “คุณแม่ของฉันเป็นคนที่สวยมาก! สวยที่สุดในเมือง! สวยจนลูกสาวอย่างฉันเทียบไม่ติดเลยล่ะ!”

    “แต่มาริก็ไม่จำเป็นต้องพยายามทำตัวสวยเพื่อให้ได้รับความรักจากใครสักคน จริงไหม?” ก่อนไคโตะที่นั่งเงียบข้างกับอาริเอย์อยู่นานจะเข้าร่วมวงสนทนา ขยับเปลี่ยนจากท่าพิงพนักแล้วยื่นหน้ามายิ้มให้กับคนที่ทั้งเอ่ยถึงและพาดพิงถึง — ในประโยคโดยนัยนั้น — ซึ่งนั่งอยู่ถัดจากเธอไป

    “ก็ใช่ว่าเรื่องอื่นจะไม่ต้องพยายามนี่” เป็นอีกครั้งที่เร็นจะค่อนแขวะทั้งที่สายตายังคงไม่ละจากม่านสีแดงที่เบื้องล่าง “การหาวิธียื้อแย่งของของคนอื่นมาให้ได้ไม่ว่าต้องทำยังไงคงไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่”

    ต่างกันก็ตรงที่หนนี้มาริตัดสินใจไม่เก็บปากเอาไว้อีกต่อไป

    “อิจฉาที่น้องสาวแท้ๆ แย่งความรักจากน้องชายไม่แท้ไปได้ขนาดนั้นเลยเหรอคะ พี่ชาย?”

    “ฉันไม่เห็นคนอัปลักษณ์อย่างเธอเป็นน้องสาวหรอก”

    “จะเห็นหรือไม่เห็น ฉันก็ยังเป็นน้องสาวแท้ๆ ของนายอยู่วันยังค่ำนะ” หล่อนเหยียดยิ้มด้วยเจตนาแสดงความเยาะหยันอย่างชัดเจน “แต่ต่อให้นายจะเฝ้าภาวนาไปจนวันตาย โคทาโร่ก็ไม่มีวันได้มีสายเลือดเดียวกับนายหรอก”

    “แต่ถ้าเธอตาย...”

    ไม่ใช่น้ำเสียงของโคทาโร่ที่นั่งอึดอัดอยู่ระหว่างกลางของสองพี่น้องบ้านนางาเสะที่ไม่ปิดบังความเชือดเฉือนและสายตาที่คล้ายกับว่าจะทิ่มแทงกันให้ถึงตายของทั้งสองฝ่าย แต่เป็นไคโตะที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดราวประกาศิตว่า

    “พอได้แล้ว! ทั้งสองคนเลยนั่นแหละ! ถ้าจะทะเลาะกันก็ออกไปข้างนอก เกรงใจคนอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องบ้าง ทำตัวเป็นเด็กๆ กันอยู่ได้ ไม่อายบ้างหรือไง! เร็นหยุดพูดจาประชดประชันน้องสักชั่วโมงเถอะ มาริเองก็อย่าดึงโคทาโร่เข้ามาเกี่ยวเวลาทะเลาะกับเร็นทุกครั้งได้ไหม!

    “ผมไม่เป็นไรครับ”

    หากดูเหมือนตัวต้นเหตุจะสำนึกได้ว่าเป็น เมื่อมาริจะหันไปพึมพำคำขอโทษด้วยสีหน้าเงื่องหงอยแสดงความรู้สึกผิดให้โคทาโร่ จากนั้นทั้งสองคนก็เริ่มต้นกระซิบกระซาบพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบามากขนาดคนที่นั่งข้างๆ อย่างอาริเอย์ยังไม่สามารถจับใจความอะไรได้เลยแม้แต่ประโยคเดียว เว้นก็แต่ความใกล้ชิด...ที่พวกเขาก็ทำกันเป็นปกติ แต่ชั่วขณะนี้มันกลับทำให้อาริเอย์รู้สึกผิดปกติขึ้นมาวูบหนึ่ง

    มีคำถามมากมายเต็มไปหมดแล่นวนอยู่ในหัวสมองของเธอ ไม่ว่าจะความสัมพันธ์ของสองเพื่อนรักที่ดูยังไงก็รักกันเกินเพื่อน หรือสองพี่น้องที่ดูจะเกลียดกันมาแต่ชาติปางไหน ไหนจะความคุ้นเคยที่เธอมีต่อสถานที่แห่งนี้ หรือกับชายคนนี้...ที่กลับไปนั่งเอนหลังและส่งยิ้มให้เธอที่บังเอิญหันมองจนต้องโยนท่าทีเดียวกันกลับคืนไป รวมถึงคำพูดก่อนหน้านั้นของพวกเขาที่จะให้อาริเอย์ทบทวนอย่างไรก็ไม่เห็นจะเข้าใจความหมายของมันเลยแม้แต่นิดเดียว แต่สุดท้ายอาริเอย์ก็เลือกที่จะปิดปากเงียบ เก็บความสงสัยทั้งหมดนั้นไว้กับตัวเองลำพัง ด้วยรู้ดีว่าต่อให้ถามอะไรออกไป ก็คงไม่มีใครยอมให้คำตอบที่แจ่มแจ้งกับเธออยู่ดี





    เดอะ แมด ซองสเตรส’ (นักร้องหญิงผู้บ้าคลั่ง)

     

    “งดงาม งดงาม ฉันจะต้องงดงาม”

    “ฉันจะต้องสวยขึ้น”

     

    มองฉันสิ โอ้ มองดูฉันสิ ฉันอยากให้คุณมองแค่ฉันคนเดียวเท่านั้น

    ฉันไม่สวยเหรอ?

    เสื้อผ้าพวกนี้ทำให้ฉันน่ารักขึ้นไหม? เขาจะชอบไหมถ้าฉันเดินแบบนี้?

     

    ฉันยังไม่เข้าใจความหมายของการรักใครสักคน แต่ฉันตัดสินใจแล้ว

     

    ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้เขาสนใจฉัน

     

    นานมาแล้ว มีหุ่นยนต์รุ่นเก่าเคยพูดบางอย่างกับฉัน: “ความงามไขว่คว้าความรักได้”

    แต่อะไรคือ “ความงาม”?

    หลังจากค้นคว้าเรื่องโลกเก่า ในที่สุดฉันก็ได้พบความจริง

    ความงามคือผิวที่สวย ความงามคือเครื่องประดับหรูหรา ความงามคือการดูดีที่สุด

     

    ฉันจะสวยขึ้น ฉันจะทำมันเพื่อเขา

     

    (อัญมณี) หินสีฟ้า ฟ้าสว่าง งดงามเหลือเกิน

    ฉันสูญเสียชิ้นส่วนมากมายเพื่อนำอัญมณีนั้นมา ฉันสูญเสีย...ตัวเอง

     

    ไม่นานมานี้มีข่าวลือแพร่สะพัดไปในหมู่หุ่นยนต์รุ่นเก่าว่า:

    “กลืนกินร่างกายของแอนดรอยด์ตัวอื่นเพื่อความงดงามนิรันดร”

     

    ไร้สาระ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะได้รับความงดงามมาจากการกลืนกินแอนดรอยด์

     

    แต่ฉันก็ลองดู ฉันลองดูทุกอย่าง ฉันอยากอ้วก แต่ฉันก็กินมันต่อไป รสชาติเหมือนน้ำมัน

     

    ไม่มีสักวินาทีเดียวที่ฉันไม่พยายามที่จะสวยขึ้น แต่เขาก็ยังไม่มองมาที่ฉัน

     

    ฉันเรียนรู้ในสิ่งที่เรียกว่า “บทเพลง”

    บทเพลงทำให้บางคนตกหลุมรักคุณ พวกเขาว่าอย่างนั้น ฉันเลยฝึกซ้อมมันทุกวัน แต่เขาก็ยังไม่มองมาที่ฉัน

     

    ฉันกินแอนดรอยด์มากขึ้น ฉันกินแม้แต่หุ่นยนต์ แต่เขาก็ยังไม่มองมาที่ฉัน

     

    เขาไม่มองมาที่ฉัน...

    ไม่มองมาที่ฉัน ไม่มองมาที่ฉัน ไม่มองมาที่ฉัน...

     

    เขา ยัง ไม่ มอง มา ที่ ฉัน

     

    นั่นคือตอนที่ฉันได้ตระหนักว่าเขาไม่ได้สนใจอัญมณี หรือบทเพลง หรือความงดงาม หรือรูปลักษณ์ หรืออะไรก็ตาม

    ฉันไขว่คว้าเขามาไม่ได้

     

    ทำไมฉันถึงได้ทำแบบนี้กับตัวเอง?

    เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์ เปล่าประโยชน์!

     

    ฉันมองดูในกระจก ภาพสะท้อนของตัวเอง ฉันเห็นเพียงความเปล่าประโยชน์ของตัวเอง แล้วฉันก็กรีดร้องออกมา

     

    ใครก็ได้ ช่วย มอง ฉัน ที

     











    2024年05月24日
    _______________
     โลกต้องรู้ว่าเป็นเพราะเมื่อวานจู่ๆ กูก็ฝันถึงริโตรุคันไซ! เท่าที่นึกออกมีอย่างเดียวคือเพราะเมื่อวานมียูทูบแล้วกูเห็นภาพปกเลยอาจจะหลอกหลอน อันนี้ก็ไม่ทราบ แต่ในฝันกูนะมีโคทาโร่ นิชิทาคุ และรุคุ พอตื่นนอนมากูก็ครุ่นคิด กระวนกระวาย เพราะคทร (พิมพ์ชื่อยากขออนุยาดย่อ) ดีมากกก หล่อมากกก แม่มึง ในฝันกูนะเค้าหล่อ รวย เป็นลูกคุรชาย เป็นเจ้าชาย มีแฟนเก่า มีคุรหญิงแม่ มีกลุ่มเพื่อนที่เกลียดกู (ไม่ใช่เพื่อนในวง) แต่เค้ารักกู มีทุกอย่างที่เป็นทรงละครไทย จดไว้เท่าที่พอจำได้แต่ไม่น่าได้แต่ง แต่ก็อยากแต่งเพราะน้ามเน่าดีจังวะ พอตื่นมากูก็ไม่ได้ละ คุ้ยหาฟิคเก่าๆ ที่เคยแต่งมาอ่าน เผื่อโชคดีมีมาแปลง แล้วก็เจอเรื่องนี้ที่กูแต่งทิ้งไว้ ตั้งใจจะเปลี่ยนบทไทโชให้เป็นคทรตั้งแต่ตอนที่ได้เห็นอันอันหัวทองแล้วเว้ย! ราวๆ เดือน 7 ของปีที่แล้ว สาบานว่าเป็นเรื่องจริง กูทิ้งทอล์คตอนนั้นไว้ด้วยว่าเปลี่ยนแล้วออกมาเปิงใจกับภาพในหัวมากกว่าไทโชโดยที่ไม่ได้เปลี่ยนนิสัยหรือพล็อตที่คิดไว้ในหัวเลยสักอย่างด้วย แถมเบ้าคุรชายเหมือนไทกะมิจิ(ในตอนนั้น)ด้วย แต่งไปจนถึงฉากนี้แต่ก็ไม่ได้เอาลงสักทีเพราะอะไรไม่รู้ ไม่ชอบมั้ง รู้แค่ถ้ากูไม่ฝันถึงเค้ามันก็จะยังอยู่ที่เดิมนี่แหละ / อนึ่ง เพราะในฝันมีนิชิทาคุ แถมบทนี้ก็ลงให้ได้ไม่ติดไม่ขัด โอเค มา! เพราะไม่รู้จะเปลี่ยนไคโตะเป็นใครเลยทิ้งไว้ที่เดิม โอเค มา! เพราะไหนๆ ก็ลิลสอง งั้นคิงปุริก็มาสองไปเลยแล้วกันโว้ยย! เร็น(สมัยโน้น)แทนบทไทกะเดิมได้ โอเค มา! ด้วยเหตุนี้ แคสต์สุดท้ายของเรื่องนี้ (ที่ก็ไม่ได้ดีเด่หรือว่ากูชอบอะไรมากมาย) จึงสมบูรณ์ได้ด้วยประการฉะนี้เอง
     กูเขียนไว้ว่าแต่งมาตั้งแต่ปี '21 แต่เอามาลงตอนโน้นปี '23 เหรอวะ แม่มึง ในทอล์คเก่ากูได้เขียนไว้ว่า: หาชื่อเรื่องอยู่นานมากจนไปเจอเพลย์ลิสต์เพลงกอธิกเมทัลว้ากๆ กันแล้วเจอเพลงของวงนี้เลยขอยื๊มชื่อหน่อยแล้วกัน เพราะเรื่องจะเริ่มจากละครที่ไปดูกันนี่แหละ ความจริงตอนแรกที่คิดไม่ออกจะตั้งว่าเซอร์คัสแล้วถึงจะไม่มีคณะละครสัตว์เหี้ยอะไรเลยก็ตาม เพราะอีกแรงบันดาลใจของเรื่องนี้ได้มาจากเอ็มวีเพลง BEcause ของดรีมแคชเชอร์ที่ในเอ็มวีก็เป็นฉากสวนสนุก เซอร์คัส โรงแรม อะไร ใดๆ ซึ่งก็ทำให้กูนึกถึงเนียร์ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่เปลี่ยนก็ดี เพราะเซอร์คัสกูได้ตายไปพร้อมกับทราวิสเจแปน ไม่มีวงไหนให้ฟีลดาร์คแฟนตาซีได้แบบนั้นอีกแล้ว แต่กูไม่แคร์ เพราะท้อมีไว้ให้ลิงถือเท่านั้นแหละ o<--< / ชื่อตอนมาจากชื่อแชปเตอร์ในเนียร์ที่จะเอาสตอรี่มาแต่งให้ได้สักที มันต้องทำได้สิวะ! (สรุปก็ไม่ได้อยู่ดี 55555)
     บอกเลยเพราะกูจะเทแค่นี้แหละ แต่งต่อไม่ออกแล้วโว้ยย! ว่ามันเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ในอดีตชาติ กูจะเล่าแค่ที่จำได้ลางๆ นะ
    - เรื่องราวเริ่มต้นในเมืองนี้มาตั้งแต่อดีตชาติ (ที่เมืองเป็นแนวสตีมพังค์ แนวยุโรป เพราะฉากในเกมเนียร์นี่แหละ ละตอนจะเอามาลงใหม่เดโม Lies of P เพิ่งออกแล้วกูก็เป็นบ้าเป็นบอ) มีแค่เร็น ไคโตะ มาริที่ระลึกชาติเก่าได้จ้ะ อาริเอย์ก็เกี่ยวกับชาติโน้น ส่วนคทร คามิ และทาคุยะไม่เกี่ยวอะไรกับชาติก่อนทั้งนั้นจ้ะ
    - เร็นกับมาริเป็นพี่น้องแท้ๆ แต่เกลียดกันตั้งแต่เด็กเพราะครอบครัวแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แต่ที่ทำให้เร็นเกลียดมาริมากเพราะชาติโน้นมาริไปแย่งมิจิที่ตัวเองรักเหมือนน้องแท้ๆ ไป แล้วก็ทำให้มิจิตาย เลยแค้นฝังหุ่นมาถึงชาตินี้ที่ก็ได้เกิดมาเป็นพี่น้องกันอีก มิจิไม่ได้กลับมาเกิดด้วย แต่ชาตินี้มาริก็มาแย่งน้องรักของเร็นไปอีกอยู่ดีเพราะเกลียดพี่ไง! แต่ที่จริงมาริก็ไม่ได้ชอบคทรอะไรมากมายเหมือนอย่างที่เคยรักมิจิ แต่ก็ไล่เหิบคนที่ชอบคทรเพื่อให้มาเป็นของตัวเองคนเดียวจริง (สันดารคุ้นๆ จังวะ)
    - ไคโตะเป็นเพื่อนเร็นที่ชอบอาริเอย์มาตั้งแต่ชาติโน้น รักอาริเอย์มาก อยากอยู่ด้วยกันตลอดไป แต่ชาติโน้นอาริเอย์ก็ไม่รัก น่าจะหนีไปตอนเห็นว่าฆ่าคนที่ตัวเองชอบเลยกลัวมากจนตกเขาตายนี่แหละ มั้งนะ ถ้ากูจำพล็อตถูกเรื่อง 55555 ไคโตะจริงๆ เป็นคนไม่ดี (เราแต่งบทนี้ให้คนนี้กี่เรื่องแล้วนะมึง) ยุแยงให้มาริทำเรื่องชั่วๆ มากมาย for love แต่เร็นไม่รู้ไม่เห็น มาริกับไคโตะสุมหัววางแผนกันให้อาริเอย์มาดูมาเห็นแล้วทำตามละครเวทีเรื่องนี้ เดี๋ยวอาริเอย์ก็จะไปฆ่าคามิ เพราะโง่ไง ซื่อไง คิดว่าจะได้หัวใจทาคุยะมา แต่สุดท้ายทาคุยะก็จะด่าว่าเธอมันโง่! มันเลว! อีบ้า! อาริเอย์ที่สติแตกก็เลยฆ่าทาคุยะด้วย แต่จะลงเอยกับไคโตะได้ไงวะ อันนี้กูก็ไม่ทราบว่ะ
     ขออนุญาตแปลไดอะล็อกจากพล็อตในเกมมาลงให้เลยเพราะขี้เกียจเล่า เซ็ตติ้งในเกมคืออนาคตปี 11945 ที่มนุษย์ตายห่าหมดแล้วเลยเหลือแต่หุ่นยนต์นะงับ ที่ก็บังเอิญมากว่า  อัญมณีสีฟ้า=ใครสีฟ้า=ก็นิชิทาคุยังไงล่ะ! โอ๊ย คันปากขอเล่าหน่อยนะว่ากูเคยจะเอาพล็อตนี้ไปแต่งเรื่องละครเวทีด้วย สมัยนาโอะเจสสี้ จำได้ป่ะวะ พล็อตจริงๆ มันคือแบบนี้เลย นางเอกมึงโดนนางเอกกูยุไปฆ่าคนโน้นคนนี้ เรื่องนั้นจะได้กินเนื้อคนด้วยนะ หลอกให้คิดว่าสุดท้ายผู้ชายจะมารักแต่สุดท้ายนางเอกมึงก็ไม่ได้แดกสักคน...นอกจากแดกเนื้อคน โถถัง ว่าไปเดี๋ยวนี้กูไม่แต่งนิสัยแบบนี้ละเนาะ มันดูสลับกันยังไงไม่รู้ มันต้องแนวมึงมากกว่า อิอิ
     ปล. ใครมีข่าวอะไรกูจำได้หมดแหละ เรื่องของนนอก็ฝังใจกูพอๆ กับฮตม(อิสเส) และมน(อุมิ) นั่นแหละ แม่มึง แค่พอเวลาผ่านไปเดี๋ยวมันก็ผ่านพ้น แต่เรามีสิทธิ์ที่จะไม่พอใจที่เค้ามีแฟน เพราะคนที่ติดตามสนับสนุนก็คือเรา ไม่ใช่พวกดีเลิศประเสริฐศรีที่ว่ามันเรื่องส่วนตัวทั้งที่ไม่ได้มาตามมาสนับสนุนอะไรวงพวกกูสักหน่อย คนที่เทก็แฟนคลับที่ติดตามกันจริงๆ ทั้งนั้น ดีแต่เห่า เสือกชิบหาย ใครบอกไม่ส่งผลอะไรก็มาแหกตาดูลิลคันไซนี่! จากยอดวิวหลักแสนเหลือหลักหมื่น ว่าที่คิงปุริสองอะไรไม่มีอีกแล้ว ลาแล้ว แม่มึง 
    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×