คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : บทที่ 2 : ฮอเรซ ซลักฮอร์น
บทที่ 2 :
เวลาผ่านไปไม่กี่อึดใจเด็กทั้งสองรู้ตัวว่าตอนนี้ซอยพรีเว็ตหายไปแล้ว
พวกเขาปรากฏตัวในสถานที่ที่ดูเหมือนจะเป็นจัตุรัสร้างในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่มีอนุสรณ์สถานสงครามและม้านั่งยาวสองสามตัว
“นี่พวกเราเพิ่งจะหายตัวใช่ไหมคะ?”
เฮเลนเอ่ยถามพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ ราวกับว่าปอดขาดอากาศมานานแสนนาน
ดัมเบิลดอร์หันมายิ้มให้ทั้งสองคนอย่างใจดีเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เฮเลนรู้สึกว่าอาหารที่ทานไปเมื่อเที่ยงกำลังจะดันอาหารมื้อเย็นออกมาทางคอเลยทีเดียว
“ใช่... เป็นไงบ้าง”
เขาถาม “ต้องใช้เวลาสักหน่อยถึงจะชิน ปกติแล้วครั้งแรกพวกเรามักจะอ้วกกัน”
“ผมโอเคดีครับ”
แฮร์รี่ตอบพลางลูบใบหน้าไปมา สำรวจว่าตา คอ จมูก ปากหรือหูของเขาตามมาด้วยกันครบหรือเปล่า
แฮร์รี่กลัวว่ามันจะอยากอยู่ที่ซอยพรีเว็ตมากกว่าตามเขามาที่นี่
“ศาสตราจารย์คะ
ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนกันเหรอ” ในระหว่างที่เด็กทั้งสองเดินตามดัมเบิลดอร์ไป
เฮเลนก็เอ่ยถามขึ้นมาพร้อมกับแฮร์รี่ที่พยักหน้าเห็นด้วยกับคำถามนั้น
“แล้วเรามาทำอะไรที่นี่ครับ?”
ก่อนจะถามต่อโดยไม่เว้นช่วงให้ดัมเบิลดอร์ได้ตอบคำถามแรกก่อน
“ดี เฮเลน
ที่นี่คือหมู่บ้านอันมีสเน่ห์ที่ชื่อว่าบัดลีย์ แบ็บเบอร์ตันและฉันคงยังไม่ได้บอกพวกเธอ...
ฉันจำแทบไม่ได้แล้วว่าหลายปีที่ผ่านมานี้พูดประโยคแบบนี้ไปกี่ครั้งแล้วแฮร์รี่
แต่เราขาดสมาชิกในกลุ่มอาจารย์ไปคนหนึ่ง เรามาที่นี่เพื่อเกลี้ยกล่อมให้เพื่อนร่วมงานเก่าแก่ของฉันกลับไปสอนที่ฮอกวอตส์”
“แล้วพวกเราจะช่วยได้ยังไงครับ”
“ฉันคิดว่าเรามีทางที่จะใช้พวกเธอได้อยู่ล่ะนะ”
ดัมเบิลดอร์ว่าพลางเดินเลี้ยวเข้าไปในประตูบ้านหลังหนึ่ง
บ้านหลังเล็กที่ก่อด้วยอิฐตั้งอยู่ในสวน ดัมเบิลดอร์ชะงักจนทำให้แฮร์รี่เดินชนเขาเข้าเต็มๆ
“แย่แล้ว” ดัมเบิลดอร์พึมพำ เด็กทั้งสองมองตามศาสตราจารย์ไปยังทางเดินหน้าบ้านและสังเกตเห็นว่าประตูหน้าบ้านนั้นหลุดห้อยจากบานพับ ดัมเบิลดอร์กวาดสายตาไปทั่วและพบว่าถนนทั้งสายปราศจากผู้คนในตอนนั้น “เอาไม้กายสิทธิ์ออกมา แล้วเดินตามหลังฉันไว้”
ปลายไม้กายสิทธิ์ของทั้งสามติดไฟในขณะที่พวกเขาเข้ามาในบ้านหลังเล็ก
ทอแสงไปทั่วโถงทางเดินแคบๆ อีกด้านมีประตูอีกบานเปิดอ้าเอาไว้
ดัมเบิลดอร์ชูไม้ส่องสว่างสูงขึ้นและเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นโดยมีแฮร์รี่และเฮเลนเดินตามหลังเขาเข้าไป
สภาพภายในของบ้านราวกับถูกใครบางคนพังเสียเละเทะ
ดัมเบิลดอร์ชูไม้ขึ้นสูงใช้ไฟส่องไปตามเพดานและกำแพง
ของเหลวสีแดงหยดแหมะลงบนแก้มของเด็กสาว
เฮเลนเกือบจะกรีดร้องออกมาถ้าหากว่าดัมเบิลดอร์ไม่ได้หันมาจุ๊ปากใส่เธอเสียก่อน
เขามองรอยของเหลวนั้นอย่างพินิจพิเคราะห์ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เก้าอี้นวมตัวหนึ่งที่ยังคงอยู่ในสภาพดีผิดกับของชิ้นอื่นๆ
“มีการต่อสู้เกิดขึ้นที่นี่ใช่ไหมครับศาสตราจารย์”
แฮร์รี่พึมพำถามดัมเบิลดอร์
“ฉันไม่คิดแบบนั้นหรอกนะ”
ดัมเบิลดอร์ถลาไปที่เก้าอี้ตัวนั้นก่อนจะทิ่มปลายไม้กายสิทธิ์ไปที่เบาะของเก้าอี้เท้าแขนและมันก็ส่งเสียงร้องออกมาดังลั่นก่อนที่ศีรษะของใครบางคนจะโผล่พรวดขึ้นมาจนเฮเลนสะดุ้งโหยงกระโดดเกาะแขนแฮร์รี่อย่างรวดเร็วราวกับเจอเทรเวอร์สัตว์เลี้ยงของเนวิลล์
“สวัสดีฮอเรซ”
ดัมเบิลดอร์พูดพลางโอบกอดเก้าอี้นวมที่บัดนี้กลายเป็นร่างชายแก่ตัวอ้วนใหญ่หัวล้านยืนอยู่ตรงนั้นแทน
เขากอดตอบดัมเบิลดอร์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เคราเมอร์ลิน! ดีใจที่ได้พบกันอีกนะ”
“บางทีคุณอาจจะอยากให้ผมช่วยทำความสะอาดที่นี่นะ”
ดัมเบิลดอร์คลายการกอดออกและถามอย่างสุภาพ
“กรุณาด้วยครับ”
อีกฝ่ายตอบก่อนที่ดัมเบิลดอร์จะโบกไม้กายสิทธิ์ เครื่องประดับต่างๆ
ลอยกลับเข้าที่เดิม ขนนกบินกลับเข้าไปในหมอน
หนังสือที่เคยขาดกองอยู่บนพื้นซ่อมตัวเองและลอยกลับไปอยู่บนชั้นวาง
กรอบรูปที่แตกเป็นเสี่ยงลอยข้ามห้องไปประกอบกันอีกครั้งบนโต๊ะวางของ รอยฉีกขาด
รอยแตกและรอยโหว่กลับไปดีเหมือนทุกๆ อย่างไม่เคยพังมาก่อน
“โอ้...
นั่นพวกเขาคือ...” เป็นตอนนี้เองที่ดวงตาของชายแก่หันมามองที่เด็กทั้งสอง
ขณะเดียวกันเฮเลนก็ปล่อยมือออกจากแขนของแฮร์รี่เพราะเธอเองก็เพิ่งจะคลายอาการตกใจปนกับตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปได้
“ผมลืมแนะนำไป” ดัมเบิลดอร์พูดพลางขยับเข้ามายืนแทรกระหว่างแฮร์รี่และเฮเลน “ทั้งสองคนคือพี่น้องพอตเตอร์
และนี่เพื่อนเก่าแก่ของฉัน อดีตเพื่อร่วมงาน ฮอเรซ ซลักฮอร์น”
“ผมรู้ว่าคุณมาที่นี่ทำไมอัลบัส
คำตอบก็ยังคงเป็นไม่ ไม่อย่างแน่นอน บอกตามตรงโดยไม่อ้อมค้อม”
ซลักฮอร์นกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “ยังไงก็ไม่!”
ดัมเบิลดอร์ชูมือขึ้น
ซลักซ์ฮอร์นเลิกคิ้วมองเขาอย่างสงสัย
“ผมขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะ”
เขาว่า
“อ้อ...
ประตูที่สองทางซ้ายตรงทางเดินนั่นล่ะ”
ดัมเบิลดอร์เดินตัดห้องไป
เมื่อประตูปิดสนิทตามหลังเขาความเงียบก็เข้าครอบงำทั้งสามคนในทันที
ซลักฮอร์นมองใบหน้าของเด็กทั้งสองแล้วสาวเท้าเข้าไปยืนใกล้ๆ กับเตาผิง
“หน้าเธอเหมือนพ่อมากเลยนะแฮร์รี่
ยกเว้นที่ตา...”
“ผมได้ตาของแม่
ใช่ครับ มีคนบอกกับผมแบบนี้บ่อยๆ”
แฮร์รี่ยืนมองหน้าของซลักฮอร์นด้วยท่าทางเรียบเฉยเขาจึงเปลี่ยนเป้าหมายมาพูดกับเฮเลนแทน
“ส่วนเธอก็เหมือนลิลี่มากซะจนฉันคิดถึงเขาเลย... แม่เธอเป็นคนโปรดตลอดกาลของฉัน” เขายิ้มพลางเดินเข้าไปที่ชั้นวางกรอบรูป
“ลลลี่
เอฟเวนส์... เด็กสาวคนดี เธอเป็นเด็กที่มีเสน่ห์
ฉันเคยบอกว่าเธอน่าจะมาอยู่บ้านฉัน ก็เลยได้คำตอบแบบอวดดีกลับมาด้วย”
“คุณอยู่บ้านไหนมาก่อนคะ”
“ฉันเป็นอาจารย์ประจำบ้านสลิธีริน”
ซลักฮอร์นตอบ “อย่าถือเอาเรื่องนี้มาไม่ชอบฉันเชียวล่ะ! แม่ของเธอน่าทึ่งมากเมื่อฉันรู้ว่าเขาเป็นพวกที่เกิดจากมักเกิ้ล
พวกเธอก็คงจะเป็นเด็กบ้านกริฟฟินดอร์เหมือนกับแม่ของเธอล่ะสิ ใช่แล้วล่ะ! มักจะเป็นตามกันทั้งตระกูลนั่นแหละ แต่มันก็ไม่เสมอไป...”
ซลักฮอร์นว่าพลางเลื่อนมือไปจับกรอบรูปของใครบางคนที่วางตั้งอยู่แถวหน้าสุด
“เคยได้ยินชื่อซีเรียส
แบล็กรึเปล่าล่ะ ต้องเคยอยู่แล้วสิ!
เขาเพิ่งตายไปนี่เอง”
ประโยคนั้นทำให้เฮเลนรู้สึกหน้าชาๆ
ภาพของซีเรียสที่ลอยเข้าไปในม่านสีขาวพร้อมกับลูเซียสและภาพของเดรโกที่กำลังร่ำไห้เนื่องจากสูญเสียพ่อไปลอยเข้ามาในหัว
เด็กสาวรู้สึกเหมือนคลื่นไส้จนอยากจะอาเจียนออกมา
“เอาเถอะ เขาน่ะเป็นเพื่อนซี้ของพ่อเธอที่โรงเรียน ตระกูลแบล็กทั้งตระกูลอยู่บ้านของฉันหมดยกเว้นแค่ซีเรียส ช่างน่าเสียดาย! เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ ฉันได้เรกูลัสน้องชายเขามาตอนเข้าเรียนแต่ฉันก็อยากจะได้ทั้งชุด” เขาดูเหมือนนักสะสมของมีค่าผู้กระตือรือร้นกลัวว่าคนอื่นจะชิงประมูลของไปได้เสียก่อน เห็นได้ชัดว่าซลักฮอร์นลุ่มหลงอยู่ในความฝันและความทรงจำครั้งก่อนของเขา แฮร์รี่เดินไปยืนข้างๆ ซลักฮอร์นพลางหยิบกรอบรูปที่มีเรกูลัสขึ้นมามอง ส่วนเฮเลนเองก็ได้แต่ยืนอยู่เงียบๆ โดยไม่พูดอะไร “ฉันเคยคิดว่าแม่ของเธอเป็นเลือดบริสุทธิ์ เพราะเธอเก่งเกินกว่าที่ฉันคาดเอาไว้”
เหมือนว่าซลักฮอร์นยังไม่รู้ตัวว่าเขาพูดอะไรออกมา
“เพื่อนของผมคนหนึ่งก็เกิดจากมักเกิ้ล” แฮร์รี่พูดและวางรูปลง “เธอเก่งที่สุดในรุ่นเรา”
“บางทีเรื่องแบบนี้ก็เกิดขึ้นได้บ่อยๆ
จริงไหม” ซลักฮอร์นพูดทั้งยิ้ม “เธอคงเห็นบาร์นาบัส คัฟฟ์ บรรณาธิการเดลี่พรอเฟ็ต
เขาอยากรู้เสมอว่าฉันรู้สึกยังไงกับข่าวในแต่ละวัน ส่วนนี่กัปตันสาวของทีมโฮลี่เฮดฮาร์ปีส์
ฉันมักจะได้ตั๋วฟรีทุกครั้งที่ฉันต้องการ”
ความคิดนี้ดูเหมือนจะทำให้เขามีความสุขขึ้นมากมาย
ดัมเบิลดอร์กลับเข้ามาในห้องอีกครั้งทำเอาซลักฮอร์นสะดุ้งเฮือกราวกับว่าเขาลืมไปแล้วว่าดัมเบิลดอร์อยู่ในบ้านหลังนี้ด้วย
“ฮอเรซ! ผมขอหนังสือเล่มนี้ได้ไหม?” เขาว่าพลางชูนิตยาสารเล่มหนึ่งขึ้นมา “ผมชอบลายถักนิตติ้งของมันมากเลยล่ะนะ”
“ได้สิ”
ซลักฮอร์นตอบ “ว่าแต่คุณยังไม่กลับไม่ใช่เหรอ?”
“อ่อ
ผมรู้ว่าตอนไหนที่ผมจะต้องยอมแพ้ มันคงจะเป็นความสำเร็จอย่างยิ่งเลยถ้าผมทำให้คุณกลับไปยังฮอกวอตส์ได้...
แฮร์รี่ เฮเลนไปกันเถอะ”
ซลักฮอร์นดูแปลกไปเมื่อแฮร์รี่และเฮเลนเดินไปหาดัมเบิลดอร์ตรงประตู
เขากระดิกนิ้วมือไปมาราวกับว่ากำลังควบคุมตัวเองไม่อยู่
“คุณก็เหมือนเด็กทั้งสองคนนี้
ฝีมือชั้นเยี่ยม” ดัมเบิลดอร์ยิ้มแป้น “เอาล่ะ ลาก่อนนะ”
“ไปก่อนนะครับ/คะ”
เด็กแฝดพูดขึ้นพร้อมกันก่อนจะเดินตามดัมเบิลดอร์ออกไปจากบ้าน แต่แล้ว...
“ก็ได้ ก็ได้! ผมจะกลับไป!!” ทั้งสามหันกลับไปมองซลักฮอร์นที่ยืนหอบอยู่ตรงหน้าประตูบ้าน เฮเลนเดาว่าเขาคงวิ่งตามมาเพราะกลัวว่าทั้งสามจะหายไปก่อนที่เขาจะออกมาทัน “แต่ผมขอห้องทำงานเก่าของศาสตราจารย์เบอร์ริธ็อดไม่ใช่ห้องน้ำเก่าที่ผมเคยนั่งนะ ผมขอเงินเดือนขึ้นด้วยเพราะใครๆ ก็รู้ว่าช่วงนี้มันบ้า!”
“วิเศษเลย”
ดัมเบิลดอร์พูด “ถ้างั้นเจอกันวันที่หนึ่งกันยายนนะ”
ว่าจบทั้งสามก็เดินออกมาจากตรงนั้นผ่านความมืดและหมอกควันจางๆ
ที่ลอยลงมาจากเนินเขา
“พวกเธอมีพรสวรรค์
เป็นคนดังและมีพลัง เป็นทุกๆ อย่างที่ซลักฮอร์นต้องการ พวกเธอคงจะเป็นเหมือนมณีในบรรดาของสะสมของเขาแน่นอน" ดัมเบิลดอร์พูด "เด็กผู้รอดชีวิต... หรือที่พวกเขาเรียกเธอสองคนว่าผู้ได้รับเลือก”
เฮเลนไม่ค่อยปลื้มใจกับคำที่ถูกเรียกเท่าไหร่นัก
เสียงคำพยากรณ์ยังคงดังอยู่ในหัวหึ่งๆ ความหมายของมันน่ากลัวเกินกว่าจะสามารถบรรยายได้
เด็กสาวสัมผัสได้ว่าแฮร์รี่ก็คงคิดแบบนั้นเช่นกัน
“เอาล่ะ
เราถึงเวลาจะต้องให้เธอไปต่อแล้ว” ประโยคนั้นเด็กทั้งสองมองหน้ากันก่อนที่จะรีบคว้าแขนดัมเบิลดอร์เอาไว้โดยอัตโนมัติ
สุดท้ายพวกเขาก็พบว่าต่อให้ลองหายตัวไปอีกสักสองสามรอบก็ยังรู้สึกไม่สบายตัวอยู่ดี
คราวนี้เฮเลนรู้สึกได้ถึงเสียงหึ่งๆ
ข้างใบหูจนต้องเลื่อนมือไปสัมผัสมันทันทีที่เธอมายืนอยู่บนทางเล็กๆ ในชนบทข้างๆ
กับแฮร์รี่
“ฉันนึกว่าหูของฉันจะไม่ยอมตามมาซะแล้ว” เฮเลนพูดแล้วพยายามกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคออย่างยากลำบาก
“คิดเหมือนกันเลย” แฮร์รี่ตอบ เขาพ่นลมหายใจออกมานิดหน่อยก่อนจะเดินนำหน้าไปยังอาคารคดโค้งหลังหนึ่งซึ่งนั่นก็คือบ้านโพรงกระต่าย เด็กสองคนเดินจูงมือกันไปที่บ้านหลังจากพบว่าดัมเบิลดอร์ส่งพวกเขาเอาไว้ท่ามกลางไร่ข้าวโพดที่ค่อนข้างไกลจากตัวบ้านอยู่พอสมควร
แฮร์รี่กับเฮเลนเดินตรงไปยังประตูหลังบ้านโพรงกระต่ายซึ่งมีขยะที่เขาคุ้นเคย
ทั้งสองเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับที่เห็นว่าหีบกับกรงนกของพวกเขาถูกวางเอาไว้ในห้องโถงพร้อมกับเสียงตะโกนโหวกเหวกอย่างดีใจสุดขีดของจินนี่
เธอวิ่งเข้ามากระโดดกอดแฮร์รี่ทันทีอย่างลืมตัว
เฮเลนหรี่ตามองเด็กสาวรุ่นน้องด้วยความหงุดหงิดนิดหน่อยแต่ร่างของเธอเองก็ถูกสองแฝดเฟร็ดกับจอร์จวิ่งเข้าใส่เช่นกันราวกับว่าพวกเขาไม่เคยเจอกับเธอมาสักร้อยปีได้
“ยินดีที่ได้เจอเฮเลน!” เฟร็ดยิ้มร่าอย่างพอใจ
“ใช่! รู้ไหมว่ารอนน่ะนินทาเธอให้เราฟังด้วยนะ” จอร์จหัวเราะเสียงดังและหันไปหารอน
เด็กสาวหรี่ตาไปทางรอนทันทีที่เห็นเขาวิ่งลงบันไดมาพร้อมกับเฮอร์ไมโอนี่
เด็กหนุ่มผมแดงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะวิ่งเข้ามาหาแฮร์รี่ในขณะที่จินนี่ผละออกจากเขาแล้ว
“แฮร์รี่! เฮเลน! ฉันชอบเรื่องแปลกใจแบบนี้จัง”
คุณนายวีสลีย์เดินแหวกลูกๆ ของเธอเข้ามาหาเด็กแฝด เธอดึงเด็กทั้งสองเข้ามาโอบกอดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก
คืนวันนั้นพวกเขารีบทานอาหารเย็นและขลุกกันอยู่ในห้องนอนชั้นบนด้วยกันแลกเปลี่ยนเรื่องราวในช่วงวันหยุดฤดูร้อนของแต่ละคน
รอนบ่นเรื่องของแม่ของเขาว่าเธอดูเครียดมากจนไม่อยากให้เขากลับไปฮอกวอตส์
แต่ก็นั่นแหละยังไงทุกคนก็ต้องกลับไปเพื่อเตรียมเรียน ส.พ.บ.ส. ของนักเรียนชั้นปีหก
วันต่อมาเฮอร์ไมโอนี่ดูวิตกเมื่อได้รู้ว่าผลสอบ
ว.พ.ร.ส. เมื่อคราวที่แล้วกำลังจะมาถึง
เฮเลนและรอนมองหน้ากันนิดหน่อยและยักไหล่เป็นเชิง รอนคิดว่าตัวเองคงได้คะแนนไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่แต่เฮอร์ไมโอนี่คงจะเครียดมากถ้าหากคะแนนของเธอร่วงไปเพียงวิชาเดียว
“ฉันทำวิชาอักษรรูณได้แย่ที่สุด”
เฮอร์ไมโอนี่บ่นพลางเดินวนไปทั่วห้องนั่งเล่นในขณะที่รอนเริ่มหยิบขนมที่คุณนายวีสลีย์วางเอาไว้ให้มาทาน
“ฉันแปลผิดแน่ๆ แล้ววิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดฉันก็ทำแทบไม่ได้เลย
พอคิดดูอีกที...”
“เหมือนจะมีแค่เธอคนเดียวที่กังวลมากขนาดนี้นะเฮอร์ไมโอนี่”
รอนพูด “แล้วถ้าเธอได้ ว.พ.ร.ส. คะแนน ‘ดีเยี่ยม’ ครบทั้งสิบเอ็ดตัวเธอจะไม่อกแตกตายเพราะความดีใจเหรอ!”
“อย่าพูด!” เฮอร์ไมโอนี่โบกไม้โบกมือ “ฉันต้องตกทุกวิชาแน่”
“นั่นเป็นคำพูดที่พวกคนฉลาดเอาไว้อ้างเวลาที่ทำข้อสอบได้เป๊ะทุกตัว”
เฮเลนว่าพร้อมกับยักไหล่ เด็กสาวคิดว่าข้อสอบพวกนั้นง่ายจนแทบหลับตาเขียนได้เลย
ถ้าเฮอร์ไมโอนี่ตกหนึ่งวิชา คงไม่ต้องพูดถึงแฮร์รี่หรือรอน
พวกเขาคงไม่มีโอกาสได้เอ่ยถึงอาชีพมือปราบมารที่ใฝ่ฝัน
“ที่โบซ์บาตง”
เฟลอร์ เดอลากูร์ที่เฮเลนจำได้ว่าเธอมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วอย่างขัดใจนิดหน่อย “เรามีวิธีที่ต่างออกไป
ฉันคิดว่ามันดีนะที่เราได้สอบในปีหกไม่ใช่ห้าแล้วก็...”
คำพูดของเฟลอร์ถูกขัดขึ้นด้วยเสียงกรีดร้องของเฮอร์ไมโอนี่
เด็กสาวผมฟูชี้ไปที่หน้าต่างห้องครัวเมื่อเห็นจุดสามสี่จุดกำลังลอยเข้ามาจากท้องฟ้าและค่อยๆ
ใหญ่ขึ้น
“คงเป็นนกฮูก” รอนพูดทั้งที่ขนมเต็มปาก “แล้วพวกมันก็มาพร้อมกับซองด้วย”
ทั้งสี่รีบลุกจากโซฟาไปเกาะที่ริมหน้าต่าง นกฮูกบินตรงมาที่บ้านโพรงกระต่าย พวกมันเป็นนกฮูกขนาดกลางสี่ตัว แต่ละตัวนำซองจดหมายซองใหญ่มาด้วย แฮร์รี่เลื่อนมือไปเปิดหน้าต่างห้องครัวให้นกฮูกบินผ่านเข้ามาเกาะที่เก้าอี้ตรงโต๊ะทานอาหาร ทั้งสี่เดินไปหาแต่ละตัวเพื่อแกะจดหมายที่ผู้ติดขาของพวกมันไว้ ไม่มีใครในครัวพูดอะไรเลยสักคนแม้กระทั่งเฟลอร์หรือจินนี่ที่เอาแต่นั่งเงียบ
ผลการสอบวิชาพ่อมดระดับสามัญ
คะแนนสอบผ่าน คะแนนสอบตก
ดีเยี่ยม (ด) แย่ (ย)
เกินความคาดหมาย (ก) เลวมาก (ล)
พอรับได้ (พ) โทรลล์ (ท)
เฮเลน
ลิลี่ พอตเตอร์ ได้คะแนนดังนี้
ดาราศาสตร์ ด
การดูแลสัตว์วิเศษ ด
คาถา ก
การป้องกันตัวจากศาสตร์มืด ด
พยากรณ์ศาสตร์ ด
สมุนไพรศาสตร์ ด
ประวัติศาสตร์เวทมนตร์ ด
ปรุงยา ด
แปลงร่าง ก
ตัวเลขมหัศจรรย์ ก
อักษรรูณโบราณ พ
เฮเลนมองกระดาษแข็งวนไปวนมาจนมาหยุดที่วิชาอักษรรูณโบราณที่ได้คะแนน
‘พอรับได้’ มาครอบครอง ดีเท่าไหร่แล้วที่เธอไม่ได้ ‘เลวมาก’ ถึงข้อสอบตอนที่เธอทำจะรู้สึกว่ามันง่าย
แต่บางข้อเด็กสาวก็ไม่ได้มั่นใจกับคำตอบของตัวเองมากนัก
เฮอร์ไมโอนี่ทำท่าคอตกในขณะที่ทั้งสี่คนสลับใบผลสอบกันดูอย่างเริงร่า
ใช่! เด็กสาวผมฟูได้คะแนน ‘ดีเยี่ยม’ สิบตัวและ ‘เกินความคาดหมาย’
หนึ่งตัวจากวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด! ดูท่าเธอจะผิดหวังกับมันมากจนรอนทำท่าหมั่นไส้ไม่ยอมหยุด
แฮร์รี่หัวเราะขบขันกับท่าทางของทั้งสองคน
“ต่อไปเราก็เป็นนักเรียน
ส.พ.บ.ส. กันเต็มตัว!” รอนยิ้มกว้าง “แม่! ยังมีอะไรให้กินอีกไหม”
น่าแปลกใจ...
ทั้งที่รอนไม่ได้คะแนนดีพอที่จะเป็นมือปราบมารแต่เขากลับพอใจกับคะแนนแบบนี้เสียอย่างนั้น
ติดตามตอนต่อไป...
ความคิดเห็น